ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สิงหล

    ลำดับตอนที่ #6 : งานหมั้น

    • อัปเดตล่าสุด 13 ต.ค. 56


                                                                       บทที่หก:งานหมั้น

       อีกสองวันก็จะครบหนึ่งเดือนตามกำหนดการ เขาจะต้องเดินทางไปยังเหนือสุดของประเทศเพื่อเข้าสู่พิธีหมั้นกับธิดารัตน์หลานสาวของบังโกที่คฤหาสน์กิรตี  แม้เขาจะรู้สึกกระอักกระอวลใจแค่ไหนแต่นั่นก็เพราะเขาเองที่ทำให้เรื่องราวเป็นแบบนี้

            นักรบเดินคิดคนเดียวอยู่เงียบๆมาตามระเบียงทางเดินชั้นล่างของอาคารเรียน ชั่วแวบหนึ่งเขาก็มองเห็นร่างๆหนึ่งผลุบๆโผล่ๆอยู่ที่มุมด้านหนึ่งของตัวอาคารจากทางด้านหลังของเขา เด็กสาวคนนั้นอีกแล้ว เธอต้องการอะไรกันแน่ เขาจะต้องรู้ให้ได้ในวันนี้ 

          นักรบเดินเรื่อยๆเพื่อรอจังหวะให้เธอเดินตามเขามาโดยไม่ให้เธอรู้ตัวว่าเขากำลังจับตาดูเธออยู่ เมื่อเดินมาถึงมุมตึกเขาก็แกล้งเดินเลี้ยวที่มุมตึกนั่นก่อนจะยืนแอบกำแพงตึกอยู่ตรงนั้นนั่นเอง เธอเดินตามมาอย่างที่เขาคิดเอาไว้ไม่มีผิด เมื่อเธอก้าวเดินผ่านจุดที่เขายืนอยู่เพียงสองก้าวเขาก็ทักเธอจากด้านหลัง
        "เธอสะกดรอยตามฉันมาทำไม"หญิงสาวสะดุ้งเฮือกทันทีก่อนจะหันกลับมาหาเขาด้วยอาการหวาดๆ
        "ฉันถามว่าเธอสะกดรอยตามฉันมาทำไม" เขาคาดคั้นเอาคำตอบจากเธอ
        "ฉันมีเรื่องอยากจะให้เธอช่วย"เธอพูดเสียงตะกุกตะกัก
        "ฉันไม่ใช่นักสังคมสงเคราะห์" นักรบบอกหญิงสาวน้ำตารื่นแววตาคล้ายจะร้องไห้
        "ขอร้องเถอะ...ช่วยฉันด้วย"เสียงของเธอแหบแห้งคล้ายดังลอดออกมาจากห้วงอเวจีที่ลึกที่สุดสีหน้าแววตาของเธอคล้ายจะขาดใจตายอยู่ตรงนั้น น้ำตาเริ่มไหลออกมาเป็นทางมีเด็กนักเรียนหลายคนที่เริ่มเดินเข้ามาใกล้บริเวณที่ทั้งสองยืนอยู่
        "ไปคุยกันที่อื่น..." นักรบบอก ก่อนจะก้าวนำหน้าเธอ

         ในเวลาต่อมาไม่นานเขาก็พาเธอเดินเข้าไปในร้านไอศกรีมแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างออกมาจากหน้าโรงเรียนประมาณห้าร้อยเมตรร้านนี้ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน เขาสั่งไอศกรีมวนิลาสำหรับตัวเองและไอศกรีมช็อกโกแลตบีตสำหรับเธอ
        "จะบอกได้หรือยังว่านี่มันเรื่องอะไร"เขาเอ่ยถาม หลังจากที่ปล่อยให้เธอนั่งเงียบเพื่อกลืนก้อนน้ำตากลับไปให้หมดก่อนหญิงสาวพยักหน้าก่อนจะพูดว่า
        "ฉันกำลังถูกตามล่า"เธอบอก
         "จากใคร"
         "หรือจากอะไร..." เธอบอกเขาแววตาคล้ายจะสื่ออะไรบางอย่าง
         "เธอควรจะแจ้งตำรวจ...ไม่ใช่มาบอกฉัน...ฉันคุ้มครองเธอไม่ได้"
         "ตำรวจก็คุ้มครองฉันไม่ได้เหมือนกัน"เธอหยุดพูดนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า
         "พวกเขาคุ้มครองฉันจากสิ่งที่กำลังตามล่าฉันไม่ได้หรอก...ที่สำคัญ...คงไม่มีใครเชื่อ"
         "เพราะอะไร"
         "เพราะสิ่งที่กำลังตามล่าฉัน...ไม่ใช่มนุษย์"นักรบขมวดคิ้วเข้าหากันดูเหมือนเด็กสาวคนนี้จะไม่ใช่แค่เด็กสาวธรรมดาเสียแล้ว
        "เธอกำลังจะบอกอะไรฉัน"
        "ฉันไม่ใช่มนุษย์..."เธอหยุดนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า
        "เหมือนกับเธอ...เพียงแต่ฉันไม่รู้ว่าฉันเป็นตัวอะไร"
        "เธอรู้ได้อย่างไรว่าฉันเป็นตัวอะไร"
        "ฉันแยกแยะกลิ่นออก...มันเป็นสิ่งที่ติดตัวฉันมาตั้งแต่เกิดฉันรู้ว่าใครคือมนุษย์ และใครไม่ใช่"เธอเงยหน้าขึ้นมองเพดานร้านเหมือนกำลังพยายามจะกลืนก้อนแข็งลงคอน้ำตารื่นออกมาที่ขอบดวงตาอีกครั้ง
        "เมื่อก่อนฉันอาศัยอยู่กับแม่ที่ต่างจังหวัดเรามีบ้านหลังเล็กๆอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งพ่อของฉันเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่นั่น..ฉันไม่เคยรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร

        " จนกระทั่งวันหนึ่งพ่อขับรถพาฉันไปเที่ยวในตัวจังหวัด ขากลับรถเกิดเสียหลังพุ่งชนต้นไม้ พ่อเสียชีวิตคาที่แต่ฉันกลับไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย

        "ร่างของฉันพองใหญ่จนดันหลังคารถออกมาด้านนอกก่อนที่รถจะพุ่งชนต้นไม้ต้นนั้นหลังจากที่หายตกใจร่างของฉันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม

        "ฉันเก็บความสงสัยนี้มาตลอดจนกระทั่งขึ้นมัธยมต้นแม่จึงได้บอกความจริงกับฉัน...ฉันเป็นเลือดผสมระหว่างชาวสิงหลกับชาวขาว

        "พ่อที่แท้จริงของฉันเป็นใครแม่ไม่ยอมบอกแต่พ่อที่ฉันใช้ชีวิตอยู่ด้วยเป็นเพียงพ่อเลี้ยง และเขาก็เป็นเพียงมนุษย์
        "หลายเดือนก่อนแม่ของฉันถูกฆ่าตายโดยใครบางคน ฉันหลบอยู่ในพุ่มไม้ตอนที่ท่านถูกสังหารฉันได้แต่ยื่นนิ่งๆอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเช้า ฉันสังหรใจว่าพวกมันกำลังตามล่าฉันอยู่ในขณะนี้"
        "เธอใช้ลางสังหรมาตัดสินอะไรต่อมิอะไรไม่ได้หรอกนะ"
        "หลังจากแม่ตาย ปู่ก็ไปรับฉันมาอยู่ด้วยที่เมืองนี้อาทิตย์ก่อนปู่ถูกมีดบาดเป็นแผลใครบางคนเผลอทำมีดบาดคุณปู่ตอนที่ท่านเดินออกจากรั้วบ้าน เพียงไม่ถึงห้านาทีต่อมาปู่ก็ป่วยซมไข้ ฉันโทรเรียกรถพยาบาลให้มารับ

        "พอท่านไปถึงโรงพยาบาลร่างของท่านก็ระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ท่านเสียชีวิตทันทีหมอไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่า ท่านเสียชีวิตเพราะอะไรและทำไมร่างกายของท่านถึงได้ระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆแบบนั้น"ถึงตรงนี้หล่อนก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ในขณะที่นักรบถึงกับตลึงงัน
            อาการเลือดเป็นพิษ กริชกาลสูร
        "เธอจะให้ฉันช่วยอย่างไร"นักรบเอ่ยถาม
        "คุ้มครองฉัน...เอาฉันไปอยู่ด้วยไม่ว่าที่ไหนก็ตาม"นักรบถึงกับเงียบอึ้งไปเหมือนกัน การคุ้มครองเธอก็อีกเรื่องหนึ่งแต่การพาเธอไปอยู่ด้วยนี่สิ
        "ฉันจะต้องไปงานหมั้นในวันพรุ่งนี้...ไว้ฉันกลับมาแล้วจะหาเช่าห้องที่อยู่บริเวณใกล้ๆกับที่ฉันอยู่ให้เธอพัก"เขาบอกเธอด้วยสีหน้าราบเรียบ แต่เธอดูตื่นเต้นดีใจเหลือเกินกับข่าวนี้
        "ตอนนี้เธอพักอยู่ที่ไหน"
        "ฉันพักอยู่กับน้าสาวของฉันที่บางซ่อนที่หมู่บ้านบุญวิถีแต่พวกมันเริ่มมาป้วนเปี้ยนแถวๆนั้นถี่ขึ้น"
        "เธอรู้ได้อย่างไรว่าเป็นพวกมัน"
        "อย่างที่ฉันบอกฉันสามารถแยกแยะกลิ่นได้ รู้ว่ากลิ่นไหนเป็นพวกมัน กลิ่นไหนไม่ใช่"  หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ขอตัวกลับในขณะที่นักรบยังนั่งอยู่ต่อพลางพยายามที่จะประติดประต่อเรื่องราวต่างๆเข้าด้วยกัน
                     .................................................................................................
        เสียงฟึดฟัดฟืดฟาดจากเจ้าสัตว์สี่เท้ามีปีกเหมือนไม่พอใจผู้โดยสารของมันที่มัวแต่ชักช้าโอ้เอ้ มันกระทืบเท้ากุบกับพลางส่งเสียงร้องคล้ายจะเร่งเร้าให้ผู้โดยสารรีบขึ้นรถเสียที ท้องฟ้ายามราตรีที่ไร้เมฆหมอกมองเห็นหมู่ดาวพราวแสงระยิบระยับดั่งเพชรที่เปล่งแสงได้ด้วยตัวเองบังโกในชุดสูตรสีน้ำเงินเข้มพร้อมเนคไทสีเลือดหมูเดินออกมาจากประตูคฤหาสน์นักรบค่อมศีรษะให้เมื่อนายเดินมาถึง

         วันนี้เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวสวมทับด้วยสูตรสีดำสนิทพร้อมด้วยเนคไทลายดำสลับขาว รถเทียมม้าบุหนังสีน้ำตาลแดงจอดอยู่ข้างๆ เขาเปิดประตูให้บังโกขึ้นไปนั่งก่อนแล้วจึงขึ้นตามหลัง เมื่อปิดประตูเรียบร้อยแล้วเจ้าพาหานะมีปีกก็ค่อยๆเคลื่อนตัวไปช้าๆก่อนจะเร่งความเร็วขึ้นแล้วยกรถเทียมม้าขึ้นสู่ท้องฟ้าอันมืดดำ
        "เธอดูดีมากในชุดนี้"บังโกเอ่ยชมเขาค่อมศีรษะให้เพื่อแสดงความขอบคุณ
        "คืนนี้จะเป็นงานเลี้ยงรับรองท่านรัฐมนตรีฝ่ายควบคุมอาวุธวิเศษ ท่านรัฐมนตรีสหชาติฉันไม่ค่อยจะชอบเขาสักเท่าไหร่หรอกแต่คนอื่นๆล้วนแต่ได้รับเชิญไปที่อื่นหมดแล้ว...ลูกสาวฉันจึงไม่เหลือตัวเลือกอื่น"บังโกหันหน้าไปทางหน้าต่าง เขาจ้องมองหมู่ดาวบนฟ้าแวบหนึ่งเขามองเห็นรอยยิ้มทางมุมปากของผู้เป็นนายซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักจากผู้ชายคนนี้
        "ลูกสาวฉันอาจจะไม่ค่อยพอใจในตัวลูกเขยของเขาสักเท่าไหร่นักหล่อนหวังว่าธิดารัตน์ลูกสาวของหล่อนจะได้แต่งกับลูกชายรัฐมนตรีสักคน"เขาหันหน้ากลับมามองนักรบช้าๆ
        "เราทะเลาะกันเสมอเกี่ยวกับเรื่องนี้...ฉันไม่ชอบพวกคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดพวกนี้ทำอะไรไม่เป็นนอกจากแบมือขอแต่ในท้ายที่สุดเธอก็เห็นแล้วว่าฉันชนะ"
        "ผมเป็นเพียงแค่ชาวสิงหลชั้นที่หนึ่งเท่านั้นผมจึงมองไม่ออกว่าท่านกำลังคิดอะไรอยู่" บังโกยิ้มพลายออกมาเป็นครั้งแรกที่นักรบเห็นบังโกยิ้มด้วยรอยยิ้มแบบนี้
        "เธอมีอะไรซ่อนอยู่ภายในตัวมากกว่าที่เธอคิดเธอคิดหรือว่าฉันโง่พอที่จะเชื่อว่าการที่เธอเอาชนะพนันไอ้หนุ่มซังกระบวยคนนั้นได้เป็นแค่เรื่องบังเอิญ"บังโกพูดราวกับเห็นสิ่งที่เขาทำทุกอย่างในวันนั้น
        "แล้วหลานสาวท่านล่ะครับ...ท่านคิดว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้"
        "หลานสาวของฉันมันก็หัวรั้นเหมือนลูกสาวฉันนั่นแหละมันคิดว่าในโลกนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่าความรักหลงเหลืออยู่...แต่เธอทำให้หลานสาวของฉันตาสว่าง"
        "แต่เรื่องบางเรื่องเราก็ไม่อาจเปลี่ยนความคิดเขาได้...ลองเขาได้เชื่อจนฝังหัวแล้ว"
        "แต่อย่างน้อยตอนนี้หลานฉันก็ได้เรียนรู้แล้วว่าไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนั้นไม่ใช่สิ่งที่มันฝันไว้"
        "และเธอก็จะเริ่มมองหาใหม่อีกครั้ง" นักรบพูดบังโกยิ้มที่มุมปากอีกครั้งก่อนจะพูดว่า
       "และเธอก็คือความฝันอันใหม่ของหลานสาวฉัน"บังโกยิ้มกว้างพลางหันหน้าไปยังหน้าต่างอีกครั้ง

         "ฉันแทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยินคำนี้จากปากของหลานสาว กิรตีแทบจะฉีกคฤหาสน์ของฉันออกเป็นชิ้นเมื่อได้ยิน...อย่างไรก็ตามเธอก็อยู่ที่นี่แล้วเรื่องน่ารำคาญใจนี่จะได้จบลงเสียที" นานนับชั่วโมงที่ทั้งสองเงียบไปในที่สุดนักรบก็ตัดสินใจพูด
        "ผมได้ข่าวชิ้นใหม่เกี่ยวกับพวกกาลสูร"บังโกค่อยๆหันมามองเขาอย่างช้าๆก่อนจะพูดว่า
        "ว่าไปซิ"
        "มีเด็กนักเรียนหญิงร่วมห้องของผมคนหนึ่งกำลังถูกใครบางคนตามล่า"
        "แล้วมันเกี่ยวกับพวกกาลสูรอย่างไร"
        "แม่เธอถูกสังหารเธอหนีมาอยู่กับปู่ของเธอสุดท้ายปู่ของเธอก็ถูกฆ่าตายไปอีก"
        "นั่นก็ยังไม่ได้เข้าใกล้สิ่งที่ฉันอยากรู้เลย"
        "ปู่ของเธอตายจากบาดแผลของกริชกาลสูรเขาตายจากอาการเลือดเป็นพิษเพราะแผลมีดบาดเพียงเล็กน้อย"คราวนี้บังโกนิ่งเงียบ
        "ตอนนี้เด็กสาวคนนี้กำลังถูกพวกมันตามล่า"นักรบพูดย้ำอีกครั้ง
        "พวกมันจะตามล่ามนุษย์ผู้หญิงไปทำไมกัน"
        "อันที่จริงแล้ว...เธอไม่ใช่มนุษย์...เธอเป็นเลือดผสมระหว่างชาวขาวกับชาวสิงหล"ถึงตรงนี้บังโกจ้องหน้านักรบนิ่งแววตาคล้ายมีแววกังวลบางอย่าง
        "ตอนนี้เด็กสาวคนนั้นอยู่ที่ไหน"บังโกเอ่ยถาม
        "อยู่กับญาติอีกคนที่แถวบางซ่อนผมสัญญากับเธอว่าเสร็จจากงานหมั้นแล้วผมจะรีบติดต่อเธอทันที"บังโกพยักหน้าหงึกๆเป็นการรับรู้
        รถม้าค่อยๆไต่ระดับลง แสงวอมแวมจากอาคารบ้านเรือนที่อยู่ด้านล่างมองดูคล้ายดวงตาของสัตว์กลางคืนที่พากันรวมฝูงออกมาหากิน เจ้าม้าปีกพารถลากค่อยๆห่างออกไปจากบริเวณบ้านเรือนผู้คนมุ่งตรงไปยังหุบเขาที่อยู่ห่างไกลออกไป

          ใจกลางหุบเขาคืออาณาบริเวณของคฤหาสน์หลังใหญ่หลังหนึ่งรายล้อมไปด้วยคฤหาสน์หลังย่อมอีกหลายหลัง เจ้าม้าปีกลดระดับลงอย่างรวดเร็วและพารถลากตรงไปยังลานกว้างที่มีรถลากคล้ายกับคันที่เขาและบังโกนั่งมาจอดอยู่หลายสิบคัน
        เมื่อจอดสนิทก็มีเด็กรับใช้คนหนึ่งวิ่งมาเปิดประตูให้ นักรบก้าวลงจากรถก่อนแล้วจึงยืนรอบังโกอยู่ด้านข้างประตู เมื่อบังโกลงมาถึงพื้นเด็กรับใช้ก็ปลดอานม้าออก เจ้าม้าปีกสะบัดหัวพลางร้องฮี้ก่อนจะออกวิ่งและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าหายลับไป
        พวกเขาเข้าไปถึงในงานในเวลาต่อมา ผู้คนในงานล้วนแต่งชุดสุภาพผู้ชายส่วนใหญ่ใส่ชุดสูตรสีดำเช่นเดียวกับเขา มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่สวมชุดสูตรสีอื่น นั่นเป็นการบ่งบอกถึงฐานะอันไม่ธรรมดาของพวกเขา รัฐมนตรีสหชาติอยู่ชุดสูตรสีแดงเลือดนกเนคไทสีดำ ยังมีอีกหลายคนที่ใส่สูตรสีอื่นที่ไม่ใช่สีดำ ส่วนผู้หญิงใส่ชุดราตรีในแบบต่างๆกัน คุณนายกิรตียังคงเลือกชุดราตรีสีชมพูเธอดูสวยสง่าในชุดราตรีที่เธอสวม คุณนายนวลนภาภรรยาของท่านรัฐมนตรีอยู่ในชุดราตรีสีน้ำเงินอ่อนๆดูเข้ากับผิวที่ขาวจนเกือบซีดของเธอ
         "ยังดูเด็กอยู่เลยแต่ก็หล่อเหลาราวกับเสกปั้น"ใครบางคนเอ่ยถึงนักรบเมื่อคล้อยหลังเขาไป หญิงสาวหลายคนพยายามส่งยิ้มหวานมาให้
        "ฉันไม่ค่อยชอบใจงานเลี้ยงของลูกสาวฉันเท่าไหร่หรอก มันดูไร้สาระในสายตาของฉัน"บังโกพูดก่อนจะรับแก้วบรั่นดีที่เด็กรับใช้เอามาให้มาถือไว้นักรบเลือกหยิบแก้วทรงสูงที่บรรจุน้ำองุ่นสีม่วงเข้ม
        "อ้าวบังโก...มาถึงแล้วหรือ"น้ำเสียงแปร่งๆของใครบางคนเอ่ยทักบังโกมาจากด้านหลังก่อนจะเดินอ้อมมายืนอยู่ตรงหน้าเขาเป็นชายวัยใกล้เคียงกับบังโก รูปร่างผอมสูง ใบหน้าเรียวยาวจมูกโด่งเป็นสันและงุ้มตรงปลายนิดๆผมของเขาเป็นสีดอกเลาแต่ก็ดูดีริมฝีปากบางแต่แววตาเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและชั้นเชิง
       "กาสีไม่ได้เจอกันตั้งนาน" บังโกเอ่ยทัก
       "นานแค่ไหนแล้วนะ" ฝ่ายนั้นเอ่ยถามกลับมาบ้างทั้งสองดูเหมือนกำลังเล่นเกมส์ชิงเหลี่ยมกันอยู่กระนั้น
       "สี่ร้อยปีประมาณนั้น...ตั้งแต่สงครามครั้งนั้นจบลง"บังโกพูดต่อว่า
       "และฉันก็ยังจดจำได้ว่านายอยู่ข้างไหน"
       "ฉันถอนตัวออกมาก่อนที่สงครามจะจบซะอีก...นายก็รู้ดี"ชายผมสีดอกเลาบอก
       "ก็เพราะว่าตอนนั้นนายรู้แล้วว่าตัวเองจะแพ้...จริงไหมล่ะ"
        "ฉันคงจะห้ามความคิดนายไม่ได้ในเมื่อนายได้ปักใจเชื่ออย่างนั้นไปแล้ว...แต่ที่ฉันมาในวันนี้ก็เพื่อมาร่วมแสดงความยินดีกับหลานสาวของนาย...ไม่ใช่มารื้อฝอยหาตะเข็บ"
        "หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น" บังโกจ้องมองเพื่อนเก่าเขม็ง แววตามีแววระแวงสงสัยชายผมสีดอกเลาละสายตาจากเพื่อนเก่าหันมามองนักรบ
        "นี่ใช่ไหมว่าที่หลานเขยนาย..."บังโกพยักหน้าแทนคำตอบ
        "ยังเด็กอยู่เลย แต่ก็รูปงาม ท่าทางมาดมั่นและมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง"เขาพูดพลางเพ่งพินิจนักรบอย่างจริงจัง
        "เขาคงช่วยงานนายได้อักโข...ถ้าไม่ด่วนอายุสั้นเสียก่อน"
        "นั่นคือคำขู่ใช่ไหม..."บังโกถามเสียงเครียดคู่สนทนาของบังโกหัวเราะอย่างพอใจที่สามารถยั่วโมโหบังโกได้ก่อนจะเดินผละไปนักรบไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อสี่ร้อยปีก่อนและความบาดหมางแบบไหนที่ทำให้ทั้งสองต้องขุ่นเคืองกันมาจนถึงบัดนี้แต่เดาว่าคงจะเกี่ยวกับสงครามสามตระกูลที่บังโกเคยเล่าให้ฟัง
         ครู่ต่อมามีชายหัวล้านร่างเตี้ยในชุดทักซิโด้เดินขึ้นไปบนเวทีที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของห้องจัดงานเลี้ยงจากนั้นก็เริ่มกล่าวทักทายแขกในงานแล้วเริ่มการอรัมภบทที่ยืดยาวและแสนน่าเบื่อ
        "ได้เวลาของเธอแล้ว"บังโกหยิบแหวนทองคำขาวประดับเพชรออกมาวงหนึ่งยื่นให้กับเขาบนเวทีเริ่มมีการประกาศชื่อของหญิงสาวที่เป็นหลานของบังโกวันนี้เธอมาในชุดราตรีสีขาวล้วน ตัดกับผิวสีชมพูของเธอใบหน้ารูปไข่จมูกเชิดและริมฝีปากอันอวบอิ่ม ดวงตากลมโตสดใสเหมือนน้ำค้างที่กลิ้งไปมาอยู่บนใบไม้ยามเช้าดูไร้เดียงสาและช่างอยากรู้อยากเห็น

            นักรบค่อยๆก้าวขึ้นไปบนเวทีทันทีที่พิธีกรขานชื่อเขา ก้าวช้าๆที่มั่นคงของเขาบวกกับใบหน้าที่งดงามราวกับเทพบุตรทำให้สามารถตรึงทุกสายตาให้จับจ้องมาที่เขา คู่หมั้นของเขาส่งยิ้มเริงร่ามาให้เหมือนเด็กหญิงซุกซนทำท่าดีใจที่กำลังจะได้ตุ๊กตาตัวใหม่เป็นของขวัญ
    "ฉันเป็นคนของคุณโดยสมบูรณ์แล้ว"เธอกระซิบบอกขณะที่เขากำลังบรรจงสวมแหวนหมั้นให้ และเมื่อเธอสวมแหวนให้เขาเสร็จเธอก็เขย่งเท้าขึ้นหอมแก้มเขาอย่างแผ่วเบา
        "ฉันจะเป็นรักแท้และรักเดียวของคุณ"หญิงสาวบอก นักรบยิ้มให้เธออย่างแห้งแล้ง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×