ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    END [FIC iKON] พี่ชาย BJIN Ft. iKON BOBYUN JUNDONG

    ลำดับตอนที่ #4 : 3 : ฟิคพี่ชาย 3 [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.4K
      25
      29 เม.ย. 58


     

    [FIC iKON] พี่ชาย BJIN Ft. iKON Junhoe [BOBYUN]

    -3-

     



    #ความฮันบิน

     

     

    “หนูเล็กคะ ตื่นได้แล้วนะ สายแล้วเนี่ย”

     
     

    ฮึเสียงนี้คุ้นๆ เสียงป้ายูรินนี่ ก็ไม่ใช่อะไรหรอก ปกติก็ได้ยินเสียงคนขึ้นมาปลุกแทบทุกวันนั่นแหละ แต่ส่วนมากจะเป็นเสียงของพี่เตี้ยนั่นมากกว่า ทำไมวันนี้ถึงเป็นป้ายูรินที่ขึ้นมาปลุกผม

     

    ผมรีบยันตัวลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตู จริงๆไม่ตื่นง่ายขนาดนี้นะ แค่มีเรื่องที่อยากรู้น่ะ

     

    “ปลุกง่ายจังวันนี้ ตื่นอาบน้ำแล้วไปโรงเรียนได้แล้วค่ะ” ป้ายูรินเอ่ยยิ้มๆทันทีที่เห็นผมเปิดประตูโผล่หน้าออกไป

     

    “ทำไมวันนี้ป้ามาปลุกผมล่ะ”

     

    “แน่ะ รอหนูใหญ่มาปลุกหรือไงคะ”

     

                บ้า ใครจะไปรอ..

     

                จริงๆก็แค่แปลกใจที่อีกคนไม่มาปลุกน่ะ..

     

     

     

     

                จริงๆนะ!

     

    “ผมแค่สงสัยน่า”

     

    “หนูใหญ่ออกไปมหาลัยตั้งแต่หกโมงเช้าแล้วค่ะ เห็นบอกต้องไปช่วยงานที่คณะเลยรีบ” ป้ายูรินอธิบาย

     

                อ๋อรถที่เสียเข้าอู่ไปคงได้ออกมาแล้วมั้ง ถึงได้รีบออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ขนาดนั้น

     

                ไปมหาลัยตั้งแต่เช้าขนาดนั้นได้ยังไงวะ ไม่ง่วงรึไง…=_=

     

    “ครับ งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะ” ผมพยักหน้ารับรู้ก่อนจะขอตัวอาบน้ำแล้วปิดประตูห้อง

     

    วันธรรมดาแบบนี้ผมไม่กินข้าวเช้าหรอกครับ จะมีกินบ้างก็ตอนที่พ่อแม่อยู่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตา แต่ส่วนใหญ่ตื่นมา อาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียนเลย

     

                ขนาดทำแค่นี้ยังไปเรียนสายทุกวันแน่ะ(ก็ดูแกตื่น - -“)

     

     

     

     

     

     

     

     

    -

    ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วบึ่งรถมาโรงเรียนอย่างเร็ว ไม่นานก็ถึงครับเพราะบ้านผมกับโรงเรียนห่างกันแค่ไม่เท่าไร แต่มหาลัยของพี่เตี้ยน่ะอยู่ห่างออกไปอีก

     

                แล้วผมจะบอกทำไม

     

    มาโรงเรียนสายทุกวันเลย ชีวิตดี๊ดี

     

                ดีพ่อง

     

    จะโดนพ่อตัดค่าขนมเพราะมาโรงเรียนสายบ่อยๆนี่แหละ ชีวิตถึงคราสิ้นแล้วฮันบินเอ๋ย..

     

     

     

    เมื่อก้าวขาลงจากรถได้ สถานการณ์เดิมๆก็เกิดขึ้น มีสาวๆกลุ่มนึงกำลังเดินตรงมาที่ผม

     

    ก็อย่างว่าแหละนะ คนมันหล่อนี่

     

    นี่ใคร? นี่คิมฮันบินหรือบีไอ ม.ปลายปี3 เกรดสิบสองห้องบีผู้มีรอยยิ้มบาดตาบาดใจเชียวนะ บีไอไงครับ บีไอประธานชมรมดนตรีสุดหล่อพ่อรวยแม่สวย หล่อวัวตายควายตะลึง หล่อแล้วยังเก่งอีก บีไอไง บีไอของสาวๆทั้งโรงเรียนคนนี้ไง ฮิฮิ ใครที่ไม่สนิทกันจริงไม่ให้เรียกฮันบินนะขอบอก ผมเลยเป็นบีไอของสาวๆพวกนี้ไง

     

    “พี่บีไอคะ นี่ขนมค่ะฉันทำสุดฝีมือเพื่อพี่เลยนะ” เด็กสาวหน้าหมวยคนนึงเดินนำหน้าแก๊งค์มาก่อนจะยื่นกล่องคุกกี้ที่เธอยืนยันว่าเธอทำมันด้วยตัวเองให้ผม

     

                แต่กล่องแบบนี้เหมือนเคยเห็นป้ายูรินซื้อมาจากที่ไหนซักที่นะ

     

    “ขอบใจนะ” ผมเอ่ยยิ้มๆก่อนจะรับกล่องขนมนั้นมาเพื่อไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจกัน

     

    “ส่วนของฉันฉันเอาไปวางไว้ให้พี่ในห้องชมรมดนตรีแล้วนะคะ><” อีกคนที่มาด้วยกันพูดขึ้นก่อนที่เธอจะยืนบิดไปบิดมาด้วยอาการเขิน

     

    “ขอบใจมากนะ พี่จะกินให้หมดเลย”

     

                ความจริงกินหมดนี่ก็อ้วนตายดิพวกเอ็ง..

     

    “พี่บีไอน่ารักมากอ่ะ กรี้ดดดดดด”

     

                งานบ้าผู้ชายก็มา

     

    “เอ่อ เดี๋ยวพี่ขอตัวก่อนนะครับ เพื่อนรอน่ะ” ผมว่าก่อนจะรีบปลีกตัวออกมาจากกลุ่มแฟนคลับ

     

    ไม่อยากจะคุยครับว่าเป็นแบบนี้ค่อนข้างจะบ่อยที่มักจะมีสาวๆเอาขนมเอาของขวัญนู่นนี่นั่นมาให้ผมเสมอ แน่นอนว่าผมก็รับ แต่ก็พยายามบอกไปแล้วว่าไม่ต้องลำบาก

     

                จริงๆผมก็ค่อนข้างจะรำคาญนั่นแหละ

     

    มันดูไม่ค่อยดีนะที่สาวๆพวกนั้นไม่ยอมขึ้นเรียนเพื่อรอที่จะเอาขนมให้ผม(ที่มาสายแทบทุกวัน)

     

    เฮ้อออ นี่หรออนาคตของชาติ (กรุณาบอกตัวเองด้วยนะบักห่าน ==”)

     

    “ว่าไงคะพี่บีไอคนฮอต” ทันทีที่เดินมาถึงแหล่งมั่วสุม(?)ของแก๊งค์ก็ดดนเพื่อนรักนามว่าจุนฮเวแขวะให้ทันที

     

    “ฮอตห่าเหวไรล่ะ อ่ะนี่แดกเข้าไป” ผมว่าก่อนจะโยนกล่องคุกกี้ลงตรงหน้าจุนฮเว แล้วนั่งลงข้างๆมัน

     

    “ได้กินขนมอร่อยๆจากมึงแทบทุกวันนี่ก็ดีเหมือนกัน ของกูนี่ไม่มีใครเอามาให้เลย สงสัยแม่งจะเลิกขุนกูแล้วมั้ง” จุฮเวเบ้ปากพลางแกะคุกกี้กินท่าทางน่าอร่อย

     

                ไปอดอยากมาจากไหน

     

    “สมควรเลิกขุนมั้ย ดูตัวมึงดิ” ผมแขวะมันกลับ ก็ดูตัวแม่งดิครับ สูงเอาๆ เดินกับมันนี่แทบจะบังผมมิดแล้ว

     

    “ชิ แล้วนี่ยังไง ไม่สนสักคนหรอ ถนัดนักไม่ใช่ไงเรื่องเอาแฟนคลับทำเมียเนี่ย”

               

    โหอิจุนเน่ ปากร้ายขึ้นทุกวันๆแล้วนะมึงเนี่ย

     

                ทำมงทำเมียไร ฮันบินไม่เค๊ยไม่เคย ที่เคยเห็นควงเข้าบ้านนั่นก็แค่พาไปนั่งเล่นนอนเล่นกันแค่นั้นแหละ

     

     

     

                เหมือนมีคนไม่เชื่อ

     

     

                ยอมรับก็ได้ ก็คนมันหล่อเลือกได้นี่ครับ แปลกหรอที่จะมีคนเข้าหา? แล้วแปลกหรอที่เราจะมีสัมพันธ์กันบนเตียง โดยที่เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้วก็ทางใครทางมัน

     

                แฟร์จะตายว่าป่าว…? ไม่มีแฟนคลับคนไหนที่เข้าหาผมแล้วจะไม่ต้องการตัวผมหรอก น้อยมากที่จะเจอแบบนั้น

     

     

                แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะพยายามมีอะไรกับแฟนคลับให้ครบทุกคนหรอกนะ =_= ไม่สวยจริงฮันบินก็บ๊ายบาย

     

    “มึงแม่งก็พูดเกินไปป้ะ ที่ผ่านมาเค้าเต็มใจทั้งนั้น” ผมเถียง

     

    “แล้วแก๊งค์เมื่อกี้ล่ะ เค้าก็ดูเต็มใจกับมึงดีนะ”

     

    “คือกูก็เลือกมั้ย..

     

    “เออ ช่วงนี้ไม่เห็นมึงควงใครเลย” จุนฮเวว่า ก็จริงครับ ช่วงหลังๆมานี่ผมเล่นเกมเป็นส่วนใหญ่ บวกกับงานชมรมที่ต้องฟอร์มวงใหม่ให้รุ่นน้องเพราะพวกผมจะจบแล้ว(จะจบมั้ย) ไหนจะแต่งเพลงอีกอะไรอีก อีกอย่างแค่เถียงกับพี่เตี้ยนั่นก็ไม่มีเวลาจะไปอะไรกับใครแล้ว

     

                นึกถึงพี่เตี้ยนั่นอีกทำไมวะ

     

    “เบื่อๆว่ะ ยุ่งๆด้วยมึงก็รู้ แล้วผู้หญิงแม่งก็เริ่มเยอะ น่ารำคาญสัส”

     

    “เบื่อผู้หญิงนี่คือชอบผู้ชายป้ะ”

     

    “ไอห่า ให้เวลากูบ้างเถอะ คนหล่อก็อยากโสด”

     

    “ถุ้ย”

                อ่าว แล้วจะมาถ่มถุยอะไรครับเพื่อนรัก หยาบคายนะครับคุณมึง..

     

     

               

                ว่าแต่ มิตรสหายอีกท่านหนึ่งหายไปไหน?

     

    “บ็อบบี้ไปไหน” สงสัยกับตัวเองไม่นานผมก็ถามออกไป จุนฮเวที่กำลังกินขนมอยู่เงยหน้าขึ้นมามองผมยิ้มๆก่อนจะเอ่ย

     

    “แม่งยังไม่โผล่ฟันเหยินๆของมันมาเลยเนี่ย สงสัยเจอของดีแล้วลืมเรียน”

     

    “อะไรของมึงวะ”

     

    “ไอ้บ็อบมันกำลังเห่อของเล่นชิ้นใหม่”

     

    “ของเล่น?”

     

    “โอ้ยพี่บีไอ มึงโง่หรือโง่เนี่ย กูอยากจะเปิดโปงภาพลักษณ์โง่ๆขี้เกียจๆของมึงให้พวกสาวๆที่เทิดทูลมึงได้เห็นจริงๆ จะได้ตาสว่างสักทีว่ามึงก็แค่มนุษย์โง่ๆคนนึงไม่ใช่พี่บีไอคนดีคนฉลาดคนเท่ห์บาดใจของพวกเธอน่ะ”

     

                เดี๋ยวกูถามแค่นี้มึงจำเป็นต้องด่ากูขนาดนี้เลยหรอ…?

     

    “ไอ้จุนเน่ นี่สำหรับที่มึงว่ากูขี้เกียจ” ฝ่ามือผมประเคนลงกระบาลเพื่อนรักทันที

     

    “โอ้ยสัสเจ็บ”

     

    “และนี่สำหรับที่มึงว่ากูโง่” ตบอีกทีด้วยความโมโห

     

    แหม๊ ตั้งแต่เกิดออกมาจากท้องพ่อท้องแม่ ฮันบินคนนี้ยังไม่เคยถูกใครด่าว่าโง่เลยมึง แล้วมึงเป็นแค่เพื่อนสนิทที่กูคบมาแค่ตลอดชีวิต(นานนะนั่น) มึงมาว่ากูโง่ได้ไงงงง ทั้งๆที่มึงไม่เคยด่ากูเลยอ่ะ อิจุนเน่ อิปากร้าย

     

    “แม่งตบหัวอยู่นั่นน่ะ” จุนฮเวลูบหัวตัวเองป้อยๆก่อนจะบ่นเบาออกมาเพราะมันทำอย่างอื่นไม่ได้ มันไม่ตบผมกลับหรอกครับ เพราะถ้ามันตบผมกลับแน่นอนว่าผมจะทำกับมันยิ่งกว่าตบหัว

     

                บอกแล้วไงบีไอคนเก่ง คนฉลาด ไม่โง่!!!

     

    “มึงปากหมา”

     

    “ก็มึงโง่”

     

    “ยังไม่เลิกว่ากูโง่อีก” ผมตวัดสายตามองมันแบบคาดโทษ

     

    คำว่าโง่น่ะ เป็นคำต้องห้ามสำหรับคิมฮันบินนะครับมึง ก็มันไม่ใช่ความจริงอ่ะ กูไม่ได้โง่อ่ะ ฮรืออออออ

     

    “เออ พ่อคนฉลาด พ่อคนเก่ง คนดีของทุกคน น้องจุนเน่นี่แทบจะอยากถวายตัวให้พี่บีไอเลยคร้าาา”

     

    แล้วมันก็ไม่ได้พูดเปล่านะ ยังส่งหัวทุยๆนั่นมาถูไปถูมาที่ไหล่ผมอีก

     

                จะหาผู้ชายแรดอย่างจุนฮเวได้ที่ไหนอีกมั้ย

     

     “เอาหัวมึงออกไป กูสยิวสัส” ผมผลักหัวมันออกด้วยแรงทั้งหมดที่มีจนไอ้คนปากหมาแทบจะหลายหลังตกเก้าอี้

     

    “โอ้ย ถนอมๆกูหน่อยก็ไม่ได้”

     

    “แล้วก็ไม่ต้องมาประชดกู สรุปจะบอกได้หรือยังว่าไอ้เหยินบอยนั่นไปไหน” จุนเน่แม่งชอบวกออกนอกเรื่องตลอด คุยกับมันนี่ได้เนื้อประมาณสิบเปอร์เซ็นต์ นอกนั้นน้ำล้วนๆ

     

    “มึงก็เห็นว่าตั้งแต่ไปกินข้าวบ้านมึงตอนนั้น บ็อบบี้แม่งก็มีอาการตกหลุมรัก”

     

    “พี่ยุนฮยองน่ะหรอ?”

     

    “เออไง”

     

    “แล้วแม่งจะจีบพี่เค้าจริงจัง?”

     

    “ไม่ทราบ”

     

    “เน่..” ผมเรียกมันเพื่อให้มันหลุดออกจากภวังค์ความกวนตีน ก่อนที่มือผมจะกระตุกและแล่นลงหัวมันอีกครั้ง

     

    “ก็เออดิ มันจีบกันแลกเบอร์แลกที่อยู่กันเรียบร้อยแล้วมั้ง มึงไปอยู่ไหนมาวะ”

     

                เออ ทำไมกูไม่รู้ ที่จริงก็พอรู้อยู่แหละว่าอิบ็อบมันสนใจพี่ยุนฮยอง(ดูจากสายตาเวลามันมอง) ก็เล่นน่ารักซะขนาดนั้นขนาดผมเองยังเคยมองแบบไม่วางตาเลย แต่ก็ไม่คิดจะจีบหรอกครับ ก็พี่เตี้ยนั่นแม่งหวงเพื่อนซะยิ่งกว่าอะไร ขอเบอร์ก็ไม่ให้ ขอไลน์ก็บ่ายเบี่ยง ฮันบินเลยเหนื่อยที่จะวิ่งตาม ปกติรอให้คนอื่นมาวิ่งตามก็เหนื่อยจะแย่ละ อิอิ

     

    “ขนาดนั้นเลยหรอวะ”

     

    “อือ วันนี้แม่งจะมาเรียนมั้ยยังไม่รู้เลย ขาดการติดต่อ”

     

    “ปล่อยแม่งไปเหอะ แล้วกูกับมึงก็ควรเข้าเรียนได้ละ” ผมบอก

     

    มัวแต่เม้าท์ลืมไปเลยว่านี่ก็เลยเวลาคาบแรกเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ห่า ขาดบ่อยๆไม่ดีนะเว้ย พ่อรู้เดี๋ยวพ่อด่า

     

     

    “เออมึง วันนี้มึงไปส่งพี่จินป้ะ”

     

    ไหนบอกจะขึ้นเรียนไง ชวนกูคุยเรื่องใหม่อีกทำซากไร..

     

     

     “เปล่า เห็นคนที่บ้านบอกไปมหาลัยตั้งแต่เช้ามืด”

     

    “งั้นหรอ” ไอ้ห่านี่วันๆถ้าไม่ได้พูดถึงพี่เตี้ยนั่นมึงจะตายเอารึไง

     

    แล้วกูอารมณ์เสียทำไม โอ้ย อยู่ๆก็หงุดหงิด

     

    “มึงมีไร”

     

    “เปล่าอ่ะ คิดถึงเลยถามหา”

     

    “แน่ใจหรอมึง” เป็นผมเองนี่แหละที่อยากเค้นหาความจริง ช่วงนี้จุนฮเวมันเพ้อหาพี่จินฮวานบ่อยเกินไปครับ ยิ่งตั้งแต่กลับจากกินข้าวเย็นบ้านผมวันนั้น มันก็ถามหา พูดถึงแต่พี่จินฮวานตลอด

     

    ” จุนฮเวถอนหายใจยาว ราวกับว่าสิ่งที่มันกำลังจะพูดออกมาเป็นเรื่องจริงจัง และจริงจังมากๆ

     

     

     

     

    “กูพูดกับมึงตรงๆนะฮันบิน”

     

     

     

     

     

    “กูชอบพี่จินว่ะ”

     

    ผ่าง! เหมือนเส้นประสาทกระตุกยิกๆ ก็พอรู้มาบ้างว่าจุนเน่มันชอบเต๊าะ ชอบถามชอบไถ่ชอบพูดเพราะๆกับคนตัวเล็กนั่น แต่มันก็ไม่เคยบอกว่ามันชอบสักครั้งนะ มันแค่บอกว่าน่ารัก คุยด้วยแล้วสนุกดี อยู่ด้วยแล้วมีความสุขมาก ผมก็ไม่เคยได้ยินมันพูดตรงๆแมนๆแบบจริงจังแบบนี้สักครั้ง

     

     

    “มึงเอาจริง?”

     

                ไม่รู้ทำไม ผมภาวะนาให้มันแค่ล้อเล่น..

     

    “กูคิดมาตั้งนานแล้วล่ะ กูชอบพี่จินจริงๆ”

     

              แต่มันก็ชอบจริงๆสินะ อืมเสน่ห์แรงนักเนอะ ทีกับผมนี่ไม่เห็นจะมีท่าทีน่ารักๆ หรือการพูดการจาแบบที่ไอ้จุนฮเวมันบอกสักนิด เฟอะ

     

    “แล้วมาบอกกูทำไม”

     

                เออ แล้วมาบอกผมทำไม ผมจะไปช่วยอะไรมันได้ล่ะ ให้ช่วยจีบให้หรอ หรือจะให้ช่วยอะไร แล้วทำไมฮันบินคนนี้ต้องช่วยด้วยล่ะ สำคัญตรงไหนไม่ทราบ ไม่ช่วยโว้ยยยยย

     

    ให้ตาย ทำไมอารมณ์เสียงี้วะครับ

     

    “ก็กูชอบ”

     

    “แล้วมาบอกกูไมวะ” ผมไม่ชอบจริงๆว่ะ ไม่รู้ว่าไอ้ที่ผมไม่ชอบเนี่ย ผมไม่ชอบอะไร ผมรู้แค่ว่าผมไม่ชอบ ผมไม่พอใจมากๆที่จุนเน่มันบอกชอบพี่จินฮวาน

     

    ไม่แน่ใจว่าผมเป็นอะไร ผมอาจจะหวงเพื่อนไม่อยากให้เพื่อนไปยุ่งกับพี่เตี้ยนั่น ใช่ ผมหวงเพื่อน ผมแค่หวงเพื่อนน่ะ!

     

    “มึงเป็นไรเชี่ยบิน ดูทำหน้าแม่ง” จุนเน่ถามผมก่อนตาคมๆของมันจะมองหน้าผมนิ่ง

     

    ” ผมไม่ได้ตอบอะไรเพราะคาดว่าเสียงที่พูดออกไปมันต้องแปลกๆในความคิดมันแน่ๆ ผมกลายเป็นคนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ให้ตาย ยิ่งนึกถึงหน้าบางคนที่ระบายรอยยิ้มตลอดเวลา เวลาคุยกับจุนฮเวนั่นแล้วยิ่งอารมณ์เสีย ทำไมจะต้องนึกถึงหน้าคนคนนั้นด้วยวะ หน้าหวานๆของคิมจินฮวานคนนั้นน่ะ

     

    “หรือมึงหวงพี่ชายมึง”

    ” ผมเงียบ คือที่กูเป็นนี่กูยังไม่รู้เลยว่ากูเป็นอะไร คนหวงพี่ชายนี่มันต้องเป็นยังไงวะ แต่พี่เตี้ยนั่นมันไม่ใช่พี่ชายกูป้ะ กูจะไปหวงมันทำไม โว้ยยยยยยยยยยยยย ปวดหัว!

     

     

    “มึงก็รู้กูกับเค้าไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริงๆ”

     

     

     

     

     

     

     

    “หรือมึงไม่ได้หวงเค้าแบบน้องชายหวงพี่ชาย

     

     

     

     

    60%

     

     

     

     #ความจุนฮเว

     

    หลังจากที่ผมถามแบบนั้นออกไป ไอ้บินก็ทำหน้าอึ้งๆปนเหยเกนิดๆ แล้วนั่นมันรู้สึกยังไงของมัน

     

    สวัสดีครับ ผมจุนฮเวเองนะ ผมเป็นคนหล่อนะอิ อาจจะไม่ได้หล่อมากเหมือนไอ้ฮันบิน ไม่หล่อเหยินมหาเสน่ห์เหมือนไอ้บ็อบบี้ แต่ผมเป็นคนหล่อกลางๆที่ยังไม่มีแฟน แอร้ยยยย

     

    คนอย่างผมน่ะคนตรง จริงใจพูดจริงทำจริง ไม่ว่าใครลับหลัง เพราะแม่สอนว่าถ้าไม่พอใจใครให้ด่าแม่งต่อหน้าเลย ถ้ามีปัญหาไรเดี๋ยวแม่จัดการเอง..

     

    นั่นแหละตัวผม ที่ผมเองอยากแนะนำ

     

    นี่ก็เข้าเรื่องเลยดีกว่า หลังจากที่ผมหลุดคำถามนั้นออกไป ก็อย่างที่บอกแหละครับไอ้บินก็หน้าอึ้งๆงงๆเหมือนคนบ้า

     

    ถามว่าทำไมผมถึงถามมันแบบนั้น ไม่รู้สิครับ ผมแค่รู้สึกว่าไอ้บินมันดูแปลก มันดูอารมณ์เสียทันทีที่ผมบอกว่าชอบพี่จินฮวาน ความจริงผมก็ไม่อยากจะคิดหรอกว่าฮันบินมันจะรู้สึกกับพี่จินฮวานมากกว่าน้องชายรู้สึกกับพี่ชาย แต่มันก็มีความเป็นไปได้ใช่มั้ยล่ะในเมื่อทั้งคู่ไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ ผมเลยอยากถามให้มั่นใจน่ะ อีกอย่างที่คุยกันไปเมื่อกี้ มันเพิ่งบอกว่าผู้หญิงน่าเบื่อ มันอาจจะเบื่อผู้หญิงแล้วหันมาชอบผู้ชายป้ะ และผู้ชายที่อยู่ใกล้มันและมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่สุดก็คือพี่จินฮวาน

     

    อารมณ์คนมันจะกลัวมันก็กลัวได้ทุกอย่างนั่นแหละครับ และตอนนี้ผมก็กลัวทุกอย่าง ไม่ว่าจะความรู้สึกความคิดของใคร มันน่ากลัวไปหมดจริงๆ ถึงผมจะไม่เคยเห็นมันควงผู้ชายแต่ผมก็ไม่เคยเห็นมันบอกว่ามันเกลียดผู้ชายนี่ แล้วแฟนคลับมันที่เป็นผู้ชายก็มีเยอะมากๆโดยเฉพาะผู้ชายตัวเล็กๆน่ารักๆ

     

    “อะไรของมึงที่บอกว่ากูไม่ได้หวงเค้าแบบน้องหวงพี่” หลังจากเงียบมานานก็ได้ฤกษ์ขยับปากพูดสักที่สินะ ดูหน้ามันตอนนี้สิครับ ดูโง่ชิบหาย

     

    ฮันบินแม่งเป็นคนโง่จริงๆนะ ที่ผมด่ามันว่าโง่น่ะ ไม่ใช่ด่ามันเพราะอยากด่าหรอก แต่ด่าเพราะมันโง่จริงๆนี่แหละ

     

    “นี่มึงไม่รู้ความหมายของกูจริงหรอ?”

     

    “มึงคิดว่ากูคิดอะไรกับพี่เตี้ยนั่นแบบที่มึงคิดหรอ?” เอ่ะ มันเริ่มฉลาดแล้วครับ

     

    “แล้วมึงคิดมั้ยล่ะ?”

     

    “อะไรทำให้มึงคิดว่ากูจะคิด?”

     

                เออ ถามกันไปมาอยู่นี่แหละ กูถามก่อนก็ช่วยให้เกียรติตอบคำถามกูด้วย ไม่ใช่ถามกลับปาวๆแบบนี้ ห่ ามึง

     

    “กูถามว่ามึงคิดอะไรกับพี่จินหรือเปล่า?”

     

    “กูก็ถามว่าทำไมมึงถึงคิดว่ากูจะคิด?” ไอ้สัสนี่ ยังมามีมาหน้าถามคำถามแล้วทำหน้าตามุ่งมั่นจะเอาคำตอบอีก

     

    “ก็ในเมื่อมึงกับเค้าไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆมันก็อาจจะมีสิทธิ์ที่มึงจะคิดกับเค้ามากกว่าพี่ เพราะพี่จินน่ารัก..” พี่จินฮวานน่ารักจริงๆครับ อาจเป็นเพราะผมเห็นเค้าและคลุกคลีกับเค้ามาตั้งแต่เด็กๆ ถึงแม้ช่วงหลังๆมานี่พวกเราจะไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ แต่ทุกครั้งที่เจอ พี่จินฮวานก็ยังน่ารักเหมือนเดิมครับ

     

                มากกว่าเดิมอีกด้วยมั้ง

     

    “น่ารักแต่กับมึงน่ะสิ กับกูนี่จู้จี้ขี้บ่นน่ารำคาญเชี่ย”

     

    “ที่กูถามแบบนี้ก็เพราะว่าช่วงนี้มึงเริ่มเข้ากับพี่จินได้ ไม่แอนตี้หนักเหมือนเมื่อก่อน” เมื่อก่อนตอนรู้ความจริงแรกๆฮันบินมันแทบจะไม่มองหน้าพี่จินฮวานเลยครับ ยิ่งพูดกันนี่ยิ่งแล้วใหญ่ วันๆคุยกันนับคำได้ แต่พอโตขึ้นเรื่อยๆความคิดก็คงเริ่มเปลี่ยน บวกกับที่แม่มันขอร้องว่าให้ทำตัวดีดีกับพี่จินฮวานหน่อยเพราะพี่เขาน่าสงสาร มันเลยอ่อนลงมานิดนึงย้ำว่านิดนึง=_=

     

    “ที่กูเป็นแบบนั้นมันหมายความว่ากูชอบเค้าหรอ?” มันถามผมกลับซะงั้นครับ

     

    “แล้วมึงชอบหรือเปล่า” ไอ้บ้านี่อะไรของมัน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเดี๋ยวทันเดี๋ยวไม่ทัน เดี๋ยวฉลาดเดี๋ยวโง่อยู่นั่นแหละ

     

    “มึงถามแบบนี้หมายความว่าไง ถ้ากูชอบมึงจะหลีกทาง?” อ่าวทำไมมึงพูดงี้ครับฮันบิน

     

    “มึงก็รู้ว่ากูจะไม่ยุ่งกับคนของเพื่อน และนี่ที่กูบอกมึง กูก็ไม่อยากให้มึงยุ่งกับคนของกูถ้าเป็นไปได้ เพราะกูพูดก่อน ผมว่าพร้อมแสดงหน้าตาจริงจัง

     

    เอาจริงๆการที่ผมจะบอกชอบพี่จินฮวาน โอกาสของผมผมก็ไม่มั่นใจหรอกครับ เพราะพี่เค้าไม่เคยแสดงอาการอะไรที่จะบ่งบอกว่าชอบผมออกมาเลย และผมก็ไม่ได้มั่นใจขนาดนั้นว่าพี่เค้าจะชอบผมกลับด้วย เพราะงั้นถ้ามีโอกาสจีบจริงๆผมต้องค่อยเป็นค่อยไป เผื่อพี่เค้าไม่คิดอะไรจะได้ไม่เจ็บมาก และที่สำคัญหน้าหล่อๆที่มีเอกลักษณ์แบบนี้จะได้ไม่แหกแตกกระเจิงเพียงเพราะโดนคนที่ชอบปฏิเสธ ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่พี่จินฮวานแสดงออกกับผมมากที่สุดนั่นคือความเป็นพี่น้อง ผมไม่แน่ใจเลยว่าพี่เค้าจะคิดกับผมแบบที่ผมคิดกับเค้าบ้างหรือเปล่า

     

    “เค้าเป็นของมึงแล้วหรอ?”

     

    “เปล่า มึงพูดงี้หมายความว่าไงฮันบิน” บอกตรงๆว่าประโยคคำถามของมันเมื่อกี้ทำเอาอารมณ์ผมกระตุก ผมไม่เข้าใจว่ามันจะกวนตีนอะไรนักหนา ผมว่ามันมีความรู้สึกหวงพี่จินฮวานนั่นแหละ แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันหวงแบบไหน

     

    “ก็เปล่า มึงชอบนักมึงก็จีบไปดิ” มันบอกปัดๆก่อนจะทำเป็นหันนู่นมองนี่ทำท่าทีไม่สนใจอะไรผมอีก แต่ผมรู้ว่ามันสนใจ ไอ้นี่ท่าทางแปลกๆครับ ผมไม่เข้าใจพฤติกรรมของมันในตอนนี้เลย อย่าว่าแต่ผมเลย ตัวมันเองก็ดูจะไม่เข้าใจตัวเองเท่าไหร่นะนั่น

     

    “กูไม่อยากให้มันกลายเป็นความแตกแยกระหว่างเรา เพราะงั้นถ้ามึงคิดอะไรเกินเลยกับพี่เค้ามึงก็บอกกูมาตรงๆ” ผมพยายามจะพูดกับมันในแบบที่จริงใจและตรงที่สุด ที่ผมพูดแบบนี้ก็เป็นเพราะว่าผมแคร์มัน

     

    ไม่กี่คนหรอกครับที่จะรู้ว่าผมแคร์คนใกล้ตัวมากขนาดไหน และก็มีอยู่ไม่กี่คนที่ผมแคร์ และฮันบินก็แค่เป็นหนึ่งในนั้น ผมแคร์ ใช่ ผมแคร์มาก เพราะมันเป็นเพื่อนที่ผมคบมาตลอดชีวิต แน่นอนว่าความรู้สึกของมันผมแคร์ที่สุด

     

    “กูจะไปคิดอะไรกับคนที่กูเกลียดวะ คนที่เข้ามาแย่งความรักพ่อแม่ไปจากกู” มันตอบกลับมาทันควัน

     

    “แต่มึงก็เคยรักเค้ามากๆ” อันนี้เรื่องจริงครับ ตอนเด็กเราเล่นมาด้วยกันบ่อย ฮันบินกับพี่จินฮวานเป็นพี่น้องที่รักกันมากๆ แต่พอทั้งคู่รู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องของพี่จินฮวานก็ดูเหมือนจะเป็นฮันบินที่เปลี่ยนไป ความรักแบบพี่น้องถูกเส้นของความเกลียดชังเข้ามาขีดกั้น ไม่มีคำว่าพี่น้องอีกต่อไปสำหรับฮันบิน

     

                และนั่นคือสิ่งที่ผมกลัว เพราะไม่มีคำว่าพี่น้องมาเป็นกำแพงกั้นสำหรับพวกเขาแล้ว ผมกลัวว่ามันจะกลายเป็นความรู้สึกอีกแบบนึง โดยที่พวกเขาเองก็อาจไม่รู้ตัว

     

                ความรู้สึกแบบที่ผมรู้สึกกับพี่จินฮวานตอนนี้ คือรักและอยากครอบครอง

     

    ถึงฮันบินมันจะพยายามบอกว่ามันเกลียดพี่จินฮวานขนาดไหน แสดงออกว่าไม่ชอบหรือต่อต้านพี่เขายังไง แต่มันก็ไม่เคยทำร้าย ไม่เคยเอาพี่จินฮวานไปพูดในเรื่องเสียๆหายๆ ถึงมันจะปากร้ายกับพี่จินฮวานมากแค่ไหน แต่ฮันบินก็แค่เด็กเอาแต่ใจที่เอาแต่ทำร้ายคนตัวเล็กด้วยคำพูด โดยที่มันอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรู้สึกจริงๆข้างในของมันเป็นยังไง

     

    จะว่าไปทำไมผมดูฉลาดจังอรั้ยยยย ก็กูจุนฮเวอ่ะ

     

    “นั่นมันแค่ตอนที่กูคิดว่าเค้าเป็นพี่ชายของกู”

     

    “แล้วตอนนี้ที่เค้าไม่ใช่พี่ชายของมึงแล้วล่ะ”

     

    “ก็แค่เกลียด” มันพูดออกมาแบบเรียบๆโดยที่ไม่มีการมองหน้าผม

     

    “มึงรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆน่ะหรอ?”

     

    “แล้วทำไมกูจะต้องไปรู้สึกอะไร แล้วทำไมมึงจะต้องมาสงสัยอะไรกูขนาดนี้ หงุดหงิดแล้วนะจุนฮเว” มันมองหน้าผมนิ่งๆบ่งบอกให้รู้ว่าตอนนี้มันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ มันกำลังหงุดหงิด หงุดหงิดมากด้วย

     

    “แล้วถ้ามึงไม่ได้รู้สึกอะไรทำไมมึงถึงโมโห มึงโมโหทันทีที่กูบอกว่าชอบพี่จิน กูดูออก”

     

    “ก็มึงถามมาก มึงพยายามจะหาความแน่ใจอะไรของมึง แล้วมึงก็กำลังจะมายัดเยียดให้กูรู้สึกแบบนั้นกับคนคนนั้น” คนคนนั้นในความหมายของมันก็คงจะเป็นพี่จินฮวานนั่นแหละ

     

    “กูไม่ได้ยัดเยียด แล้วก็ไม่ได้กดดันอะไรมึงทั้งสิ้น กูถามเพราะกูอยากรู้ และที่กูบอกก็อยากให้มึงรู้..

     

    “กันท่าหรอ?”

     

    “เปล่า มึงเป็นไรวะฮันบิน มึงไม่รู้สึกมึงก็แค่บอกว่าไม่ มึงไม่จำเป็นต้องโมโห หรือแสดงออกแบบนี้ แบบที่จะทำให้กูคิดว่ามึงรู้สึก” เรื่องนี้มันชักจะยาวแล้วครับ

     

    “กูบอกว่าไม่ไปตั้งกี่รอบแล้ว กูบอกว่าเกลียด มึงก็ยังจะมาถามอยู่นั่นแหละ สัส” มันคงรำคาญผมเต็มทีแล้วล่ะครับ

     

    “เกลียดจริงๆหรอวะ” ไอ้ผมนี่ก็เป็นประเภทอยากรู้ต้องถาม สงสัยต้องพูดซะด้วยสิ

     

    “มึงจะถามเหี้ ยไรนักหนาวะ! ฮันบินพูดเสียงดังท่าทางโมโหแล้วหลีกเลี่ยงการตอบคำถามผมไปดื้อๆ ใบหน้าของมันที่แสดงออกราวกับถูกขัดใจนั่น มันน่ากลัวครับ ขนาดผมเป็นผู้ชายเหมือนมันผมยังกลัวมันเลยตอนนี้

     

    “กูก็แค่อยากแน่ใจ มึงจำเป็นต้องอารมณ์เสียขนาดนี้เลยหรอฮันบิน?”

     

    “แล้วมึงจะมาถามเหี้ ยไรนักหนา กูก็บอกไปแล้วว่าถ้าชอบก็จิบไป”

     

     

     

    “ไม่ใช่ว่ากูกำลังจีบอยู่ แล้วมึงมารู้ตัวทีหลังว่ามึงชอบพี่เค้าหรอกนะ” นั่นแหละครับคือสิ่งที่ผมอยากถามมันเพื่อตอกย้ำความมั่นใจที่สุด ผมไม่อยากรู้สึกกับเพื่อนเหมือนเป็นคนอื่น ผมไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเราเปลี่ยนไปเพียงเพราะเราชอบคนคนเดียวกัน

     

     

     “ไม่มีทาง!

     

     

     

     

     

     

     

    100%

     

    หมั่นไส้พระเอกมากหมั่นไส้ที่สุด ปากดีสุด แกพูดมาได้ไงว่าไม่มีทาง! อิบ้าอิคนติ๊งต๊อง!!!

    ถ้าแกบอกว่าแกไม่มีทางชอบพี่จินแล้วฟิคเรื่องนี้มันจะบีจินได้ยังง๊ายยยยย

    เน่ลุยเลยลูกกกก *งานกบฏก็มา* แต่ยังยืนยันว่าฟิคเรื่องนี้บีจิน1000000% งิ

    สู้นะฮันบิน แกจะไม่โดดเดี่ยวพี่ขอบอกไว้ตรงนี้ แกเกิดมาเพื่อชนะ! เฮ้!!

    อ่านแล้วเม้นนะจุ้กกรู้วววว อยากอ่านเม้นนนนน

    มาจอยกันจอยกัน > #ฟิคพี่ชายบีจิน

     

     

    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×