ตอนที่ 1 : บทนำ : โกโก้เพิ่มหวาน (Re-write)
บทนำ
โกโก้เพิ่มหวาน
“น้ำตาลลูกยังไม่เสร็จอีกหรือเดี๋ยวไปไม่ทันนะ”
“จะเสร็จแล้วค้าบคุณแม่”
ตึง ตึง ตึง
“น้ำตาลอย่าวิ่งสิลูก!” เสียงฝีเท้ากระทบกับบันไดเป็นจังหวะที่ถี่รัวบ่งบอกว่าคนด้านบนกำลังวิ่งลงมาจนคุณผู้หญิงของบ้านจันทร์นิมิตรอดที่จะเอ็ดลูกชายคนเล็กของเธอไม่ได้ที่วิ่งลงบันไดมาจากชั้นสองโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเอง
“แหะ ๆ ก็น้ำตาลกลัวไปสายนี่ครับ” เจ้าของชื่อน้ำตาลปรากฏตัวในชุดเครื่องแบบนักศึกษาขนาดกะทัดรัด แต่ด้วยขนาดร่างกายที่ค่อนไปทางเล็กทำให้น้ำตาลดูเหมือนเด็กที่ไปแอบเอาชุดเครื่องแบบของพี่ชายมาใส่
“แล้วจะทานอาหารเช้าที่บ้านหรือไปทานที่มหา’ลัยล่ะลูก” คุณผู้ชายที่นั่งดื่มกาแฟเป็นฝ่ายถามเจ้าลูกชายคนเล็กขึ้นมา ในขณะนี้สมาชิกของบ้านจันทร์นิมิตรต่างยุ่งกับการเตรียมตัวที่จะออกไปทำงานและเรียนหนังสือจึงทำให้สภาพในห้องครัวค่อนข้างยุ่งเหยิงเล็กน้อยคนงานต่างเดินกันให้ว่อนแต่ก็ยังอยู่ในความสำรวมเพราะคุณผู้หญิงของที่นี่เคร่งครัดเป็นอย่างมาก
“เดี๋ยวน้ำแข็งพาน้องไปทานที่มหา’ลัยแล้วกันครับคุณแม่”
“อย่างนั้นหรือ ถ้างั้นก็รีบออกเดินทางกันได้แล้วลูก”
“ครับน้ำตาลไปก่อนนะครับ”
ฟอด
“ไปก่อนนะครับคุณพ่อคุณแม่”
“เดินทางปลอดภัยนะลูก”
นัทธมนมองภาพลูกชายทั้งสองของเธอในชุดเครื่องแบบนักศึกษาเดินออกไปจากห้องครัวจนสุดสายตา ในช่วงปีที่ผ่านมามีเรื่องต่าง ๆ มากมายเกิดขึ้นกับลูกชายคนเล็กของเธอ จนเธออดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ว่าเด็กในวัยที่เพิ่งจะสิบเจ็ดปีจะพร้อมรับมือกับสังคมในรั้วมหาวิทยาลัยได้หรือไม่ แต่ความกังวลของเธอก็ดูจะลดลงบ้างเมื่อคณะที่น้ำตาลตัดสินใจที่จะศึกษานั้นเป็นคณะเดียวกันกับน้ำแข็งลูกชายคนโตของเธอแถมมหาวิทยาลัยที่ลูกชายทั้งสองเธอเลือกที่จะศึกษานั้นยังไม่มีระบบโซตัสหรือการรับน้องที่รุนแรงอะไรจึงทำให้เธอคลายความกังวลลงได้…สองปีที่ผ่านมาในรั้วมหาวิทยาลัยของน้ำแข็งเธอรู้ดีตลอดว่าลูกชายของเธอเป็นเด็กดีไม่เคยออกนอกลู่นอกทางจึงมั่นใจว่าระบบของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็จะทำให้ลูกชายคนเล็กของเธอได้เจอสัมผัสกับสภาพสังคมที่ดีเช่นเดียวกัน
“ทานข้าวกันต่อเถอะคุณ” จาตุรนต์ที่เห็นภรรยายืนเหม่ออยู่ที่ประตูห้องครัวจึงอดไม่ได้ที่จะเรียกภรรยาให้กลับมานั่งทานข้าวต่อ เขารู้ดีว่าภรรยาของตัวเองขี้กังวลขนาดไหนแต่หากเธอยังคงคิดมากต่อไปแบบนี้ลูกชายของพวกเขาก็คงไม่มีทางที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้เสียที
“ค่ะ”
“ไม่ต้องกังวลหรอกน้ำข้าวยังไงน้ำตาลก็ไม่เป็นอะไรหรอกอย่าลืมสิว่าน้ำแข็งก็อยู่ด้วยตลอด รายนั้นหวงน้องอย่างกับอะไรดี…”
“ก็มันอดที่จะคิดมากไม่ได้นี่คะคุณ”
“น้ำข้าว…เชื่อผมนะลูกของเราจะไม่เป็นอะไรคุณต้องเชื่อมั่นในตัวลูกด้วยนะถึงน้ำตาลจะยังเด็กแต่แกก็อายุสิบเจ็ดแล้วถึงจะเด็กไปหน่อยที่จะเข้าเรียนในระดับนี้ก็ตาม แต่ผมเชื่อว่าสังคมมหา’ลัยจะทำให้แกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้”
“ค่ะข้าวจะพยายามนะคะ”
“น้ำตาลจะทานอะไรดีครับ”
“น้ำตาลอยากทานขนมปังครับพี่น้ำแข็งไม่ค่อยอยากทานข้าวเท่าไหร่”
“ตื่นเต้นหรือเราปกติเห็นกินเก่งจะตายไป” เด็กแก้มกลมหน้ามุ่ยทันทีเมื่อพี่ชายของตนเองพูดแซว แต่ถึงอย่างนั้นก็เถียงไม่ได้เพราะมันก็เป็นเรื่องจริงตามที่พี่ชายพูดมา
“ก็นิดหน่อยครับ”
“พี่เข้าใจเปิดเทอมวันแรกก็เป็นแบบนี้แหละแต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะชีวิตมหา’ลัยน่ะไม่เหมือนกับสมัยมัธยมแล้ว” น้ำแข็งใช้ฝ่ามือใหญ่ลูบหัวน้องชายด้วยความเอ็นดูส่วนมืออีกข้างนั้นยังคงประคองพวงมาลัยเพื่อบังคับรถให้อยู่ในทิศทาง
ภาพอาคารเรียนใหญ่โตมากมายเริ่มปรากฏเข้าสู่สายตาของน้ำตาลเมื่อรถคันงามแล่นออกมาได้สักพักหนึ่งเป็นสัญญาณว่าพวกเขากำลังเดินทางมาถึงที่หมายกันแล้ว
“ครับน้ำตาลแค่ตื่นเต้นเฉย ๆ แต่ไม่เป็นไรครับพี่น้ำแข็งไม่ต้องเป็นห่วงยังไงน้ำตาลก็ดูแลตัวเองได้” น้ำตาลฉีกยิ้มหวานอันสดใสส่งให้พี่ชาย เจ้าตัวไม่อยากให้คนในครอบครัวต้องมากังวลเรื่องของเขาเหมือนตอนสมัยเรียนมัธยมแล้วถึงจะตื่นเต้นต่อสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ที่ตนเองจะต้องเจอ น้ำตาลจะพยายามดูแลตัวเองให้ได้!
“ถ้างั้นเดี๋ยวพี่พาไปทานขนมปังที่คาเฟ่แถว ๆ นี้ละกันนะครับจะได้มีเครื่องดื่มให้ทานด้วย”
“ได้เลยครับ”
น้ำแข็งตบไฟเลี้ยวเป็นสัญญาณขอทาง โชคร้ายที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีที่จอดรถไม่เพียงพอต่อความต้องการของนักศึกษา เขาจึงไม่สามารถที่จะจอดรถในลานจอดของมหาวิทยาลัยได้จึงจำเป็นต้องหาที่จอดตามสถานที่รับฝากรถที่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับคณะของตนก่อนจะพาน้องชายเดินเข้ามายังในมหาวิทยาลัยเมื่อหาที่จอดรถได้แล้ว
น้ำตาลเดินเข้ามาภายในมหาวิทยาลัยด้วยความตื่นเต้น ถึงแม้ช่วงปิดเทอมน้ำตาลจะได้เข้ามาทำกิจกรรมรับเพื่อนใหม่ไปบ้างแล้ว แต่วันนี้เป็นวันแรกในฐานะนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งอย่างเป็นทางการเจ้าตัวเลยมีอาการตื่นเต้นจนตัวสั่นไปหมด
“มาครับมาจับมือกัน” น้ำแข็งที่เห็นน้องชายของตัวเองตัวสั่นงก ๆ จึงส่งฝ่ามือใหญ่ของตนให้กับน้องชาย น้ำตาลเมื่อเห็นแบบนั้นจึงส่งมือของตนเองเข้าไปจับมือกับพี่ชายของตัวเองด้วยความเคยชิน แม้ว่าคนอื่นอาจจะมองว่าเป็นเรื่องแปลกที่ผู้ชายสองคนจะมาเดินจับมือกันในรั้วมหาวิทยาลัย แต่สำหรับสองพี่น้องคู่นี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่จะเดินจับมือกันบ่อย ๆ โดยไม่สนใจกับสายตาของผู้คนรอบข้าง
“เอาโกโก้เพิ่มหวานแก้วหนึ่งครับแล้วก็เอาเค้กช็อกโกแลตสองชิ้นด้วยครับ”
“ทานหมดหรือครับ”
“หมดค้าบ พี่น้ำแข็งซื้อให้หนูนะค้าบ” สรรพนามที่เรียกตนเองและน้ำเสียงออดอ้อนของเจ้าน้องชายนับเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้นหากเจ้าตัวต้องการอะไรหรือในบางครั้งสรรพนามที่เจ้าตัวใช้เรียกตนเองนั้นก็จะถูกใช้ในยามที่ตัวเองโกรธ และในทุก ๆ ครั้งพี่ชายอย่างเขาก็ไม่สามารถต้านทานความน่ารักของน้ำตาลได้เลย แก้มที่ป่อง ๆ ของน้องชายจะโทษใครก็ไม่ได้ต้องโทษที่ตัวพี่ชายอย่างเขานี่แหละ
“ก็ได้ครับ เอาเป็นโกโก้เพิ่มหวาน ชามะนาวเย็นอย่างละหนึ่งแก้วนะครับ…แล้วก็เค้กช็อกโกแลตสองชิ้นด้วยครับ” น้ำตาลยืนกดดันจ้องหน้าพี่ชายของตนเองโดยไม่ยอมไปนั่งรอ แต่เมื่อพี่ชายได้สั่งในสิ่งที่ตนเองต้องการออกไปจึงฉีกยิ้มแฉ่งก่อนจะยอมเดินไปนั่งรอที่โต๊ะอย่างอารมณ์ดี
“ทั้งหมดสองร้อยยี่สิบบาทค่ะ”
“นี่ครับ” น้ำแข็งส่งธนบัตรเป็นจำนวนที่พอดีกับค่าสินค้าให้กับพนักงาน
“ขอบคุณค่ะ รบกวนนั่งรอสักครู่ก่อนนะคะเมื่อถึงคิวเดี๋ยวพนักงานจะเรียกค่ะ”
“ครับ”
น้ำแข็งรับใบเสร็จจากพนักงานเสร็จเรียบร้อยก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะที่มีน้องชายของเขานั่งมองบรรยากาศภายในร้านด้วยความสนอกสนใจอยู่
“คนไม่ค่อยเยอะเลยนะครับ”
“ก็ยังเช้าอยู่เลย ถ้ามาช้ากว่านี้สักยี่สิบนาทีรับรองว่าพวกเราไม่มีที่นั่งแน่นอน” เนื่องจากระยะทางจากบ้านถึงมหาวิทยาลัยของทั้งสองมีระยะทางที่ค่อนข้างไกลส่งผลให้สองพี่น้องต้องเผื่อเวลาเดินทางค่อนข้างมากหากมีเรียนคาบเช้า แต่ในวันนี้คงเป็นเพราะโชคดีการจราจรที่ควรติดขัดกลับไม่เป็นเหมือนทุกวันเป็นเหตุให้สองพี่น้องจึงเดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่
“พี่น้ำแข็งมาร้านนี้บ่อยหรือครับ”
“ครับแทบทุกวันเลยเพราะที่คณะก็มีร้านนี้ร้านเดียวถ้าไม่อยากเดินทางไกลส่วนใหญ่คนในคณะก็จะมาหาอะไรดื่มกันที่ร้านนี้ครับ”
“อา... น้ำตาลได้ร้านประจำร้านใหม่แล้ว อยากลองชิมไว ๆ จังจะได้รู้ว่าอร่อยหรือเปล่า” คนกินเก่งส่งสายตาพราวเมื่อพูดถึงของกินจนพี่ชายอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวน้องชายของตัวเอง
“ไม่ใช่ว่าชอบทุกร้านหรือไง พี่เห็นเราไปร้านไหนก็ทานของเขาหมดทุกร้านเลย”
“ฮึ่ย! พี่น้ำแข็งว่าหนูอ้วนอีกแล้วอะ หนูไม่คุยกับพี่แล้ว” คนที่โมเมหาว่าอีกฝ่ายว่าตัวเองอ้วนอมลมจนแก้มป่องก่อนจะหันหน้าหนีพี่ชายของตัวเอง น้ำแข็งว่าไม่เคยสอนให้เจ้าตัวทำแบบนี้นะไม่รู้ว่าน้ำตาลไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าหากทำท่าทางแบบนี้แล้วจะดูน่ากลัว ในทางกลับกันไม่ว่าใครที่ได้เห็นท่าทางของเจ้าตัวตอนนี้ก็คงอยากจะเข้ามาบีบแก้มน้องชายของเขากันอย่างแน่นอน แต่ว่าเขาไม่ยอมให้ใครมายุ่มย่ามกับน้องชายหรอกนะ น้องชายของเขา เขาสามารถบีบแก้มได้คนเดียว!
“โอ๋ ๆ พี่ไม่ได้ว่าเราอ้วนสักหน่อย ไหนใครว่าน้ำตาลอ้วนเดี๋ยวพี่จะไปจัดการให้ น้ำตาลของพี่น่ารักจะตายหุ่นกำลังพอดี”
“จริงง่ะ?” น้ำตาลยังวางฟอร์มไม่ยอมหันหน้ามาทางพี่ชาย เจ้าตัวเพียงแค่เหลือบตามาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“จริงสิครับหายโกรธพี่นะครับ ถ้าหายโกรธเดี๋ยวตอนเย็นพาไปกินชาบู”
“ก็ได้ น้ำตาลไม่โกรธก็ได้เห็นว่าพี่น้ำแข็งง้อหรอกนะ” เจ้าตัวหูผึ่งทันทีเมื่อพี่ชายพูดถึงชาบู แต่ว่านะที่หายโกรธไม่ใช่ว่าพี่ชายจะพาไปกินชาบูนะ เขาเพียงแค่เห็นว่าพี่ชายมีความพยายามที่จะง้อเขาเท่านั้นเอง จริง ๆ นะ!
“คาปูชิโน่ไม่หวานได้แล้วค่ะ”
“อ้ะ ได้แล้ว ๆ พี่ชายนั่งรอตรงนี้นะรอบนี้เดี๋ยวน้ำตาลไปเอาเองครับ”
“เดี๋ยวครับ!” น้ำตาลพุ่งตรงไปที่เคาน์เตอร์รับสินค้าโดยที่ไม่ฟังเสียงพี่ชายที่เรียกตามหลังมา บางทีความหิวมันอาจจะน่ากลัวมากกว่าที่คิดนะเพราะหากเป็นเวลาปกติน้ำตาลคงไม่หน้ามืดตามัวได้ยินเสียงพนักงานพูดว่าคาปูชิโน่ไม่หวานผิดเป็นโกโก้เพิ่มหวานอย่างแน่นอน
“ขอบคุณนะครับ”
“เอ่อของคุณลูกค้ามัน…” ไม่ทันที่พนักงานจะพูดจบ น้ำตาลก็หยิบหลอดปักลงแก้วก่อนที่จะส่งมันเข้าไปในปากของตนเองทันที
“แหวะ!” แน่นอนว่าคนไม่ชอบอะไรขม ๆ อย่างน้ำตาลจะต้องไม่สามารถทนรับสภาพต่อรสชาติอันขมขื่นของน้ำดื่มภายในแก้วได้ ถึงแม้ว่าคาปูชิโน่จะไม่ได้มีความแรงเท่ากับกาแฟชนิดอื่น ๆ แต่หากไม่มีการเพิ่มรสชาติด้วยไซรัปแล้วละก็มันก็ไม่ต่างจากกาแฟเข้มข้นดี ๆ แก้วหนึ่งนี่เอง
โชคดีที่บริเวณตรงที่น้ำตาลยืนอยู่มีถังขยะตั้งเอาไว้เพื่อให้ลูกค้าสามารถทิ้งเปลือกหลังจากแกะหลอดได้ เจ้าตัวจึงปล่อยเครื่องดื่มรสขมที่อยู่ภายในปากออกมาจนหมดลงไปในถังขยะใบนั้น
“พี่ครับมันขมมากเลยอะครับผมสั่งโกโก้เพิ่มหวานน้า” เจ้าตัวยังคงทำหน้ามุ่ยเพราะกาแฟแก้วนั้น
“เอ่อคือว่า…”
“ตัวเล็ก กาแฟแก้วนั้นมันของพี่นะครับ” น้ำตาลหันไปตามน้ำเสียงทุ้มที่ดังมาจากข้างหลังด้วยความไม่พอใจ ใครกันมาว่าเขาเตี้ย! น้ำตาลไม่ยอมจริง ๆ ด้วย
พอหันกลับไปใบหน้าของน้ำตาลจึงพบกับภาพแผงอกกว้างในชุดเครื่องแบบนักศึกษาเต็มยศเสียแทน น้ำตาลเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยตามความสูงของอีกฝ่ายเพื่อหมายจะจัดการกับคนที่มาหาว่าเขาเตี้ยก่อนจะพบกับใบหน้าคมเข้มกำลังจ้องลงมาที่เขาอย่างพอดิบพอดี คนคนนี้สูงกว่าพี่ชายของเขาอีกแถมยังดูน่ากลัวด้วยอีกต่างหากแต่ถึงอย่างนั้นบนใบหน้าของอีกฝ่ายก็ดูมีรอยยิ้มบาง ๆ ประดับบนใบหน้าอยู่บ้าง ถึงจะกลัวแต่เขาไม่ยอมให้ใครมาว่าได้อย่างแน่นอนพี่น้ำแข็งสอนเอาไว้
“หนูไม่ได้เตี้ยนะ!” คนตัวสูงเลิกคิ้วขึ้นอย่างงงงวยเมื่อคนตัวเท่าอกของเขามองมาด้วยสีหน้าไม่พอใจแถมยังขู่ฟ่อราวกับแมวหวงก้างอีกต่างหาก
“พี่ก็ไม่ได้ว่าเราเตี้ยสักหน่อย แค่จะถามว่าเรามาเอากาแฟที่พี่สั่งไปทำไม”
“กาแฟที่ไหนนี่มันโกโก้ของหนูพี่เขาก็พูดอยู่ว่าโกโก้เพิ่มหวานใช่ไหมครับ” ทั้งสองหันหน้าไปหาพนักงานที่ยืนกระอักกระอ่วนไม่รู้ว่าควรจะหาโอกาสพูดแทรกตอนไหน แต่เมื่อได้โอกาสแล้วเธอจึงเอ่ยปากพูดอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ อีกคนถึงจะตัวเล็กแต่ก็ทำท่าทางขู่ฟ่ออย่างกับแมว อีกฝ่ายก็ตัวสูงใหญ่สีหน้าเรียบเฉยจนเธอไม่รู้ว่าควรรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไรดี
“คะ... คือ แก้วนี้คือคาปูชิโน่ไม่หวานค่ะ ของคุณลูกค้าจะเป็นออร์เดอร์ต่อไป”
เพล้ง!
ได้ยินเสียงจานแตกไหมครับ นั่นแหละสิ่งที่น้ำตาลกำลังรู้สึกตอนนี้
“มะ ไม่ใช่โกโก้หรอกหรือ” น้ำเสียงของคนตัวเบาหวิว เขาไม่กล้าหันหน้าไปมองอีกคนที่กำลังยิ้มมุมปากอย่างแน่นอน
“หึ”
“ผะ... ผมจ่ายเงินให้ก็ได้นะครับ”
“ไม่เป็นไรครับพี่รีบ…แต่คราวหน้าถ้ารู้ว่ากินกาแฟไม่ได้ก็อย่ามาขโมยผู้ใหญ่กินอีกนะ” อีกฝ่ายหยิบกาแฟจากในมือของน้ำตาลก่อนจะเดินออกจากร้านไปโดยไม่สนใจว่าเขาจะยืนอ้าปากค้างอยู่
มะ... มันจะมากไปแล้วนะมาว่าหนูว่าเตี้ยแถมยังมาหาว่าหนูเป็นเด็กอีก ถึงน้ำตาลจะผิดจริง ๆ แต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาว่าได้หรอกนะ คราวหน้าเจอกันน้ำตาลจะว่าพี่เขาคืนแน่นอน!
แต่น้ำตาลอาจจะลืมไปว่าอีกฝ่ายเรียกเขาว่าตัวเล็กไม่ใช่เตี้ยตามที่เจ้าตัวเข้าใจ…
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น้องลูกกก พี่เข้าใจความรู้สึกหนูอย่างดีเลยลูกเพราะพี่ก็เคยโดนคนเรียกว่าตัวเล็กเหมือนกันรู้สึกเหมือนยิ่งโดนตอกย้ำความเตี้ยเลยอ่ะถึงมันจะจริงก็เถอะ😂😂😂😂55555
เอ็นดู