ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The labyrinth of Deathเขาวงกตปริศนา...ล่ามรณะ

    ลำดับตอนที่ #1 : Laucha 100%

    • อัปเดตล่าสุด 12 ส.ค. 56


                                                            Laucha

         
     คัตเตอร์เล่มเล็กงัดแงะกลอนประตูจนกระทั่งมันหลุดจากกัน ผมหยักปลายนิดๆสีช็อคโกแลตเข้มของลอว์ช่าเปื้อนหิมะเล็กน้อย ไหล่บอบบางทั้งสองข้างก็เช่นกัน เธอยิ้มออกมาอย่างยินดีและเปิดประตูเหล็กหนาออกไป มือของเธอจากไฟฟ้าอ่อนๆที่ไหลอยู่ทั่วแนวรั้วป้องกันการหลบหนี 

          ลอว์ช่าถอดเสื้อกันหนาวสีน้ำเงินเข้มที่สกรีนตัวอักษร'คุกเยาวชนคัลลีส' ออก ดวงตาสีทองแวววับสะท้อนภาพทุ่งหิมะสีขาวเบื้องหน้า เธอวาดหิมะเป็นรูปต่างๆอย่างร่าเริงราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสา แต่ความสุขของเธอก็สิ้นสุดลงเมื่อผู้คุมวิ่งมาลากเธอโยนเข้าไปในห้องพักสำหรับเด็กที่ทำความผิดร้ายแรงหรือทำความผิดเล็กๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า 

         ห้องพักแห่งนี่กว้างแค่พอให้มีห้องน้ำกับวางโต๊ะเตียงเก้าอี้ได้เท่านั้น หน้าต่างที่มีอยู่บานเดียวทำจากกระจกนิรภัย ตาข่ายลวดตาถี่ๆที่เธอรู้ว่ามันมีกระแสไฟฟ้าไหลอยู่ ประตูห้องก็เช่นกัน ความจริงสถานที่แห่งนี้ไม่สมควรเรียกว่าห้องพักด้วยซ้ำ มันน่าจะเป็นห้องขังมากกว่า 
    "ติดอยู่ในนี้อีกแล้ว..." ลอว์ช่าถอนใจ เธอหยิบเศษโลหะออกมาจากกระเป๋าผ้าสักหลาดสีดำขนาดใหญ่พอสมควรมาประกอบเล่นอย่างใจลอย 

                                                                      กริ๊ก...

          เด็กสาวได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากผนัง เธอหันไปเห็นผนังที่เปิดออกเป็นทางลับที่ทอดไปจนมองไม่เห็นปลายทางเดิน แต่การลองเสี่ยงมันก็เป็นนิสัยของลอว์ช่าอยู่แล้ว เธอกวาดขนมปังกรอบในตู้กับสิ่งประดิษฐ์ของเธอ
    เข้าไปในย่ามกันน้ำ ลอว์ช่าก้าวเข้าไปในประตูลับบานนั้น ก้าวแรกที่เธอเข้าไป ผนังก็เลื่อนมาปิดช่องว่างนั้นทันที ลอว์ช่าจะหันหลังกลับ แต่ก็ไม่ทันแล้ว เด็กสาวหมดโอกาสถอยกลับโดยสิ้นเชิง 

          ความตื่นตระหนกครอบงำจิตสำนึกของเธอ ในที่สุดลอว์ช่าก็ตั้งสติได้ แต่เธอก็ไม่เห็นทางออกไปจากสถานที่แห่งนี้แม้แต่น้อย

           ลอว์ช่าปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอกำลังรู้สึกกลัว กลัวสุดขั้วหัวใจ อาจจะเป็นสถานที่นี้ที่ทำให้เด็กสาวหวาดกลัวถึงขีดสุด วินาทีหนึ่งเธอก็รู้สึกได้ว่าเส้นทางคดเคี้ยวแห่งนี้เหมือนจะกระตุ้นความคิดเลวร้ายภายในจิตใจ กระตุ้นความรู้สึกร้ายๆ กระตุ้นความโหดเหี้ยมอำมหิต และลอว์ช่าก็รู้สึกได้จริงๆว่าอากาศรอบตัวบีบคั้นเข้ามาจนเธอเจ็บปวด

        "หยุดนะ!!! หยุดได้แล้ว!!!" ลอว์ช่าตะโกนออกมาสุดเสียงเพื่อหยุดความคิดด้านลบที่ถาโถมเข้ามาใส่จนจิตสำนึกของเธอสัมผัสได้แต่ความทรมาน เพื่อหยุดบรรยากาศรอบตัวที่บีบคั้นอย่างรุนแรง 

          เสียงตะโกนของเด็กสาวกรีดแหวกอากาศและสะท้อนกลับมา ลอว์ช่าหอบแรง เธอรวบรวมสติที่แตกกระเจิงและเดินหาทางออก ทว่าเด็กสาวไม่เห็นอะไรเลยนอกจากคบไฟที่ไร้ความร้อนกับทางวงกตที่วกไปวนมาเท่านั้น สุดท้ายลอว์ช่าก็ทรุดตัวลงอย่างเหนื่อยอ่อน 
                                                                          ....กลัว....

            ลอว์ช่ากอดเข่าแน่น นัยน์ตาสีทองสั่นระริก เธอก้มหน้ามองพื้น ไม่อยากเห็นอะไรทั้งนั้น แต่เด็กสาวก็ต้องเงยหน้าขึ้นมาจนได้เมื่อได้ยินเสียงเหมือนวัตถุุหนักๆตกกระแทกพื้นตามด้วยเสียงร้องโอดโอย เธอเงยหน้าขึ้นมองโดยอัตโนมัติ

           เด็กผู้ชายอายุสิบสี่สิบห้าไล่เลี่ยกับเด็กสาวตกตุ้บลงมากระแทกกับพื้น เขามีผมสีทรายและดวงตาสีน้ำเงินสด "โอย..." เขาโอดครวญด้วยความเจ็บปวดก่อนที่จะสังเกตเห็นลอว์ช่า "ที่นี่ที่ไหนเหรอ" เด็กหนุ่มถามคำถามที่เธอไม่สามารถตอบได้ ลอว์ช่าเลยส่ายหน้าเงียบๆแทนคำตอบ 

            "โอเค..." เขาถอนหายใจ "เธอก็ไม่รู้ ฉันก็ไม่รู้ เอาเป็นว่ามาทำความรู้จักกันก่อนละกัน ฉันชื่อคาร์ลอส ดีโอแล้วเธอชื่อ?"  "ลอว์ช่า ลอว์ช่า เกรซ" เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจนักและหยิบวัตถุทรงกระบอกที่ทำจากโลหะทั้งอันออกมา พอเธอกดคันโยกจนสุด มันก็ลุกแดงด้วยความร้อน เด็กสาวเอาเศษเหล็กมากมายที่ไม่รู้ว่าเธอยัดไว้ในเป้ได้ยังไงออกมากองไว้ข้างๆบางอันอันลอว์ช่าก็วางมันไว้บนแผ่นเหล็กหนา ร้อนจัดทีทำหน้าทีแทนทั่ง เด็กสาวตีเศษโลหะเหล่านั้นด้วยกันจนมีเสียงโป๊งเป๊งดังก้องไปทั่ว

           คาร์ลอสไม่รู้จะทำอะไรต่อไป แต่เขาก็แปลกใจพอสมควรที่เด็กผู้หญิงอายุไม่เกินสิบห้าปีที่ดูมอมแมมมีความสามารถทางการช่างดีขนาดนี้ เขาพยายามช่วยเธอตีโลหะพวกนั้น แต่คาร์ลอสไม่มีภูมิต้านทานความร้อนอย่างลอว์ช่า เขาถึงถูกไฟลวกมือในเวลาไม่นาน 

           ลอว์ช่าวางมือจากโลหะสีเงินลุกแดงที่เริ่มประกอบกันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาและเอาหลอดทดลองที่บรรจุของเหลวสีเขียวเรืองๆดูอันตรายไว้ออกมาจากกระเป๋ากางเกงช่าง เธอหยดน้ำยาลงไปบนผ้าและยื่นมันให้คาร์ลอส เขารับมันไปและกดมันบนแผลพุพองบนฝ่ามือ ไม่กี่วินาทีต่อมา บาดแผลนั้นก็ไม่เจ็บปวดและยุบลงเป็นปกติ แต่เด็กสาวก็ไม่สนใจกับผลลัพธ์อันน่าทึ่งของมัน

           เธอลับมีดเล่มบาง ยาวจนคมกริบ สะท้อนภาพออกมาราวกับกระจกเงา แวววับ สวยงามแต่ก็น่าสะพรึงกลัว "เธอเก่งมาก..." คาร์ลอสเอ่ยเบาๆ ดวงตาสีน้ำเงินจับจ้องอยู่ที่ใบมีดสีเงินเงางามอย่างหวาดผวาเล็กน้อย คำพูดของปู่ที่เคยเป็นช่างตีเหล็กก้องในหัวของเขา 'ช่างที่ดี จะสร้างอาวุธที่มีชีวิตจิตใจของมันเอง' 

         คาร์ลอสรู้สึกว่าลอว์ช่าเป็นมากกว่า'ช่างที่ดี' เธอมีความเป็นช่าง เป็นผู้สร้างสรรค์ผลงาน เป็นนักรบ แววตาของเธอลึกและดูอารมณ์ร้อน เขาบอกได้ว่าลอว์ช่าเป็นคนอารมณ์ร้อนและคิดอะไรซับซ้อนด้วยการสังเกตแววตาของเธอ แต่ความซับซ้อนของเธอก็มากเกินกว่าที่เขาจะอ่านความคิดได้หมดว่าเธอจะทำอะไรต่อไป

         "ไปทางไหน" เธอถามหลังจากทีเก็บข้าวของและเสียบมีดเข้าไปในซองหนังที่เย็บลวกๆไว้กับเข็มขัด คาร์ลอสยิ้มแหยๆ เพราะเขาก็ไม่รู้ทาง แต่เด็กหนุ่มก็คิดวิธีหนึ่งขึ้นมาได้ "เธอมีเชือกมั้ย เชือกยาวมากๆเลยน่ะ" ลอว์ช่าเอียงคอมองเขาอย่างงุนงง แต่แล้วนัยน์ตาสีทองเจิดจ้าก็สว่างวาบ "เข้าใจแล้ว" 

          เด็กสาวดึงด้ายหลอดใหญ่ๆออกมาจากเป้ที่ไม่รู้ว่าใส่ของไว้เยอะขนาดนั้นได้ยังไง เธอยื่นมันให้คาร์ลอสและมองดูเขาผูกเชือกกับหินก้อนหนึ่งและเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย ไม่รู้ว่าทำไม แต่ทุกครั้งที่พวกเขาเหมือนจะออกไปได้ไกลจากจุดเริ่มต้น ทุกครั้งก็จะวนกลับมาที่เดิมเสมอ จนกระทั่งพวกเขาเจอเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง

          เด็กคนนั้นเป็น'ทุกอย่าง'ที่ทำให้เธออิจฉา ลอว์ช่าอยากมีผมสีบลอนด์ยาวๆนุ่มสลวยเป็นลอนแบบนั้นมาตลอด อยากมีดวงตาสีฟ้าใสมีเสน่ห์แบบนั้น อยากมีชุดโลลิต้าหวานๆแบบนั้นบ้าง เธอคนนี้ดูราวกับตุ๊กตาที่สวยสดงดงามไร้ที่ติ น่าอิจฉา และสมบูรณ์แบบ  
       
           เมื่อเด็กสาวย้อนกลับมาดูตัวเอง เธอก็ยิ่งอิจฉาเด็กผู้หญิงคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เรือนผมสีน้ำตาลเข้มหยักปลายเล็กน้อยยุ่งกระเซิงไม่เป็นทรงเทียบไม่ได้ก็ผมสีบลอนด์สวยที่ถักเป็นเปียหนาเรียบร้อย ดวงตาสีทองที่แปลกประหลาดจนผิดปกติแตกต่างจากดวงตาสีฟ้าใสกลมโตราวกับลูกแก้วนั่นราวฟ้ากับเหว รองเท้าบู๊ตเดินหิมะหนังเก่าๆสวยสู้รองเท้าส้นสูงประดับคริสตัลนั่นไม่ได้ เสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายแขนยาวสีขาวเยินๆกับเอี๊ยมทำงานช่างของเธอก็เทียบอะไรไม่ได้กับชุดโลลิต้าหรูหราสีชมพูขาวอ่อนหวานนั่น

          "ฉันชื่อแคโรไลน์ สตีเวนส์ พวกเธอเป็นใคร รู้ทางออกจากที่นีมั้ยคะ?" แม้แต่น้ำเสียงของสาวน้อยโลลิต้าผู้งดงามน่ารักก็อ่อนหวานนุ่มนวลไม่แพ้รูปลักษณ์ภายนอก 

                                                                                 ...น่าอิจฉา...

        นัยน์ตาสีทองสะท้อนภาพของเด็กสาวตรงหน้า แววตาของเธอผสมปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆมากมายที่อัดแน่นอยู่ภายในจิตใจ สุดท้ายเธอก็บอกชื่อของตัวเอง "ฉันชื่อลอว์ช่า นี่คาร์ลอส" 

        แคโรไลน์ไม่ได้โง่ขนาดที่เดาอารมณ์คนจากน้ำเสียงไม่ออก เธอดูออกว่าลอว์ช่าอารมณ์เสีย เสียงใสเฉียบคมราวกับแก้วคริสตัลแฝงไว้ด้วยความเกรี้ยวกราดเล็กน้อยแต่ก็มากพอที่ทำให้เธอรู้สึกได้ เด็กสาวจึงส่งยิ้มหวานๆให้ลอว์ช่า แต่นั่นกลับทำให้อีกฝ่ายดูหงุดหงิดใจกว่าเดิม นัยน์ตาสีทองประหลาดแวววาวเหมือนดวงตาของสิงโตที่กำลังจ้องเหยื่อ ทั้งดุร้าย สง่างาม และหยิ่งยโส 

         "ฉันชื่อโฟธิส พวกนายไม่รู้ทางออกจากที่นี่จริงๆใช่มั้ย" เด็กหนุ่มผมสีทอง ตาสีเขียวอ่อนที่ยืนเงียบๆข้างหลังแคโรไลน์มาตลอดเอ่ยขึ้น นัยน์ตาสีทองอำพันคมปลาบตวัดอย่างรวดเร็วเบนไปหาเขา สายตาของลอว์ช่าเฉียบขาด หยิ่งทระนง 

         สายตาของเด็กสาวทำให้โฟธิสเผลอถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ลอว์ช่าไม่ใช่คนประเภทที่ควรใช้คำที่ใกล้เคียงกับการสบประมาทได้โดยเฉพาะเมื่อเธอกำลังอารมณ์เสีย...ไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็ตาม

       "ฉันไม่ได้โกหก" น้ำเสียงของเด็กสาวเยือกเย็น เข้มแข็งจนเขารู้สึกเหมือนถูกกดดันด้วยแรงที่มองไม่เห็น โฟธิสผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆเพื่อระบายความอึดอัดด้วยรังสีเข้มข้นรุนแรงจากลอว์ช่า สุดท้ายแล้วเขาก็ตั้งสติได้ "ก็ไม่ได้ว่าโกหก"

        ลอว์ช่าเลิกคิ้ว แต่เธอก็ไม่ได้บ่นอะไรอีก เด็กสาวผูกเชือกที่ยาวตั้งแต่จุดเริ่มต้นไว้ที่เงี่ยงหินและเริ่มลงมือตั้งแคมป์ เธอหยิบเตาไฟอัตโนมัติออกมาและกดสวิตช์เปิดการทำงาน ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที เต็นท์ทรงโดมลายพรางขนาดใหญ่ยืได้สบายๆจุคนได้ประมาณยี่สิบคนโดยที่ยังเหลือที่ว่าง กั้นเป็นส่วนๆสวยงาม มีทั้งชานด้านหน้าที่มีมุ้งขึงอยู่ ด้านในก็มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเหมือนคอนโดพร้อมอยู่สะดวกสบายก็ตั้งขึ้นเรียบร้อย ทุกคนเตรียมจะเดินเข้าไป แต่ลอว์ช่าก็หันมาด้วยสีหน้าเย็นชา "นี่เต็นท์ฉัน ฉันเป็นคนตั้งเต็นท์ ห้ามเข้ามาเด็ดขาด" เด็กสาวรูดเปิดมุ้งที่ขึงปิดรอบด้านของชานเต็นท์ที่ยื่นมาด้านหน้าตัวเต็นท์และนั่งลงชงกาแฟร้อนๆด้วยอุปกรณ์ที่มีอยู่ในเต็นท์เหมือนจะเยาะเย้ยกัน

        พวกเขาไม่เข้าใจว่าอุปกรณ์ทั้งหมดนั่น หรือแม้กระทั่งเต็นท์ที่ตั้งได้ง่ายได้นั้นมีแบบแปลนยังไง แต่ตอนนี้ลมหนาวที่ไม่รู้พัดมาจากตรงไหนก็เริ่มโหมกระพือ หิมะที่ไร้ที่มาก็เริ่มตกและเหมือนจงใจพัดใส่พวกเขา คาร์ลอสหันไปมองชานเต็นท์ที่ลอว์ช่านั่งอยู่ และก็พบว่าม่านกันลมหนาคลี่ออกมาในมุ้งแล้ว เต็นท์นั่นก็คงกันความหนาวได้ดีเช่นกัน 

       นับว่าลอว์่ช่ายังพอใจดีที่ทิ้งผ้าใบพลาสติกไว้ให้ม้วนหนึ่งกับเตาไฟอัตโนมัติและถุงนอนพอดีจำนวนคน หนุ่มๆรีบลงมือขึงผ้าใบอย่างรวดเร็ว แต่ก็กินเวลานานจนแคโรไลน์ที่ไม่ได้สวมชุดที่เหมาะกับการทนอุณภูมิสั่นไปทั้งร่าง ถึงแม้จะกางผ้าใบแล้ว แต่ผ้าใบบางๆก็ไม่ได้ช่วยกันหนาวเท่าไรนัก เรียกได้เลยว่าไร้ประโยชน์ แต่ก็ดีกว่านั่งตากลมหนาวๆ

        มือขาวบางของคนที่นั่งอยู่ในเต็นท์ยื่นออกมาวางกระติกน้ำไว้ด้านนอก เสียงใสๆของเธอลอดออกมาเล็กน้อย "กาแฟร้อน...เอามั้ย"ถึงแม้ว่าแคโรไลน์จะไม่เคยดื่มกาแฟมาก่อน แต่ในสถานการณ์ที่หนาวจนแทบแข็งอย่างนี้ กาแฟร้อนก็เป็นความคิดที่ดีและเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมจนเธอต้องรีบคว้าไว้ก่อนที่ลอว์ช่าจะดึงมันกลับไป

       ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่าว่าเด็กสาวในเต็นท์ส่งเสียงหึอย่างเยาะหยันเย็นชา
    ออกมาจริงๆหรือเปล่า แต่แคโรไลน์ก็ซดเครื่องดื่มร้อนลงไปจนแทบไม่เหลือให้สองคนที่เหลือ รสชาติของมันหวานปะแล่มๆปนขมจนเธอไม่แน่ใจว่ามันคือกาแฟ 
     
       เด็กหนุ่มตาสีเขียวอ่อนเทของเหลวในกระติกออกมา หยดน้ำสีฟ้าใสนี่ไม่ใช่กาแฟร้อนอย่างที่ลอว์ช่าบอกหรอก "มันคือน้ำอะไรน่ะ" โฟธิสถามอย่างข้องใจ รสชาติขมปนหวานนี่ไม่ใช่เครื่องดื่มอะไรก็ตามที่เขาคุ้นเคย แต่คราวนี้ไม่มีเสียงตอบมาจากลอว์ช่า ไฟสีส้มที่เปิดอยู่ตรงชานก็ดับไปแล้ว เหลือแค่ไฟจากตัวเต็นท์ภายใน บ่งบอกว่าเด็กสาวไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว 

       "อย่างน้อยลอว์ช่าก็ยังพอใจดีอยู่นะ ที่ทิ้งถุงนอนสุดอุ่นไว้ให้เนี่ย" คาร์ลอสที่ซุกตัวอยู่ในถุงนอนที่ลอว์ช่าโยนทิ้งไว้ให้ เขาไม่คิดเลยว่าแม้กระทั่งถุงนอนธรรมดาๆ คุณนักประดิษฐ์อัจฉริยะยังซ่อนกลไกซับซ้อนซ่อนเงื่อนไว้อีก สิ่งประดิษฐ์แต่ละอย่างของเธอดูเรียบง่าย แต่กลับซับซ้อนจนน่าตกใจ ซับซ้อนกว่าสิ่งประดิษฐ์ของนักประดิษฐ์ชื่อดังด้วยซ้ำ 

        โฟธิสลองซุกตัวลงในถุงนอนบ้าง มันอุ่นสบายอย่างที่คาร์ลอสพูดจริงๆ ในเวลาไม่นาน เขาก็ผลอยหลับไปอีกคน 

        ประตูเต็นท์แง้มออกมาเล็กน้อย ลอว์ช่าเดินมาหยุดอยู่ข้างๆแคโรไลน์ที่หลับไปแล้ว ภาพพร่าเลือนในความทรงจำแทรกขึ้นมาในดวงตาคู่สวยแทนที่ภาพของเด็กสาวผมสีบลอนด์ที่หลับอยู่

       'พี่เป็นพี่สาวที่ดีที่สุดในโลกเลยนะคะ หนูรักพี่ค่ะ' เสียงใสๆของน้องสาว...ไม่ได้ยินมากี่ปีแล้วนะ? สามหรือสี่ปี ครั้งสุดท้ายที่เธอได้ยินคือตอนไหนกัน ครั้งสุดท้ายที่เด็กคนนั้นกอดขาเธอแล้วบอกรักคือตอนไหน รู้ตัวอีกที 'น้องสาว'ของเธอก็ไม่มีอีกแล้ว ไม่มีเด็กผู้หญิงผมลอนสีบลอนด์ที่มีดวงตาสีฟ้าสดใสอีกแล้ว ไม่มีรอยยิ้มร่าเริงไร้เดียงสานั้นอีกแล้ว ไม่มีอะไรอีกแล้ว ไม่มีอะไรเหลือเลย ไม่เหลือเลยสักอย่างเดียว ที่เหลือทิ้งไว้ ก็มีเพียงความทรงจำอันเจ็บปวดที่พร่าเลือนเท่านั้น

                                                                       ติง...

        หยาดน้ำตาสีใสเอ่อคลอนัยน์ตาสีทอง ร้องไห้เหรอ นี่เธอร้องไห้งั้นเหรอ ทั้งๆทีตั้งใจว่าจะไม่ร้องไห้ ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะเข้มแข็ง แต่สุดท้ายก็แค่นี้เหรอ ทำได้แค่นี้ อ่อนแอจนน่าสมเพช

         ลอว์ช่ายิ้ม ยิ้มไปร้องไห้ไปเหมือนคนบ้า ตอนที่เธอเจอแคโรไลน์ ไม่ใช่แค่เพราะเธออิจฉาเด็กสาว พูดให้ถูกคือเธอรู้สึกผิด เจ็บปวดกับความผิดพลาดในอดีต เหมือนรอยแผลเป็นที่ฝังลึกอยู่ในใจ รอยแผลที่แผดเผาตัวเธอเอง เพราะแคโรไลน์เหมือน...เหมือนกับ'ซาเรียน'จนน่ากลัว แววตา ใบหน้า ทุกๆอย่างที่ทำให้เธอนึกถึงซาเรียนรวมอยู่ในตัวแคโรไลน์ทั้งหมด 

       "ซาเรียนตาย ซาเรียนตายไปแล้ว ไม่มีซาเรียนแล้ว ไม่มีแม่ใจร้ายแล้ว ไม่มีอะไรอีกแล้ว ฉันเข้มแข็ง ฉันไม่ร้องไห้ ฉันต้องอยู่ได้ ซาเรียนไม่อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่มีใครแล้ว มีแค่ฉัน มีแค่ฉันกับฉัน ไม่มีใคร ไม่มีใครทั้งนั้น" เด็กสาวพร่ำบอกตัวเอง นัยน์ตาของเธอเหม่อลอยไร้สติ และแล้วเด็กสาวก็ยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มเลื่อนลอยเหมือนคนบ้า แต่เธอก็ได้ยินเสียง เสียงอันเยาว์วัยสดใสที่คุ้นหู 
     
                                                                             'หนูรักพี่นะคะ'
    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
       ตอนนี้แอบดราม่านิดๆค่ะ เพราะปมของลอว์ช่าคือน้องสาว และสภาพจิตใจที่กดดันจากการมาอยู่กับคนที่ไม่รู้จัก แถมคนหนึ่งยังเหมือนกับ'ซาเรียน เกรซ'(น้องสาวของลอว์ช่า) ทำให้เธอเห็นภาพหลอนค่ะ ก็อย่างที่เขาว่า อัจฉริยะห่างกับคนบ้าแค่นิดเดียว ฝากตอนต่อไปด้วยนะคะตอนหน้าทางเดินจะถล่ม จะมีสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามา ภาพมายาจะแผลงฤทธิื๋ สัญญาณแห่งความเลวร้ายเริ่มต้นขึ้น
                                                   ยังไงก็....ฝากด้วยนะคะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×