คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : MyLordMyLady : 2
Choi Youngjae
อายุ 23 ปี
Cardin state northern
----------------------------------------------------------
2
. . . . .
. . . .
. . .
. .
.
เป็นเวลาดึกเกือบรุ่งสางที่ผมต้องตื่นเพื่อที่จะมาเตรียมอุปกรณ์ทำอาหารให้พวกแม่ครัวใหญ่และต่อด้วยล้างจานชามอยู่หลังครัวเดี๋ยวอีกไม่นานพวกแม่ครัวใหญ่ก็จะมา ผมที่ฮัมเพลงอย่างสบายใจเฉิบก็ต้องสะดุ้งเมื่อคนนอกวังวิ่งกันดูชุลมุน แม้จะเป็นเวลารุ่งสางแล้วแต่ท้องฟ้าก็ยังมืดอยู่พวกเขาไม่แม้แต่จะถือตะเกียงกันออกมาแสดงว่าต้องรีบมาก
ผมขมวดคิ้วมุ่นชะเง้อมองคนพวกนั้นที่ไม่เพียงแต่ไม่ถือตะเกียงพวกเขายังไม่ใส่เสื้อหนาๆอย่างที่ควรจะเป็นอีกทั้งที่หิมะนั้นแทบจะท่วมพื้นอยู่รอมล่อ แล้วผมก็ได้รู้เมื่อคนที่วิ่งอยู่พวกนั้นตะโกนลั่นว่าวังโดนปล้น ผมรีบทิ้งทุกอย่างในมือทันทีเหมือนกับชาววังทั่วไปที่รีบหนีออกจากตัววัง ผมรีบวิ่งไปที่ห้องพักของตัวเองกับพี่ยองแจพี่ชายไม่แท้ของผมแม้จะลำบากในยามที่หิมะท่วมเต็มถนนก็ตาม
เพราะแม่ผมที่เพิ่งเสียไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อนทำให้หน้าที่ดูแลผมและห้องพักตกอยู่ที่พี่ยองแจในขณะที่ผมก็ต้องออกมาทำงานล้างจานในห้องเครื่องแทนเพื่อที่จะได้มีรายได้บ้าง อยู่ในวังนั้นลำบากกว่าที่คิดยิ่งในยุคสมัยที่สังคมต่างแบ่งชนชันกันอย่างชัดเจนเช่นนี้ ยิ่งผมที่ไม่ได้เรียนหนังสือเพียงแค่อ่านออกเขียนได้อย่างคนปกติทั่วไปนั้นไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลยนอกจากการค้าขาย แต่เราสองคนก็ไม่มีทุนอีกนั่นแล
ทันทีที่ผมมาถึงห้องพักมันทำให้ใจผมแทบจะตกวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อประตูไม้บานเก่าถูกตีจนพังเป็นช่องโหว่ใหญ่ ผมสูดหายใจเข้าใจเต็มปอดก่อนค่อยๆก้าวเท้าเดินไปที่ประตูห้องอย่างกล้าๆกลัวๆ ไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาเลยผมภาวนาเพียงแค่อย่างน้อยให้พี่ยองแจของผมปลอดภัยก็เพียงพอ
“ พะ พี่ยองแจ ” ผมตะโกนเรียกก่อนเมื่อมองเข้าไปเห็นพี่ชายของผมถูกมันไว้กับขาเตียง
“ แบมแบมอย่าเข้ามา! ”
ผั่วะ!!
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรก็เหมือนกับว่ามีอะไรตีเข้าที่กลางหลังจนผมแทบล้มหน้าคว่ำ ผมหันไปมองก็พบว่าเป็นชายร่างใหญ่ที่มีผ้าปิดหน้ากว่าครึ่งหน้า สัญชาตญาณบางอย่างบอกกับผมว่าเขาคือ. . โจร ผมรวบรวมสติก่อนออกแรงถีบอย่างแรงไปที่ท้องของไอ้โจรตัวใหญ่จนมันล้มหงายหลังไปในขณะที่มันกำลังจะง้างมือฟาดผมอีก เห็นอย่างนี้ผมน่ะบู๊กับพวกเด็กเกเรนอกวังบ่อยมากเลย
“ แบมแบมรีบหนีไปเถอะ ” พี่ยองแจพูดขึ้นอย่างร้อนลนเมื่อผมวิ่งมาแก้มัดให้พี่ชายของผมที่ถูกมัดติดกับขาเตียง
“ ไม่ ข้าจะไม่ทิ้งพี่หรอกนะ ลุกเร็วเข้า ” ผมว่า ก่อนฉุดมือพี่ชายวิ่งออกทางหน้าต่างห้อง โชคดีที่พื้นทั้งหมดเต็มไปด้วยหิมะทำเราไม่เจ็บกันเท่าไรนักตอนกระโดดลงมา แต่มันมักลำบากตอนที่วิ่งซึ่งผมอยู่ในสภาพเท้าเปล่าเพราะมันขาดไปเมื่อตอนที่กำลังวิ่งมาบ้านพักนี่
“ เห้ย! จับไอ้สองคนนั้นซะมันหนี เชลยสองคนนั้นหนีไป!! ” เสียงหนึ่งดังลั่นไล่หลังพวกเรามา ผมหันไปมองก็พบว่าเป็นไอ้โจรที่บ้านพักซึ่งมันก็วิ่งตามผมมาเช่นกัน และทันทีที่มันตะโกนเสร็จพวกมันอีกห้าถึงหกคนก็วิ่งไล่พวกผมทันที แต่โชคดีที่ส่วนของบ้านพักนั้นอยู่ติดกับป่าหลังเมือง
“ แบมแบม เราจะไปไหนกัน ” พี่ยองแจพูดขึ้นเมื่อเราเข้ามาในเขตป่าแล้ว
“ ข้าก็ไม่รู้ รู้เพียงว่าเราหยุดวิ่งไม่ได้ เราไม่รู้ว่ามันจะวิ่งตามเรานานแค่ไหน ”
“ เจ้าเด็กโง่เอ๊ยทำอะไรไม่คิดอีกแล้ว แล้วก็อย่าลืมสิว่ามากับใครน่ะ . . .มาทางนี้ ” พี่ยองแจหันมาทึ้งหัวผมทีหนึ่งก่อนจะฉุดมือผมเปลี่ยนทิศทางเพื่อหนีโจรพวกนั้น ซึ่งผมหันไปมองก็ยังได้ยินเสียงวิ่งตามและบางคนก็วิ่งเข้ามาใกล้พวกเรามาก
“ แฮกๆๆ ” ผมและพี่ยองแจหยุดหอบหายใจกันยกใหญ่เมื่อพอเปลี่ยนเส้นทางแล้วพวกโจรตามมาไม่ได้ ผมเองก็ลืมไปเสียสนิทเลยว่าพี่ชายไม่แท้ของผมเคยติดตามพ่อแม่ของเขาเข้าป่าไปเก็บสมุนไพรอยู่บ่อยๆ แต่นั่นก็วางใจไม่ได้อยู่ดี พวกโจรนั่นหากไม่วางแผนมาดีก็คงมีฝีมือมากเทียวล่ะถึงได้คิดการใหญ่ปล้นวังการ์แดงที่กองกำลังหนาแน่นเช่นนี้ได้
“ แบมแบม. . . ” พี่ยองแจว่า หน้าเขาซีดยังกับว่าเจอผีปีศาจอย่างนั้นแหละ
“ อะไรรึ ข้ามีอะไรรึเปล่า ” ผมมองไปด้านหลังเผื่อว่าจะมีโจรโผล่มาด้านหลังแต่ก็ไม่มี มองไปด้านข้างก็เป็นหน้าผากว้างพรางลูบคลำไปทั่วๆตัว
“ ทะ เท้าเจ้าน่ะ ” ผมมองไปตามที่พี่ยอง เท้าเปล่าของผม มันแดงเถือกเต็มไปด้วยเลือดดูน่ากลัวมาก เหมือนกับว่าก่อนหน้านี้เหนื่อยและกลัวมากทั้งหิมะนองพื้นก็เย็นจนทำให้ผมไม่รู้สึกอะไร ทว่าเมื่อพี่ยองแจทักเช่นนี้รวมกับการเห็นเท้าเหวอะหวะด้วยตาตัวเองแล้วความเจ็บก็แล่นแปล๊บเข้ามาจนผมแทบยืนไม่อยู่
“ โอยย ถ้าพี่เห็นว่าข้าไม่เจ็บอยู่พี่ก็ไม่น่าจะร้องทักนะ ” ผมนั่งลงทันทีโดยมีพี่ยองแจดูบาดแผลให้
“ ก็ข้าตกใจนิ เจ็บมากรึเปล่าแบมแบม เจ้าน่ะบุ่มบ่ามจนเจ็บตัวแบบนี้อีกแล้ว ” พี่ยองแจว่าก่อนยื่นมือมาบีบจมูกที่แดงเพราะอากาศหนาวของผมแรงๆหนึ่งที พี่ยองแจเองก็แดงไม่ต่างกันซ้ำยังแดงกว่าด้วยซ้ำเพราะผิวพี่ยองแจน่ะขาวมากกว่าผมเสียอีก
“ ก็ข้าเป็นห่วงพี่นิ เอาเถอะมันคงจะโดนเศษไม้บาดพี่ไม่ต้องห่วงข้าหรอก ข้าว่าเราควรคิดว่าเราจะเอาอย่างไรต่อดีกว่าถึงฟ้าจะสว่างแล้วแต่พวกโจรอาจจะกำลังตามหาเราอยู่ก็ได้ ” ผมพูดแล้วพยายามยืนขึ้นโดยมีพี่ยองแจช่วยประครองไว้ไม่ให้ล้มตกหน้าผาไป แต่ทว่ายังไม่ทันขาดคำ
“ นั่นไง! เจ้าเชลยสองคนนั่น!! ” เสียงที่ดังขึ้นทำให้ผมและพี่ชายไม่แท้มองหน้ากันทันทีและไม่รอช้าพี่ยองแจเอาแขนผมพาดหลังคอก่อนพากันวิ่งหนีต่อไปอีก
“ อย่าเซล้มไปล่ะแบมแบม แถวนี้มีหน้าผาเต็มไปหมด ” พี่ยองแจว่าในขณะที่เรากำลังวิ่งออกจากตรงนี้อย่างทุลักทุเล เสียงฝีเท้าวิ่งตามมามากมายจนผมเองก็ลนไปด้วยแต่อาการบาดเจ็บก็ทำให้ผมนึกโมโหตัวเองไม่น้อยที่ทำให้ทุกอย่างดูล่าช้าไปหมด
ผลัก!! เ
ราสองคนชนกับอะไรบางอย่าง ผมและพี่ยองแจเงยหน้าขึ้นพร้อมกันก็พบว่าเป็นโจรร่างสูงใหญ่มากที่เราชนเข้า เรากำลังจะหันหลังเพื่อวิ่งหนีต่อไปแต่ไม่ทันเสียแล้ว เราทั้งคู่โดนล้อมเต็มไปหมด รู้สึกจนปัญญามากที่สุดเท่าที่เคยรับรู้มาทั้งยังเจ็บแผลมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเท้าเปล่าซ้ำยังมีแผลเหวอะหวะนี่โดนหิมะเต็มๆ
“ หึหึ ลูกแกะน้อยทั้งสองเอ๋ย ยอมให้พวกข้าเอาไปขายดีกว่าน่า ” โจรปิดหน้าคนหนึ่งพูดขึ้น พวกมันเดินเข้ามาเรื่อยๆทำให้เราทั้งสองก็ค่อยๆถอยหลังตามและเริ่มใกล้หน้าผาขึ้นเรื่อยๆ ผมมองพี่ยองแจที่ก็เหงื่อตกไม่ต่างกัน พลันความคิดมากมายก็ไหลหลั่งเข้ามาไม่หยุด
พี่ยองแจ . . ผมต้องทำให้พี่ต้องลำบากมาก็มากฉะนั้นครานี้พี่ควรที่จะได้เป็นผู้รอดชีวิต พี่ผมเรียนหนังสือมาแม้จะไม่สูงนักแต่ถ้าเทียบกับคนที่ไม่ได้เรียนหนังสืออย่างผมเขาก็มีความรู้มากกว่าเข้ายังพอเข้าทำงานในวังได้
. . . มีอนาคตที่ดีกว่า. . . และควรที่จะรอดชีวิตในเหตุการณ์ดั่งฝันร้ายครั้งนี้ คิดได้เช่นนั้นพลันรอบหน่วยตาผมก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที มองใบหน้าด้านข้างของผู้เป็นพี่เพื่อต้องการจดจำทุกรายละเอียดของครอบครัวเพียงคนเดียวของผม. . . เป็นครั้งสุดท้าย
“ พี่ยองแจ. . . ฮึก พี่อาจต้องเสียใจซักพัก . . .อึก แต่ครั้งนี้ข้าเต็มใจ พี่ต้องรอดนะ พี่ต้องมีชีวิตที่ดีรู้มั้ยจากนี้ก็หาภรรยาหรือไม่ก็สามีดีๆเลี้ยงพี่สักคนนะรู้มั้ย ฮึก ” ผมกระซิบบอกพี่ยองแจแม้พวกตัวใหญ่ทั้งหลายจะได้ยินด้วยก็ตาม
พี่ยองแจหันหน้ามามองทันทีและผมก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาที่มาจากที่ใดก็ไม่รู้มากมายเช่นนี้ เพียงเพราะแค่คิดว่าเราจะได้เจอคนที่เรารักที่สุดเป็นครั้งสุดท้ายงั้นหรือ. . . หรือเพราะการตัดสินใจครั้งนี้เป็นตัวผมเองที่ต้องเป็นฝ่ายจากไป. . . ไม่ว่าจะเป็นความคิดไหนก็ล้วนแต่บั่นทอนจิตใจ ผมรู้ดีแม้การตัดสินใจครั้งนี้มันจะทำให้คนข้างหลังเสียใจเพียงใดแต่ถ้าแลกกับอนาตดที่ดีของคนที่ผมรักล่ะก็ผมไม่คิดมากเลย
“ เจ้าพูดอะไรของเจ้ากันแบมแบม ” พี่ยองแจตอบมาเสียงเบา
“ ฮึก พี่ต้องคิดถึงน้องคนนี้ตลอดนะรู้มั้ย จากนี้หากหนีไปด้วยกัน ฮึก ก็มีแต่ข้าที่เป็นภาระ. . . ”
“ แบมแบมเจ้าคิดจะทำอะไรน่ะ ” พี่ยองแจมองหน้าผม และไม่ลืมหันไปมองโจรร่างใหญ่หลายคนที่ไล่กวดพวกเราจนไม่อาจหนีไปทางไหนได้แล้ว
“ ด้านล่างหน้าผามีหิมะท่วมหนาพอสมควร . . . พี่ต้องไม่ตายแน่ๆ แล้ว ฮึก พอหลังจากนั้นพี่ก็ต้องรีบออกจากเขตป่าแล้วเร่งมองหาทหารจากเซ็นทรัลที่มาช่วยยเราให้เขาช่วยพี่นะ ฮึก อึก เข้าใจมั้ย. . . ”
“ แบมแบมนี่อย่าบอกนะว่า. . . ” ผู้เป็นพี่เข้าใจขึ้นมาในทันที แบมแบมมักจะบอกว่าสามารถตายแทนเขาได้เสมอ เหตุผลสิ้นคิดของแบมแบมนั้นไม่มีสิ่งใดมากนอกเสียจากเขาเรียนสูงมีประโยชน์ต่อสังคม น้ำตาเริ่มรินอาบแก้มขาวของคนเป็นพี่ไม่ต่างกับผู้เป็นน้องชาย แต่จะเอ่ยห้าม. . .
“ ฮึก ฮือ. . อึก ลาก่อนฮะ ” . . . ก็คงไม่ทันเสียแล้ว
ผลัก! มือเล็กของผู้เป็นน้องชายผลักคนเป็นพี่อย่างแรง เขามองร่างของผู้เป็นพี่ที่ล่วงลงไปที่เบื้องล่างหน้าผาน้ำตามากมายไหลรินมากเสียจนภาพตรงหน้าพล่ามัวไปหมด แบมแบมหลับตาลงและได้แต่ขอพรต่อพระผู้เป็นเจ้าหากนี่เป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต. . ก็ขอให้พี่เขารอดและมีชีวิตที่ดีเถิดและคิดถึงน้องผู้โง่เขลาคนนี้ให้มากๆ. . . ข้ารักพี่ของข้าจริงๆ
“ หึหึ เจ้ากล้าหาญมากข้านับถือจิตใจของเจ้าเลยหนุ่มน้อย แต่ชะตากรรมของเจ้าก็ไม่ได้เปลี่ยนไปซักนิด . . . ใส่ตรวนมันซะถึงสภาพเท้าเจ้าจะหนีไปไหนไม่ได้ก็เถอะ ” โจรที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าพูดขึ้นพร้อมลูกน้องร่างใหญ่ที่เข้ามาล่ามโซ่ไว้ที่ข้อเท้าและข้อมือเล็กในทันทีก่อนที่แบมแบมจะถูกอุ้มตรงไปที่รถม้าที่โจรพวกนั้นใช้ในการขนสมบัติที่ปล้นได้
แบมแบมถูกขังอยู่หนึ่งในขบวนรถม้า ทันทีที่ประตูปิดลงแบมแบมมองสร้อยเชือกที่ห้อยแหวนเงินของเขา น้ำตามากมายก็รินออกมาอีกครั้ง
. . . กระผมขอโทษนะขอรับ. . . ท่านลอร์ด กระผมคงไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวแล้ว. . ขอโทษที่ผิดสัญญานะขอรับ แบมแบมขอโทษมากๆเลย. . .
มีต่อนะครับ
------------------------------
ก็อบๆๆ
เป็นเวลาเที่ยงวันที่ไม่ร้อนสักนิด เพราะขุนนางและนายทหารยศใหญ่ได้เข้ามาในเขตการ์แดงแล้วอีกไม่นานก็จะเข้าสู่เขตเมืองแล้วเพียงแต่ต้องขึ้นเขาไปอีกชั้น และถึงแม้ว่าสภาพอากาศตอนเที่ยงวันในการ์แดงนั้นจะไม่ร้อนเท่าที่อื่น ทว่าด้วยการควบม้าขึ้นเขานั้นเป็นสิ่งที่เหนื่อยใช่หยอกโดยเฉพาะม้าแม้จะฝึกมาดีแต่ก็ล้าได้ไม่ต่างกัน
ท่านขุนนางลดความเร็วของม้าให้เท่ากับเพื่อนนายทหารที่ม้าของเขามีความเร็วลดลงเมื่อผ่านการขึ้นเขามาหลายชั้น “ นี่แจ็ค ฉันว่าพักก่อนดีกว่า ดูท่าม้าแกจะล้าเต็มทีแล้ว ” ท่านลอร์ดกล่าวขึ้นเมื่อม้าคู่ใจของเพื่อนนายทหารมีท่าทีอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด คงเพราะตั้งแต่มาราชการที่ทางใต้ก็ใช้งานมันแทบจะทุกวัน แล้วยังจะต้องเอามันมาเดินทางไกลเช่นนี้อีก
“ ข้าก็คิดเช่นนั้น . . ถ้าอย่างนั้นก็พักตรงต้นไม้ใหญ่นั่นก็แล้วกันมีแอ่งน้ำเล็กๆอยู่ ” นายทหารใหญ่เห็นด้วยก่อนควบม้าไปที่พื้นที่ดังกล่าวโดยมีม้าสีขาวสง่าของท่านลอร์ดตามไปด้วย
ท่านลอร์ดและท่านนายพลลงจากหลังม้าประจำการทันทีที่มาถึงจุดที่ต้องการจะพัก เขาผูกม้าไว้กับต้นไม้ใหญ่ตรงบริเวณนั้นเพื่อให้ม้าพักกินน้ำตรงแอ่งน้ำใกล้ๆ ท่านลอร์ดมองไปรอบๆก็พบว่ารอบตัวเขานั้นมีเพียงต้นไม้ใหญ่และหน้าผาสูงชันโดยทุกพื้นที่นั้นก็เติมเต็มไปด้วยหิมะท่วมสูงซึ่งเป็นอากาศที่แตกต่างกับทางใต้นัก
“ มาร์คฉันฝากดูม้าซักเดี๋ยว ว่าจะไปยิงกระต่ายที่ดงไม้ด้านในเสียหน่อยอั้นมานานจนมันชักจะเจ็บๆ ” ท่านนายพลพูดขึ้นพรางถอดถุงมือหนังเหน็บไว้ที่เอวแล้วเดินไปที่ดงไม้หลังแอ่งน้ำ ท่านลอร์ดยิ้มให้กับคำพูดแสนลามกของเพื่อนก่อนพยักหน้าตอบรับ ตลอดเวลาที่เดินทางมาทำไมเขาถึงได้รู้สึกไม่ดีแปลกๆ เอาตามตรงเลยเขาก็หวังมากเลยที่จะได้พบเด็กน้อยชื่อแปลกคนนั้นไม่รู้ว่าป่านนี้จะโตจนเป็นหนุ่มลืมคำมั่นสัญญาไปแล้วหรือไม่ แต่กลับรู้สึกเหมือนกับว่าจะไม่ได้เจอกันอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อคิดไม่ตกท่านลอร์ดทำเพียงเดินไปลูบหัวม้าสีขาวของเขาที่กำลังกินน้ำดับกระหายของมันหวังว่าเมื่อมีอะไรทำแล้วจะได้เลิกคิดอะไรแย่ๆไปเสีย
เวลาผ่านมาซักพักแล้วแต่นายพลเจสส์แวนทูกลับยังไม่ออกมาดงที่บอกว่าจะเข้าไปยิงกระต่าย ไม่รู้ว่าไปยิงกระต่ายไกลถึงที่ใดหรือว่าจะไปยิงกระต่ายมาทำอาหารทานกันจริงๆนะ ท่านลอร์ดส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่ายให้กับความคิดแปลกๆของตัวเอง ก่อนเดินตามเข้าไปที่ดงไม้นั่นเดินมาไม่นานนักก็พบเป็นกองหิมะสูงและเมื่อมองเข้าไปเขาก็เห็นผู้เป็นเพื่อนกำลังก้มเงยๆทำอะไรบางอย่างอยู่
“ เห้ แจ็คสันแกมัวทำอะไรอยู่กัน ” มาร์คตะโกนถาม และได้ผลเมื่อเพื่อนของเขาหันมาแต่สีหน้านั้นบ่งบอกว่าเหมือนได้เจออะไรบางอย่าง
“ มาร์คฉันเจอคน. . . เขายังไม่ตายสงสัยจะเป็นคนในวัง แกรีบมาเร็วเข้า ”
“ ห๊ะ คนในวังงั้นเหรอ ” ทันทีที่จบประโยคท่านลอร์ดผู้สงวนท่าทีแทบจะวิ่งหวือไปตรงที่เพื่อนนายทหารอยู่ทันที ความหวังเล็กๆก่อตัวขึ้นว่าคนคนนั้นที่เพื่อนนายทหารเรียกให้เขาไปดูนั้นจะเป็นคนเดียวกับที่หวังไว้ และเมื่อมาถึงเขามองพินิจร่างเล็กที่นอนนิ่งอยู่แต่เมื่อเห็นหน้าแล้วความรู้สึกผิดหวังก็ถาโถมเข้ามาจนท่านลอร์ดแทบจะหุบยิ้มในทันที แต่ก็ยอมนั่งลงเพื่อดูอาการร่างตรงหน้า
“ ฉันกำลังยิงกระต่ายอยู่เลย แต่เด็กคนนี้ดันตกลงมาจากข้างบนนั่น ” นายพลว่าแล้วชี้ไปด้านบนท่านลอร์ดมองตามก็พบว่าเป็นหน้าผาสูงชันชั้นต่อไปที่เขาต้องเดินทางขึ้นไป ซึ่งจากที่รู้เส้นทางของการ์แดงพอสมควรเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเขตป่าที่อยู่ติดกับหลังวัง
“ เขายังไม่ตายใช่มั้ย ”
“ ใช่ คงแค่สลบไปฉันลองจับชีพจรเขาดูมันยังไม่หยุดเต้น ทั้งตามเนื้อตัวก็มีบาดแผลโดนขีดข่วนเหมือนกำลังวิ่งหนีอะไรอยู่แล้วพลัดตกลงมา ” นายพลพรางชี้ไปตามเนื้อตัวที่มีแผลขีดข่วน และดูเป็นแผลที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน
“ ใช่ เพราะเขาไม่แม้แต่จะเสื้อหนาๆทั้งที่หิมะตกเต็มจนท่วมเช่นนี้ ” ท่านลอร์ดกล่าวเสริม
“ แล้วจะทำอย่างไรดี. . . โอ๊ะ! ตื่นแล้ว ” ยังไม่ทันที่ท่านนายพลจะถามจบ ทั้งสองก็มองไปที่ร่างเล็กที่ศรีษะอยู่บนตักของเพื่อนนายพลเมื่อคนเนื้อตัวมอมแมมคนนี้เริ่มขยับการและค่อยๆลืมตาขึ้นในที่สุด
“ ใครคุยกันนะ พะ พวกคุณ อื้อ เจ็บจัง ” ร่างตรงหน้าพูดขึ้นพยายามที่จะหยัดกายขึ้นนั่ง แต่ก็ร้องออกมาเพราะคงเจ็บแผลที่ศรีษะที่น่าจะใหญ่ที่สุด
“ ใจเย็นๆ ช้าก่อน เจ้าควรอยู่เฉยๆ เพราะไม่รู้ว่ามีส่วนใดหักนอกจากแผลภายนอกหรือไม่ ” เพื่อนนายพลปรามกับคนตรงหน้า
“ อึก ผม ผมไม่เป็นอะไรหรอกน่า ตัวผมเองผมรู้ ” คนแปลกหน้ากล่าวกับท่านนายพลที่ปรามเขา
“ ก็ตามใจเจ้า จิ ” ท่านนายพลพูดไม่พอยังจิปากให้กับคนแปลกหน้าที่อวดเก่งไม่ดูตัวเอง
“ เจ้าเป็นใครพอจะนึกออกหรือไม่ แล้วรู้ตัวหรือไม่ว่าตกมาจากหน้าผาด้านบน ” เป็นลอร์ดดิกเคอร์ที่ถามไถ่ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลใจเย็น เพราะเขายังต้องการข้อมูลของพวกโจรพวกนั้น
“ ข้า. . . จริงด้วย ฮึก ทะ ท่าน พวกท่านเป็นทหารจากเซ็นทรัลใช่หรือไม่ ” ทันทีที่คนแปลกหน้านึกเหตุการณ์ไม่กี่นาทีก่อนหน้าออกก็แทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“ ใช่ เซ็นทรัลส่งพวกเรามาช่วยชาวการ์แดงที่เหลืออยู่ ” ท่านลอร์ดตอบ
“ ฮึก ใช่จริงๆด้วยงั้นช่วยด้วยสิ ข้าขอร้องล่ะ ช่วยน้องข้าที ฮึก อึก น้องข้าโดนพวกโจรเอาตัวไป มะ มัน มันจะเอาน้องข้าไปขาย ” ยองแจกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกหวาดกลัวปนเสียใจ น้ำตามากมายไหลพรากเต็มใบหน้าขาวของคนแปลกหน้าเมื่อนึกถึงน้องเขาที่ต้องสละชีวิตตัวเองเพื่อเขา
“ นี่ใจเย็นก่อน เจ้าค่อยๆเล่าสิ เอาใหม่ให้รู้เรื่อง ” นายพลเจสส์แวนทูพูดขึ้น มือหนาลูบไปที่หลังบางอย่างต้องการปลอบใจเพราะดูท่าว่าคนตรงหน้าจะเสียใจและหวาดกลัวเหตุการณ์ที่ตัวเองต้องพบเจอมาก
“ อื้อ ค่อยๆเล่านะ ” ลอร์ดว่า
“ ฮึก อึก เมื่อรุ่งสางมันบุกปล้นวังสำเร็จมันก็คงมุ่งมาที่บ้านพักส่วนหลังวัง ข้าโดนจับแต่ข้าไม่มีสมบัติอันใดมันจึงจะจับข้าไปขาย มันมัดข้าไว้รอเวลาที่นายมันจะออกเดินทาง. . และน้องข้าก็กลับเข้ามาเพราะเขาหนีออกมาจากห้องเครื่องในวัง. . . ”
“. . . ” ท่านขุนนางและนายทหารทั้งสองต่างตั้งใจฟังคนตรงหน้าเล่า ดั่งทุกเหตุการณ์ที่ถ่ายทอดมาคนเล่าพยายามเก็บกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา เพื่อที่จะพูดคุยกับพวกเขาได้รู้เรื่อง
“ เขากลับมาและพาข้าหนีออกมาได้สำเร็จ . . . เราวิ่งเข้ามาในป่าหลังวังจนคิดว่าพ้นพวกโจรแต่น้องข้าเท้าเขากลับบาดเจ็บ และเหตุที่ข้าวางใจเกินไปว่าพวกโจรจะตามมาไม่ถึงแล้ว แต่พวกโจรปล้นวังก็ ฮึก ก็ ตะ ตามได้ทัน ฮือ น้องข้าโดนจับไป มันจะต้องเอาไปขายเป็นแน่ ฮือ ” คนแปลกหน้าเล่าเหตุการณ์ทั้งน้ำตาก่อนเผลอซบอกท่านนายพลที่ประคองกายเขาไว้อยู่ก่อนแล้ว
“ อย่าร้องๆ แล้วที่เจ้าเล่ามาน่ะเกิดขึ้นนานรึยัง ” ท่านลอร์ดถาม
“ ฮึก เมื่อครู่ เมื่อครู่นี้เองน้องข้า ฮึก เขาผลักข้าลงมาเพราะต้องการปกป้อง ฮึกข้า แล้วตนเองก็โดนจับเองน่ะ ข้า ฮึก ข้าเห็นแก่ตัวที่สุด ทั้งๆที่หน้าที่นี้มันเป็นหน้าที่ข้าแท้ๆ ฮือ น้องข้า ” ร่างเล็กของคนแปลกหน้ากอดท่านนายพลแน่น หนุ่มนายทหารทำได้เพียงเกร็งตัวให้คนปลกหน้าที่ร้องห่มร้องไห้กอดอย่างไม่เคยชินทว่ามือหนาก็ยังคงลูบแผ่นหลังบางที่สั่นเทาจากแรงสะอื้นไห้อยู่เพราะนี่ก็คือความอ่อนโยนที่สุดของทหารหนุ่มแล้ว ทั้งใบหน้าของท่านนายพลยังร้องผ่าวเลือดฉีดสีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ อ่ะ เอ่อ วะ ว่าแต่เจ้าชื่ออะไร อายุเท่าไรกัน ” เจสส์แวนทูถามขึ้นแก้ขัดเมื่อเพื่อนขุนนางเห็นเขาหน้าแดงก็มุ่นคิ้วอย่างนึกสงสัยอาการของเพื่อนนายทหาร
“ ฮึก ข้าชื่อ ยอแจ ชเว ยองแจ อึก อายุ ยี่สิบสาม พวกท่านจะตามน้องข้าให้จริงๆใช่มั้ย ไม่ได้โป้ปดอย่างที่ขอไปทีแบบมารยาทผู้ดีใช่มั้ย ” ชายร่างเล็กนามยองแจตอบ
“ ว่าแต่น้องของเจ้าล่ะรูปพรรณสัณฐาน ชื่อเสียงเรียงนามคืออะไรข้าจะได้ตามหาได้ถูก ” เป็นท่านลอร์ดที่ถามขึ้น
“ น้องข้าตัวเล็กกว่าข้าแต่ไม่มากนัก มีสีผิวอย่างชาวเอเชียที่หาได้ยากนัก ” คำตอบของยองแจทำเอาท่านลอร์ดถึงกับมุ่นคิ้วทันทีเมื่อคนในความทรงจำเมื่อสิบปีก่อนนั้นโผล่ขึ้นมาทันที่ เด็กตัวเล็กผิวเอเชียแบบที่หาไม่ได้แน่ๆในการ์แดงแห่งนี้เป็นแน่
“ น้องเจ้าชื่ออะไร ” ท่านลอร์ดถามทันที
“ น้องข้าชื่อ. . . แบมแบม ”
#ฟิคท่านลอร์ด
ขอโทษที่อัพช้านะครับ แถมตอนนี้ยังดูลอยๆอีก
อภัยมากๆเลยนะครับ จะพยายามอีกๆ
><
ด่าได้ว่าได้ติชมได้เชิญคอมเม้นต์ได้เต็มที่เลยฮะ
แต่ถ้าจะเอาแบบถึงเนื้อถึงตัวกันหน่อยก็ @ttttaosn9797 เลย
ความคิดเห็น