ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Attack on titan เฮฮาไททัน ป่วนหน่วยสำรวจ (เอลวิน x oc)

    ลำดับตอนที่ #25 : เปิดศึก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 796
      74
      7 เม.ย. 62

         "โฮ้ย ยัยหนูเจสซิก้าแน่ใจเรอะว่าจะไม่ฆ่าพวกนี่"
         "นายก็จัดการเองเลยสิตอนนี่ฉันยุ่งอยู่"
         เจสซิก้าที่กำลังยุ่งกับการเก็บเครื่องการวิจัยทั้งหลายลงไปในกระเป๋าอย่างละสองอัน เพื่อให้ทางฝั่งเกาะสวรรค์จะได้มีตัวอย่างนำไปพัฒนาต่อยอดขึ้นไปอีก ส่วนอีกหนึ่งเธอจะเอามาวิจัยหาวิธีการทำให้ไททันกลับมาเป็นมนุษย์ซึ่งหลักการนั้นไม่ได้ยากอะไรเลยถ้าไททันเกิดจากสิ่งที่เรียกว่าเวทมนต์แต่ก็ยังมีหลักการวิทยาศาสตร์ผสมอยู่ งั้นเธอก็จะใช้หลักการเดียวกันเช่นกัน
         เสียงคมมีดปาดคอนักวิจัยอย่างเงียบๆไปทีละคนสองคนที่หลับร่วมอยู่ในห้องวิจัยที่เจสซิก้าได้ใช้ลำโพงประกาศรวมตัวฉุกเฉินแล้วยิงแก๊สยาสลบเข้าไปเมื่อมาอยู่รวมครบกันทุกคนแล้ว เธอมั่นใจว่าไม่มีใครรอดออกไปเพราะเจสซิก้าได้ตรวจนับเช็ดจำนวนของนักวิจัยทั้งหมดก่อนที่จะลงมือแล้ว
         อาจจะดูโหดร้ายแต่คนพวกนี่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใดกับเจสซิก้าและเคนนี่ เป็นเพียงแค่ผู้บริสุทธ์ที่โชคร้ายการจากบังเอิญไปพบเรื่องที่ไม่ควรพบก็เท่านั้น
         
         อืม ครบหมดแล้วมั้ง....ไม่สิยังขาดน้ำไขกระดูกจากไททัน
         เมื่อก้าวเท้าออกไปเสียงกระทบของเลือดก็กระจายออก เจสซิก้ามองกองเลือดวงกว้างที่เกิดจากศพเกินสิบคนด้วยสายตาที่เฉยชา ตามองหาห้องเก็บน้ำไขกระดูกเพราะห้องนี่ไม่ได้มีเขียนไว้ในแผนผัง เลยต้องหาเอาทีละห้อง จนกระทั้งห้องรักษาอุณหภูมิถูกเปิดออก ขวดนับร้อยที่ถูกเรียงจัดวางไว้อย่งเรียบร้อยปรากฏออกให้เห็น มีการแปะป้ายชนิดเอาไว้อย่างชัดเจน เกราะ หญิง สัตว์ป่า ลิง เสือ มหึมา 
         เจสซิก้าหยิบอันที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ที่สุดมาสิบขวดมาใส่ไว้ในกระเป๋าที่ตอนนี่ต้องใช้ถึงสองใบ เคนนี่ที่จัดการเชือดคอนักวิจัยหมดแล้วเดินขึ้นมาหาเจสซิก้าที่ทำเหมือนกำลังเลือกซื้อผักตามตลาด
         "จัดการเรียบร้อยหมดแล้วน่ะ"
         "อือ ช่วยฉันถือกระเป๋นหน่อยสิอีกเดียวที่นี่ก็จะระเบิดแล้ว"
         "ไม่นึกเลยนะ ว่าเธอจะมีมุมที่โหดร้ายแบบนี่เหมือนกัน"
         เจสซิก้าไม่ตอบกลับอะไรกลับไปมือเสกลูกไฟลูกหนึ่งวางไว้ในห้องเก็บน้ำไขสันหลังกระดูก กับอีกลูกที่วางเอาไว้ตรงกลางวงศพของพวกนักวิจัยเพื่อเป็นการทำลายหลักฐานและตัดกำลังการทหารของมาเลย์ในเรื่องของไททันให้ได้มากที่สุด ครั้งที่แล้วที่มาก็ทำแบบนี่เหมือนกันต่างกันตรงที่ว่าไม่มีคนตายเยอะขนาดนี่
         "ไปกันเถอะเราหมดธุระกับที่นี่แล้ว"
         อีกสามสิบนาทีที่นี่จะระเบิดเป็นวงกว้างไม่ใช่เพียงแค่สถานบันวิจัยแม้แต่ศูนย์บัญชาการก็โดนไปด้วยเช่นกัน เพื่อโยนความผิดให้กับประเทศที่สามที่กำลังทำสงครามกับมาเลย์ในตอนนี่
         สงครามนะ อะไรๆก็เกิดขึ้นได้เสมอ

    .............................................................

         เจสซิก้าที่จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงกลางคืนนั่งรอเจคบนเรือที่ไม่รู้ว่าจะพาแอนนี่กับพ่อของแอนนี่มาได้รึเปล่า ลูกไฟขนาดใหญ่ที่เกิดจากการระเบิดลุกไหม้อย่างรุงแรงโดยไม่มีทีท่าว่าจะดับลงง่ายๆ ทำให้ยังไม่มีทหารของมาเลย์คนไหนที่จะมาถึงด้านหลังของสถานบันวิจัยตรงส่วนที่เป็นท่าเรือ แรงระเบิดต่อเนื่องจากเชื้อเพลิงที่อยู่ในสถานบันวิจัยที่ดูจะรุงแรงกว่าของศูนย์บัญชาการทหารตอนนี่ต้องรอให้มันดับลงไปเอง เพราะพวกนักรบนั่นถูกส่งตัวไปยังเกาะสวรรค์หมดแล้ว ทำให้การดับลูกเพลิงขนาดใหญ่นั้นเป็นไปได้ยาก 
         ต้องไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง เราก็แค่กำจัดสิ่งที่มาคุกคามเราในอนาคตก็เท่านั้น
         "เจสซิก้า"
         "ไง เจค"
         เพราะเจสซิก้าเก็บสะพานเรือไปแล้วเจคจึงต้องสร้างสะพานน้ำแข็งในรูปแบบบันได สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับพ่อของแอนนี่ที่ตัดสินใจจะตามเจคมาเพราะอยู่ที่มาเลย์ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ซ้ำยังเป็นอันตรายต่อลูกสาวตัวเองมากกว่าไปอยู่ที่เกาะสวรรค์ซะอีก
         "คุณคือเจสซิก้าสินะ ดูเด็กกว่าที่คิด"
         "อย่าใส่ใจรูปลักษณ์ภายนอกเลยคะ กำลังกังวลอยู่เลยว่าคุณจะยอมตามมารึเปล่า"
         เจสซิก้าที่ถูกทักเรื่องหน้าตาพูดปัดออกไปด้วยรอยยิ้มในขณะที่แอนนี่หน้าตาดูดีขึ้น เพราะได้พบเจอกับพ่อของตัวเองไหนจะยอมย้ายที่อยู่ตามคำขอร้องของเจคที่พูดอย่างมีเหตุผลเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของชาวเอลเดียในมาเลย์ ที่ไม่ต่างอะไรไปจากพลเมืองชั้นสอง
         "ผมหวังว่าสิ่งที่เจคพูดจะเป็นความจริงเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของผมและแอนนี่"
         "แน่นอน รายละเอียดเดียวฉันจะอธิบายให้ฟังทีหลัง ร้านกาแฟของหวานคงเหมาะกับคุณไม่น้อยคุณเลออนฮาร์ท"
         เคนนี่เป็นคนพาทั้งคู่ไปยังห้องพัก เจคเข้ามาด้วยสีหน้าที่ไม่ดีเท่าที่ควรเพราะรู้ว่าระเบิดนั่นมาจากใครถ้าไม่ใช่เจสซิก้า
         "ต้องทำถึงขนาดนี่เลยเหรอ"
         "ฉันก็แค่ตัดหางตัดหัวออกไป เดียวมันก็งอกขึ้นมาใหม่ไม่ต้องห่วงหรอกเจคฉันยังเป็นพี่สาวของนายอยู่เหมือนเดิม"
         "พวกเขาคงจะมีครอบครัว และคนที่รัก"
         เจสซิก้าดึงคนที่ยังมองเปลวเพลิงลูกใหญ่เข้ามากอดเพื่อปลอบใจ เธอรู้อยู่แล้วว่าคนที่ตายไปนั้นยังมีเพื่อนมีคนที่รักครอบครัว แต่เธอไม่สามารถจะสนใจและใส่ใจคนทั้งโลกได้ สิ่งใดควรทำไม่ควรทำไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามขอแค่คนที่เธอรักอยู่อย่างปลอดภัยเท่านั้นก็ถือว่าดีที่สุดในชีวิตแล้ว
         "เข้าไปข้างในได้แล้วเจค นายบังคับเรือเป็นสินะ"
         "อือ"
         "งั้นฝากด้วยน่ะ ฉันจะไปทำงานส่วนของฉันต่อเห็นว่าในห้องควบคุมมีแผนที่เดินเรืออยู่สงสัยอะไรก็ถามได้"
         เจครับคำด้วยรอยยิ้มที่ค่อนข้างฝืนเพราะไม่อยากเห็นคนตายไม่อยากเห็นแววตที่เย็นชาของเจสซิก้าเวลาฆ่าใครไป จึงได้แต่ค่อยอยู่ข้างๆและค่อยมอบสิ่งที่เรียกว่าความรักให้กับเจสซิก้าเหมือนกับที่เจสซิก้ามอบให้มาโดยที่ไม่รู้ตัว
         อยากเห็นพี่สาวของตัวเองยิ้มมากกว่าใคร อยากเห็นความสุขของพี่สาว ใครก็ตามที่กล้าทำให้พี่ร้องไห้นอกจากราชาแลตตัสผมจะเป็นคนฆ่ามันเอง

         ฮัดเช้ย!
         "ไม่สบายเหรอเอลวิน"
         ฮันซี่กับรีไวล์ที่เข้ามาปรึกษาเรื่องการวางแผนทักเอลวิน ที่จู่ๆก็จามอย่างไม่มีเหตุผลห้องนี่รีไวล์ก็เข้ามาทำความสะอาดให้แล้วนี่นา ไม่น่าจะมีฝุ่นให้จามหรอกน่ะ
         "รู้สึกขนลุกแปลกๆน่ะ ช่างเถอะมาเข้าเรื่องต่อเลยแผนก็คือจะให้เอเลนที่มีพลังไททันการสร้างเกราะไปอุดกำแพงชิกันชิน่าแล้วค่อยไปสู้กับพวกไททัน สิน่ะ"
         "ใช่"
         "ฉันไม่เห็นด้วย มีความเป็นไปได้ที่ศัตรูจะเจาะกำแพงได้อีกครั้ง เราต้องจัดการศัตรูที่สำคัญและเป็นปัญหาอย่างไททันมหึมาก่อน"
         เอลวินที่ลองฟังแผนของฮันซี่บอกเหตุผลส่วนสำคัญที่ฮันที่มองข้ามไป
         "เออ..ก็ถูกนะ แล้วนายอยากจะให้พวกทหารใหม่อยู่ส่วนไหนของแผนเหรอ?"
         "ให้พวกเขาคอยเฝ้าม้าแล้วหลบหลีกการโจมตีให้ดีก็พอ พวกเขายังเป็นทหารใหม่จะให้มาลงสนามรบเลยก็คงจะทำไม่ได้"
         ฮันซี่พยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่เอลวินพูด เพราะต่อให้ฝึกมาดีแค่ไหนแต่พอมาเจอของจริงนั่นจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันเป็นอย่างมากต้องขอบคุณเทคโนโลยีใหม่ๆที่กำลังถูกผลิตออกมาเรื่อยๆ ทำให้ที่เหลือก็แค่ต้องรู้จักพลิกแพลงสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง สิ่งที่พอจะคาดเดาได้คืออีกฝ่ายจะสู้กันภายในกำแพงมาเรียอย่างแน่นอน เพราะมีพื้นที่กว้างเหมาะแก่การขว้างปาสิ่งของสำหรับไททันสัตว์ป่าและเมื่อถึงตอนนั้นหากคาดการเอาไว้ไม่ผิดคงต้องจำใจแบ่งหน่วยสำรวจออกมาเป็นสองทีมเพื่อกระจายกำลังในการจัดการไททันเกราะและไททันมหึมา
         ต้องเชื่อใจทหารทุกคน 
         "รีไวล์ฉันฝากดูพวกทหารใหม่ด้วยนะ"
         "เออ"
         
         ก๊อกๆ
         "เข้ามาได้"
         "ขออนุญาตนะครับ คนจากร้านบาร์มาหาครับ"
         เอลวินกับรีไวล์รีบตั้งตามองคนที่ว่าทันที บางทีอาจจะเป็นเจสซิก้ากับเจค ถึงแม้ว่าจะพึ่งผ่านไปได้ไม่ถึงอาทิตย์แต่ก็อยากให้เป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ความหวังของทั้งคู่ก็ต้องดับลงเมื่อคนที่ว่าเป็นพนักงานของร้านคนหนึ่งที่ตอนนี่ได้เป็นหัวหน้าจัดการบริหารดูแลพนักงานภายในร้าน
         แอน มิเลอร์ พนักงานสาวที่อยู่มาตั้งแต่เพิ่งเริ่มเปิดกิจการร้าน
         "ฉันแนะนำให้เธอไสหัวไปก่อนที่จะถูกเฉือด"
         รีไวล์ที่ไม่ชอบแอนอยู่ก่อนหน้านี่แล้วให้คำแนะนำที่คิดว่านี่เป็นความหวังดีที่มีให้ถึงขีดสุด คนถูกไล่ทางอ้อมได้แต่ยิ้มเจื่อนๆว่าตัวเองไปทำอะไรให้หัวหน้ารีไวล์กันแน่ แต่ก็ได้แต่ก้มหัวขอโทษรอบที่ิสิบ
         "เออคือเรื่องนี่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางการทหารเท่าไรหรอกคะ แต่เผอิญว่าเรื่องวันเกิดของคุณเจสซิก้าที่คุณเจคส่งมาให้ทางจดหมายเห็นว่าอยากจะเซอร์ไพร์คุณเจสซิก้า ดิฉันเลยมาปรึกษากับคุณเอลวินนะคะว่าจะให้ของขวัญอะไรดี"
         เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางการทหารจริงๆ แต่เป็นเรื่องที่เอลวินไม่เคยคิดที่จะทำให้เจสซิก้าเลย เพราะไม่นึกว่าจะมีการเซอร์ไพร์วันเกิดปกติแล้วไม่มีใครทำกัน ตรงข้ามกับรีไวล์ที่ตอนนี่บรรยากาศรอบตัวเย็นลงอย่างไม่มีสาเหตุ ฮันซี่เขยิบถอยห่าง
         "ทำไมเธอถึงสามารถติดต่อกับหมอนั้นได้.."
         "คะ? ออก็ที่จริงแล้วคุณเจคก็มักจะปรีกษาดิฉันเกี่ยวกับเรื่องการให้ของขวัญคุณเจสซิก้าทุกปีอยู่นะค่ะ แต่ดิฉันคิดว่าควรจะเอาเรื่องนี่มาบอกคุณเอลวินก็แหมจะแต่งงานรอบสองกันอยู่แล้วถ้าไม่รู้วันเกิดมันก็แปลกๆอยู่นะค่ะ"
         แต่งงานรอบสอง? ไม่รู้วันเกิด?
         "เดียวนะคุณแอนที่พูดมาหมายความว่าไงกัน"
         "หือ? แปปนะค่ะนี่เป็นเนื้อหาของจดหมายที่คุณเจคเป็นคนเขียนคะ"
         แอนยืนกระดาษที่ถูกพับเอาไว้อย่างเรียบร้อยรีไวล์เป็นคนกระชากออกไปจากมือ ก่อนจะอ่านก่อนเป็นคนแรกคิ้วขมวดเข้าหากันก่อนจะส่งจดหมายให้เอลวินเอาไปอ่านต่อ
         เนื้อหาในจดหมายเขียนเอาไว้ว่า ตอนนี่กำลังล่องเรืออยู่ในมหาสมุทรไถ่ถามถึงคนที่่ร้านว่าเป็นอย่างไงบ้างมีการปรึกษาพร้อมเสนอความคิดเห็นว่าอยากจะให้เอลวินขอเจสซิก้าแต่งงาน!
         แต่งไปแล้วรอบหนึ่งจะแต่งไปอีกทำไมกัน....
         "เฮ้ย ทำไมเนื้อหาในจดหมายมันเธอดูเหมือนสนิทกับเจคจังเลยนะ"
         "ดิฉันว่าก็เป็นเรื่องปกติดีนะค่ะคุณเจคเห็นเหมือนเป็นคนติดพี่อย่างนั้นที่จริงเป็นคนอัธยาศัยที่ดีมากคนหนึ่งเลยคะ แล้วคุณเอลวินมีความคิดเห็นอย่างไรหรือคะ"
         แอนผู้ตกเป็นข่างลือเรื่องรักสามเส้าโดยที่ไม่รู้ตัวตอบคำถามออกมาอย่างซื่อๆ เพราะไม่มีเวลามาใส่ใจเรื่องความรักหรือการสร้างครอบครัวแค่เวลาที่มีให้ครอบครัวตัวเองยังคิดว่ามีน้อยอยู่เลย
         "...เจสซิก้าเกิดวันที่เท่าไร"
         "วันที่ 7 เดือนหน้าคะ"
         เกิดวันที่ 7 แต่ในทะเบียนเขียนว่าเกิดวันที่ 12 สิ่งที่เป็นจริงในทะเบียนคงจะมีแต่ชื่อสิน่ะ
         "เข้าใจแล้วขอบใจมากที่มาบอกเรื่องนี่นะ ถ้ามีการติดต่อมาอีกรบกวนช่วยแจ้งด้วยนะ"
         "คะ งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ"
         เมื่อเสร็จธุระแล้วแอนจึงขอตัวกลับไปก่อน รีไวล์มองตามอย่างไม่พอใจแต่ในใจก็รู้ว่าปัญหาอยู่ที่ใครถ้าไม่ใช่เจคทีไม่รู้จักการวางตัวที่เหมาะสม เอลวินกุมขมับเพราะเหมือนได้เรื่องหนักใจมาอีกหนึ่งเรื่องการฉลองวันเกิดใช่ว่าจะไม่เคยทำกันแต่นั้นมันตอนเด็กๆ พอมานึกดีๆแล้วทุกวันที่ 7 เจสซิก้าก็จะได้ของเข้าบ้านมาอยู่เรื่อยๆทั้งบอกว่าคนที่ร้านให้มาน้องชายให้มาไม่นึกว่าจะเป็นของขวัญวันเกิด
         แย่ล่ะสิ นี่มันเครียดยิ่งกว่าวางแผนการรบซะอีกเกิดมายังไม่เคยให้ของขวัญให้ใครเลยน่ะ


         วันเวลาผ่านไปต่างฝ่ายต่างไปทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เจสซิก้าที่พึ่งมารู้ทีหลังมาเรื่องระหว่างเจคกับรีไวล์มันชัดเจนเมื่อตอนที่เธอหลับไปถึงสองปี ช่วงเวลานั่นเจคระบายออกมารีไวล์ทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของทั้งๆที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน เจคเลยขีดเส้นแบ่งเอาไว้อย่างชัดเจนว่าจะเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นแต่ก็ไม่นึกเลยว่านอกจากรีไวล์จะไม่ฟังแล้วยังคอยตามมาเรื่อยๆจนถึงครั้งล่าสุดที่เจคไม่ยอมบอกว่าคุยอะไรกับรีไวล์ไว้
         
         อา แต่ช่างเถอะ ปากบอกว่าเพื่อนแต่ใจนะไปก่อนสมองแล้ว
         
         เจสซิก้ากลับมาถึงที่เกาะสวรค์เมื่อประมาณสองอาทิตย์ที่แล้ว แต่เห็นว่าเอลวินดูกลุ่มใจกับอะไรบ้างอย่างด้วยความอยากรู้อยากเห็นเลยแอบอ่านจิตใจของเอลวิน ปรากฏว่าเอลวินกำลังกลุ่มใจเรื่องวันเกิดของเธอ
         มันใช่เวลามั้ยเอลวิน... ขนาดสั่งฝึกยังเอาแต่คิดเรื่องนี่อีก
         ตอนแรกเจสซิก้าแทบจะเข้าไปกระชากคอเสื้อแล้วเอาหัวไปโขกสักทีถ้าเจคไม่เข้ามาห้ามแล้วบอกว่าตนเองเป็นคนบอกเอลวินเรื่องวันเกิดเอง เพราะอยากจะเซอร์ไพร์เจสซิก้า เจสซิก้าที่เห็นความตั้งใจของน้องชายและเอลวินจึงยอมถอยออกมาแต่ก็ไม่เข้าไปแสดงตัวว่ากลับมาแล้วเพราะหากไปหาตอนนี่คงจะแอบดูจิตใจของเอลวินทุกวันว่าจะให้อะไรแล้วจะไม่เซอร์ไพร์เอา
         ที่สำคัญเลยจะได้มีเวลาไปทุ่มเทกับการทดลองสร้างเซรุ่มทำให้ไททันกลับมาเป็นคนได้อย่างเต็มที่ในบ้านพักที่อยู่ริมชายหาดซึ่งก็มีล้มเหลวบ้างเห็นผลที่ดีขึ้นบ้าง ส่วนแอนนี่กับพ่อของแอนนี่ก็ได้ฝากให้แอนดูแลต่อ เพราะชื่อที่เกือบจะเหมือนกันแอนเลยให้เรียกมิเลอร์แทนซึ่งแอนนี่ยังอยู่ในขั้นตอนการเรียนรู้วิธีการทำเค้กและการชงชากาแฟ ตามสูตรที่เจสซิก้าฝากแอนไว้ให้ เห็นติดต่อมาเรื่อยๆว่าทั้งคู่มีความสุขดีโดยเฉพาะแอนนี่ที่ชอบกินของหวานอยู่แล้วส่วนคุณเลออนฮาร์ธอะไรที่ลูกสาวทำแล้วมีความสุขก็ดูจะมีความสุขตามเช่นกัน
         เจคก็คอยบริหารกิจการอย่างเงียบๆเพราะไม่อยากเจอกับรีไวล์เท่าไรนัก กลับมาจากในกำแพงทีไรก็บ่นเรื่องของรีไวล์ทุกครั้งไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตามจนเจสซิก้าแทบจะจับน้องชายตัวเองใส่ถุงดำผูกริบบิ้นสีรุ่งเอาไปวางไว้หน้าห้องรีไวล์
         เรื่องของซีคเจสซิก้าไปเจอกับซีคแค่ครั้งเดียวหลังจากที่กลับเพื่อรายงานผลงานของตัวเองพร้อมกับยืนยันค่าจ้างว่าซีคจะทำตามสิ่งที่ขอเอาไว้ คือปิดเรื่องของแอนนี่กับอ้อมฝีมือเวลาสู้กับหน่วยสำรวจ ซึ่งข้อหลังไม่รู้ทำไมซีคถึงดูมีแววตาแปลกๆอยากจะเข้าไปดูแต่กลัวเห็นภาพความทรงจำของซีคที่ขายพ่อแม่ตัวเองแล้วมันจะมากระทบจิตใจ
         
         จนกระทั้งเวลาแห่งการตัดสินมาถึงวันที่หน่วยสำรวจจะไปยึดเขตชิกันชิน่ากลับคืนมาประชาชนนับพันพากันออกมาให้กำลังใจหน่วยสำรวจเสียงดังสนั่นไปทั่วต่างจากเมื่อก่อน จนเอลวินรู้สึกหึกเหิมและขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจพร้อมกับสัญญาว่าจะยึดเขตชิกันชิน่ากลับคืนมาให้ได้
         ประตูกำแพงได้ถูกเปิดออกหน่วยสำรวจนำทัพโดยเอลวิน สมิทต่างพากับควบม้ากันออกไปมุ่งหน้าไปยังเขตชิกันชิน่าโดยตรง แต่ต่อให้รีบไปมากแค่ไหนก็กินเวลาไปครึ่งวันกว่าจะมาถึงสถานที่ตัดสินศึกครั้งแรกระหว่างคนในกำแพงและนอกกำแพง
         "เริ่มแผนได้ ทุกคนเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์เคลื่อนย้ายสามมิติ!!"
         เอลวินที่เห็นว่าเข้าใกล้กำแพงตรงเขตชิกันชิน่าแล้วออกคำสั่งการใช้อุปกรณ์เคลื่อนย้ายซึ่งรอบๆตัวมีอาคารบ้านเรือนที่ไร้ผู้คนเพราะได้อพยพไปเมื่อสองวันที่แล้วจึงเหมาะที่จะเป็นที่ยึดเกาะและหลบซ่อน ไม่รู้ว่าศัตรูจะเรืองที่เอเลนมีพลังในกรอุดกำแพงแล้วรึยังแต่ที่แน่ๆ เรื่องสมาชิกของหน่วยสำรวจที่ต้องระวังคงจะถูกไรเนอร์และเบลทรูทเอาไปรายงานหมดแล้ว สิ่งสำคัญเลยจำนวนของศัตรูที่ในรายงานบอกว่านอกจากไททันลิงแล้วยังมีไททันสี่ขาที่มีสติปัญญา และไททันลิงมีความสามารถในการทำให้มนุษย์นั้นกลายเป็นไททัน
         เมื่อทุกคนต่างแยกย้ายเพื่อค้นหาศัตรูและไม่พบ พลุสัญญาณถูงยิงขึ้นไปยืนยันว่าไม่พบศัตรู จึงต้องดำเนินแผนการต่อนั้นคือมุ่งหน้าเข้าไปยังเขตชิกันชิน่าด้วยอุปกรณ์สามมิติ
         ทุกคนต่างเตรียมที่จะสู้และยอมรับผลของการสูญเสียแต่ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นต้องขับไล่ศัตรูออกไปให้ได้ แต่สัญชาตญาณของเอลวินกลับบอกว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง มือยิงพลุสัญญาณเพื่อเรียกรวมพลมาที่กำแพงก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังเขตชิกันชิน่า
         "ศัตรูต้องอยู่ที่ฝั่งวอลมาเรียและที่กำแพงอย่างแน่นอนตรวจดูให้ทั่ว!"
         เอลวินสั่งกระจายกำลังค้นหาออกไปตามองไปยังฝั่งกำแพงวอลมาเรียที่ยังไม่ถูกบุกรุกแต่ศัตรูอาจจะอยู่ข้างในนั้นฝั่งของกำแพงวอลมาเรียก็เป็นได้ ในรายงานไม่มีข่าวเรื่องหมู่บ้านที่ไหนที่ถูกบุกรุกหรือรายงานคนหาย ดังนั้นการจะทำให้มีไททันในกำแพงนั่นคงเป็นไปได้ยากแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย
         "ผมเจอบางอย่างครับ มีอุปกรณ์การตั้งแคมป์กระจายอยู่ที่พื้นเจอแก้วที่มีกลิ่นของกาแฟแต่ว่าแก้วมีแค่สามใบที่เย็นตัวแล้ว แต่ในรายงานของคุณเจสซิก้าศัตรูมีอย่างน้อยสี่คน"
         อาร์มินรายงานสิ่งที่พบทุกคนต่างรู้สึกสับสนที่มีการค้นพบอุปกรณ์การตั้งแคมป์แต่ไม่พบศัตรู
         "แก้วนั่นทำจากโลหะรึเปล่า"
         "ครับ"
         แปลกมากถึงพวกเราจะเดินทางมาด้วยม้าด้วยความเร็วสูงสุด และเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์สามมิติทันทีที่มาถึงการที่เราไม่เห็นศัตรูเลยแสดงว่พวกเขาต้องพบเห็นเราก่อนหน้านั้น หรือจะเป็นไททันสี่ขาที่คอยทำหน้าที่เป็นหน่วยลาดตะเวณแก้วเลยมีแค่สามใบแต่พวกเขาจะมีเวลาเตรียมตัวมากแค่ไหนกันน่ะ..ถ้าจะซ่อนตัวพวกเขาจะไปซ่อนทีไหนกันนอกจากในบ้านเรือนและในป่า
         เอลวินยกมือขึ้นเพื่อเรียกลูกน้องที่เห็นสัญญาเข้ามาหา 
         "อาร์มินเธอคิดว่าศัตรูจะซ่อนตัวที่ไหนถ้าหากพวกเขามีเวลามากกว่า 5 นาที"
         อาร์มินคิดตามสิ่งที่เอลวินบอก นึกถึงเรื่องราวและคำสอนของเจสซิก้าในช่วงวัยเด็ก
         
         สิ่งสำคัญเลยเธอต้องมองให้ออกว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรต่อ จะก้าวเดินหมากไปยังไงให้ชนะอาร์มิน

         คำพูดของเจสซิก้าที่เหมือนจะเป็นคำเดิมๆเวลาที่อาร์มินเล่นหมากรุกแพ้เจสซิก้า ต้องนึกถึงสิ่งที่พอจะเป็นไปได้จากปัจจัยทั้งหมดให้คิดว่าตัวเองเป็นศัตรู
         ในบ้านเรือนก็พอจะเป็นไปได้ แต่ถ้าจะให้เหมาะต้องเป็นที่ๆเราคาดไม่ถึงอย่างเหมือนตอนที่เราเจอไททันในกำแพง ไม่มีใครคิดหรอกว่าจะมีไททันอยู่ในกำแพง
         
         ใช่แล้วในกำแพง!
         "มีความเป็นไปได้ที่ศัตรูจะซ่อนตัวอยู่ในกำแพงครับ แต่ก๋็ไม่ควรประหมาดผมคิดว่าต้องทำการค้นหาทั้งในและนอกกำแพงอย่างละเอียดที่สุด!"
         อาร์มินตอบคำถามของเอลวิน ซึ่งถือว่าไม่ผิดหวังสำหรับคนที่เล่นหมากรุกกับเจสซิก้าเป็นพันรอบ และเป็นคนที่เจสซิก้าเอ่ยปากชมมาโดยตลอดว่าเป็นคนที่หัวดี มีความคิดแปลกแยกกว่าคนอื่น
         เมื่อได้ยินคำตอบของอาร์มินเอลวินคิดได้ทันทีเลยว่าต้องใช้กำลังทหารที่มากกว่านี่ มือยิงพลุสัญญาณควันรวมตัวทหารทุกคนยกเว้นทหารหน้าใหม่
         "ทำตามที่อาร์มินพูดทำการค้นหาศัตรูโดยเฉพาะในพื้นผิวกำแพง ศัตรูอาจจะซ่อนตัวอยู่ในกำแพง หน่วยของรีไวล์ไปประจำตำแหน่งเตรียมรับมือกับศัตรูซะ"
         ทหารที่ได้ยินคำสั่งที่ดูแปลกที่สุดของเอลวิน แต่เป็นเพราะเอลวินเป็นผู้บัญชาการเลยยอมทำตามโดยที่ไม่มีข้อสงสัยอาร์มินจึงขอให้เอลวินสั่งทหารที่ไปตรวจที่กำแพงนั่นให้ตรวจไล่จากล่างขึ้นมาบนด้วยอีกทีหนึ่ง
         เอเลนมองอาร์มินที่ยืนคุยบอกความคิดเห็นกับเอลวินด้วยความภาคภูมิใจที่มีเพื่อนที่หัวดีแบบอาร์มิน และสามารถตอบความคิดเห็นของผู้บัญชาการเอลวินมาได้โดยตลอด ซึ่งเอเลนก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเช่นกัน
         หน่วยสำรวจที่ทำการกำแพงนั่นไล่เคาะหาเสียงเพื่อหาจุดตรงที่น่าสงสัยจนกระทั้งมีทหารนายหนึ่งที่เคาะแล้วพบว่ากำแพงส่วนนี่มันมีพื้นที่กลวงมือยิงปืนยิงพลุสัญญาณ พร้อมกับตะโกนบอก
         ทุกคนรีบมองไปที่ทหารที่ยิงพลุสัญญาณที่ตอนนี่ถูกบางสิ่งแทงเข้าที่ท้องอย่างฉับพลัน ทหารนายนั้นร่วงลงไปที่พื้นเพราะพิษบาดแผลก่อนที่ร่างที่คุ้นตาเป็นอย่างดีสำหรับทหารรุ่น 104 จะปรากฏตัวออกมา
          
         "ไรเนอร์!!"
      
         อาร์มินที่เรียกชื่อของไรเนอร์ได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกเพราะความผูกพันที่มีกันมา ซึ่งเรื่องนี่ไม่มีผลต่อรีไวล์ที่มีเป้าหมายในการจำกัดศัตรูโดยเฉพาะ รีไวล์เคลื่อนไหวไปหาไรเนอร์อย่างรวดเร็ว แทงมีดไปที่คอแต่ไม่สามารถออกแรงฟันให้ขาดได้ไม่สิ ฟันไม่เข้ามากกว่าจึงตัดสินใจใช้อีกข้างแทงเข้าไปที่กลางอกหวังจะแทงให้ทะลุหัวใจ แต่ก็มีบางอย่างเบี่ยงใบมีดมันออกไป เมื่อได้เห็นสายตาของคนที่ชื่อไรเนอร์มองสื่อความหมายออกมาว่า แค่นี่มันทำอะไรไม่ได้หรอก รีไวล์รีบถอยหนีสถบออกมาอย่างไม่ได้ดั่งใจไม่ว่าจะคิดยังไงก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
         
         "ฉันฆ่ามันไม่ได้"
         แสงที่เป็นสัญญาณของกาแปลงเปล่งขึ้นมาพร้อมกับสายฟ้า ร่างไททันเกราะที่นอนราบอยู่กับพื้นปรากฏออกมาให้เห็นเอลวินรีบสั่งให้คนอื่นตรวจสอบรอบๆเพื่อหาศัตรูที่เหลือแต่ก็ช้าเกินไปเพราะมัวแต่ไปสนใจไรเนอร์ทำให้ซีคสบโอกาศที่จะตลบหลัง
         แสงของการแปลงเป็นไททันส่องสว่างออกมาหลายลูกเพราะไม่ได้มีแค่ตัวเดียว เอลวินหันไปมองก็พบว่ามีไททันที่พึ่งแปลงร่างอยู่หลายตัวและมีไททันอยู่ตัวหนึ่งที่แตกต่างจากไททันตัวอื่นๆ ไททันสัตว์ป่า
         ไททันสัตว์ป่าหยิบก้อนหินขนาดใหญ่เกินมือแต่ไม่มีอุสรรคเรื่องน้ำหนักโยนไปที่กำแพงอย่างแม่นยำและเต็มแรง เอลวินที่เห็นว่าก้อนหินก้อนนั้นกำลังมุ่มหน้ามาทางนี่รีบสั่งให้หาที่หลบทันทีเหล่าทหารหน้าใหม่ต่างถูกลูกหลงไปด้วยแต่ไม่มากจนถึงทำให้มีคนบาดเจ็บนอกจากตกใจ
         "พลาดงั้นเหรอ!"
         "ไม่ เข้าเป้าเลยต่างหาก"
         ประตูที่อุดด้วยก้อนหินเพื่อปิดทางเชื่อมต่อการใช้ม้าของหน่วยสำรวจในเขตชิกันชิน่า แบ่งหน่วยสำรวจออกเป็นสองอย่างที่คิดเอาไว้เพื่อตัดกำลังทหารและล้อมฝั่งวอลมาเรียด้วยไททัน
         "แบบนี่นี้เองแปลว่าการต่อสู้นี่เป็นการต่อสู้ที่เป็นความต้องการของทั้งสองฝ่าย"
         แบ่งออกเป็นสองทีมแล้วแยกกันกำจัด
         "มาทำให้มันจบลงเถอะ ระหว่างพวกเรากับไททันที่ต่ำช้านั่นต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ต้องตาย"
         เอลวินชักดาบออกมาพร้อมสู้ด้วยรอยยิ้มเพราะความตื่นเต้นกับศึกครั้งแรกที่ทำเพื่อตัวเองไม่ใช่เพื่อมนุษย์ชาติ ไม่มีการต้องอ้างคำมนุษย์ชาติมาอ้างอีกต่อไปแล้วหน่วยสำรวจจะเป็นหอกที่แทงทะลวงเป้าหมายอย่างไร้ความปราณีเพื่อความฝันของทหารทุกคนที่เข้ามาอยู่ในหน่วยสำรวจ





    หน้าที่ 28 ของ Attack on Titan ผ่าพิภพไททัน, Shingeki no Kyojin ตอนที่ 74.
         
         https://thtoon.xyz/manga/attack-on-titan/vol-74
    เผื่อนึกภาพไม่ออก


    ที่ตอนนี่แต่งต่างจากเนื้อหาจริงเพราะเป็นที่รู้ๆกันแล้วว่าหน่วยสำรวจมีตัวตนยังไงสำหรับเอลวิน ราชาอัลคลิกก็อยู่ข้างตัวเอง ประชาชนก็เชื่อใจมาหลายปี
    หน่วยสำรวจมีอยู่เพื่อคนที่คิดจะสู้กับไททันที่เหมือนเป็นความจริงของโลกในกำแพง
    ปล.ที่เจคบอกว่าจะฆ่าคนที่ทำให้เจสซิก้าร้องไห้ แล้วทำไมเอลวินถึงไม่โดนทั้งๆที่ทำนางร้องไห้มาตั้งหลายครั้ง
         คำตอบนะฮ้า เพราะเจคไม่ได้อยู่ตรงนั่นตอนที่เจสซิก้าร้องไห้ทุกครั้งเลย เจคเลยไม่รู้ว่าเจสซิก้าร้องไห้55555 เอลวินก็รอดตัวไปฮ้า
         
         
         
         
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×