คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : This Love , sir 0 : มาแล้วความวุ่นวาย
This Love , sir 0
Fronk's Chapter
‘ว้ายยย ไอ้ลูกไม่มีพ่อ~’ ไอ้อ้วนดำจีบปากจีบคอพูดเยาะเย้ยผมถึงเรื่องพ่อที่เป็นจุดอ่อนในใจเสียงดัง มันแลบลิ้นล้อเลียนผมด้วย อื้อหือ..น่ารักตายแหละ อย่างกับควายโดนน้ำร้อนลวก
‘ไม่มีพ่อแล้วผิดตรงไหน!’ ไม่ใช่ว่าผมไม่กลัวมันหรอกนะ ตัวมันใหญ่กว่าผมมาก หัวผมเท่าไหล่มันเอง แถมตัวยังดำเหมือนควาย ผมสู้มันไม่ได้อยู่แล้ว แต่ด้วยความโกรธปะทุขึ้น ทำให้ผมเผลอตะโกนใส่หน้ามันไปเต็มๆ
‘ผิดสิไอ้ตุ๊ด เพราะแกไม่มีพ่อแกถึงได้เป็นตุ๊ดไงล่ะ ฮ่าๆๆ’ ไอ้อ้วนดำยังหัวเราะไม่เลิก ผมเริ่มจะทนไม่ไหวแล้วนะ คำก็พ่อตาย สองคำก็ตุ๊ด ผมไม่ได้เป็นตุ๊ดสักหน่อย!
‘แกสิตุ๊ด ผู้ชายดีๆ ที่ไหนชอบแลบลิ้นปลิ้นตา เล่นบาร์บี้ โดดยาง แถมมัดจุกเหมือนเขาควายอย่างนั่นล่ะ!!’ เอาแล้วครับ พูดความจริงเข้าหน่อยไอ้อ้วนดำเริ่มยั๊วะ หน้าที่ดำอยู่แล้วยิ่งดำจนเขียว มันกัดฟันกรอดด้วยความโมโหก่อนจะผลักอกผมล้มลงไปกองกับพื้นทรายเต็มแรง
‘ไอ้อ่อน! ไอ้ตุ๊ด! ไอ้พ่อตาย! แกมันก็แค่ลูกไม่มีพ่อ! พ่อแกตายกลายเป็นผี ตายๆๆๆ!!’ ผมก้มหน้านิ่ง เป็นความจริงที่พ่อผมจากไปแล้ว พ่อเสียชีวิตตอนผมเพิ่งคลอดได้แค่สามวัน พ่อผมเป็นตำรวจครับ ท่านตายด้วยหน้าที่ จากนั้นผมและแม่ก็อยู่กันสองคนมาโดยตลอด เรื่องนี้จึงเป็นปมในใจของผมตั้งแต่เล็กจนโต เด็กๆ ในหมู่บ้านนี้รู้กันหมดนั่นแหละว่าผมไม่มีพ่อ โดยเฉพาะไอ้อ้วนดำที่คอยชอบหาเรื่องแกล้งผมด้วยเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา แต่วันนี้ผมทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ที่ผ่านมาเพราะผมไม่เคยสู้มัน เลยหาว่าผมเป็นตุ๊ดสินะ
“โอ๊ะ! นั่นขี้หมานี่! แกล้มทับขี้หมา ไอ้ตุ๊ดล้มทับขี้หมา ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” มันและผองเพื่อนร่วมใจกันหัวเราะผมที่ก้นจ้ำเบ้าล้มทับขี้หมากันอย่างสามัคคี อื้อหือ...จริงๆ ด้วยครับ เหลืองอ๋อยเลย หึ..ไหนๆ ก็ซวยล้มทับขี้หมาแล้ว จัดเต็มหน่อยเป็นไง…
‘..อยากหัวเราะกันมากนัก งั้นวันนี้พวกแกก็ลองกินขี้หมาเป็นอาหารว่างหน่อยเป็นไง’
‘ฮะ?...วะ ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!’
และภาพพวกไอ้อ้วนดำศัตรูจอมแก่นตอนวัยเด็กที่วิ่งหนีมนุษย์ขี้หมาอย่างผมอย่างเอาเป็นเอาตายก็ยังคงติดค้างอยู่ในมันสมองไม่มีวันลืมเลือน ถึงจะอายแต่ก็สะใจจริงๆ นะตอนนั้น
“เหม่ออะไรอยู่คนเดียวน่ะ”
“เปล่าสักหน่อย”
“อ้อเหรอออ” แม่ทำท่าไม่เชื่อผม ใครจะบอกล่ะครับว่าคิดถึงเรื่องตอนโดนแกล้งสมัยเด็กอยู่ ยิ่งตอนนี้ผมกับแม่กำลังจะย้ายเข้าไปอยู่กับ’พ่อ’ในบ้านหลังใหม่แล้วด้วย
“ตื่นเต้นล่ะสิ” ผมหันไปแซวแม่ที่นั่งข้างๆ เธอทำท่ากระวนกระวายพอควร ทำให้ผมขำเบาๆ
“ก็นี่เป็นครั้งแรกที่แม่เข้ามาบ้านเค้าในฐานะภรรยานี่นา แล้วฟร้องค์ไม่ตื่นเต้นหรือไง”
“เฉยๆ นะ” โกหกครับ ความจริงผมโคตรตื่นเต้นเลย! ตื่นเต้นตั้งแต่รู้ว่าจะย้ายบ้านแล้ว แถมยังเป็นบ้าน...ไม่สิ คฤหาสน์ของตระกูล’สันติวิจิตรา’ตระกูลดังตระกูลเด่นเจ้าของ STT. Royal Hotel โรงแรมระดับแนวหน้าของประเทศ และยังมีบริษัทน้อยใหญ่ของเครือ STT. อีกมากมาย ที่มีพ่อคนใหม่ของผมเป็นผู้นำตระกูล พูดให้ถูกก็คือ คุณไพโรจน์ สันติวิจิตรา นั่นเอง ซึ่งตอนนี้ผมกับแม่ก็กลายเป็นสมาชิกใหม่ของตระกูลนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว…
ยังแอบใจหายอยู่เลยที่วันหนึ่งแม่ก็เดินมาบอกว่าจะแต่งงานใหม่ แถมยังแต่งกับนักธุรกิจชื่อดังอย่างคุณไพโรจน์นั่นทำให้ผมช็อกไปเลย… ใครจะไปคิดล่ะว่าสาวออฟฟิศธรรมดาๆ อย่างแม่จะตกกระไดพลอยโจรไปรักกับเศรษฐีพันล้านเข้า…
“ถึงแล้วครับ” ลุงคนขับรถชะโงกหน้ามายิ้มให้ ตอนที่รถคันหรูจอดเทียบหน้าคฤหาสน์ที่มีคนยืนต้อนรับอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือพ่อด้วย
บรรดาแม่บ้านเปิดประตูรถพร้อมโค้งคำนับแม่กับผมอย่างสวยงาม ไอ้เราก็เขินสิครับ ที่มีคนรุ่นลุงรุ่นป้ามาก้มหัวให้ เลยทำได้เพียงยิ้มเก้งๆ กังๆ เท่านั้น พอเห็นเราทำตัวไม่ถูกพ่อก็หัวเราะเสียงดังหลุดมาดเศรษฐี ก่อนจะเดินมาทุบหลังผมดังอั้ก! เจ็บนะ…
“ไงไอ้แสบ อึ้งล่ะสิ” พ่อยักคิ้วเยาะเย้ย ผมเลยเบ้ปากให้ก่อนจะแหย่เบาๆ
“โถ่ลุง ก็คนมันเพิ่งจะรวย” ได้ยินดังนั้นพ่อจึงยีหัวผมเล่นด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะต่อว่าผมที่แกล้งเรียกเขาว่าลุง ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับ ผมกับพ่อสนิทกันพอตัวน่ะ
พวกเราพากันเดินเข้าบ้าน โดยมีบรรดาแม่บ้านยกของของผมและแม่ไปเก็บให้เรียบร้อย เราเดินมานั่งกันที่โซฟาตัวใหญ่ ก่อนจะพูดคุยเรื่องสัพเพเหระเกี่ยวกับที่นี่
“ยายส้ม” พ่อออกปากเรียกแม่บ้านแก่ๆ คนหนึ่งที่กำลังจะเดินผ่านไป พอยายแกหันมานี่ทำเอาผมสะพรึง! เอิ่มมม…กิ๊ฟดอกกุหลาบสีแดงสดอันเบ้งที่ทัดหูยายแกอยู่นี่คงจะไปขโมยมาจากลูลู่ลาล่าสินะ
“ขาคุณท่าน?”
“ไอ้กายมันกลับมาหรือยัง”
“ยังเลยค่ะ”
“อ่อ..งั้นเหรอ” สิ้นเสียงของพ่อทำเอาผมกับแม่นั่งเงียบ บุคคลที่เพิ่งพูดถึงไปเมื่อสักครู่ก็คือคุณชายจิรัญญู สันติวิจิตรา หรือ ‘พี่กาย’ ลูกชายในไส้คนเดียวพ่อผมนั่นเอง ผมไม่เคยเจอเค้าหรอกนะ ในงานแต่งก็เหมือนกัน รู้สึกเค้าจะไม่มาเพราะติดธุระ แต่ผมว่าเค้าจงใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เค้าเบี้ยวนัดกับผมและแม่ แต่มันคือครั้งที่สาม สี่ ห้าแล้ว ดูเหมือนเค้าจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ที่ผมกับแม่มาอยู่บ้านหลังนี้ในสมาชิกใหม่ เหมือนในละครเดี๊ยะเลยแฮะ
“ผมขอตัวขึ้นไปจัดห้องก่อนนะ” ผมบอกแค่นั้นก่อนจะเดินออกมา
“กูถึงแล้วนะ” ผมนั่งลงบนเตียงใหญ่ที่โคตรจะนุ่ม ก่อนจะเอนตัวลงไปนอนแผ่โดยที่มือยังคงถือโทรศัพท์
“เป็นไงบ้างวะ!!” เสียงแวดๆ ของไอ้ตัง(สตางค์)เพื่อนยากดังลอดออกมาจากโรศัพท์จนผมต้องยกหูหนี เอิ่มมม ถ้ามึงจะเสียงดังนี้…
“เบาหน่อยครับเพื่อน หูกูจะดับอยู่แล้ว”
“เออๆ ช่างแ ม่ง หูมึงไม่ใช่หูกู ตกลงว่าไง เป็นไงมั่ง ทุกอย่างโอเคมั้ย โอ้ยยย กูตื่นเต้นแทนมึงจริงๆ !!” แล้วมึงจะตื่นเต้นแทนกูทำไมครับ?
“ก็ดีนะ แต่รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย”
“แล้วเรื่องพี่กายอ่ะ พี่เค้าว่าไงมั่ง” ไม่พ้นเรื่องนี้สินะไอ้ตัง
“กูยังไม่เจอพี่เค้าเลยว่ะ พี่เค้าไม่อยู่”
“อ้าวแงะ”
“เออออออ”
“โห่ย! อดได้รูปเลยว่ะ” ไอ้ตังบ่นกระปอดกระแปดครับ มันบ้าผู้ชาย โดยเฉพาะพี่กายเดือนคณะสถาปัตย์ที่พ้วงตำแหน่งเดือนมหาลัยของมัน
“บ้าผู้ชายนะมึงอ่ะ”
“ว่ากูซะงั้น? กูไม่ได้บ้าผู้ชายเว้ย กูกะได้รูปแล้วเอาไปขายต่ออ่ะ ท่าทางจะกำไรดีว่ะ ฮ่าๆๆ” โอเค กูรู้ธาตุแท้มึงแล้ว… “โหมึง ก็พี่กายเป็นถึงเดือนมหาลัยเชียวนะโว้ย แถมมึงยังได้อยู่ร่วมชายคากับเค้าอีก โชคดีสัสๆ อ่ะ”
“โชคดีเหี้ยๆ สิครับ มึงก็รู้ว่าพี่เค้าไม่ชอบกูกับแม่”
“มึงก็คิดมากไป พี่เค้าอาจไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย”
“..เหอะๆ กูว่ากูเล่าไปแล้วนะ”
ได้ทีก็ย้อนความเม้ามอยไปเรื่อย แต่ไอ้ตังก็ยังจะยืนยันคำเดิมว่าพี่กายของมันไม่ได้คิดแบบนั้นแน่ เถียงกันอยู่พักใหญ่จนกูขี้เกียจจะเถียงกับมันล่ะ
“พอๆ เปลี่ยนเรื่อง กูยอมแพ้มึงแล้ว”
“ฮะๆ ไอ้คุณฟร้องค์ครับ รอชาติหน้าก่อนเหอะที่มึงจะเถียงกูชนะ”
“ก็ว่าไป..”
จากนั้นพวกเราก็คุยเล่นกันไปเรื่อยเปื่อย ยิ่งใกล้ช่วงที่เฟรชชี่หน้าใหม่เอี่ยมอย่างพวกผมเปิดเทอมเท่าไหร่ก็ยิ่งมีเรื่องตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น ไอตังมันบอกว่ามีพี่(ผู้ชาย)ในมหาลัยมาตามจีบมันแล้วด้วยล่ะ ก็นะ เพื่อนผมมันฮ็อตใช่ย่อยนี่ครับ ด้วยรูปลักษณ์ที่โคตรจะไม่แมนของมัน เหอะๆ ผู้ชายบ้าอะไรวะตัวเล็กนิดเดียว ผมว่าผมตัวเล็กแล้วนะ มันยังตัวเล็กกว่าผมอีกครับ! ตาโต ผิวขาว แก้มป่อง ปากนิดจมูกหน่อย นิสัยขี้แวดบวกกับเสียงแว้ดๆๆ ของมันทำให้ใครหลายคนคิดว่ามันเป็นกระเทย!? แต่แล้วมันก็ทำลายคำสบประมาทด้วยการคบกับผู้หญิง พูดง่ายๆ คือตอนนี้มันมีแฟนแล้วครับ แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนยังเชื่อว่ามันคบกับผู้หญิงเพื่อบังหน้า เหอะๆ กูสงสารมึงจริงๆ ว่ะตัง กร๊ากกกกกก!
“มึง..แค่นี้ก่อนนะ แกวโทรมาว่ะ” นึกถึงก็มาพอดีเลย ตายยากจริงครับ
“เออๆ ได้แฟนแล้วทิ้งเพื่อน จำไว้” มันแกวคือแฟนมันครับ เรียนอยู่มนุษย์ฯ หน้าตาน่ารักใช้ได้ แม้ว่าจะน้อยกว่าไอ้ตังก็เถอะ (มีคนบอกแบบนั้นอ่ะ)
“หึ มึงจะไปเหงาอะร้ายยย มีพี่กายอยู่แนบกายทั้งคน~”
“ไอ้ตัง!! อย่ามาพูดงี้ว่ะ กูสยอง กูไม่ได้เหมือนมึงนะ” ด่าครับด่า คิดได้เนอะมึง หูยยย
“อ่าวสัสนี่ กูชายแท้แมนเต็มร้อยนะครับ อะ..แค่นี้ก่อนแล้วนะ” ว่าแล้วมันก็วางสายไป เออ! แ ม่งวางไปได้ก็ดี
ผมใช้เวลาเกือบทั้งวันไปกับการนอนเล่นตากแอร์เย็นๆ ในห้อง บวกกับจัดของต่างๆ นาๆ อีกเล็กน้อย แหงนมองนาฬิกาก็ปาไปเกือบจะสองทุ่มแล้ว เลยลุกมาอาบน้ำแต่งตัวลงไปชั้นล่างแทน
ถึงแม้จะเปิดไฟสว่างจ้าแต่ข้างล่างก็ดันเงียบสงบจนน่าวังเวง เอิ่ม...นี่มันเพิ่งจะสองทุ่มกว่าเองนะ ผู้คนหายไปไหนกันหมด?
และเพราะด้วยความหิวที่เริ่มจะก่อม็อบในกระเพาะ นำพาให้ขาของผมก้าวเดินมายังครัวสุดหรูเพื่อหาของมายัดปากทันที นี่ถ้าเกิดครัวหรูอย่างนี้ไม่มีอะไรกินกูจะไปดักตีหัวพ่อเลยนะ แต่โชคดีหน่อยที่เปิดตู้เย็นขนาดตู้เสื้อผ้าเหมือนตู้พิศวงในหนังเรื่องนาเนียร์แล้วเจอของกินเพียบ อื้อหือออ ตอนอยู่บ้านหลังเก่าเปิดตู้เย็นมาเจอช็อกโกแลตขึ้นรานี่ก็ถือว่าบุญแล้ว แต่ที่นี่แ ม่งเก็บอาหารไว้เผื่อสงครามหรือไง? แบบว่ามีพอกินกันทั้งกองทัพพระเจ้าเหาเลย (อันนี้ก็เวอร์ไป)
หันซ้ายหันขวาแล้วไม่มีใครอยู่ได้ทีก็โกยเอาสิครับ แต่พอมาคิดอีกทีกูก็ลูกเจ้าของบ้านี่หว่า เลยเลิกทำตัวลับๆ ล่อๆ เปลี่ยนเป็นหยิบของปกติแทน (แต่ก็ยังเหมือนโกยเอาอยู่ดี)
แถ่น แถ๊นนนน~ ทายสิว่าผมขโมยอะไรมาได้บ้าง?
เลย์รสดั้งเดิมกับรสสาหร่ายห่อใหญ่อย่างละห่อ เป๊ปซี่ขวดใหญ่เบ้งพร้อมน้ำแข็ง ช็อกโกแลตยี่ห้อ…….อะไรก็ไม่รู้ เขียนเป็นภาษาฝรั่งเศส พิซซ่าหน้าซีฟู้ดค็อกเทลที่อุ่นแล้ว กับขนมปังกระเทียมแล้วก็หมากฝรั่งหลากรส ที่ขนมานี่ตู้เย็นพร่องไปนิดเดียวเองนะ กะเอาให้อ้วนไปข้างเลยทีเดียวครับกู…
ผมหอบลูกหอบหลานย้ายตูดเข้ามานั่งบนโซฟาในห้องโถง พร้อมเอื้อมหยิบรีโมทเปิดทีวีจอยักษ์ดูอย่างสบายใจ รู้นะครับว่าความเกรงใจคือสมบัติของผู้ดี แต่ผมสนิทกับเจ้าของบ้านแล้วไง เลยไม่ต้องเกรงใจและเป็นผู้ดี ฮ่าาาาาาาา!
ก็อก~ แก็ก~
หือ? เสียงอะไรวะ
ผมลดเสียงทีวีให้เบาลงก่อนจะเงียหูฟังเสียงประหลาดนั่นอีกครั้ง
ก็อก~ แก็ก~ ตึก~ ตึก~
รู้สึกว่าเสียงมันจะดังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ หรือว่าจะเป็นขโมย??? ผมเด้งตัวขึ้นจากโซฟาแล้วมองไปยังทางเข้าห้องโถงทันที ใจนึงก็กลัวว่าถ้าเป็นขโมยจริงๆ แล้วกูจะทำไง กรี๊ดเลยดีมั้ย? อีกใจนึงก็คิดในแง่ดีว่ามันอาจจะไม่ใช่…
ตึก~
และแล้วผมก็ได้รู้ว่า………….
ขโมยสมัยนี้นี่มันหล่อชิบหายยยย!!!!!?
24 / 08 / 12
( W r i t e r / R e a d e r )
สวัสดีผู้อ่านแสนน่ารักทุกท่าน ที่ได้หลงมาในนิยายเรื่องนี้นะคะ
ไรเตอร์อยากจะบอกว่าขอขอบคุณมากมายที่อ่านมาตั้งแต่งต้นจนจบ
โดยรวมตัวไรเตอร์เองคิดว่ายังแต่งได้ไม่ลื่นไหลเท่าไหร่ จึงขออภัยด้วยถ้าทำให้อ่านสะดุด
ไรเตอร์จะพยายามปรับปรุงค่ะ ตอนนี้ขอแค่นี้ก่อน แล้วพบกันใหม่ตอนต่อไปนะคะ
ความคิดเห็น