ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    END [FIC iKON] พี่ชาย BJIN Ft. iKON BOBYUN JUNDONG

    ลำดับตอนที่ #22 : 21 : ฟิคพี่ชาย 21 [100%]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.46K
      16
      14 ต.ค. 58

    ฟิคพี่ชาย BJIN Ft. iKON Junhoe [BOBYUN] 

    -21-



    จินฮวานสะดุ้งสุดตัวพร้อมผลักตัวเองออกห่างจากฮันบินทันทีที่พบกับผู้มาใหม่

     

    คุณพ่อ

     

     

    ท่านมาได้ยังไง ท่านขึ้นมาทำไม ท่านเห็นแล้วใช่ไหม ท่านรู้แล้วใช่ไหม ท่านได้ยินหมดแล้วใช่ไหมว่าเขากับฮันบินคุยอะไรกันไปบ้าง

     

    คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวแต่ปากบางไม่สามารถเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้

     

    เขาตกใจ ยอมรับว่าตกใจมากที่ผู้เป็นพ่อมายืนประจันหน้าอยู่ตรงนี้ ตอนนี้ความกลัวมันชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง และเขากำลังกลัว กลัวจนสั่นไปหมด

     

    “ลงไปคุยกันข้างล่าง” คิมซองกยูยื่นคำขาดก่อนที่ตัวเขาเองจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้เพียงสองพี่น้องที่นั่งอึ้งกับเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น

     

    ฮันบินเองก็นิ่งเงียบไปเช่นกัน ไม่ใช่เพราะกลัวพ่อ กลัวพ่อก็อีกประเด็น แต่กลัวที่สุดก็คือความรู้สึกของคนข้างๆนี่แหละ คนที่เขาเพิ่งจะขอคบเป็นแฟนไปเมื่อครู่

     

    จินฮวานนั่งกุมมือตัวเองแน่น นาทีนี้เขาไม่กล้าแม้จะปริปากพูดอะไร มือไม้สั่นจนพยายามกุมไว้แค่ไหนก็ปิดอาการไม่มิด

     

    “พี่จินฮวาน” ฮันบินเอื้อมมือไปกอบกุมมือเล็กที่ยังสั่นเทา เขาต้องการจะย้ำให้อีกคนมั่นใจว่าไม่ต้องกลัว ตอนนี้มีฮันบินพี่จินฮวานไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรทั้งนั้น

     

    “ลงไปข้างล่างเถอะ” มือบางชักออกจากการเกาะกุมรวดเร็ว เร็วเสียจนฮันบินตกใจ ทำไมพี่จินฮวานต้องกลัวจนไร้สติขนาดนี้

     

    “มองหน้าผม” ไม่ทันที่ร่างเล็กจะได้ก้าวเดินจากห้องไปแรงกระชากข้อมือจากฮันบินก็ทำให้จินฮวานชะงักเท้าซะก่อน

     

    “...” คนเป็นพี่ได้แต่ก้มหน้ามองพื้นห้องอยู่อย่างนั้น เมื่อกี้เขาเพิ่งจะยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุขไปเอง ทำไมพระเจ้าต้องพรากความสุขไปเร็วขนาดนี้ เขาไม่รู้ว่าถ้าลงไปแล้วจะต้องเจอกับอะไรบ้าง คุณพ่อจะว่ายังไง ท่านจะรับได้ไหม หรือท่านจะเสียใจแค่ไหน จินฮวานไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลย

     

    “มองหน้าผม” ประโยคเดิมถูกเอ่ยออกมาเป็นครั้งที่สองเพราะอีกคนยังไม่ยอมเลื่อนสายตามามองหน้ากัน

     

    “...” จินฮวานย้ายสายตามาจับจ้องที่ดวงตาคมของฮันบินตามคำสั่ง ไม่รู้ทำไมเขาถึงอยากจะร้องไห้ ได้จ้องตาฮันบินแล้วมันเหมือนมีมีดแหลมคมมาปลิดขั้วหัวใจ หัวใจที่มันเพิ่งจะเบ่งบานไม่เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา

     

    กลัวเหลือเกิน กลัวว่าจะไม่ได้จ้องมองแววตาคู่นี้อีก

     

    “พี่เชื่อใจผมใช่ไหม”

     

    “ฉัน...”

     

    “พี่ไม่ต้องกลัวได้ไหม นั่นพ่อนะไม่ใช่มารร้ายสักหน่อย”

     

    “แต่ท่านต้องไม่พอใจที่พวกเรา...”

     

    “อย่าเพิ่งคิดมาก นี่ใคร นี่ฮันบินนะ ผมไม่ยอมให้เราแย่หรอก”

     

    “...”

     

    “แค่ผมรักพี่และพี่รักผม แค่นั้นก็พอ” ดึงร่างเล็กเข้ามากอดจนแทบจะจมลงไปในแผงอกแกร่ง ฮันบินก็ไม่ใช่ว่าไม่กลัว เขาเองก็หวั่นๆอยู่เหมือนกัน แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อพี่จินฮวานกลัวมากมายซะขนาดนี้ เขาก็ต้องแข็งเกร่งเพื่อดึงอีกคนให้มีสติ ทั้งๆที่ตัวเองก็ร้อนรุ่มอยู่ในใจไม่น้อยเช่นกัน

     

    “ลงไปกันเถอะ คุณพ่อจะรอนาน” เอ่ยบอกพร้อมผละตัวเองออกจากอ้อมกอด เขาเองก็อุ่นใจที่ฮันบินพูดมาแบบนี้ แต่ความกลัวมันก็ยังมีมากอยู่ดี

     

    “ไปพร้อมกันสิ” คว้ามือเล็กมาจับไว้ก่อนจะถือวิสาสะดึงให้เดินไปพร้อมกัน

     

    “ฮันบิน...” คนพี่พยายามจะปฏิเสธและเดินนำไปก่อน แต่แววตาของฮันบินก็คืออาวุธชั้นดีที่ถาโถมเข้าใส่จนขาเล็กหมดเรี่ยวแรงจะก้าวเดิน

     

    “เชื่อผม ไปด้วยกัน” ว่าแค่นั้นคนเป็นพี่ก็ไม่โต้เถียงอะไรออกไปอีก เขายอมให้ฮันบินเดินจูงมือลงมายังชั้นล่างอย่างไม่ขัดขืน

     

    ไม่ใช่ไม่สนสายตาคุณพ่อที่จะมองมา แต่เขาเองก็สนความรู้สึกของฮันบินมากเช่นกัน ในเมื่อฮันบินต้องการจะย้ำให้เขาเชื่อใจ เขาเองก็จะเชื่อใจ และจะทำตามที่ฮันบินบอกถ้าทำได้

     

    คิมซองกยูปรายตามองลูกชายสองคนที่เดินจับมือลงบันไดมาด้วยกัน

     

                จับมือกันมาขนาดนี้ฉันคงไม่ต้องคิดแล้วใช่ไหมว่าระหว่างพวกแกมันคืออะไร

     

    เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะกลับเร็วขนาดนี้ เพียงแต่ภรรยาเกิดอาการเป็นห่วงลูกชายคนเล็กและอยากจะกลับบ้านเร็วๆ แต่พอมาถึงบ้านคุณนายคิมกลับมีสายเข้าซะก่อน เลยขอตัวไปคุยโทรศัพท์ เขาเองก็อยากจะขึ้นไปเปลี่ยนเส้อผ้าสักหน่อย แต่ระหว่างทางผ่านที่จะไปห้องเขามันเป็นห้องของฮันบิน แล้วก็บังเอิญได้ยินเสียงจินฮวานดังออกมาจากในห้อง พอลองฟังดูดีๆสิ่งที่เด็กสองคนนี้คุยกันมันไม่ใช่เรื่องที่พี่น้องคุยกันสักนิด

     

    เขาแอบฟังอยู่สักพักจนจับใจความได้นั่นแหละ

     

    จนมาถึงประโยคสุดท้ายที่เล่นเอาใจกระตุกวูบได้เหมือนกันนั่นคือประโยคที่คิมฮันบินถามคิมจินฮวานที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายว่า เป็นแฟนกันมั้ย และจินฮวานเองก็ตอบกลับมาว่าเป็น นั่นทำเอาคิมซองกยูอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะเปิดประตูห้องแล้วเข้าไปประจันหน้ากับพวกมันนั่นแหละ

     

    สองพี่น้องนั่งลงบนโซฟาตัวยาวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับผู้เป็นพ่อ

     

    “ตั้งแต่เมื่อไหร่” เอ่ยเข้าประเด็นทันทีแบบไม่ต้องปกปิด นาทีนี้มั่นใจได้เลยว่าเด็กสองคนนี้มันมีอะไรเกินพี่น้องไปแล้วแน่นอน

     

    “...”

     

    “ฉันถามว่าตั้งแต่เมื่อไหร่! เสียงตะหวาดแข็งกร้าวจากผู้เป็นพ่อทำเอาคิมจินฮวานสะดุ้งโหยง แววตาใสสั่นไหวล่อกแล่กจนไม่รู้จะวางสายตาไปที่จุดไหน

     

    “นานแล้ว” เป็นฮันบินที่ตอบ ตอบออกไปทั้งที่มือหนายังกุมมือเล็กไว้แนบแน่น

     

    คิมจินฮวานนั่งก้มหน้ามองพื้นอย่างไม่กล้าสบสายตา เขากลัว กลัวมากจริงๆ

     

    “แล้วคิดจะบอกฉันเมื่อไหร่”

     

    “ไม่ได้คิด”

     

    “คิมฮันบิน!” คำพูดที่ตรงไปตรงมาของฮันบินทำให้ผู้เป็นพ่อโมโหจนต้องขึ้นเสียงอีกครั้ง ฮันบินไม่เคยโดนขัดใจ นั่นเป็นข้อเสียที่เขาพลาดไป เด็กที่ถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจจึงได้ก้าวร้าวและไม่คิดจะเกรงกลัวเขาแบบนี้

     

    “ผมเองก็ไม่คิดว่าผมจะรักพี่จินฮวาน แต่ในเมื่อมันรักไปแล้วก็ขอคบกันไม่ได้หรอ” เด็กเอาแต่ใจยังไงก็เป็นเด็กเอาแต่ใจอยู่วันยังค่ำ ไม่ว่าบรรยากาศที่เป็นอยู่จะจริงจังแค่ไหน แต่ฮันบินก็ยังเป็นฮันบิน เขาแทบไม่สนใจเพราะไม่อยากจะสนใจ สิ่งที่เขาสนใจในตอนนี้คือมือเล็กๆที่กำลังสั่นระริกภายใต้มือหนาของเขานี่ต่างหาก

     

    “แกกำลังพูดเรื่องอะไร” แกกำลังขอคบกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายแกมาตลอดชีวิตงั้นเหรอคิมฮันบิน

     

    “แล้วพ่อกำลังพูดเรื่องอะไร”

     

    “แกรู้ว่าฉันกำลังพูดเรื่องอะไรฮันบิน”

     

    “พ่อจะห้ามไม่ให้ผมคบกับพี่จินฮวาน?”

     

    “แล้วมันควรเหรอ? ถาม”

     

    “...” ฮันบินนิ่งเงียบ ณ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าพ่อไม่แฮปปี้ที่เขากับพี่จินฮวานจะคบกัน ถึงจะไม่แอนตี้รุนแรงแบบโหวกเหวกโวยวายมากนัก แต่นี่คือพ่อ คือคิมซองกยูที่ถ้าบอกว่าไม่ก็คือไม่ พ่อเป็นคนใจเย็นแต่เต็มไปด้วยอำนาจและความน่าเชื่อถือ

     

    ถึงฮันบินจะแสดงออกว่าไม่เกรงกลัวผู้เป็นพ่อนัก แต่เขารู้ดีว่าพ่อตัวเองเป็นคนยังไง

     

                และพ่อก็น่าจะรู้ดีว่าเขาเป็นคนยังไง

     

    “ปล่อยมือกันได้แล้ว” ผู้เป็นพ่อเอ่ยสั่งอีกประโยคพลางส่งสายตาไปยังมือทั้งสองที่ยังกุมกันแน่น

     

    “พี่จินฮวาน” เป็นฮันบินที่เอ่ยเรียกจินฮวานเสียงแผ่วหลังจากที่มือเล็กรีบชักออกทันทีที่สิ้นคำสั่งของผู้มีพระคุณ ใบหน้าเล็กก้มหลุบตาต่ำแทบไม่กล้าเงยหน้ามาสบตาใคร ไม่รู้ จินฮวานแค่กลัว ไม่ใช่ไม่เชื่อใจฮันบิน แต่คำตอบของคุณพ่อมันก็ชัดเจนแล้วว่าไม่ได้ ในเมื่อไม่ได้ก็คือไม่ได้ เขาไม่มีทางปฏิเสธ

     

    สิ่งที่จินฮวานกลัวมันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ เขาจะโดนแยกออกจากฮันบิน ไม่ว่าด้วยวิธีใดมันก็คงเจ็บไม่น้อยเลย

     

    ถึงจะรักมากแค่ไหน แต่เมื่อคุณพ่อบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้ จำใส่หัวสมองไว้นะจินฮวาน ไม่ได้...

     

     

    “ผมรักพี่จินฮวาน” ฮันบินพยายามจะขยับเข้าไปใกล้แล้วกอบกุมมือเล็กนั่นอีกครั้งแต่อีกคนกลับขยับหนีไม่ยอมให้ผู้เป็นน้องได้แตะต้องมันอีก

     

    “อย่าพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ฮันบิน”

     

    “พ่อไม่เข้าใจ ในเมื่อเรารักกันทำไมเราจะคบกันไม่ได้” ฮันบินหันมาโต้ตอบคนเป็นพ่ออีกครั้งก่อนที่จะส่งสายตามองจินฮวานไม่ขาด ทำไมต้องนั่งห่างกัน ทำไมไม่ยอมให้เขาได้กุมมือเล็กนั่นไว้ ทำไมถึงไม่เชื่อใจกัน

     

    “เพราะมันไม่ถูกต้อง! คิมซองกยูตวาดเสียงดังซะจนจินฮวานสะดุ้งโหยงอีกครั้ง เป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ที่ต้องสะดุ้งตกใจกับเสียงที่ทรงอำนาจนี้ คุณพ่อช่างเด็ดขาดและน่ากลัวเหลือเกินในความคิดของจินฮวาน เขากลัว กลัวจนลืมไปว่ายังมีอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ อีกคนที่พยายามจะมอบความเชื่อใจให้เขาตลอด แต่จินฮวานกลับมองข้าม ความกลัวทำให้จินฮวานเผลอมองข้ามความห่วงใยจากฮันบินไปแล้ว

     

    กลุ่มแม่บ้านทยอยกันเดินเข้ามาพร้อมกับคุณผู้หญิงของบ้านที่เดินเข้ามาด้วยเช่นกัน

     

    “มีอะไรกันคะ” คุณนายคิมเอ่ยถามอย่างสงสัยเพราะดูท่าแล้วจะไม่ใช่เรื่องที่ดี เธอได้ยินเสียงสามีดังไปถึงข้างนอกที่เธอยืนคุยโทรศัพท์

     

    “ถามลูกชายคุณ” ปลายตามองไปยังลูกชายทั้งที่ตอนนี้อารมณ์ยังครุกรุ่น แกมันไม่รู้อะไรฮันบิน แกรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่เข้าใจ เรื่องแบบนี้ฉันเข้าใจดี เข้าใจมากๆเลยด้วย

     

    “พี่จินเป็นไรลูกทำไมต้องก้มหน้าแบบนั้น น้องบินเกิดอะไรขึ้น” คนเป็นแม่ถามพลางมองดูอาการขอลูกชายทั้งสองฝั่ง ทางป้ายูรินเองก็ยืนดูเหตุการณ์อยู่ไม่ห่าง เธอเองก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเพราะเพิ่งเดินเข้ามาพร้อมคุณผู้หญิงของบ้าน

     

    “ผมฮึก” น้ำตาแห่งความกลัวในที่สุดก็กลั้นมันไว้ไม่อยู่ ทั้งกลัว ทั้งเสียใจ เสียใจที่เรื่องต้องเป็นแบบนี้ เสียใจที่ต้องทำให้ผู้มีพระคุณเสียใจ เสียใจที่ต้องทำให้ฮันบินเสียใจ เสียใจที่เขาไม่สามารถรักฮันบินได้แล้ว รักไม่ได้แล้ว...

     

    “หนูใหญ่ ร้องไห้ทำไมคะ” ป้ายูรินเอ่ยถามหน้าตาตื่น เธอเข้ามาโอบไหล่คุณหนูคนใหญ่แล้วถามด้วยความเป็นห่วง

     

    “คุณคะ ฉันงงไปหมดแล้ว”

     

    “เด็กสองคนนี้มันไม่ได้รักกันแบบพี่น้อง”

     

    “วะ ว่าไงนะ”

     

    “แม่ฟังไม่ผิด ผมไม่ได้รักพี่จินแบบพี่ชาย ผมรักเขามากในแบบของคนสองคน”

     

    “ฮันบิน” คุณนายคิมยกมือขึ้นทาบลงบนอกด้วยความตกใจก่อนที่ปากบางสวยจะเอ่ยชื่อลูกชายที่นานๆทีเธอจะเรียกชื่อลูกแบบนี้

     

    “ผมขอโทษ” จินฮวานเอ่ยขึ้นท่ามกลางความวุ่นวาย ป้ายูรินที่กอดร่างเขาอยู่ก็ดูตกใจเช่นกัน

     

    “แต่ มันเริ่มตั้งแต่ตอนไหน ทำไมลูกถึง...”

     

    “ผมรักพี่จินฮวาน เราคบกันไม่ได้หรอครับแม่”

     

    “แม่...”

     

    “ฉันบอกว่าไม่ก็คือไม่!” ไม่ทันที่แม่จะได้พูดอะไรเสียงแห่งอำนาจทั้งหมดก็ดังขึ้น คิมซองกยูยื่นคำขาดจริงจัง  เขาจะไม่ยอมให้เรื่องบ้าๆแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับครอบครัว เป็นพี่น้องกันมันจะคิดอะไรเกินพี่น้องได้ยังไง ถึงฮันบินกับจินฮวานจะไม่ใช่พี่น้องแท้ๆแต่ใครหลายๆคนก็เข้าใจไปแล้วว่าทั้งคู่คือพี่น้องกันจริงๆ ครอบครัวของเขาเองก็มีหน้ามีตาทางสังคม เขาจำเป็นต้องหยุดความสัมพันธ์ของเด็กสองคนนี้ก่อนที่มันจะสายเกินไป

     

    “พ่อ!!

     

    “หนูเล็ก ใจเย็นๆค่ะ” ป้ายูรินรีบปรามคุณหนูคนเล็กของเธอ

     

     

     

     

     

     

    “จินฮวานควรจะมีคู่หมั้น” แว้บนึงที่ซองกยูคิดได้เขารีบพูดออกไป ถ้าพูดถึงการหยุดเรื่องแบบนี้แล้วก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องเดียวคืออีกคนต้องมีเจ้าของถึงจะทำให้อีกคนตัดใจ จินฮวานเองก็โตจนจะเรียนจบมหาลัยอยู่แล้วเพราะฉะนั้นจินฮวานควรจะคบหาดูใจกับใครสักคน ส่วนฮันบินถ้าเด็กนี่ต้องการที่จะตัดใจ เขาจะส่งฮันบินไปเรียนต่างประเทศ

     

                นั่นคือที่คิมซองกยูคิด

     

    “ผมไม่ให้หมั้น ไม่มีทาง” ตามคาด คนที่ต่อต้านคนแรกคือคิมฮันบิน

     

    “คุณ นี่มันเกินไปหรือเปล่า” คุณนายคิมแทรกขึ้นมาบ้าง เธอไม่รู้อะไรมากนัก แต่ถ้าถึงขั้นจะต้องบังคับจิตใจลูกแบบนี้เธอก็คิดว่ามันเกินไป ความรู้สึกมันไม่ใช่เรื่องผิด

     

    คิมซองกยูเองก็น่าจะเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ดี เขาน่าจะเข้าใจดี...

     

    “ถามจินฮวานดูสิ”

     

    “ผม...”

     

    “พี่จินฮวาน” ฮันบินเรียกชื่อเพื่อเตือนสติอีกคน เขารู้ว่าพี่จินฮวานต้องยอมพ่ออีกแน่ๆ อย่าพูดมันออกมาได้ไหม อะไรที่พี่คิดอยู่ในใจไม่พูดมันออกมาได้หรือเปล่า

     

    “ถ้าคุณพ่อต้องการ...ผม...จะหมั้น” จินฮวานกลั้นใจพูดออกไปโดยไม่เงยหน้ามองใครทั้งสิ้นแม้แต่ฮันบิน เขารู้ว่าตอนนี้ตัวเองดูแย่แค่ไหนในสายตาฮันบิน เขาทำลายความเชื่อใจที่มีต่อฮันบิน แต่ในอีกแง่ พระคุณของคุณพ่อก็มีอิทธิพลต่อเขามากเหลือเกิน

     

              คุณพ่อชนะแล้ว ชนะแล้วจริงๆ

     

    “แต่ตอนนี้ผมขอตัวก่อนนะครับ” คนตัวเล็กเอ่ยบอกแค่นั้นก่อนจะพาร่างของตัวเองวิ่งขึ้นบันไดไปด้วยความเร็ว

     

    ฮันบินมองร่างพี่ชายตัวเล็กออกห่างไปเรื่อยๆจนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจวิ่งตามไป

     

    ไม่มีคำด่าทอหรือคำขู่ใดๆจากบิดา คิมซองกยูรู้ว่าตอนนี้เด็กทั้งสองคนเจ็บปวดแค่ไหน แต่เขาก็จำเป็นต้องทำแบบนี้ ถ้าอยากจะคุยกัน ก็จะให้โอกาสคุย เพราะเขารู้ว่าจินฮวานเป็นคนยังไง จินฮวานเป็นเด็กดี อะไรที่เขาทำพื่อครอบครัวได้เขาก็ทำเสมอ โดยเฉพาะอะไรที่พ่อต้องการ คิมจินฮวานไม่มีทางปฎิเสธมันได้

     

    จะยากหน่อยก็แต่ฮันบิน เด็กนั่นหัวรั้น การหมั้นของจินฮวานอาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะฮันบินคงไม่ยอมแน่ๆ แต่อย่างน้อยก็คงจะช่วยแยกเด็กสองคนนี้ได้ล่ะมั้ง





    .

    จินฮวานวิ่งเข้ามาให้ห้องพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มใส ประตูห้องถูกปิดและล็อคเข้าทันทีที่เจ้าของห้องเข้ามา

     

    ฮันบินวิ่งตามขึ้นมา แต่ไม่ทันที่จะได้เข้าไปเจ้าของห้องก็ปิดประตูปังใส่หน้าซะก่อน

     

    “พี่จินฮวาน!” มือหนาทุบลงประตูพร้อมเรียกชื่อเจ้าของห้องเสียงดัง

     

    “...” ร่างเล็กที่ยังยืนพิงประตูอยู่ไม่ไปไหนได้แต่ร้องไห้พร้อมใช้มือปิดปากไม่ให้เสียงสะอื้นได้เล็ดลอดออกไป

     

    “ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้ ทำไมทำกับผมแบบนี้”

     

    “ฉันขอโทษ” เอ่ยออกมาแผ่วเบา เบาซะจนแทบจะไม่ได้ยินและเขาก็มั่นใจว่าฮันบินไม่ได้ยินมัน น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่ไหลลงมาไม่สามารถบรรเทาอาการปวดหนึบในหัวใจ

     

                รู้ว่าต้องเจ็บ แต่ไม่คิดว่าจะเจ็บขนาดนี้


     “ผมบอกให้พี่เชื่อใจผม”


    “มันเป็นไปไม่ได้ฮันบิน ระหว่างเรา...มันเป็นไปไม่ได้” เสียงเล็กยอมเอ่ยออกไปเพื่อจะคุยกับคนด้านนอก

     

    “เปิดประตูให้ผมได้ไหม”

     

    “ไม่ได้”

     

    “พี่จินฮวาน”

     

    “มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ต่อให้ฉันเชื่อใจนายมากขนาดไหน มันก็เป็นไปไม่ได้”

     

                ตัดใจตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่าฮันบิน ตัดใจเถอะ...

     

    “พี่เอาแต่พูดว่าเป็นไปไม่ได้ พี่ไม่รักผม...”

     

    “...” อย่าคิดแบบนั้นได้ไหม ฉันรักนายมาก และมันก็เป็นเพราะฉันรักนายฉันถึงได้เจ็บเจียนตายขนาดนี้

     

    “พี่จะหมั้น...”

     

    “คิดได้ก็ดีแล้ว ฉันจะหมั้น และนายเองก็ต้องเจอคนที่ดีๆกว่าฉัน คนที่เหมาะสม คนที่คุณพ่อเห็นชอบที่จะให้นายคบ”

     

    “เลิกพูดถึงคนนั้นสักที ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าให้เชื่อใจผม แต่พี่ไม่ พี่พยายามจะผลักไสผม เพียงแค่เพราะพ่อต้องการ พี่ไม่เห็นใจผม พี่เห็นใจแต่พ่อ พี่ไม่แคร์ผม..."


    “หยุดพูดได้แล้ว! พอกันที ฉันไม่เชื่อใจใครทั้งนั้น”

     

    ขอโทษฮันบิน ขอโทษ

     

    “พี่จินฮวาน” เสียงของฮันบินที่อยู่ด้านนอกเรียกชื่อเขาแผ่วเบา เบาจนเขาเองก็ใจหวิว ฮันบินคงจะเหนื่อยแล้วจริงๆ

     

                ในเมื่อเป็นแบบนี้ฉันจะมีความสุขได้ยังไง

     

                ฉันจะมีความสุขกับคนอื่นทั้งๆที่ยังมีนายเป็นน้องได้ยังไง

     

                ฉันจะรักคนอื่นนอกจากนายได้ยังไง

     

                ได้ยังไงฮันบิน บอกที ฉันจะทำได้ยังไง...

     

    “ไปได้แล้ว” เอ่ยปากไล่ทั้งที่ใจแทบจะสลายแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ความเสียใจแบบนี้เขาไม่เคยได้สัมผัสมันมาก่อน เขาเคยสูญเสียครอบครัวไปแต่นั่นมันเป็นตอนที่เขายังเด็กมากเขารับรู้มันได้ไม่มากเท่าไรนัก แต่ตอนนี้มันเป็นความเสียใจที่เขาได้พบเจอกับมันจริงๆ ทั้งต่อหน้าตอนนี้และไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ถึงจะสามารถชินชากับมันได้

     

    “พี่จะเอาแบบนี้ใช่ไหม ไม่รู้หรอว่าผมเป็นคนยังไง” น้ำเสียงเย็นยะเยือกหน้าห้องราวกับไม่ใช่คนเดียวกันกับฮันบินคนเมื่อครู่ทำให้จินฮวานสะอึก ร่างบางหยุดสะอื้นพลางคิดตามที่อีกคนพูดออกมา เสียงฮันบินตอนนี้เหมือนกับเสียงในตอนนั้น ตอนที่ฮันบินต่อต้านเขา

     

                กลัว

     

    กลัวเหลือเกินว่าฮันบินจะกลับไปเกลียดเขาเหมือนเมื่อก่อน

     

                รักนายฉันก็รักไม่ได้ แต่จะให้นายเกลียดฉันฉันก็ทำใจไม่ได้อีกเหมือนกัน ทำยังไงดีฮันบิน ฉันจะทำยังไงดี

     

    “ฉันตัดสินใจแล้ว”

     

    “ผมไม่เชื่อหรอกว่าพี่ไม่รักผม”

     

    “รักแล้วยังไง ในเมื่อถ้ามีคนใหม่เข้ามาฉันก็รักคนใหม่ได้ ฉันไม่จำเป็นต้องจมปลักกับนาย” คำโกหกถูกเอ่ยออกไปเป็นประโยคยาวต่อเนื่องพร้อมกับร่างเล็กที่พยายามบังคับตัวเองไม่ให้เสียงสั่น

     

    “ไม่แคร์กันได้ขนาดนั้นเลยสินะ”

     

    “แคร์ทำไมให้เสียเวลา”

     

    “ผมไม่เชื่อ พี่เลิกพยายามเถอะ ยังไงพี่ก็รักผม”

     

    “...”

     

    “ถ้าพี่เสียใจก็แค่บอกผมมาว่าพี่เสียใจ ไม่ต้องพยายามจะไล่กัน มาช่วยกันแก้ปัญหา”

     

    “...”

     

    “สิ่งที่เราคุยกันไว้ผมทำได้ แค่พี่เชื่อใจผม”

     

    “...”

     

    “เชื่อใจผมนะครับ เปิดประตูได้ไหม คนดีของผม” ฮันบินพยายามพูดอย่างใจเย็น เขารู้และค่อนข้างจะมั่นใจว่าที่พี่จินฮวานพูดแบบนี้เป็นเพราะคุณพ่อ พี่จินฮวานรักคุณพ่อและครอบครัวมากเพราะทุกอย่างคือพระคุณที่เขาต้องตอบแทน แต่มันก็ไม่ใช่อะไรที่จะต้องทำในสิ่งที่ฝืนใจตัวเองขนาดนี้ มันไม่ถูกต้อง ฮันบินไม่เห็นด้วย


                             นาทีนี้อยากจะจับอีกคนเข้ามากอดไว้เหลือเกิน


    “อย่ามั่นใจนักเลยฮันบิน...นายมันก็แค่เด็กโง่ นายไม่มีพ่อแม่นายจะอยู่ได้ยัง อย่าเก่งไปหน่อยเลย” นายมันเด็กโง่ โง่ที่มารักคนที่เป็นพี่ชายนายอย่างฉัน และฉันก็โง่ยิ่งกว่าที่ปล่อยใจไปรักนายมากเกินจะถอยกลับไปแล้ว

     

    “พี่หมายความว่าไงวะ” คนข้างนอกเริ่มหงุดหงิดกับความรั้นของอีกคน การคุยกันผ่านประตูห้องก็ว่าแย่พอแล้ว นี่ต้องมาได้ยินประโยคเจ็บๆจากคนที่ตัวเองรักอีกหรอวะ ที่พูดมาทั้งหมดนั่นเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าคิดอย่างที่พูดหรือแค่แสดงความเข้มแข็งออกมากันแน่

     

              คำพูดที่พูดออกมาราวกับว่าไม่รู้สึกอะไรต่อกันเลยแบบนั้น

     

                     แม่งบีบหัวใจกันเหี้ยๆ

     

    “กลับไปเป็นน้องที่เกลียดฉัน...เหมือนเดิม” ถึงจะปากเก่งยังไงแต่น้ำตาก็ไหลลงมาไม่หยุด ทำไมต้องทรมานแบบนี้ ทำไมใจมันเจ็บขนาดนี้

     

    “ง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง รักแล้วกลับไปเกลียดได้ไงวะ”

     

    “ฉันเองก็จะทำนะ ก็แค่กลับไปเป็นพี่ชายนาย ถึงต้องอดทนกับความเกลียดชังของนาย แต่มันก็แค่นิดหน่อย เพราะอีกเดี๋ยวฉันก็จะมีคู่หมั้นแล้ว”

     

    “พี่จินฮวาน!!” ฮันบินตะหวาดเรียกชื่ออีกคนเสียงดังราวกับคนขาดสติ คำพูดที่อีกคนเอ่ยออกมามันตัดความหวังกันเกินไปไหม พี่จินฮวานดูจะใจแข็งเกินไป ก็เคยคุยอะไรกันไว้ทำไมไม่จำบ้าง แค่เชื่อใจกันมันลำบากตรงไหน

     

                อย่าให้ต้องร้าย อย่าให้ต้องเลว ที่ไม่อยากทำอะไรก็เพราะไม่อยากเป็นคนเลวในสายตาพี่จินฮวาน แต่ถ้ายังบังคับกันทางคำพูดแบบนี้ก็คงต้องเลวมันสักวัน!!

     

    “....” คนในห้องเงียบลงเพราะต้องการจะหยุดการสนทนานี่สักที เขาเจ็บเกินจะต้านทานอะไรไหวแล้ว ใจนึงก็อยากให้ฮันบินเกลียดเขาไปสักที แต่อีกใจก็อยากให้ฮันบินรับรู้ว่าที่พูดออกไปมันไม่เคยตรงกับใจเลยสักนิด

     

    แต่มันก็แค่นั้น ในเมื่อมันไม่ได้ ย้ำบ่อยๆกับตัวเองเข้าไว้ว่ามันไม่ได้

     

    “คำพูดพี่แม่ง...เจ็บ...เจ็บเหี้ยๆ” คำหยาบคายถูกพ่นออกไป ไม่ใช่ไม่สนใจ เขาเคยบอกว่าจะไม่พูดจาทำร้ายคนตัวเล็กเขาจำมันได้ แต่กลับกัน พี่จินฮวานเอาแต่พูดจาทำร้ายจิตใจเขา

     

    “...” จินฮวานยังคงปิดปากเงียบ ก้อนความอึดอัดขึ้นมาจุกที่คออีกครั้งเมื่อได้ยินประโยคตัดพ้อของฮันบิน ฮันบินเจ็บเขารู้ เขาเองก็เจ็บ แต่จะให้ทำยังไง ที่ทำได้ก็แค่หายใจและยอมเจ็บต่อไปก็พอ

     

    “ผมจะไปคุยกับพ่อ”


    “...” ในใจอยากจะร้องห้ามออกไป แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆออกจากปากบาง ไม่อยากให้ระหว่างคุณพ่อกับฮันบินมันดูแย่ไปกว่านี้ แต่เขาเองก็หมดแรงแล้วที่จะห้าม






    .

    “ทำแบบนี้ทำไม” ลูกชายคนเล็กเดินลงมานั่งประจันหน้ากับผู้เป็นพ่ออีกครั้ง

     

    “คุยกับลูกดีๆนะคะ ฉันจะขึ้นไปดูจินฮวาน” คุณนายคิมเอ่ยพร้อมลูบแขนแกร่งของผู้เป็นสามีเบาๆ ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นชั้นบนเพื่อไปหาลูกชายอีกคน เธอรู้ดีว่าจินฮวานเป็นเด็กดี เป็นเด็กกตัญญู และแน่นอนว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น คนที่เสียใจที่สุดก็คือจินฮวาน

     

    ความสงสารเกาะกุมไปทั้งหัวใจของคนเป็นแม่ เธอไม่ได้ขัดข้องอะไร เพราะรักลูกมากก็อยากให้ลูกมีความสุข แต่ถึงอย่างนั้นเธอเองก็ขัดสามีไม่ได้เช่นกัน

     

    “ทำอะไร” คิมซองกยูตอบทสนทนา

     

    “ไม่รู้หรือไงว่าผมเป็นคนยังไง”

     

    “ถึงแกจะเป็นยังไง แต่จินฮวานก็ยังเป็นลูกที่ดี”

     

    “ผมไม่ดีในสายตาพ่อมันก็แค่นั้น ผมไม่สนใจหรอก แต่พี่จินฮวานพ่อเคยสนบ้างไหม เคยแคร์ความสุขของเขาบ้างไหม”

     

    “อย่ามาอ้างบ้าๆว่าความสุขของจินฮวานคือการได้คบกับแก”

     

    “ถึงผมไม่พูดพ่อก็รู้ พ่อรู้ทุกอย่าง”

     

    “เพราะฉะนั้นก็หยุด พวกแกเป็นพี่น้องกัน”

     

    “เราไม่ใช่พี่น้องกันพ่อก็รู้ และผมก็ไม่เคยยอมรับเขาเป็นพี่ตั้งแต่ที่รู้ความจริง”

     

    “แกจะให้คนอื่นเขาพูดกันหรือไงว่าลูกบ้านนี้มันกินกันเอง”

     

    “พ่อก็แคร์แต่คนอื่น ลูกตัวเองเคยแคร์บ้างปะวะ” ฮันบินเริ่มโมโหเพราะคนเป็นพ่อไม่มีที่ท่าว่าจะอ่อนลง

     

    “จินฮวานก็ดูมีความสุขดี”

     

    “บ้าอะไร เขาเสียใจแค่ไหนพ่อรู้ดีเหอะ เลิกคิดถึงแต่ตัวเองสักที”

     

    “แกพูดกับคนเป็นพ่อแบบนี้หรือไง?”

     

    “พ่อจะมาขัดขวางเราทำไม เพราะอะไร เพราะเป็นพี่น้องจอมปลอม หรือเพราะเราเป็นผู้ชายทั้งคู่”

     

    “ฉันไม่เคยเหยียดเรื่องเพศ พวกแกจะรักจะชอบจะคบใครมันได้หมด แต่ต้องไม่ใช่พี่น้องกันแบบนี้” คิมซองกยูพูดออกไปตามความเป็นจริง เขาไม่เคยบังคับลูกชายว่าต้องคบแต่กับผู้หญิง เรื่องความรักเขาไม่เคยบังคับใครเพราะเขารู้ว่าการโดนบังคับมันเจ็บปวดและทรมานขนาดไหน

     

              เพราะเคยผ่านมันมาด้วยตัวเอง จึงไม่คิดจะขัดขวางใครเรื่องความรัก แต่ก็ไม่ใช่จะยอมให้คนเป็นพี่น้องได้คบกัน มันไม่ถูกต้อง และมันก็จะไม่เกิดขึ้น เขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น

     

    “ก็ผมรักพี่จินฮวาน”

     

    “พูดไม่รู้เรื่องหรือไง”

     

    “พ่อนั่นแหละพูดไม่รู้เรื่อง จำคำผมไว้ว่าผมจะไม่มีทางรักใครนอกจากพี่จินฮวาน และจะไม่มีการหมั้นระหว่างพี่จินกับใครหน้าไหนทั้งนั้นถ้าผมยังหายใจอยู่”

     

    “แกจะสู้กับฉันงั้นหรอฮันบิน?”

     

    “นี่ใคร นี่ลูกพ่อนะครับ พ่อรู้ทันผมแล้วไม่คิดว่าผมเองก็รู้ทันพ่อบ้างหรือไง?” ฮันบินประกาศแน่วแน่ เขาเสียใจมามากพอแล้ว ต่อไปมันจะไม่มีคำว่าเสียใจ และเขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้คิมจินฮวานคืนมา

     

                ก็แค่ทำตามใจตัวเอง ต่อให้พี่จินฮวานอยู่ฝั่งพ่อฮันบินก็แค่จะแย่งมา ถึงพี่จินฮวานจะไม่เต็มใจฮันบินก็แค่จะบังคับ ต่อให้มันเป็นวิธีที่สกปรกแต่ใครจะสนกันล่ะ

     

                ก็บอกแล้วว่าอย่าให้เลว...

     

    “คิดว่าทำได้ก็ลองดู หึ” คิมซองกยูพูดท่าทีไม่แยแส รู้ว่าไอ้ลูกคนนี้มันหัวรั้น รู้ว่ามันต้องไม่ยอมง่ายๆ และก็ทำใจไว้แล้วว่ามันต้องมาประกาศสงครามกับเขาเข้าจนได้

     

    แต่เขารู้ดีว่าจินฮวานจะต้องไม่นอกลู่นอกทางไปกับฮันบินแน่ๆเพราะงั้นไอ้เด็กนี่มันก็คงจะทำอะไรไม่ได้มาก แต่ก็นิ่งนอนใจมากไม่ได้ ก็อย่างที่มันบอกมันเป็นลูกเขา ถ้าเขาร้ายไอ้ลูกคนนี้มันก็คงร้ายได้เหมือนกัน

     

     

     

                ฉันไม่ได้ว่างมากพอที่จะมาเล่นอะไรแบบนี้กับแกหรอกไอ้ลูกชาย เพราะฉะนั้นการหมั้นของจินฮวานต้องมีขึ้นให้เร็วที่สุด!

     

     

     

     

    100%


     

     

    เฮ่ย ก็ว่ามันดราม่าแต่ทำไมช่วงหลังๆเหมือนอิพ่อกับอิลูกมันจะเล่นเกมอะไรกันสักอย่าง

    เอออออออ ดราม่าไม่ขึ้นจริงๆ ถถถถถถถถถ

    ทุกคนต้องเข้าใจพี่จินฮวานนะคะ แบบรักฮันบินมากแต่ก็ติดตรงขัดใจพ่อไม่ได้ เพราะฉะนั้นในความคิดของพี่จินความกตัญญูสำคัญที่สุดค่ะ 

    แต่ไม่ใช่กับฮันบินค่ะ ต่อให้พี่จินจะกตัญญูแค่ไหนแต่ฮันบินก็ประกาศไว้แล้วว่าจะเลวให้ดู

    ไม่ใช่ฮันบินอกตัญญูนะขุ่นผู้โชมมมมมมเพียงแต่นางเป็นลูกแท้ๆความเกรงใจนางเลยมีไม่ถึงครึ่งของพี่จินฮวาน ถถถถ

     ต่อไปก็เตรียมรับมือกับความร้ายกาจของคุณหนูคนเล็กได้เลยขรั่บบ

     

    โอยยยย หายไปนานมากนานจนอาจจะไม่มีใครรอแล้วTT^TT รีดเดอร์อาจจะคิดว่าโอ่ยอิไรท์นี่มันหายไปไหนมันตายยัง เฮ่ยยยมันยังไม่ตายเว้ยมันมาอัพแล้วเนี่ย 55555555

    รอกันหน่อยเนอะ ที่ผ่านมาคือยุ่งมากช่วงนี้ไม่ค่อยได้รุงรังฮันบินเท่าที่ควรเหลย แงงงงงงงงงง 

    ขอบคุณล่วงหน้าที่ยังรออ่านกัน หวังว่าเธอจะคิดถึงเราเหมือนที่เราคิดถึงพวกเธอนะ เม้นเป็นกำลังใจนะงั้บ จุบบุ

    #ฟิคพี่ชายบีจิน


    ดีใจที่ไอค่อนมีวันนี้ เยิ้บบบ



    ทอล์คยาวมากยัง อิไรท์นี่พูดมากจังค่ะสังคมมมม 55555555555555555555555555555555


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×