คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : คำสอนครั้งสุดท้าย(รีไรท์)
หนึ่งเดือนที่ข้าได้รู้จักกับครอบครัวของหมอฮวา ได้เห็นภาพครอบครัวที่อบอุ่นพ่อแม่ลูกที่รักใคร่กันดีบางครั้งก็พาชุนมาดูภาพนี้ด้วยกัน ตอนที่ชุนมองภาพพ่อแม่ลูกพูดคุยหยอกล้อกันชุนยิ้มออกมาด้วยและยังพูดอีกด้วยว่า คนที่จะมาทำลายครอบครัวที่แสนจะอบอุ่นนี่ได้ ต้องคนที่โหดเหี้ยมมากแน่ๆ ข้าก็ไม่ตอบอะไรมันเป็นส่วนตัวและเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่จะจัดการเกี่ยวกับเรื่องนี่ จนเมื่อวันก่อนข้าจับความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลหนึ่งที่เหมือนจะแค่มาดูลาดเลา พอเอาเรื่องนี้ไปบอกท่านหมอฮวา ท่านหมอกลับทำเพียงแค่นิ่งแล้วยิ้มเหมือนยอมรับความตายที่ใกล้จะคืบคลานเข้ามา ขอร้องกับข้าว่าอย่าได้ช่วยตนเองให้ช่วยแต่พ่อค้าฮงกับลูกของนาง
ปลายทางของความตายมันมีอะไรรออยู่หรือไง
ถึงได้ยอมรับมันอย่างเต็มใจ
ไม่ชอบใจแต่ก็เคารพในการตัดสินใจของท่านหมอ วันนี่ข้าก็มาแอบนั่งมองครอบครัวนั่งทานข้าวด้วยกันจากบนต้นไม้
ตัวข้าเองจะไปกินด้วยก็ได้แต่เพราะบางครั้งความวุ่นวายก็มีมากเกินไปบนโต๊ะอาหาร
ข้าขอนั่งมองอยู่เงียบจะดีกว่า ต้นไม้ต้นนี้ค่อนข้างสูงข้ามักจะชอบมานั่งหนังสือ
หรือมานอน ถังอี๋กับไอ๋อั๋นครั้งแรกที่เห็นก็ตกใจใหญ่จนอดหัวเราะไม่ได้
พวกเขาเข้าใจว่าข้าปีนขึ้นไปแล้วลงมาไม่ได้ถึงกับไปเรียกพ่อค้าฮงให้วุ่นวาย
เสียงฝีเท้าและเสียงเนื้อผ้าที่เสียดสีกับพุ่มไม้
เรียกให้ข้าหันไปมองที่มาของเสียง
มันมาจากป่าและมีกันสี่คนและตอนนี่เหมือนจะจ้องรอคอยเวลาที่จะเข้าไปจู่โจม
ข้าไม่กลัวตายหรอกนะเจ้าค่ะ
ที่กลัวที่สุดก็เป็นชีวิตของลูกข้าว่าพวกเขาจะเป็นยังไงเมื่อไม่มีข้าคอยอบรมสั่งสอน
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าข้าเคารพการตัดสินใจของท่านหมอ
ข้าคงจะเข้าไปสังหารพวกเขาในทันที ตามองบุคคลปริศนาซึ่งมากันสี่คน ดูเหมือนจะมีลมปราณอยู่ในระดับจุติ แค่จะมาฆ่าผู้หญิงคนเดียวจำเป็นต้องใช้คนถึงสี่คนเลยหรือไง?? เมื่อสี่คนนั้นวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็วมือกำหมัดแน่น
อยากจะเข้าไปฆ่าสี่คนนั้นแต่ความคิดในใจย้ำเตือนว่านี่ไม่ใช่เรื่องของตนเอง
หน้าที่ของข้ามีเพียงแค่พาเด็กสองคนออกมา เช่นนั้นแล้วพ่อค้าฮงเล่าข้าสามารถพาเขามาอยู่ด้วย
ชุนเองก็คงไม่คิดอะไรอยู่แล้ว
เสียงข้าวของที่ล้มลงและเสียงกรีดร้องเรียกคนเป็นพ่อเป็นแม่ของถังอี๋และไอ๋อั๋น ดูเหมือนข้างในจะมีการต่อสู้เกิดขึ้นจริงสินะหมอฮวาเองก็เป็นผู้ใช้ลมปราณนี่นา
ข้าลมไปสนิทเลย
เมื่อเห็นถังอี๋ไอ๋อั๋นวิ่งออกมา
โดยมีอีกสองคนที่วิ่งตามมาด้วยสองคนนั้นเกือบจะสามารถจับตัวถังอี๋ได้แล้ว
หางจิ้งจอกพุ่งเข้าไปตวัดปลิดชีพพวกมันทันที ก่อนจะวิ่งเข้าไปคว้าตัวเด็กทั้งสอง
แล้วหันไปมองภายในบ้านเผื่อว่าพ่อค้าฮงจะออกมาด้วยแต่ภาพที่เห็นกลับไม่เป็นอย่างนั้น
ร่างบุรุษนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้นที่หลังมีมีด
กระบี่เสียบทิ้งไว้เสียงการต่อสู้ยังดังออกมาข้ารีบอุ้มเด็กทั้งสองวิ่งเข้าไปในป่า
“ท่านหลิ่งเฟย!!?”ไอ๋อั๋นสังเกตว่าเป็นใครที่มาช่วย
แม้รูปลักษณ์จะเปลี่ยนแต่ความรู้สึกและเค้าโครงใบหน้าทำให้รู้ว่าเป็นสหายของแม่ตนเองถังอี๋เมื่อได้ยินไอ๋อั๋นพูดชื่อขึ้นมามือเล็กก็กำหมัดทุบไปที่มือขาว
หวังจะให้ปล่อย
“ปล่อยข้าซะ! ข้าไปช่วยท่านพ่อกับท่านแม่”
เด็กโง่
ตัวแค่นี้จะไปช่วยอะไรเขาได้
เด็กทั้งสองร้องไห้ไปพลางทุบตีมือข้าไป
ข้าไม่คิดจะห้ามเพราะมันไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย
“...ท่านรู้อยู่แล้วใช่หรือไม่”
ไอ๋อั๋นหันมาถามทั้งน้ำตา
ถังอี๋หยุดทุบมือบางครั้งการฉลาดมากเกินวัยมันก็ไม่ดีเท่าไหร่จริงๆ
“ใช่”
คำตอบสั้นๆทำให้ทั้งสองเลิกโวยวายเหลือไว้แต่เพียงแต่น้ำตาที่ยังคงไหลออกมา
ข้าเร่งความเร็วเพื่อไปถึงเรือนมายาอย่างเร็วที่สุด เพราะเด็กสองคนนี้มีบาดแผลในใจเกิดขึ้นมาแล้วแผลหนึ่งหากไม่รีบทำอะไรสักอย่างทั้งสองคนได้ตกอยู่ในวังวนของความแค้นแน่นอนและข้าไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น
“ชุน!! ชุนรีบจัดเตรียมห้องที”
ชุนกระโดดลงมาจากชั้นสามทั้งๆที่ปกติแล้วชุนจะไม่ทำเช่นนี่แสดงว่าชุนเองก็เป็นห่วงเช่นกัน
แม้จะไม่เคยคุยด้วยก็ตาม
ถังอี๋และไอ๋อั๋นหมดสติไปแล้วแต่ใบหน้าทั้งสองอาบไปด้วยน้ำตาทำให้ชุนอดสงสารไม่ได้
“ชั้นสองเลยขอรับท่านหลิ่งเฟย
เดียวข้านำไป”
เมื่อมาถึงที่ห้องที่เตรียมไว้สำหรับเด็กสองคน
ข้าวางทั้งสองคนไว้อย่างนิ่มนวลที่สุด มือเรียวเกลี่ยนน้ำตาที่ยังไหลออกมา
ชุนเข้ามาพร้อมกับถังน้ำอุ่นข้าอยากรู้ว่าอะไรทำให้ชีวิตของท่านหมอถูกปองร้ายกันแน่
“ชุน
ข้าฝากสองคนนี่ด้วยนะ”
“ท่านจะไปที่ใดขอรับ”
ชุนวางถังน้ำลงเดินมาขวางประตูไว้ทั้งๆที่รู้ว่าไร้ประโยชน์
“บ้านของหมอฮวา
ไม่ต้องห่วงข้าหรอกเวลานี้เด็กสองคนนี้อาการน่าเป็นห่วงกว่าอีก”
ชุนเหลือบมองทั้งสองที่ยังไม่หยุดร้องไห้สุดท้ายก็ยอมหลีกทางให้
ข้าแปลงเป็นร่างจิ้งจอกที่มี 7 หางทันทีและแน่นอนว่าขนาดตัวนั้นใหญ่จนร่างแทบจะเท่ากับเรือนมายา
แต่ร่างนี้จะทำให้ไปถึงบ้านของหมอฮวาได้ในเกือบจะทันทีแม้จะเสี่ยงกับการทำให้ผู้อื่นรับรู้ได้ถึงตัวตนของสัตว์เทพอสูรจิ้งจอกก็ตาม
เมื่ออุ้งเท้าเหยียบมาถึงส่วนหลังบ้านของหมอฮวา
กลิ่นเลือดลอยเข้าแตะจมูกทันที
ข้ามาใช้ร่างมนุษย์จิ้งจอกเดินเข้าไปเข้าบ้านทางประตูหลังบ้านที่มีสวนสมุนไพร
ข้าวของกระจัดกระจายรอยเลือดที่กระเซ็นไปทั่วเหมือนจะมีเลือดของคนมากว่าสองคนแต่นั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญเท่ากับศพของพ่อค้าฮงที่นอนแน่นิ่งจมกองเลือดขวางประตูเอาไว้มีกระบี่
มีดปักอยู่เต็มหลังพอพลิกร่างขึ้นมาก็มีบาดแผลเต็มไปด้วยแสดงให้เห็นว่าพ่อค้าฮงพยายามขัดขวางศัตรูอย่างสุดชีวิต
นี่สินะใจของคนเป็นพ่อ
จนกระทั่งสายตาเหลือบไปเห็นร่างสองร่างที่แทบจะสามารถมองทะลุได้แล้วนั่นคงจะเป็นวิญญาณของพ่อค้าฮงกับหมอฮวา
“ท่านกลับมา?” เป็นหมอฮวาที่เอ่ยถาม
สงสัยเพราะเป็นสัตว์เทพอสูรมั้งเลยมองเห็นวิญญาณคนตาย
“ลูกชายทั้งสองของท่านร้องไห้หนักมาก
ข้าคิดว่าจะนำอะไรสักอย่างที่มีค่าแก่สองคนนั้นไปให้ด้วย” ข้าทำเป็นว่าไม่ได้สนใจอยากรู้สาเหตุของเรื่องนี้เลยสักนิด
แต่ที่พูดอย่างหลังก็คิดจะทำจริงอยู่
“ทั้งสองคนปลอดภัยดีสินะเจ้าค่ะ”
ท่านหมอฮวาทำหน้าโล่งอก
แต่ก็ทำหน้าเศร้าในเวลาต่อเมื่อต้องมาคิดถึงภาพลูกชายที่ร่าเริงของตนเองร้องไห้หลังจากนี้
พ่อค้าฮงที่มองออกเอามือมาจับมือของท่านหมอฮวาเพื่อให้กำลังใจ
ข้ามองการกระทำของทั้งคู่ อย่างน้อยก็ได้ตายกับคู่ชีวิตตัวเอง
ก่อนที่ข้าจะเดินสำรวจบ้านหาศพของท่านหมอแต่ทำยังไงก็ไม่พบ
“แล้วร่างของท่านละอยู่ไหน
ข้าจะได้ฝังร่างของพวกท่านไปด้วยกัน”
หมอฮวายิ้มส่ายหน้าเพียงเท่านี้ก็รู้แล้วร่างของท่านหมอถูกนำเอาไปด้วย
เอาไปเพื่ออะไรกัน
"บอกข้าได้หรือไม่ว่าทำไมคนที่ปองร้ายท่านต้องเอาศพของท่านไปด้วย
ถ้าอยากให้แน่ใจว่าท่านตายแล้วจริงๆก็น่าจะมีวิธีอื่นอีกเยอะแยะ"
"เป็นเพราะความรักที่มากจนเกินไปของเขาผู้นั้น
เขาจึงต้องการตัวข้าอย่างที่สุดเจ้าค่ะ ต่อให้ข้าไม่มีลมหายใจแล้วก็ตาม"
คำบอกเล่าสั้นๆข้าสามารถปะติดปะต่อเรื่องนี้ได้อย่างทันที
ข้าจำที่พ่อค้าฮงเล่าว่าท่านหมอฮวาเป็นคนต่างถิ่นมาจากแคว้นโจว และได้ให้การช่วยเหลือมายังที่นี่แสดงว่าความจริงแล้วท่านหมอมีความเกี่ยวพันที่ลึกซึ้งกับใครบางคนที่แคว้นโจวและเขาได้ตามมาเอาชีวิต
เป็นความรักที่บ้าบอ
วิกลจริตซะจริง
“หากเป็นแบบนั้นก็ช่วยไม่ได้
แล้วพวกท่านมีอะไรอยากจะบอก ถังอี๋กับไอ๋อั๋นหรือไม่”
“จงเข้มแข็ง
ข้ามีเพียงเท่านี้ขอรับ”
พ่อค้าฮงฝากคำพูด
ข้าพยักหน้ารับหันไปมองท่านหมอฮวาเพื่อรอฟังคำพูดก่อนจะจากลา
“ข้าเขียนไว้แล้วเจ้าค่ะ
มันอยู่ที่ห้องสมุนไพร”
พ่อค้าฮงหันหน้ามาทางภรรยาตนเองทันที
นี่เขียนจดหมายไว้ก่อนสิ้นชีวิตมีเวลาเขียนจดหมายบอกลาแต่กลับไม่บอกเขาให้เขียนด้วยเนี่ยนะช่างน่าน้อยใจยิ่งนัก
เป็นคู่สามีภรรยาที่ดีจนหลังชีวิตความตายเลยสินะ
ถ้าหากเป็นข้า ข้าจะมีช่วงเวลาแบบนี้เหมือนพวกเขารึเปล่า......
ร่างสองสามีภรรยาค่อยๆจางหายไปทั้งคู่ยิ้มกล่าวลาเป็นครั้งสุดท้าย
จนไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นอีกต่อไปข้าเดินไปที่ห้องสมุนไพรตามที่หมอฮวาบอก ลิ้นชักถูกเปิดออกและปิดเข้าไปอย่างไม่รีบร้อนราวกับต้องการระลึกถึงความทรงจำที่มีเกี่ยวกับบ้านหลังนี้
ภาพครอบครัวที่แสนอบอุ่น ภาพที่เราค่อยเฝ้ามองไม่มีอีกแล้ว...
กึก
ไม่ออก? แสดงว่าอันนี่สินะ
ไม่หากุญแจให้เสียเวลา
ข้าใช้แรงเพียงนิดเดียวกระชากลิ้นชักออกมาเผยให้เห็นข้างในที่มีกระดาษอยู่ในสองแผ่นพับไว้อย่างเรียบร้อย
แผ่นหนึ่งมันจาหน้าถึงข้า
หลังจากที่ข้าได้อ่านจดหมายของตนเองจนจบข้าก็ได้รู้เรื่องราวของท่านหมอที่น่าเอาไปแต่งนิยายขาได้เลย
หลังจากนั้นก็ทำหลุมฝังศพให้พ่อค้าฮงกับหมอฮวาที่สวนสมุนไพร ถึงจะไม่มีร่างของท่านหมอฮวาแต่ก็เอาชุดของท่านหมอฮวาที่ดูสวย
หรูหราต่างจากชุดของชาวบ้านทั่วไปมาฝังแทน
ชุดนี้ก็คงจะเป็นชุดตอนที่ท่านหมอออกมาจากแคว้นโจว
ของที่จะเอาให้ทั้งสองคนเป็นกระบี่ไม้ตำราของท่านหมอฮวาที่หมอฮวาเป็นคนเขียนขึ้นมาเอง
เอาสองอย่างนี่ไปให้เด็กๆคงจะอุ่นใจขึ้นละมั้ง
ก่อนจะจากไปข้าหันหลังไปมองบ้านของหมอฮวาอีกครั้ง
มันเป็นเพียงแค่บ้านหลังเล็กแต่ก็ไม่ได้ให้รู้สึกคับแคบ
แต่มันเป็นที่ทำการรักษาของท่านหมอฮวาโดยไม่เรียกค่าตอบแทนที่สูงมากเป็นบ้านที่มีครอบครัวอบอุ่น
ครอบครัวที่เราเคยวาดฝันไว้นานเมื่อชาติที่แล้ว
..........
ไว้วันหลังจะเอาตำราไปให้หมดนะท่านหมอ
ก่อนที่ข้าจะแปลงเป็นจิ้งจอกวิ่งหายเข้าไปในป่าโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญมาหาถึงที่
.
.
.
“ถังอี๋ไอ๋อั๋น!! หนีไปซะ !” เสียงของคนที่เป็นมารดากำลังถือกระบี่เล่มหนึ่งหันหลังให้ทั้งสองคน
เพื่อสู้กับคนปริศนาหลายคนที่ปิดหน้าตาบุกรุกเข้ามาในบ้าน
ข้าไม่เคยเห็นท่านแม่จับกระบี่มาก่อนเลย
ไอ๋อั๋นคิดในใจ
สายตามองผู้เป็นแม่ของตนเอง
แต่มือดึงคนเป็นพี่ให้วิ่งหนีออกมาจากตรงนั้นเพราะขืนยังอยู่ตรงนี่ไปก็เป็นได้แค่ตัวเกะกะ
“ท่านแม่!!” ถังอี๋เรียกแม่ตนเอง พยายามจะเข้าไปช่วยแต่เพราะไอ๋อั๋นดึงตัวเองไว้
หมอฮวาเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยังไม่ไปไหน
จึงตะโกนเรียกสามีตัวเองให้พาลูกชายสองคนออกไป
“ฮงพาลูกๆหนีไปซะ !!”
“มาทางนี้
เร็วเข้าไปที่ประตูหลังที่ต้นไม้จะมีคนมาช่วยลูก”
ฮงจูงมือทั้งสองวิ่งออกมาจากห้องทานข้าวเหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก
ยังไม่พ้นจากห้องรู้ตัวอีกทีคือมือของคนเป็นพ่อนั่นได้ปล่อยมือลง
ถังอี๋หันหลังไปมอง และได้เห็นร่างของพ่อตัวเองถูกกระบี่สองเล่มเสียบทะลุร่าง
“ท่านพ่ออ!!!”
“ไป!!! “
หมอฮวาตะโกนบอกเสียงแข็ง
ก่อนจะแกว่งกระบี่ ปัดมีดของอีกสองคนแต่ก็โดนมีดอีกเล่มปักตรงท้องถึงกระนั้นก็ยังไม่ยอมล้ม
จี้จุดสกัดการเคลื่อนไหวอีกคนหนึ่ง
พ่อค้าฮงที่ไม่ยอมล้มลงด้วยอีกคนจับบุคคลปริศนาทั้งสองไว้แน่นถึงจะโดนแทงอีกหลายครั้งก็ตาม
ไอ๋อั๋นทนเห็นภาพดั่งกล่าวไม่ได้มือดึงถังอี๋ให้วิ่งออกมาตรงนั้นอย่างสุดแรงเพราะความกลัว
“เร็วเข้าไปที่ต้นไม้”
ถังอี๋ที่วิ่งหันหลังให้พ่อแม่ของตน
เพราะความหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า รีบวิ่งไปที่ประตูหลังบ้านอย่างรู้ทาง
เมื่อเห็นต้นไม้ใหญ่ที่มักจะคนคนหนึ่งจะมาหลับไม่ก็นั่งอ่านตำราอยู่เสมอ
แต่ตอนนี่ไม่มีผู้ใดอยู่เลยเสียงฝีเท้าจากด้านหลังดังขึ้นเรื่อยๆสองเท้าพยายามเร่งความเร็วในการวิ่งก่อนที่มือของนักฆ่าจะเอื้อมมาถึงตัวเด็กได้ของเหลวอุ่น
กลิ่นเหมือนโลหะก็กระฉูดออกมาจากด้านหลังก่อนที่ร่างกายจะถูกใครบางคนอุ้ม
เป็นสตรีผมสีเงินตาสีเงินใบหน้าดูเฉยชาแต่ความรู้สึกที่คุ้นเคยจากสัมผัสทำให้ไอ๋อั๋นพูดชื่อของคนที่เขาคิดว่าน่าจะใช่
“ท่านหลิ่งเฟย?” นัยน์ตาสีเงินเหลือบมองแสดงว่าเป็นสหายของท่านแม่จริงๆ
แต่ทำไมนางถึงมีรูปลักษณ์เช่นนี้นางไม่ใช่มนุษย์หรือ
ไม่สิทำไมคนที่น่าจะช่วยพวกเขาถึงเป็นท่านหลิ่งเฟยแทนที่จะเป็นเพื่อนบ้านไม่ก็ทหารหรือว่าที่ท่านพ่อบอกให้ไปที่ต้นไม้เพราะรู้ว่าท่านหลิ่งเฟยจะมาช่วย
"ท่าน..รู้อยู่แล้ว"เสียงสั่นเครือ
ถังอี๋ที่ได้ยินดังนั้นเงยหน้ามามองคนอุ้มพาวิ่งเข้าไปในป่า
"ใช่"
"ปล่อยข้านะ!
ข้าต้องไปช่วยท่านพ่อกับท่านแม่!" ถังอี๋ที่เริ่มรู้ตัวว่าตอนนี้กำลังเข้าในป่าลึกขึ้นเรื่อยๆทุบแขนคนช่วย
ท่านแม่กับท่านพ่อถูกใครที่ไม่รู้ทำร้ายถ้าตนเองไปตอนนี้ล่ะก็
ต่อให้เป็นเด็กก็น่าจะช่วยพวกเขาได้บ้างน่าจะช่วยให้ท่านพ่อท่านแม่ได้มีเวลาหนี
แต่คนช่วยกลับพูดตัดความหวัง
"เจ้าไปช่วยพวกเขาไม่ได้หรอกถังอี๋"
เด็กชายตวัดตามองทันทีตั้งใจจะเถียงกลับแต่ก็ต้องหยุดเมื่อได้หยาดน้ำที่คลอดวงตาคู่งามคู่นั้น
นางรู้อยู่แล้ว
และรู้ว่าต่อให้ไปตอนนี้ก็ไม่สามารถช่วยใครได้อีก
"ท่านพ่อ..ท่านแม่ข้าขอโทษ"ไอ๋อั๋นขอโทษทั้งน้ำตาที่ทิ้งให้พวกเขาต้องรับมือกับนักฆ่าก่อนจะเริ่มรู้สึกปวดหัวและภาพของค่อยๆมืดลง
ไอ๋อั๋น...
ไอ๋อั๋นถ้าเจ้ายังไม่ตื่นข้าจะตบหน้าเจ้าแล้วนะ
ไอ๋อั๋นที่รับรู้ได้แรงเขย่าค่อยๆลืมตาตื่นเห็นถังอี๋กำลังง้างมือจะตบลงมาตามที่พูดจริงๆ
“ข้าคิดว่าเจ้าจะตายแล้วซะอีก”
“....................”ไอ๋อั๋นพูดไม่ออกกับคำพูดไม่เป็นมงคลของพี่ชาย
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเราอยู่ที่ไหน”
ไอ๋อั๋นลุกขึ้นมานั่งมองรอบตัวเป็นห้องที่กว้างมากกว่าที่บ้านของตนเองแต่ทั้งห้องก็มีเพียงแค่เตียงกับโต๊ะและพอลองนึกเหตุการณ์ที่ตนเองไม่อยากจะนึกเดาได้ไม่ยากว่าที่นี่จะเป็นบ้านใคร
“ข้าว่านี่น่าจะเป็นบ้านของท่านหลิ่งเฟย”
เมื่อคืนมันเหมือนจริงจนไม่น่าจะใช่ความฝัน
ถึงอยากจะให้มันเป็นความฝันแต่กลิ่นเลือดที่ยังติดจมูกช่วยย้ำเตือนความเป็นจริง
“เมื่อคืนมันคือความฝันใช่มั้ย..”
ถังอี๋อยากให้สิ่งที่ตนเองเห็น
เป็นเพียงแค่ความฝัน หรืออาจเป็นท่านพ่อที่มักจะชอบแกล้งอยู่เสมอสร้างฉากละครนี่ขึ้นมาก็ได้
เพื่อเรียกร้องความสนใจจากท่านแม่
ไอ๋อั๋นมองคนเป็นพี่ความเป็นจริงก็อยากให้เป็นความฝัน
แต่ทุกๆอย่างมันเหมือนจริงมาก
“ข้าก็อยากให้มันเป็นแค่ความฝัน”เมื่อตื่นขึ้นมาก็เจอท่านพ่อกำลังอ้าปากหาว เจอท่านแม่กำลังจัดโต๊ะอาการ
"ข้าขอเข้าไปนะ"
ถังอี๋
ไอ๋อั๋นหันตามเสียงทันที
เป็นบุรุษรูปงามร่างโปร่งเดินยืนอยู่หน้าประตูในมือถือถาดที่ดูเหมือนจะมีถ้วยชาสองใบและกระดาษใบหนึ่ง
ชุนเดินมาที่โต๊ะข้างเตียงเหลือบมองเด็กทั้งสอง
ถังอี๋กางแขนกำบังไอ๋อั๋นเพราะว่าไม่กล้าที่จะไว้ใจคนแปลกหน้าชุนมองปฏิกิริยาของถังอี๋อย่างเงียบๆ
ก่อนจะวางถาดลงที่โต๊ะ
“ข้าจะนำอาหารมาให้ พวกเจ้าคงหิว
แต่ตอนนี่ก็ดื่มสมุนไพรบำรุงไปก่อนเถอะนะ ส่วนกระดาษใบนี่เป็นจดหมายจากแม่พวกเจ้า”
พูดเพียงแค่นี้ก่อนจะให้เดินออกไปอย่างสงบ ถังอี๋รีบหยิบกระดาษขึ้นมาทันทีเมื่อบุรุษที่ไม่คุ้นหน้าเดินออกไป ไอ๋อั๋นเขยิบร่างกายเข้ามาอ่านด้วยคน
‘จดหมายฉบับนี่เขียนขึ้นเพราะอยากให้ลูกๆได้รู้ความจริงของแม่ที่เป็นคนต่างถิ่นเพื่อให้ลูกได้คิดและเข้าใจการกระทำของแม่
แม่เกิดและโตที่แคว้นโจวทำงานเป็นผู้ช่วยหมอ จนได้มีความรักกับท่านอ๋องผู้หนึ่ง ไม่สิ ตอนนั้นข้ากับท่านอ๋องเราสองคนรักกัน ท่านอ๋องเป็นผู้ชายที่แม้อาจจะไม่ใช่คนนุ่มนวลหรือปากหวานเหมือนพ่อของพวกเจ้า แต่ก็เป็นคนที่อบอุ่นเอาใจใส่แม่เสมอ แต่ท่านอ๋องก็คือท่านอ๋องช่วงเวลาที่แม่กำลังมีความรักเกิดการแย่งชิงบัลลังก์กัน แม่ไม่รู้หรอกว่าใครเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่หลังจากนั้นแม่ไม่อาจทนความโหดในศึกแย่งชิงบัลลังก์และความโหดร้ายของท่านอ๋องที่มีเพิ่มมากขึ้นในทุกๆวัน จนความอดทนของแม่มาถึงขีดสุด
เมื่อท่านอ๋องสังหารท่านหมอหลวงผู้ที่เป็นเหมือนพ่อของแม่
ด้วยเหตุผลที่ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการลอบทำร้ายไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม
แม่ไม่สามารถทนความโหดร้ายของการแย่งชิงอำนาจได้อีกต่อไปได้แล้ว
และเมื่อแม่ได้เห็นสายตาของท่านอ๋องในเวลานั้นมันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
เขาต้องหวาดระแวงกับทุกสิ่ง แม่เข้าใจทันทีว่าหากแม่ยังอยู่กับเขา
เพราะความรักและหวาดระแวงจะทำให้ท่านอ๋องผู้ที่แสนจะอบอุ่นคนนั้นแปรเปลี่ยนเป็นคนโหดร้ายอย่างถึงที่สุดจนไม่อาจควบคุมตนเองได้ในสักวัน
และไม่เพียงแค่นั้นมีผู้อื่นที่หวังร้ายต่อท่านอ๋องคิดจะใช้แม่เป็นจุดอ่อนเพื่อสังหารคนที่แม่รัก
แม่จึงเลือกที่จะหนีออกมาจากที่นั่น
ตอนที่แม่กำลังซ่อนตัวอยู่ในป่าแถบชายแดนแคว้นหยาง
แม่คิดว่าท่านอ๋องเจอตัวแม่แล้วเพราะเขาถามแม่ซ้ำไปซ้ำมาท่ามกลางสายฝนว่าจะกลับไปหาเขาหรือไม่
แม่ไม่พูดออกไปซ่อนตัวเองอยู่ในโพรงไม้ทั้งน้ำตา
ใจแม่รักแต่ขณะเดียวกันแม่ก็กลัวที่ต้องกลับไปเห็นภาพพวกนั้นอีกจนแม่ได้ยินเสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่งว่า
จะให้เวลาแม่สิบปีกับอิสรภาพชั่วคราวและเมื่อถึงตอนนั้นแม่ยังไม่กลับไปหาเขา
ก็จะออกตามหาแม่เพื่อพาตัวกลับไปอยู่เคียงข้างต่อให้แม่จะไม่เต็มใจก็ตาม
หลังจากนั้นพ่อของพวกเจ้าก็เจอแม่และพาแม่มาอยู่ด้วยแม่เลือกที่จะไม่สนใจคำกล่าวทิ้งท้ายที่ได้ยินในวันนั้นและเลือกจะอาศัยอยู่ที่เมืองต้าหลั่งคอยรักษาผู้คนจนได้มีพวกเจ้า
วันที่แม่รู้ตัวว่าตัวเองท้องไม่กี่วันต่อมามีจดหมายพร้อมกับดอกบัวอบแห้งวางอยู่บนโต๊ะ
เป็นจดหมายจากท่านอ๋องที่ตอนนี้ได้กลายเป็นผู้ปกครองแคว้นโจวแม่รู้ทันทีว่าชีวิตของแม่อยู่ในกำมือเขา
อยากจะหนีไปให้ไกลแต่ในขณะเดียวกันแม่พึ่งรู้ตัวว่าแม่คิดถึงท่านอ๋องมากเพียงใดแม่รู้สึกผิดมากที่มีลูกกับชายที่ไม่ได้รักแต่พวกเจ้าไม่เกี่ยว
พวกเจ้าเป็นคือของขวัญที่ทำให้แม่ได้เรียนรู้ถึงคำครอบครัว
พ่อของเจ้าทำให้ได้เรียนรู้ถึงคำว่ารักโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
ขอเพียงแค่พวกเจ้ามีชีวิตรอดแม่ก็ไม่ต้องการอะไรแล้วแต่พ่อของพวกเจ้าช่างดื้อด้านบอกว่าจะขอตายพร้อมกับแม่จะไม่ปล่อยให้แม่ต้องอยู่คนเดียว
แม่ยอมที่จะตายดีกว่ากลับไปในนรกที่นั่น
ถังอี๋ไอ๋อั๋นถ้าเจ้ากำลังอ่านจดหมายนี้อยู่ช่วยรับคำขอร้องอย่างหนึ่ง
โปรดอย่าได้คิดแก้แค้นใคร
อย่าได้เกลียดชังผู้ใดจนมันย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง
เมื่อพวกเจ้ายังมีชีวิตพวกเจ้าจะพบเจอผู้คนมากมาย
เจอกับสิ่งที่ไม่เคยเห็นแม่หวังจะให้พวกเจ้าเป็นคนดีได้ทำสิ่งที่ตนเองชอบ
เพราะชีวิตเรานั้นมันสั้นจนรู้ตัวอีกทีบางอย่างเราก็ย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว
ชู เหลียฮวา'
"ข้าไม่เข้าใจเลยไอ๋อั๋นทำไมท่านแม่ต้องรักคนที่ทำร้ายตัวเองด้วย"
หยดน้ำตาหยดใส่หน้ากระดาษจนน้ำหมึกเลอะเลือนไอ๋อั๋นเช็ดน้ำตา
ไม่ได้มีเพียงแค่ถังอี๋ที่ไม่เข้าใจแม้กระทั่งตนเองก็เข้าใจเหมือน
ท่านอ๋องนั้นเป็นใครถ้ารักท่านแม่จริงก็ไม่ควรทำร้ายกันแบบนี้สิ
"ข้าก็ไม่เข้าใจ
แต่ว่านะถังอี๋ข้าว่าท่านแม่กำลังขอให้พวกเราปล่อยวางจากเรื่องนี้"
ไอ๋อั๋นกอดพี่ชายตนเองเพื่อปลอบโยนถังอี๋เช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด
ไม่มีอีกแล้วคนที่จะคอยสั่งสอนและดูแลพวกเขาอย่างอบอุ่น
ความคิดเห็น