ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Just so you know ( HanChul ) feat. SJ

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 2 ธ.ค. 52


    ตอนที่ 3

     

    ส่วนคนที่ถูกทิ้งให้อยู่ห้องครัวเพียงลำพัง กำลังรู้สึกหงุดหงิดกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขายังคงติดใจสงสัยอยู่ว่าสองคนนั้นมีความสัมพันธ์ยังไงกัน แล้วพวกเค้าจะไปที่ไหนกัน  เขานั่งครุ่นคิดอยู่อย่างนั้นจนคิ้วขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว

    “ฮึ้ย แล้วจะไปคิดเรื่องอะไรของสองคนนั้นนะ ฮีชอลจะไปไหนกับซีวอนก็ไม่ใช่เรื่องของเรานี่นา” ถึงจะพูดเหมือนไม่สนใจแต่จิตใจก็ยังว้าวุ่นกับเรื่องนี้อยู่

    เกร้ง !

    “โว้ยยย  ฮีชอลจะไปไหนก็ไป ไปไม่ต้องกลับเลยยิ่งดี ” เขาพูดแล้วกระแทกจานที่กำลังจะเอาไปล้างลงอ่างล้างจานอย่างแรง  แต่พอคิดถึงว่าคนสวยนั่นไปกับใครก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่ใจกลับตรงกันข้าม

     

    “อ้าว พี่ฮันกยองจะทำลายทรัพย์สมบัติในบ้านรึไง” ดงแฮที่เพิ่งเข้ามาในบ้านก็ได้ยินเสียงชามลงกระทบอย่างแรงจึงรีบวิ่งเข้ามาดู

    “ไม่มีอะไร แค่จานมันหลุดมือน่ะ” เขาตอบโดยสายตาไม่ได้ละจากจานใบนั้นเลย

    “แล้วนี่ไม่มีใครอยู่เลยหรอพี่” ดงแฮที่กลับเข้าสังเกตเห็นว่าบ้านมันเงียบผิดปกติ

    “อืม” ฮันกยองตอบโดยมือยังล้างจานทีละใบทีละใบ

    “พี่ฮีชอลก็ไม่อยู่หรอครับ เห็นปกติติดบ้านจะตาย ถ้าไม่มีอะไรจริงๆก็ไม่ยอมออกไปไหนนี่” น้องชายที่เพิ่งกลับมาถามพลางหย่อนตัวนั่งลงเก้าอี้กินข้าว

    ฮันกยองที่ได้ชื่อคนนั้นอีกครั้งก็กำจานแน่นขึ้น เขาถูจานอย่างบ้าคลั่งจนดงแฮสังเกตเห็น

    “พี่ฮันกยองเป็นไรรึป่าวครับ” น้องชายหน้าหวานเริ่มถามอย่างเกรงๆ ตอนนี้ดูเหมือนพี่ฮันกยองจะน่ากลัวมากกว่า ทั้งๆที่ปกติจะไม่เป็นแบบนี้

    “แล้วตกลงพี่ฮีชอลไปไหนหรอครับ” ดงแฮที่ยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรยังคงถามกระตุ้นต่อมหงุดหงิดของพี่ชายคนจีนคนนี้ต่อไป

    ฮันกยองพยายามข่มอารมณ์ เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเขาเองหงุดหงิดอะไรนักหนา “ไปเดตกับซีวอน” เขาตอบด้วยเสียงเรียบ

    “ห่ะ ไปเดตกับซีวอน ฮ่าๆๆๆ พี่ล้อผมเล่นป่าวเนี่ย” น้องชายที่เหมือนไม่เชื่อ กลับหัวเราะให้กับสิ่งที่ฮันกยองบอกมา

    ฮันกยองเห็นน้องชายคนนี้ไม่เชื่อจึงหันกลับมามองด้วยสายตาที่ไม่ล้อเล่นซักนิดแถมยังดูน่ากลัวด้วย ดงแฮจึงรีบหุบปากทันที “นายไม่เชื่อก็ตามใจ แล้วเรื่องฮีชอลนายไม่ต้องมาถามฉันอีก ไปถามเจ้าตัวเองแล้วกัน ไม่สิหรือบางทีคืนนี้คงไม่กลับแล้วมั้ง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงประชดแล้วก็เดินออกจากครัวไปทันที ทิ้งให้น้องชายที่เพิ่งมาต้องประหลาดใจ มองตามหลังพี่ชายไป

    “เป็นอะไรของพี่เค้าล่ะเนี่ย หงุดหงิดเรื่องอะไรของเค้านะ” ดงแฮยืนเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ วันนี้พอเขากลับมาถึงก็เจอแต่เรื่องแปลกๆ อีกคนก็หัวเราะเป็นคนบ้า อีกคนก็อารมณ์เสียสุดๆ

     

    เวลาที่ล่วงเลยมาจนถึงกลางดึง คนสวยที่ออกไปช่วงตอนสายจนป่านนี้ก็ยังไม่กลับ ในหอไฟถูกปิดดับสนิทเพราะเป็นเวลานอนของทุกคนแล้ว ต่างคนต่างเข้าห้องไปหลับนอน แต่ในความมืดกลับมีเงาร่างสูงของใครคนหนึ่งที่ยังเดินวนเวียนอยู่ในห้องนั่งเล่น ทั้งๆน่าจะเป็นเวลานอนไปนานแล้ว

    แกร๊ก !

    เสียงเปิดประตูเบาๆ ทำให้คนที่กำลังเดินวนเวียนอยู่ในห้องไม่ได้ยินยังคงเดินไปด้อมๆมองๆแถวหน้าห้องของคนเพิ่งกลับมา ตอนแรกคนสวยก็ไม่ได้สังเกตอะไรเดินเข้ามาในหอปกติ แต่พอเดินมาถึงหน้าห้องเขา กลับพบแผ่นหลังของใครบางคนหน้าห้องของเขา ฮีชอลเข้าหอมาโดยไม่ได้เปิดไฟ เดินเข้ามาด้วยความชิน แต่วันนี้กลับมีสิ่งปกติที่กำลังเดินวนเวียนอยู่แถวหน้าห้องของเขา ดูแล้วพฤติกรรมน่าสงสัย พอเดินเข้าไปใกล้มากขึ้นเขาก็รู้ทันทีเพียงแค่มองข้างหลังเขาก็จำคนๆนี้ได้แล้ว เขาจึงเดินเข้าไปใกล้แล้วสะกิดไหล่หนานั่น

    “ฮันกยอง” คนที่หันหลังถูกเรียกก็สดุ้งสุดตัว

    “นายมาด้อมๆมองๆอะไรหน้าห้องฉัน” ฮีชอลแกล้งถาม เขาชอบแกล้งร่างสูงอยู่บ่อยๆอยู่แล้ว เพราะชอบเห็นหน้าเอ๋อๆ ที่เวลาทำอะไรไม่ถูกของคนๆนี้

    “ปะ..ป๊าวววววววววว” เขาลากเสียงยาวแบบแปร่งๆ ยิ่งเวลาเขาทำอะไรไม่ถูกภาษาเกาหลีของเขาจะยิ่งวิบัติมากขึ้น ฮันกยองที่กำลังหาคำตอบอื่น ไม่คิดว่าฮีชอลจะมาโดยที่เขาไม่รู้ตัว เขาแค่มาเดินดูนิดหน่อยด้วยความเป็นห่วงแบบเพื่อน ใช่ แบบเพื่อนเท่านั้น เขากำลังสับสนกับตนเองยืนเหงื่อไหลเต็มใบหน้า อย่างที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เพราะในห้องก็ไม่ได้ร้อนถึงขั้นต้องเหงื่อตกขนาดนี้

    ฮีชอลที่เห็นแบบนั้นก็ยิ่งอยากแกล้งคนจีนคนนี้ เขาจึงเดินเข้ามาประชิดตัวแล้วเอาแขนเรียวคล้องคอร่างสูง

    คนจีนใจหายวูบ ทำไมเค้าต้องตื่นเต้นด้วยว่ะ ฮันกยองยังคงยืนทำอะไรไม่ถูก คิดสับสนอยู่ในใจตลอดเวลา

    “หรือว่านายยย”ใบหน้าสวยค่อยๆเคลื่อนมาใกล้แนบชิดกับใบหูของร่างสูง

    ” ฮันกยองที่ยืนปั้นหน้าไม่ถูกใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว ไอ้บ้านี่มันเล่นอะไรของเขาเนี่ย ผมจะบ้าตายอยู่แล้ววว

    “เป็นห่วงฉันหรอ ฮันกยอง” คนสวยพูดแล้วอมยิ้ม ร่างสูงพอได้ฟังก็เหมือนพูดตรงจุดของเขาพอดี ใบหน้าชาวาบทันที ฮันกยองรู้สึกดีใจอยู่อย่างที่ไฟไม่ได้ถูกเปิดไม่งั้นเค้าคงจะปั้นหน้าลำบาก ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าหน้าของเขาตอนนี้มันออกอาการยังไงบ้าง  เพราะตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจอารมณ์ตัวเองตอนนี้เหมือนกัน

    พอเขารู้สึกตัวก็รีบสะบัดตัวหนี ออกมาจากอ้อมแขนเล็กนั่น จนฮีชอลต้องปล่อย แล้วฮันกยองก็หันไปเถียงกลับ

    “คะ ใคร ใครจะไปห่วงนาย” ร่างสูงตอบโดยน้ำเสียงยังไม่ปกติดี

    “ก็นายไง รู้สึกนายจะเขินนะ” ฮีชอลยังคงแกล้งไม่เลิก เขาพูดด้วยรอยยิ้มหยอกล้อ

    “ฉันไม่ได้ห่วงนาย จะไปไหนมันก็เรื่องของนาย” เขาพูดโดยเน้นประโยคสุดท้าย

    “ฮ่าๆๆๆๆ ไม่เอานะฮันนี่ หึงฉันหรอ”  คนสวยยังคงแกล้งไม่เลิก มองท่าทางเวลาที่ฮันกยองทำอะไรไม่ถูกแล้วรู้สึกว่ามันน่ารักดี

    “โอ๊ยยยยยยย อย่าเรียกฉันแบบนั้นนะ ฟังแล้วขนลุก แล้วอีกอย่างฉันไม่ได้ห่วง ไม่ได้หึง นายมันนายมันบ้าไปแล้ว” ฮันกยองไม่รู้จะเถียงกลับยังไง จนเขายอมแพ้ โดยทิ้งประโยคท้ายไว้พลางชี้หน้าฮีชอลเหมือนผู้ใหญ่ว่าเด็กแล้วก็รีบปลีกตัวออกไปทันที

    ฮีชอลที่ยืนมองตามหลังก็อดยิ้มไม่ได้ กับท่าทางเปิ่นๆ เอ๋อๆของฮันกยอง

    “แกล้งนายแล้วสนุกจริงๆ” ฮีชอลอมยิ้มอย่างมีความสุขพลางเดินกลับเข้าห้องตัวเองไป


     



    ไม่รู้จะคุยอะไรดี ตอนนี้ฮันชอลเต็มๆ แต่น่าจะเป็น ฮีคยองมากกว่านะเนี่ย

    รู้สึกกว่าแต่งแต่ละตอน ยิ่งแต่งยิ่งสั้นแฮะ

     

    ~ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ~


       ยิ่งคนเม้นยิ่งขอบคุณมากๆเลยค่ะ เป็นไรเตอร์ที่น่ารักจริงๆ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×