ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องสั้นเศร้า

    ลำดับตอนที่ #12 : สายเกินไป ...*(บอม นุ่น)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.44K
      5
      10 ก.ค. 51

    สายเกินไป ...*

            แสงไฟติดๆ ดับๆ จากเสาไฟฟ้าข้างทาง อาจทำให้คนที่เดินผ่านไปมาเห็นสมุดเล่มหนึ่ง ซึ่งตกอยู่ระหว่างกอหญ้า ที่เกิดจากที่ดินรกร้างข้างฟุตบาท แต่ไม่เคยมีใครสักคนคิดจะหยิบมันขึ้นมา  ปล่อยให้สมุดที่เคยสีสันสดใสเล่มหนึ่งนอนอยู่กับกอหญ้า ผ่านลมและฝนมานาน พร้อมกับรอยหมึกคำสัญญาที่นับวันยิ่งเลือนลาง เพราะน้ำฝน... 

           
    แต่ฝนไม่สามารถลบเลือนคำสัญญาจากจิตใจคนๆ หนึ่งได้ ชีวิตของเด็กมัธยมปลายทุกคนคงไม่สามารถหลีกหนีไปจากเรื่อง เพื่อน ความฝัน ความรัก เอ็นทรานซ์ ไปได้ และทั้งหมดนี้คือที่มาของเรื่องราวของผมที่เริ่มต้นที่ห้องเรียนศิลปะ...          ผม บอม กบ ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันมาตั้งแต่ ม.ต้น ได้มาอยู่ห้องเดียวกัน ในชั้น ม.คงเป็นเหตุการณ์นั้นที่ทำให้พวกเราได้รู้จักกับ นุ่น  
            "
    นี่เธอ...เธอ..ยืมของเราก็ได้นะ" บอมพูดพร้อมกับยื่นดินสอ 2b ให้ 1 แท่ง 
           
    เธอก็รับไปพร้อมด้วยรอยยิ้มและเหล็กดัดฟันกลับมา 
           
    รอยยิ้มที่เราได้เห็นทำให้พวกผมนึกไปถึงรอยยิ้มของน้องสาวตัวเล็กๆ  น่ารักคนหนึ่ง หลังจากหมดชั่วโมงศิลปะ พวกผมอาสาพาเธอไปกินข้าวที่โรงอาหาร และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มพวกผม พร้อมกับความแปลกใจของหลายๆ คนที่เห็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง  นั่งอยู่ในกลุ่มของเด็กผู้ชายที่กำลังคุยกันเสียงดังด้วยคำสบถต่างๆ ซึ่งเป็นคำธรรมดาในความคิดของเด็กผู้ชาย .. 

           
    จากวันเป็นเดือน......จากเดือนเป็นปี.... เมื่อเพื่อนคบกันมานานก็ย่อมรู้ใจกัน... และเริ่มรับรู้บางอย่างในวันที่นุ่นตัดผมสั้นมาใหม่ 
            "
    เฮ้ยนี่แกอะไรเข้าฝันวะ" ผมพูด 
            "
    อี๋...ทรงเก่าดีกว่าแยะเลย" กบพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะจากทุกคน 
            "
    แต่เราว่าน่ารักดีนะ" บอมพูด 
           
    คำๆ นี้ของบอมทำให้หน้าขาวๆ ของนุ่นแดงขึ้นมาตั้งแต่เราเริ่มสังเกตจากวันนั้น เราก็รู้ว่าคำพูดของบอมมีอิทธิพลกับนุ่นมาก และรู้ว่านุ่นต้องแอบปลื้มบอมไม่มากก็น้อย แต่ไม่เคยมีคำว่ารักคำใดๆ เกิดขึ้นในกลุ่มเพื่อน 

             
    ณ.โต๊ะประจำกลุ่มของเรา "ขนมมาแล้วจ้ะ" เสียงใสๆ  ของนุ่น ที่มาพร้อมกับขนมหลายถุงที่ถือเดินคู่มากับบอม (การซื้อขนมเลี้ยงของนุ่นมักเป็นกิจวัตรประจำ พวกเราเคยปฏิเสธเพราะพวกผมยังไม่รู้ว่านั่นมาจากเงินเล็กน้อยของคุณหนูนุ่นนั่นเอง) ขณะที่กินขนมอยู่นั้นนุ่นถามถึงอาชีพในอนาคตของทุกคน ผม กับ กบ ยังไม่ได้คิดอะไรถ้า เอ็น ติดอะไรก็เรียนไป 
           
    ความฝันของบอม คือ เข้าเรียนเศรษฐศาสตร์ที่ธรรมศาสตร์ และเป็นนักวิเคราะห์การเงิน เหมือนพ่อของเขา 
           
    ความฝันของนุ่นที่ต้องการเป็นนักสังคมสงเคราะห์ช่วยเหลือเด็ก ไม่ทำให้พวกผมแปลกใจเลย เพราะการชอบช่วยเหลือผู้อื่นและมองโลกในแง่ดีที่เป็นนิสัยของเธอ สิ่งที่เรารู้กันเลยก็คือ นุ่นต้องอยากเรียนสังคมสงเคราะห์ที่ธรรมศาสตร์แน่นอน
           
    เมื่อนุ่นพุดจบ บอมก็หยิบสมุดจดศัพท์ภาษาอังกฤษของนุ่นที่วางอยู่มา เปิดไปหน้าสุดท้ายของสมุดแล้วเขียนว่า... 
           
    เราสองคนจะต้องเป็นลูกแม่โดมให้ได้นะ.....ลงชื่อ....บอม ... 
           
    สิ่งที่เราเห็นต่อมาคือรอยยิ้มของนุ่นพร้อมกับหน้าแดงนาน 2-3 นาที ยิ้มน่ารักมากกว่าสิ่งใดๆ............ 

         
    วันแรกของม.6 ไม่มีอะไรมากนอกจากการฉลองที่นุ่นได้อนุญาตให้ ไป-กลับ โรงเรียนเองเหมือนนักเรียนทั่วไป ซึ่งเป็นสิ่งที่นุ่นต้องการมาตลอด 4-5 ปี ที่แม่คอยรับคอยส่ง.. วันนี้ผมได้เห็นอาการดีใจของคนที่ได้รับสิ่งที่ผมเรียกมันว่า ....."อิสรภาพ"......... 

           
    ชีวิตของนักเรียนม.6 หลายๆ คนคงไม่พ้นการเรียนพิเศษต่อตั้งแต่ 5 โมง - 2 ทุ่ม 
    แต่การที่ได้เรียนกับเพื่อนรักของผมทำให้ผมไม่เคยคิดเหนื่อยหรือท้อแท้เลย โต๊ะ 4 ตัวหลังสุด เป็นที่รู้กันว่าเป็นโต๊ะของกลุ่มผม 

         
    ขณะที่พวกเรากำลังนั่งคุยรออาจารย์อยู่นั้น บอมได้ชี้ไปที่นักเรียนหญิงใส่ชุด uniform แขนยาว หน้าตาสวยมากคนหนึ่ง พร้อมพูดว่า "นี่ดูผู้หญิงคนนั้นสิ เราชอบเขามากเลยนะ" ตั้งแต่วันนั้นผู้หญิงคนนั้นก็เป็นประเด็นสนทนาในกลุ่มอีกบ่อย แต่ทุกครั้งที่พูดถึงผู้หญิงคนนั้นผมรู้สึกว่านุ่นมีความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่แสดงออกมา จนผมคิดว่าต้องให้บอมถามให้ได้ว่าเป็นอะไร เพราะเขาสองคนสนิทกันมากที่สุด แต่บอมก็ไม่เคยสงสัยและถาม 

           
    สักพักผมเลิกสนใจกับสิ่งนี้เพราะผมก็แค่ผู้ชายที่ไม่เคยคิดจะเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของผู้หญิง 
    เวลาที่พวกผมได้ผักผ่อนมากที่สุดจากการเรียนคงเป็นตอนหลังเลิกเรียนพิเศษ ซึ่งพวกผมจะเวียนไปฝากท้องตามร้านต่างๆ หลังจากนั้นก็มักไปเล่นเกมส์ เกมส์ประจำตัวของผมคือ daytona ของกบชอบเล่น dj โดยเฉพาะตอนมีสาวๆ มองเยอะจะออกลีลาเป็นพิเศษ 
           
    เครื่องตู้เกมส์ เตอติส ที่อยู่หลังร้านเหมือนเป็นเกมส์ที่สร้างมาเพื่อบอมและนุ่น ผมได้เห็นทั้งคู่เล่นด้วยกัน เล่นแข่งกัน ได้ดูเวลาที่เขาแกล้งกัน นุ่นมักปัดมือของบอมให้ออกจากจอยเกมส์เป็นประจำเวลาที่ทั้งคู่เล่นแข่ง เพราะบอมเป็นคนที่เล่นเก่งมาก แต่บอมก็ชอบและไม่เคยเห็นบอมโกรธนุ่นสักครั้งเวลาที่นุ่นคอยแหย่คอยกวน 
    ผมคิดว่าทั้งคู่คงมีความสุขมากที่ได้อยู่ใกล้ๆ กัน พลางคิดไปถึงคำพูดในหนัง รักออกแบบไม่ได้ ที่ว่า 
    "
    เป็นเพื่อนกันดีที่สุดจะได้คบกันนานๆ" แต่สำหรับสำหรับคู่นี้ผมนึกภาพไปถึงตอนที่ทั้งคู่เป็นคนชราคู่หนึ่ง 
    ที่ใช้เวลาบั้นปลายชีวิตนั่งนับดาวบนท้องฟ้าด้วยกันและต่อเติมความสุขซึ่งกันและกัน 
    ทุกครั้งที่มองคู่นี้อยู่ด้วยกันผมคิดว่าเค้ากำลังร่วมสร้างและต่อเติมความรักซึ่งกันและกันอยู่ 
           
    แม้เพื่อนสนิทอย่างผมจะแซวว่าทั้งคู่ไม่เหมือนแค่เพื่อนสนิทเท่านั้นนะคู่นี้ แต่ว่าสิ่งที่ผมเห็นคือ รอยยิ้มของทั้งคู่พร้อมอาการเขิน และสายตาของนุ่นที่หันไปมองบอม แล้วทั้งคู่ก็ช่วยกันปฏิเสธ 
    แล้วนุ่นก็มักจะพูดว่า "พวกนี้เนี่ยไม่พูดด้วยแล้ว" พร้อมกับหันหลังเดินไปซื้อขนมและบอมก็เดินตามติดๆ กันไป 

           
    วันศุกร์ใกล้ปิดคอร์สเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ เมื่อพวกเรามาถึงที่เรียนพิเศษปรากฏว่าไฟดับ โรงเรียนจึงนัดชดเชยให้วันอื่น วันนี้จึงไม่ค่อยได้เรียนเพราะวันศุกร์ ที่โรงเรียนมีเรียนแค่ 2 วิชา 
    พวกเราจึงถือสมุดหนังสือไปเรียนเพียงไม่กี่เล่ม หลังจากนั้นพวกเราจึงไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า วันนี้นุ่นผิดปกติดูซึมๆ ตั้งแต่เช้า พวกเรารบเร้าเท่าไหร่ก็ไม่บอก 
           
    ขณะที่เดินเล่นกันอยู่บอมได้จับหน้าผากของนุ่น บอมตกใจมากเพราะนุ่นตัวร้อนจัด บอมจึงพูดว่า "นุ่นเธอตัวร้อนมากนะกินยาอะไรหรือยัง ?" "ปวดหัวนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก" นุ่นตอบ พวกผมจึงรบเร้าให้นุ่นรีบกลับไปผักผ่อนที่บ้านและตัดสินใจให้บอมเดินไปส่งนุ่นขึ้น taxi โดยผมกับกบจะไปรอที่ food center ก่อนที่ผมจะแยกย้ายกับนุ่น บอมแซวนุ่นว่า 
            "
    นี่ไม่สบายขนาดนี้ยังไม่ยอมนอนพักอยู่บ้านอีก" 
            "
    ก็ฉันเป็นเด็กขยันนะซิจ๊ะ" นุ่นตอบพร้อมกับยิ้มมา 
            "
    ดูนุ่นสิหน้าเหมือนคนจะตายอยู่แล้วยังยิ้มออกอีก"  บอมพูดไปโดยไม่รู้ว่ารอยยิ้มนี้ จะเป็นรอยยิ้มที่พวกผมจะไม่มีวันลืม 

           
    สำหรับผมเหตุผลเดียวที่นุ่นมาเรียนวันนี้คือ การที่ได้มานั่งเรียนพิเศษข้างๆ บอม หลังจากผมแยกย้ายกับนุ่นบอมก็เดินไปส่งนุ่นขึ้น taxi กลับบ้าน 

            .......
    เอี้ยด.....ปัง......อัก...... 
           
    รถบบรทุกคันหนึ่งวิ่งคร่อมเลนมาชนกับ taxi คันหนึ่งที่วิ่งมาด้วยความเร็วค่อนข้างสูง  ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยกระเด็นกระแทกกระจกรถออกมาตกลงบนพื้น และไถลไปข้างหน้าอีก 7-10 เมตร สมุด หนังสือ ดินสอกระจัดกระจายอยู่บนถนนบ้างบนทางเท้าบ้าง กล่องดินสอ มือถือแตกเป็น 2 ส่วน พลเมืองดีผู้หนึ่งอุ้มร่างที่เต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลไปส่งโรงพยาบาล 

           
    เช้าวันเสาร์ ณ ที่เรียนพิเศษวิชาคณิตพวกผมรู้สึกแปลกใจที่นุ่นมาเรียนสาย เพราะปกตินุ่นจะมาเป็นคนแรก แต่พวกผมก็คิดว่านุ่นคงยังไม่ค่อยสบายและพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ขณะที่เริ่มเรียนไปได้ 15 นาที เพจของบอมก็ดังขึ้น พร้อมกับข้อความจากแม่ของนุ่นที่ว่า ตอนนี้นุ่นอยู่ห้อง ICU โรงพยาบาลเปาโล ต้องการพบบอมด่วน  

           
    เมื่อพวกผมอ่านข้อความนี้จบก็เดินออกจากห้องทันที มารู้ตัวอีกทีก็คือ เห็นรอยช้ำของขอบตา ที่เกิดจากการร้องไห้ของแม่ของนุ่น พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ยอมหยุดที่หน้าห้อง ICU 
           
    เมื่อเราเดินเข้าไปในห้อง หมอบอกพวกผมว่านุ่นเสียเมื่อ 5 นาที ที่แล้ว พวกผมเหมือนตกอยู่ในภวังค์ น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากทุกคนที่เรียกตัวเองว่าลูกผู้ชาย ทุกคนยืนร้องไห้อยู่ข้างๆ เตียงของนุ่น 
    ไม่มีสักคนเปิดผ้าที่คลุมร่างที่ไร้วิญญาณของนุ่นด ูเพราะทุกคนรู้ดีว่านุ่นไม่ต้องการให้ใครเห็นนุ่นในสภาพอย่างนี้แน่ 

           
    เหตุการณ์นี้แม้ว่าผมจะเสียใจมากแต่ยังไงก็คงไม่เท่าบอม เพราะทุกคนรู้ดีว่าบอมเสียใจมากที่สุด แต่บอมก็เก่งมากเพราะหลังจากนั้นอาทิตย์หนึ่งก็ไม่เห็นบอมร้องไห้อีก 

           
    ขณะนั่งเรียนวิชาคณิตในคาบที่ 7 หลังจากงานฌาปณกิจนุ่น 2 วัน แม่ของนุ่นได้ขออนุญาตอาจารย์เดินเข้ามาหาบอมในห้องและพูดว่า 
            "
    ในห้อง ICU ก่อนที่นุ่นจะสิ้นใจนุ่นบอกกับแม่ให้นำ diary เล่มนี้มาให้บอมให้ได้ " 
    แล้วแม่ของนุ่นก็ยื่นถุงกระดาษที่ข้างในมี diary เล่มหนึ่งมาให้ หลังจากหมดคาบผมและบอมได้หยิบ diary ขึ้นมา มันเป็น diary เล่มสีชมพู ที่นุ่นใช้เขียนความคิดและความฝันต่างๆ ของนุ่น 

           
    ชื่อของบอมมีอยู่ใน diary ของนุ่นทุกหน้าตั้งแต่วันที่เธอได้พบกับบอมที่ห้องศิลปะ เมื่อพลิกกลับมาช่วงกลางเล่ม น้ำตาของบอมก็หยดลงบนรูปๆ หนึ่งที่นุ่นวาดขึ้นใน diary เป็นรูปนุ่นกับบอมที่ยืนยิ้มโดยนุ่นยืนกอดแขนบอมอยู่ และทั้งคู่ใส่ชุดนักศึกษา มหาลัยธรรมศาสตร์ 
            "
    ทำไมนุ่นไม่รู้ล่ะว่าเรารักเค้ามากขนาดไหน" บอมพูดเมื่ออ่าน diary และได้รู้ว่านุ่นรอคอยคำว่า "รัก" จาก บอม อยู่ และเมื่อช่วงหนึ่งใน diary จึงได้รู้ว่า นุ่นเข้าใจผิด ว่าบอมไปรักผู้หญิงคนหนึ่งที่บอมชี้ให้พวกเราดู ณ ที่เรียนพิเศษ 

           
    สิ่งต่อมาที่ผมได้รู้ก็คือ นุ่นไม่เคยเข้าใจสิ่งที่บอมพูดเสมอในกลุ่มว่า รัก กับ ชอบ นั้นแตกต่างกันมาก  
    ผมได้แต่นึกเสียดายที่บอมไม่ยอมพูดความรู้สึกของตัวเองให้นุ่นได้รับรู้ ได้แต่ปล่อยให้นุ่นคิดไปต่างๆ นาๆ 
    เพราะถ้าบอมได้พูดและอธิบายความรู้สึกของตัวเองนุ่นก็คงจากไปอย่างมีความสุขกว่านี้ 

           
    ก่อนการเร่งสอบปลายภาคไม่กี่วัน เพื่อให้เวลานักเรียนอ่านหนังสือเตรียมเอ็นครั้งที่
    ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งคุยกัน กบได้ตะโกนถามเพื่อนๆ ทุกคนว่า ถ้าตอนนี้มีพรวิเศษขออะไรก็ได้สิ่งหนึ่ง จะขออะไร คำตอบที่ได้ก็แตกต่างกันไป บ้างขอให้ หล่อ รวย สวย เอ็นติด ทุกคนตอบต่างๆ กันไป  เมื่อกบหันมามองหน้าบอมทุกคนก็หันมาเหมือนจะรอคำตอบจากบอม
            "
    เราขอแค่ได้พบนุ่นอีกครั้งแล้วเราจะบอกเค้าว่าเรารักเค้ามากขนาดไหน" 
    บอมตอบมาพร้อมๆ กับน้ำตาที่ค่อยๆ คลอออกมา 
    หลังที่บอมพูดจบเพื่อนในห้องหลายคนหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาของตน 
    วันนั้นผมจึงได้รู้ว่า นุ่นยังคงอยู่ในใจของบอมอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง 

           
    วันที่ผมได้รู้อานุภาพของความรักก็คือ วันประกาศผลเอ็น เรานัดเปิดซองจดหมายผลสอบพร้อมกันที่บ้านของกบ กบติด ม.เชียงใหม่ ผมติดที่ประสานมิตร สิ่งที่ทำให้ผมตกใจมาก คือ คนที่ได้คะแนน 60 กว่า เกือบทุกวิชาอย่างบอมไม่ติดเศรษฐศาสตร์ได้อย่างไร แต่คำอธิบายของบอมก็ทำให้ผมรู้ว่า
           
    บอมทิ้งความฝันที่จะเป็นนักการเงินของเขา มาเรียนสังคมสงเคราะห์เพื่อเดินตามความฝันของนุ่น ทำให้ผมได้เห็นความรักที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของคนๆ หนึ่ง ความฝันของบอมเปลี่ยนเป็น การได้สร้างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และได้นำชื่อณัฐธิดาที่เป็นชื่อจริงของนุ่นมาตั้งเป็นชื่อสถานเลี้ยงเด็ก 
    เพื่อเป็นอนุสรณ์ของผู้หญิงจิตใจดีงามคนหนึ่งที่เค้าได้เคยพบเจอในชีวิต 
    คนที่ไม่รู้จักบอมดีจะมองเค้าเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ปิดตัวเองไม่ยอมเปิดใจให้ใคร 
    แต่สำหรับผมรู้ดีว่าใครอยู่ในหัวใจของเขาตลอดเวลา ........ 

           
    ในเวลาโพล้เพล้สายลมลมพัดเมฆมาก่อตัวรวมกันจนกลั่นป็นเม็ดฝนลงมาสู่ดินทุกหนแห่ง 
    ลมพัดเข้ามาในห้องผมอย่างแรง ทำให้กรอบรูปที่มีรูปถ่ายของพวกเราอยู่คว่ำด้านหน้าลง ผมหยิบมันพลิกขึ้นวางที่เดิม และมองไปที่รูปนั้นอีกครั้งหนึ่ง ที่มันทำให้ผมนึกถึง ..เธอ.... 
    เธอ... ผู้ที่ทำให้พวกผมรู้ได้รู้ว่าคนดัดฟันกินอาหารบางอย่างไม่ได้ ... 
    เธอ... ผู้ที่ทำให้พวกผมได้หัดฟังเพลงค่าย DOJO CITY 
    เธอ... ผู้ที่แนะนำให้พวกผมมองโลกในแง่ดี และออกไปต่อสู้กับปัญหา 
    เธอ... ผู้ที่นำความงดงามของจิตใจเธอมาให้พวกผมได้สัมผัส 
    เธอ... ผู้ที่มาเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกผม 
    เธอ... ผู้ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับมา 

           
    ฝนยังคงกระหน่ำลงบนถนนสายหนึ่ง เม็ดฝนกระหน่ำลงมาปานจะฉีกสมุดที่อยู่ในดงหญ้าข้างๆ ทางเท้าเล่มหนึ่ง ยุ่ยขาดเป็นส่วน แม้จะผ่านลมฝนลมหนาวมานานเท่าใดแต่สมุดเล่มนี้ก็ยังคงอยู่ที่เดิม 
    พร้อมกับรอยหมึกคำสัญญาที่ไม่อาจเป็นจริงได้เพราะคนๆ หนึ่งได้จากไปแล้ว ..... 

            "
    รัก" บางคนคิดว่าเป็นความรู้สึกที่ไม่จำเป็นต้องพูด   แต่ผมอยากให้คุณรู้ว่ามีบางคนใช้ชีวิตเพื่อเสาะหาและรอคอยคำๆ นี้จากปากคุณอยู่   เมื่อคุณมั่นใจแล้วคุณควรที่จะพูดออกไป   ดีกว่าที่จะต้องมานั่งเสียดายและเสียใจเพราะว่าวันนี้เป็นวันที่ ...สาย...เกิน...ไป.... 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×