ตอนที่ 10 : ตอนที่ 8 : โอ๋หนู
ตอนที่ 8
โอ๋หนู
วันนี้นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ต่างพากันคึกคักเป็นพิเศษเพราะในพรุ่งนี้พวกเขาทุกคนจะได้ไปออกภาคสนามเพื่อเป็นการเรียนรู้นอกห้องเรียนถึงจังหวัดราชบุรี แต่เอาเข้าจริงแล้วเรื่องการเรียนอาจเป็นประเด็นที่รองลงมา ส่วนเรื่องที่ทุกคนให้ความสนใจเป็นพิเศษคือการได้ไปเที่ยวซะมากกว่า
และดูเหมือนว่าสมาชิกของบ้านจุลภาคที่ชนะการประกวดการแสดงของบ้านในงานเลี้ยงต้อนรับน้องใหม่จะยิ่งคึกคักเป็นพิเศษเพราะแพ็คเกจท่องเที่ยว อำเภอสวนผึ้ง ที่พวกเขาได้มาเป็นของรางวัลจากการประกวดจะถูกใช้หลังจากที่ลงภาคสนามและเสร็จสิ้นภารกิจทางการศึกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“พวกแกเตรียมกระเป๋ากันยัง”
“เรียบร้อยตั้งแต่ตอนรู้ว่าชนะแล้วค่า” เสียงหมวยและจ๋าสองสาวเพื่อนซี้ของกลุ่มพากันดี้ด้าเพราะจะได้ไปลงภาคสนามเป็นครั้งแรก (หรือเปล่า?)
“พวกมึงนี่จะรีบกันไปไหน ไว้จัดตอนหลังเลิกเรียนก็ยังทัน”
“หุบปากไปเลยค่ะอีเดือนเทียม เที่ยวอำเภอสวนผึ้งเลยนะมึง กูเตรียมชุดไว้ไปถ่ายรูปกับน้องอัลปาก้าด้วยแหละ คนที่ไม่รู้จักความน่ารักของน้องก็หุบปากไปเลย” หมวยพูดด้วยน้ำเสียงโอเว่อร์แอ็คติ้ง ว่าแต่น้องอัลปาก้าคืออะไรหว่า
“ไร้สาระกูไม่เห็นว่าอัลปาก้าจะน่ารักตรงไหนเลยหน้าต่างอย่างกับอูฐว่าไหมเดียร์ น้ำตาล” ในเมื่อไม่มีใครเข้าข้างเดือนเอกอย่างมินเลยจำเป็นต้องหนีไปซบอกหนุ่มน้อยน่ารักของกลุ่มอย่างเดียร์และน้ำตาล
“มั้งนะ” เดียร์ตอบ
“อ่า” ส่วนเจ้าตัวเล็กของกลุ่มไม่มีความเห็นใดๆ เพราะน้ำตาลไม่รู้ว่าน้องอัลปาก้าที่เพื่อนๆ พูดถึงมันคือตัวอะไร และเอาเข้าจริงแล้วน้ำตาลก็รู้สึกไม่ค่อยอยากจะไปสักเท่าไหร่ ตั้ง 3 วัน 2 คืนเลยนะ!
“เงียบกันหน่อยครับ” ราวกับฝูงผึ้งแตกรังเมื่อเสียงทุ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของอาจารย์ดังขึ้นทุกคนจึงรีบกระจัดกระจายแยกย้ายกับเข้าไปยังที่นั่งของตัวเองเพื่อที่อาจารย์ที่ยืนอยู่หน้าห้องจะได้เริ่มทำการสอน
“อรุณสวัสดิ์นักศึกษาทุกคนนะครับ เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับงานแรกของผม หวังว่าจะไม่ยากเกินความสามารถของทุกคนนะครับ”
“ผมได้ลองอ่านงานของพวกคุณคร่าวๆ มาบ้างแล้วถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ผมขอเวลาตรวจไม่นานแล้วเย็นนี้จะประกาศลงทางหน้าเพจของโครงการนะครับ หวังว่าคะแนนจะไม่ทำให้การออกภาคสนามของพวกคุณต้องหมดสนุกนะ”
สิ้นเสียงของอาจารย์บรรดานักศึกษาก็พากันส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างแห้งๆ บ่งบอกว่าเป็นไปตามที่อาจารย์บอกอย่างแน่นอน
“และก่อนที่จะเริ่มคลาสผมขอให้นักศึกษาที่มีรายชื่อดังนี้ออกมาพบกับผมที่ออกพักหลังจากช่วงเลิกคลาสไปแล้วนะครับ”
“นายกิตติคุณ นางสาวอรวรรณ และ นายนราฤทธิ์ ครับ”
หืม
น้ำตาลเงยหน้ามองอาจารย์ทันทีเมื่อชื่อของตัวเองถูกประกาศออกมาผ่านทางไมค์หน้าห้อง แต่ถึงอย่างนั้นน้ำตาลก็ไม่รู้ว่าทำไมอาจารย์ถึงต้องเรียกตัวเอง
“ทำไมถึงมีชื่อน้ำตาลด้วยล่ะ” จ๋าเอ่ยถามเพื่อนที่นั่งอยู่ภายในแถวเดียวกัน
“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ไม่เป็นไรนะน้ำตาล อย่าเพิ่งไปคิดอะไรมาก รอหลังเลิกเรียนแล้วค่อยไปคุยกับอาจารย์ดีกว่าอาจจะไม่มีอะไรก็ได้” มินเสนอความเห็นซึ่งทุกคนก็ได้แต่พยักหน้ารับ
ตลอดการเรียนในช่วงเช้า เจ้าตัวเล็กก็เอาแต่กังวลถึงสาเหตุที่อาจารย์เรียกชื่อของตัวเองออกมาจนทำให้เนื้อหาที่อาจารย์กำลังพูดอยู่ตอนนี้ไม่เข้าหัวของเขาแม้แต่น้อยจนหมดคาบไป
เพื่อนสนิทในกลุ่มของน้ำตาลมาเขามาส่งยังบริเวณหน้าห้องพักของอาจารย์กำจรที่น้ำตาลเคยมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่เพื่อนๆ ของน้ำตาลไม่ได้ตามเข้าไปด้วยมีเพียงแค่คนที่ถูกอาจารย์ขานชื่อเดินตามเข้าไปเพียงเท่านั้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตครับ/ค่ะ อาจารย์”
“เชิญนั่งครับ” ทั้งสามคนนั่งลงที่เก้าอี้ตามคำสั่งของอาจารย์ก่อนที่บุคคลน่าเกรงขามตรงหน้าจะพูดขึ้น
“ที่ผมเรียกพวกคุณมาในวันนี้เป็นเพราะเรื่องงานที่พวกคุณขาดส่งน่ะครับ”
กึก!
“ผมขอถามสาเหตุได้ไหมครับว่าทำไมถึงไม่ยอมส่งงานของผม” อาจารย์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“คือหนูทำส่งไม่ทันน่ะค่ะอาจารย์ ขอหนูส่งตามทีหลังด้วยได้ไหมครับ”
“ผมก็ด้วยครับ มันไม่ทันจริงๆ” เพื่อนสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ น้ำตาลพูด
“แต่ผมส่งแล้วนะครับอาจารย์ ผมเอามาวางไว้ในตะแกรงเมื่อวันจันทร์” เจ้าตัวเล็กพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“หืม คุณชื่ออะไรครับ”
“อ เอ่อ นราฤทธิ์ครับ” น้ำตาลบอกชื่อของตนเองไปก่อนที่อาจารย์จะหยิบใบหลักฐานการส่งขึ้นมาเช็กดู
“อืม นราฤทธิ์ อ้าวมีเซ็นชื่อแล้วหนิแต่ทำไมผมไม่เห็นงานของคุณ คนที่ส่งก่อนหน้าคุณยังมีงานเลยนะ” ในช่องเซ็นชื่อของน้ำตาลมีลายเซ็นของตัวเองพร้อมกำกับด้วยวันที่ส่งงาน แต่แล้วทำไมงานถึงเจ้าตัวเล็กถึงหายไปอย่างปริศนาทั้งๆ ที่งานของคนที่ส่งก่อนหน้ายังมีอยู่ราวกับว่างานของน้ำตาลถูกทำให้หายไป
“แล้วคุณมีใครมาเป็นพยานให้คุณไหมครับว่าคุณส่งงานแล้วจริงๆ”
“เอ่อ ไม่มีครับ” น้ำตาลตอบกลับ วันนั้นเขามาส่งตั้งแต่ช่วงเช้าทำให้ไม่มีเพื่อนเดินมาส่งเป็นเพื่อนและนั่นจึงทำให้น้ำตาลยิ่งกังวลเข้าไปใหญ่
“ต แต่ว่าผมส่งแล้วจริงๆ นะครับ ในโน๊ตบุ๊คของผมยังมีงานที่ทำเสร็จไว้แล้วอยู่เลยครับ” เจ้าตัวเล็กพยายามอธิบาย
“แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นหลักฐานไม่ได้นะครับ เพราะคุณอาจจะทำเสร็จทีหลังกำหนดส่งก็ได้ ส่วนชื่อมันก็ปลอมกันได้ ถ้าผมให้คุณส่งงานใหม่อีกครั้งแล้วผลปรากฎว่าคุณไม่ได้ส่งงานในเวลาจริงๆ มันจะไม่ยุติธรรมกับเพื่อนคนอื่นๆ นะครับ”
“ต แต่ว่า”
“’งานนี้ถึงคะแนนจะค่อนข้างสูงแต่มันก็ไม่ได้เป็นสัดส่วนคะแนนที่สูงที่สุด ขอให้พวกคุณเข้ามาเช็คชื่อทันทุกครั้งกับคะแนนสอบดีก็ยังมีโอกาสได้ถึง B+ อยู่นะครับ หวังว่าจะเข้าใจวันนี้ผมก็มีเรื่องที่จะพูดเพียงเท่านี้ครับ” ทั้งสองพยักหน้าก่อนที่จะยกมือไหว้อาจารย์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
น้ำตาลมองอาจารย์ด้วยสีหน้าที่ยากจะเข้าใจแต่ก็ยอมลุกออกมาเพราะคิดว่าเถียงไปก็คงไม่ชนะ อีกอย่างตัวเองก็ไม่ได้มีหลักฐานการส่งงานจริงๆ ด้วย
“เป็นไงบ้างน้ำตาล อ้าวทำไมตาแดงๆ”
“ฮึกๆ ฮือ” เมื่อเดินออกมา บริเวณหน้าห้องพักอาจารย์ก็มีเพื่อนสนิทของเขายืนรออยู่ข้างหน้าครบทุกคน และเมื่อเห็นเพื่อนมีท่าทางตกใจเจ้าตัวเล็กก็ปล่อยโฮออกมาในทันที
“เฮ้ย น้ำตาลเป็นอะไร ใจเย็นๆ ก่อนนะ มินพาเพื่อนไปนั่งที” หมวยพูดด้วยความตกใจ ก่อนที่คนตัวสูงที่สุดของกลุ่มอย่างมินจะรีบเข้ามาช่วยประคองเพื่อนตัวเล็กของเขาพาไปยังที่นั่ง
“ฮือ ฮือ” เจ้าตัวเล็กเอาแต่ปล่อยโฮออกมาอย่างน่าสงสาร ไม่ว่าใครจะพยายามปลอบหรือถามสาเหตุเจ้าตัวก็เอาแต่ร้องไห้จนคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร
“ใจเย็นๆ นะน้ำตาล” เพื่อนๆ พยายามปลอบใจอย่างสุดความสามารถแต่คนตัวเล็กก็เอาแต่ขยี้หูขยี้ตาร้องไห้จนหน้าแดงก่ำอย่างน่าสงสาร
“เอาไงดีวะ มีใครมีเบอร์ของพี่น้ำแข็งไหม” จ๋าถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าทางออกเดียวในตอนนี้คือพี่ชายของน้ำตาล
“กูมีแต่เบอร์พี่มังกรว่ะ” มินตอบเขามีเบอร์ของมังกรเพราะเป็นรุ่นพี่ในกองประกวดดาว-เดือน
“เออๆ โทรเลยพี่มังกรสนิทกับพี่น้ำแข็งก็ได้อาจอยู่ด้วยกัน”
“แปปๆ”
“ฮัลโหล พี่อยู่กับพี่น้ำแข็งหรือเปล่าครับ…เอ่อ คือว่าน้ำตาลเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดเลยครับ พวกผมก็ไม่รู้ว่าจะทำไงดี ครับๆ ชั้น 4 แถวหน้าห้องพักอาจารย์ครับ”
“กูบอกแล้ว พวกพี่เขาบอกจะรีบมาให้รอก่อน” มินพูดขึ้นมาหลังจากวางสาย พวกเขาจึงได้แต่ทำตามคำสั่งของรุ่นพี่คอยดูแลเพื่อนตัวเล็กไปก่อน
หลังจากนั้นไม่นานรุ่นพี่ปีสามทั้งสี่คนซึ่งประกอบไปด้วย น้ำแข็ง มังกร และเพื่อนสนิทของพวกเขาในกลุ่มอีกสองคนก็มาถึงยังที่เกิดเหตุ
น้ำแข็งรีบวิ่งมาด้วยสีหน้าแตกตื่นก่อนที่จะเห็นน้องชายของตัวเองนั่งร้องไห้เอามือปิดหน้าปิดตาอยู่
“น้ำตาล!”
“พี่น้ำแข็ง ฮือ” เมื่อรู้ว่าพี่ชายของตัวเองมาถึง น้ำตาลก็รีบวิ่งไปกอดพี่ชายของตัวเองในทันทีก่อนจะปล่อยโฮออกมาอีกครั้งจนผู้เป็นพี่ชายถึงกับตกใจเล่นเอาซะเกือบไปไม่ถูกเหมือนกัน
“ชู่วๆ ใจเย็นๆ ไม่ร้องนะครับ ไปนั่งก่อนนะเด็กดี” ภาพสาวๆ ที่ไหนมาเห็นคงจะต้องส่งเสียงร้องกรี๊ดกร๊าดออกมาด้วยความประทับใจในมุมอ่อนโยนของพี่ชายสุดหล่อ แต่ว่าตอนนี้น้ำแข็งไม่ได้คิดแบบนั้นภายในจิตใจเขาก็กังวลไปหมดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับน้องชายแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องพยายามที่จะใจเย็นไม่ทำให้เรื่องบานปลายไปกันใหญ่
น้ำแข็งพาน้องมานั่งยังเก้าอี้หน้าห้องพักอีกครั้งก่อนจะค่อยๆ ลูบหัวลูบหลังกอดปลอบน้องชายของตัวเองเอาไว้อย่างนั้นรอให้น้องอารมณ์เย็นลงเสียก่อน
“หายใจเข้าลึกๆ นะครับ ไม่เป็นอะไรแล้วพี่อยู่ตรงนี้นะ” เจ้าตัวเล็กเริ่มสงบลงช้าๆ เขาค่อยๆ ขยับตัวออกจากอ้อมกอดของพี่ชายโดยมีน้ำแข็งคอยเช็ดรอบดวงตาใสให้อย่างอ่อนโยน
“เอ่อ เดี๋ยวเดียร์ไปซื้อน้ำมาให้นะครับ น้ำตาลอาจอยากดื่มน้ำ”
“เดี๋ยวเราไปด้วย” หมวยอาสาไปเป็นเพื่อน
“ทีนี้เล่าให้พี่ฟังได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” น้ำแข็งพยักหน้ารับก่อนจะหันกลับมาพูดกับน้องชายของตัวเองที่เริ่มจะสงบลงบ้างแล้ว
“ฮึก อาจารย์บอกว่าน้ำตาลไม่ได้ส่งงาน ฮึก แต่ว่าน้ำตาลส่งไปแล้วจริงๆ นะ พี่น้ำแข็ง” เจ้าตัวเล็กพูดไปสะอื้นไป และนั่นทำให้น้ำแข็งอ้าปากค้างด้วยความไม่เข้าใจ เขามั่นใจว่าวันนั้นน้องต้องเอางานมาส่งอาจารย์อย่างแน่นอน ถึงเขาจะไม่ได้เข้ามาส่งเป็นเพื่อนแต่อย่างน้อยเขาก็รับรู้ว่าน้องทำงานเสร็จพร้อมส่งก่อนกำหนดจริงๆ และรู้ด้วยว่าเจ้าตัวเล็กของเขาตั้งใจทำงานนี้ถึงขนาดไหน
“พอหนูบอกว่าส่งแล้วจริง ฮึก เซ็นชื่อแล้วด้วย แต่ไม่มีคนเป็นพยานว่าหนูส่งอาจารย์เลยช่วยอะไรไม่ได้”
“ใจเย็นๆ นะครับ” น้ำแข็งพยายามปลอบใจเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวเล็กเบะปากเตรียมร้องไห้อีกครั้ง
“เอาอย่างนี้เดี๋ยวพี่โทรบอกให้คนที่บ้านปริ้นท์งานของเราเอาไว้ก่อน แล้วเดี๋ยวพี่เข้าไปคุยกับอาจารย์ให้เอง ส่วนน้ำตาลนั่งรอพี่ชายอยู่ตรงนี้ก่อน พวกมึงกูฝากน้องแปปหนึ่งนะ” ผู้เป็นพี่ชายขอตัวแยกออกไปโทรศัพท์ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องพักอาจารย์ทันที
“ไม่ต้องห่วงนะครับ” น้ำตาลเงยหน้ามองเจ้าของเสียงทุ้มที่คุ้นหูก่อนที่อีกฝ่ายจะใช้ฝ่ามือใหญ่มาลูบศีรษะของเขาอย่างแผ่วเบา
“ถึงอาจารย์จะไม่ให้ส่งงานใหม่ แต่พี่สัญญาว่าจะช่วยเราให้ได้ A เอง ถึงจะไม่มีคะแนนงานนี้แต่ก็ยังมีโอกาสได้ A อยู่ อาจจะเหนื่อยหน่อยแต่พี่ช่วยเราเอง”
“…”
“เชื่อใจพี่ไหมครับ” ฝ่ามือใหญ่ค่อยๆ เลื่อนผ่านแก้มย้อยๆ ก่อนที่จะมาหยุดบริเวณหางตาอย่างอ่อนโยน
“อ อื้ม” แม้จะเสียดายกับ 20 คะแนนที่หายไป แต่ไม่รู้ทำไมจู่ๆ น้ำตาลถึงรู้สึกอยากจะเชื่อใจพี่เลี้ยงของเขาขึ้นมา ราวกับว่าคนตรงหน้ากำลังมอบสัญญาอย่างหนักแน่นและนั่นอาจเป็นสาเหตุให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาก็เป็นได้
“อ เอ่อ”
“อ้าว น้ำมาแล้วหรือครับ ขอบคุณนะน้องเดียร์”
“ไม่เป็นไรครับ น้ำตาลดื่มน้ำเถอะ ร้องไห้จนเจ็บคอหมดแล้วมั้งเนี่ย”
“ขอบคุณนะเดียร์” น้ำตาลรับขวดน้ำเย็นชื่นใจมาจากเพื่อนสนิทแล้วรีบเปิดฝายกดื่มด้วยความกระหายทันที
แกร๊ก
“เป็นไงบ้างว้ะ” มังกรเอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อน้ำแข็งเดินมาจากห้องพักของอาจารย์
“ไม่ได้ว่ะ เขาบอกกูเป็นพี่ชายของน้องจะมาช่วยยืนยันเป็นหลักฐานไม่ได้ แต่ก็ให้เอางานไปส่งไว้ก่อนถึงจะไม่มีคะแนนก็ตาม พี่ขอโทษนะน้ำตาล”
“ไม่เป็นไรครับ ยังไงหนูจะพยายามทำคะแนนส่วนที่เหลือออกมาให้ดี ขอบคุณพี่น้ำแข็งมากนะครับ” เจ้าตัวเล็กตอบ ถึงแม้ตาจะบวมขนาดไหน แต่ในสายตาของเขาน้องชายอย่างน้ำตาลก็เป็นคนที่น่ารักที่สุดสำหรับเขาอยู่ดี
“’งั้นเดี๋ยวพี่ไปเรียนก่อนนะครับ นี่ก็รีบขออาจารย์ออกมาทำธุระแปปเดียวต้องรีบกลับไปเรียนต่อแล้ว” น้ำตาลพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนที่บรรดารุ่นพี่จะรีบกลับไปเรียนต่อ แต่ก่อนหน้านั้น
“อ เอ่อ เดี๋ยวครับ”
“พี่มังกรนั่นแหละ” มังกรชี้นิ้วเข้าหาตัวเองด้วยสีหน้ามึนงง แต่ก็เดินกลับเข้ามาคนตัวเล็กอีกครั้ง
“มีอะไรหรือครับ”
“ค คือ ว่า ขอบคุณนะครับ พี่มังกร” ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขาพูดออกมาแบบนี้ แต่ในส่วนลึกภายในจิตใจกับบอกให้น้ำตาลทำแบบนั้น
“ไม่เป็นไรครับ” คนตัวสูงฉีกยิ้มอย่างอ่อนโยน ฝ่ามือใหญ่ลูบศีรษะทุยอย่างมันเขี้ยวอีกครั้ง ก่อนจะเดินหันหลังกลับไปยังห้องเรียน
ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังคิดอะไร แต่น้ำตาลก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำสัญญาที่หนักแน่นของมังกรจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ…
ตลอดการเรียนในช่วงคาบบ่าย แม้ว่าคนตัวเล็กจะมีอาหารดีขึ้นจากเมื่อตอนเช้าบ้างแล้ว แต่เพื่อนๆ ก็ยังสังเกตเห็นว่าเพื่อนตัวเล็กของเขายังคงแอบซึมอยู่บ้างถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้พยายามแสดงออกอย่างชัดเจนจนเพื่อนๆ เป็นห่วง
หลังจากเลิกเรียนเพื่อนๆ ภายในกลุ่มเลยลงมติกันว่าจะพากันไปเดินห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ มหาวิทยาลัยส่วนหนึ่งก็เพื่อไปซื้อของให้สำหรับการเตรียมตัวออกภาคสนามในพรุ่งนี้ แต่ประเด็นสำคัญสุดคือพาตัวเล็กไปคลายเครียดกับเรื่องงานที่หายไป
“จะโบกแท็กซี่ไปหรือนั่งรถไอมินไปดีอะ” หมวยเอ่ยขึ้นมาโดยไม่ลืมที่จะพ่วงรถของมินเข้าไปด้วย จนเจ้าของหันขวับกลับมาแทบจะในทันที
“ที่พูดมาเนี่ยมึงถามเจ้าของโรงเขาหรือยังว่าจะขับพาไปหรือไม่” มินตอบ
“พูดอย่างนี้คือจะไม่พาเพื่อนไป”
“ไปจ้า”
“เออดีมาก เบียดๆ กันหน่อยคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง แต่ละคนตัวเล็กนิดเดียวเอง” ทุกคนพยักหน้าเป็นอันเข้าใจ ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเลิกเรียน บรรดานักศึกษาชั้นปีที่ 1 ต่างพากันกรูออกจากห้องอย่างดี๊ด๊าเพราะจะรีบเตรียมตัวกลับไปจัดกระเป๋าเดินทางสำหรับการออกภาคสนาม รวมถึงกลุ่มของน้ำตาลที่ต่างกำลังเก็บข้าวของลงกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปห้างสรรพสินค้าเช่นกัน
น้ำตาลไม่ลืมที่จะส่งไลน์ไปขออนุญาตพี่ชายอย่างที่ทำตามปกติ ซึ่งพี่ชายก็อนุญาตให้ไปเพราะว่าอย่างไรห้างสรรพสินค้าที่น้ำตาลกำลังจะไปก็เป็นทางผ่านเพื่อจะเดินทางกลับบ้านอยู่ดี ดังนั้นสมาชิกของกลุ่มทั้ง 5 จึงพากันเดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าโดยยัดมวลร่างกันเข้าไปภายในรถยนต์ของเดือนเอก และโชคดีว่าแต่ละคนมีขนาดตัวที่ไม่ใหญ่มากจึงทำให้ไม่เบียดกันจนเกินไป
ทั้ง 5 คน มาถึงที่หมายกันโดยใช้ระยะเวลาไม่นานนักเพราะยังเป็นช่วงที่เพิ่งจะเลิกงาน ทั้งหมดพากันเดินไปหาอะไรทานเพื่อเป็นมื้อเย็นกันก่อนแล้วจึงค่อยไปเดินเลือกซื้อของใช้กันภายหลัง สมาชิกของกลุ่มมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังก่อนที่พวกเขาจะเดินเข้าไปภายในร้านโดยมีพนักงานต้อนรับคอยยืนบริการอยู่
“เลือกเมนูอาหารที่ต้องการสั่งได้ที่หน้าจอเลยนะคะ หากติดขัดอะไรหรือสะดวกสั่งกับพนักงานก็สามารถแจ้งได้เลยค่ะ” เมื่อได้ที่นั่งพนักงานก็เอ่ยทักทายและแนะนำการสั่งอาหารตามปกติซึ่งพวกเขาสะดวกที่จะสั่งผ่านหน้าจออิเล็กทรอนิกส์จะได้ไม่ต้องรบกวนเวลาของพนักงานจนเกินไป ดังนั้นหลังจากที่แนะนำการใช้งานจบแล้วพนักงานสาวจึงปล่อยให้พวกเขาได้เลือกเมนูกันตามสะดวก
“พวกมึงจะเอาอะไรกัน” มินไปฝ่ายเอ่ยถามเพราะตนเองเป็นคนที่อยู่ใกล้หน้าจอที่สุด
“กูเอาชุดหมูชาบู” สาวตัวเล็กอย่างหมวยเอ่ยปากสั่ง
“กูเอายากิโซบะ” ส่วนเมนูเส้นเป็นของสาวจอมแก่นอย่างจ๋า
“เราเอาข้าวหน้าไก่เทอริยากิ” ก่อนจะตามมาด้วยเพื่อนผู้ชายตัวเล็กอีกคนอย่างเดียร์
มินพยักหน้ารับ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ สไลด์หน้าจอเพื่อหาเมนูที่ทุกคนสั่งแล้วจึงจัดการกดออเดอร์ไปตามจำนวนของเพื่อนๆ และเขาเอง มินแอบหัวเราะเบาๆ เพราะผู้ชายกลุ่มนี้ดูจะพูดจาไพเราะกว่าผู้หญิงเสียอีก แต่ก็เอาเถอะยังไงก็ดีกว่าตอนแรกที่ไม่สนิทกันจนทำอะไรก็เกร็งไปหมด
ในขณะที่เขากดเลือกเมนูอาหารและเตรียมจะกดส่งออเดอร์…เดี๋ยวก่อนนะทำไมมีออเดอร์แค่ 4 จานพวกเรามากัน 5 คนไม่ใช่หรือ? มินหันไปมองยังคนตัวเล็กที่นั่งอยู่หงอยๆ อยู่ข้างเขาจึงเข้าใจทันทีว่า 1 จานที่หายไปเป็นของใคร
“น้ำตาลจะกินอะไรหรือ เลือกได้ยัง” มินรีบหันไปถามคนตัวเล็กทันที
“เรายังไม่ค่อยหิวอะไร ทุกคนทานกันก่อนเลยก็ได้เราขอแค่ชาเขียวแก้วเดียวก็พอ” น้ำตาลตอบด้วยน้ำเสียงสดใส เจ้าตัวพยายามทำให้ตัวเองเป็นปกติที่สุดแต่ถึงอย่างนั้นเพื่อนๆ ก็ดูออกอยู่ดี
“กินหน่อยนะน้ำตาลนิดหนึ่งก็ยังดี เอาไข่ตุ๋นไหมจะได้ทานง่าย” หมวยพยายามเกลี้ยกล่อม เห็นเพื่อนของเธอเบื่ออาหารแล้วช่างดูไม่สมกับเป็นน้ำตาลตามปกติเอาเสียเลย
“งั้นก็ได้” น้ำตาลพยักหน้ารับ มินจึงหันไปกดสั่งออเดอร์ไข่ตุ๋นที่หน้าจออีกครั้งก่อนจะกดส่งออเดอร์เข้าครัว
ในระหว่างที่นั่งรออาหารแต่ละคนก็ต่างทำภารกิจส่วนตัวของตัวเอง นั่นคือการเล่นโทรศัพท์มือถือ มีบ้างที่บางช่วงจังหวะเงบหน้าขึ้นมาคุยกันเรื่องภาคสนามที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ แต่ในระหว่างความเงียบงันบนโต๊ะอาหารจู่ๆ เดือนเอกของเพื่อนๆ ก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมาจนโต๊ะอื่นๆ หันมามองกันเต็มไปหมด
“เฮ้ย!”
“เป็นอะไรมึงตกใจหมด แล้วก็เบาๆ เสียงด้วยเห็นไหมคนหันมามองกันเต็มเลย” หมวยเอ็ดเพื่อนเบาๆ ทำให้เดือนเอกโค้งหัวเป็นการขอโทษให้กับผู้คนรอบข้างก่อนจะเอ่ยปากพูดต่อ
“พวกมึง กำจรประกาศคะแนนงานแล้ว!” ถึงจะพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาลงแต่ถึงยังไงมันก็ยังคงดังอยู่ดี แต่นั่นคงไม่เท่ากับที่ว่ามินควรเอาเรื่องคะแนนมาพูดตรงนี้กว่าพวกเขาจะปลอบน้ำตาลได้ก็แทบแย่
“อีมิน!” หมวยพยามเอ็ดอีกครั้งเมื่อหันไปเห็นน้ำตาลที่มีท่าทางเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ใช่โว้ย น้ำตาลดูคะแนนที่ช่องของตัวเองก่อนนะ” มินพยายามส่งโทรศัพท์มือถือของตัวเองให้เพื่อนตัวเล็กดู แต่อีกฝ่ายเอาแต่ส่ายหน้าไปมาเพื่อเป็นการปฏิเสธ
“เราไม่ดูได้ไหม” เจ้าตัวเล็กของเพื่อนๆ พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยจนเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงข้ามอย่าง หมวย จ๋า และเดียร์ แทบจะส่งสายตาอาฆาตมาให้กับเดือนเอกจนลูกตาแทบจะถลนอยู่แล้ว
“ดูหน่อยเถอะน้ำตาลเชื่อเราแล้วจะตกใจ” เมื่อเห็นว่าเพื่อนของตัวเองพูดมาแบบนั้น เขาจึงต้องจำยอมรับโทรศัพท์มือถือของอีกฝ่ายมา แม้จะไม่เข้าใจก็ตามว่าทำไมถึงต้องดูเพราะยังไงคะแนนของน้ำตาลก็คงเป็น…
“17!” เจ้าตัวเล็กพูดด้วยน้ำเสียงตกใจจนคนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ หันมาดูอีกครั้ง นี่ถ้ามีการส่งเสียงรบกวนลูกค้าอีกรอบคงโดนเชิญออกจากร้านอย่างแน่นอน
“ว่าไงนะ” แต่นั่นก็ไม่เท่ากับเสียงที่เพื่อนๆ ฝั่งตรงข้ามพร้อมใจกันส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจเช่นกัน ทุกคนจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเปิดหน้าเพจของโครงการเพื่อดูใบคะแนนล่าสุดที่ถูกโพสต์ ก่อนจะกวาดสายตาไปหยุดที่เลขรหัสนักศึกษาของน้ำตาลโดยแทบจะไม่ได้สนใจคะแนนของตัวเองกันเลยด้วยซ้ำ
“ได้ไงว้ะ” หมวยพูดออกมาอย่างงงๆ เมื่อเห็นเลข 2 หลักถูกเขียนอยู่บนช่องที่แสดงรหัสนักศึกษาของน้ำตาล จะบอกว่าอาจารย์ใส่คะแนนผิดก็คงไม่ได้เพราะว่าสองคนที่ไม่ได้ส่งงานก็ไม่ได้มีคะแนนใส่ไว้
“เห็นไหมล่ะกูบอกแล้ว” มินพูด
“ต แต่ว่า” น้ำตาลแทบจะไม่เชื่อสายตาของตัวเองในเมื่อเลขที่ควรเขียนอยู่บนช่องคะแนนของเขาควรจะเป็น 0 ซะมากกว่า แต่นี่คะแนนของตัวเองอยู่สูงถึง 17 คะแนนซึ่งเกือบจะเท่ากับคนที่ได้ท็อปเลยด้วยคะแนน 17.5 ห่างกับน้ำตาลเพียงแค่ 0.5 คะแนนเท่านั้น
“หรือว่าอาจารย์จะหางานของน้ำตาลเจอแล้ว ยังไงเราว่าคงไม่ผิดพลาดหรอกคนที่ไม่มีงานมี 3 คน แต่นี่มีเขียน 0 คะแนนเอาไว้แค่ 2 คน อาจารย์เขาคงต้องเช็คจนมั่นใจแล้วล่ะถึงประกาศออกมาแบบนี้” จ๋าแสดงความเห็น
“เราก็คิดว่าแบบนั้นเหมือนกัน ดีใจด้วยนะน้ำตาลได้รองท็อปเลยนะเว้ย” เพื่อนๆ ต่างพากันแสดงความยินดีกับน้ำตาลแต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็เอาแต่นั่งนิ่งด้วยความงง เขาไม่อยากจะดีใจเก้อหรอกนะถ้าคะแนนมาถูกเปลี่ยนทีหลังบางทีอาจารย์อาจจะใส่คะแนนผิดก็ได้
พี่ชาย is calling
น้ำตาลสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกแรงสั่นที่มาจากกระเป๋ากางเกง เขาหยิบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังออกมาก่อนที่บนหน้าจอจะปรากฎเป็นสายเรียกเข้าจากพี่ชายของตัวเองจึงรีบกดรับในทันที
“ฮัลโหล น้ำตาลเห็นคะแนนของตัวเองหรือยัง” ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงดีใจจนปิดไม่มิด
“ก็เห็นแล้วครับ แต่ว่ามัน ไม่ได้ผิดพลาดหรอครับ”
“ไม่ผิดครับพี่เข้าไปถามอาจารย์มาเมื่อตะกี้เลยอาจารย์บอกว่ามีคนเข้ามาเป็นพยานให้ว่าเราส่งงานแล้วจริงๆ อาจารย์เลยยอมตรวจงานฉบับใหม่ที่ส่งไปให้ จริงๆ เราต้องได้ 19 แต่ว่าอาจารย์มองว่าเพื่อความยุติธรรมเลยให้คะแนนมากกว่าคนที่ได้สูงสุดก่อนตรวจงานของเราไม่ได้”
“จ จริง หรือครับ!”
“ใช่ครับ น้องชายของพี่เก่งที่สุดเลย”
“น้ำตาลถามได้ไหมครับว่าใครเป็นคนเข้าไปเป็นพยานให้กับน้ำตาล” รอยยิ้มน่ารักปรากฎบนใบหน้าใสเป็นครั้งแรกของวัน ถึงจะดีใจแต่เขาก็อยากจะรู้มากกว่าว่าใครเข้าไปเป็นพยานให้กับเขาทำให้ได้คะแนนกลับมา
“อาจารย์บอกว่าไอมังกรนะ ว่าแต่วันนั้นเราไปส่งงานพร้อมมันหรือ”
“ม มั้งครับ” เขาไม่มั่นใจว่ามังกรจะรู้ว่าเขาเข้าไปส่งงานจริงหรือไม่เพราะวันนั้นเป็นเขาเองนั่นแหละที่แอบสะกดรอยตามมังกรไปที่ห้องพักของอาจารย์…ถ้าอย่างนั้นแปลว่ามังกรก็รู้น่ะสิว่าเขาเข้าไปส่งงานตอนไหน
“ดีแล้วล่ะ หมดห่วงสักทีนะ แล้วนี่ทานข้าวกันเสร็จหรือยังอีกเดี๋ยวพี่รีบไปรับนะ”
“ก็กำลังรออาหารครับ”
“โอเคถ้างั้นเดี๋ยวพี่ถึงแล้วจะโทรบอกนะครับ”
“โอเคครับ” น้ำตาลพูดก่อนจะกดวางสายโทรศัพท์
แน่นอนว่าประเด็นบนโต๊ะอาหารหลังจากนั้นจะต้องพูดถึงสาเหตุที่น้ำตาลได้คะแนนกลับมาอีกครั้ง เจ้าตัวเล็กเล่าถึงเรื่องที่พี่ชายของตัวเองพูดถึงให้เพื่อนๆ ในกลุ่มฟังด้วยน้ำเสียงสดใสจนเพื่อนๆ ต่างพากันโล่งใจที่เห็นน้ำตาลสามารถกลับมายิ้มได้ตามปกติก่อนบทสนทนาบนโต๊ะอาหารจะกลับมาเป็นเรื่องคะแนนของเพื่อนๆ แต่ละคนที่พากันบ่นว่าอาจารย์กดคะแนนบ้างล่ะ มาตรฐานสูงเกินไปบ้างล่ะ แต่ที่แน่ๆ คือทุกคนก็ได้คะแนนไม่น้อยกว่าน้ำตาลไปสักเท่าไหร่หรอก…
หลังจากทานมื้อเย็นกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้ง 5 คนก็พาเกินไปเดินช้อปปิ้งเลือกซื้อของใช้ที่ขาดเหลือสำหรับการออกเดินทางภาคสนามในวันพรุ่งนี้ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เป็นการเดินซื้อของใช้เสียแล้วเพราะเอาเข้าจริงก็กลายเป็นสามหนุ่มของกลุ่มเดินตามสาวๆ อย่างหมวยและจ๋า เดินเข้าออกร้านเสื้อผ้ารวมถึงเครื่องสำอางเป็นว่าเล่น จนเวลาล่วงเลยไปถึงเกือบ 1 ทุ่มตรงนั่นแหละถึงได้เริ่มเดินเลือกซื้อของใช้กันอย่างจริงจัง
ทั้งหมดเดินเลือกของใช้กันจนขาแทบลากก่อนจะแยกย้ายกันเดินทางกลับบ้าน โดยเจ้าตัวเล็กได้เดินทางกลับบ้านกับพี่ชายที่ขับรถมาถึงพอดี เมื่อขึ้นมาบนรถเจ้าตัวเล็กที่ก็คะยั้นคะยอขอให้พี่ชายเล่าถึงเหตุการณ์ทั้งหมดให้เขาในทันที…ก็น้ำตาลน่ะยังคงไม่มั่นใจอยู่ดี
“สรุปแล้วคือพี่มังกรเข้าไปคุยกับอาจารย์ให้หนูมาใช่ไหม”
“ใช่ครับมัน เอ้ย พี่เขาเป็นคนไปคุยกับอาจารย์ให้เอง เห็นอาจารย์เล่าว่าพี่เขาไปเป็นพยานให้ว่าเราส่งงานแล้วจริงๆ พี่มันไปคุยกับอาจารย์ตั้งนานกว่าอาจารย์จะยอม”
“งั้นหรือครับ” เจ้าตัวเล็กพยักหน้าอย่างใช้ความคิดก่อนจะเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง
“พี่น้ำแข็งครับ”
“ว่ายังไงเอ่ย” น้ำแข็งตอบโดยสายตายังคงจับจ้องไปที่ถนนตามเดิม
“หนูขอไลน์ของพี่มังกรหน่อยได้ไหม”
“หืม เรายังไม่ได้แลกไลน์กันอีกหรือ” น้ำแข็งถามเมื่อคิดว่าเพื่อนสนิทของตนเองน่าจะมีคอนแทคของน้องตนเองอยู่แล้ว
“ก็ ครับ”
“หยิบโทรศัพท์พี่เอาเลย แล้วแชร์คอนแทคเข้าไลน์ตัวเองนะ” น้ำแข็งส่งโทรศัพท์ให้น้องชายก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะกดรหัสผ่านอย่างที่ทำประจำแล้วเข้าแอพพลิเคชั่นชื่อดังอย่าง Line เพื่อหารายชื่อผู้ติดต่อของคนที่ต้องการ
“คนนี้ใช่ไหมครับ” น้ำตาลพลิกหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ปรากฎเป็นโปรไฟล์ไลน์ของผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบนักศึกษาอย่างถูกระเบียบ ผมถูกเซ็ทจนตั้ง แถมยังแต่งหน้าเล็กน้อยให้ดูดี ถึงจะคุ้นๆ ว่าน่าจะเป็นคนที่กำลังตามหาแต่น้ำตาลก็ยังคงไม่แน่ใจเลยเอ่ยถามพี่ชายในขณะที่รถกำลังติดไฟแดง
“ใช่ครับ แชร์ไปได้เลย” น้ำตาลพยักหน้าก่อนจะกดแชร์ผู้ติดต่อของมังกรส่งไปยังไลน์ของเครื่องตัวเอง
ติ๊ง!
เจ้าตัวเล็กหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นมาก่อนที่จะกดเข้าไปในแอพพลิเคชั่นดังกล่าว เลือกช่องสนทนาระหว่างเขาและพี่ชายแล้วจึงกดเพิ่มผู้ติดต่อที่ได้ทำการแชร์มาล่าสุด ทำให้รายชื่อผู้ติดต่อคนที่น้ำตาลเพิ่งจะกดแอดไปได้ถูกเพิ่มเข้ามาในเครื่องของตนเองเรียบร้อยแล้ว
น้ำตาลลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะคลิกเข้าไปที่โปรไฟล์ของเพื่อนใหม่ เจ้าตัวเล็กเลือกทำการสนทนาแล้วตัดสินใจพิมพ์ข้อความสั้นๆ ลงไปแล้วรีบกดส่งในทันที น้ำตาลรีบเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงทันที ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงตื่นเต้นขนาดนี้ แต่ช่างเถอะเพราะเขาได้บอกในสิ่งที่ต้องการไปเรียบร้อยแล้ว : )
Namtarn : ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับพี่มังกร
อีกด้านหนึ่งชายหนึ่งที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำในสภาพเปลือยท่อนบนโดยส่วนล่างมีผ้าขนหนูสีขาวพันรอบเอวเอาไว้อย่างหลวมๆ หยาดน้ำที่เกาะตามร่างกายแข็งแกร่งราวกับคนที่ดูแลตัวเองมาเป็นอย่างดี กล้ามเนื้อที่พอเหมาะแต่ไม่มากเกินไป อีกทั้งสีผิวที่ออกไปทางเข้มเล็กน้อย โดยรวมแล้วทำให้คนๆ นี้มีเสน่ห์เกินที่จะต้านทานเมื่อได้พบเห็นอย่างแน่นอน
ติ้ง!
มังกรจัดการเช็ดมือให้เรียบร้อย ก่อนจะรีบตรงเข้าไปหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้อยู่บนเตียงเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณแจ้งเตือนดังขึ้น
เจ้าตัวแปลกใจเล็กน้อยเมื่อคลิกเข้ามายังแอพพลิเคชั่นสีเขียวชื่อดังก่อนจะพบกับรายชื่อผู้ติดต่อเข้ามาใหม่ 1 คน พร้อมด้วยข้อความจากคนแปลกหน้าคนนั้น
“ใครวะ?” เจ้าตัวกดเข้าไปที่โปรโฟล์ของผู้ส่งคำขอเพื่อนใหม่ โทรศัพท์มือถือใช้การในการโหลดรูปโปรไฟล์เล็กน้อยจึงปรากฎเป็นภาพเด็กแก้มย้อยคนหนึ่งที่ฉีกยิ้มกว้างอย่างหน้าเอ็นดูขึ้นมา จนเจ้าของโทรศัพท์แอบยิ้มให้กับภาพโปรไฟล์ของอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว
เขากดตอบรับการขอเพิ่มเพื่อนในทันที ทำให้ในตอนนี้ทั้งเขาและน้องเทคจึงกลายเป็นเพื่อนกันทางไลน์อย่างสมบูรณ์แบบ และเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่ามีข้อความที่ค้างไว้อยู่ของอีกฝ่ายจึงรีบกดออกจากหน้าเพิ่มเพื่อนเพื่อเข้าไปยังหน้าแชท
ข้อความสั้นๆ ของเพื่อนใหม่ ทำให้มังกรยิ้มออกมาอีกครั้ง เขาส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะส่งข้อความตอบกลับไปและหวังว่าเจ้าตัวจะตอบกลับมาเช่นกันนะ
Morakod : ไม่เป็นไรครับ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ
Morakod : อย่าลืมเอาน้ำแข็งประคบตาด้วยนะครับ เดี๋ยวตาบวม : )
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เดียร์ใช่มั้ย
ทำไมไม่ดูกล้องวงจรปิดล่ะ..ความจริงน่าจะให้ไปส่งงานที่ห้องทำงานในภาควิชานะ..
ของเราเรียนจบจากโครงการ มันจะบริหารแยกจากคณะเลย เพราะฉะนั้นตอนเราเรียนหลายๆ วิชาก็เดินไปส่งงานที่ห้องพักของอาจารย์เพื่อความสะดวกและความรวดเร็ว
และเรื่องกล้องวงจรผิด การข้อดูไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพื่อนไรท์เคยโดนแอบถ่ายในห้องน้ำมหา'ลัย ขนาดนั้นเขายังไม่ให้เลยถ้าไม่มีใบแจ้งความ ไม่ใช่แค่มหา'ลัย ที่ไรท์เรียน หลายๆ ที่ก็มีระเบียบต่างกันไป กล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานสำคัญ ใช่ว่าจะไปขอดูได้ง่ายๆ
อย่ามาทำกับน้องแบบนี้นะให้น้องมีเพื่อนดีๆเถอะ