คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4
ตอนที่ 4
วันนี้ทุกคนมีงานโชว์ไลฟ์ที่รายการหนึ่ง จึงต้องไปก่อนเพื่อซ้อมก่อนขึ้นแสดงจริง สมาชิกทุกคนในวงกำลังเตรียมพร้อมเพื่อขึ้นรถตู้ของทางบริษัทที่กำลังรออยู่หน้าหอแล้ว
“ฮันกยองนายไหวรึเปล่าเนี่ย หน้านายเหมือนอย่างกะคนไม่ได้นอน”หัวหน้าวงเข้ามาถามอาการ เพราะเห็นหน้าลูกทีมที่ดูเหนื่อยๆ แล้วหาวอยู่ตลอดเวลา ฮยอกแจที่พอได้ยินก็รีบหันมาสนใจฮันกยองทันทีด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน
“ไหวๆ เมื่อคืนเล่นคอมดึกไปหน่อย” เขาหันมาตอบแล้วยิ้มบางๆให้อีทึกเหมือนเป็นเครื่องยืนยันว่าเขาไม่เป็นอะไร
“คราวหลังก็ระวังหน่อยแล้วกัน ก่อนมีขึ้นแสดงนายน่าจะนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เดี๋ยวจะเป็นอะไรไปซะก่อน” อีทึกพูดเป็นเชิงเตือน คนที่ถูกเตือนพยักหน้าอย่างยอมรับ แต่สายตาก็แอบเหล่คนที่เป็นสาเหตุให้เขานอนไม่หลับ ส่วนคนที่ถูกมองก็ยังคงทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวต่อไป ที่เพิ่งลงมาจากหอ
“นายก็อีกคนฮีชอล เมื่อคืนกลับตีอะไรล่ะ”อีทึกพอเตือนฮันกยองเสร็จ แล้วพอดีคนสวยที่เพิ่งเดินมาพอดีจึงถูกเตือนอีกคน
“ยังไงฉันก็ไม่ทำให้นายเดือดร้อนหรอกน่า” ฮีชอลหันไปเถียง ด้วยหน้าอย่างรำคาญ ให้หัวหน้าวงที่ไม่สามารถทำอะไรนางพญาคนนี้ได้อยู่แล้ว จนต้องเป็นฝ่ายเงียบไปเอง
ฮีชอลที่พอรู้สึกตัวว่ามีคนมองเขาอยู่ พอหันไปก็เห็นคนจีนรีบหันกลับไปทันทีเหมือนพยายามหลบสายตาเขา ทั้งๆที่เขารู้ว่าฮันกยองมองเขา แต่ฮีชอลก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ต่อไป
บนเวทีทั้ง 12 คนกำลังซ้อมเต้นอย่างตั้งใจ วันนี้มีอย่างนึงที่แปลกไปคือซีวอนจะคอยเอาใจฮีชอลอยู่ตลอดเวลา ทุกคนที่เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติก็เริ่มสงสัยในท่าทางของซีวอน ไม่ว่าฮีชอลต้องการอะไรซีวอนก็จะหาให้หมด
“ไอ้ม้านั่นมันเป็นอะไรของมันเนี่ย เห็นตั้งแต่มาแล้ว” หนุ่มร่างอวบหันไปถามหัวหน้าวงที่กำลังนั่งพักอยู่ข้างๆ
“ฉันก็เพิ่งเห็นพร้อมนายเนี่ยแหละ” ทั้งอีทึกและคังอินนั้งมองทั้งสองคนอย่างไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนั้นกันแน่ รวมทั้งคนอื่นๆที่เหลือก็มองทั้งสองคนตาไม่กระพริบเหมือนกัน เว้นเพียงแค่ฮันกยองที่กำลังนั่งผูกเชือกรองเท้าตัวเองอยู่หลายรอบแต่ก็ผูกไม่ได้ซักที เพราะมีสิ่งมีชีวิตสองร่างที่กำลังรบกวนสมาธิเขาอยู่
‘มันผูกยากผูกเย็นอะไรนักหนาว่ะ’ ฮันกยองที่เมื่อก่อนแม้จะมีอะไรมากวนสมาธิเขาก็ตาม ก็ไม่เคยมีอะไรทำลายสมาธิเขาได้ แต่วันนี้เขาเป็นอะไรไปทำไมสมาธิมันกระเจิดกระเจิงอย่างนี้ล่ะ แค่สองคนนั้นจะสวีทกันแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรา ทำไมต้องไปสนใจด้วย
ฮยอกแจที่เห็นฮันกยองนั่งคนเดียวเลยขวดน้ำส่งให้ยื่นให้
พอฮันกยองเห็นขวดน้ำก็เงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของมือเล็กนั้นแล้วขอบคุณ พร้อมกับยิ้มให้
“ฮยองไม่เป็นอะไรแน่นะ” ร่างเล็กถามฮันกยองด้วยความเป็นห่วง
“อืม ฉันสบายดี”ฮันกยองมองเขาด้วยใบหน้าที่อบอุ่นตามแบบฉบับของเขาอีกครั้ง เขาอยากให้ใบหน้าอบอุ่นแบบนี้เป็นของเขาคนเดียวจริงๆ ถึงแม้ว่าฮันกยองจะทำให้กับทุกคนแต่ได้แค่นี้เขาก็ดีใจมากแล้ว พอคุยกันได้ไม่นานผู้จัดการก็เรียกไปซ้อมอีกครั้ง
คราวนี้ทุกอย่างจะเหมือนกับแสดงจริงหมด ทุกคนจึงตั้งใจมากขึ้นกว่าเดิม เริ่มซ้อมกันไปตั้งแต่เริ่มเพลงโดยฮันกยองจะเริ่มเดินขึ้นมาจากตรงกลางแล้วผลัดเปลี่ยนกันขึ้นมา จนกระทั่งถึงท่อนฮีชอลที่ขึ้นมาร่วมร้อง จนถึงท้ายเพลงที่ต้องเดินมาตรงจุดกลางวง แต่ระหว่างที่ฮีชอลเดินมาตรงกลางกลับพลาดลื่นล้มลงไปกับพื้น รวมทั้งฮยอกแจที่ล้มตามไปอีกคน เพลงหยุดลง ทุกคนในห้องส่งต่างหยุดการกระทำทั้งสิ้น ทั้งสองคนที่ล้มลงไปนอนแน่นิ่ง ฮันกยองเห็นดังนั้นก็รีบก้าวเท้าเพื่อวิ่งเข้ามาเพื่อมาพยุงฮีชอลแม้ว่าเขาจะอยู่ใกล้ แต่กลับมีมือใครคนหนึ่งที่ไปถึงตัวร่างบางก่อน เขาโอบร่างฮีชอลแล้วพยุงขึ้นมาแล้วพาไปห้องแต่งตัวเพื่อปฐมพยาบาลก่อน อีกคนที่จะรีบเข้าไปช่วยจึงต้องหยุดชงักอยู่อย่างนั้น
“เดี๋ยวผมดูแลพี่ฮีชอลเองครับ”ซีวอนหันมาบอกสมาชิกคนอื่น เขามองทั้งสองร่างตามหลังไปแต่ตอนนี้ฮีชอลก็มีคนที่เขารักคอยดูแลแล้วนี่ แล้วผมจะไปมีสิทธิ์ห่วงเขาเหมือนแต่ก่อนได้อย่างไร ผมมันก็แค่เพื่อนสนิท เอ๊ะ แล้วนี่ผมกำลังต้องการอะไรจากฮีชอลกันแน่ทำไมผมต้องรู้สึกไม่พอใจด้วย
“ฮยอกแจนายเป็นอะไรมั้ย”เสียงดงแฮที่ถามเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง
“นายลุกไหวมั้ย” ซองมินที่เหมือนจะค่อยๆประคองฮยอกแจลุกขึ้นเพื่อจะพาไปทำแผลเหมือนกัน แต่กลับมีมืออีกคนที่เข้ามาดึงตัวฮยอกแจจากซองมินไปซะก่อน เขาดึงแขนเล็กมาคล้องคอเขาเพื่อพยุงตัว
“อ่า พี่ฮันกยอง” ซองมินร้องออกมาอย่างตกใจ ส่วนฮยอกแจหันมามองฮันกยองด้วยความตกใจด้วยแรงดึงของเขา แต่ถึงเขาจะดึงแขนแบบนี้นแต่ก็ดึงด้วยความเบามือ เพราะเขาก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยซักนิดเดียว
“ฉันช่วยเอง” ฮันกยองเอ่ยปาก เพราะอยากช่วยเหลือจริงๆ อีกใจหนึ่งก็อยากประชดคนที่เพิ่งเข้าไปห้องแต่งตัวเหมือนกัน ทั้งที่เขาไม่อยากคิดแบบนั้น เพราะมันเป็นเรื่องอุบัติเหตุ ดงแฮที่เห็นเพื่อนเจ็บขนาดนั้นจึงขอตามฮันกยองและฮยอกแจไปด้วยอีกคน สมาชิกที่เหลือจึงยังอยู่บนเวที เพราะในห้องแต่งตัวก็ยังมีคนรอช่วยเหลืออีกเยอะ ถ้าตามไปกันอีกก็จะไปเกะกะพวกเขาเปล่าๆ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมมีน้ำอยู่ที่พื้นนี่ด้วย” อีทึกที่หลังจากเกิดอุบัติเหตุนี้ขึ้นก็รีบเข้าไปตรวจสอบบริเวณนั้นทันที
ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างสงสัยว่าทำไมที่พื้นมีน้ำ
“ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมคนงานที่นี่ถึงได้สับเพร่าแบบนี้นะ”ผู้จัดการบ่นพนักงานที่นี่ว่าทำงานไม่รอบคอบ แต่มีเพียงอีทึกเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังสงสัยอยู่เขาไม่คิดว่าเป็นอุบัติเหตุแต่เขาคิดว่าเป็นการตั้งใจจากใครบางคน แต่แค่ไม่แน่ใจว่าเล็งเป้าหมายที่ใครกันแน่ระหว่างฮีชอลหรือฮยอกแจ เพราะจุดๆนั้นที่ใครก็รู้ว่ามีเพียงสองคนนั้นเท่านั้นที่ต้องเดินไปบริเวณนั้น
ในห้องเตรียมตัวที่อีกมุมหนึ่งมีฮีชอลนั้งอยู่บนโซฟาตัวยาวกับซีวอนที่กำลังนั่งคลุกเข่าอยู่ที่ข้อเท้าของคนเจ็บและนวดเบาๆอยู่ และมีสต๊าฟที่คอยดูแลหายามาทาให้ด้วย ส่วนอีกมุมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้ากระจกคือฮยอกแจ ฮันกยองและดงแฮ สต๊าฟกำลังนวดขาของฮยอกแจเพื่อบรรเทาอาการปวดให้
“พี่รู้สึกดีขึ้นมาบ้างหรือยังครับ”ซีวอนที่ถามคนสวยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“อือ ก็ดีขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ เพราะมีนายคอยดูแลให้ไงฉันเลยหายเร็วได้ขนาดนี้” ฮีชอลพยายามเน้นคำพูดหลังเหมือนพยายามให้ใครบางคนได้ยิน พลางยิ้มบางส่งไปให้คนที่กำลังนวดข้อเท้าให้อยู่ ส่วนคนที่ยืนอยู่ข้างๆฮยอกแจเพราะอยากประชดใครบางคน เขารู้สึกว่าตัวเองคิดผิดจริงๆที่ตามมาเพราะเป็นห่วงคนสวยคนนั้น แล้วก็อยากประชดเขาด้วยการทำเป็นห่วงฮยอกแจมากกว่าเป็นสิ่งที่เขาคิดผิดไปจริงๆ เพราะตอนนี้สิ่งที่เขาเห็น สิ่งที่เขาได้ยินมันกำลังทำให้เขารู้สึกไม่พอใจเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
ฮันกยองที่จู่ก็นั่งคลุกเข่าลงแล้วยกขาของฮยอกแจขึ้นมาวางบนตักแล้วนวดเบาๆ ทำให้ฮยอกแจรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่ในความประหลาดใจก็มาพร้อมกับความรู้สึกดีด้วยไปพร้อมๆกัน พี่ยิ่งทำแบบนี้ผมก็ยิ่งชอบพี่มากขึ้นกว่าเดิมไปอีกน่ะสิ
“พี่ฮันกยอง ไม่ต้องก็ได้ครับ” ฮยอกแจที่พยายามจะยกเท้าออกมาจากฮันกยองแต่คนนวดก็ไม่ยอมยังคงนวดต่อไป ฮยอกที่ทำอะไรไม่ถูกจึงปล่อยเลยตามเลยไป
“ฉันนวดเก่งนะ พรุ่งนี้นายเดินได้เป็นปกติแน่ เชื่อฉันสิ” เขาพูดพลางแอบหันไปมองคนที่อยู่บนโซฟา แต่คนที่อยู่บนโซฟากลับทำหน้าตาเฉย เขาจึงหันมาตั้งใจนวดต่อ เพราะเห็นแล้วว่าไม่ว่ายังไงเขาก็ดึงความสนใจจากคนคนนั้นไม่ได้จริงๆ คงจะมีคนที่เขาสนใจมากกว่าอยู่ใกล้ๆแล้ว
“นี่พี่พูดจริงหรอ เอาไว้วันไหนผมเมื่อยๆจะให้พี่นวดให้บ้างนะ” ดงแฮที่เห็นฮันกยองพูดอย่างนั้นก็อยากลองดูบ้าง เพราะช่วงนี้เขารู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวอยู่บ่อย เพราะช่วงนี้เป็นช่วงกำลังโปรโมตเพลงที่ต้องมีซ้อมเกือบทุกๆวัน
“อืม ได้สิน้องรักขอมาฉันก็ทำให้ได้อยู่แล้ว” ฮันกยองพยายามพูดเสียงดังเช่นกันเพื่อประชดใครบางคน ดงแฮที่ได้ยินคำว่าน้องรักที่ฮันกยองไม่เคยเรียกเขาแบบนี้มาก่อนก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา ผีตนไหนเข้าว่ะ พี่ฮันกยองถึงได้เรียกแบบนี้ ถึงดงแฮจะรู้สึกประหลาดใจแต่ก็ปล่อยให้มันผ่านๆไปเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยที่วันดีคืนดีพี่ฮันกยองอาจจะอยากเรียกแบบนี้เล่นๆก็ได้ ตอนนี้เรื่องขาของฮยอกแจสำคัญกว่า จึงหันไปถามเพื่อนที่กำลังนั่งกลุ้มใจกับขาเขาอยู่
“นายรู้สึกยังไงบ้าง” คนที่ถูกถามจึงค่อยๆลุกขึ้นยืน
“โอ๊ะ ผมรู้สึกดีขึ้นกว่าเมื้อกี้เยอะเลยครับ แต่ก็ยังเจ็บอยู่หน่อยน่ะครับ”
“ดีแล้วล่ะ ยังไงนายก็คงเต้นไม่ไหว นายพักอยู่นี่แล้วกัน ส่วนของนายอีทึกกับผู้จัดการคงจะจัดการให้แล้ว” ฮันกยองพยายามพูดไม่ให้น้องชายคนนี้คิดมาก
“ขอบคุณมากนะครับ” ฮยอกแจก้มหัวให้ฮันกยองเล็กน้อย ถึงฮันกยองจะยิ้มให้เขาแต่สายตาของฮันกยองยังคงหันไปมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาทางกระจก เขาคงเป็นห่วงพี่ฮีชอลเป็นธรรมดา ก็เพื่อนสนิทกันนี่นะ ฮยอกแจมองตามพลางคิดว่าฮันกยองคงรู้สึกเป็นห่วง
“พี่ฮีชอลจะขึ้นแสดงไหวมั้ยเนี่ย”ดงแฮที่เดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
“คิดว่าไหวนะ ส่วนของฉันมันแค่นิดเดียวเองนี่”
“พี่ไม่ฝืนแน่นะครับ”ซีวอนที่ถามย้ำอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง
“ฉันไหวน่า ไปเตรียมตัวกันเถอะ”
ผู้จัดการที่เข้ามาเรียก ให้ทุกคนกลับไปซ้อมอีกครั้ง เพราะต้องเปลี่ยน ไลน์การเต้นใหม่นิดหน่อยเพื่อแทนส่วนของฮยอกแจ ส่วนฮยอกแจถูกสต๊าฟพาไปดูแลอีกที่หนึ่ง ทุกคนต่างรีบไปเตรียมตัวกันฮีชอลให้ซีวอนไปก่อนเพราะเขาขอเวลาไปเข้าห้องน้ำหน่อย ตอนแรกซีวอนอยากจะตามไปด้วยเพราะเป็นห่วง แต่ฮีชอลก็ยืนยันว่าเขาไปเองได้ ซีวอนเลยต้องยอม พอซีวอนออกไปแล้วฮันกยองที่ยังไม่ได้ออกไปเช่นกันก็เดินเข้ามาหาร่างบางแล้วนั่งลงไปกับพื้นพลางจับข้อเท้าของฮีชอลขึ้นมา
ตอนแรกฮีชอลตกใจแล้วพยายามจะชักเท้ากลับแต่อีกคนก็พยายามขีนไว้ ฮีชอลจึงยอมนิ่งให้
“นายจะทำอะไรน่ะ”ฮีชอลหันมาถามด้วยน้ำเสียงแอบน้อยใจที่เห็นตอนแรกว่าเขาไม่เห็นสนใจเลย พอตอนนี้จะเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเขาทำไม ฮันกยองที่กำลังลองบิดข้อเท้าเบาๆ
“โอ๊ยยย!!! เจ็บนะ นายทำบ้าอะไรนี่ย”
“นายมันดื้อ ไม่ไหวก็บอกไม่ไหวสิ” ฮีชอลมองหน้าฮันกยองอย่างรู้สึกประหลาดใจ ทำไมคนๆนี้ต้องรู้ความรู้สึกของเขาไปซะทุกเรื่อง เขาอุตส่าห์พยายามทำให้เป็นปกติที่สุดแล้ว แต่ทำไมคนๆนี้ถึงยังสังเกตเห็นอีก เขาไม่เข้าใจความคิดของฮันกยองจริงๆทั้งๆที่เหมือนไม่สนใจ
“มันเรื่องของฉันนี่ นายก็บอกอยู่บ่อยๆว่ามันเรื่องของฉัน ทำไมนายต้องมาเป็นห่วงด้วย”
“ใช่ มันเรื่องของนายก็จริงที่นายจะตัดสินใจยังไง แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่นะ ถ้านายยังฝืนต่อไปยิ่งจะทำให้เจ็บหนักกว่าเดิมไปอีก ถึงเวลานั้น
วงก็จะยิ่งลำบาก” ฮันกยองที่ยังคงปากแข็งใจจริงอยากจะบอกว่าตัวเขาเองเป็นห่วง แต่ก็เปลี่ยนเป็นเอาเรื่องของส่วนรวมเข้ามาแทน เพราะเขาไม่อยากแสดงว่าตัวเองเป็นห่วง ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน
“
.หึ นายก็เป็นแบบนี้ทุกที”ฮีชอลที่พูดเหมือนตัดพ้ออะไรบางอย่าง สายตาที่มองมาอย่างเจ็บปวด ที่เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ร่างสวยพยายามลุกแล้วพยายามเดินให้เหมือนเท้าเป็นปกติที่สุดพาร่างตัวเองเดินออกไป
ตอนนี้ทุกๆอย่างเขาเองกำลังสับสนว่าเขารู้สึกยังไงกันแน่กับฮีชอล บางครั้งเวลาเห็นคนสวยสนิทกับคนอื่นก็ไม่พอใจ บางครั้งก็กระวนกระวายใจถ้าวันไหนไม่ได้เห็นหน้า เป็นห่วงเขาอยู่บ่อยๆถ้ากลับห้องดึกเกินไป คงเป็นเพราะฮีชอลเป็นเพื่อนสนิทที่สำคัญของเขาจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของเขาไปแล้วก็ได้
____________________________________________________________________________________________________________
อัพฉลองวันพ่อพอดีเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ไรเตอร์ทำการ์ดให้พ่อ เขียนข้อความให้ด้วยแล้วเขินจัง >O<
ทำไมเหมือนวิวเยอะ แต่ไม่ค่อยมีคนเม้นให้เลยอ่ะ
อยากได้รับคำติชมมากกว่านะคะ
เข้ามาอ่านแล้วก็อยากให้ทิ้งเม้นไว้นิดหน่อยก็ยังดีนะคะ
ขอบคุณสำหรับคนอ่านแล้วเม้นให้นะคะ (เป็นกำลังใจดีๆให้ไรเตอร์จะพยายามแต่งต่อไปค่ะ)
ความคิดเห็น