คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : เผาได้เผาเลย
มันเป็นคำสาปที่ไม่สามารถแก้ได้ในตอนนั้นด้วยอะไรหลายๆอย่าง แพนโดร่าจึงเลือกที่ให้เจสซิก้าที่อยู่ตรงนั้นรับพลังของราชาไป หรือก็คือการฆ่า และพ่อของเจสซิก้ารักประชาชนยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดจนลืมไปว่าเด็กอายุ 12 ปีนั้นไม่มีทางทำใจได้แน่ๆกับการตายของคนเป็นพ่อ
"เฮ้อ หนูไม่รู้หรอก"
เจสซิก้าตอบคำถามในตอนแรก เป็นความจริงเธอไม่รู้หรอกว่าอยู่ที่นี่แล้วมีความสุขรึเปล่า เพราะมันก็เหมือนเดิมเปิดร้านบาร์ รู้จักกับคนใหม่ๆ และพูดคุยกันให้พูดถึงความแตกต่างก็คือที่นี่ไม่มีใครจะมาเป็นศัตรูกับเธอ และตัวเธอเองก็ไม่จำเป็นต้องทำหน้าที่ของราชา
นั้นสินะมีชีวิตแบบนี่ก็ไม่เลว ไม่ต้องมาทำหน้าเครียด ไม่ต้องมาใส่ใจกับคนหมู่มากให้เหนื่อย
"แล้วเจคละ"
"ก็อยู่ที่นี่มันรู้สึกดีกว่า เพราะว่าหากผมยังอยู่ที่โลกเดิมผมคงจะปวดหัวกับการสอบการเรียนแน่นอน อยู่ที่นียังจะดีกว่าอีก"
เจคพูดระบายถึงความลำบากออกมา เจสซิก้ามองคนบ่นว่าขี้เกียจเรียน ไม่อยากเรียนหนังสือแต่สุดท้ายแล้วเจคก็มักจะส่งงาน อ่านหนังสือก่อนสอบอยู่เสมอ
จบไปแกก็ไม่ได้เรียนแล้วเจค
"สรุปว่าที่นี่ดีกว่าโลกเดิมสินะ"
"คุณจะทำอะไร?"
เจสซิก้ามองผู้ให้กำเนิดอย่างไม่ไว้ใจ แต่ไรแต่มาเพราะเจสซิก้าเคยอาศัยอยู่แพนโดร่าตอนเด็กๆ ทำให้รู้ดีว่าอย่าไว้ใจคนนี่ให้มากไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม
"เจสซิก้าเอาพลังขอกราชาคืนมาซะ ฉันไปพูดกับคุณย่าของเธอให้แล้วนะ"
เอ๊ะ.... งงคะงง
"เดียวนะที่คุณมาที่นี่เพื่อจะมาเอาพลังราชาคืนงั้นเหรอ! แปลว่าคุณไม่ได้มาหาเพราะเป็นห่วงจริงๆสินะ"
เจคโวยวายแทนเจสซิก้า อุคส่าห์หลงคิดว่าเพราะเป็นห่วงเลยยอมมาหาถึงที่ แถมยังเป็นต่างโลกไม่คิดเลยว่าที่มาหาเพื่อที่จะมาเอาพลังของราชา
เป็นคนยัดเยียดให้แท้ๆ
"ถ้าหากพวกเธออยากอยู่ที่นี่ก็ต้องคืนพลังราชา แต่หากไม่ฉันคงต้องพาเจสซิก้ากลับไป ส่วนเจคฉันไม่มีปัญหาอะไรมากหรอกนะ"
ถ้าฉันกลับไปฉันก็จะอยู่ในฐานะเดิมเป็นเจ้าของร้านบาร์ที่เบื้องหลังเป็นผู้ถือครองพลังของราชา และคอยปกป้องประเทศอย่างเงียบๆ แต่ว่าอีกไม่นานฉันก็กำลังจะแต่งงาน ฉันไม่อยากไป แต่ฉันก็ไม่อยากเสียพลังไปเช่นกัน
"เจสซิก้าคิดให้ดีๆนะ ต่อให้เธอมีพลังของราชายักษษาแต่ว่ามันไม่สามารถใช้กับที่นีได้ และที่ประเทศของเราก็จำเป็นต้องมีพลังของราชาคอยค้ำจุนประเทศ และเผ่าพันธ์ุ"
แพนโดร่าที่เหมือนอ่านความคิดของเจสซิก้าพูดเหตุผลให้ฟัง เจคพูดไม่ออกทันทีเพราะมันคือเรื่องจริง แต่ยังไงซะก็ควรจะพูดว่าเพราะเป็นห่วงไม่ใช่หรือไง
"เธอต้องเลือกแล้วล่ะเจสซิก้า โอกาสมีแค่ครั้งเดียว เธอจะยอมคืนพลังของราชาเพื่อแลกกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่หรือไม่"
........ถ้าฉันคืนให้ ก็คงเหมือนเดิมฉันก็ยังเป็นเจสซิก้าเหมือนเดิม แต่ถ้าฉันไม่คืนให้ฉันก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมอยู่ดี
...... นี่คือโอกาสที่เราจะเลือกเส้นทางที่แตกต่างไปจากเดิมได้
"ตกลง ฉันคืนให้อุตส่าห์ได้มีโอกาสเลือกทั้งที"
เจสซิก้าแทนตัวเองว่า ฉัน เป็นการบ่งบอกการตัดสินใจนี่คือการตัดสินใจในฐานะผู้ที่มีพลังเป็นครั้งสุดท้าย ยังไงซะแค่ตัวตนของเจสซิก้าก็ถือว่าเหนือธรรมชาติมากสำหรับโลกนี่ ในกำแพงนี่ พลังราชาที่ใช้การไม่ได้ฉันจะเก็บเอาไว้ทำไมละ
"แม่ดีใจนะที่ลูกเลือกเส้นทางนี่"
"แล้วก็มีเรื่องขอร้องอย่างหนึ่ง ช่วยอยู่ต่อจนถึงพรุ่งนี่ได้มั้ย หนูอยากให้แม่เห็นเจ้าบ่าวหนู"
เจสซิก้ากลับมาเป็นลูกสาวเหมือนเดิม คำขอร้องทำให้เจคต้องมองตาค้าง คิดว่ากำลังขออะไรอยู่ให้ผู้หญิงที่มีสามีหลายคนไปพบกับผู้ชายที่จะเป็นสามีเนี่ยนะ! เดียวเอลวินก็ถูกคาบไปกินหรอก!
"ออ ที่แม่มาที่นี่ก็เพราะเรื่องงานแต่งหนูยังไงละ ไม่ต้องห่วงแม่คิดว่าจะค้างที่นี่จนถึงวันแต่งงานเลยล่ะ"
"เดียวสิ นี่คุณไม่รีบกลับรึไง!"
"เรื่องงานบริหารบ้านฉันโยนให้เจ้าลูกชายที่เป็นน้องชายพวกเธอทำนะ ต้องฝึกตั้งแต่เล็กๆโตไปจะได้ทำเป็น"
ประเทศชาติไม่ใช่แบบฝึกหัดท้ายหนังสือเรียนนะเว้ย/เจค
น้องๆของเราคงต้องทำใจที่มีแม่แบบนี่/เจสซิก้า
"แล้วคนที่จะเป็นราชาของประเทศยักษษาละ"
"ก็คุณย่าของลูกไง เห็นยังมีเรี่ยวแรงดีขนาดที่ว่าพอรู้ว่าแม่ส่งพวกลูกมาที่นี่ นางก็ใช้พลังอัคนีลาวาฟาดแม่ไม่หยุดมือเลย ไหนๆนางก็เคยเป็นราชาเป็นอีกรอบจะเป็นอะไรไป"
แพนโดร่าเล่าอย่างติดตลก เจคเอามือกุมขมับปวดหัวคนรอบข้างแพนโดร่าแทนไม่คิดว่าแพนโดร่าจะกล้าใช้ให้แม่สามีตนเองที่ไม่ถูกกันอยู่แล้วเป็นคนรับพลังต่อจากเจสซิก้า ไม่สนเลยสินะว่าใครเป็นใคร
"ฮุ ฮ่า ฮ่าจริงหรือเนี่ย ให้ยายแก่หน้าตึงจะเป็นราชา ไม่รู้จะสงสารหรือจะขำแล้วฮ่า ฮ่า"
เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขใจออกมาจากหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงาน ให้อดีตราชาเป็นราชาต่อคิดได้ยังไงกัน ให้ตายสิผู้หญิงคนนี่ใช้อะไรได้ก็เอามาใช้จริงๆ
"เอาเถอะ ถ้าอย่างนั้นหนูจะไปจัดการเตรียมห้องให้นะ โชคดีเลยนะที่มีห้องว่างอยู่ห้องหนึ่ง"
"ไม่ต้องหรอก แม่จะนอนกับเจค"
เหมือนมีเสียงฟ้าผ่าตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเห็นว่าผู้หญิงคนนี่จะสนใจเจคด้วย เจคได้มองคนเป็นแม่อย่างอึ้งๆงงๆ จะเป็นเพราะตัวเองหน้าตาดีหรือตัวเองหน้าตาเหมือนพ่อที่เป็นสามีอีกคนหนึ่งของแม่ แพนโดร่าเลยคิดจะนอนด้วยไม่ว่าจะอย่างไรก็เดาไม่ออกจริงๆ
"ไม่ต้องมานอนกับผมหรอก ห้องว่างก็มีตั้งห้องหนึ่ง"
"แม่ลูกนอนด้วยกันมันไม่ดีหรือเจค"
ไม่ดีอย่างแรง!!
"แม่อยากจะชดเชยหลายๆสิ่งที่ลูกไม่ได้รับจากแม่ ในตอนนี่ถึงจะช้าไปแต่ก็ยังกว่าที่แม่จะไม่ได้ทำให้เลย"
"แต่ผมโตแล้นะ"
"แล้วยังไงละ"
เจคกุมหน้าตัวเองอย่างกลุ่มใจสรุปคือไม่ว่าจะยังไงผู้หญิงคนนี่ก็จะมานอนด้วยกันให้ได้สินะ ถ้าคนอื่นรู้โดนล้อไปจนตายแน่
"งั้นฉันขอไปนอนด้วยคนนะ นอนกันสามคนอบอุ่นกันจะตาย"
เจสซิก้าที่หัวเราะมาสักพักพูดติดตลกด้วยอีกคน
"ไม่ต้องเลยเจสซิก้า เตียงฉันก็ใช่ว่าจะกว้างถ้าจะมานอนด้วยเธอนะนอนพื้นไปเลยไป"
"ฉันเข้าไปแล้วนะเอลวิน"
ฮันซี่เคาะประตูตามมารยาทก่อนจะเข้าไปในห้องทำงาน เอลวินมองหน้าเพียงแปปเดียวก่อนจะก้มลงไปอ่านเอกสารต่อ
"วันนี่นายมีนัดไม่ใช่เหรอ ทำไมยังอยู่ที่นี่อีกละ"
"ดูเหมือนว่าเธออยากจะให้ฉันแต่งงานเร็วๆจังเลยนะฮันซี่"
ฮันซี่ยิ้มอย่างมีเลห์นัยทำไมจะไม่อยาก เอลวินนั้นทำงานหนักมาก็มาก จนแทบไม่มีเวลาไปสังสรรเลยยิ่งเรื่องชีวิตครอบครัวยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะเอลวินไม่เคยพูดถึงเรื่องนี่ให้ฟัง ทั้งวันมีแต่เรื่องแผนการกองทัพ ในฐานะเพื่อนร่วมงานก็อยากจะให้เอลวินได้มีชีวิตที่เหมือนคนธรรมดาทั่วไปมีครอบครัวเหมือนคนอื่น
"คุณเจสซิก้าเองก็ดูเป็นคนดีนะ ถ้าหากไม่นับเรื่องที่เธอพังรั่วกั่นเมื่อวาน"
"ฉันแค่ต้องการให้เธออยู่ในสายตาของเรา มีอีกหลายๆอย่างที่ยังเป็นปริศนาอยู่"
"แต่งงานกันแล้วจะทำยังไงต่อละ"
ราวกับว่าคำถามนี่แทงใจดำ เอลวินวางเอกสารลงตัวเองก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี่มาก่อนอะไรมันก็ช่างรวดเร็วเหลือเกินรู้ตัวอีกทีก็ถอดตัวไม่ได้แล้ว ถึงเจสซิก้าจะเสนอทางเลือกให้อยู่หลายทางแยกกันอยู่หรือจะอาศัยด้วยกันถ้าจะอาศัยด้วยกันเอลวินก็นึกไม่ออกจริงๆว่าควรทำตัวยังไง ถ้าแยกกันอยู่เอลวินก็จะไม่รู้อีกว่าเจสซิก้าจะไปไหนมาไหน หรือทำอะไรอยู่
"นี่อย่าบอกนะว่านายยังไม่ได้คิด"
"อย่าลืมสิว่าเธอเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคนนอกกำแพง"
"งั้นอยู่ด้วยกันไปลยสิ นายจะได้จับตาดูเธอไปด้วย"
รีไวล์ที่ได้ยินในตอนแรกเปิดประตูเข้ามาร่วมวงสนทนาพร้อมกับมิเกะ เพราะเจสซิก้ารีไวล์ถึงได้เห็นสีหน้าอื่นๆของเอลวินในทางอึดอัดใจ และเพราะเจสซิก้าหน่วยสำรวจที่วันๆมีแต่เรื่องพูดคุยเรื่องการออกสำรวจครั้งต่อไปว่าจะมีคนตายกี่คน กลายเป็นเรื่องของเอลวินกับเจสซิก้าในหลายๆด้าน ไหนจะเจ้ากระต่ายที่เรียกรอยยิ้มอย่างสุขใจของทหารอีก ถ้าแต่งงานแล้วมีแต่เรื่องดีๆเข้ามา ก็แต่งงานไปเถอะเอลวินคิดซะว่าสละตัวเองเพื่อลูกน้อง
"เธอมาแล้ว"
มิเกะที่ได้กลิ่นของเจสซิก้ากำลังเดินมาพร้อมกับใครบางคนที่ไม่ได้เคยได้กลิ่นมาก่อน ฮันซี่กับรีไวล์ที่คิดจะเดินไปทำงานในส่วนของตนเองต่างก็ถูกเอลวินดึงตัวเอาไว้ด้วยเหตุผลที่ว่าอยู่สังเกตด้วยกันก่อน ส่วนมิเกะอ้างว่าจะเดินออกไปรับเจสซิก้า
"นายไม่เคยเป็นแบบนี่เลยนะเอลวิน"
รีไวล์ที่ถูกเอลวินเข้าร่วมหน่วยสำรวจอย่างไม่เต็มใจในตอนแรก พูดขึ้นอย่างแปลกใจแค่ผู้หญิงคนเดียวที่เป็นผู้ต้องสงสัยสามารถทำให้เอลวินแสดงอาการออกมาในท่าทางแปลกๆออกมาได้
"อรุณสวัสดิ๋เอลวิน วันนี่ฉันพาคนหนึ่งมาหานายด้วย"
เจสซิก้าโผล่หัวออกมาทักทายโดยที่ยังไม่โชว์ตัว ก่อนจะมีเสียงๆหนึ่งพูดว่ทำไมยังไม่เข้าไปอีก ก่อนที่จะผลักเจสซิก้าในชุดกระโปรงที่ดูจะธรรมดาแต่ดูแปลกใจในสายตาของเอลวินที่โดยปกติแล้วเจสซิก้าจะใส่ชุดเหมือนผู้ชายมากกว่า
"ขอโทษแทนลูกสาวตัวแสบของฉันด้วย เธอไม่ชอบใส่กระโปรงมาตั้งแต่เด็กแล้ว"
"ใส่กระโปรงแล้วมันรุ่มร่ามจะตาย โอย อย่าหยิกสิ"
แพนโดร่าหยิกเจสซิก้าอย่างหมั่นเขี้ยว ใส่กระโปรงแล้วมันรุ่มร่ามแล้วมันจะทำไมละ เสน่ห์ของผู้หญิงมีเท่าไรใช้ให้หมดสิ! อยากได้สามีไม่ใช่หรือไง
"สวัสดีครับ ผมเอลวิน สมิธ"
เอลวินกล่าวแนะนำตัวเองทันที ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผู้หญิงที่มากับเจสซิก้าคือมารดาที่เป็นคนให้กำเนิด ด้วยหน้าตาที่เหมือนราวกับว่าถอดแบบออกมาจากคนๆเดียวกัน
"เอลวิน สมิธ ? หรือว่านายจะเป็นลูกชายของศาตราจารย์สมิธ"
"คุณรู้จักพ่อผมด้วย?"
"ก็....ตอนนั้นก็แค่อยากรู้อยากลองนะ มันก็ผ่านมานานแล้ว"
ที่ผ่านมานานเนี่ยมันกี่ปีกันแม่!!
"ฉันแพนโดร่า ธีอา แอตลัส เป็นแม่ของเจสซิก้าเอง เมื่อวานต้องขอโทษด้วยที่เรียกเจสซิก้ากลับไปกระทันหัน พอดีว่ามีเรื่องด่วนเล็กน้อย"
"ฉัน หัวหน้าหมู่ ฮันซี่ โซเอะ ยินดีที่ได้รู้จัก "
"ฉันรีไวล์"
แพนโดร่าพยักหน้ายิ้มแทนคำพูด ใบหน้าทีมีเครื่องสำอางเล็กน้อยกับบรรยากาศรอบตัวที่ราวกับว่ามาจากชนชั้นสูงจริงๆ ทำให้ฮันซี่อดคิดไม่ได้ว่าบางทีเจสซิก้าอาจจะเป็นคนในกำแพงที่มาจากชนชั้นสูงจริงๆ
"ไม่ต้องห่วงฉันอยู่ไม่นานหรอก วันนี่ก็แค่เอาของขวัญมาให้ เพราะหากฝากเจสซิก้ามีหวังมาไม่ถึงมือเธอแน่นอน"
เจสซิก้าหลบหน้าหนี ก็แน่ละของขวัญที่ว่าเป็นแหวนเงินโบราณแกะสลักที่มีเพรชประดับไว้อยู่ ต่อให้ดูธรรมดาแต่ความประณีตความบรรจงนั้น สามารถบ่งบอกได้เลยว่ามีเงินทองมากแค่ไหนก็ไม่สามารถซื้อมันไปได้
"ว้าว แหวนเพรชสวยจังเลย ดูสิเป็นประกาย"
ฮันซี่เข้ามาดูแหวนเพรชในกล่องแหวนสีแดงผ้ากำมะยี่ เอลวินอดเหงื่อตกไม่ได้นี่มันมากเกินไปสำหรับคำว่ารับผิดชอบแล้ว
"ผมคิดว่ามันมากเกินไป"
"เอาไปเถอะจ้ะ ฉันต้องขอบคุณเธอด้วยซ้ำที่ช่วยเลือกลูกสาวของเป็นเจ้าสาว ไม่คิดเลยว่าจะมีคนเอาผู้หญิงที่บ้าๆอย่างเจสซิก้าด้วย"
เผาได้เผาเลยนะแม่ นิสัยหนูก็เอามาจากแม่นั้นแหละ
"แต่...."
"รับไปเถอะเอลวิน แม่ฉันพูดแล้วพูดเลยไม่รับคืน คิดซะว่ามันจะได้เป็นทุนสำหรับกองทัพในอนาคตข้างหน้าก็ได้"
เมื่อผู้บัญชาการเอลวินแสดงท่าทีว่าไม่อยากรับของที่มีค่ามากเกินไป เจสซิก้าต้องยกเหตุผลเรื่องทุนมาอ้าง แหวงเงินที่ถูกทำขึ้นจากการหลอมที่ภูเขาลาวา เพรชที่มาจากน้ำตานางพรายถึงไม่ต้องรู้ว่าทำมาจากอะไร ก็ต้องมีคนรู้ว่าแหวนนี่ไม่ธรรมดาราคาเองก็ไม่สามารถประเมินค่าได้ แต่แม่ของเธอกลับเอามาสร้างความลำบากให้เอลวิน ถ้าเอลวินไม่รับแม่ก็เธอก็จะพูดไปเรื่อยๆจนกว่าจะรับของนั้นแหละ น่ารำคาญจะตาย
"เข้าใจแล้ว ขอบคุณมากนะครับสักวันผมจะตอบแทนคุณในสักวัน"
เอลวินยอมรับกล่องแหวนเพรชมาไว่้ในมือ ดูก็รู้ว่ามีมูลค่าสูงมากบางทีอาจจะสูงจนไม่สามารถมีคนตั้งราคาให้ได้เลย
"แค่นายยอมแต่งงานกับลูกสาวฉัน ฉันก็ขอบคุณมากแล้วเอลวิน"
เจสซิก้าให้เอลวินดูชุดแต่งงานที่เธอเป็นคนออกแบบเอง กับสถานที่จัดงานเมื่อแพนโดร่ากลับไปแล้ว ส่วนคนอื่นๆที่ไปทำงานในส่วนของตนเอง
"แล้วเธอจะไปเอาชุดพวกนี่มากไหนกัน ฉันยังไม่เคยเห็นว่ามีร้านไหนจะขายชุดแบบนี่เลยนะ"
"ออ ฉันก็ตั้งใจไว้ว่าจะเปิดร้านตัดเย็บชุดเสื้อผ้านะ คิดว่าตอนใช้ในงานแต่งในการดูการตอบรับของแขกที่อยู่ในงานนะ"
เจสซิก้าอธิบายให้ฟัง เรื่องกิจการร้านตัดเย็บเสื้อผ้าเธอตั้งใจไว้แล้วว่าจะเปิดกิจการนี่ แต่ก็คงต้องไปเปิดที่ในกำแพงวอลโรเซ่ ต้องเผื่อไว้เพื่อตอนเหตุการณ์ไททันบุกเข้ามา
"คุณจะเป็นคนทำขึ้นมาเอง?"
"นั้นก็ใช่"
ทำไมหน้าตาฉันดูเหมือนคนที่ไม่มีความเป็นกุลสตรีเลยรไง โทษทีนะแต่พอดีว่าตอนเด็กๆทั้งแม่กับคุณย่ายัดให้เต็มสมองเลยล่ะ
"ผมจะรอดูนะ"
เหมือนหัวใจได้มีบางสิ่งบางอย่างมาเติมเต็ม มันไม่ใช่ความรักแต่เป็นความดีใจที่มีใครบางคนชมผลงานที่เจสซิก้าเป็นคนเป็นคนขึ้นมาเอง มันคือความภูมิใจ
"ตอนนายยิ้มก็ดูดีเหมือนกันนะ"
เจสซิก้าจิ้มนิ้วไปที่ปากเอลวินหันหน้าหนีเพราะยังไม่ชิน
น่าเสียดายที่หลังจากนี่อีกสามปี เอลวิน สมิธที่อยู่ตรงหน้าเธอจะกลายเป็นผู้บัญชาการที่ไม่แสดงความรู้สึกออกมา และหลอกใช้ทหารนับร้อยด้วยคำปลุกใจที่ไม่ได้มาจากใจจริง
เผื่อผู้อ่านนึกหน้าแพรโดร่าไม่ออก หน้าตานางก็จะประมาณนี่แต่ไม่ตัดหน้าม้าคะ55555
ความคิดเห็น