ตอนที่ 18 : ตอนที่ 15 : น้องงอน
ตอนที่ 15
น้องงอน
“จะเริ่มยัง?” น้ำเสียงหวานของหญิงสาวหน้าตาน่ารักเอ่ยถามขึ้นมาเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่นั่งนิ่งไม่ยอมพูดยอมจาตั้งแต่มาถึงที่หมาย
“ค คือ เราไม่รู้จะเริ่มยังไงดี”
“หืม ทำไมล่ะ ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ยังไงเราก็คุ้นเคยกันอยู่แล้วจะลำบากใจทำไมกันล่ะ” เฟิร์นถามขึ้นอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายดูมีท่าทีลังเล
“ก็เพราะสนิทกันไง เราเลยไม่รู้จะเริ่มยังไงดี เฮ้อ” เดือนมหาวิทยาลัยถอนหายใจดังเฮือกดูท่าแล้ววันนี้สิ่งที่มังกรอยากจะทำคงจะไม่เสร็จสิ้นได้ในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน
“โอเคไม่เป็นไร งั้นรอมังกรพร้อมก่อนก็ได้นะ เฟิร์นรอได้เสมอ” คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอยิ้มให้กับ ‘อดีตแฟน’ ของเธออย่างที่เคยทำประจำ เธอไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเรียกเธอออกมาเจอกันแบบนี้แต่เธอก็เชื่อเสมอว่าถ้ามังกรสามารถจัดการปัญหานี้ด้วยตนเองได้ คงไม่ติดต่อมาหาเธออย่างแน่นอน
“ขออนุญาตเสิร์ฟนะคะ ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ แล้วก็ผัดไทยวุ้นเส้นค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ” ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังนั่งเงียบ พนักงานเสิร์ฟอาหารก็จัดการนำออเดอร์ที่ทั้งสองสั่งไปเมื่อสักครู่นี้มาเสิร์ฟที่โต๊ะของพวกเขา
มังกรเอ่ยปากขอบคุณพนักงาน หลังจากได้รับอาหารมาแล้วมังกรก็จัดการปรุงรสผัดไทยวุ้นเส้นอย่างที่ทำประจำก่อนจะจัดการตักมันเข้าปากด้วยความรวดเร็ว คงจะเป็นเพราะเขาคิดมากมาทั้งวันบวกกับเป็นช่วงหลังสอบเสร็จด้วยล่ะมั้ง ถึงรู้สึกหิวมากขนาดนี้
“ยังอร่อยเหมือนเดิมเลยเนอะ” มังกรพูดในขณะที่เคี้ยวอาหารในปากด้วยความเอร็ดอร่อย
“อย่าพูดตอนกำลังเคี้ยวข้าวสิมังกร เราบอกกี่ครั้งแล้ว” เธอเห็นคนตรงหน้าเบาๆ อย่างหน่ายใจ ตั้งแต่เลิกรากันไปดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย รวมถึงเมนูและร้านประจำที่เจ้าตัวชอบทานก็ยังเป็นร้านเดิม
ใช่แล้ว ตอนนี้ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ที่ร้านอาหารใกล้คอนโดของเฟิร์น ย้อนกลับไปช่วงที่ทั้งคู่กำลังคบกันเวลาที่มังกรขับรถมาส่งเธอบ่อยๆ พวกเราสองคนก็จะมาแวะหาอะไรกินกันที่ร้านอาหารแห่งนี้ เพราะนอกจากรสชาติที่อร่อยแล้ว ราคาอาหารก็ยังไม่แพงจนเกินไป เหมาะสมกับนักศึกษาที่ยังไม่มีรายได้
“เอาล่ะ ทีนี้จะพูดได้หรือยังว่าที่เรียกเราออกมามีอะไรกัน” เฟิร์นเอ่ยปากพูดขึ้นมา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มมีท่าทีที่ดูกังวลน้อยลงแล้ว
มังกรสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดก่อนจะตัดสินใจพูดเรื่องที่ตนเองคิดมากมาตลอดทั้งวัน
“คือ เราคิดว่าตอนนี้เรากำลังรู้แปลกๆ กับใครคนหนึ่งน่ะ” มังกรพูดโดยที่เขี่ยวุ้นเส้นในจานไปมา
“อ่าฮะ แล้ว?”
“ไม่รู้สิ เราแค่รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะคิดน่ะ” ใช่ มังกรคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เขาไม่ควรจะรู้สึกเกินเลยไปมากกว่านี้
“อืม เธอกำลังหมายความว่า เธอกำลังชอบคนๆ หนึ่งสินะ” เฟิร์นใช้ความคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดออกไป และนั่นก็ทำให้อีกฝ่ายรีบปฏิเสธออกมาอย่างทันควัน
“เฮ้ย คือไม่ใช่แบบนั้น แค่รู้สึกใจเต้นแรงมั้ง”
“แล้วมันแตกต่างกับชอบอย่างไรล่ะ” หญิงสาวตรงหน้าเอ่ยถามอีกครั้ง
“เอ่อ ค คือ” เดือนมหา’ลัยกระอักกระอ่วนเมื่อโดนไล่จี้
“ว่าไงคะ คุณเดือนมหา’ลัย” หญิงสาวมองอดีตคนรักของเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะดูดุหรือดูน่าค้นหาสำหรับคนอื่นขนาดไหน แต่ว่าอยู่กับเธออีกฝ่ายก็เปรียบเสมือนลูกหมาตัวน้อยเท่านั้นเอง และเธอก็มั่นใจว่าในอนาคตคนที่ทำให้มังกรเป็นแบบนี้ได้ก็คงต้องทำใจกับลูกหมาตัวยักษ์ล่ะนะ
“ถ้าจะให้ตอบว่าชอบไหมเราคงตอบไม่ได้ แต่เราตอบได้อย่างหนึ่งคืออย่างที่เราบอกไปคือเรารู้สึกใจเต้นแปลกๆ เวลาที่อยู่ใกล้ๆ เขาน่ะ”
“น้องผู้ชายตัวเล็กๆ คนนั้นใช่ไหม คนที่เธอเคยลงรูปคู่เมื่อไม่นานมานี้น่ะ”
“เฮ้ย! เฟิร์น ชู่ๆ เงียบๆ สิ” เดือนมหา’ลัยหมดสภาพ เขากระโตกกระตากเมื่อโดนอีกฝ่ายรู้ทันเข้าให้แล้ว อีกฝ่ายคงหมายถึงรูปที่เขาโพสต์ลงไปตอนออกทริปกับทางคณะที่ต่างจังหวัดเมื่อช่วงอาทิตย์ก่อนสินะ
“ท่าทางแบบนี้คือใช่สินะ”
“เอ่อ ค คือ ก็ใช่แหละ แล้วเฟิร์นไม่รู้สึกแปลกๆ หรือไงที่แฟนเก่าตัวเองกำลังรู้สึกแปลกๆ กับผู้ชาย” มังกรตอบด้วยน้ำเสียงอายๆ ใช่เขาอายจนแทบอยากจะมุดหัวลงไปใต้โต๊ะอาหารให้รู้แล้วรู้รอดซะเลย
“ฮ่าฮ่า โอย แปปหนึ่งนะมังกร เราขำอะ” หญิงสาวหัวเราะจนท้องแข็งเมื่อได้ฟังอีกฝ่ายพูด
“เฟิร์นขำทำไมหรือ”
“ขำที่มังกรคิดมากน่ะสิ เอาตามตรงเลยนะ เธอจะชอบใครมันก็เป็นสิทธิ์ของเธอ สมัยนี้เราไม่รู้หรอกนะว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร แต่สำหรับเรามันคือเรื่องปกตินะ อีกอย่างน้องน่ารักซะขนาดนั้น เรายังอยากได้มากอดเลย”
“เพื่อนเราหวงน้องคงไม่ได้หรอก”
“จ้าๆ เพื่อนหรือเธอกันแน่” มังกรมองค้อนจนอีกฝ่ายต้องรีบขอโทษขอโพยแล้วจึงกลับเข้าประเด็นที่คุยกันค้างเอาไว้อยู่
“โอเคๆ เราไม่ล้อแล้วก็ได้ แล้วนี่ที่โทรเรียกเราออกมาคือคิดมาหรือไง?” เฟิร์นถาม
“ก็ใช่นะ เธอก็น่าจะรู้ว่าปกติเราก็คบหากับผู้หญิง ชอบผู้หญิงมาตลอด แล้วจู่ๆ มารู้สึกกับผู้ชายด้วยกันแบบนี้มันก็คงจะรู้สึกไม่เข้าใจตัวเองใช่ไหมล่ะ” มังกรอธิบาย
“เอางี้มังกรตอบคำถามเราก่อนดีกว่า”
“อ่าฮะ”
“มังกรรู้สึกดีใช่ไหมเวลาในพูดคุยหรืออยู่ใกล้ๆ น้อง”
รู้สึกดีหรือ ตลอดเวลาที่เขาอยู่กับน้องมันก็รู้สึกสบายใจนะ ถึงแม้เจ้าตัวจะขี้โวยวายไปหน่อย แต่เวลาที่ได้อยู่ด้วยกันเขากล้ายอมรับเลยว่าเขาลืมเรื่องเครียดต่างๆ ไปจนหมด นี่พอจะเป็นความรู้สึกดีๆ ได้ใช่ไหม “ก็คงใช่”
“ถ้างั้นมังกรรู้สึกไม่ชอบเวลาที่ผู้ชายคนอื่นๆ เข้าใกล้น้องบ้างไหม”
อืม ก็มีบ้างนะ (หรอ พวกกูเห็นมึงทำท่าอย่างกับหมาหวงก้างตลอด : เสียงพูดลอยๆ ของปั๋ง)
“งั้นก็ชัดเจนแล้วล่ะ ว่ามังกรชอบน้อง…เดี๋ยวฟังเราพูดให้จบก่อน” เธอรีบพูดขัดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยายามจะปฏิเสธ
“เราเข้าใจนะว่าปกติมังกรคบกับผู้หญิงมาตลอดคงจะรู้สึกแปลกใจบ้างแหละที่ใจสั่นกับผู้ชาบด้วยกัน แต่ลองฟังเรื่องของเราก่อนละกัน”
“คือว่าตอนนี้เรากำลังคบกับผู้หญิงน่ะ”
“หา!” มังกรอ้าปากค้างทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่ออกมาจากปากอีกฝ่าย
“อืมนั่นแหละ เพราะตอนนี้เรามีแฟนเป็นผู้หญิงเราเลยเข้าใจความรู้สึกของเธอ สำหรับเราเรื่องเพศไม่ได้เป็นตัวกำหนดความรักของเราหรอกนะมังกร เราไม่รู้ว่ามังกรคิดยังไง แต่ในความคิดของเรา เรารักคนๆ หนึ่งเพราะเขาเป็นเขา ไม่เกี่ยวว่าเขาจะเป็นเพศอะไร เรายังสามารถรู้สึกดีได้กับผู้ชายเหมือนเดิมเพียงแต่ว่าคนสำคัญตอนนี้เขาเป็นผู้หญิง และถ้าหากอนาคตเราต้องเลิกรากับคนๆ นี้ ในอนาคตเราก็สามารถพูดคุยได้ทั้งกับผู้ชายหรือผู้หญิงเช่นกัน”
“ส่วนเรื่องของมังกรเราคิดว่ามังกรก็คงรู้สึกดีกับน้องไม่น้อย เพียงแต่ในใจมังกรยังเอาเกณฑ์เรื่องเพศมาตัดสินว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิงอยู่ มังกรลองเลิกคิดถึงเรื่องนั้นดูสิ เราว่าคำตอบมันก็อยู่ใกล้ๆ กับตัวเธอนั่นแหละ”
มังกรนั่งคิดตาม เขายอมรับว่าจริงๆ แล้วเขาคิดเหมือนที่เฟิร์นพูดมาทั้งหมดเพราะตัวเขาเองก็เคยคบหาแต่ผู้หญิงมาก่อนเท่านั้น แม้ว่าจะไม่ได้มีความคิดที่อคติกับคนรักเพศเดียวกัน แต่เขาก็ไม่เคยเกิดอารมณ์พิศวาสกับผู้ชายด้วยกันเลยแม้แต่สักครั้งเดียว
“อืม แต่เรากลัวว่าเราแค่จะชอบน้องจากรูปลักษณ์ภายนอกน่ะสิ คือเฟิร์นก็รู้ว่าน้องมันน่ารัก ถ้าตอนนี้เราแค่ชอบน้องจากสิ่งนี้จริงๆ เราไม่อยากรู้สึกผิดกับน้องน่ะสิ”
“มังกรฟังนะ มันไม่แปลกที่คนเราจะตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกนะ ทุกๆ คนก็ชอบสิ่งสวยๆ งามๆ กันทั้งนั้น เหมือนที่มังกรเข้ามาจีบเราเพราะเราสวยใช่ไหมล่ะ” มังกรอยากจะบอกว่าตั้งแต่เลิกกันไปเฟิร์นดูมั่นใจขึ้นเยอะนะ แต่กลัวว่าถ้าพูดออกไปแล้ว จานข้าวที่วางอยู่ตรงหน้าของอีกฝ่ายจะลอยมากระแทกหัวของเขาเสียก่อน
“สำหรับน้องเราว่าก็เหมือนกันมังกรอาจจะเข้าหาน้องเพราะน้องเขาน่ารักจริงๆ แต่ถ้าย้อนกลับไปตามที่เธอบอกว่าเธอไม่ชอบเวลาที่ผู้ชายคนอื่นเข้าใกล้น้องแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว อีกอย่างนะรูปลักษณ์ภายนอกจะสำคัญแต่ถ้าไม่เข้ากันจริงๆ ก็ไปต่อไม่รอดหรอกนะ มังกรค่อยๆ คิดดีกว่าอย่าเพิ่งไปเร่งรัดหรือหาคำตอบให้ตัวเองเพราะเรื่องนี้ยังถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับเธอนะ”
“ขอบคุณนะเฟิร์น”
“ไม่เป็นไรจ้า คนกันเองเราเต็มใจช่วยอยู่แล้ว แต่คราวหน้าน่ะเดินมาหาเราที่คณะดีกว่าถ้ามีเรื่องจะคุยกับเรา แฟนเราหึงแทบตายเลยตอนเห็นไลน์ของมังกร แต่เราคิดว่ามังกรน่าจะต้องการความเป็นส่วนตัวเลยขอเวลาเขามาคุยกับเธอน่ะ” เฟิร์นพูดพลางตักข้าวเข้าปาก
“ขอโทษจริงๆ นะเฟิร์น แล้วก็ขอบคุณอีกครั้งนะสำหรับคำแนะนำ”
“ค่าตอบแทนมื้อนี้เธอเลี้ยงนะ” เฟิร์นว่าด้วยน้ำเสียงติดตลก
“ได้เลยแค่นี้เอง”
“เอ้อแล้วก็ถ้าจะทำอะไรน้องก็เบามือหน่อยนะ เราว่าตัวน้องน่าจะเล็กกว่าเราอีก ก็มังกรน่ะ…แรงเยอะจะตาย”
“เฟิร์น! พูดอะไรเนี้ย”
สุดท้ายมื้อหารของทั้งสองคนก็ผ่านไปด้วยเสียงหัวเราะ ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนไม่ได้หลงเหลือความรู้สึกแบบที่เคยมีให้กันในวันวานแล้วมันเหลือเพียงแค่มิตรภาพดีๆ ที่มีให้กันในฐานะเพื่อนสนิทคนหนึ่ง และแม้ว่าตอนนี้มังกรอาจจะยังไม่มั่นใจในความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในใจเขาทั้งหมดแต่ตอนนี้เขาก็สามารถมั่นใจได้อย่างหนึ่งแล้วล่ะ…ว่าเขารู้สึกดีกับน้องเทคของเขาเข้าให้แล้ว
แต่ตอนนี้เขาขอเวลาไปคิดวิธีง้อเจ้าตัวเล็กของเขาก่อนนะ ยอมรับเลยว่ารู้สึกผิดไม่น้อยที่ผิดสัญญาแต่ว่ามันก็คุ้มค่าเพราะมันทำให้เขารู้ใจตัวเองได้เสียที
ตรู๊ด ตรู๊ด
“ฮัลโหล ว่าไงครับเฮีย”
“มิวสิค เวลาที่นายโดนมิ้ลค์งอน นายง้อน้องมิ้ลค์ยังไง”
“หืม ถามทำไมครับเฮีย” มิวสิคเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัยเมื่อพี่ชายแท้ๆ ของเขาอย่างมังกรต่อสายตรงมาหาเขาเพื่อถามในสิ่งที่เขาไม่คิดว่าจะโดนถาม
“เอาเถอะตอบเฮียมา” มังกรเริ่มรู้สึกหงุดหงิดจึงรีบเร่งเอาคำตอบจากปลายสาย
“ส่วนใหญ่ก็จะเป็นขนมนะครับ แต่ถ้างอนหนักจริงๆ ก็พูดด้วยน้ำเสียงหวานๆ น้องมิ้ลค์ก็ใจ่อ่อนแล้วล่ะครับ”
“พูดด้วยน้ำเสียงหวานๆ งั้นหรือ…” มังกรนึกตาม จู่ๆ จะให้เขามาพูดจาชวนเลี่ยนแบบนี้คงทำไม่ได้หรอกเอาเป็นว่าซื้อขนมไปง้อน้องมันแทนละกัน
“ขอบใจมากวันนี้เฮียกลับดึกหน่อยนะ ฝากบอกม้าด้วย”
“ครับๆ…”
“มิวมาช่วยสอนการบ้านเราหน่อย…งั้นผมวางสายก่อนนะครับเฮียน้องมิ้ลค์ตามแล้ว” ว่าจบอีกฝ่ายก็วางสายไปทันที
น้อยคนที่จะรู้นักว่าเขามีน้องชายแท้ๆ อยู่คนหนึ่งมีนามว่ามิวสิค และแน่นอนว่าคนน้องก็มีหน้าตาอันหล่อเหลาไม่แพ้ผู้เป็นพี่ชายแม้แต่น้อย ทำให้ตั้งแต่เจ้าตัวขึ้นมัธยมปลายมาบรรดาสาวๆ ในโรงเรียนก็พากันมามอบขนมจีนให้กับน้องชายของเขาอย่างต่อเนื่อง แต่ดูเหมือนว่าท่ามกลางสาวสวยมากมายที่มาเป็นตัวเลือกให้กับน้องชายของเขาจะไม่มีความหมายแม้แต่น้อย ก็เพราะว่าเขารู้ดีว่าเจ้าน้องชายของเขามีความรู้สึกพิเศษให้กับเพื่อนข้างบ้านตั้งแต่วัยเด็กไปจนหมดใจแล้ว และถึงแม้ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นผู้ชายก็ตามที่บ้านของเขาก็สามารถยอมรับได้ถ้ามันเป็นความสุขของพวกเขาเพียงขอแค่ว่าอย่าทำอะไรที่เป็นการชิงสุกก่อนห่ามเพราะต่างฝ่ายต่างก็ยังเป็นนักเรียนมัธยมปลายกันทั้งคู่
และที่เขาตัดสินใจโทรหาน้องชายก็เพราะว่าเด็กที่อยู่ข้างบ้านของเขาดูจะมีนิสัยหลายๆ อย่างที่คล้ายคลึงกับน้ำตาลอยู่ไม่น้อยและด้วยเหตุนี้เขาจึงคิดว่าคนที่มีอะไรเหมือนๆ กันก็น่าจะใช้วิธีการง้อที่คล้ายกันได้
พักเรื่องของน้องชายเขาไว้ก่อน เอาเป็นว่าตอนนี้เขาควรคิดว่าจะหาวิธีไปง้อเจ้าตัวเล็กยังไงจะดีกว่า
รถของมังกรขับมาจอดอยู่ในห้างสรรพสินค้าที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากคอนโดของเฟิร์นก่อนจะเดินลงจากรถยนต์แล้วเดินตรงไปยังโซนร้านอาหารโดยหมายจะหาของกินที่คิดว่าคนตัวเล็กน่าจะชอบเพื่อจะนำไปง้ออีกฝ่าย
“ขอบคุณมากนะคะ” หลังจากเดินอยู่หลายนาทีมังกรจึงตัดสินใจเข้าร้านขายอาหารหวานชื่อดังร้านหนึ่ง เมื่อนั่งรอสักพักพนักงานก็นำออเดอร์ที่สั่งไว้มาให้กับเขาเสร็จแล้วจึงรีบตรงกลับไปยังที่จอดรถเพื่อขับไปยังสถานที่ต่อไป
นับเป็นความโชคดีที่ช่วงเย็นวันนี้การจราจรในเมืองหลวงของประเทศไม่ค่อยติดขัดสักเท่าไหร่ มังกรจึงมาถึงบ้านของเพื่อนสนิทที่ไม่ได้มาเยี่ยมเยียนสักพักใหญ่ๆ ตั้งแต่ดวงตะวันยังไม่ลาลับไปจากขอบฟ้า
เขาลงมายืนกดออดที่หน้าบ้านของตระกูลจันทร์นิมิตรโดยบอกว่ามาหาเพื่อนสนิท (ถ้าบอกไปว่ามาหาคนน้องคนนบ้านคงไม่เปิดประตูให้อย่างแน่นอน) ไม่นานประตูรั้วอัตโนมัติก็ถูกเปิดออกมังกรจึงขับรถตรงเข้าไปจอดยังลานว่างของบ้านก่อนจะเดินลงจากรถมาโดยมีเพื่อนสนิทที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดียืนรอรับอยู่หน้าประตูบ้าน
“ไงมึง เสร็จธุระแล้วหรือ” น้ำแข็งเอ่ยทักเสียงเรียบ
“เออเสร็จแล้ว”
“แล้วมึงมาหากูตอนนี้มีธุระอะไรไม่ทราบ”
“กูมาหาน้ำตาล”
“หาน้ำตาล? แล้วนั่น อย่าบอกนะว่ามาง้อน้องกู” น้ำแข็งพูดด้วยน้ำเสียงติดตลกเมื่อก้มไปเห็นถุงขนาดปานกลางที่สกรีนชื่อร้านขนมหวานชื่อดังไว้อยู่ในมือของมังกร
“เออก็ใช่ เสร็จธุระแล้วกูก็รีบมาหาน้องเลย กูกลัวน้องโกรธกู” มังกรอธิบายโดยไม่พยายามหลีกเลี่ยงถึงประเด็นที่ทำให้เขาต้องผิดนับกับน้องชายสุดที่รักของอีกฝ่าย รับรองได้เลยว่าถ้าน้ำแข็งรู้เรื่องเข้าอย่าได้หวังเลยว่าเขาจะได้ก้าวพ้นประตูบ้านไปคงจบชีวิตอยู่ใต้บาทาของเพื่อนสนิทอยู่ตรงนี้อย่างแน่นอน
“หึ ไม่ทันแล้ว น้องกูงอนไปเรียบร้อยแล้ว นี่เรียกออกมาให้กินข้าวก็ไม่ยอมออกมากิน ใครไปคุยด้วยก็ไม่ยอมคุย”
“ร เหรอ แล้วถ้ากูจะขอเข้าไปคุยกันน้อง”
“ถ้ามาแล้วก็ขึ้นไปคุยเองละกัน บอกไว้ก่อนกูไม่ช่วยหรอกนะ ปกติถ้าน้ำตาลโกรธใครแล้วไม่ยอมหายง่ายๆ ด้วย” เออ เพื่อนรักนอกจากจะไม่ให้กำลังใจแล้วยังมาซ้ำเติมกันอีก
น้ำแข็งพามังกรเดินเข้ามาภายในตัวบ้าน แต่เนื่องจากเป็นช่วงที่คุณผู้หญิงและคุณผู้ชายของบ้านกลับมาจากการทำงานจากนอกบ้านพอดี เมื่อเห็นเพื่อนสนิทของลูกชายคนโตพวกท่านทั้งสองจึงชวนมังกรคุยสักเล็กน้อยเพราะรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอีกฝ่ายราวกับว่าพวกท่านเคยเจอกับมังกรมาก่อน
“ใช่ครับ ผมเคยมาที่นี่ตอนช่วงปีหนึ่งครับ”
“งั้นหรือ ถึงว่าแม่รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเราไม่น้อยเลย ว่าแต่เห็นว่ามังกรมาหาน้ำตาลอย่างงั้นหรือ”
“เอ่อครับ” มังกรรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ลำคอของเขาฝืดเคืองไปหมดเมื่อถูกแม่ของเพื่อนสนิทถาม
“มังกรก็เรียนคณะเดียวกับน้ำแข็งกับน้องครับแม่ มันเป็นพี่เลี้ยงน้องด้วย แถมคนที่ทำให้น้องงอนก็มันอีกเช่นกัน”
“ฮ่าฮ่า แสดงว่าเราเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าตัวเล็กงอนเองสินะ ถ้างั้นก็รีบไปหาน้องเถอะป่านนี้งอนตุ๊บป่องไปถึงไหนต่อไหนแล้ว” คุณผู้หญิงเอ่ยอย่างเอ็นดู ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าลูกชายคนเล็กของเธอเป็นคนแบบไหน แต่ในเมื่ออีกฝ่ายยอมมาขอโทษถึงที่แบบนี้ก็นับได้ว่าเป็นคนดีไม่น้อยเลยล่ะ
“ขอบคุณนะครับ งั้นผมขอตัวไปหาน้องก่อนนะครับ”
ผู้อาวุโสทั้งสองพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มก่อนคุณหนูใหญ่ของบ้านจะพาเพื่อนสนิทเดินขึ้นไปยังห้องนอนของเจ้าตัวเล็กที่ตั้งแต่กลับถึงบ้านก็ไม่ยอมพูดคุยกับใครเอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง
“ห้องนี้แหละ”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้าไปได้แล้ว โชคดีนะมึง” มังกรอ้าปากหวอมองเพื่อนสนิทที่จัดการเคาะประตูและเปิดประตูห้องเสร็จสรรพแถมยังผลักให้เขาเดินเข้าไปในห้องอีกต่างหาก
แอ๊ด ปัง!
ประตูถูกปิดลงแล้ว
เขากวาดสายตาไปทั่วห้องขนาดปานกลาง ไม่กว้างมากนะแต่ก็ไม่แคบสำหรับการที่จะอยู่คนเดียว
บรรยากาศในห้องถูกตกแต่งด้วยสไตล์เรียบๆ เข้ากับบรรยากาศภายในบ้าน แต่ที่แตกต่างกันคงจะเป็นโมเดลจากการ์ตูนชื่อดังวางเรียงอยู่ตามชั้นวางจำนวนหลายตัวบ่งบอกความชื่นชอบได้เป็นอย่างดี
คนตัวเล็กที่อยู่ในชุดสบายๆ สวมเสื้อนักศึกษาส่วนล่างเป็นกางเกงกีฬาขาสั้นจู๋กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเก้าอี้หันหน้าเข้าจอคอมพิวเตอร์ที่กำลังฉายการ์ตูนที่เขาไม่รู้จักอยู่
เขากลืนน้ำลายอย่างฝืดคอเมื่อเห็นเรียวขาขาวสวยๆ จากท่านั่งที่ทำให้กางเกงถูกร่นขึ้นไป มังกรสะบัดหน้าสองสามครั้งก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ยังนั่งดูการ์ตูนโดยไม่รับรู้ถึงการมาของเขา
“พี่มังกร!” คนตัวเล็กตะโกนชื่อมังกรขึ้นมาด้วยความตกใจ เขารับรู้ได้ถึงปฏิกิริยาของสิ่งมีชีวิตจากทางด้านหลังเข้าจึงหันไปมองก่อนจะพบตัวต้นเหตุที่ผิดนัดตนเอง แต่ทำไมพี่มังกรถึงมาอยู่ในห้องของเขากัน
“ว่าไงตัวเล็ก พี่มารบกวนหรือเปล่าครับ” มังกรเอ่ยทัก เขาพยายามส่งยิ้มที่ดูเป็นมิตรให้กับคนน้อง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล
“ไม่ต้องมาพูดเลย หนูโกรธแล้วด้วย ผิดนัดหนู แล้วพี่มาอยู่ที่ห้องหนูได้ยังไง อ่อพี่น้ำแข็งสินะ น้ำตาลจะไปจัดการพี่น้ำแข็งเดี๋ยวนี้แหละ” คนตัวเล็กถอดหูฟังเฮดโฟนที่สวมอยู่ด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะลุกขึ้นมาประจันหน้าแผดเสียงใส่อีกฝ่าย แต่ด้วยความสูงที่ต่างกัน เลยทำให้คนที่เตี้ยกว่ามีอุปสรรคต้องคอยเงยหน้าขึ้นจนปวดคอตลอดเวลาที่พูดออกมา
“เดี๋ยวก่อนครับ ฟังพี่ก่อนนะ” มังกรรวบร่างเล็กเขามาในอ้อมกอดของตัวเองเมื่อเห็นว่าคนน้องจะเดินหนีออกจากห้อง
“ปล่อยหนูนะ พี่มังกร อย่ามาจับหนู หนูโกรธพี่อยู่นะ” คนตัวเล็กออกแรงดิ้นไปมา แต่จะสู้แรงอะไรของคนตัวใหญ่กว่าได้ แรงแค่นี้มังกรจึงไม่รู้สึกสะทกสะท้านแม้แต่น้อย
“ชู่วๆ ฟังพี่ก่อนนะครับ” มังกรพยายามทำให้คนในอ้อมกอดใจเย็นลง ถ้าเขายิ่งดึงดันที่จะอธิบายกับอีกฝ่ายก็เหมือนการที่เราราดน้ำมันลงกองไฟ แต่เมื่อเขาแสดงออกมาด้วยความใจเย็น เขาเชื่อว่าคนตัวเล็กก็จะเย็นลง เปรียบเสมือนน้ำที่กำลังดับไฟแบบนี้นี่เอง
“…” คนตัวเล็กเลิกดิ้นหนีแล้วจึงเปิดโอกาสให้มังกรได้อธิบายเสียที
“พี่ขอโทษนะครับที่พี่ผิดสัญญาแล้ว แต่พี่ติดธุระจริงๆ น้ำตาลอย่าโกรธพี่เลยนะครับ”
“แต่พี่มังกรสัญญากับน้ำตาลไว้แล้วว่าจะพาไปกิน หนูอุตส่าห์นั่งรอพี่ เพื่อนชวนไปไหนก็ไม่ไป จนสุดท้ายหนูอดไปกินทั้งชาบูแล้วก็บิงซูเลยนะ” นี่คงเป็นเหตุผลจริงๆ ของคนตัวเล็กสินะ ถ้ามังกรบอกเขาว่าจะไม่ไปเร็วกว่านี้ บางทีตอนนี้เขาคงกำลังสนุกที่ร้านชาบูกับเพื่อนๆ ในกลุ่มอยู่แน่นอน
ร่างสูงของเดือนมหา’ลัย ยิ้มกว้าง “พี่ไม่แก้ตัวครับ พี่ผิดพี่ยอมรับ แต่คราวหน้าพี่สัญญาว่าจะพาเราไปกินทั้งชาบู ทั้งบิงซูเลยดีไหม เพราะฉะนั้นตอนนี้หายโกรธพี่นะครับ”
“สัญญานะ ถ้ารอบนี้ผิดสัญญาอีก น้ำตาลจะให้พี่ปั๋งเป็นพี่เลี้ยงแทนพี่มังกรจริงๆ ด้วย”
ไอ้ปั๋งงั้นหรือ อย่าหวังเลย “ได้ครับพี่สัญญา”
นิ้วก้อยของคนทั้งส่งเกี่ยวกระหวัดแทนคำสัญญา พวกเขาไม่มีกระดาษ ไม่มีปากกาในการร่างสัญญาที่จะใช้ได้ในทางกฎหมาย แต่สัญญาในครั้งนี้มังกรสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าต้องทำได้อย่างแน่นอน
“พี่ซื้ออันนี้มาฝากด้วยนะครับ แทนคำขอโทษ”
“อ๊ะ! บิงซูนี่” น้ำตาลเบิกตากว้างเมื่อเห็นถุงที่อยู่ในมือของพี่เลี้ยง
“ใช่ครับ บิงซู พี่สั่งแบบกลับบ้านมาให้เราเลยนะ ถึงจะไม่ได้กินที่ร้านก็คงไม่เป็นไรเนอะ เรากินกันที่นี่กันแทนก็ได้เนอะ”
“กินๆ น้ำตาลจะกิน” คนตัวเล็กพยายามจะคว้าถุงในมือของอีกฝ่าย แต่ติดที่มังกรชูถุงขึ้นเหนือหัวเสียก่อน
“คนเก่งต้องลงไปกินข้าวก่อนนะครับ เสร็จแล้วถ้าอยากจะกินของหวานค่อยกินนะครับ”
“อื้ม น้ำตาลจะกิน คุณพ่อ คุณแม่ น้ำตาลหิวข้าวแล้ว!” คุณหนูเล็กของบ้านตอบรับก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องนอนของตนเองไปด้วยความรวดเร็ว มิวายยังตะโกนจนดังลั่นบ้านเพื่อให้รู้ว่าตนเองจะรีบจัดการกับมื้อเย็น เสร็จแล้วจะได้หม่ำๆ บิงซูของโปรด
มังกรอมยิ้มกับการกระทำของอีกฝ่าย แม้ว่าใครจะมองว่าน้องยังทำตัวแบบเด็กๆ แต่สำหรับเขา ทุกการกระทำของน้องเป็นการกระทำที่บริสุทธิ์ไร้การปรุงแต่งใดๆ และมันยังทำให้เขาสบายใจทุกครั้งเมื่อได้พบเห็น และนี่คงจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึก…ชอบน้ำตาลล่ะมั้ง
เย็นวันนั้นมังกรได้อยู่ร่วมรับประทานมื้อเย็นที่บ้านจันทร์นิมิตรตามคำเชิญของคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงของบ้านทำให้วันนี้บนโต๊ะอาหารของครอบครัวมีเก้าอี้เสริมอีกหนึ่งตัวพร้อมด้วยสำรับต่างๆ ที่ถูกจัดแต่งออกมาเป็นอย่างดีให้กับแขกอย่างมังกร
และเมื่อจัดการทานมื้อเย็นเสร็จกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงเป็นเวลาที่เจ้าตัวเล็กรอคอย บิงซูแบบแพคกลับบ้านตอนนี้ถูกจัดเตรียมใส่ถ้วยกระเบื้องเนื้อดีก่อนแม่บ้านจะนำมาเสิร์ฟถึงบนโต๊ะอาหารให้กับน้ำตาล
แม้ว่าสภาพของบิงซูที่ซื้อกลับบ้านมานี้จะไม่ได้สวยงามเหมือนเวลาทานที่ร้าน แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคใดๆ สำหรับน้ำตาล เพราะเขาคอแค่กิสามารถกินได้และอร่อยก็พอแล้ว
สมาชิกบนโต๊ะอาหารมองน้ำตาลกินบิงซูอย่างเอร็ดอร่อยก่อนที่ผู้อาวุโสที่สุดของบ้านจะเอ่ยถามขึ้นมา
“ว่าแต่อาทิตย์หน้าแล้วใช่ไหมลูกที่ต้องเดินทางไปไต้หวัน” จาตุรนต์หันหน้าไปถามลูกชายคนโตที่จัดการกับมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ใช่ครับ” น้ำแข็งตอบ
คนตัวเล็กที่กำลังตักบิงซูเข้าปากชะงักค้างเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าพี่ชายของตนเองจะต้องเดินทางไปลงภาคสนามที่ประเทศไต้หวันภายในเดือนนี้
“ถ้างั้นช่วงที่น้ำแข็งไปต่างประเทศก็ให้สันต์ไปรับส่งน้ำตาลก่อนละกันนะ” พ่อของทั้งสองออกความคิดเห็น
“น้ำตาลไม่อยากให้พี่น้ำแข็งไปเลย ถ้าพี่น้ำแข็งไม่ไปส่งน้ำตาล น้ำตาลก็ไม่อยากไปเรียน” คนตัวเล็กยู่หน้า ถึงเขาจะรู้อยู่แล้วก็ตามว่าอย่างไรพี่ชายก็ต้องเดินทางไปต่างประเทศอยู่ดี แต่กระนั้นเขากับพี่ชายก็ไม่เคยต้องห่างกันนานถึงขนาดนี้เลย หากนับเพียงแค่ตอนที่น้ำตาลไปราชบุรีเขากับพี่ชายก็ห่างกันแค่สองคืนเท่านั้นเอง
“ไม่งอแงสิครับ แค่ห้าวันเองเรียนแค่ห้าคาบพี่ก็กลับมาแล้ว ให้น้าสันต์รับส่งแทนพี่ก่อนนะ”
“ฮือ ไม่เอาอะ น้ำตาลก็จะไปกับพี่น้ำแข็งด้วย” คนตัวเล็กยังคงไม่ยอม งานนี้ดูท่าบิงซูคงจะช่วยอะไรไม่ได้
“น้ำตาลอย่าดื้อสิลูก พี่เขาต้องไปเรียนนะ ถ้าหนูไปกับพี่เท่ากับต้องขาดเรียนทั้งสัปดาห์เลยนะ” คุณผู้หญิงพยายามพูดเกลี้ยกล่อม
“เอ่อ คือว่า” ทุกคนหันไปตามเสียงของคนที่นั่งเงียบอยู่นาน
“ถ้าไม่รังเกียจให้ผมเป็นคนรับส่งนอนแทนไหมครับ ยังไงผมก็ต้องขับผ่านแถวนี้อยู่แล้ว”
“จะดีหรือลูก พ่อไม่อยากรบกวนเราเลย ให้คนขับรถของที่บ้านไปส่งน้องก็ได้จะได้ไม่ต้องมารบกวนเรา”
“ไม่เป็นอะไรครับ ยังไงตารางเรียนผมก็ตรงกับน้องแทบทุกวันอยู่แล้ว มีบางทีที่อาจจะเลิกช้ากว่าน้อง” น้ำแข็งเสตามองมังกรอย่างสงสัย จากที่เขาเคยไปบ้านมังกร เรียกได้เลยว่าบ้านของมันกับบ้านของเขานี่ตั้งอยู่คนละทิศคนละทางกันเลย แต่ในเมื่อมันอาสาแบบนี้เขาก็เต็มใจที่จะรับความช่วยเหลือของมัน อีกอย่างน้ำตาลจะได้มีเพื่อนคุยด้วย
“นั้นสิครับคุณพ่อคุณแม่ ให้มังกรมันคอยรับส่งน้ำตาลก็ดีเหมือนกันนะครับ น้องจะได้มีคนช่วยติว”
“เอาอย่างนั้นหรือ แล้วลูกว่าไงน้ำตาลถ้าจะให้พี่เขาคอยรับส่งแทนจะโอเคไหม” คุณผู้หญิงหันไปถามลูกชายคนเล็กที่กำลังนั่งคนบิงซูในชามวนไปวนมาราวกับกำลังใช้ความคิด
ถ้าพี่มังกรไปรับไปส่ง น้ำตาลก็จะกลับบ้านช้าได้ แถมยังได้ไปแวะกินของอร่อยๆ อีก งานนี้มีแต่ได้กับได้ ถ้าน้ำตาลปฏิเสธไปก็คงแปลกแล้วล่ะ คิกคิก
เจ้าตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มที่เจ้าตัวคิดว่าดูเจ้าเล่ห์แต่ดูเป็นเด็กซนในสายตาคนอื่นก่อนจะตอบคำถามของมารดาไป
“ครับ หนูจะไปกับพี่มังกร แต่พี่น้ำแข็งต้องซื้อขนมมาฝากด้วยนะ เอาเยอะๆ เลย” ไม่วายน้ำตาลไม่ลืมที่จะย้ำเตือนเรื่องขนมของฝาก ดูท่าแล้วงานนี้น้ำตาลมีแต่ได้กับได้
“งั้นแม่รบกวนฝากเราดูแลน้องด้วยนะมังกร ถ้าน้องดื้อก็ตีได้เลยนะ” “หนูไม่ดื้อสักหน่อย” คนตัวเล็กยู่หน้า เรียกเสียงหัวเราะให้กับทุกคนได้เป็นอย่างดี
“ยินดีครับคุณแม่ ผมจะดูแลน้องอย่างดีเลย” มังกรยิ้มรับ
ตลอดสัปดาห์หน้าดูเหมือนจะมีงานหนักเข้ามาให้เดือนมหาวิทยาลัยต้องเหนื่อยตลอดสัปดาห์แล้วสินะ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะว่ามังกรจะจัดการ(?)กับเด็กดื้อคนนี้จนอยู่หมัดเลยล่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โง้ยยยเข้าใจเฟิร์นผิดไปเยอะเลย
อิอิ...น้องน่ารักแสนเจ้าเล่ห์อย่างนี้...พี่มังกรจะไหวมั้ยคะ
ขอบคุณมาก
พี่น้ำแข็งเริ่มจับพิรุธเพื่อนแล้วสินะ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 4 มกราคม 2563 / 12:23
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 4 มกราคม 2563 / 14:52