ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Attack on titan เฮฮาไททัน ป่วนหน่วยสำรวจ (เอลวิน x oc)

    ลำดับตอนที่ #9 : เผาได้เผาเลย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.38K
      139
      27 ก.พ. 62



         เจสซิก้าเอ่ยลาเอลวิน ก่อนจะขึ้นม้าไปกับเจคเมื่ออยู่ในที่ลับตาผู้คนแล้วเจสซิก้าก็รีบอุ้มเจคไปที่ยังหมาย เพราะเธอเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าในการกลับไปยังที่ร้านบาร์เจคไม่ใช่คนที่จะเอาชื่อคนอื่นมาอ้างเพื่อล้อเล่น และอีกอย่างแม่ของเธอก็เป็นถึงจักรพรรดินีของประเทศๆหนึ่ง มีอำนาจมีสิทธิเสียงในประเทศของเธออยู่หลายส่วน การที่แม่ของเธอสามารถมาหาเจสซิก้าในโลกไททันได้ก็ไม่แปลก บางทีคนที่ส่งเจสซิก้าเอาจจะเป็นแม่ของพวกเธอเองก็เป็นได้
         ทันทีที่กลับมาถึงเจสซิก้ารีบมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานที่เจคได้บอกเอาไว้
         ร่างสูงระหง ผมดกดำ ตาสีน้ำตาลแดงมองมายังลูกๆของเธอ เมื่อเห็นว่าลูกๆทั้งสองคนของเธอได้กลับมาแล้วรอยยิ้มก็ปรากฎออกมาให้เห็นไม่ใช่ทั้งดีใจหรือเสแสร้ง ครั้งแรกที่มายังที่นี่เจคที่จะเข้ามาเอาเอกสารก็ทำหน้าตกใจ แต่ก็ต้องหงุดหงิดยิ่งกว่าเมื่อถามหาถึงเจสซิก้า
         
         จักรพรรดินีแพนโดร่า ธีอา แอตลัส ลูกครึ่งแวมไพร์ผู้ที่สามารถขึ้นมายังจุดสูงสุดด้วยพลังของตนเอง และด้วยกองภูเขาซากศพของคนที่คิดจะเป็นศัตรู สตรีที่มีสามีไม่น้อยกว่า 4 คน มีลูกไม่ต่ำกว่า 10 คน ผู้หญิงที่เป็นคนให้กำเนิดเจสซิก้ากับเจค
         
         "ไม่เห็นส่งข่าวมาเลยว่าจะมาหา"
         เจสซิก้าที่สงบอารมณ์สติได้แล้วไปนั่งยังที่โต๊ะทำงานของเธอ แพนโดร่าไปยังที่โซฟาข้างๆกับเจค เจคมองอย่างอึดอัดเพราะไม่รู้จะพูดอะไรกับคนเป็นแม่ที่ทั้งชีวิตได้คุยกันไม่กี่ประโยค
         "ฉันมาหาลูกตัวเองที่ไม่ได้เจอกันนานก็ต้องมีเซอร์ไพร์หน่อย"
         เป็นผู้หญิงที่เดาอะไรไม่ได้เหมือนเดิม

         "เห็นว่าลูกกำลังจะแต่งงาน"
         "ใช่"
         "ไม่อยากกลับไที่โลกเดิมแล้วหรือไง"
         "ก็คิดอยู่ แต่ไม่รู้ทางกลับนะ"
         เจสซิก้าอดด่าแม่ตัวเองในใจไม่ได้ ที่พึ่งจะมาหาซ้ำยังมาเพื่อพูดคุยกับเธอแต่ไม่คิดจะพูดคุยกับเจคที่นั่งอยู่ข้างๆ หากการที่ตัวเองมายังที่โลกนี่เป็นเพราะฝีมือของแพนโดร่าจริงๆ คงต้องมีการต่อสู้กันสักครั้งหนึ่งต่อให้อีกฝ่ายเป็นผู้ให้กำเนิดก็ตาม

         "เจสซิก้า เจค ลูกๆชอบที่นี่กันมั้ย"
         หะ?
         "หมายความว่าไง"
         ครั้งนี่เป็นเจคที่ถามออกไปแทน แพนโดร่าหันมามองคนถามในหน้าสวยที่ไม่ได้เหี้ยวย่นไปตามกาลเวลาที่ควรยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน แต่เจคกลับรู้สึกกลัวรอยยิ้มแบบนี่ถึงจะเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริง

         "แม่อยากให้ลูกๆมีความสุข แม่เห็นว่าถ้าหากลูกๆยังอยู่ที่โลกเดิมแล้วไม่มีความสุข แม่เองก็ไม่รู้ว่าจะให้พวกลูกเกิดมาทำไม"
         "ถ้าอย่างนั้น ทำไมตอนนั้นแม่ไม่มาช่วยพ่อละ ทำไมแม่ต้องปล่อยให้พ่อมาช่วยหนูด้วย! ทำไมพวกคุณถึงเลือกที่ช่วยหนูแทนที่จะเป็นคุณพ่อ"
         
         เจสซิก้าพูดถึงเหตุการณ์ตอนที่เธอยังเป็นเด็กอายุ 12 ขวบ เพราะตอนนั้นประเทศอื่นที่ต้องการจะยึดครองประเทศของเจสซิก้า ซึ่งราชาในตอนนั้นคือพ่อของเจสซิก้าและเพราะพ่อของเจสซิก้าแข็งแกร่งเป็นที่สุด แทบไม่มีจุดอ่อนศัตรูเลยเลือกจะใช้แผนสกปรกคือการลักพาตัวเจสซิก้า และพ่อของเจสซิก้าถูกคำสาปเข้าไป 

            มันเป็นคำสาปที่ไม่สามารถแก้ได้ในตอนนั้นด้วยอะไรหลายๆอย่าง แพนโดร่าจึงเลือกที่ให้เจสซิก้าที่อยู่ตรงนั้นรับพลังของราชาไป หรือก็คือการฆ่า และพ่อของเจสซิก้ารักประชาชนยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดจนลืมไปว่าเด็กอายุ 12 ปีนั้นไม่มีทางทำใจได้แน่ๆกับการตายของคนเป็นพ่อ

         
         ต้องมอบพลังในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น ไม่อย่างนั้นประเทศอาจจะล่มสลายได้
         "นั้นเป็นเพราะว่าแม่ไม่มีทางเลือกอื่น พ่อของลูกกำลังจะตายหากสูญเสียพลังของราชายักษ์ษาไปถึงตอนนั้นทุกคนจะต้องตายไม่เว้นแม้กระทั้งลูกหรือเจค"

         แพนโดร่าพูดเหตุผลขึ้นมาอันที่จริงเจสซิก้าเองก็รู้อยู่แล้วว่าทำไม แต่เพียงแค่จิตใจของเธอมันรับไม่ได้กับการตายของพ่อเธอที่มีเธอเป็นต้นเหตุ 
         "คุณเป็นคนส่งพวกเรามาที่นี่"
         "ก็เห็นว่าลูกกับเจคชอบพูดถึง"
         รู้ได้ยังไงว่าชอบคุยเรื่องนี่ นี่แม่เป็นสโตกเกอร์ปะเนี่ย
          เหมือนความโกรธมันหายไปอย่างไม่รู้สาเหตุ อันที่จริงเรื่องนี่เจสซิจ้ากับเจคก็รู้สึกปลงกับนิสัยที่คาดเดาอะไรไม่ได้ของแพนโดร่าอยู่แล้ว เพราะโกรธไปก็ไม่มีประโยนช์ยังไงผู้หญิงคงนี่คงแทบไม่รู้สึกสำนึกกับอดีต ในสายตาของแพนโดร่ามีแต่ปัจจุบันกับอนาคต


           "เฮ้อ หนูไม่รู้หรอก"

           เจสซิก้าตอบคำถามในตอนแรก เป็นความจริงเธอไม่รู้หรอกว่าอยู่ที่นี่แล้วมีความสุขรึเปล่า เพราะมันก็เหมือนเดิมเปิดร้านบาร์ รู้จักกับคนใหม่ๆ และพูดคุยกันให้พูดถึงความแตกต่างก็คือที่นี่ไม่มีใครจะมาเป็นศัตรูกับเธอ และตัวเธอเองก็ไม่จำเป็นต้องทำหน้าที่ของราชา 

         นั้นสินะมีชีวิตแบบนี่ก็ไม่เลว ไม่ต้องมาทำหน้าเครียด ไม่ต้องมาใส่ใจกับคนหมู่มากให้เหนื่อย


            "แล้วเจคละ"

            "ก็อยู่ที่นี่มันรู้สึกดีกว่า เพราะว่าหากผมยังอยู่ที่โลกเดิมผมคงจะปวดหัวกับการสอบการเรียนแน่นอน อยู่ที่นียังจะดีกว่าอีก"

            เจคพูดระบายถึงความลำบากออกมา เจสซิก้ามองคนบ่นว่าขี้เกียจเรียน ไม่อยากเรียนหนังสือแต่สุดท้ายแล้วเจคก็มักจะส่งงาน อ่านหนังสือก่อนสอบอยู่เสมอ 

         จบไปแกก็ไม่ได้เรียนแล้วเจค

         "สรุปว่าที่นี่ดีกว่าโลกเดิมสินะ"

         "คุณจะทำอะไร?"

         เจสซิก้ามองผู้ให้กำเนิดอย่างไม่ไว้ใจ แต่ไรแต่มาเพราะเจสซิก้าเคยอาศัยอยู่แพนโดร่าตอนเด็กๆ ทำให้รู้ดีว่าอย่าไว้ใจคนนี่ให้มากไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม 

         

         "เจสซิก้าเอาพลังขอกราชาคืนมาซะ ฉันไปพูดกับคุณย่าของเธอให้แล้วนะ"

         เอ๊ะ.... งงคะงง

         "เดียวนะที่คุณมาที่นี่เพื่อจะมาเอาพลังราชาคืนงั้นเหรอ! แปลว่าคุณไม่ได้มาหาเพราะเป็นห่วงจริงๆสินะ"

         เจคโวยวายแทนเจสซิก้า อุคส่าห์หลงคิดว่าเพราะเป็นห่วงเลยยอมมาหาถึงที่ แถมยังเป็นต่างโลกไม่คิดเลยว่าที่มาหาเพื่อที่จะมาเอาพลังของราชา

         เป็นคนยัดเยียดให้แท้ๆ


         "ถ้าหากพวกเธออยากอยู่ที่นี่ก็ต้องคืนพลังราชา แต่หากไม่ฉันคงต้องพาเจสซิก้ากลับไป ส่วนเจคฉันไม่มีปัญหาอะไรมากหรอกนะ"

         ถ้าฉันกลับไปฉันก็จะอยู่ในฐานะเดิมเป็นเจ้าของร้านบาร์ที่เบื้องหลังเป็นผู้ถือครองพลังของราชา และคอยปกป้องประเทศอย่างเงียบๆ แต่ว่าอีกไม่นานฉันก็กำลังจะแต่งงาน ฉันไม่อยากไป แต่ฉันก็ไม่อยากเสียพลังไปเช่นกัน

         "เจสซิก้าคิดให้ดีๆนะ ต่อให้เธอมีพลังของราชายักษษาแต่ว่ามันไม่สามารถใช้กับที่นีได้ และที่ประเทศของเราก็จำเป็นต้องมีพลังของราชาคอยค้ำจุนประเทศ และเผ่าพันธ์ุ"

         แพนโดร่าที่เหมือนอ่านความคิดของเจสซิก้าพูดเหตุผลให้ฟัง เจคพูดไม่ออกทันทีเพราะมันคือเรื่องจริง แต่ยังไงซะก็ควรจะพูดว่าเพราะเป็นห่วงไม่ใช่หรือไง

         "เธอต้องเลือกแล้วล่ะเจสซิก้า โอกาสมีแค่ครั้งเดียว เธอจะยอมคืนพลังของราชาเพื่อแลกกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่หรือไม่"

         ........ถ้าฉันคืนให้ ก็คงเหมือนเดิมฉันก็ยังเป็นเจสซิก้าเหมือนเดิม แต่ถ้าฉันไม่คืนให้ฉันก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมอยู่ดี

         ...... นี่คือโอกาสที่เราจะเลือกเส้นทางที่แตกต่างไปจากเดิมได้ 

        

         "ตกลง ฉันคืนให้อุตส่าห์ได้มีโอกาสเลือกทั้งที"

         เจสซิก้าแทนตัวเองว่า ฉัน เป็นการบ่งบอกการตัดสินใจนี่คือการตัดสินใจในฐานะผู้ที่มีพลังเป็นครั้งสุดท้าย ยังไงซะแค่ตัวตนของเจสซิก้าก็ถือว่าเหนือธรรมชาติมากสำหรับโลกนี่ ในกำแพงนี่ พลังราชาที่ใช้การไม่ได้ฉันจะเก็บเอาไว้ทำไมละ


         "แม่ดีใจนะที่ลูกเลือกเส้นทางนี่"

         "แล้วก็มีเรื่องขอร้องอย่างหนึ่ง ช่วยอยู่ต่อจนถึงพรุ่งนี่ได้มั้ย หนูอยากให้แม่เห็นเจ้าบ่าวหนู"

         เจสซิก้ากลับมาเป็นลูกสาวเหมือนเดิม คำขอร้องทำให้เจคต้องมองตาค้าง คิดว่ากำลังขออะไรอยู่ให้ผู้หญิงที่มีสามีหลายคนไปพบกับผู้ชายที่จะเป็นสามีเนี่ยนะ! เดียวเอลวินก็ถูกคาบไปกินหรอก!

         "ออ ที่แม่มาที่นี่ก็เพราะเรื่องงานแต่งหนูยังไงละ ไม่ต้องห่วงแม่คิดว่าจะค้างที่นี่จนถึงวันแต่งงานเลยล่ะ"

         "เดียวสิ นี่คุณไม่รีบกลับรึไง!"

         "เรื่องงานบริหารบ้านฉันโยนให้เจ้าลูกชายที่เป็นน้องชายพวกเธอทำนะ ต้องฝึกตั้งแต่เล็กๆโตไปจะได้ทำเป็น"

         ประเทศชาติไม่ใช่แบบฝึกหัดท้ายหนังสือเรียนนะเว้ย/เจค

         น้องๆของเราคงต้องทำใจที่มีแม่แบบนี่/เจสซิก้า


         "แล้วคนที่จะเป็นราชาของประเทศยักษษาละ"

         "ก็คุณย่าของลูกไง เห็นยังมีเรี่ยวแรงดีขนาดที่ว่าพอรู้ว่าแม่ส่งพวกลูกมาที่นี่ นางก็ใช้พลังอัคนีลาวาฟาดแม่ไม่หยุดมือเลย ไหนๆนางก็เคยเป็นราชาเป็นอีกรอบจะเป็นอะไรไป"

         แพนโดร่าเล่าอย่างติดตลก เจคเอามือกุมขมับปวดหัวคนรอบข้างแพนโดร่าแทนไม่คิดว่าแพนโดร่าจะกล้าใช้ให้แม่สามีตนเองที่ไม่ถูกกันอยู่แล้วเป็นคนรับพลังต่อจากเจสซิก้า ไม่สนเลยสินะว่าใครเป็นใคร

         "ฮุ ฮ่า ฮ่าจริงหรือเนี่ย ให้ยายแก่หน้าตึงจะเป็นราชา ไม่รู้จะสงสารหรือจะขำแล้วฮ่า ฮ่า"

      เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขใจออกมาจากหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงาน ให้อดีตราชาเป็นราชาต่อคิดได้ยังไงกัน ให้ตายสิผู้หญิงคนนี่ใช้อะไรได้ก็เอามาใช้จริงๆ

         "เอาเถอะ ถ้าอย่างนั้นหนูจะไปจัดการเตรียมห้องให้นะ โชคดีเลยนะที่มีห้องว่างอยู่ห้องหนึ่ง"

         "ไม่ต้องหรอก แม่จะนอนกับเจค"


         เหมือนมีเสียงฟ้าผ่าตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเห็นว่าผู้หญิงคนนี่จะสนใจเจคด้วย เจคได้มองคนเป็นแม่อย่างอึ้งๆงงๆ จะเป็นเพราะตัวเองหน้าตาดีหรือตัวเองหน้าตาเหมือนพ่อที่เป็นสามีอีกคนหนึ่งของแม่ แพนโดร่าเลยคิดจะนอนด้วยไม่ว่าจะอย่างไรก็เดาไม่ออกจริงๆ

         "ไม่ต้องมานอนกับผมหรอก ห้องว่างก็มีตั้งห้องหนึ่ง"

         "แม่ลูกนอนด้วยกันมันไม่ดีหรือเจค"

         ไม่ดีอย่างแรง!!

         "แม่อยากจะชดเชยหลายๆสิ่งที่ลูกไม่ได้รับจากแม่ ในตอนนี่ถึงจะช้าไปแต่ก็ยังกว่าที่แม่จะไม่ได้ทำให้เลย"

         "แต่ผมโตแล้นะ"

         "แล้วยังไงละ"

         เจคกุมหน้าตัวเองอย่างกลุ่มใจสรุปคือไม่ว่าจะยังไงผู้หญิงคนนี่ก็จะมานอนด้วยกันให้ได้สินะ ถ้าคนอื่นรู้โดนล้อไปจนตายแน่

         "งั้นฉันขอไปนอนด้วยคนนะ นอนกันสามคนอบอุ่นกันจะตาย"

         เจสซิก้าที่หัวเราะมาสักพักพูดติดตลกด้วยอีกคน

         "ไม่ต้องเลยเจสซิก้า เตียงฉันก็ใช่ว่าจะกว้างถ้าจะมานอนด้วยเธอนะนอนพื้นไปเลยไป"




         

         "ฉันเข้าไปแล้วนะเอลวิน"

         ฮันซี่เคาะประตูตามมารยาทก่อนจะเข้าไปในห้องทำงาน เอลวินมองหน้าเพียงแปปเดียวก่อนจะก้มลงไปอ่านเอกสารต่อ

         "วันนี่นายมีนัดไม่ใช่เหรอ ทำไมยังอยู่ที่นี่อีกละ"

         "ดูเหมือนว่าเธออยากจะให้ฉันแต่งงานเร็วๆจังเลยนะฮันซี่"

         ฮันซี่ยิ้มอย่างมีเลห์นัยทำไมจะไม่อยาก เอลวินนั้นทำงานหนักมาก็มาก จนแทบไม่มีเวลาไปสังสรรเลยยิ่งเรื่องชีวิตครอบครัวยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะเอลวินไม่เคยพูดถึงเรื่องนี่ให้ฟัง ทั้งวันมีแต่เรื่องแผนการกองทัพ ในฐานะเพื่อนร่วมงานก็อยากจะให้เอลวินได้มีชีวิตที่เหมือนคนธรรมดาทั่วไปมีครอบครัวเหมือนคนอื่น

         "คุณเจสซิก้าเองก็ดูเป็นคนดีนะ ถ้าหากไม่นับเรื่องที่เธอพังรั่วกั่นเมื่อวาน"

         "ฉันแค่ต้องการให้เธออยู่ในสายตาของเรา มีอีกหลายๆอย่างที่ยังเป็นปริศนาอยู่"

         "แต่งงานกันแล้วจะทำยังไงต่อละ"

         ราวกับว่าคำถามนี่แทงใจดำ เอลวินวางเอกสารลงตัวเองก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี่มาก่อนอะไรมันก็ช่างรวดเร็วเหลือเกินรู้ตัวอีกทีก็ถอดตัวไม่ได้แล้ว ถึงเจสซิก้าจะเสนอทางเลือกให้อยู่หลายทางแยกกันอยู่หรือจะอาศัยด้วยกันถ้าจะอาศัยด้วยกันเอลวินก็นึกไม่ออกจริงๆว่าควรทำตัวยังไง ถ้าแยกกันอยู่เอลวินก็จะไม่รู้อีกว่าเจสซิก้าจะไปไหนมาไหน หรือทำอะไรอยู่

         "นี่อย่าบอกนะว่านายยังไม่ได้คิด"

         "อย่าลืมสิว่าเธอเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคนนอกกำแพง"

         "งั้นอยู่ด้วยกันไปลยสิ นายจะได้จับตาดูเธอไปด้วย"

         รีไวล์ที่ได้ยินในตอนแรกเปิดประตูเข้ามาร่วมวงสนทนาพร้อมกับมิเกะ เพราะเจสซิก้ารีไวล์ถึงได้เห็นสีหน้าอื่นๆของเอลวินในทางอึดอัดใจ และเพราะเจสซิก้าหน่วยสำรวจที่วันๆมีแต่เรื่องพูดคุยเรื่องการออกสำรวจครั้งต่อไปว่าจะมีคนตายกี่คน กลายเป็นเรื่องของเอลวินกับเจสซิก้าในหลายๆด้าน ไหนจะเจ้ากระต่ายที่เรียกรอยยิ้มอย่างสุขใจของทหารอีก  ถ้าแต่งงานแล้วมีแต่เรื่องดีๆเข้ามา ก็แต่งงานไปเถอะเอลวินคิดซะว่าสละตัวเองเพื่อลูกน้อง


         "เธอมาแล้ว"

         มิเกะที่ได้กลิ่นของเจสซิก้ากำลังเดินมาพร้อมกับใครบางคนที่ไม่ได้เคยได้กลิ่นมาก่อน ฮันซี่กับรีไวล์ที่คิดจะเดินไปทำงานในส่วนของตนเองต่างก็ถูกเอลวินดึงตัวเอาไว้ด้วยเหตุผลที่ว่าอยู่สังเกตด้วยกันก่อน ส่วนมิเกะอ้างว่าจะเดินออกไปรับเจสซิก้า

         "นายไม่เคยเป็นแบบนี่เลยนะเอลวิน"

         รีไวล์ที่ถูกเอลวินเข้าร่วมหน่วยสำรวจอย่างไม่เต็มใจในตอนแรก พูดขึ้นอย่างแปลกใจแค่ผู้หญิงคนเดียวที่เป็นผู้ต้องสงสัยสามารถทำให้เอลวินแสดงอาการออกมาในท่าทางแปลกๆออกมาได้

         "อรุณสวัสดิ๋เอลวิน วันนี่ฉันพาคนหนึ่งมาหานายด้วย"

         เจสซิก้าโผล่หัวออกมาทักทายโดยที่ยังไม่โชว์ตัว ก่อนจะมีเสียงๆหนึ่งพูดว่ทำไมยังไม่เข้าไปอีก ก่อนที่จะผลักเจสซิก้าในชุดกระโปรงที่ดูจะธรรมดาแต่ดูแปลกใจในสายตาของเอลวินที่โดยปกติแล้วเจสซิก้าจะใส่ชุดเหมือนผู้ชายมากกว่า

         "ขอโทษแทนลูกสาวตัวแสบของฉันด้วย เธอไม่ชอบใส่กระโปรงมาตั้งแต่เด็กแล้ว"

         "ใส่กระโปรงแล้วมันรุ่มร่ามจะตาย โอย อย่าหยิกสิ"

         แพนโดร่าหยิกเจสซิก้าอย่างหมั่นเขี้ยว ใส่กระโปรงแล้วมันรุ่มร่ามแล้วมันจะทำไมละ เสน่ห์ของผู้หญิงมีเท่าไรใช้ให้หมดสิ! อยากได้สามีไม่ใช่หรือไง

         "สวัสดีครับ ผมเอลวิน สมิธ"

         เอลวินกล่าวแนะนำตัวเองทันที ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผู้หญิงที่มากับเจสซิก้าคือมารดาที่เป็นคนให้กำเนิด ด้วยหน้าตาที่เหมือนราวกับว่าถอดแบบออกมาจากคนๆเดียวกัน 

         "เอลวิน สมิธ ? หรือว่านายจะเป็นลูกชายของศาตราจารย์สมิธ"

         "คุณรู้จักพ่อผมด้วย?"

         "ก็....ตอนนั้นก็แค่อยากรู้อยากลองนะ มันก็ผ่านมานานแล้ว"

         ที่ผ่านมานานเนี่ยมันกี่ปีกันแม่!!


         "ฉันแพนโดร่า ธีอา แอตลัส เป็นแม่ของเจสซิก้าเอง เมื่อวานต้องขอโทษด้วยที่เรียกเจสซิก้ากลับไปกระทันหัน พอดีว่ามีเรื่องด่วนเล็กน้อย"

         "ฉัน หัวหน้าหมู่ ฮันซี่ โซเอะ ยินดีที่ได้รู้จัก "

         "ฉันรีไวล์"

         แพนโดร่าพยักหน้ายิ้มแทนคำพูด ใบหน้าทีมีเครื่องสำอางเล็กน้อยกับบรรยากาศรอบตัวที่ราวกับว่ามาจากชนชั้นสูงจริงๆ ทำให้ฮันซี่อดคิดไม่ได้ว่าบางทีเจสซิก้าอาจจะเป็นคนในกำแพงที่มาจากชนชั้นสูงจริงๆ

         "ไม่ต้องห่วงฉันอยู่ไม่นานหรอก วันนี่ก็แค่เอาของขวัญมาให้ เพราะหากฝากเจสซิก้ามีหวังมาไม่ถึงมือเธอแน่นอน"

         เจสซิก้าหลบหน้าหนี ก็แน่ละของขวัญที่ว่าเป็นแหวนเงินโบราณแกะสลักที่มีเพรชประดับไว้อยู่ ต่อให้ดูธรรมดาแต่ความประณีตความบรรจงนั้น สามารถบ่งบอกได้เลยว่ามีเงินทองมากแค่ไหนก็ไม่สามารถซื้อมันไปได้

         "ว้าว แหวนเพรชสวยจังเลย ดูสิเป็นประกาย"

         ฮันซี่เข้ามาดูแหวนเพรชในกล่องแหวนสีแดงผ้ากำมะยี่ เอลวินอดเหงื่อตกไม่ได้นี่มันมากเกินไปสำหรับคำว่ารับผิดชอบแล้ว

         "ผมคิดว่ามันมากเกินไป"

         "เอาไปเถอะจ้ะ ฉันต้องขอบคุณเธอด้วยซ้ำที่ช่วยเลือกลูกสาวของเป็นเจ้าสาว ไม่คิดเลยว่าจะมีคนเอาผู้หญิงที่บ้าๆอย่างเจสซิก้าด้วย"

         เผาได้เผาเลยนะแม่ นิสัยหนูก็เอามาจากแม่นั้นแหละ


         "แต่...."

         "รับไปเถอะเอลวิน แม่ฉันพูดแล้วพูดเลยไม่รับคืน  คิดซะว่ามันจะได้เป็นทุนสำหรับกองทัพในอนาคตข้างหน้าก็ได้"

         เมื่อผู้บัญชาการเอลวินแสดงท่าทีว่าไม่อยากรับของที่มีค่ามากเกินไป เจสซิก้าต้องยกเหตุผลเรื่องทุนมาอ้าง แหวงเงินที่ถูกทำขึ้นจากการหลอมที่ภูเขาลาวา เพรชที่มาจากน้ำตานางพรายถึงไม่ต้องรู้ว่าทำมาจากอะไร ก็ต้องมีคนรู้ว่าแหวนนี่ไม่ธรรมดาราคาเองก็ไม่สามารถประเมินค่าได้ แต่แม่ของเธอกลับเอามาสร้างความลำบากให้เอลวิน ถ้าเอลวินไม่รับแม่ก็เธอก็จะพูดไปเรื่อยๆจนกว่าจะรับของนั้นแหละ น่ารำคาญจะตาย


         "เข้าใจแล้ว ขอบคุณมากนะครับสักวันผมจะตอบแทนคุณในสักวัน"

         เอลวินยอมรับกล่องแหวนเพรชมาไว่้ในมือ ดูก็รู้ว่ามีมูลค่าสูงมากบางทีอาจจะสูงจนไม่สามารถมีคนตั้งราคาให้ได้เลย

         "แค่นายยอมแต่งงานกับลูกสาวฉัน ฉันก็ขอบคุณมากแล้วเอลวิน"

         

         เจสซิก้าให้เอลวินดูชุดแต่งงานที่เธอเป็นคนออกแบบเอง กับสถานที่จัดงานเมื่อแพนโดร่ากลับไปแล้ว ส่วนคนอื่นๆที่ไปทำงานในส่วนของตนเอง

         "แล้วเธอจะไปเอาชุดพวกนี่มากไหนกัน ฉันยังไม่เคยเห็นว่ามีร้านไหนจะขายชุดแบบนี่เลยนะ"

         "ออ ฉันก็ตั้งใจไว้ว่าจะเปิดร้านตัดเย็บชุดเสื้อผ้านะ คิดว่าตอนใช้ในงานแต่งในการดูการตอบรับของแขกที่อยู่ในงานนะ"

         เจสซิก้าอธิบายให้ฟัง เรื่องกิจการร้านตัดเย็บเสื้อผ้าเธอตั้งใจไว้แล้วว่าจะเปิดกิจการนี่ แต่ก็คงต้องไปเปิดที่ในกำแพงวอลโรเซ่ ต้องเผื่อไว้เพื่อตอนเหตุการณ์ไททันบุกเข้ามา

         "คุณจะเป็นคนทำขึ้นมาเอง?"

         "นั้นก็ใช่"

         ทำไมหน้าตาฉันดูเหมือนคนที่ไม่มีความเป็นกุลสตรีเลยรไง โทษทีนะแต่พอดีว่าตอนเด็กๆทั้งแม่กับคุณย่ายัดให้เต็มสมองเลยล่ะ

         "ผมจะรอดูนะ"

         เหมือนหัวใจได้มีบางสิ่งบางอย่างมาเติมเต็ม มันไม่ใช่ความรักแต่เป็นความดีใจที่มีใครบางคนชมผลงานที่เจสซิก้าเป็นคนเป็นคนขึ้นมาเอง มันคือความภูมิใจ

         "ตอนนายยิ้มก็ดูดีเหมือนกันนะ"

         เจสซิก้าจิ้มนิ้วไปที่ปากเอลวินหันหน้าหนีเพราะยังไม่ชิน

         น่าเสียดายที่หลังจากนี่อีกสามปี เอลวิน สมิธที่อยู่ตรงหน้าเธอจะกลายเป็นผู้บัญชาการที่ไม่แสดงความรู้สึกออกมา และหลอกใช้ทหารนับร้อยด้วยคำปลุกใจที่ไม่ได้มาจากใจจริง

         

         

       






      

         à¸œà¸¥à¸à¸²à¸£à¸„้นหารูปภาพสำหรับ รูปอนิเมะผมดำ ตาน้ำตาลแดง 

    เผื่อผู้อ่านนึกหน้าแพรโดร่าไม่ออก หน้าตานางก็จะประมาณนี่แต่ไม่ตัดหน้าม้าคะ55555

       

         

         

         

        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×