เจสซิก้ากลับมาที่กำแพงวอลโรเซ่เข้าไปเช็ดชื่อออกงานตามปกติ มีข่าวว่าหน่วยสำรวจถูกเรียกเข้าเมืองหลวงเพราะภารกิจล้มเหลวในรอบหลายปี ทหารหน่วยสำรวจมีตายไปมากกว่าปกติสภาพศพแต่ละคนดูไม่ได้ ไหนจะไททันที่ถูกค้นพบในวอลมาเรียอีก แต่ไททันเหล่านั้นก็ถูกลูกไฟปริศนาเผาไหม้ไปหมด
ประชาชนในวอลมาเรียต่างพากันอพยพเข้ามากำแพงวอลโร่เซ่แต่ไม่ได้วุ่นวายเหมือนในเนื้อเรื่อง
เจสซิก้าที่ออกเวณแล้วก็ต้องพบกับเคนนี่ที่มายืนรอรับกับเจคที่นั่งอย่างหมดแรงเพราะใช้พลังไปกับการถ่วงไททันหญิง
".....มีธุระอะไรที่เจอวันนี่มันไม่สนุกหรือไง"
"องค์ราชาอัลคลิกส่งข่าวมาว่าอยากจะคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว"
เคนนี่แจ้งข่าวพร้อมกับชูกระดาษใบเล็กๆ เจสซิก้ามองเจคที่ทำหน้าเหนื่อยหน่ายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่หยุดให้พักหายใจ
อย่ามาทำตัวขี้เกียจตอนนี่น่ะเจค...ฉันเองก็ขี้เกียจเหมือนกัน
"อัลคลิก?ใช่พี่คนรองมาจากฟรีด้าใช่ไหม?"
"คนโตต่างหาก หน้าของหมอนั้นแก่จะตายมองยังไงว่าเป็นพี่คนรอง"
เคนนี่นินทาเจ้านายตนเองอย่างไม่เกรงกลัวทำให้เจสซิก้านึกถึงเจคตอนนินทาแม่ตัวเองเพียงแต่ตอนนั้นคนที่ถูกนินทาก็มาได้ยินพอดีสุดท้ายก็ถูกจับโยนบ่อจระเข้ให้เพลินตาเพลินใจเล่นๆ
"ขอบคุณที่ยอมมาตามคำขอของผมนะครับ ฟรีด้าพูดถึงคุณบ่อยมากคุณเจสซิก้า"
ชายหนุ่มร่างใหญ่ผมดำเหมือนฟรีด้าลุกขึ้นทักทายทันทีที่ประตูเปิด ในห้องไม่ได้มีเพียงแต่อัลคลิกแต่ยังมีคนอื่นๆที่เป็นครอบครัวของฟรีด้านั่งร่วมกัน เหมือนเป็นงานเลี้ยงน้ำชาเพียงแค่มีคนนนอกอย่างเธอมาเข้าร่วมด้วย เพราะอัลคลิกเจาะจงที่เจสซิก้าเจคจึงถูกส่งไปยังอีกห้องหนึ่งที่เป็นห้องรับแขกโดยมีเคนนี่อยู่เป็นเพื่อน
"รู้ไหมว่าวันนี่มีเรื่องเกิดขึ้นเยอะมากตั้งแต่เช้า แทนทีฉันจะได้ไปกินอาหารมื้อเย็นตอนนี่ฉันต้องมาดื่มน้ำชารสเกลือเนี่ยนะ"
เมื่อคนเป็นน้องชายออกไปแล้ว เจสซิก้าหันมาพูดประชดใส่คนที่ยืนรอต้อนรับอยู่ทันทีโดยไม่เกรงใจคนที่เหลือที่นั่งอยู่ในห้อง
"งั้นผมจะไปสั่งอาหารมื้อพิเศษเพื่อคุณโดยเฉพาะนะ"
"ไม่ต้อง อาหารมื้อพิเศษของนายมันไม่สามารถทำให้ท้องของฉันหายหิวได้หรอกมีธุระอะไรก็พูดมา"
เจสซิก้าลงไปนั่งเก้าอี้หรูที่แดงที่เป็นเหมือนหัวโต๊ะอัลคลิกมองคนกระทำด้วยสายตาตำหนิแต่เจสซิก้าเลือกที่จะไม่ใส่ใจ ก่อนจะผายมือไปยังเก้าอี้อีกตัวหนึ่งที่ควรเป็นที่นั่งของเจสซิก้าในตอนแรก
"ทำไมยังไม่นั่งละท่านประธาน ทุกคนรออยู่นะ"
"คุณรู้มั้ยว่าการทำแบบนี่มันเป็นเสียมารยาทอย่างมาก"
"ฉันรู้แต่หัวข้อสนทนาคือฉัน เพราะงั้นฉันควรนั่งตรงนี่ไม่ใช่เหรอ"
อัลคลิกเอามือไปบีบจมูกอย่างหนักใจ ก็พอรู้ว่าจากฟรีด้าว่าเจสซิก้าเป็นคนแปลกๆแต่ไม่คิดว่าจะแปลกถึงขั้นข้ามหัวกันขนาดนี่
"เอาเถอะคนเราต่างถิ่นต่างวัฒนธรรมนี่นะ"อัลคลิกพูดปลอบใจตัวเอง
" เรื่องของเรื่องคือลูกไฟประหลาดที่เกิดขึ้นในวันนี่มันคือฝีมือของคุณใช่มั้ย"
"ใช่"
เสียงซุบซิบของเด็กๆดังขึ้นมาทันทีจนคนเป็นแม่ต้องส่งสายห้ามปรามตำหนิ เด็กทั้งสองคนที่ดูอายุเท่ากันจึงหยุดคุยก่อนจะนั่งมองเจสซิก้าอย่างสนใจ
"ที่ฉันทำลงไปเพราะมีไททันเข้ามาอยู่ในกำแพง"
"หมายความว่าประตูถูกทำลาย?"
"เปล่า ประชาชนของนายถูกทำให้กลายเป็นไททันโดยฝีมือของคนนอกกำแพง"
ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอัลคลิกนั่งนิ่งเงียบ แต่สายตาสื่อถึงความโกรธออกมาชัดเจนลอร์ดเรสก็นั่งกุมมืออย่างกังวลเพราะไม่คิดว่าคนจากนอกกำแพงจะเข้ามายื่นมือเร็วถึงขนาดนี่
"ฉันควรทำไงคุณเจสซิก้า ถึงจะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้"
"ทำไมถึงมาถามฉันละ เพราะฉันเป็นเพื่อนกับฟรีด้าอย่างนั้นเหรอ?"
"เราไม่สามารถเคลื่อนไหวอย่างโจ่งแจ้งได้ เพราะอำนาจแต่ละฝ่ายต่างก็อยู่กับฝ่ายขุนนาง ที่เรามีตอนนี่คือสายเลือดของพลังอำนาจไททัน"
ลอร์ดเรสพูดแทนลูกชาย
ช่างน่าตลกที่ปล่อยให้ขุนนางบริหารและกุมอำนาจที่ควรจะเป็นของตนหากให้เปรียบเทียบคงคล้ายๆกับสิ่งที่เรียกว่าประชาธิปไตยในหมู่คนชั้นสูง เจสซิก้าพิงหัวไปกับเก้าอี้มองคนพูดจะไปด่าว่าอะไรก็ไม่ได้เพราะคนที่ผิดจริงๆคือราชาฟริสที่ 145 คนที่เลือกจะหนีจากความโหดร้ายของโลกโดยโทษว่าเป็นบาปของตน
อำนาจที่ตระกูลเรสมีอยู่ตอนนี่คือการสั่งการเคนนี่ที่มีทหารอยู่ในหน่วยของตนเองโดยเฉพาะกับการใช้สิทธิของราชาที่แท้จริงกับพวกขุนนางสินะ.....
เจสซิก้าหลับตาคิดไปคิดมา เพราะดูๆแล้วตะกูลเรสอยากไม่อยากจะประชาชนรับผลกระทบไปมากกว่านี่ ซึ่งมันก็ไมใช่ธุระกงการของเธอที่ต้องมาห่วงคนที่ไม่ได้อยู่ใต้อำนาจของเธอยกเว้นเหล่าคนงานในเครือของเจสซิก้าและเจคที่ส่วนใหญ่อยู่ในกำแพงวอลมาเรียนี่สิ
"ตลกดีนะที่อำนาจส่วนใหญ่กระจายไปอยู่ที่ขุนนาง ฉันเองก็ไม่อยากจะใช้สำนวนที่ว่าบ่อน้ำไม่เดินมาหาหรอก"
"มันแปลว่าอะไรเหรอครับ?"
คราวนี่เป็นลูกชายคนรองที่ถาม
"สิ่งที่ต้องการจะไม่เดินมาหาเอง ถ้าอยากได้อะไรต้องไปเอามาเองซะจำไว้นะคำนี่ฉันถูกสอนมาตั้งแต่เด็กๆเลย"
"หมายความว่าคุณจะไม่ช่วยพวกเรา?"
"ใช้คำว่าเจรจาจะดีกว่า มันจะได้ไม่ดูบังคับมากเกินไป ฉันอยากให้นายช่วยสนับสนุนฉันไม่ต้องไปสนับสนุนหน่วยสำรวจให้เกินหน้าเกินตาเดียวพวกขุนนางจะดิ้นเร็วเกินไป"
"สิ่งสำคัญที่จะทำให้ฉันได้อำนาจกลับคืนมาคือหน่วยสำรวจสินะ"
เมื่อเริ่มเห็นแสงสว่างอัลคลิกรีบพูดเพื่อจะได้เข้าใจตรงกัน
"ก็ใช่ ที่จริงฉันก็มีแผนที่คิดไว้มานานแล้วนะลองฟังดูไหม"
เจสซิก้าอธิบายแผนการรวมถึงรายละเอียดต่างๆของแผนให้อัลคลิกและครอบครัวของอัลคลิกฟัง ส่วนใหญ่ดูไม่เข้าใจเท่าไรคนที่เข้าใจมีแต่ภรรยาของลอร์ดเรสและอัลคลิกที่ต้องทำเข้าใจก่อนอยู่สักพัก
แผนของเจสซิก้าคือปล่อยให้หน่วยสำรวจมีผลงานความดีความชอบไป การที่อัลคลิกเรียกเอเลนเข้าเมืองเป็นการทำที่ถูกแล้วเพราะเอเลนจะเป็นเหยื่อล่อที่สำคัญและจุดสำคัญเลยคือให้อัลคลิกปล่อยข่าวเรื่องของจับกุมไททันได้แต่ถูกขัดขวางหรือเรื่องผลงานของหน่วยสำรวจ หากมีขุนนางคัดค้านหรือรู้เข้าก็ให้ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทำตัวเหมือนเป็นราชาผู้เกียจคร้าน
ต่อมาเมื่อประชาชนได้รับรู้ถึงเรื่องที่ว่ามีมนุษย์ที่สามารถแปลงเป็นไททันได้นอกจากเอเลน ตรงจุดนั้นปล่อยให้เป็นเรื่องปวดหัวของพวกขุนนางไป ดั่งน้ำมนต์ที่สาดใส่ผี เหมือนน้ำเกลือที่สาดใส่แผล ให้พวกที่รักตัวห่วงชีวิตที่หรูหราดิ้นอย่างเจ็บแสบไป ส่วนที่เหลือปล่อยให้เจสซิก้าไปจัดการเองไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นให้สร้างละคลรัฐประหารขึ้นมาให้หน่วยสำรวจที่มีผลงานความดีความชอบถูกใส่ร้ายป้ายสี ประชาชนจะเริ่มมีความคิดที่ไม่ดีแก่ราชาตัวปลอม
"ส่วนหลังจากนี่นายจะไปเปิดเผยตัวหรือจะทำผู้เสียหายก็ไม่ว่ากัน บอกถึงขนาดนี่ถ้ายังคิดเองไม่ได้ก็ไปขอให้เคนนี่ช่วยสอนวิธีการคิดแผนการซะ"
"คนที่ฉลาดจำเป็นต้องเป็นคนบ้าๆอย่างคุณหรือเคนนี่รึเปล่าเนี่ย "
อัลคลิกกุมหัวมองคนนั้งหัวโต๊ะอย่างเหนื่อยใจอย่างกับเป็นเจคคนที่สอง เจสซิก้ายิ้มกับคำเปรียบเทียบของอัลคลิกที่จริงตนเองไม่ได้เป็นคนฉลาดหรอก แต่แค่เลือกเส้นทางที่คิดว่ามันจะดีที่สุดสำหรับคนที่ควรจะได้รับ
"ฉันคิดว่าไม่จำเป็นหรอก ขนาดในกองทหารหลวงยังมีคนฉลาดแบบธรรมดาอยู่เลย ถ้าจะติดต่ออะไรมาก็ติดต่อไปหาเจคไม่ก็เคนนี่นะที่จริงมันจะดีมากถ้านายติดต่อไปหาเจค"
เจสซิก้าลุกขึ้นยืนส่งยิ้มให้น้องๆของฟรีด้าด้วยความเอ็นดูความเป็นจริงก็ควรจะมีฮิสโทเรียหรือคริสต้ามานั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย แต่เพราะด้วยความที่เป็นลูกนอกสมรสทำให้ฮิสโทเรียไม่มีสิทธิที่จะมาอยุู่ที่นี่ ในใจของเจสซิก้าก็สัญญาเอาไว้ว่าจะทำให้คริสต้ามีความสุขที่สุดในอนาคตให้ได้ และแน่นอนว่าความสุขของฮิสโทเรียคงไม่ใช่การมานั่งร่วมโต๊ะในที่นี่แน่นอน
"ฮิสโทเรียคือน้องของฉัน ถึงฉันจะไม่ชอบเธอเท่าไรก็เถอะ"
อัลคลิกที่เห็นเจสซิก้าเหม่อมองพวกน้องๆของตัวเอง พูดความรู้สึกที่มีให้แก่คริสต้าน้องสาวต่างแม่ออกมาเจสซิกาถอดหายใจเพราะเรื่องนี่เป็นเรื่องของแต่ละคน ความรู้สึกและอารมณ์ไม่สามารถจะไปตัดสินแทนกันได้ง่ายๆ
"นั้นมันเรื่องของนาย นายจะรู้สึกยังไงกับฮิสโทเรียฉันก็ไม่สนหรอก"
"ระ รูปทะเลที่คุณวาดเอาไว้ ตอนนี่มันอยู่ในกรอบ และตั้งไว้ในห้องนอนของพี่ฟรีด้า จะยังไงวันไหนที่ว่างก็แวะมาได้นะคะ"
คราวนี่เป็นน้องคนเล็กสุดแต่อายุมากกว่าฮิสโทเรียพูดตะกุตะกะ เพราะตื่นเต้นที่ได้คุยกับคนนอกกำแพง เจสซิก้ามองคนที่ควรตายอย่างน่าสยดสยองด้วยความแปลกใจที่ยังคิดจะชวนคนนอกอย่างเธอให้มาหาอีกครั้ง แต่พอเห็นแววตาที่เป็นประกายเหมือนของอาร์มินตอนที่ได้เห็นรูปของทะเลเจสซิก้าก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กคนนี่ต้องการอะไรจากเธอ
"ไว้ฉันจะส่งภาพวาดของโลกนอกกำแพงมาให้เธอนะ ฟรอเรียน"
"เจคตื่นถ้านายยังไม่ยอมตื่นละก็ฉันจะให้เคนนี่จูบนายนะ
"เฮ้ย ตลกมากรึไง"
เคนนี่พูดขึ้นอย่าอดไม่ได้เมื่อได้ยินสิ่งที่น่าขนลุก เจคขยี้ตาตัวเองอย่างอ่อนเพลียนเจสซิก้าลูบหัวน้องชายเพื่อชมผลงานในวันนี่ของเจค เจคเป็นเพียงแค่เสี้ยวแวมไพร์การที่เจคใช้พลังในการจับตัวแอนนี่ไม่ให้ตามหน่วยของรีไวล์ไปก็เป็นการกินพลังมากพอแล้ว
"กลับบ้านกันเถอะนะ"
"เจสซิก้าาาา ตื่นได้แล้วเว้ยยยย"
คนขี้เซ้าในเมื่อวานตื่นเช้ากว่าคนพากลับบ้านเปิดประตูเสียงดังไม่กลัวเลยว่าคนข้างบ้านจะตื่นขึ้นมา
"อืม....ขออีกชั่วโมงหนึ่งนะเจค"
ไม่มีการเจรจาต่อรองอะไรทั้งนั้น เจคหยิบผ้าห่มสบัดร่างบางให้ลุกขึ้น เจสซิก้าที่ถูกปลุกอย่างโหดร้ายลุกขึ้นนั่งมองหน้าต่างที่ยังฟ้ามืดอยู่
"แผนจะเริ่มขึ้นก็ต่อเมื่อแอนนี่ถูกจับไม่ใช่หรือไง"
ใช่แล้ววันนีืเป็นวันที่เอเลนจะถูกเรียกเข้าเมืองหลวงตามข้อตกลงในศาลทหารในตอนแรก และเพื่อเป็นการหยุดการเรียกตัวที่ว่าเอลวินจึงวางแผนจับตัวจริงของไททันหญิงหรือก็คือแอนนี่ซึ่งส่วนนี่เจสซิก้าไม่คิดจะมาเกี่ยวข้องด้วยเพราะเข้าไปช่วยมีแต่เสียกับเสีย ไหนจะข้อตกลงระหว่างตัวเองและซีคอีกต่างหากที่ต้องพาตัวเบลทรูทและไรเนอร์ไปหาซีค
"แค่ตอนนี่เธอยังเป็นทหารรักษาการณ์อยู่นะถ้าโดดงานจะเป็นผลเสีย ตื่นไปเช็ดชื่อเข้างานแล้วไปนอนต่อก็ได้ ลุก!!!"
"มาคิดอีกทีตามพลอตเรื่องซีดมันจะทำให้หมู่บ้านโคนี่กลายเป็นไททัน แล้วมิเกะก็ถูกกิน"
เจสซิก้าที่เช็ดชื่อเข้างานเป็ที่เรียบร้อยแล้วและกลับมาจากการไปบุกบ้านใครบางคนเพราะพึ่งนึกถึงเรื่องสำคัญได้พูดนึกเนื้อเรื่องออกมา
"แต่ซีคก็สัญญาเอาไว้นี่นาว่าจะรอ"
เจสซิก้านั่งเฝ้าบ้านพักที่รุ่น104 ถูกเรียกมารวมตัวกันอยู่ห่างๆ ในหัวนึกแผนการความเป็นไปได้ต่างๆ เมื่อเช้าตอนที่ถูกปลุกและนึกถึงเรื่องสำคัญได้ว่ามันเกิดขึ้นภายในวันเดียวกัน เจสซิก้าจึงให้เจคไปเอาของบางอย่างจากแอนนี่ด้วยพลังของเจคหากแอนนี่ถูกจับตัวแล้วจริงๆ ส่วนเคนนี่เจสซิก้าใช้ให้เคนนี่แทรกซึมเข้าไปในหน่วยกองรักษาการณ์หน่วยของฮาเนสก่อน ถ้าสิ่งที่เธอคิดมันเกิดขึ้นจริงๆ อย่างน้อยเคนนี่จะได้มาสมทบกับเธอได้ถูกสถานที่เพื่อนำอาวุธบางอย่างที่เธอฝากให้ฝ่ายพัฒนาอาวุธช่วยทำตามแบบแปลนอาวุธมาใช้
เข้าใจความรู้สึกของชาช่าที่ต้องมานั่งเปื่อยในบ้านพักแล้วละมันน่าเบื่ออย่างนี่นี้เอง
เจสซิก้านั่งมองมิเกะที่ทำหน้าที่เป็นตัวเรดาร์ตรวจจับไปนั่งมองชาช่าที่นั่งน้ำลายยืดในบ้านพักไปสลับไปมา จนกระทั้งมิเกะมีท่าทางที่แปลกไปอย่างชัดเจน หันหน้าไปยังทิศทางหนึงก่อนจะพูดบางอย่างกับลูกน้อง
มีไททันอยู่จริงๆสินะ....
เจสซิก้าจัดการทำการควบคุมไททันตัวหนึ่งในระยะไกล ภาพไททันตัวใหญ่มีขนปกคลุมอยู่ด้านหน้าปรากฎให้เห็น เจสซิก้าสำรวจร่างไททันตรงหน้าให้ชัดๆจนแน่ใจแล้วว่ามันคือไททันสัตว์ป่า
ซีคนายไม่ได้เชื่อฟังที่ฉันพูดเลย...
เพื่อกันไม่ให้ซีคเห็นความผิดปกติเจสซิก้าตัดการเชื่อมต่อกับไททันก่อนจะลงไปขี่ม้าด้านล่างที่มีม้าสำรองอยู่ด้วยตัวหนึ่ง
ทหารรุ่น104 พากันขี่ม้ากันออกไปกันอย่างวุ่นวายเจสซิก้าสวมผ้าคลุมมีหน้ากากปิดปาก รอจังหวะช่วงที่มิเกะถูกถอดอุปกรณ์สามมิติแล้วเธอจะเข้าไปช่วยแบบเท่ๆ
มิเกะที่ขี่ม้าไปกับเหล่าทหารรุ่น104 ได้ย้อนกลับมาเพื่อกำจัดไททันที่คิดจะตามมา เจสซิก้าพยายามหลบซ่อนตัวจากสายตาของซีคที่เดินสำรวจอยู่รอบๆ ไททันถูกฆ่าแล้วตัวแล้วตัวเล่าสมกับเป็นอันดับสองของกองสำรวจ ที่ฝีมือเป็นรองแค่รีไวล์
มิเกะพุ่งไปยืนตรงที่หลังคาเพื่อดูผลงานของตน โดยปล่อยพวก3-4 เมตรเอาไว้ เนื่องจากใบมีดนั้นต้องเก็บเอาไว้ในยามฉุกเฉิน พวก3-4 เมตรนั้นไม่จำเป็นต้องไปเปลื้องพลังงานและใบมีดให้สูญเปล่า
มิเกะเป่าปากเรียกม้าของตนให้มารับสายตามองไททันร่างใหญ่เกินปกติที่เดินไปรอบคิดว่ามันไม่ได้สนตัวเอง ในหัวคิดอยู่เพียงเรื่องเดียวในตอนนี่คือต้องรีบไปก่อนที่จะมืด
มิเกะละความสนใจไปจากไททันหน้าขน ตามองม้าตนเองที่วิ่งมาแต่ไกล แต่ทันใดนั้นไททันหน้าขนที่ไม่ได้สนม้าตนเองในตอนแรกก็ถูกไททันหน้าขนจับมันเอาไว้ก่อนจะถูกขว้างมาหาตนเองอย่างแม่นยำ มิเกะที่ไม่ได้ทันตั้งตัวหล่นลงมาจากหลังคาทันที ไททันตัวน้อยตาโตวิ่งเข้าไปจับมิเกะหมายจะกินมิเกะลงท้อง
"อ๊ากกกกกกกกกก"
มิเกะกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ฟันที่ไม่ได้แหลมคมเลยบดขยี้ซี่โครงอย่างไร้ความปราณีก่อนจะมีเสียงหนึ่งสั่งให้หยุด
"ปล่อยมัน...."
ไททันหน้าขนที่มาใกล้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ย่อตัวลงมองมิเกะที่ครึ่งกำลังจะถูกกิน ไททันอีกสองตัวที่แอบไม่กล้าเข้าใกล้ด้วยเหตุผลบางอย่าง
"อ๊ากกกกกกกก"
ไททันตัวน้อยเหมือนจะไม่ยอมเชื่อฟังพยายามจะยัดมิเกะเข้าไปในปากราวกับเด็กห่วงของกิน
"เฮ้ ก็บอกให้ปล่อยยังไงละ"
เมื่อเห็นว่าไททันตัวน้อยไม่เชื่อฟัง มือบีดต้นคอขยี้ให้แหลกละเอียดมิเกะถูกปล่อยออกมา นั่งอย่างหมดแรงเพราะแผลที่ท้อง กับความกลัวที่ร่างกายมันไปเอง
"นั้นมันคืออะไร?"
"!!?"
"ไอที่อยู่ตรงสะโพกทำให้สามารถกระโดดไปมาได้สินะ"
อีกครั้งที่มิเกะได้เห็นไททันพูดได้ แต่ให้ความรู้สึกที่ต่างกันออกไปมันเป็นเสียงที่น่าขนลุก ไม่ได้ให้ความเป็นมิตรเหมือนไททันปริศนาที่เจอเมื่อครั้งที่แล้ว
"อืมมม ฉันว่าฉันพูดภาษาเดียวกับนายอยู่นะ หรือว่ากลัวจนพูดไม่ออก"
ขยับร่างกายไม่ได้....
"ออเหมือนจะใช้อะไรที่คล้ายดาบสินะ แล้วก็คิดว่ามีอะไรอยู่ตรงต้นคอละสิท่า"
เมื่อไม่มีเสียงตอบรับซีคเกาหัวอย่างไม่แปลกใจเท่าไร แต่มือก็ยืนออกมาเหมือนจะจับตัวมิเกะ มิเกะก้มหัวเอามือกุมศีรษะหวังให้ช่วยปกป้องตัวเอง
"ถ้าไม่ว่าอะไรฉันขอนะ"
อุปกรณ์สามมิติถูกถอดออกอย่างง่ายดายมิเกะทำได้เพียงแค่ก้มตัวสั่นอย่างน่าสมเพช แต่ในสมองกลับนึกถึงคำพูดที่เคยพูดกับลูกน้องตัวเองที่กำลังสิ้นหวังก่อนหน้านั้น
ถ้าเรายังคิดที่จะสู้ต่อไป ก็ไม่แน่ว่าจะแพ้หรอก
มิเกะหยุดอาการตัวสั่นได้แล้ว ตามองร่างไททันหน้าขนที่กำลังเดินจากไป มือหยิบใบมีดลุกขึ้นสู้พอดีกับที่ไททันลิงพึ่งจะนึกออกว่ามีไททันตัวอื่นอยู่แถวนี่ด้วยเหมือนกัน
"เฮ้ ทีนี้อยากทำอะไรก็ทำเลยตามใจ"
มิเกะมือไม้อ่อนทันทีที่ได้ยินเสียงของยมทูต ไททันสองตัวที่ยืนแอบวิ่งพุ่งมาหามิเกะ มิเกะที่รู้แล้วว่ากำลังจะถูกกินรีบร้องขอชีวิตทันที
"ไม่นะ!! หยุด! ไม่! อ้าก!!!!"
ร่างกายที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีถูกไททันจับตัวเอาไว้ พากันยื้นแย่งมิเกะไม่สนใจคำร้องขอชีวิตก่อนที่จะมีตัวหนึ่งที่เอามิเกะเข้าปาก มิเกะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดในใจหวาดกลัวอย่างรุงแรงที่ตัวเองกำลังจะตาย
ฉันยังไม่อยากตาย
เผื่อทุกคนจะงงว่าพี่น้องฟรีด้ามาจากไหน ดูที่ช่องกลางเลยค่ะนั่นแหละคะ น้องๆหนูๆทั้งหลายที่ควรตาย คนพี่ก็คนที่ตัวโตที่สุด
ที่จริงมันมีรูปที่ชัดเจนกว่านี่ แต่ขอสารภาพขี้เกียจหา ส่วนสำนวน บ่อน้ำไม่เดินมานั้น ที่จริงต้องเป็น'บ่อน้ำไม่เดินมาหาควาย' แต่ต้องเข้าใจว่าตอนนั้นอยู่ครบทั้งครอบครัวจะให้บอกเต็มประโยชน์เกรงว่าจะไม่ดีเลยแอบเซนเซอร์ให้เล็กน้อยไม่รู้ว่าจะเคยมีใครได้ยินสำนวนนี่บ้างรึเปล่า
ขอบคุณที่ติดตามและกำลังใจทุกกำลังใจน่ะฮับ
ความคิดเห็น