คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : MyLordMyLady : 1
อายุ 26 ปี
ประจำการอยู่ที่เซ็นทรัล(เมืองหลวง)
สังกัด : กองพลรบพิเศษเชี่ยวชานทางน้ำ
พลโทเจสแวนทูผู้เป็นเพื่อนนายทหาร
ของท่านลอร์ดดิกเคอร์
---------------------------------------------------------------------------
1
. . . . .
. . . .
. . .
. .
.
เป็นเวลาดึกดื่นที่ทั่วทั้งซอกซอยมืดสนิทจะมีก็เพียงแสงไฟจากห้างผ้า หรือร้านอาหารที่เปิดในยามวิกาลดังเช่นในย่านนี้ ร้านอาหารร้านนี้ที่ยังเปิดไฟสว่างจ้ารอเวลาปิดร้าน ร้านอาหารพื้นเมืองที่ตกแต่งตามยุคสมัย ซึ่งร้านดังกล่าวเป็นร้านประจำของขุนนางยศใหญ่และนายทหารยศสูงทั้งสองเช่นกัน
ด้านในร้านส่องสว่างไปด้วยแสงไฟสีนวล ทั้งยังมีเสียงเปียโนเล่นคลออยู่แทบตลอดเวลาชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ดูหรูหราฟุ่มเฟือยแต่ก็ทำให้ชายหนุ่มมากมายที่ต่างทำงานมาอย่างหนักทั้งวันได้รู้สึกถึงการพักผ่อนจึงไม่แปลกที่ร้านนี้จะเป็นที่นิยมของเหล่าขุนนางที่รับเรื่องเครียดมาทั้งวัน
“ ทางราชสำนักส่งหนังสือมาว่าพรุ่งนี้ชั้นไม่จำเป็นต้องเข้าประชุม ฉะนั้นแล้วมาร์คคืนนี้ฉันนอนบ้านแกแล้วกันนะ ” เพื่อนร่างใหญ่ที่เพิ่งวางแก้วบรั่นดีลงเมื่อครู่กล่าวขึ้น ที่ทราบๆมาคือเจ้าเพื่อนทหารนี่ประชุมด้วยหัวข้อเครียดๆมาเกือบสองสัปดาห์ติดกันแล้วจึงเป็นสาเหตุที่ชวนกันออกมาดื่มในค่ำคืนนี้
“ อืมได้สิ ” ผมตอบรับในขณะที่ตาก็ไร่อ่านตัวหนังสือจากหนังสือนิยายเล่มใหม่ที่มีขนาดพกพาสะดวก
เป็นปกติอยู่แล้วที่ ‘แจ็คสัน’ มักจะมานอนที่บ้านของผมเพราะด้วยช่วงนี้ราชการงานที่เพื่อนนายทหารของผมได้รับมอบหมายนั้นทำให้ต้องไปมาระหว่างวังเหลวงและรัฐทางตอนใต้ซะเป็นส่วนใหญ่ คงเพราะบ้านของผม(เขตดิกเคอร์)อยู่ชานเมืองก่อนเข้าเขตเซ็นทรัลซึ่งเดินทางไม่นานก็ถึงวังหลวงคงไปมาสะดวกกว่าที่พักที่ทางราชสำนักจัดให้ นี่คือเหตุผลตามที่เพื่อนนายทหารบอกกับกระผมซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน
“ นี่ถามจริง. . ไม่คิดจะละสายตาจากนิยายเล่มนั้นแล้วสนใจแม่สาวชุดแดงที่นั่งยิ้มขยิบตาให้แกนั่นเลยเหรอ ” เพื่อนนายทหารยศใหญ่ถามขึ้นระหว่างที่กำลังรอให้บริกรมาคิดเงิน
“ หึๆ ไม่อยู่แล้ว ” ผมตอบโดยที่มือก็กรีดนิ้วลงบนกระดาษบางเพื่อเปิดอ่านหน้าต่อไป
“ เรื่องจริง? นี่แกถือศีลมานานมากแล้วนะมาร์ค ตั้งแต่กลับจากวังการ์แดงรัฐทางตอนเหนือเมื่อสิบปีก่อนแกก็เอาแต่ทำงาน ไม่คิดแม้แต่จะหิ้วนางโรมสวยๆกลับบ้านเวลาไปสังสรรค์กันเหมือนแต่ก่อนเลยด้วย เกิดอาเพศตอนอายุสิบหกรึไงกันท่านลอร์ด . . . แกต้องมีอะไรปิดบังแน่ๆ ”
“ หึๆ งั้นขอถามก่อนเลย . . . ‘พลโทแจ็คสัน หวัง เจสส์แเวนทู’ ว่าแกใช้เวทมนต์ขนานไดถึงไต่เต้าไปเป็นนายทหารยศใหญ่ได้ขนาดนี้กัน สิบปีมาแล้วแกเพิ่งมาถามเนี่ยนะเพื่อนยาก ” ผมปิดหนังสือเก็บใส่กระเป๋าในเสื้อสูทแล้วมองหน้านายทหารใหญ่ยิ้มๆ
“ นั่นไง ฉันว่าแล้วแล้วฉันม่ได้โง่เง่าอย่างที่แกคิดหรอกนะ แต่สิบปีมานี่สังเกตอยู่ต่างหาก. . แล้วก็พอจะสังเกตได้ด้วยว่า ‘ท่านลอร์ด มาร์ค ต้วน ดิกเคอร์’ กำลังมีความรักน่ะ. . ฉันพอจะพูดถูกมั้ยเพื่อนยาก ”
“ หึๆ นายสังเกตนานไปแล้วพวก ไปกันเถอะรถม้ามาคอยซักพักแล้ว ” ผมเลี่ยงที่จะไม่ตอบเพราะเกรงว่าจะไม่ได้กลับบ้านเสียก่อน จึงทำเพียงรีบลุกและเดินนำออกไปหน้าร้านซึ่งรถมาประจำคฤหาสน์จอดคอยอยู่
เมื่อผมเปิดประตูร้านออกมาสารถีคนสนิทก็เดินมาเปิดประตูให้ทันทีอย่างรู้หน้าที่ไม่ลืมที่จะเปิดรอท่านนายพลที่เดินตามมาติดๆ เมื่อเราทั้งคู่ขึ้นรถ ประตูถูกปิดลงเสียงฝีเทาของม้าที่ถูกควบคุมอยู่ด้านหน้าตู้โดยสารทำให้ผมรู้ว่ารถม้าเริ่มเคลื่อนตัวออกจากหน้าร้านอาหารแล้ว
ผมรู้สึกถึงมวลอากาศเย็นแม้ตู้โดยสารนี้จะปิดสนิทมิดชิดทั้งยังมีม่านสีนวลปิดกลั้นกระจกใสอีกชั้น แสดงให้เห็นว่าฤดูหนาวเริ่มเข้ามาเยือนทางตอนใต้แล้ว และคงเพราะอากาศหนาวเย็นนี่แลที่ทำให้ผมนึกถึงสถานที่หนึ่งที่มีเพียงแต่ฤดูหนาวตลอดปี. . .แล้วมันก็ทำให้อดคิดถึงใครคนหนึ่งไม่ได้ซึ่งผมเองก็คิดไม่ตกอยู่แล้วเรื่องของเด็กคนนั้น. . . เมื่อสิบปีก่อนที่สวนดอกไม้หลังวังการ์แดง
. . . จะแตกต่างก็ตรงที่วันนี้รู้สึกคิดถึงใบหน้าหวานนั่นเป็นพิเศษ
“ เห้ยมาร์ค แกเหม่ออะไรอยู่นั่น ก่อนหน้านี้แกเลี่ยงตอบคำถามชั้นนะอย่าลืม ” นายทหารใหญ่คาดโทษหลังจากที่ขึ้นมาบนรถม้าได้ซักพัก แต่กระผมสนที่ไหนกัน หึๆ
ก๊อกๆ แกร๊ก
เสียงประตูห้องนอนผมถูกเคาะแต่เช้าคงไม่ใช่ใครนอกจากเพื่อนตัวดีที่มานอนพักด้วยเมื่อคืนเป็นแน่ เพราะวันหยุดเด็กรับใช้ในบ้านทุกๆคนจะรู้ว่าไม่ควรที่จะรบกวนผม แล้วก็ยิ่งทำให้แน่ใจเข้าไปอีกเมื่อตามด้วยเสียงบิดลูกบิดประตู
“ เห้ยมาร์คแกควรตื่นมาดูนี่ซะจดหมายจากเซ็นทรัล เห็นเด็กรับใช้แกบอกว่าเป็นทหารที่มาส่งให้เองเลย ฉันยังไม่ได้เปิดอ่านแต่อยากรู้มากๆเลยแกเปิดสิ พอดีอยากมีมารยาทบ้าง ” ผมหัวเราะกับสายตาและความอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนนายทหารก่อนจะลุกขึ้นในทันที่เมื่อรับซองจดหมาย
ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งลอร์ดอย่างเป็นทางการก็ได้แต่ทำหน้าที่อยู่แต่ในเขตปกครองของตัวเองมาซักพักใหญ่ๆ ไม่ได้เข้าไปในเขตเซ็นทรัล(เมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของงวังหลวง)มาก็นาน
“ ส่งมาเมื่อไรกัน ” ผมถาม
“ น่าจะเมื่อเช้ามืด เพราะเด็กรับใช้แกเพิ่งเอามาให้ฉันเมื่อครู่นี้เอง ”
“ จดหมายเร่งด่วนงั้นเหรอ ” ผมว่าก่อนที่จะพลิกซองจดหมายดูตราสัญลักษณ์จากสำนักพระราชวังเพื่อความแน่ใจ เมื่อแน่ใจผมไม่รอช้ารีบเปิดผนึกซองจดหมายออกและอ่านออกเสียงด้วยว่าสงสารความอยากรู้อยากเห็นในระดับหนึ่งของนายพลแจ็คสันที่เอาแต่ชะเง้อคอมองมาในจดหมายที่ถูกคลี่ออก
สำนักพระราชวังคิงสแตรงก์
(วังหลวง)
เรียน Lord Mark Tuan Dickkerr และ
Lt.Gen. Jackson Wang Jessvantu
( ทางเราได้สืบทราบมาว่าท่านพลโทเจสส์แวนทูได้พำนักอยู่ ณ คฤหาสน์ดิกเคอร์ )
ด้วยเกิดเหตุการณ์การปล้นวังการ์แดงรัฐทางตอนเหนือ กองกำลังโจรขนาดใหญ่ซึ่งปล้นวังการ์แดงได้ทำลายทรัพย์สินบ้านเรือนรวมทั้งประชาชนและกำลังทหารจำนวนมาก
จากการหารือของทางสำนักราชวังได้ความว่า ด้วยเหตุการณ์การปล้นที่วังการ์แดง ทางวังหลวงได้ส่งทหารไปคุ้มกันเชื้อพระวงศ์ที่วังการ์แดงเป็นที่เรียบร้อย และเห็นสมควรว่าจักให้ขุนนางของแต่ละเขตลงพื้นที่เพื่อทำการอพยพประชาชนทุกคนที่เหลือรอดจากรัฐทางตอนเหนือให้ไปพำนักอยู่ที่รัฐอื่นๆก่อนจักเป็นการปลอดภัยกว่า กำหนดระยะเวลาจนกว่ารัฐทางตอนเหนือจะฟื้นฟูเสร็จสิ้น
ทั้งนี้ทางราชสำนักจึงขอเรียนผู้ประจำเขตปกครองทุกท่านให้นำจดหมายฉบับนี้มารายงานตัวที่สำนักราชวังคิงสแตรงก์ในระยะเวลาเร็วที่สุดหลังจากเปิดอ่านซองจดหมาย เมื่อรายงานตัวเสร็จสิ้นขอให้ทุกท่านออกเดินทางสู่วังการ์แดงของรัฐทางตอนเหนือได้ในทันทีเพื่อการช่วยเหลือประชาชนให้ได้รับความปลอดภัย
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(Queen Victorian GraceC.)
พระราชินีนาถวิคตอเรียน เกรซซี
เมื่อผมอ่านออกเสียงตัวหนังสือทุกตัวบนจดหมายจากทางวังหลวง นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความกระตุกวูบและเปลี่ยนมาเต้นรัวของชิ้นเนื้อในอกข้างซ้ายของผม เมื่อพลันนึกถึงเด็กน้อยเมื่อสิบปีก่อนที่สวนหลังวังการ์แดง ก่อนน้ำเสียงเล็กในความทรงจำเนิ่นนานจะดังขึ้น
‘ ใช่แล้ว. . . ข้าคือแบมแบม ท่านเอ่อ . . ’
พรึบ
ผมสะบัดผ้าห่มที่เหลือที่คลุมอยู่ออกทันที ก่อนรีบตรงไปที่ห้องแต่งตัวและรีบแต่งตัวให้เร็วที่สุด ไม่แม้แต่จะเรียกพ่อบ้านประจำตระกูลที่มักเป็นคนจัดการทุกอย่างมา เพราะความรู้สึกต่างๆไหลมาท่วมท้นจนทำให้ผมทั้งลนลานสับสนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนมันควบคุมไม่ได้จนตัวผมเองเริ่มรู้สึกถึงอารมณ์โทสะ
“ เห้ย ลอร์ดแกเป็นอะไรไป. . . แกรีบไปรึเปล่า ” เสียงของเพื่อนนายทหารผมดังขึ้นพร้อมแรงจับที่ไหล่จากด้านหลัง มันทำให้ผมเริ่มได้สติ
“ ฉะ ฉันๆ ” นั่นสิ. . . ผมเป็นอะไรไปนะ เด็กคนนี้มีอิทธิพลกับผมมากจริงๆ
“ เห้ๆ ไม่ดีเลยนะมาร์คแกไม่เคยลนลานจนขาดสติขนาดนี้ ใจเย็นๆสิพวก ไหนแกบอกว่าตรงนี้ไง. . . ตรงนี้ที่ทำให้แกใจเย็นได้เสมอเมื่อเริ่มขาดสติ ทำให้แกรู้สึกดีได้เมื่อรู้สึกป่วยไข้ หรือแม้แต่ทำให้อบอุ่นได้แม้เวลาหนาวน่ะ ” แจ็คสันจิ้มไปที่แก้มข้างขวาของผม ผมแตะเบาๆที่แก้มข้างขวานั้น และมันก็ทำให้ผมนึกถึงเรื่องราวเก่าๆอีกครั้ง
‘ นี่แบมแบมวันนี้เราจะอยู่วังการ์แดงเป็นวันสุดท้าย อีกไม่นานเราต้องไปที่ขบวนรถม้าเพื่อกลับเมืองเรา ’ ผมพูดขึ้นหลังจากที่นั่งเล่นอยู่ในสวนหลังวังการ์แดงกับเด็กชายชื่อแปลกได้ซักพัก
พอเลิกงานผมก็รีบมาตามหาแบมแบมในสวนทันทีเลย ผมถามจากเมดในวังเรื่องของเด็กน้อยชื่อแปลกก็ได้ความว่าแบมแบมเป็นลูกของนางก้นครัวเก่าแก่ และเขามักจะมาเล่นในสวนหลังวังการ์แดงกับสุนัขตัวโตนั่นเป็นประจำระหว่างรอแม่ของเขาเลิกงาน
‘ ทำไมล่ะขอรับ. . . ท่านลอร์ดไม่อยากเล่นกับแบมแบมแล้วหรือขอรับ ’ เด็กน้อยพอได้ยินก็หยุดชะงักทันที เขาหันมาช้อนตาหวานสั่นระริกนั่นขึ้นมองผมก่อนจะกล่าวถ้อยคำสุภาพออกมาเสียงสั่น ตั้งแต่ครั้งแรกที่เด็กคนนี้พูดคำสุภาพกับผม ผมก็คิดมาตลอดว่ามันช่างเป็นสำเนียงที่น่ารักที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา
. . . น่ารัก. . .แต่ก็น่าหัวเราะมากกว่า
‘ หึๆ อยากสิ. . .อยากเล่นกว่าใครๆเลย แต่เราต้องกลับไปที่เอมเพอร์วีน(รัฐทางตอนใต้)เมืองของเราแล้ว เราต้องกลับไปทำงานต่อ ’ ผมวางมือลงบนหัวทุยนั่นแล้วลูบอย่างเบามือ ค่อยๆสัมผัสความนุ่มจากเส้นผมบางของแบมแบม
เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าภาระหน้าที่ที่มีอยู่ทุกวันนี้ มันช่างเร็วไปสำหรับหนุ่มวันแรกรักอย่างผมแต่มาจนถึงขนาดนี้แล้วจะให้ผมทิ้งความหวังที่ท่านพ่อตั้งไว้เพื่อเด็กคนเดียวนี้เห็นทีคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เด็กน้อยแบมแบมเมื่อได้ยินที่ผมพูดก็ได้แต่คิ้วขมวดมุ่น ‘ แล้ว. . แล้วเอมเพอร์วีนอยู่ไหนกันขอรับ กระผมจะได้ขอแม่ไปเล่นกับท่านลอร์ดบ้าง ’ แบมแบมยังคงพูดเสียงสั่นต่างแค่ที่หน่วยตาหวานเริ่มมีน้ำตาปลิ่มคลออกมา. . . แลน่าสงสารปนน่ารักน่าหยิก
‘ เห็นทีคงไม่ได้ เอมเพอร์วีนอยู่ไกลจากการ์แดงมากนักสำหรับเด็กน้อยอย่างเจ้านะ. . ’ ผมพูดยิ้มๆ มองเด็กที่เริ่มเบะปาก
‘ ฮึก ไม่เอานะ ทะ ท่านลอร์ด. . . ถ้าเป็นอย่างนั้นกระผมก็ไม่ได้พบท่านชายอีกนะสิขอรับ ฮืออ ’ ผมยิ่มให้กับคำพูดแสนน่ารักของเด็กน้อยชื่อแปลกและยังคงลูบกลุ่มผมนุ่มมือต่อไปหวังที่จะปลอมโยน
‘ ถ้าอย่างนั้น. . . เอาอย่างนี้สิ พอเจ้าโตขึ้นเราจะมารับเจ้าไปเที่ยวที่เอมเพอร์วีนเอง ดีรึไม่ ’
‘ อึก . . . ’ เมื่อได้ฟังข้อเสนอเด็กชายชื่อแปลกหยุดร้องไห้ก่อนทำสีหน้าครุ่นคิด
‘ ตอบเร็วเข้าสิแบมแบม เราต้องไปที่ขบวนรถม้าแล้ว ’ เมื่อแอบหยิบเอานาฬิกาพกออกมาดูเวลาก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยก่อนเอ่ยเร่งเด็กน้องที่ยังคงคิดไม่ตก
‘ อะ เอ่อ. . ’
‘ งั้นเราคงต้องไปก่อ. . ’ ผมรีบลุกขึ้นเตรียมตัวจะเดินออกไป เพราะมันจะไม่ทันเวลาอยู่รอมร่อแต่ทว่าก็รู้สึกถึงแรงกระตุกที่ชายเสื้อสูทนอกทำให้ผมต้องหันกลับมาอย่างเสียไม่ได้
‘ ตะ ตกลง . . . เอ่อ กระผมตกลงขอรับ เมื่อกระผมโตขึ้นท่านลอร์ดจะต้องมารับกระผม. . สะ สัญญาได้มั้ยขอรับ ’ เด็กน้อยเจ้าของดวงตาหวานพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว และมันทำให้ผมยกยิ้มขึ้น
‘ หึๆ ได้สิ. . เราสัญญ. . . จุ๊บ ’ เด็กน้อยตาหวานดึงเสื้อสูทนอกของผมที่ตัวสูงกว่าให้โน้มตัวลงมาก่อนประทับริมฝีปากนุ่มลงบนแก้มข้างขวาของผมและมันทำให้
ตึกตักๆ ๆ
เสียงชิ้นเนื้อในอกเต้นรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
‘ ท่านลอร์ดสัญญาแล้วนะขอรับ. . . ’
‘ อื้อ เราสัญญา. . ’ ผมว่าผมเชื่อแล้วแหละ เชื่อในเรื่องของโชคชะตาและพรมลิขิต
‘ ท่านลอร์ดรีบไปเถอะขอรับ เดี๋ยวจะไม่ทันเวลาขบวนรถม้าแล้วจะโดนดุเอาได้ ’ เมื่อเริ่มคุมสติได้ ผมยกยิ้มกริ่ม ก่อนก้มลงมองมือข้างขวาของตัวเองก่อนถอดแหวนทองคำขาวจากนิ้วก้อยที่ได้มาจากคุณย่าทวดแล้วยื่นไปหยิบฝ่ามือนิ่มของเด็กตรงหน้าขึ้นมาสวมมันให้
แล้วก็เป็นอย่างที่ผมตั้งใจเมื่อแหวนสำคัญวงนั่นสวมใส่ได้ที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขาพอดี
‘ อื้ม . . เราไปก่อนนะ. . . แบมแบม ’
. . . ผมคงได้แต่พึ่งโชคชะตา . . . แม้เมื่อก่อนจะไม่ได้เชื่อเรื่องแบบนี้มากมายแต่อย่างใด และได้แต่คอยภาวนา. .
.
. . . ให้เราได้เจอกันอีกครั้ง. . .
#ฟิคท่านลอร์ด
INTERVIEW
สวัสดีครับ วันนี้เรามาเยี่ยมชมกองถ่าย มายลอร์ดมายเลดี้กันนะครับ(ปรบมือ!!)ฮี่วววว เทปแรกขอสัมภาษ์พระเอกรูปงามนาม ท่านลอร์ด มาร์ค ต้วน ดิกเคอร์ กันก่อนเลยละกันนะครับ อะเฮื่ยๆ
Q : คุณมาร์ครู้สึกยังไงบ้างครับกับบทที่ได้รับในเรื่อง #ฟิคท่านลอร์ด
MT : ( ยิ้มกริ่ม ) ก็ . . . ไม่ยังไงนะครับ ผมคิดว่าตัวละครท่านลอร์ดดิกเคอร์เนี่ยค่อนข้างตรงกับชีวิตจริงผม เลยล่ะอ่ะนะ ฮ่ะๆ ( เปลี่ยนจากท่านั่งปกติมานั่งไขว้ห้าเชิดหน้าเแล้วมองแรง )
BK : ( นั่งกุมท้องหัวเราะให้กับความหน้าด้านหน้าตาย )
MT : หยุดซะแบมแบม อย่าหัวเราะคนอายุมากกว่าสิ ( หันไปทำหน้าบ้าใส่ )
Q : ฮ่าๆ ตรรกะคุณนี่แปลกๆนะครับมาร์คต้วน แต่เอาเป็นว่าฝากอะไรถึงรีดเดอร์ซักนิด
MT : อย่าลืมติดตาม #ฟิคท่านลอร์ด นะครับ ฝากคอมเม้นต์ ติชมผลงานด้วยพวกเราจะทำงานอย่างหนัก
ครับ ขอบคุณ ( โค้งให้กล้องแล้วหันไปข้าวกล่องที่ถือไว้ต่อ )
BK : ( ยิ้มให้กล่อง แล้วโบกมือบ๊ายบาย )
ความคิดเห็น