ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [the gifted]มือที่กุมฝันนั้นไว้

    ลำดับตอนที่ #1 : กิจอันมีค่าขนานที่1:โรงเรียนใหม่กับวินาศกรรมที่ตามมา

    • อัปเดตล่าสุด 14 ม.ค. 64


    ในวันเปิดเทอมวันแรกของโรงเรียนฤทธาวิทยาคมเหล่านักเรียนและครูต่างมีภาระหน้าที่ที่ต้องทำ‘มิรินทร์ บรรพตศิลป์’หรือ‘ริน’เปิดประตูห้องของหอพักของนักเรียนหญิงม.4/1ออกมาหลังจากจัดสัมภาระเป็นที่เรียบร้อยและเดินออกไปพร้อมของบางส่วนที่เก็บไว้ในกระเป๋าซึ่งดูรัดกุม เช้านี้เธอยังไม่เห็นรูมเมทตัวเองเป็นตัวเป็นตนนอกจากสัมภาระเจ้าตัวที่วางกองอยู่ในห้องก่อนหน้า

    “นี่สายแล้วแกไปประชุมได้แล้ว”เจ้าตัวว่าก่อนจะปิดประตูห้องและเดินจากออกไปทำให้เธอตัดสินใจเดินตามไป


    รินกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อแสดงความจริงใจตามคนอื่นไปประชุมให้ทันเวลาเธอไม่ถูกกับการประชุมเท่าไหร่นักปกติมักจะโดดหรือไม่ก็แอบทำอย่างอื่นระหว่างประชุมแต่ด้วยความที่เธอไม่อยากจะถูกเหล่าคณะครูเพ่งเล็ง จึงทำให้เธอจำใจเข้าประชุมและมาทันพอดี

    เธอเปิดสมุดบันทึกเรียบๆที่พกมาด้วยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเธอจรดปากกาเขียนลงไปอย่างตั้งใจโดยไม่ปล่อยให้เวลาเสียไป การจะตามหาคนตอนนี้คงไม่เหมาะดังนั้นเขียนบันทึกไปก่อนจนกว่าเวลาจะหมดขณะที่ผอ.และนักเรียนที่สอบได้ที่1มาพูดข้างหน้าเล็กน้อย

    ‘วันแรกที่โรงเรียนใหม่ของข้าพเจ้าก็ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้น...เดี๋ยวนะ!ทำไมต้องใช้คำว่าข้าพเจ้าด้วยวะ อย่างกะบันทึกสมัยเก่าๆไม่ได้!นี่มันบันทึกของผู้ครองโลกใช้คำว่าข้าพเจ้านี่ล่ะ’แม้การเทลาะกับตัวเองก็ยังคงดำเนินต่อไปและดันเขียนบทสนทนาที่ตนเทลาะกับตัวเองลงไดอารี่ไม่ได้สนสายตาเพื่อนข้างๆที่มองมาอย่างกลัวๆ

    หลังจากประชุมเสร็จก็ได้เวลาที่นักเรียนจะไปเรียนในแต่ละห้อง รินเดินไปถึงห้องม.4/1อย่างสบายใจและเข้าไปในห้องพร้อมๆกับนักเรียนห้อง1หลายชีวิตซึ่งเดินเข้ามาและเริ่มหาที่นั่งซึ่งตามวิสัยของรินคือการรอให้ที่นั่งโดนนั่งไปนหมดและเหลือตรงไหนเธอจะไปเสียบตรงนั้นซึ่งก็คือมุมด้านหลัง

    การที่คนแห่กันไปนั่งหน้าตามประสาห้อง1เหลือด้านหลังตรงมุมให้เธอหลบมุมมันเป็นอะไรที่ถูกใจจริงๆเพราะไม่ค่อยมีใครสนใจ

    กระเป๋าที่รัดกุมถูกเปิดออกเผยให้เห็นหลอดทดลองมากมายและอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการทดลองวิทยาศาสตร์และสารเคมีต่างๆที่เหมือนหลุดออกมาจากห้องทดลอง รินนำขวดบางอย่างขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะก่อนจะค่อยๆเปิดมันออกอย่างเบามือ

    “เธอๆเล่นอะไรน่ะ”นักเรียนกลุ่มหนึ่งที่คล้ายว่าอยากจะสนิทกับเธอได้เดินเข้ามาหาและรอคอยว่าเมื่อไหร่รินจะปริปากพูด

    “อ้อ...กำลังทำส่วนผสมที่ใช้ทำระเบิดน่ะ”รินตอบกลับไปพลางคิดว่าพวกนั้นคงจะกลัวและค่อยๆหายหน้าหายตากันไปเองและเป็นไปตามคาดทุกคนก้าวถอยจากโต๊ะเธอ1เสต็ปเนื่องจากกลัวว่าถ้าไปมุงตรงดินปืนจะเกิดอันตราย

    “ว่าทำระเบิดทำไมเหรอ”คนนึงในกลุ่มที่ยังคงพยายามตีสนิทกับคนแปลกๆที่รวยพอจะซื้ออุปกรณ์วิทยาศาสตร์ส่วนตัวมาทำระเบิด

    “เอาไว้ป้องกันตัวเผื่อมีหมาหรืออะไรวิ่งไล่น่ะ”รินซึ่งพูดความจริงออกมาส่วนนึงนอกจากคนแล้วเธอเป็นคนกลัวสิ่งมีชีวิตเกือบทุกประเภทไม่เว้นแม้แต่ลูกหมาลูกแมวที่ชาวบ้านมองว่าน่ารักแต่ยังไงเธอก็ไม่แม้แต่คิดจะแตะเนื้อต้องตัวพวกมัน

    “นี่แกกล้าทำระเบิดในห้องเรียนแต่กลัวหมาไล่เนี่ยนะ”ใครอีกคนในกลุ่มพูดเมื่อนึกถึงประสบการณ์ตอนที่ฝูงหมาข้างบ้านวิ่งไล่ ผึ้งไล่ต่อย ตัวเงินตัวทองไล่กัดตอนปั่นจักรยานก็หน้าซีดขึ้นมาเธอปฏิเสธไม่ได้ว่าระเบิดแฮนด์เมคเป็นประโยชน์เอามากๆ รินพยักหน้าและเงียบไปอีกครั้งซึ่งไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเลย

    แม้ชาวบ้านจะถามคำถามยิบย่อยในสิ่งที่ทำกับรินแต่เธอเองยังไม่ได้รู้จักพวกเขาเลยแม้แต่คนเดียวรวมทั้งพวกเขายังไม่รู้จักเธออีกด้วยทั้งๆที่พวกเขาดูสนิทเป็นเพื่อนกันแต่เธอก็ยังไม่มีเพื่อนมันก็ไม่แปลกที่ผู้คนจะรักชีวิตไม่ยุ่งกับเธอรวมถึงเพื่อนที่นั่งข้างเธออีกด้วยบางทีก็รู้สึกสงสารเพราะเธอรึเปล่านะหมอนี่ถึงไม่มีชาวบ้านกล้าเข้าหาเพราะกลัวโดนลูกหลงหรือเพราะรังสีไม่เป็นมิตรที่ปล่อยออกมาหรือทั้ง2หว่า

    ไม่ทันไรคุณครูคนหนึ่งก็เดินเข้ามาโดยกวาดสายตาตั้งแต่โต๊ะข้างหน้าจนหลังห้องซึ่งนักเรียนทุกคนก็ย้ายกลับไปนั่งยังที่ของตนในบัดดล

    “สวัสดีนักเรียนทุกคน...”เสียงของครูซึ่งเข้าหูซ้ายทะลุหูขวารินซึ่งกำลังจดจ่อกับการเขียนไดอารี่และเสียงอีกเสียงที่ดังเข้ามาในหูซึ่งก็คือเสียงแนะนำตัวของเพื่อนร่วมห้องรวมทั้งรินซึ่งทำไปตามเพื่อนเนื่องจากลืมฟังครู

    ในตอนนี้เธอก็พอจะรู้คล่าวๆว่าไทยมุงที่เมื่อกี้มามุงระเบิดเธอมีใครบ้างอย่างน้อยก็ดีที่ไม่ได้มุงอย่างใกล้ชิดจนเกิดอะไรขึ้นส่วนไอ้คนที่นั่งข้างๆก็พอรู้แล้วและหวังว่ามันรวมถึงคนในห้องจะไม่เอาไปบอกครูและด้วยความที่เพิ่งจะมานึกได้รินจึงตัดสินใจสะกิดคนข้างๆ

    “วสุธรใช่มั้ย...ถ้าแกไม่สบายใจกับสิ่งที่เราทำบอกได้นะ”เธอพูดกับคนข้างๆซึ่งโดนเมินทุกคำแต่ด้วยความขี้เกียจพูดซ้ำถือว่าหมอนี่มันเข้าใจแล้วดังนั้นจะทำอะไรก็ตามสบายเธอถึงจะบอกช้าไปหน่อยก็เถอะ

    วันเวลาผ่านไปเลยไปรินใช้เวลาส่วนใหญ่ในโรงเรียนไปกับกาารศึกษาหาข้อมูลประดิษฐ์สิ่งของและเขียนไดอารี่วนไปเรื่อยๆอย่างโดดเดี่ยวไม่มีเพื่อน ไม่บ่อยที่เธอทดลองระเบิดผิดพลาดในห้องเรียนจึงต้องโยนออกนอกหน้าต่างตึกเรียนจนไประเบิดข้างล่างโดยได้แลกที่กับวสุธรหรือเวฟเพื่อนั่งติดหน้าต่างจะได้โยนลงไปง่ายๆ

    จนกระทั่งวันหนึ่งวันที่ใกล้การสอบวัดระดับขึ้นมาอีกไม่กี่วันเพื่อนแทบทุกคนในห้องต่างเครียดและกลัวเพราะในห้องมีฝูงตัวต่อมาทำรังรอบๆห้องจนไม่สามารถเรียนได้และต้องอ่านหนังสือเพื่อสอบวัดระดับอีกด้วย ในคาบว่างจึงได้เกิดการประชุมขึ้นโดยผู้ที่ริเริ่มประชุมคือนายปุณณ์ที่ห่วงความปลอดภัยของสมาชิกห้องซึ่งรินเองก็แทบคลั่งกับเหตุการณ์นี้

    “อย่างที่รู้ตอนนี้ต่อสายพันธุ์ดุร้ายหลายตัวมาทำรังรอบห้องเราใครพอมีหนทางมั่ง”เจ้าตัวที่เป็นคนนัดประชุมรอบห้องเรียน

    “มึงบอกครูดีมั้ย”เพื่อนเสนอความเห็น

    “ขนาดยาฆ่ามันยังไม่ได้แล้วครูจะทำอะไรได้”เพื่อนสาวที่ชื่อว่า‘แคลร์’บอกกลับ

    “รินแกใจเย็นๆนะเว้ยมันก็แค่ต่อ”น้ำตาลที่เข้ามาปลอบเธอที่อยู่ในความแพนิคและซีดไปทั้งตัวทั้งๆที่ตัวเองก็กลัวเหมือนกัน

    “น่าจะเป็นเป็นพวกที่หมั่นไส้ห้องเราเอาต่อมาปล่อยนะ”เพื่อนที่ชื่อว่าแน็คเอ่ยขึ้นมา

    “เรื่องนั้นช่างมันก่อนเราบอกครูได้...ใครพอมีวิธีอะไรดีๆบ้าง”ปุณณ์ว่า

    “ระเบิดแx่งทิ้งให้หมด”รินซึ่งพูดออกมาด้วยเสียงเบาๆหากแต่ได้ยินกันทั้งห้องทุกคนหันมามองเธอคล้ายไม่เชื่อสายตาก่อนจะชี้ไปในกระเป๋าสัมภาระอีกใบที่มีระเบิดซึ่งเพิ่งจะทำเสร็จอยู่ในนั้น

    “นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะถ้าครูรู้ล่ะก็...”น้ำตาลพูดออกมา

    “กูอยากระเบิดห้องเรียนมานานแล้วว่ะ”อีกคนว่า

    “รีบทำอะไรก็ทำนะไม่งั้นเราไม่เรียนมันแล้ว”รินที่พูดบีบให้เพื่อนรีบตัดสินใจเพราะถ้าต่อยังสิงสถิตอยู่ในนี้เธอก็จะโดดมันทุกคาบนั่นแหละ

    “น่าสนุกดีนี่...เอาด้วย”แคลร์พูด

    “กูก็อยากเข้าห้องปกครองร่วมกับเพื่อนทั้งห้องว่ะ...เป็นประสบการณ์สนุกๆ”อีกคนว่า

    “สรุปว่ามีเวฟกับน้ำตาลที่ไม่เอาด้วยใช่มั้ย”เมื่อได้ข้อสรุปและการปลุกจิตใจที่อยากทำอะไรท้าทายแหกกฎสำเร็จไปคนทั้งห้องแม้แต่ปุณณ์ที่เห็นด้วยกับเสียงข้างมากก็เห็นพ้องต้องกันว่าต้องระเบิดฆ่าผึ้ง

    ด้วยความอยากรู้อยากลองที่เหล่านักเรียนห้อง1เริ่มก่อตัวขึ้นซึ่งถูกชี้โพรงโดยคนที่กลัวสุดขีด แม้จะรู้ว่าเป็นประสบการณ์ที่เสี่ยงแต่ก็ท้าทายดี พวกเขาจึงทำการวางระเบิดตามที่รินซึ่งคอยสั่งให้พวกคนใจกล้าเข้าไปติดไว้ ใจจริงเธอก็นึกสนุกวางแผนจะระเบิดห้องเรียนเล่นอยู่แล้ว ในเมื่อมีคนเอาสัตว์อันตรายเข้ามาโดยไม่ได้นัดหมายทำให้เธอมีข้ออ้างระเบิดห้องเรียนเล่นต้องขอบคุณพวกนั้นจริงๆ

    หลังจากการระเบิดห้องเรียนที่เกิดขึ้นเป็นเสียงอันดังจากไดนาไมต์คณะครูก็พากันวิ่งเข้ามาโดยมีครูคนนึงที่หยุดไล่จับเด็กห้องแปดมาดูเหตุการณ์

    “นี่พวกเธอ...”เสียงเย็นของครูวัยกลางคนคนหนึ่งดังขึ้น‘ครูลัดดา’เดินเข้ามาหาเหล่าห้อง1ที่ยืนมองผลงานตัวเอง

    และทุกคนก็ถูกลากตัวไปห้องปกครองอย่างช่วยไม่ได้

    “รู้มั้ยมันอันตราย...การที่พวกเธอจัดการกันเองเนี่ย”ครูลัดดาที่วีนออกมาซึ่งปุณณ์เองก็จะถูกเรียกไปพบผอ.

    “ครูคะหนูว่าอย่าโทษหัวหน้าห้องเลยค่ะ”รินที่เสนอออกมา

    “เธอจะบอกว่าจะมีคนรับผิดชอบแทนงั้นเหรอ”ครูลัดดาถามออกมา

    “หนูจะรับแทนในส่วนของหัวหน้าห้อง...ชญานิศ,วสุธรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ค่ะที่เหลือครูลองถามทั้ง2คนดูอีกที”รินว่า

    “เธอจะต้องไปเข้าพบผอ.นะส่วนที่เหลือรอบนี้แค่ตักเตือนถ้าพวกเธอทำอีก...มันไม่ได้มีแค่นั้นแน่”ครูลัดดาว่า

    การเข้าพบผอ.ดำเนินไปเหมือนปกติถูกเรียกไปพูดและดำเนินไปเป็นระยะนานแสนนานด้วยความที่เผลอไผลหยิบไดอารี่ขึ้นมาเขียนอีกครั้งตามนิสัยส่วนตัว

    “คุณเอาสมุดขึ้นมาทำไม คุณมิรินทร์”คำกล่าวของผอ.ทำให้เธอนึกได้ว่าเธอกำลังทำอะไรเธอจึงตัดสินใจแถไปอย่างสุดความสามารถพร้อมแสดงสีหน้าจริงจังและจริงใจอันหาได้ยากยิ่ง

    “สำนึกความผิดพลาดของตัวเองน่ะค่ะ”เธอแถออกมาซึ่งผอ.ก็พยักหน้าและเทศนาต่อไป
    ___________________________________________________________________________

    เนื่องจากว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ได้ดำเนินเรื่องไวมากและบรรยากาศในเรื่องค่อนข้างจะกาวๆ ถ้าไม่ถูกใจยังไงก็ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะ








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×