ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สิงหล

    ลำดับตอนที่ #5 : สัญญาแผ่นไฟ

    • อัปเดตล่าสุด 13 ต.ค. 56


                                                              บทที่ห้า:สัญญาแผ่นไฟ

        นักรบได้ที่นั่งที่อยู่มุมด้านหลังสุดของห้องเรียน เขาเลือกเก้าอี้ตัวนี้ตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียน เกือบหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เริ่มการเรียนการสอน วิชาเดิมๆ บทเรียนเดิมๆ การบ้านเดิมๆแม้จะเปลี่ยนโรงเรียน แต่บทเรียนส่วนใหญ่ก็ยังเหมือนเดิม เขาไม่ได้อนาทรร้อนใจไปกับการบ้านในแต่ละวันที่อาจารย์ให้มาเขาเตรียมคำตอบไว้หมดแล้ว ใส่แฟ้มไว้อย่างดี แยกเป็นปีๆในแต่ละช่วงเวลา

          แต่ชั่วโมงนี้ยังคงว่างเปล่า ไม่มีอาจารย์มาสอน พวกเด็กนักเรียนชายจับกลุ่มเพื่อเล่นพนันเปิดทายหน้าหนังสือ หลายคนพับเครื่องร่อนและซัดมันไปทั่วห้อง ส่วนพวกนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งยืนจับกลุ่มคุยกันจอกแจกออกความเห็นเกี่ยวกับละครตอนล่าสุดที่เพิ่งได้ดูมาเมื่อคืนนี้ ในขณะที่อีกกลุ่มมุงดูวารสารซุบซิบดาราพลางพากันออกความเห็นในเรื่องราวต่างๆที่ปรากฏอยู่ในหนังสือ

           นักรบไม่ได้ใส่ใจพวกเด็กนักเรียนพวกนั้น เขายังคงนั่งอ่านหนังสือวารสารฉบับพกพาที่ซื้อมาจากแผงหนังสือลดราคาหน้าโรงเรียน เขาอ่านที่หน้ากลางของเล่มและก็ไม่ได้เปิดไปหน้าไหนอีกเลยตั้งแต่เปิดหนังสือออกอ่าน อันที่จริงเขาไม่ได้อ่านมันสักนิด เขาครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างโต๊ะอาหารในคฤหาสน์ของบังโกเมื่อสี่วันที่แล้ว
        การร่วมโต๊ะอาหารกับบังโกเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนไม่ว่ากับลูกน้องที่มีความภักดีมากแค่ไหนก็ตามชาวสิงหลมีธรรมเนียมไม่ร่วมโต๊ะอาหารกับเจ้านายของตัวเองซึ่งบังโกยึดมั่นในขนมธรรมเนียมเหล่านี้อย่างเคร่งครัดเสมอมา

           แต่วันนั้นนักรบกลับถูกตามตัวให้ไปร่วมรับประทานอาหารกับบังโกสร้างความงุนงงให้กับเขาเป็นอย่างยิ่งเมื่อไปถึงเขาก็พบบังโกนั่งรออยู่ก่อนแล้วตรงหัวโต๊ะ มีร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งในชุดราตรีสีชมพูนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา

    กิรตี นั่นคือชื่อของเธอ ลูกสาวคนเดียวของบังโก และอายุของเธอก็มากกว่าหกร้อยปีนักรบเคยเจอหล่อนครั้งเดียวตอนงานเลี้ยงฉลองเทศกาลราหู นั่นมันเมื่อหลายสิบปีมาแล้วที่พำนักของหล่อนคือคฤหาสน์หลังใหญ่ที่อยู่ทางเหนือสุดของประเทศและสาเหตุที่หล่อนมาครั้งนี้ก็คงจะด้วยเรื่องลูกสาวที่เขาเพิ่งพากลับมาส่งให้บังโกเมื่อไม่กี่วันมานี้

           ลูกสาวของเธอหนีออกมาจากบ้านเมื่อหลายเดือนก่อนจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตามแต่  มันทำให้บังโกไม่สบายใจอยู่นานหลายเดือนเหมือนกัน ความสำพันธ์ของเธอกับบังโกไม่ค่อยจะราบรื่นนักนั่นคือสิ่งที่นักรบพอจะรู้อยู่บ้าง หญิงสาวผู้สูงศักดิ์ผู้นี้มีใบหน้าเรียวยาวผิวขาว ริมฝีปากบางได้รูปรับกับจมูกที่เชิดขึ้นอย่างเหมาะเจาะหล่อนดูงดงามเหมือนกุหลาบยามเย็น
        "ที่ฉันให้เธอมาร่วมโต๊ะอาหารในวันนี้ไม่ใช่เพราะฉันคิดจะปรับเปลี่ยนหรือท้าทายธรรมเนียมเก่าแก่โบราณที่พวกเราชาวสิงหลถือปฏิบัติกันมานับพันๆปีหรอกนะแต่ลูกสาวของฉันเขายืนยันที่จะให้ฉันตามตัวเธอมาร่วมโต๊ะอาหารให้ได้ในวันนี้ไม่อย่างนั้นเธอก็จะไม่ยอมร่วมโต๊ะอาหารกับฉัน ซึ่งนั่นจะยิ่งผิดธรรมเนียมปฏิบัติยิ่งขึ้นไปอีก"บังโกพูดก่อนจะส่งสัญญาณให้สาวใช้นำอาหารมาเสิร์ฟ
        "ฉันไม่ชอบการสนทนาระหว่างการรับประทานอาหาร"บังโกพูดด้วยน้ำเสียงแหบห้าวและเนิบๆในขณะที่เริ่มใช้มีดตัดชิ้นเนื้อสะโพกสดๆของลูกวัวบนจานที่อยู่ตรงหน้า
        "ชาวสิงหลเราไม่ควรจะทำอะไรให้เสียธรรมเนียมปฏิบัติ"เขาตักชิ้นเนื้อใส่ปากในขณะที่นักรบเริ่มใช้มีดตัดชิ้นเนื้อย่างกลางสุกกลางดิบเข้าใส่ปากบ้าง ลูกสาวของบังโกเลือกเนื้อสะโพกสดๆของลูกแกะเป็นอาหารหลักหล่อนชำเลืองดูเขาก่อนจะตักชิ้นเนื้อเข้าปาก
        "ฉันขอบใจที่เธอสามารถนำลูกสาวกลับมาให้ฉันได้...แม้ว่าเธอจะใช้วิธีที่สุ่มเสี่ยงอยู่มากก็ตาม"หญิงสาวที่นั่งอยู่อีกฝั่งตรงข้ามเป็นคนพูดบ้าง เธอจ้องหน้านักรบเขม็งก่อนจะถามว่า
        "สัญญาแผ่นไฟ...เธอรู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร" นักรบไม่ตอบเขายังคงตักชิ้นเนื้อเข้าปากด้วยอาการปกติสายตายังคงจับจ้องอยู่ที่มือของตัวเอง
        "เธอจะทำให้ตัวเองลำบากถ้าเธอแพ้พนันวันนั้น...หรือแม้ว่าเธอจะชนะ...เธอก็ยังทำให้ลูกสาวของฉันลำบากอยู่ดี"คราวนี้นักรบถึงกับชะงักมือเขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นลูกสาวเจ้านาย
        "ผมไม่เข้าใจที่ท่านพูด..."
        "เธอเรียกลูกสาวของฉันว่าอย่างไรก่อนที่เธอจะยื่นสัญญาแผ่นไฟให้เธอพร้อมกับกระดาษบอกที่อยู่"หญิงสาวจ้องหน้าเขานิ่งนักรบพยายามจะทบทวนเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในวันนั้น
        "เธอเป็นคนของฉันแล้ว..."หญิงสาวช่วยเตือนความจำให้กับเขา เธอมีสีหน้าแดงก่ำดวงตาวาวโรจน์ราวกับจะเผานักรบให้ไหม้เป็นจุลอยู่ตรงหน้าก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงขึ้งเครียดว่า
        "คำๆนั้นถูกจารลงในแผ่นสัญญาไฟด้วย...ลูกสาวของฉันเป็นคนของเธอ..."ถึงตรงนี้นักรบรู้สึกเหมือนท้องไส้ปั่นป่วน เขาวางช้อนส้อมก้มหน้าต่ำและรอฟัง
        "ฉันคงยอมให้ลูกสาวของฉันไปเป็นทาสรับใช้ของเธอไม่ได้หรอกไม่ว่ากรณีใดๆ...แต่ฉันก็ไม่อาจฉีกสัญญาไฟฉบับนี้ได้เพราะมันหมายถึงชีวิตลูกสาวของฉัน...เธอทำให้มันแย่"หล่อนชูแผ่นหนังสัญญาไฟให้เขาดูก่อนจะค่อยๆหย่อนลงกลับไปในร่องอกอันอวบอิ่มของเธอเอง
        "ที่นี้บอกซิว่าฉันควรจะทำอย่างไรกับเธอดี..."
        "สังหารผมเถิด...ผมขอรับโทษทัณฑ์ทุกอย่าง"เขาบอก น้ำเสียงไม่แสดงอาการสะทกสะท้านในขณะที่หญิงผู้สูงศักดิ์มีสีหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
        "หลานฉันกลายเป็นคนของเธอแล้วนักรบ..."บังโกพูดเสียงราบเรียบ ไม่มีร่องรอยแห่งความขุ่นมัวเจือออกมาด้วยแต่นั่นยิ่งทำให้นักรบรู้สึกเสียวสะท้านไปทั้งตัว
        "ถ้าเธอตาย...หลานฉันก็จะตายด้วย...เธอผูกชีวิตหลานสาวของฉันไว้กับชีวิตของเธอด้วยสัญญาแผ่นไฟที่เธอทำไว้กับเจ้าหนุ่มนักพนันนั่น"เงียบและไร้การเคลื่อนไหวนานกว่าที่หญิงสาวผู้สูงศักดิ์จะเริ่มพูดอีกครั้ง
        "เธอต้องหมั้นกับลูกสาวฉันจนกว่าลูกสาวฉันจะจบมาจากโรงเรียนสิงขรกุลสตรีแล้วค่อยจัดงานแต่งงาน...งานหมั้นจะจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า"
                                             *********

            "นายพิเศษ...."เสียงใสๆของเด็กสาวร่วมชั้นคนหนึ่งดังขึ้นทำให้เขาหลุดออกมาจากห้วงความคิดของตัวเอง เขาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง สีหน้าของหล่อนบ่งบอกว่าไม่ค่อยพอใจเขาเท่าไหร่ เธอชื่ออะไรนะ อ้อ..สร้อยลฎาเขาจำเป็นจะต้องจดจำชื่อเพื่อนนักเรียนของเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ใช่เพื่อที่นักรบจะได้มีโอกาสสร้างปฏิสัมพันธ์กับพวกเขาหรอกแต่เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงการเจอกับพวกเขาในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม

              เมื่อหกปีที่แล้วมีเพื่อนของเขาคนหนึ่งได้บังเอิญมาเห็นการสังหารเหยื่อของเขาตามกำหนดชำระในสัญญาเลือดของลูกค้ารายหนึ่งกว่าจะทำให้มันสงบปากสงบคำและยอมเชื่อฟังคำสั่งเขาได้ก็เหนื่อยแทบแย่เหมือนกันนั่นจึงสำคัญที่เขาจะต้องจำชื่อและหน้าเพื่อนร่วมชั้นเรียนของตัวเองให้ได้มากที่สุด
        "ฉันเรียกนายตั้งนานไม่ได้ยินหรอ"
        "แล้วฉันจำเป็นต้องขานตอบด้วยหรือ" เขาบอกสีหน้ายังคงเฉยเมยก่อนจะก้มหน้าลงมองที่หนังสือต่อนั่นยิ่งทำให้หล่อนไม่พอใจยิ่งขึ้น
        "เปล่า...ฉันแค่พนันกับเพื่อนว่าฉันจะกล้าเดินมาคุยกับนายไหม"
        "การพนันจะทำให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก" เขาพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองเธอแต่เขากลับบอกตัวเองในใจว่าใช่...นายเองก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ว่านั้นนายนักรบ
        "แต่ตอนนี้ฉันชนะพนันก็แล้วกัน..."หล่อนพูดพลางเชิดหน้าแล้วเดินจากไป เขาได้ยินหล่อนพูดเบาๆกับกลุ่มเพื่อนของเธอว่า 'เขามันก็แค่ไอ้ขี้เก๊ก' สักพักเขาก็ได้ยินเสียงครืดคราดตามมาด้วยเสียงเกรียวกราวราวกับฝูงผึ้งแตกรังก่อนจะสงบนิ่งเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวหยุดหมุน

           ร่างระหงส์ในชุดกระโปรงสีขาวก้าวเข้ามาในห้อง ยิ้มน้อยๆที่มุมปากทำให้หล่อนดูดีเธอหอบหนังสือมาด้วยสองสามเล่ม ดูสวยขึ้น สง่าขึ้นกว่าที่คิด 

          ใช่...นักรบจำเธอได้หกปีทำให้เธอเติบโตขึ้น ในขณะที่นักรบยังคงเป็นเพียงแค่เด็กนักเรียนมอปลายนักเรียนชายหลายคนแอบสะกิดเพื่อนพลางทำหน้าทำตากระลิ้มกระเหลี่ยบางคนถึงกับเอามือเท้าคางทำตาเคลิ้ม
        "สวัสดีค่ะทุกๆคน ฉันชื่อนุจรีค่ะจะมาเป็นครูภาควิชาภาษาไทยที่นี่" เธอพูดพลางกวาดสายตาไปรอบๆนักรบยังคงนั่งก้มหน้านิ่งอยู่มุมห้อง ในขณะที่คนอื่นๆมีท่าทีกระตือรือร้น
        "ครูเป็นครูใหม่ เพิ่งจะย้ายมาสอนที่นี่เป็นวันแรกหวังว่านักเรียนคงจะไม่พากันแกล้งครูนะ" เสียงหัวเราะดังครืนไปทั้งห้องหลังจากเสียงเงียบลงเธอจึงพูดต่อว่า
        "ยังไงก็แล้วแต่...วันนี้ครูต้องขอโทษพวกเธอด้วยที่มาสายเนื่องจากติดธุระกับอาจารย์ใหญ่อยู่แต่...ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เราจะเริ่มเรียนกันตอนเก้าโมงตรง สำหรับวันนี้ก่อนที่เราจะเริ่มเรียนกันครูอยากจะขอให้พวกเธอช่วยแนะนำตัวกับครูด้วยจ้ะ...เริ่มจากแถวนี้ก่อนก็แล้วกัน"

           จากนั้นการแนะนำตัวก็เริ่มต้นขึ้น เป็นเหมือนกันทุกทีสิน่าต้องแนะนำตัวก่อนเข้าเรียนทั้งๆที่อาจารย์บางคนยังจำชื่อลูกศิษย์ตัวเองไม่ได้สักคนแม้จะเจอพวกเขาแทบทุกวันตลอดระยะเวลาสามปีนักรบคิด

           เมื่อทุกคนแนะนำตัวเสร็จก็เหลือเขาเป็นลำดับสุดท้ายหวังว่าเธอจะจำเขาไม่ได้นะ เมื่อนักรบยืนขึ้น เธอดูตกตะลึงไปชั่วขณะเธอจำเขาได้ หรืออาจจะแค่แปลกใจ หรือหลายๆอย่างผสมกัน
        "ผมชื่อ พิเศษ จงใจมั่นครับ" เขาบอกก่อนจะค่อยๆหย่อนตัวลงนั่งเหมือนเดิม
        "เหมือนมาก..." หล่อนพึมพำเธอพยายามเพ่งมองมาที่เขาแต่นักรบหลุบตาลงต่ำและแกล้งเปิดหนังสือภาษาไทยที่วางอยู่บนโต๊ะไปมา
        "คุณครูคะ...นักเรียนทั้งห้องไม่ได้มีนายพิเศษคนเดียวนะคะ"เสียงเด็กสาวคนหนึ่งท้วงขึ้นเมื่อเห็นครูสาวเอาแต่จ้องมองนายนักรบตาค้าง
        "อ้อ...ขอโทษทีจ้ะ..อะแฮ่ม...เราจะมาเริ่มกันที่บทที่หนึ่งทุกคนเปิดไปหน้าที่สิบเจ็ดนะจ้ะ..."

            เวลาเที่ยงวัน นักรบนั่งหลับตานิ่งเขาพยายามจะพักผ่อนให้ได้มากที่สุด แต่มีบางอย่างรบกวนจิตใจเขาจนเขาต้องลืมตาตื่น

            นั่น...เธอนั่งอยู่ตรงนั้นอยู่บนม้านั่งด้านหลัง หันหน้ามาทางเขา และจ้องดูเขาอยู่ตลอดเวลา เขาไม่เข้าใจว่าเธอสะกดรอยตามเขาทำไม ตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียน จนกระทั่งวันนี้และก็คงจะต่อไปอีกหลายอาทิตย์ หรืออาจจะเป็นปี

          นักรบรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเขาไม่ชอบให้ใครมาคอยสะกดรอยตามแบบนี้ โรงอาหารตอนนี้คนเริ่มซาลงแล้ว พวกเขารีบกินแล้วก็รีบออกไปหาอะไรทำอย่างที่พวกเด็กนักเรียนมัธยมปลายส่วนใหญ่ชอบทำพวกหนอนหนังสือก็จะจับกลุ่มทำการบ้านหรืออ่านหนังอยู่ตามม้านั่งไต้ร่มไม้ พวกสมองปานกลางหรือต่ำกว่านั้นก็จะทำอะไรที่แตกแต่งไป พวกผู้ชายส่วนใหญ่ก็พากันเล่นกีฬาหรือไม่ก็เล่นหมากฮอส ส่วนพวกผู้หญิงก็จะจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ดาราหรือว่าละครช่องต่างๆรอจนกว่าจะถึงบ่ายโมงตรงจึงจะทยอยกันเข้าห้องเรียนของตนเอง

           ในขณะที่มีเวลาว่าง นักรบชอบนั่งอยู่ในที่ที่ไม่มีคนอยู่หรือที่ที่ไม่ค่อยมีใครสนใจเช่นห้องสมุดหรือว่าโรงอาหาร แต่เขาชอบห้องสมุดมากกว่าหามุมเงียบๆสักมุมหนึ่งเพื่อพักสายตา เขาต้องพยายามพักผ่อนในช่วงกลางวันให้เยอะๆ แม้ชาวสิงหลจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเปลวแดดได้อย่างสบายๆแต่ธรรมชาติของเผ่าพันธุ์ถูกออกแบบมาให้ใช้ชีวิตหลังตะวันตกดิน กิจกรรมส่วนใหญ่ของชาวสิงหลเริ่มขึ้นหลังตะวันลับฟ้าไปแล้วเสียเป็นส่วนใหญ่ส่วนกลางวันเป็นเวลานอนพักผ่อนดังนั้นเขาจึงต้องพักผ่อนเท่าที่เวลาจะเอื้ออำนวย
          "ขอนั่งด้วยคนได้ไหม"เสียงนุ่มนวลราวกับน้ำเต้าหู้แช่เย็นดังขึ้นก่อนที่จานกระเบื้องสีขาวหม่นจะถูกวางลงตรงหน้าเขา บนจานมีข้าวราดแกงเลียงและแกงเขียวหวาน เจ้าของร่างนั่งลงพลางจ้องหน้าเขาเขม็งราวกับจะพยายามค้นหาอะไรบางอย่าง เด็กสาวที่นั่งอยู่ด้านหลังลุกเดินจากไปแล้ว
          "ขอโทษนะ...ฉันขอถามอะไรหน่อยจ้ะ..."ครูคนใหม่เอ่ยขึ้น นักรบพยักหน้าแทนคำตอบ
        "เธอคือน้องชายของนายสุภาพใช่ไหม..."เขาส่ายหน้าแทนคำตอบแววตาหญิงสาวคล้ายผิดหวังเล็กน้อย
        "แล้วเธอได้เป็นญาติกับนายสุภาพไหม"หล่อนถามอีกครั้งซึ่งก็ได้คำตอบเหมือนเดิมคือการส่ายหน้าของเขา
        "แต่ทำไมเธอกับนายสุภาพถึงได้มีหน้าตาเหมือนกันจังเลย...เหมือนยังกับเป็นคนๆเดียวกัน"แววตาของเธอมีแววปวดร้าว
        "ฉันกับนายสุภาพเคยเป็นแฟนกัน..."หล่อนยิ้มอายๆก่อนจะพูดต่อว่า
        "อันที่จริง...เขาไม่ได้เป็นแฟนฉันหรอก...แต่ฉันหวังว่าสักวันเขาจะรักฉันบ้าง"หล่อนก้มหน้านิดหนึ่ง นักรบคล้ายเห็นหยดน้ำตาหยดหนึ่งหยดแหมะลงบนจานข้าว หล่อนคงต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะกลืนก้อนน้ำตาก้อนนั้นลงคอก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มกับเขาว่า
        "ไม่รู้ว่าฉันขอร้องเธอมากไปหรือเปล่า...แต่ถ้าเธอเจอเขาช่วยบอกเขาด้วย...ว่าฉันยังรอเขาอยู่"

           เสียงกริ่งสัญญานบอกเวลาเข้าเรียนดังขึ้นพอดี นักรบลุกจากเก้าอี้แล้วเดินผละมา พวกมนุษย์นี่ช่างน่าสงสารเสียจริง นักรบคิด พวกเขาสร้างสัญลักษณ์แห่งการสมสู่กันขึ้นมาแล้วเรียกมันว่าความรักและคอยเกาะกอดมันไว้อย่างหวงแหน พวกเขาสร้างความอ่อนแอให้กับตัวเองด้วยสัญลักษณ์ที่พวกเขาสร้างขึ้น นักรบไม่เคยเชื่อในเรื่องเหล่านี้
           “มีเรื่องเล่าปรัมปราของพวกเราชาวสิงหลที่เล่าต่อๆกันมาว่าในอดีตที่เนิ่นนานมาแล้ว ครั้งหนึ่งพวกเราชาวสิงหลเกือบสูญสิ้นเผ่าพันธุ์เพราะสัญลักษณ์งี่เง่าที่พวกมนุษย์และพวกชาวสีขาวสร้างขึ้นมา...แล้วเรียกขานมันว่า...ความรัก

        “มีราชาแห่งราชาของพวกเราคนหนึ่งอยากจะขอลิ้มลองรสชาติของมันดูบ้าง...อนิจจา...เขาดึงพวกเราเข้าสู่สงคราม...ทุกคน...ทุกคนเลยสำหรับพวกเราชาวสิงหล ความรักคือการล่มสลาย คนที่เคยแข็งแกร่งก็จะกลายเป็นคนอ่อนแอคนที่อ่อนแออยู่แล้วก็จะทำลายตัวเองอย่าปล่อยให้ตัวเองหลงเข้าไปติดบ่วงของมันเป็นอันขาด”
            คำบอกเล่าของบังโกสะท้อนเข้ามาในหูอีกครั้ง เขาเห็นด้วยกับบังโกในข้อนี้และเขาไม่คิดจะเอาคอตัวเองยื่นเข้าไปให้มันร้อยรัดเหมือนกัน
        ชั่วโมงต่อไปคือวิชาพละ เป็นอีกหนึ่งวิชาที่ยังไม่มีอาจารย์สอนประจำแบตมินตันคือชนิดกีฬาที่ถูกเลือกขึ้นมาสอนสำหรับนักเรียนชั้นนี้

           นักรบนึกสงสัยว่าใครเป็นคนพิจารณาว่ากีฬาแบตมินตันคือกีฬาที่เหมาะสมสำหรับเด็กนักเรียนมัธยมสี่ทำไมกีฬาชนิดอื่นอย่างเช่นกระบี่กระบอง มวยไทยหรือกีฬาการต่อสู้ชนิดอื่นๆที่ไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์มากมายจึงไม่มีความเหมาะสมสำหรับจะนำมาสอนเด็กนักเรียนระดับนี้ กีฬาเหล่านั้นขาดคุณสมบัติที่จะนำมาใช้เรียนใช้สอนในระดับนี้ตรงไหนแต่เขาก็ไม่ได้ถามใครสำหรับข้อสงสัยนี้

            พวกมนุษย์ก็มีเหตุผลแบบพวกเขาชาวสิงหลก็มีเหตุผลแบบชาวสิงหล ที่โรงเรียนโมกฆศาสตร์ ไม่มีวิชาคณิตศาสตร์ไม่มีวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีวะวิทยา หรืออะไรอื่นๆที่พวกมนุษย์ใช้สอน พวกเขาเรียนแค่วิชาประวัติศาสตร์ชาวสิงหล วิชาการต่อสู เวทมนต์และการควบคุมพลัง หกปีที่โรงเรียนโมกฆศาตร์ทำให้เขากลายเป็นชาวสิงหลเต็มตัวหลังจากนั้นก็กลับมาย่ำอยู่บนเส้นทางเดิมๆ นั่นคือการไปโรงเรียน
        ที่อาคารพละมีเด็กนักเรียนหลายคนกำลังตีลูกขนไก่ เปาะแปะอยู่รอบสนามในขณะที่ตรงกลางสนามมี นายศักรินทร์ ยืนยึดสนามอยู่ฝั่งหนึ่งอีกฝั่งหนึ่งเป็นพวกเพื่อนๆของมันที่ยืนต่อแถวรอเข้าคิวอยู่ เขาไม่ชอบเจ้าหมอนี่เอาเสียเลย แม้จะยังไม่มีเหตุผลที่จะไม่ชอบแต่นักรบก็ยังจะไม่ชอบอยู่ดี
        "นายพิเศษมาตีแบตคู่ฉันหน่อยสิ...ฉันไม่มีคู่ซ้อม"เด็กสาวที่ชื่อสร้อยลฎาเดินเข้ามาเอ่ยชวนเขา นักรบส่ายหน้าแทนคำตอบ
         "นายอย่าทำตัวลึกลับไปหน่อยได้ไหม...ชวนทำกิจกรรมอะไรก็ไม่ทำ...ถามจริงๆเถอะ...ที่บ้านนายมีเพื่อนกับเขามั่งไหมเนี่ย"เขายังคงวางสีหน้าเฉยเมย นั่นทำให้เด็กสาวหน้าง้ำก่อนจะกระทืบเท้าเดินจากไป
         นั่นเด็กสาวคนที่คอยสะกดรอยตามเขา ยืนมองเขาอยู่ทางด้านซ้ายมือท่าทางของเธอดูกล้าๆกลัวๆคล้ายกำลังตัดสินใจว่าจะเดินเข้ามาหาเขาดีไหมเธอชื่ออะไรนะ นักรบพยายามนึก แต่ก็นึกไม่ออกว่าเธอชื่ออะไร
        "เอาล่ะทุกคนมาทางนี้..."เสียงห้าวๆฟังดูน่าเกลียดดังมาจากด้านหน้าประตูอาคารพละ ชายหนุ่มผิวสีดำแดงร่างบึกบึนกำลังเดินเข้ามาหากลุ่มนักเรียน เขาตัดผมเกรียนทรงลานบินสูง กรามขนาดใหญ่ทำให้เขาดูโดดเด่นในแง่ของความน่าเกลียดแม้จะมองจากระยะไกล เสื้อคอโปโลสีเขียวเข้มคาดแดงที่มีตราเครื่องหมายถูกอยู่บนปกเสื้อ กางเกงขาสั้นสีขาวที่ตรงกระเป๋าด้านซ้ายโชว์ตรายี่ห้อจระเข้ยกหัวขึ้นยิ้ม รองเท้ากีฬาราคาแพงยี่ห้อเดียวกับรถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง แค่สามอย่างรวมกันก็มีราคาไม่ต่ำกว่าหกพันบาท เป็นต้นแบบแห่งความลุ่มหลงที่ชัดเจนยิ่ง
         ไอ้พินิจนักรบจำได้ทันที เจ้าเด็กหนุ่มหน้าเสี้ยมหน้าตาน่าเกลียดคนนั้นพอโตขึ้นยิ่งน่าเกลียดยิ่งกว่าเดิม ดูเหมือนเพื่อนสมัยเรียนเมื่อหกปีที่แล้วจะพากันเดินขบวนพาเหรดมาสอนที่นี่
           ครูพละคนใหม่เรียกทุกคนมารวมพลที่ด้านหน้าของเขาในมือของเขามีแผ่นกระดาษเช็คชื่อ เขาไล่เลียงรายชื่อไปที่ละคนโชคดีที่นายพินิจไม่ได้สะดุดหรือสนใจชื่อใหม่ของเขาเป็นพิเศษ เมื่อไล่รายชื่อครบหมดทุกคนแล้วเขาก็พานักเรียนอบอุ่นร่างกายตามท่าทางที่เขาพาทำ 'หวังว่าแกจะไม่เห็นฉันนะ' นักรบภาวนา แต่ดูเหมือนคำภาวนาจะไม่เป็นผลครูพละคนใหม่ค่อยๆเดินตรงมาหานักรบที่วอร์มอัพอยู่ทางด้านหลังเพื่อน
        "หยุดวอร์มอัพแล้วยืนขึ้นหน่อยซินักเรียน" เขาบอกนักรบหยุดวอร์มอัพแล้วยืดตัวขึ้นสีหน้าครูพละคนใหม่ดูเหมือนจะตกใจเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นสีหน้าสงสัย
        "เธอเป็นน้องชายของนายสุภาพหรือเปล่า"
        "สุภาพไหนครับ...ผมไม่รู้จัก"
       "เธอไม่ใช่น้องชายเขาหรอ"นักรบไม่ตอบครูพละคนใหม่เดินสำรวจเขาไปรอบๆเหมือนพ่อค้าที่เดินตรวจดูตำหนิของวัวก่อนจะตัดสินใจซื้อ
        "เธอเหมือนเขามาก" ครูคนใหม่พึมพำ
        "วิ่งรอบสนามห้าสิบรอบ"เขาออกคำสั่งเฉียบ นี่แหละคือนิสัยของเขานิสัยต่ำทรามที่ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนไปนานแค่ไหนเขาก็ไม่มีวันจะเปลี่ยนนิสัยนี้ได้
         "ผมทำอะไรผิด"นักรบถามน้ำเสียงราบเรียบ
        "เปล่า...ฉันไม่ได้ลงโทษเธอซะหน่อย"
        "แล้วทำไมครูถึงสั่งให้ผมวิ่งรอบสนาม"
        "เพราะนี่คือการฝึก...ฉันแค่อยากจะฝึกเธอ...วิ่งรอบสนามห้าสิบรอบ...เดี๋ยวนี้"นักเรียนหลายคนวอร์มอัพเสร็จแล้วและหลายคนก็ได้ยินคำสนทนาระหว่างเขากับครูพละคนใหม่ นายศักรินทร์แสยะยิ้มอย่างพอใจอย่าสร้างปัญหา หรือทำตัวให้สะดุดตานักรบคิดก่อนจะเริ่มก้าวเท้าออกวิ่ง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×