คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 8
ตอนที่ 8
ฮยอกแจที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ก็เกิดหิวรู้สึกอยากจะกินขนม เขาจึงตัดสินใจจะออกไปซื้อขนมที่ร้านสะดวกซื้อใกล้ๆหอซักหน่อย ร่างบางเดินหาเสื้อคลุมตัวหนาซักตัว เพราะช่วงนี้อากาศหนาวมากพอเจอเสื้อที่แขวนอยู่ในห้องนอนก็หยิบขึ้นสวมปกคลุมร่างพลางคว้ากระเป๋าสตางค์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง
พอเขาเดินออกมาจากห้องกำลังจะขึ้นลิฟท์ก็นึกขึ้นได้ว่าน่าจะลองไปถามคนอีกห้องซักหน่อยว่าจะฝากซื้ออะไรหรือเปล่า เพราะตอนนี้คงเหลือพี่ฮันกยองกับพี่ฮีชอลกันสองคน เขาคิดได้ดังนั้นก็กดลิฟท์ไปแวะอีกชั้นก่อน พอเดินมาถึงหน้าประตูห้องแล้วกดออดหน้าห้องรอคนออกมาเปิด
“ทำไมนานจังนะ” มือบางจึงกดซ้ำอีกครั้ง
รออยู่สักพักก็ไม่มีใครเปิดเหมือนเดิม
“ไปไหนกันหมดนะ” แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรพอหันหลังกลับมาเพื่อจะลงลิฟท์ก็เห็นพี่ฮันกยองพยุงร่างใครซักคนอยู่ที่กำลังเดินก้มหน้า
“นายเดินช้าๆหน่อยได้มั้ย!!”อีกคนที่ก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้นมาต่อว่า
“รู้แล้วน่า” พอเห็นอีกคนเตือนให้ช้าลงเขาก็ค่อยๆเดินเพื่อให้อีกคนตามให้ทัน
“ทำไมฉันต้องมารับกรรมคอยดูแลนายด้วยนะ” ร่างสูงส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ พอฮีชอลได้ยินก็เงยหน้าพลางฉีกยิ้มให้คนที่ประคองเขาอยู่
“ก็เพราะว่านายชอบฉันไง” ร่างสูงพอได้ยินแบบนั้นก็ปล่อยทันทีทำให้ฮีชอลเกือบล้มหน้าทิ่ม
“ถ้านายยังพูดแบบนี้อีก ฉันจะทิ้งนายไว้ตรงนี้แน่”
“ดูหน้านายสิ แดงจนเหมือนลูกมะเขือเทศแล้ว” พลางหัวเราะชอบใจ
“งั้นนายเดินเอง ฉันตัดสินใจแล้ว” เขาว่าพลางเดินนำไปก่อน
“ฮันกยอง เดี๋ยวสิ แค่นี้ก็งอนทำเป็นผู้หญิงไปได้” พลางเดินตามอย่างยากลำบาก
ฮันกยองที่พอปล่อยอีกคนแล้วเดินตรงมาที่ห้องก่อนก็เห็นใครอีกคนที่ยืนอยู่หน้าห้อง
“อ้าว ฮยอกแจ”
ฮยอกแจมองฮันกยองก่อนแล้วมองเลยไปที่คนด้านหลังที่กำลังลากเท้าตัวเองเดินตามมา
“แล้วพี่ฮีชอล?...”แล้วชี้ไปที่คนข้างหลังอยากแปลกใจ
“อ๋อ ปล่อยไว้แบบนั้นแหละ คนนิสัยเสียต้องให้เดินเองแบบนั้นซะให้เข็ด” ฮันกยองยิ้มขำๆพอหันไปมองคนที่พูดถึง
ฮีชอลเห็นแบบนั้นก็ต่อว่า
“นี่นายไม่ช่วยแล้วยังจะทำหน้ากวนโมโหอีกนะ”ฮีชอลถลึงตาใส่แล้วก็ยังคงพยายามเดินมาเอง
ฮยอกแจเห็นแบบนั้นก็งงๆแต่ก็เดินไปช่วยฮีชอล พอได้คนช่วยฮีชอลก็เลยเดินได้สบายมากขึ้น ฮันกยองเห็นแบบนั้นก็ทำเป็นไม่สนใจแล้วเปิดประตูห้องเดินหายเข้าไป
“ไอ้ตี๋ใจดำ” พอหันไปว่าเสร็จก็หันกลับมาหาคนที่พยุงร่างเขาอยู่
“นายมาทำอะไรหรอ ฮยอกแจ”
“อ๋อ พอดีผมจะออกไปซื้อขนมหน่อยนะฮะ กะจะขึ้นมาถามว่าจะฝากซื้ออะไรมั้ย แล้วนี่พี่ออกไปไหนกันมาหรอฮะ”
“ไปโรงพยาบาลมาน่ะ”
“อ๋อ แล้วหมอว่าไงบ้างหรอพี่”
“เท้าซ้นน่ะ ก็ไม่ได้เป็นไรมากหรอก”
“ดีไปนะฮะไม่เป็นอะรมาก”
พอเดินมาถึงห้องฮีชอลก็กดรหัสประตูก็มีเสียงปลดล็อค แล้วก็เป็นหน้าที่ของฮยอกแจที่ต้องเป็นคนพยุงพาเข้าห้อง พอเข้ามาก็เห็นคนที่เข้ามาก่อนกำลังนั่งดูทีวีอย่างสบายใจ
ฮยอกแจพยุงมาที่โซฟาที่อีกคนนั่งอยู่แล้วค่อยๆประคองให้นั่งลงบนโซฟา
“ขอบใจมากนะ”ฮีชอลหันมาขอบคุณฮยอกแจแล้วหันไปมองอีกคนที่นั่งข้างๆ
“สบายมั้ย”ถามแบบประชดๆ
ฮันกยองพยักหน้า แล้วหันมามองหน้าสวย
“สบสยมากกกกก”อีกคนก็ประชดกลับเหมือนกัน
ฮยอกแจที่ไม่รู้จะยืนทำอะไรก็หันไปถามอีกครั้งตามที่เขาอยากถาม แต่ก็ได้คำตอบกลับมาว่าไม่มีใครฝากซื้ออะไรแล้วก็เป็นฮันกยองที่เอ่ยขอบคุณ
“แล้วขานายเดินไหวมั้ย ให้ฉันไปเป็นเพื่อนดีกว่ามั้ย”
“ไม่เป็นไรฮะ แค่นี้เองผมเดินไหวฮะ พี่ฮันกยองเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆนั่งพักเถอะฮะ”
“ไหวจริงๆนะ”
“ฮะ” ฮยอกแจตอบพลางยิ้มให้
“ถ้าให้ไอ้หมอนี่ช่วยสู้ไปเองคนเดียวดีกว่า” คนที่นั่งข้างๆยังคงประชดไม่เลิก
ฮยอกแจที่เห็นเหมือนศึกคร้งนี้คงไม่จบง่ายจึงขอตัวไปก่อน ระหว่างทางที่ลงมาก็คิดถึงใบหน้ายิ้มของฮันกยองที่ช่วงนี้ไม่ได้เห็นนาน เพราะช่วงนี้ดูเหมือนพี่ฮันกยองจะมีเรื่องอะไรให้คิดอยู่ แต่วันนี้กลับเปลี่ยนไปดูยิ้ห้องยิ้มแย้มและสบายใจมากกว่าที่ผ่านมา
“เขามีความสุขก็ดีแล้ว” แต่พอนึกถึงทั้งคู่ที่เดินพยุงกันมาก่อนหน้านี้ พวกเขาดูเหมาะสมกันมาก มากจนตัวเขาเองรู้สึกอิจฉาที่พี่ฮีชอลได้สนิทกับพี่ฮันกยองแล้วยังได้อยู่ห้องด้วยกันอีก ดูเหมือนทั้งคู่ที่เถียงกันมาตลอดทางแต่สีหน้าที่แสดงออกมาดูมีความสุขมากกว่าคนทะเลาะกัน บรรยากาศมันดูแตกต่าง
ฮยอกแจรู้สึกไม่อยากคิดอะไรมากแต่เรื่องนี้กำลังเข้ามากวนใจเค้าจริงๆ
วันนี้ทุกคนต้องเข้ามาซ้อมเต้น ที่จะต้องขึ้นไลฟ์ใหญ่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทุกๆคนจึงต้องมารวมตัวกันอยู่ในห้องซ้อม และกำลังซ้อมหนัก แต่ละคนเหงื่อที่ไหลชุ่ม
ซ้อมจนเวลาล่วงเลยจนค่ำ หลังจากซ้อมเสร็จอีทึก็ต้องอยู่ต่อส่วนคนที่เหลือก็นั่งรถตู้ของบริษัทกลับอย่างอ่อนแรง ซีวอนก็ยังคงดูแลฮีชอลดีเหมือนเดิมไม่ห่างกันเลยแม้แต่น้อย ดูแล้วขัดหูขัดตาใครอีกคนตลอดทางกลับ
พอมาถึงซีวอนก็นั่งอยู่สักพัก แล้วขอตัวลาเมื่อตอนประมาณเกือบๆเที่ยงคืน ซีวอนเอารถมาจอดอยู่ที่หอเพราะอยากจะมีเวลาอยู่กับฮีชอลนานๆ
ฮันกยองที่เข้าห้องตัวเองไปตั้งแต่กลับมาถึงแล้วเพราะรู้สึกล้าไปทั้งตัว และเหตุผลอีกอย่างไม่อยากมานั่งขวางคนเค้าจะสวีทกัน แต่ถึงฮันกยองจะเข้าห้องตัวเองไปก็ยังเหลือชินดงกับดงแฮที่เป็นยังนั่งอยู่ห้องกางกับทั้งสองคนอยู่ดี
พอฮีชอลไปส่งซีวอนที่หน้าประตูเสร็จก็กลับเข้าห้องตัวเองไปเหมือนกัน แต่ระหว่างที่จะเข้าห้องตัวเองก็ได้ยินเสียงประตูหอเปิดอีกครั้ง จึงเห็นว่าเป็นอีทึกที่เพิ่งกลับมา จึงหยุดทักก่อน
“มีอะไรหรอ เขาถึงได้เรียกตัวนายไว้ก่อน”
“งานน่ะ มีส่วนของนายด้วย”
“งานอะไร?”
“ดูเอาเองแล้วกัน”พลางยื่นกระดาษสีขาวที่เต็มไปด้วยตารางงานของแต่ละคน แล้วเดินตรงไปที่ตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่ม
ฮีชอลรับตารางงานมาแล้วหารายชื่อตัวเองพอเจอก็ดูรายละเอียด เป็นงานถ่ายแบบก็เป็นเรื่องที่เขาเคยชินอยู่แล้วแต่พอดูไปจนถึงประโยคสุดท้ายก็เห็นชื่อของใครบางคนที่เหมือนพึ่งเขียนด้วยปากกาอีกที
“ฮัน-ก-ยอง!!!” เขาค่อยๆสะกดช้าๆอย่างไม่แน่ใจ
พอรู้ว่าเป็นชื่อใครก็รีบตรงไปหาคนที่อยู่ในครัวทันที แล้วยื่นตารางงานให้คนที่กำลังดื่มน้ำอยู่
“ฉันไม่ได้ถ่ายคนเดียวหรอกหรอ”
อีทึกจึงต้องลดแก้วน้ำลงแล้วหยิบกระดาษจากมือฮีชอล แล้วดูข้อความในกระดาษ
“เนี่ยหรอ เขาเพิ่งเพิ่มชื่อฮันกยองเข้าไปน่ะ เหมือนทางนิตยสารจะเรียกร้องมาเป็นกรณีพิเศษ”
“แล้วทำไมต้องเป็นฮันกยองด้วย”
“ก็ช่วงนี้ฮันกยองกำลังเป็นที่สนใจน่ะสิ ทั้งเป็นตัวแทนโอลิมปิก ทั้งละครที่กำลังเล่นอยู่ด้วย”
เขายอมรับว่าช่วงนี้ฮันกยองกำลังเป็นที่สนใจจริงๆจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้ถ่ายด้วยกันในรอบทษววรษเลยก็ว่าได้ เพราะพวกเขาสองคนไม่เคยได้ถ่ายด้วยกันเลย
อีทึกที่ยืนมองปฏิกิริยาของฮีชอลอยู่ที่เหมือนอยากจะยิ้มแต่ก็พยายามข่มเอาไว้ เขาจึงตัดสินใจเอ่ยถาม
“ตกลงที่นายถามเนี่ย นายไม่พอใจ หรือว่าดีใจกันแน่”
ฮีชอลที่เห็นอีทึกถามแบบนั้นเลยรีบปฏิเสธทันที
“ก็ไม่ใช่ทั้งสองอย่างนั่นแหละ แค่สงสัย”แล้วสีหน้าก็กลับสู่ภาวะปกติ
“แล้วนายอ่านอันสุดท้ายยัง”
“ยัง ทำไมหรอ”
อีทึกฉีกยิ้มกว้าง
“ก็อีก 3 วันตรงกับวันที่นายถ่ายแบบนั่นแหละ ตั้งแต่วันนั้นบริษัทจัดวันพักผ่อนให้ตั้ง 5 วันล่ะ”
รีบแต่งรีบอัพทันทีเลย
ความคิดเห็น