คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5
ตอนที่ 5
พอทุกคนแสดงเสร็จและกลับมาถึงหอพักเรียบร้อยแล้ว ฮีชอลก็รีบเข้าห้องนอนของตัวเองทันที แต่ระหว่างที่โชว์ไลฟ์ จนจบ แล้วก็ระหว่างที่นั่งรถตู้ของบริษัทกลับหอ ฮันกยองพยายามสังเกตอาการของฮีชอลตลอดแต่ก็ไม่ได้ทำทีเป็นห่วงมาก เขาเพียงได้แต่แอบมองอาการของคนสวยอยู่ห่างๆตลอดเวลา แล้วเขาก็สังเกตเห็นด้วยว่าเหมือนว่าข้อเท้าของฮีชอลอาการจะยิ่งทรุดลงกว่าเดิม เพราะยิ่งช่วงมาถึงหอเขายิ่งเดินยากลำบากยิ่งขึ้นกว่าเดิมมาก
อีทึกที่ตามมาทีหลังพอเห็นฮันกยองยังอยู่ในห้องนั่งเล่นอยู่เขาจึงเดินเข้าไปหา
“ฮันกยอง ฉันอยากให้นายช่วยดูแลฮีชอลดีๆนะ”
“ห่ะ ทำไมนายต้องให้ฉันดูแลด้วยล่ะ” ฮันกยองมองใบหน้าหวานของหัวหน้าวงอย่างงๆ
“ก็เรื่องวันนี้นายก็เห็นนี่
.นายไม่รู้สึกแปลกๆบ้างหรอกหรอ”อีทึกพยายามพูดเสียงให้เบาที่สุดพอที่มีเพียงแค่เขากับคนนี้ได้ยินเท่านั้น
“นายหมายถึงเรื่อง
”
“ฉันว่าต้องมีคนจงใจทำเรื่องแบบนี้แน่ๆ”
“
แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง” ฮันกยองเงียบไปซักพักแล้วหันมาถาม
“ฉันอยากให้นายคอยดูแลฮีชอลตลอดเวลา คอยจับตาดูเขาไว้ ไม่ว่าเขาไปไหนก็พยายามไปกับเค้าด้วย”
ฮันกยองมีสีหน้าที่เป็นกังวลจนอีทึกสังเกตเห็นได้ “ทำไมไม่ให้เป็นหน้าที่ซีวอนแทนล่ะ”
“เป็นนายนั่นแหละดีที่สุดแล้ว นายสามารถอยู่กับเค้าได้ตลอด แต่ซีวอนบางครั้งก็ไม่ได้อยู่ด้วยไม่ใช่หรอ” อีทึกพยายามหาเหตุผลมาอธิบาย
“แต่ว่า
..”
“นายฉันขอใช้สิทธิ์ความป็นหัวหน้า ระหว่างนี้ฉันของสั่งให้นายคอยดูแลฮีชอล”
“
”ใบหน้าหล่อที่เต็มไปด้วยความลำบากใจ เพราะเขาคิดว่าหลังจากเหตุการณ์เมื่อตอนห้องพักแต่งตัวคำพูดที่ฮีชอลทิ้งไว้มันยังคงดังก้องอยู่ในหัวเขาอยู่เลย เขายังไม่เข้าใจหรือว่าตอนนี้เขาจะถูกคนสวยนั่นเกลียดไปแล้วกันแน่
“นาย
..ไม่ห่วงฮีชอลบ้างหรอ”อีทึกพูดช้าๆ ด้วยน้ำเสียงที่บาดลึกไปถึงจิตใจของร่างสูง ใช่เขารู้ว่าเขาห่วงเพื่อนเขาคนนี้ขนาดไหน ไม่งั้นตอนเห็นฮีชอลไปสนิทสนมกับคนอื่น เขาคงจะไม่รู้สึกหงุดได้ขนาดนี้ ช่วงนี้เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้เลย
จนสุดท้ายฮันกยองจึงตัดสินใจยอมรับคำขอร้องนั้น ตอนนี้อีทึกได้กลับห้องของตนเองไปแล้ว เหลือเพียงร่างสูงของคนๆหนึ่งที่ยืนมองทอดสายตาไปยังห้องของคนที่อีทึกฝากฝังให้ดูแล ตอนนี้เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าคนสวยคนนี้จะหายโกรธเขาหรือยัง เพราะที่ผ่านมาเขาสองคนก็มีเรื่องทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ แต่ทั้งสองคนก็ผ่านมันมาได้ตลอด แต่ที่ผ่านมาสายตาของฮีชอลไม่ใช่แบบที่เขาเห็นในวันนี้ ที่เหมือนว่าผิดหวังในตัวเขามากๆ มันเหมือนว่าครั้งนี้จะไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกต่อไปแล้ว
ฮันกยองถอนหายใจ พลางเดินไปอุ่นน้ำอุ่นใส่กะละมังเล็กสีฟ้าใส พร้อมกับผ้าสีขาวผืนเล็กแล้วพาร่างมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของเพื่อนสนิทที่สุดของเขา ที่ตอนนี้คนในห้องนี้อาจจะไม่คิดแบบนี้แล้วก็ได้
มือหนาค่อยๆเคาะประตูเบาๆ ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เขาปล่อยไว้ซักพัก แต่ประตูก็ไม่ได้ถูกเปิดออกเลย ยังคงความเงียบเหมือนเดิม เขาจึงตัดสินใจเคาะอีกครั้ง เพราะบางทีคนในห้องอาจจะทำธุระอะไรอยู่ที่ยังไม่ว่างมาเปิดหรือไม่ก็อาจจะไม่ได้ยินสียงก็ได้
ก๊อก ๆๆ
เขารอสักพีกเหมือนเดิม แต่ข้างในก็ยังคงเงียบอยู่ดี เขาจึงจะเคาะอีกครั้ง แต่บานประตูก็ถูกเปิดก่อนตามด้วยร่างบางเจ้าของห้องที่เดินออกมา
“นายมีอะไร” เขาถามด้วยเสียงที่เย็นชาผิดปกติ
ฮันกยองเหลือบตามองที่เท้าขวาของคนสวยเล็กน้อย ก่อนจะยกของที่เขาเอามาด้วย ให้อีกคนเห็น “เท้านายยังไม่หายดีใช่มั้ย” เขาถามด้วยสายตาที่จริงจังจนคนเจ็บต้องรู้สึกหวั่นๆ
“ไม่เป็นไร ฉันดูแลตัวเองได้” ฮีชอลตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้สายตาของอีกคนเช่นกัน
“นายอย่าดื้อได้มั้ย นายยิ่งไม่รักษามันจะยิ่งเจ็บหนักมากกว่าดะ”
“พอได้แล้ว
.อย่าทำแบบนี้เลยฮันเกิง ฉันไม่อยากยุ่งกับนายอีกแล้วนายไปเถอะ”ฮีชอลก้ทหน้าก่อนจะเงยหน้าพลางพูดประโยคสึดท้ายที่ทำให้เขาเจ็บแปลบขึ้นมาในอก ฮันกยองนิ่งไปชั่วขณะ ฮีชอลใช้ช่วงเวลานั้นค่อยๆดึงประตูปิดแต่แล้วมือหนาก็รีบดึงบานประตูเอาไว้ แล้วถือวิสาสะเข้าห้องร่างบางทันที
ฮีชอลมีสีหน้าที่ตกใจมากๆ “นะ นายเข้ามาทำไม” แต่ร่างสูงกลับไม่ขยับไปไหนเขายืนนิ่งสายตาหลุบต่ำ
“ฉันบอกให้นาย ออกไปซะ”คำพูดของเจ้าของห้องที่พยายามเน้นคำสุดท้าย ตากลมโตถึงจะถลึงตาใส่แต่ก็เต็มไปด้วยหยาดน้ำใสๆที่พร้อมจะไหลได้ตลอดเวลา
ร่างสูงเดินเอาน้ำและผ้าขนหนูไปวางที่โต๊ะในห้อง เขายังคงยืนนิ่ง แม้ว่าอีกคนจะออกปากไล่ยังไงก็ตาม ฮีชอลเลยตัดสินใจจะเดินไปเปิดประตูอีกครั้งแต่ก็ถูกมือแกร่งจับแขนเอาไว้เสียก่อน โดยที่ร่างบางยังคงหันหลังให้อยู่ เสียงนุ่มของร่างสูงก็ค่อยๆเอ่ยเบาๆ
“นายเป็นอะไรไปกันแน่” ฮันกยองที่มองเห็นเพียงด้านหลังของฮีชอลเท่านั้น จึงไม่ได้รับรู้ว่าคนสวยมีสีหน้ายังไงในตอนนี้
“
.” มีเพียงความเงียบที่ส่งกลับมา
“ฉันไม่เข้าใจนายเลยจริงๆว่ามันเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมนายต้องทำเมินใส่ฉันแบบนี้ด้วยห่ะ
. ฮีชอล” ร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ตรงชื่อของคนสวยเขากลับเสียงอ่อนลง
“
.นายอย่าเข้าใจเลย”ร่างบางเงียบไปอึดใจหนึ่ง แล้วตอบกลับมาด้วยเสียงที่แทบเกือบจะไม่ได้ยิน ฮันกยองได้ยินแบบนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกโมโห ทำไมคนๆนี้มีอะไร ทำไมไม่ยอมบอกเขาตรงๆ ทำแบบนี้เขายิ่งจะอึดอัดมากขึ้นไปอีก เขารู้สึกว่ายังไงวันนี้ก็อยากจะรู้คำตอบให้ได้ว่ามันอะไรกันแน่ มือหนาอีกข้างที่ว่างอยู่เอื้อมไปจับไหล่เล็กอย่างแรงแล้วดึงกลับให้คนตัวเล็กหันมาเผชิญหน้ากับเขา เพื่อจะต่อว่า “นายจะ
.”เมื่อเห็นใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำใสๆที่ค่อยๆไหล
“นายร้องไห้ทำไมน่ะ ฉันทำนายเจ็บหรอ” ใบหน้าหล่อดูเป็นกังวล รีบเอ่ยถามอีกคนอย่างเป็นห่วง คนตัวเล็กส่ายหน้าเบาๆ “
.ไม่เลย ฮันเกิง นายไม่ได้ทำอะไรฉันเลย ฉันเจ็บเอง แค่นายอยู่เฉยๆฉันก็เจ็บได้ ฮึก นายไปซะ ฉันไม่อยากให้นายเห็นฉันในสภาพนี้
.อีกแล้ว” ร่างบางพยายามกลั้นน้ำตาพลางแกะมือที่กุมเขาอยู่ออก แล้วเดินมาเปิดประตูให้อีกคนออกไป ฮันกยองมองฮีชอลอย่างเป็นห่วงปนๆกับประหลาดใจ แต่เมื่อเจ้าของห้องเอ่ยปากไล่ขนาดนี้ คำถามที่เขาถามไปก็ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน แต่กลับได้สิ่งเห็นปฎิกิริยาที่ร่างเล็กมีกับเขาแล้ว อยู่ไปก็คงจะยังไม่ได้คำตอบอยู่ดี เขาจึงยอมถอยออกมาก่อน เขาจึงเดินออกมาจากห้องโดยไม่ได้หันไปมองคนที่เพิ่งเดินจากมาอีกเลย
ฮันกยองพาร่างที่เหมือนไร้วิญญาณกลับห้องของเขาอย่างไม่รู้ตัว ในหัวตอนนี้เขาคิดแต่เพียงเรื่องของฮีชอลเท่านั้น เขาสงสัยว่าทำไมฮีชอลเสียใจขนาดนั้น แล้วทำไมเขาถึงได้รู้สึกชาวาบไปทั้งตัวเมื่อเห็นน้ำตาของฮีชอลครั้งแรก เขารู้สึกอยากจะดึงร่างบอบบางนั้นเข้ามากอด ยิ่งเห็นใบหน้าที่เจ็บปวดนั่นแล้วยิ่งอยากแบกรับความรู้สึกนั้นแทน และที่สำคัญคือวินาทีนั้นเขาเห็นว่าฮีชอลสวยมากๆจนเขาแทบคลั่ง เหมือนอยากจะข้ามเส้นของคำว่าเพื่อนที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้เหลือเกิน แต่เขารีบยับยั้งตัวเองซะก่อน ก่อนที่จะเกินเลยไป
เขายังคงยืนอยู่หน้าประตูห้องของเขาที่เพิ่งปิดลง ตอนนี้เขารู้สึกหายใจติดขัด ใบหน้าร้อน ข้างในอกก็เต้นรัว
“นี่ ฉันเป็นอะไรไป แล้วฮีชอลทำไมต้องร้องไห้ แล้วคำพูดนั่นอีก ถึงฉันจะอยู่เฉยๆนายก็เจ็บงั้นหรอ” เขาค่อยๆเดินไปนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่หน้าโน๊ตบุ๊คเครื่องเล็กของเขา
“หรือว่านายเป็นแบบนี้เพราะโมโหฉันที่ฉันไม่สนใจนาย ไม่ให้ความสำคัญนายงั้นหรอ ก็นายมีซีวอนอยู่แล้วนี่แล้วจะมาแคฉันทำไม” ฮันกยองยังคงพูดพึมพำกับตัวเอง พลางนั่งครุ่นคิด แต่ไม่นานตาเรียวก็เบิกโต
“นายพูดแบบนี้หรือว่านายจะ
ชอบฉัน” เขาพูดพลางเอามีทาบไปที่อกตัวเอง ตอนนี้ก้อนเนื้อในอกเขายิ่งเต้นอย่างบ้าคลั่งเข้าไปอีก เรียวปากบางค่อยๆยิ้มจนกลายเป็นหัวเราะไป
“ฮ่าๆๆ”แต่ไม่ได้มาจากใจเขาจริงๆ เป็นเพียงเสียงที่เขาตั้งใจเท่านั้น “ไม่หรอกมั้ง นี่เราคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย เราเป็นผู้ชาย ฮีชอลก็เป็นผู้ชายมันจะเป็นไปได้ยังไง
..” เขาพูดจบก็นิ่งเงียบไปนานมาก
แล้วเราล่ะเป็นอะไรว่ะ ทำไมต้องมีอาการเหมือนคนจะป่วยแบบนี้ ยิ่งคิดว่าฮีชอลชอบเราก็ยิ่งใจเต้นมากขึ้นกว่าเดิมไปอีกแทนที่จะรังเกลียดกลับรู้สึกดีใจซะอย่างงั้น
เฮ้ย!!! นี่ผมเป็นอะไรไปแล้วววววว ผมชอบเพื่อนตัวเองหรอ แล้วที่สำคัญ
‘เป็น
..ผู้ ชาย’ ผมอยากจะบ้าตาย นี่ผมเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย เกิดมาสับสนตอนอายุเท่านี้เนี่ยนะ แล้วอยู่กันมาตั้งนานทำไมไม่เคยรู้สึกเลยล่ะ มือหนาที่พยายามทึ้งผมตัวเองอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่ใช่ มันต้องไม่ใช่แบบนี้ มันแค่อารมณ์ชั่ววูบ เราไม่ได้ชอบผู้ชาย ต้องผู้หญิงที่เราเคยวาดฝันไว้ มันต้องเป็นอย่างนั้น” เขาหายใจลึกๆ แล้วพยายามพูดปลอบใจตัวเอง ทั้งๆที่ในใจก็ยังสับสนวุ่นวายไปหมด จนสุดท้ายทั้งคืนฮันกยองก็ไม่ได้นอนเช่นเคย
____________________________________________________________________________________________
มาต่อครบแล้วนะคะ
ช่วงนี้คงจะไม่ค่อยได้อัพแล้วแน่ๆเลย
เพราะจะเข้าช่วงสอบอีกแล้ว
ยังไงจะพยายามมาอัพนะคะ
ความคิดเห็น