ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Just so you know ( HanChul ) feat. SJ

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 8

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.พ. 53


    ตอนที่  8

     

    ฮยอกแจที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ก็เกิดหิวรู้สึกอยากจะกินขนม เขาจึงตัดสินใจจะออกไปซื้อขนมที่ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆหอซักหน่อย ร่างบางเดินหาเสื้อคลุมตัวหนาซักตัว เพราะช่วงนี้อากาศหนาวมากพอเจอเสื้อที่แขวนอยู่ในห้องนอนก็หยิบขึ้นสวมปกคลุมร่างพลางคว้ากระเป๋าสตางค์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง

    พอเขาเดินออกมาจากห้องกำลังจะขึ้นลิฟท์ก็นึกขึ้นได้ว่าน่าจะลองไปถามคนอีกห้องซักหน่อยว่าจะฝากซื้ออะไรหรือเปล่า เพราะตอนนี้คงเหลือพี่ฮันกยองกับพี่ฮีชอลกันสองคน เขาคิดได้ดังนั้นก็กดลิฟท์ไปแวะอีกชั้นก่อน พอเดินมาถึงหน้าประตูห้องแล้วกดออดหน้าห้องรอคนออกมาเปิด

    “ทำไมนานจังนะ” มือบางจึงกดซ้ำอีกครั้ง

    รออยู่สักพักก็ไม่มีใครเปิดเหมือนเดิม

    “ไปไหนกันหมดนะ” แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรพอหันหลังกลับมาเพื่อจะลงลิฟท์ก็เห็นพี่ฮันกยองพยุงร่างใครซักคนอยู่ที่กำลังเดินก้มหน้า

    “นายเดินช้าๆหน่อยได้มั้ย!!”อีกคนที่ก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้นมาต่อว่า

    “รู้แล้วน่า” พอเห็นอีกคนเตือนให้ช้าลงเขาก็ค่อยๆเดินเพื่อให้อีกคนตามให้ทัน

    “ทำไมฉันต้องมารับกรรมคอยดูแลนายด้วยนะ” ร่างสูงส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ พอฮีชอลได้ยินก็เงยหน้าพลางฉีกยิ้มให้คนที่ประคองเขาอยู่

    “ก็เพราะว่านายชอบฉันไง” ร่างสูงพอได้ยินแบบนั้นก็ปล่อยทันทีทำให้ฮีชอลเกือบล้มหน้าทิ่ม

    “ถ้านายยังพูดแบบนี้อีก ฉันจะทิ้งนายไว้ตรงนี้แน่” 

    “ดูหน้านายสิ แดงจนเหมือนลูกมะเขือเทศแล้ว” พลางหัวเราะชอบใจ

    “งั้นนายเดินเอง ฉันตัดสินใจแล้ว” เขาว่าพลางเดินนำไปก่อน

    “ฮันกยอง เดี๋ยวสิ แค่นี้ก็งอนทำเป็นผู้หญิงไปได้” พลางเดินตามอย่างยากลำบาก

    ฮันกยองที่พอปล่อยอีกคนแล้วเดินตรงมาที่ห้องก่อนก็เห็นใครอีกคนที่ยืนอยู่หน้าห้อง

    “อ้าว ฮยอกแจ”

    ฮยอกแจมองฮันกยองก่อนแล้วมองเลยไปที่คนด้านหลังที่กำลังลากเท้าตัวเองเดินตามมา

    “แล้วพี่ฮีชอล?...”แล้วชี้ไปที่คนข้างหลังอยากแปลกใจ

    “อ๋อ ปล่อยไว้แบบนั้นแหละ คนนิสัยเสียต้องให้เดินเองแบบนั้นซะให้เข็ด” ฮันกยองยิ้มขำๆพอหันไปมองคนที่พูดถึง

    ฮีชอลเห็นแบบนั้นก็ต่อว่า

    “นี่นายไม่ช่วยแล้วยังจะทำหน้ากวนโมโหอีกนะ”ฮีชอลถลึงตาใส่แล้วก็ยังคงพยายามเดินมาเอง

    ฮยอกแจเห็นแบบนั้นก็งงๆแต่ก็เดินไปช่วยฮีชอล พอได้คนช่วยฮีชอลก็เลยเดินได้สบายมากขึ้น ฮันกยองเห็นแบบนั้นก็ทำเป็นไม่สนใจแล้วเปิดประตูห้องเดินหายเข้าไป

    “ไอ้ตี๋ใจดำ” พอหันไปว่าเสร็จก็หันกลับมาหาคนที่พยุงร่างเขาอยู่

    “นายมาทำอะไรหรอ ฮยอกแจ”

    “อ๋อ พอดีผมจะออกไปซื้อขนมหน่อยนะฮะ กะจะขึ้นมาถามว่าจะฝากซื้ออะไรมั้ย แล้วนี่พี่ออกไปไหนกันมาหรอฮะ”

    “ไปโรงพยาบาลมาน่ะ”

    “อ๋อ แล้วหมอว่าไงบ้างหรอพี่”

    “เท้าซ้นน่ะ ก็ไม่ได้เป็นไรมากหรอก”

    “ดีไปนะฮะไม่เป็นอะรมาก”

    พอเดินมาถึงห้องฮีชอลก็กดรหัสประตูก็มีเสียงปลดล็อค แล้วก็เป็นหน้าที่ของฮยอกแจที่ต้องเป็นคนพยุงพาเข้าห้อง พอเข้ามาก็เห็นคนที่เข้ามาก่อนกำลังนั่งดูทีวีอย่างสบายใจ

    ฮยอกแจพยุงมาที่โซฟาที่อีกคนนั่งอยู่แล้วค่อยๆประคองให้นั่งลงบนโซฟา

    “ขอบใจมากนะ”ฮีชอลหันมาขอบคุณฮยอกแจแล้วหันไปมองอีกคนที่นั่งข้างๆ

    “สบายมั้ย”ถามแบบประชดๆ

    ฮันกยองพยักหน้า แล้วหันมามองหน้าสวย

    “สบสยมากกกกก”อีกคนก็ประชดกลับเหมือนกัน

    ฮยอกแจที่ไม่รู้จะยืนทำอะไรก็หันไปถามอีกครั้งตามที่เขาอยากถาม แต่ก็ได้คำตอบกลับมาว่าไม่มีใครฝากซื้ออะไรแล้วก็เป็นฮันกยองที่เอ่ยขอบคุณ

    “แล้วขานายเดินไหวมั้ย ให้ฉันไปเป็นเพื่อนดีกว่ามั้ย”

    “ไม่เป็นไรฮะ แค่นี้เองผมเดินไหวฮะ พี่ฮันกยองเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆนั่งพักเถอะฮะ”

    “ไหวจริงๆนะ”

    “ฮะ” ฮยอกแจตอบพลางยิ้มให้

    “ถ้าให้ไอ้หมอนี่ช่วยสู้ไปเองคนเดียวดีกว่า” คนที่นั่งข้างๆยังคงประชดไม่เลิก

    ฮยอกแจที่เห็นเหมือนศึกคร้งนี้คงไม่จบง่ายจึงขอตัวไปก่อน ระหว่างทางที่ลงมาก็คิดถึงใบหน้ายิ้มของฮันกยองที่ช่วงนี้ไม่ได้เห็นนาน เพราะช่วงนี้ดูเหมือนพี่ฮันกยองจะมีเรื่องอะไรให้คิดอยู่ แต่วันนี้กลับเปลี่ยนไปดูยิ้ห้องยิ้มแย้มและสบายใจมากกว่าที่ผ่านมา

    “เขามีความสุขก็ดีแล้ว” แต่พอนึกถึงทั้งคู่ที่เดินพยุงกันมาก่อนหน้านี้ พวกเขาดูเหมาะสมกันมาก มากจนตัวเขาเองรู้สึกอิจฉาที่พี่ฮีชอลได้สนิทกับพี่ฮันกยองแล้วยังได้อยู่ห้องด้วยกันอีก  ดูเหมือนทั้งคู่ที่เถียงกันมาตลอดทางแต่สีหน้าที่แสดงออกมาดูมีความสุขมากกว่าคนทะเลาะกัน  บรรยากาศมันดูแตกต่าง

    ฮยอกแจรู้สึกไม่อยากคิดอะไรมากแต่เรื่องนี้กำลังเข้ามากวนใจเค้าจริงๆ



    -----------------------------------------------------------------------------------------

     

    วันนี้ทุกคนต้องเข้ามาซ้อมเต้น ที่จะต้องขึ้นไลฟ์ใหญ่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทุกๆคนจึงต้องมารวมตัวกันอยู่ในห้องซ้อม และกำลังซ้อมหนัก แต่ละคนเหงื่อที่ไหลชุ่ม

    ซ้อมจนเวลาล่วงเลยจนค่ำ หลังจากซ้อมเสร็จอีทึก็ต้องอยู่ต่อส่วนคนที่เหลือก็นั่งรถตู้ของบริษัทกลับอย่างอ่อนแรง  ซีวอนก็ยังคงดูแลฮีชอลดีเหมือนเดิมไม่ห่างกันเลยแม้แต่น้อย ดูแล้วขัดหูขัดตาใครอีกคนตลอดทางกลับ

    พอมาถึงซีวอนก็นั่งอยู่สักพัก แล้วขอตัวลาเมื่อตอนประมาณเกือบๆเที่ยงคืน ซีวอนเอารถมาจอดอยู่ที่หอเพราะอยากจะมีเวลาอยู่กับฮีชอลนานๆ

    ฮันกยองที่เข้าห้องตัวเองไปตั้งแต่กลับมาถึงแล้วเพราะรู้สึกล้าไปทั้งตัว และเหตุผลอีกอย่างไม่อยากมานั่งขวางคนเค้าจะสวีทกัน แต่ถึงฮันกยองจะเข้าห้องตัวเองไปก็ยังเหลือชินดงกับดงแฮที่เป็นยังนั่งอยู่ห้องกางกับทั้งสองคนอยู่ดี

    พอฮีชอลไปส่งซีวอนที่หน้าประตูเสร็จก็กลับเข้าห้องตัวเองไปเหมือนกัน แต่ระหว่างที่จะเข้าห้องตัวเองก็ได้ยินเสียงประตูหอเปิดอีกครั้ง จึงเห็นว่าเป็นอีทึกที่เพิ่งกลับมา จึงหยุดทักก่อน

    “มีอะไรหรอ เขาถึงได้เรียกตัวนายไว้ก่อน”

    “งานน่ะ มีส่วนของนายด้วย”

    “งานอะไร?

    “ดูเอาเองแล้วกัน”พลางยื่นกระดาษสีขาวที่เต็มไปด้วยตารางงานของแต่ละคน แล้วเดินตรงไปที่ตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่ม

    ฮีชอลรับตารางงานมาแล้วหารายชื่อตัวเองพอเจอก็ดูรายละเอียด เป็นงานถ่ายแบบก็เป็นเรื่องที่เขาเคยชินอยู่แล้วแต่พอดูไปจนถึงประโยคสุดท้ายก็เห็นชื่อของใครบางคนที่เหมือนพึ่งเขียนด้วยปากกาอีกที

    “ฮัน--ยอง!!!” เขาค่อยๆสะกดช้าๆอย่างไม่แน่ใจ

    พอรู้ว่าเป็นชื่อใครก็รีบตรงไปหาคนที่อยู่ในครัวทันที แล้วยื่นตารางงานให้คนที่กำลังดื่มน้ำอยู่

    “ฉันไม่ได้ถ่ายคนเดียวหรอกหรอ”

    อีทึกจึงต้องลดแก้วน้ำลงแล้วหยิบกระดาษจากมือฮีชอล แล้วดูข้อความในกระดาษ

    “เนี่ยหรอ เขาเพิ่งเพิ่มชื่อฮันกยองเข้าไปน่ะ เหมือนทางนิตยสารจะเรียกร้องมาเป็นกรณีพิเศษ”

    “แล้วทำไมต้องเป็นฮันกยองด้วย”

    “ก็ช่วงนี้ฮันกยองกำลังเป็นที่สนใจน่ะสิ ทั้งเป็นตัวแทนโอลิมปิก ทั้งละครที่กำลังเล่นอยู่ด้วย”

    เขายอมรับว่าช่วงนี้ฮันกยองกำลังเป็นที่สนใจจริงๆจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้ถ่ายด้วยกันในรอบทษววรษเลยก็ว่าได้ เพราะพวกเขาสองคนไม่เคยได้ถ่ายด้วยกันเลย

    อีทึกที่ยืนมองปฏิกิริยาของฮีชอลอยู่ที่เหมือนอยากจะยิ้มแต่ก็พยายามข่มเอาไว้ เขาจึงตัดสินใจเอ่ยถาม

    “ตกลงที่นายถามเนี่ย นายไม่พอใจ หรือว่าดีใจกันแน่”

    ฮีชอลที่เห็นอีทึกถามแบบนั้นเลยรีบปฏิเสธทันที

    “ก็ไม่ใช่ทั้งสองอย่างนั่นแหละ แค่สงสัย”แล้วสีหน้าก็กลับสู่ภาวะปกติ

    “แล้วนายอ่านอันสุดท้ายยัง”

    “ยัง ทำไมหรอ”

    อีทึกฉีกยิ้มกว้าง

    “ก็อีก 3 วันตรงกับวันที่นายถ่ายแบบนั่นแหละ ตั้งแต่วันนั้นบริษัทจัดวันพักผ่อนให้ตั้ง 5 วันล่ะ”



    __________________________________________________________________________________________________

    อัพฉลองวันเกิดป๋าเกิงซักเล็กน้อย

    รีบแต่งรีบอัพทันทีเลย

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×