ตอนที่ 23 : ตอนที่ 20 : ความจริง
ตอนที่ 20
ความจริง
“ตัวเล็กยังเลือกไม่เสร็จอีกหรือครับ”
“น้ำตาลไม่ได้ตัวเล็กสักหน่อย ฮึ่ย!” คนตัวเล็กยู่ปากเล็กน้อยกับสรรพนามที่พักหลังมานี้ไม่ค่อยได้ยินอีกฝ่ายใช้เรียกเขาแล้วก่อนจะหันกลับไปเดินดูของกินต่อ
นี่ถ้าไม่ได้กำลังเดินเลือกซื้อของกินอยู่นะ น้ำตาลหันไปจัดการกับพี่กาแฟขมปี๋ไปแล้ว คอยดูเถอะ!
“ฮ่าฮ่า ก็รีบๆ เลือกสิครับพี่เห็นเราเดินไปเดินมาอยู่ระหว่างหน้าร้านยำกับหน้าร้านหมูทอดอยู่นานแล้วนะ”
หลังจากที่จัดการกับอะไรต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว เดือนมหาวิทยาลัยปีสามจึงเป็นฝ่ายอาสาพาน้องเทคของเขาเดินออกมาหาอะไรทานที่บริเวณนอกมหาวิทยาลัยตามที่ได้ตกลงกันเอาไว้
จริงๆ เขาก็อยากจะใจดีซื้อของกินให้คนตัวเล็กทุกอย่างอยู่หรอกนะ แต่เมื่อช่วงเที่ยงวันที่เพิ่งโดนพี่ชายของน้ำตาลเอ็ดเรื่องที่เขาชอบตามใจอีกฝ่ายไปอยู่หมาดๆ บวกกับอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว ดังนั้นมังกรจึงขอใจร้ายหนึ่งวันให้รุ่นน้องได้เลือกของกินเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น
คนตัวเล็กมาหยุดอยู่ตรงกลางระหว่างร้านขายยำและร้านขายหมูทอดอย่างช่างใจ เจ้าตัวมองร้านทั้งสองสลับไปสลับมาจนคนมองนึกน่าสงสาร น้ำตาลเลือกไม่ได้หรอกนะเพราะน้ำตาลอยากจะกินทั้งสองอย่างเลย
“ฮือ น้ำตาลเลือกไม่ด้ายยยย”
“ถ้างั้นเอาอย่างนี้ไหม น้ำตาลก็เลือกซื้ออย่างหนึ่งแล้วอีกอย่างหนึ่งเดี๋ยวพี่ซื้อเองแต่ตอนกินต้องเอามาแบ่งกันนะห้ามกินคนเดียวหมด”
“เย่ๆ งั้นน้ำตาลอาหารก่อนน้า” เจ้าตัวเล็กดีใจจนออกอาการ น้ำตาลวิ่งเข้าไปสั่งอาหารโดยเริ่มต้นที่ร้านขายยำก่อน เจ้าตัวสั่งยำมาม่ากับคนขายด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วน่าฟังจนคนเป็นพี่อดที่จะอมยิ้มกับภาพความน่ารักตรงหน้าไม่ได้
เมื่อน้ำตาลสั่งอาหารกับอีกร้านแล้วเขาจึงเป็นฝ่ายเดินไปสั่งอาหารที่ร้านหมูทอดซึ่งตั้งอยู่ติดๆ กัน คนพี่สั่งหมูทอดกับคนขายโดยขอส่วนที่มีมันน้อยที่สุด และที่สำคัญไม่มีการสั่งข้าวเหนียวมาให้อีกฝ่ายด้วยหรอกแค่นี้ถ้าน้ำแข็งมันรู้เขาก็เตรียมตัวที่จะถูกด่าแล้วล่ะ
“พี่มังกรน้ำตาลเสร็จแล้วนะ แล้วหมูทอดได้หรือยัง” คนตัวเล็กที่เดินกลับมาพร้อมถ้วยโฟมใบโตซึ่งด้านในบรรจุยำมาม่ารสเด็ดส่งกลิ่นหอมหวนเอาไว้ แต่ที่น่าแปลกใจคือทำไมปริมาณของมันกลับดูเยอะผิดปกติ เวลาเขาเห็นเพื่อนๆ ซื้อมาทานกันมันดูน่าจะถ้วยเล็กกว่านี้
“ถ้วยใหญ่จังเลยนะครับ คนขายแถมให้หรือไง”
“น้ำตาลสั่งพิเศษต่างหาก แหะๆ” ไม่ว่าเปล่ายังฉีกยิ้มกว้างส่งยิ้มมาให้เขาอีก มันน่าตีจริงๆ
“งั้นหมูทอดตรงนี้พี่ไม่ให้กินแล้วนะ” คนตัวโตกว่าแกล้งขู่จนน้ำตาลยู่พองลมจนแก้มป่องใส่ ไม่ได้นะน้ำตาลจะกินทั้งสองอย่างเลย ไม่รู้หรือไงว่าอย่ามาขัดใจเวลาที่คนกำลังหิวน่ะ!
“ไม่พูดกับพี่มังกรแล้ว” สะบัดหน้าใส่คนพี่อีกทีก่อนจะเดินหนีออกมาจนคนตัวโตกว่าต้องกุลีกุจอรีบจ่ายเงินกับแม่ค้าแล้วเดินตามคนตัวเล็กที่กำลังงอนตุ๊บป่อง
“โอ๋น้าๆ พี่ล้อเล่นต่างหาก แต่ยำที่ซื้อมาก็ห้ามกินหมดนะครับไม่งั้นเดี๋ยวตอนเย็นจะอิ่มจนไปอยากกินข้าวเอาได้”
น้ำตาลฉีกยิ้มกว้างให้อีกครั้งเขางอนให้พอเป็นพิธีเท่านั้นแหละ ก็รู้ว่าสุดท้ายอีกฝ่ายจะต้องตามใจเขา เพราะพี่มังกรเป็นคนเดียวที่ตามใจน้ำตาลเวลาหิว ถ้าเป็นพี่น้ำแข็งนะถึงจะซื้อให้ก็คงได้แค่นิดเดียวเอง
“งั้นเราไปหาที่นั่งกินกันเถอะ น้ำตาลอยากกินจะแย่แล้ว” พูดจบก็ส่งเสียงซู้ดบ่งบอกว่าเปรี้ยวปากอยากกินของแซ่บๆ จะแย่อยู่แล้ว
คนพี่เดินตามน้องเทคของตัวเองที่ถือถ้วยชามใบโตกลับเข้ามาภายในใต้อาคารเรียนซึ่งเป็นสถานที่ที่สามารถนำของกินเข้ามาทานได้ก่อนที่มังกรจะให้คนตัวเล็กนั่งรอเพื่อที่จะเดินไปซื้อน้ำเปล่าภายในร้านกาแฟที่อยู่หน้าคณะ
น้ำตาลจ้องมองของกินจนแอบน้ำลายสอ ขอจิ้มปูอัดกินสักชิ้นก่อนคงไม่เป็นไรเนอะ
“อื้ม อร่อย” คนตัวเล็กส่งเสียงร้องออกมาด้วยความอร่อย ยำรสแซ่บแต่ไม่เผ็ดจนเกินไปเพราะสั่งคนขายไปว่าให้ใส่พริกน้อยๆ ทำให้น้ำตาลรู้สึกชอบใจเป็นอย่างมาก แต่ถ้าหากใครได้มีโอกาสมาลองทานคงจะนึกว่าคนขายลืมใส่พริกอย่างแน่นอน
พอตักเข้าปากชิ้นหนึ่งได้แล้วมันก็หยุดไม่ได้จนในที่สุดชิ้นที่สามสี่และห้าจึงถูกจ้วงเข้าปากตามลำดับไม่รอผู้ที่เป็นคนจ่ายเงินมากินด้วยกัน
ครืด ครืด
น้ำตาลวางส้อมลงด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อสัญญาแจ้งเตือนของโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น เจ้าตัวเล็กเบิกตากว้างขึ้นเมื่อเห็นว่าสายที่เรียกเข้ามาเป็นใคร เจ้าตัวจึงต้องรีบเคี้ยวอาหารที่อยู่ในปากให้หมดเสียก่อนที่จะรับสาย
“ฮ ฮัลโหล”
“น้ำตาลนั่งรอพี่อยู่ใต้ตึกหรือเปล่าครับ” เสียงของพี่ชายดังขึ้นมาหลังจากเจ้าตัวรับสาย ที่ต้องรีบเคี้ยวอาหารที่อยู่ในปากให้หมดก็เพราะว่าถ้าพี่ชายของเขารู้ว่าแอบมากินอาหารก่อนมื้อเย็นแบบนี้ก็ต้องถูกดุน่ะสิ
“อื้ม น้ำตาลนั่งรออยู่ที่ประจำ” เจ้าตัวเล็กหมายถึงที่นั่งใต้ตึกคณะที่เขามักจะมานั่งรอพี่ชายบ่อยๆ เวลาที่อีกฝ่ายเลิกเรียนช้ากว่าเขา
“พี่จะบอกว่าเราไปนั่งรอในห้องสมุดได้ไหม พอดีพี่…”
“น้ำครับ” ก่อนที่น้ำแข็งจะพูดจบคนที่เดินหายออกไปเมื่อตะกี้ก็เดินกลับมาพร้อมขวดน้ำเปล่าในมือสองขวด เสียงที่ดังลอดเข้าไปทางปลายสายทำให้น้ำแข็งรู้สึกแปลกใจแต่เพราะเป็นน้ำเสียงที่คุ้นหูจึงไม่ได้คิดอะไรมาก
“อยู่กับมังกรหรือไงเรา”
“ช่ายครับ น้ำตาลนั่งรออยู่กับพี่มังกร”
“งั้นพี่ขอคุยกับมังกรหน่อยสิ” แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ชายถึงต้องขอสายคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา แต่สุดท้ายก็ยอมส่งโทรศัพท์ให้มังกรตามคำสั่งของพี่ชายอยู่ดี
“ครับ?” มังกรเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายยื่นโทรศัพท์มาให้เขา
“พี่น้ำแข็งจะคุยด้วย” เมื่อได้ยินดังนั้นมังกรจึงรับโทรศัพท์จากรุ่นน้องเพื่อรับสายพี่ชายของอีกฝ่าย
“ว่าไง”
“อ่า กูนั่งอยู่กับน้ำตาล”
“อืม ก็ได้นะไม่ได้มีธุระอะไรที่ไหนอยู่แล้ว” คนตัวเล็กจ้องพี่เลี้ยงของตัวเองตาแป๋ว อยากจะรู้เหลือเกินว่าพี่ๆ คุยอะไรกัน
“งั้นกูพาน้ำตาลไปส่งก่อนก็ได้นะ น้องจะได้ไม่ต้องรอนาน”
“อืม เคๆ ตามนั้นแหละ” มังกรยื่นโทรศัพท์คืนให้เจ้าของที่กำลังมองมาที่เขาด้วยความอยากรู้อยากเห็นจนอดที่จะส่งมือไปบีบจมูกเล็กๆ นั้นไม่ได้
“งุ้ย” คนตัวเล็กชะงักหน้ากลับ เจ้าตัวยู่หน้าเล็กน้อยเมื่อโดนแกล้ง
“น้ำแข็งบอกว่าวันนี้อาจารย์จะขอเลิกช้ากว่ากำหนดประมาณสองชั่วโมงครับ เพราะงั้นวันนี้พี่จะเป็นคนพาเรากลับไปส่งที่บ้านก่อนเนอะ”
“อ้าว ถ้างั้นแล้วพี่น้ำแข็งล่ะ” น้ำตาลเอียงคอด้วยความสงสัยถ้าเขากลับไปก่อนแปลว่าพี่น้ำแข็งจะไม่กลับบ้านหรือ
“เดี๋ยวเรียนเสร็จแล้วน้ำแข็งก็ค่อยกลับทีหลังครับ พี่ชายเขาห่วงเราน่ะกลัวจะเลิกดึกเกินไป ไม่อยากปล่อยให้เรานั่งรอคนเดียว”
“อืม ถ้างั้นก็ได้ครับ” เมื่อเห็นว่ามันคงจะดีกว่าที่ต้องมานั่งรอคนเดียวตอนกลางคืนแบบนี้ ถึงใต้คณะจะเปิดไฟจนสว่างตลอดทั้งคืนรวมไปถึงมีพนักงานรักษาความปลอดภัยคอยเดินตรวจสอบตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นน้ำตาลก็กลัวคุณผีมาหลอกอยู่ดี บรึ๋ย~
“รีบกินนะครับ จะได้รีบกลับ”
น้ำตาลพยักหน้ารับก่อนจะหันกลับไปจัดการกับยำมาม่าถ้วยโตที่ตัวเองค้างเอาไว้โดยมีคนเป็นพี่ช่วยกินเพื่อไม่ให้น้องทานมากเกินไปอยู่ไม่ห่าง ดีนะที่พี่มังกรไม่รู้ว่าน้ำตาลแอบกินไปก่อน คิคิ
หลังจากจัดการกับอาหารที่ซื้อมาจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็พาน้ำตาลเดินออกมายังที่จอดรถใกล้ๆ กับตัวมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นสถานที่จอดรถของเขาเพื่อเตรียมที่จะพาอีกฝ่ายเดินทางกลับบ้านเสียที
ตลอดระยะทางจากรั้วมหาวิทยาลัยถึงบ้านเจ้าตัวเล็ก น้ำตาลเอาแต่นั่งอมลมจนแก้มพอง ส่วนสาเหตุนั้นก็คงเป็นเพราะเจ้าตัวเล็กโดนแย่งของกินจนเกือบหมดน่ะสิ แต่ที่ทำอย่างนั้นเพราะว่ากลัวน้องจะกินมากเกินไปไม่ได้หิวจนไปแย่งเด็กมันกินเลย
“ถึงบ้านแล้วครับ” คนพี่หันไปบอกคนน้องเมื่อรถจอดสนิทในรั้วบ้านของรุ่นน้อง น้ำตาลเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือของตนเองก่อนจะมองสำรวจบรรยากาศรอบข้างจึงพบว่าเป็นบ้านของตัวเองจริงๆ เจ้าตัวเล็กจนเดินลงออกมายืนรอเขาโดยที่ยังคงหน้ามุ่ยอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ
“ยังไม่หายงอนพี่หรือครับ”
“น้ำตาลไม่ได้งอนนะ” ไม่ได้งอนแต่ไม่หันหน้ามามองเขาเลย
“ถ้าไม่งอนแล้วถ้าไม่ยอมหันหน้ามามองพี่ล่ะครับ”
“…” ไร้สัญญาณตอบกลับจากคนตัวเล็ก
“ว้า แย่จังอุตส่าห์ได้คูปองไปกินบิงซูฟรี ว่าจะชวนไปกินสักหน่อยแต่แถวนี้ไม่มีใครอยู่ จะทำยังไงดีน้า” มังกรทำเหมือนพูดลอยแต่นั่นเขาจงใจให้อีกฝ่ายได้ยิน และถ้าเป็นในการ์ตูนคงจะได้เห็นภาพที่คนตัวเล็กกระดิกหูไปมาด้วยความสนใจแล้วล่ะ
“พี่มังกรเข้าบ้านกันน้า เดี๋ยวน้ำตาลไปหาน้ำเย็นๆ ให้ดื่ม” คนตัวเล็กเดินอ้อมรถเข้ามาจูงเขาให้เดินเข้าในบ้านด้วยกันซึ่งแตกต่างจากท่าทางเมื่อตะกี้จนคนตัวโตอยากที่จะหยิกแก้มนุ่มๆ นั่นด้วยความมันเขี้ยวเหลือเกิน
“คุณแม่น้ำตาลกลับมาแล้วค้าบ” ทันทีที่ก้าวพ้นประตูบ้านเข้ามาคุณหนูเล็กของบ้านก็ตะโกนเสียงดังก้องจนคนที่อยู่ในบ้านหลายคนหันมามองด้วยความเอ็นดู
“กลับมาแล้วหรือครับ อ้าวมังกรมาด้วยหรือลูก” คุณผู้หญิงของบ้านเอ่ยทักทายลูกชายคนเล็ก แต่ทันทีที่สายตาเหลือบไปเห็นเพื่อนสนิทของลูกชายคนโตที่พักหลังมานี้เห็นหน้าอยู่บ่อยครั้งจึงเอ่ยปากทักทายอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน
“สวัสดีครับคุณแม่ พอดีผมมาส่งแวะมาส่งน้ำตาลแทนน้ำแข็งน่ะครับ รายนั้นเป็นห่วงน้องกลัวจะต้องนั่งรอคนเดียว”
“จริงสิ น้ำแข็งโทรมาบอกว่าวันนี้น่าจะเลิกช้าหน่อย งั้นวันนี้มังกรมาทานมื้อเย็นด้วยกันก่อนนะจ๊ะรอน้ำแข็งแปปหนึ่งก็น่าจะกลับมาแล้วล่ะ” เมื่อผู้ใหญ่ชวนมังกรจึงตอบรับเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท อย่างน้อยก็ถือว่าได้ใช้เวลาร่วมกับคนเล็กเพิ่มอีกสักเล็กน้อยล่ะนะ
หลังจากที่ตอบตกลงรับปากที่จะอยู่ร่วมทานมื้อเย็นด้วยตัวเขาในตอนนี้จึงไม่มีอะไรทำเพราะต้องนั่งรอน้ำแข็งมันกลับบ้านมาเสียก่อนดังนั้นในตอนนี้เขาจึงถูกคนตัวเล็กพามานั่งจุ้มปุ๊กอยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้านเพื่อมาดูการ์ตูนเรื่องโปรดของอีกฝ่าย
ในจอโทรทัศน์ฉายภาพเจ้าแมวตัวใหญ่วิ่งหนีเจ้าหนูตัวเล็กทั้งๆ ที่ตัวใหญ่กว่าเจ้าหนูตัวนั้นเป็นสิบๆ เท่า และนั่นทำให้คนตัวเล็กหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจในความซื่อบื้อของเจ้าแมวขนสีเทา เขาสนใจมองภาพของคนตัวเล็กที่กำลังนั่งดูการ์ตูนอย่างอารมณ์ดีมากกว่าภาพการ์ตูนในจอโทรทัศน์เสียอีก ไม่นึกเหมือนกันว่าน้องเทคของเขาจะชอบดูการ์ตูนที่เก่าขนาดนี้ ล่าสุดที่เขาดูทอมแอนด์เจอร์รี่ครั้งสุดท้ายน่าจะเป็นช่วงสมัยประถมเลย
แอ๊ด
“ทำอะไรอยู่ครับน้ำตาล อ้าวมึงยังไม่กลับหรือ” ประตูห้องนั่งเล่นถูกเปิดออกพร้อมการปรากฎตัวของคุณหนูใหญ่ของบ้าน มังกรเหลือบไปมองนาฬิกาเรือนสวยที่ถูกแขวนอยู่เหนือประตูห้องก่อนจะพบว่าเวลาในตอนนี้ล่วงเลยมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว อ่า…นี้เขาเผลอนั่งจ้องคนตัวเล็กจนไม่รู้ตัวเลยหรือว่าเวลาผ่านมานานขนาดนี้
“อืม พอดีคุณแม่ชวนให้อยู่ทานมื้อเย็นน่ะ กูเลยมารอมึงกลับมาก่อน”
“เฮ้ยจริงๆ ไม่ต้องตอบรับแม่กูก็ได้นะเสียเวลามึงเลยแค่นี้ก็รบกวนมึงมากพอแล้ว”
“ไม่เป็นไร กูเต็มใจ” ท้ายประโยคนั้นแววตาของมังกรดูเปลี่ยนไปนิดหน่อย ถ้าจะพูดให้ถูกคงจะเหมือนกับแววตาของคนที่จริงจังกับการทำอะไรบางอย่างล่ะมั้ง
“ถ้างั้นก็ขอบคุณมากเว้ย รีบไปกินข้าวกันดีกว่าเดี๋ยวมึงจะกลับดึกเอา น้ำตาลไปกินข้าวก่อนเร็วเดี๋ยวเสร็จแล้วค่อยกลับมาดูการ์ตูนต่อนะครับ”
คนตัวเล็กพยักหน้ารับผู้เป็นพี่ชาย เจ้าตัวกดปุ่มพอสเพื่อให้การ์ตูนที่เปิดบนอินเตอร์เน็ตทีวีเพื่อให้หยุดเล่นชั่วคราวก่อนจะเดินตามพี่ๆ ทั้งสองคนไปยังห้องอาหาร
บนโต๊ะอาหารมื้อเย็นของบ้านจันทร์นิมิตร วันนี้เป็นอีกครั้งที่มีแขกคนสำคัญอย่างมังกรมาร่วมโต๊ะด้วย และคงเป็นเพราะมังกรคุ้นชินกับสมาชิกภายในครอบครัวของเพื่อนสนิทครบทุกคนแล้วจึงส่งผลให้เขารู้สึกไม่ประหม่าและกล้าที่จะพูดคุยกับผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าคราวที่แล้ว
บทสนทนาบนโต๊ะอาหารส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องวีรกรรมแสบๆ ของคุณชายทั้งสองของบ้านในสมัยเป็นเด็กโดยมีผู้เป็นมารดานำออกมาเล่าอยากออกอรรถรส
มังกรไม่นึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่ารำคาญ ดีเสียอีกเพราะเขาได้รับรู้เรื่องราวในสมัยเด็กของน้องเทค อืมไอ้น้ำแข็งด้วย
“น้ำแข็งนะหวงน้องชายจะตาย เอาเป็นว่าหวงจนเรื่องบางอย่างของน้ำตาล น้ำแข็งยังเป็นคนจัดการให้เองเลย พ่อนี่สบายขึ้นเยอะ” คราวนี้ผู้เป็นบิดาเป็นคนเล่าบ้าง
มังกรอยากจะตอบเหลือเกินว่าตอนนี้ก็ยังเป็นครับคุณพ่อ
บรรยากาศแห่งความสนุกสนานทำให้คนตัวเล็กมองคนโน้นทีคนนี้ทีแล้วก็นั่งหัวเราะไปกับเขาด้วยแม้ว่าบางเรื่องจะเป็นวีรกรรมที่หน้าอายสมัยเด็กของเขาก็ตาม
น้ำตาลจึงอดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อบันทึกภาพถ่ายของความทรงจำดีๆ แบบนี้เอาไว้ก่อนจะตัดสินใจโพสต์ลงบนเฟสบุ๊คของตนเองที่ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวมานานโดยไม่ลืมที่จะแท็คพี่ชายแท้ๆ รวมทั้งพี่เลี้ยงของตนเองลงไปด้วยเช่นกัน
Namtarn Nararit : อยู่กับ Namkang Narawat และ Dragon Morakod ได้
เพิ่มรูปภาพใหม่เมื่อสักครู่นี้
“Family”
‘ภาพสมาชิกในครอบครัวของน้ำตาลทั้ง 3 บนโต๊ะอาหารของบ้านโดยมีแขกคนสนิทอย่างมังกรนั่งอยู่ด้วยพร้อมมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าทุกคน’
แคปชั่นเพียงคำเดียวซึ่งเป็นคำอธิบายของภาพที่เจ้าตัวเพิ่งโพสต์ลงไปในเฟสบุ๊คล่าสุด ‘Family’ และนั่นคือสิ่งที่เจ้าตัวเล็กรู้สึกจากใจจริง…ครอบครัวที่แสนสุข
หลังจากมื้ออาหารเสร็จสิ้นมังกรก็ได้ขอตัวบอกลาผู้ใหญ่เพื่อจะได้เดินทางกลับบ้านตัวเองเสียทีโดยมีคุณหนูใหญ่ของบ้านออกมายืนส่งเหมือนคราวก่อนแต่ต่างกันที่ครั้งนี้คุณหนูเล็กของบ้านออกมายืนรอส่งเขาด้วยเช่นกัน
“กลับดีๆ นะมึงเจอกันพรุ่งนี้นะ”
“เคเจอกันมึง”
“ขับรถดีๆ นะครับพี่มังกร”
“ครับงั้นพี่ไปก่อนนะครับ” มังกรเตรียมที่จะเดินหันหลังเพื่อเดินกลับขึ้นรถตัวเองแต่ติดที่เสียงของคนตัวเล็กดังขัดขึ้นมาก่อน
“พี่มังกรครับ”
“ครับ”
จุ๊บ
กึก
“ขอบคุณนะครับ” ว่าเสร็จก็หมุนตัววิ่งแจ้นหนีหายเข้าไปในบ้านทันทีปล่อยให้คนตัวโตที่กำลังตกตะลึงต่อการกระทำของอีกฝ่ายจนต้องยืนเอามือทาบหน้าอกด้านซ้ายที่เต้นเป็นจังหวะที่ถี่รัวอย่างบ้าคลั่งอยู่คนเดียว
น้องหอมแก้มเขา!
“บ้าเอ้ย” เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย ไม่ได้โกรธที่อีกฝ่ายทำแบบนั้น แต่เขาหงุดหงิดตัวเองมากกว่าที่สติสัมปชัญญะของเขาในตอนนี้อาจจะไม่สามารถทำให้เขาขับรถกลับให้ถึงบ้านอย่างปลอดภัยได้
มังกรเดินขึ้นรถยนต์คันสวยของตัวเองอย่างงงๆ เขาเอามือถูแก้มข้างที่มีสัมผัสของปากนุ่มติดอยู่จนเผลออยากจะตะโกนออกมาด้วยความดีใจ
เขานั่งทำสติอยู่อย่างนั้นสักพักกว่าที่จะขับรถออกไปจากบ้านของเพื่อนสนิทได้ และดูเหมือนว่าดวงชะตาของมังกรจะยังไม่ถึงฆาตเพราะในช่วงจังหวะที่เจ้าตัวเล็กเขย่งเท้าหอมแก้มเขาจะเป็นช่วงจังหวะที่น้ำแข็งมีสายโทรศัพท์เขาพอดีอีกฝ่ายจึงขอตัวเดินออกไปรับสายเสียก่อน ไม่อย่างนั้นแทนที่จะได้กลับบ้านเขาคงต้องได้ไปนอนหยอดข้าวต้มอยู่ที่โรงพยาบาลอย่างแน่นอน
ชีวิตการเป็นนักศึกษาในช่วงเฟรชชี่นั้นเป็นช่วงระยะเวลาเพียงสั้นๆ เท่านั้น ซึ่งอีกไม่นานชีวิตของนักศึกษาปีหนึ่งเทอมหนึ่งของน้ำตาลและผองเพื่อนก็เตรียมตัวที่จะจบลงในอีกไม่ช้า และถึงแม้ว่าเทอมหน้าพวกเขายังเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งอยู่ แต่ก็ดูเหมือนว่าความอินในฐานะความเป็นน้องใหม่ไฟแรงเหมือนเมื่อตอนแรกเข้าก็เริ่มที่จะมอดไหม้ลงไปอย่างเห็นได้ชัด…
“มึงกูขอเรียนแค่ปีหนึ่งเทอมหนึ่งแล้วรับปริญญาเลยได้ปะ ทำไมมันหนักชิปหาย” เดือนมหาวิทยาลัยปีล่าสุดออกปากบ่นอย่างหงุดหงิดท่ามกลางชีทเรียนกองโต๊ะที่สุมอยู่บนโต๊ะ
“ช่วยไม่ได้ ก็ตอนเรียนมินเอาแต่หลับหนิ เราเตือนแล้วไม่เชื่อว่าตอนสอบจะหนักนะ” เมื่อเพื่อนบ่นคนที่คอยปลุกให้เจ้าตัวลุกขึ้นมาตั้งใจฟังอาจารย์พูดอยู่ทุกคาบอย่างเดียร์จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาบ้าง
“อย่าบ่นมินสิค้าบ สำนึกผิดไม่ทันแล้ว”
“สมน้ำหน้า!” นอกจากจะไม่เข้าข้างแล้ว สองสาวในกลุ่มยังไม่ยอมเข้าข้างอีกต่างหาก เกิดเป็นไอ้มินมันน่าช้ำใจยิ่งนัก
“แล้วอีกอย่างนะเลิกพูดจาหวานใส่คนอื่นได้แล้วมึงอะ เดี๋ยวเขาจะเข้าใจผิดกันอีกว่ามึงมันขี้อ่อย สงสารน้องแกงจืดแฟนมึงบ้าง”
มินไม่เข้าใจสองสาวเพื่อนสนิท ถึงแม้ว่าแฟนหนุ่มของเขาจะตัวเล็กน่ารักไม่แตกต่างจากเดียร์และน้ำตาล แต่ถึงอย่างนั้นแกงจืดของเขาก็อยู่ปีสองแล้วนะ เขาไม่ยอมให้ใครมาเรียกแฟนเขาว่าน้องได้หรอก นอกจากเขาคนเดียวเท่านั้น!
คนตัวเล็กที่สุดของกลุ่มเงยหน้าขึ้นมาจากชีทติวก่อนจะส่งเสียงหัวเราะคิกคักอย่างที่ชอบทำยามเมื่อเห็นว่ามินไม่สามารถเอาชนะสองสาวของกลุ่มได้จนสุดท้ายก็ได้แต่นั่งหงอก่อนที่จะกลับไปสนใจชีทเรียนตามเดิม
ที่เห็นเดือนมหาวิทยาลัยปีล่าสุดอย่างเขามาตั้งใจเรียนอ่าหนังสือสอบทั้งหมดนี้ไม่ได้แปลว่ามินขยันหรอกนะครับ แต่เพราะว่าในอีกไม่กี่สัปดาห์หลังจากนี้ก็จะเข้าสู่ช่วงสอบปลายภาคกันแล้ว ในฐานะที่เป็นนักศึกษาที่ตั้งใจ (หลับ) ในคลาสอยู่สม่ำเสมอนั้นจึงเป็นสาเหตุที่เจ้าตัวต้องมาขยันอ่านหนังสือในช่วงก่อนสอบแบบนี้ไม่เว้นแม้แต่ช่วงพักเที่ยง
“สวัสดีจ้าเด็กๆ ตั้งใจอ่านหนังสือกันเชียวน้า”
“สวัสดีค่า / ครับ พี่กิ่ง” ทั้งห้าเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงของคนมาใหม่ซึ่งเป็นเสียงของกิ่งฟ้าแกนบ้านจุลภาคและประธานรุ่นชั้นปีที่สองส่วนด้านหลังมีรุ่นพี่ผู้หญิงที่พอจะคุ้นหน้าบ้างอยู่ด้วยประมาณสามคน
“สวัสดีจ้า พวกพี่จะมารบกวนขอแรงน้องๆ ทุกคนไปช่วยขนพวกชีทเรียนหน่อยจ้าสะดวกหรือเปล่า พอดีอาจารย์เขาจะย้ายห้องพักกันเลยจะขอแรงนักศึกษาไปขนไปแยกชีทเรียนจ้า”
“ได้ค่า พวกหนูว่างค่า” หมวยเป็นฝ่ายอาสาตอบแทน
“ถ้างั้นเดี๋ยวขอแรงน้องหน่อยน้าถ้าจะมาขนชีทกับพี่ทางนี้จ้า ส่วนถ้าไม่อยากใช้แรงไปช่วยแยกชีทก็ตามไปกับพี่คนนั้นนะคะ”
“หนู จ๋า แล้วก็ มินจะไปขนชีทเองค่า ส่วนมันสมองของกลุ่มอย่างเดียร์กับน้ำตาลไปแยกชีทละกันเนอะ”
“อ้าว เราก็เป็นผู้ชายน้า แข็งแรงด้วย เราก็จะไปยกชีท” คนตัวเล็กที่สุดยู่ปาก เขาก็แข็งแรงนะทำไมชอบทำเหมือนน้ำตาลอ่อนแออยู่เรื่อยเลย
“โอ๋ๆ น้ำตาลแข็งแรงน้า แต่ว่าในกลุ่มน้ำตาลกับเดียร์รอบคอบสุดแล้วไปช่วยพวกพี่เขาแยกชีทจะดีกว่า” ที่พูดมาหมวยไม่ได้กลัวตัวเองไปทำผิดพลาดจนโดนอาจารย์ด่าเลยนะจะบอกให้
“พี่ก็ว่าดีนะ งั้นเดี๋ยวน้องน้ำตาลกับน้องเดียร์ไปกับพี่สาวคนสวยคนนี้เนอะ ส่วนคนที่เหลือตามพี่กิ่งคนสวยที่สุดในรุ่นมาทางนี้เลยจ้า” ประธานรุ่นปีสองเป็นคนสรุป ทำให้ทุกๆ คนต่างแยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ที่ตัวเองได้รับ
คนตัวเล็กที่สุดสองคนจึงเดินตามรุ่นพี่อีกคนเพื่อเดินขึ้นไปบนอาคารในทันที แต่ในขณะนั้น
ติ๊ง ติ๊ง
Namkang : น้ำตาลอยู่ไหนครับมาหาพี่ตอนนี้เลย
Namkang : เรื่องด่วนมาก พี่รออยู่ใต้ตึกคณะนะครับ
หลังจากที่อ่านข้อความที่ถูกส่งมาโดยพี่ชายแท้ๆ ของตนเองน้ำตาลก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า เจ้าตัวจึงจะอ้าปากเพื่อขออนุญาตรุ่นพี่ไปหาน้ำแข็งเสียก่อนแต่ติดที่ว่าทั้งเดียร์และรุ่นพี่คนนั้นเดินออกไปจนไกลแล้ว ดังนั้นเจ้าตัวตัวจึงไม่มีทางเลือกเลยรีบวิ่งออกไปหาพี่ชายเสียก่อน เสร็จแล้วค่อยเดินกลับมาช่วยพี่ๆ เขาละกัน
แกรบ แกรบ
เสียงขวดน้ำที่มีน้ำสีใสบรรจุอยู่ด้านในขวดพลาสติกไม่มากนักถูกบี้จนส่งเสียงดังกรอบแกรบ คนที่ถือขวดใบนั้นอยู่ในมือกำลังลังเลว่าจะทำสิ่งนี้ดีหรือไม่แต่เมื่อมองภาพคนที่ตัวเองรักถูกใครบางคนดึงดูดความสนใจและทำให้คนที่เขารักเริ่มเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ ความโกรธก็กลับมาครอบงำอีกครั้ง เจ้าตัวจึงค่อยๆ เปิดฝาอย่างขวดออกมาอย่างช้าๆ แม้ว่าข้อมือกำลังสั่นมากแค่ไหนก็ตาม
เจ้าตัวพยายามทำตัวให้เงียบที่สุดโดยการมาหลบในมุมมืดที่แทบจะไม่มีใครเดินผ่านไม่มีแม้แต่สิ่งรบกวนใดๆ ดังนั้นเจ้าตัวจึงคิดว่าจะใช้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่เพื่อจบความเคียดแค้นในใจของตัวเอง เขากลืนน้ำลายดังอึกๆ พยายามตั้งใจฟังเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ และเมื่อเจ้าของเสียงฝีเท้ามาเข้ามาใกล้ในตำแหน่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้…
พรวด
น้ำที่อยู่ด้านในถูกสาดออกไปจนหมด
‘ในเมื่อมึงมันน่ารัก กูก็อยากรู้นักว่าถ้ามึงน่าเกลียดแล้วคนอื่นจะยังชอบมึงอยู่ไหม’
ใช่ สิ่งที่เขาเตรียมมาคือน้ำกรด!
คงไม่ต้องบอกว่าถ้ามันไปอยู่บนเนื้อสดๆ ของคนตัวเล็กน่ารักที่ใครๆ ต่างก็พากันชื่นชอบและนั่นก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการ!
น้ำที่ถูกสาดออกมาตกกระทบไปเปียกทั่วทั้งตัวของคนที่เพิ่งมาถึง แต่น่าแปลกที่อีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทางผิดปกติแต่อย่างไร มิหนำซ้ำ
“พี่มังกร!”
ขวดที่อยู่ในมือถูกปล่อยลงไปเมื่อร่างกายทั้งร่างของคนทำปราศจากเรี่ยวแรง
ไม่จริง! พี่มังกรมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร แล้วเขาเป็นคนทำร้ายพี่มังกร ไม่สิ มันไม่ใช่เรื่องจริง
เจ้าตัวส่ายหน้าไปมาราวกับคนที่กำลังเสียสติ เขาค่อยๆ เดินถอยหลังไปอย่างช้าๆ เหมือนกับกำลังปฏิเสธว่าเขาไม่ได้เป็นคนที่ทำร้ายที่อีกฝ่าย ซึ่งถ้าดูให้ดีมังกรไม่ได้มีอาการทุรนทุรายแต่อย่างได้ แต่กับคนที่กำลังช็อคอย่างสุดขีดในตอนนี้คงจะไม่สามารถทำความเข้าใจต่อเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าได้
มังกรจ้องมองคนตัวเล็กตรงหน้าด้วยสีหน้าที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดใดๆ ได้ก่อนที่จะพูดอะไรบางอย่างออกหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเงียบมานาน
“หยุดเถอะครับเดียร์” ประโยคนั้นของเขาเหมือนยิ่งเป็นการราดน้ำมันลงบนกองเพลิง
“ไม่จริง ทำไมพี่มังกรถึงมาอยู่ตรงนี้แล้ว น้ำตาล ไม่สิไอ้น้ำตาลมันไปไหนบอกเดียร์มานะพี่มังกร!” คนตัวเล็กตรงหน้าของเขายิ่งเสียสติ ส่งเสียงแผดร้องอาละวาดในแบบที่เขาไม่เคยเห็น แต่โชคดีที่บริเวณนี้เป็นมุมอัพคนทำให้ไม่มีบุคคลภายนอกรับรู้ถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขิ้น และนั้นก็เป็นความต้องใจของมังกร
“เดียร์พอเถอะนะครับ พี่รู้ว่าเรารู้สึกอย่างไรกับพี่ แต่สิ่งที่เดียร์กำลังจะทำมันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเลยนะครับ”
“พี่มังกรจะมารู้อะไรกับเดียร์ ถ้าพี่รู้จะปล่อยให้เดียร์ทรมารแบบนี้หรือ พี่รู้บ้างไหมตลอดหลายปีที่เดียร์ต้องเห็นพี่มีคนอื่น ตลอดเวลาที่พี่อยู่กับอีเฟิร์นอีผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นเดียร์ต้องเจ็บขนาดไหน พอพี่เลิกกับมันมาได้แล้วยังมามีไอ้น้ำตาลมันอีกพอมีมันพี่ก็ไม่เคยสนใจเดียร์อีกเลยทั้งๆ ที่เรารู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ” คนตรงหน้ามังกรพูดความในใจออกมาโดยใส่อารมณ์ทุกประโยคและทุกคำ แม้จะน่าสงสารที่รุ่นน้องตรงหน้าจะร้องไห้เหมือนคนที่กำลังผิดหวังอย่างหนัก แต่มังกรก็ไมได้เข้าไปกอดปลอบอย่างที่เขาเคยทำกับอีกฝ่ายเมื่อนานมาแล้ว เขาทำเพียงแค่ยืนอยู่นิ่งๆ ไม่แสดงสีหน้าหรืออารมณ์ใดๆ ออกมา
“ถ้าไม่มีมัน ไม่มีไอ้น้ำตาล พี่มังกรก็จะไม่เป็นแบบนี้ เดียร์เกลียดมันได้ยินไหมว่าเดียร์เกลียดมัน”
ฟึบ
แต่สุดท้ายมังกรก็ยังคงเป็นมังกรเขาดึงร่างของรุ่นน้องเข้ามากอดปลอบอย่างที่เคยทำ เขาลูบหลังเด็กในอ้อมกอดที่กำลังสะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร แม้สิ่งที่เดียร์ทำจะเป็นสิ่งที่ผิดแต่ต้นเหตุทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็เป็นเพราะเขา ถ้าไม่มีเขาเดียร์ก็คงไม่คิดที่จะทำร้ายหัวใจของเขาแบบนี้
สำหรับมังกร น้ำตาลคือหัวใจของเขา
ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาเริ่มรู้สึกอะไรบางอย่างกับกระแสที่มีคนโจมตีน้ำตาล ซึ่งคนอย่างน้ำตาลไม่น่าจะมีใครมาเกลียดได้เลยด้วยซ้ำ
ด้วยความสงสัยเขาจึงเริ่นต้นการสืบสวนอะไรบางอย่างแบบลับๆ จนกระทั่งเขาได้รู้มาว่าคนที่เป็นคนจุดชนวนแอนตี้ของน้ำตาลคือคนที่เขาคิดไม่ถึง ‘แตงโม’ รุ่นน้องที่มาสารภาพรักเขาเมื่อไม่นานมานี้
ตอนแรกเขาตั้งใจแค่จะรีพอร์ตแอคเคาท์ที่สาวเจ้าสร้างขึ้นมาเพื่อก่อความวุ่นวายเท่านั้น เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นการก่อกวนแต่สิ่งที่เธอทำมันเป็นเพียงแค่การเข้ามาแสดงความคิดเห็นเชิงต่อต้านเท่านั้น ยังไม่ได้ให้ร้ายหรือโจมตีน้ำตาล และด้วยความสงสารจึงไม่คิดจะเอาความและให้โอกาสเจ้าตัวได้เลิกการกระทำแบบนี้ซะ
แต่นึกไม่ถึงว่าเธอจะกล้าลงมือทำถึงขนาดนี้ เขาไม่รู้ว่าเธอไปรู้เรื่องที่ว่าเดียร์คิดอะไรกับเขามาที่ไหน ซึ่งมันจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเลยถ้าเธอไม่หลอกใช้ความรู้สึกของเดียร์มาเป็นเครื่องมือเพื่อทำร้ายคนที่เธอเกลียด
เธอเป็นคนที่คอยยุแหย่ให้เดียร์เริ่มมีความรู้สึกที่เกลียดน้ำตาลขึ้นอย่างช้าๆ จนกระทั่งเมื่อเดียร์ถูกเธอปั่นจนสำเร็จ อีกฝ่ายจึงได้หลอกใช้ให้เดียร์มาทำร้ายน้ำตาลโดยให้เหตุผลว่าถ้าหากทำแบบนี้มังกรจะกลับไปสนใจ ดังนั้นด้วยความรู้สึกที่มีมาตลอดหลายปีเขาจึงตัดสินใจที่จะลงมือทำ และแน่นอนน้ำกรดขวดนั้นแตงโมเป็นคนหามาให้เช่นกัน เขาที่บังเอิญไปรู้ว่ารุ่นน้องทั้งสองมีแผนการร้ายที่จะทำกันดังนั้นเมื่อสบโอกาสเขาจึงแอบเข้าไปเปิดกระเป๋าของเดียร์เพื่อจัดการสับเปลี่ยนน้ำในขวดจากน้ำกรดเป็นน้ำเปล่าธรรมดาเท่านั้น
“เดียร์เกลียดมัน เกลียดน้ำตาล ฮ ฮึก ถ้าไม่มีน้ำตาล ถ้าไม่มีมัน…” คนตัวเล็กสะอึกสะอื้นในอ้อมกอดรุ่นพี่อย่างน่าสงสารเมื่อเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาดูเหมือนว่าเดียร์จะเริ่มใจเย็นลงบ้างแล้ว
“เดียร์ฟังพี่นะครับ”
“…”
“เดียร์ไม่ได้รักพี่หรอกครับ ฟังพี่พูดก่อนครับ” เขาพยายามจะอธิบายต่อเมื่อเห็นว่ารุ่นน้องทำท่าทางฮึดฮัดพยายามจะผละตัวออกจากอ้อมกอดของเขา
“พี่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้รักพี่ครับ เรารักพี่ แต่ไม่ใช่ในแง่ของคนรักกัน เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะก่อนหน้านี้ที่พี่คบกับเฟิร์นเดียร์ก็ไม่ได้มีท่าทีต่อต้านเลย ถึงพี่จะเลิกกับเฟิร์นไปแล้ว เดียร์ก็ไม่เคยเดินเข้ามาบอกกับพี่ว่าเรารู้สึกอย่างไร ความรู้สึกของเราที่มีให้พี่คือน้องชายที่หวงพี่ชายครับ เดียร์หวงพี่เพราะพี่เป็นคนที่เข้าใจเดียร์ แต่เดียร์อาจลืมไปนะครับว่าชีวิตของเดียร์ในตอนนี้กับสมัยเรียนมัธยมมันไม่เหมือนกันแล้ว เรามีเพื่อนมากมาย มีสังคมที่กว้างขึ้นรวมถึงน้ำตาลด้วยที่หวังดีกับเราเสมอ”
“สิ่งที่เราทำมันผิดนะครับ ที่พี่มายืนอยู่ตรงนี้เพราะว่าไม่อยากให้เราทำผิดนะครับ”
“ฮ ฮือ” ได้ฟังแบบนั้นคนตัวเล็กก็ยิ่งปล่อยโฮออกมาอย่างน่าสงสาร
“ร้องออกมาให้หมดนะครับที่ผ่านมาพี่ขอโทษนะที่ทำให้เรารู้สึกเหงา หลังจากนี้เรามาเริ่มกันใหม่นะครับ พี่สัญญาว่าจะเป็นพี่ชายของเราให้เอง”
ยิ่งพูดคนตัวเล็กในอ้อมกอดของเขาก็ยิ่งสะอึกสะอื้นหนักมังกรจึงกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้นเพื่อเป็นการเติมเต็มความรู้สึกของเดียร์แต่ยังไม่ทันที่เจ้าตัวจะหยุดร้องไห้ร่างของเขากับเดียร์ก็ถูกจับแยกออกจากกันโดยคนมาใหม่
อีกฝ่ายไม่พูดอะไรจัดการประเคนหมัดหนักๆ เข้าบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างรุนแรงจนมังกรทรุดลงไปกองกับพื้น
“พ พี่มังกร!” คนที่กำลังสะอื้นถึงกับตกใจหยุดร้องไห้ไปชั่วขณะโดยหมายจะก้มลงไปช่วบรุ่นพี่ที่ถูกทำร้ายร่างกาย
“ไอเหี้ยมังกรมึงมันเหี้ย!” มังกรสะบัดหน้าด้วยความมึนเล็กน้อยก่อนจะได้ยินเสียงเพื่อนสนิทที่ใส่อารมณ์อย่างเห็นได้ชัด แต่นั้นไม่เท่ากับสีหน้าของมันที่โกรธจัดราวกับจะกินเลือดกินเนื้อของเขาถ้าทำได้
“เพราะมึงเลยทำให้น้ำตาลต้องร้องไห้ หลังจากนี้อย่าหวังเลยว่ามึงจะได้เจอหน้าน้องกูอีก” ว่าจบอีกฝ่ายก็รีบวิ่งออกไปปล่อยให้เขานั่งกองอยู่กับพื้นด้วยความงงก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
น้ำตาลร้องไห้! เดี๋ยวนะ ถ้าอย่างนั้นแปลว่าน้ำตาลได้ฟังสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ทั้งหมดเลยงั้นหรือ!
เขามองตามน้ำแข็งไปก่อนจะเห็นกับหลังของเจ้าตัวเล็กที่เขารู้จักเป็นอย่างดีวิ่งนำออกไปก่อน และถึงแม้จะไม่ต้องเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายแต่ก็คงไม่ต้องเดาเลยคนตัวเล็กของเขากำลังรู้สึกอย่างไร
เขาควรทำอย่างไรดี ถ้าเขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มของน้องอีก…
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เดียร์จริงๆด้วย
คืออยากจะบอกว่าคนที่ขาดสติเขาแยกไม่ออกหรอกครับว่าอะไรเป็นอะไร
แล้วอีกอย่างที่ใส่ขวดพลาสติกเพราะมันเป็นน้ำที่ผสมหลายอย่าง ไม่ใช่แค่น้ำกรดเพรียวใส่ขวดแก้วที่เราใช้กัน
ซึ่งอันนั้นเท่าที่ศึกษามาจะหาซื้อค่อนข้างยาก ถ้าไม่ได้สั่งไปใช้เรียน ทำงาน หรือสั่งโดยองค์กร
ดังนั้นน้ำกรดที่คนทั่วไปหามาได้คือกรดเจือจาง กรดผสม หรือดกรดที่ขายปลีกซึ่งใช้เป็นกรดแบตเตอรรี่หรือกรดที่ใช้ในอุตสาหกรรม (ซึ่งบรรจุในขวดพลาสติกไปเสิร์ชได้ครับ)
แล้วก็ถ้าใช้ขวดแก้วสีทึบเป็นใครก็ต้องสังเกตุ บางทีถ้ามีคนเห็นก็คือแผนพังเลยต้องพยายาทำให้สมจริงที่สุด ทั้งในแง่ของหลักวิทยาศาสตร์และความเป็นจริง เพราะที่เกิดเหตุคือสถานศึกษาในมหาวิทยาลัย การเอาของแบบนี้เข้ามาก็ควรจะต้องมิดชิดหน่อย
แต่ยังไงก็ขอบคุณสำหรับความเห็นนะครับ
โอ้ว... ละยังไงกันต่อล่ะทีนี้... รอติดตามนะคะ