คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : นิทานเรื่องที่สอง
วันที่ 17 สิงหาคม 2555
วันนี้ฉันมาทำงานสาย เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ฉันมาทำงานสาย เมื่อคืนน้องหนูนาร้องไห้ตื่นเกือบทั้งคืน พลอยทำให้ฉันต้องตื่นตามไปด้วย แกคงจะรู้สึกทรมานกับอาการคัดน้ำมูกของแกนั่นเอง ฉันรู้สึกสงสารแกมาก ถ้าทำได้ฉันก็อยากจะป่วยแทนลูกเสียจริงๆ แต่ฉันทำไม่ได้ สิ่งที่ทำได้ก็เพียงเอาผ้าน้ำชุบน้ำมาเช็ดตัวให้แกและนั่งน้ำตาซึมอยู่ตรงนั้น กว่ายัยหนูนาจะหลับสนิทก็ปาเข้าไปตีสี่แล้ว ฉันได้นอนเพียงไม่กี่ชั่วโมงเมื่อคืนนี้ กว่าจะตื่นอีกทีก็เกือบเจ็ดโมงแล้ว รถรับส่งของบริษัทออกไปแล้วในตอนนั้น หลังจากอาบน้ำแต่งตัวและพายัยหนูนาไปส่งพี่หมอนที่ห้องเรียบร้อยแล้วฉันก็รีบโบกแท็กซี่ไปลงหน้าบริษัทอย่างเร่งรีบ แต่มันก็ยังไม่ทันเวลาเข้างานอยู่ดี ฉันเข้างานสายไปเกือบสามสิบนาที ปารตี หรือ ก้อย เพื่อนที่บริษัทถึงกับตกใจที่เห็นฉันเดินเข้าบริษัทล่าช้าขนาดนั้น
"อย่าบอกว่าเมื่อคืนเธอมีอะไรๆกุ้กกิ้กกับหนุ่มข้างห้องนะ" เพื่อน
สาวแซวฉัน
"นี่หล่อนจะบ้าหรอ...ฉันไม่กุ๊กกิ๊กกับใครทั้งนั้นแหละย่ะ...เมื่อคืนนี้ยัยหนูนาร้องไห้ตื่นทั้งคืน กว่าแกจะหลับได้สนิทก็เกือบตีสี่แล้ว"
"อ้าว...ลูกไม่สบายหรอกเหรอ...ถึงว่าเมื่อวานไม่เห็นหน้าตั้งแต่บ่าย"
ปารตีกับฉันทำงานอยู่ในแผนกเดียวกัน เธอขึ้นชื่อในเรื่องของการต่อสู้เพื่อสิทธิสตรี นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เธอยังไม่มีแฟนจนถึงขณะนี้ พวกหนุ่มๆในไลน์ผลิตต่างพากันซุบซิบกันว่า...สงสัยหล่อนจะได้ขึ้นคานแหง...เพราะเที่ยวทวงสิทธิสตรีจากผู้ชายคนโน้นคนนี้ แต่ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไรก็ตาม ปารตีก็คือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน เธอคอยช่วยเหลือฉันทุกอย่างทั้งเรื่องงาน และเรื่องเงินในบางครั้ง เงินค่าคลอดยัยหนูนา ส่วนหนึ่งก็มาจากการหยิบยืมเพื่อนคนนี้นั่นเอง วสันต์หอบเงินเก็บที่ฉันฝากไว้ในบัญชีร่วมกันกับเขาไปกับเขาด้วย ฉันเก็บเงินไว้ร่วมกันกับเขาในบัญชีของเขา เมื่อเขาไปเขาก็เอามันไปด้วย ไม่เหลือเอาไว้ให้ฉันเลยแม้แต่บาทเดียว โชคดีที่ปารตีช่วยเหลือฉันไว้ ไม่อย่างนั้นสภาพของฉันก็คงจะแย่กว่านี้
"อะ...ของแก" ปารตียัดกล่องขนมเค้กใส่มือขวาฉัน มันเป็นกล่องขนมเค้กขนาดกลาง ข้างในกล่องมีเค้กช็อคโกแลตลูกกลมขนาดหนึ่งปอนด์ ตรงกลางราดครีมสตอร์บอรี่สีแดงรูปหัวใจ ด้านข้างกล่องมีป้ายเขียนบอกไว้ว่า'แด่หัวใจของผม จากพงศพัฒน์'
"กินได้...แต่ห้ามชอบ...เจ้าหมอนี่กะล่อนจะตาย" ปารตีเอ่ยเตือน ฉันรู้อยู่แล้วว่า ผู้ชายคนนี้เป็นอย่างไร เขาเป็นหัวหน้ช่างของแผนกซ่อมบำรุง มีนิสัยจีบผู้หญิงไปทั่ว เหมือนหมาตัวผู้ที่ไม่เลือกขอให้เป็นผู้หญิง ฉันไม่สนใจเขาอยู่แล้ว
"ส่วนนี่ก็ของเธอ" เธอยัดห่อขนมช็อคโกแลตใส่มืออีกข้างของฉัน มีกระดาษสีขาวผูกกับเชือกสีขาวห้อยอยู่ข้างๆ บนกระดาษเขียนข้อความว่า 'จากคนแอบรัก กวิน"
"คนนี้แกชอบได้...ถ้าหากแกอยากจะชอบ" ปารตีพูดพลางหลิ่วตาให้ ฉันไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับห่อของขวัญจากบุคคลทั้งสอง กวินเป็นวิศวกรซ่อมบำรุงประจำโรงงาน เขาเป็นคนดีคนหนึ่ง แต่เขายังเด็กเกินไป ฉันไม่ได้หมายความว่าเขามีอายุน้อยกว่าฉัน แต่ฉันหมายถึงอุปนิสัยและความประพฤติของเขามากกว่า ถึงแม้เขาจะมีอายุเท่ากับฉัน แต่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่บ่งบอกว่าเขายังขาดความรับผิดชอบอยู่มาก
"ฉันไม่สนใจใครทั้งนั้น...ชีวิตฉันขอมีแค่ยัยหนูก็พอ" ฉันบอกเพื่อนรัก หล่อนทำหน้านิ่วก่อนจะพูดว่า
"ทำไมฉันไม่เกิดเป็นแกมั่งว้า...ไปที่ไหนก็มีแต่หนุ่มๆมาชอบ"
"แต่ก็ยังมีคนทิ้งฉันไป" ฉันรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาทันทีที่คิดถึงตรงนี้ เพื่อนสาวมองหน้าฉันนิ่งก่อนจะพูดว่า
"แกยังไม่ลืมเขาอีกเหรอ" ปารตีเอ่ยถาม ฉันได้แต่ก้มหน้านิ่ง ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองโดยมีปารตีเดินตามมาไม่ห่าง เมื่อฉันนั่งลงที่โต๊ะแล้วเปิดลิ้นชักโต๊ะเพื่อจะยัดของฝากสองชิ้นลงในนั้น ฉันก็พบว่ามันเต็มไปด้วยของฝากจากชายหนุ่มทั้งสองที่ฝากปารตีเอามาให้จนแน่นเอี้ยดอยู่ในนั้น
"ฉันอยากจะขอร้องอะไรแกหน่อยจะได้ไหม" ฉันพูดกับปารตีที่ตอนที่เธอยืนมองฉันอยู่ๆข้างโต๊ะ
"ว่ามา"เธอบอก
"วันนี้เธอช่วยเอาของพวกนี้กลับห้องเธอหน่อยจะได้มั้ย" ฉันบอกพลางชี้ไปที่ของฝากที่ยัดกันอยู่ในลิ้นชัก เพื่อนสาวเอามือปิดปากหัวเราะก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ
ฉันเลิกงานกลับถึงห้องพักในเวลาสองทุ่มยี่สิบห้านาที วันนี้ฉันจำเป็นต้องอยู่ดึกเพราะต้องสะสางงานที่คั่งค้างตั้งแต่เมื่อวานนี้ เมื่อฉันไปรับยัยหนูนาที่ห้องพี่หมอนแกก็หลับปุ๋ยไปแล้ว ฉันพยายามอุ้มแกอย่างเบามือที่สุดเพื่อไม่ให้แกสะดุ้งตื่น หลังจากวางแกลงบนที่นอนเรียบร้อยแล้วฉันก็อาบน้ำแต่งตัว ในขณะที่ฉันนั่งหวีผมอยู่ที่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งก็มีเสียงทักเข้ามาจากโทรศัพท์มือถือของฉัน เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบใบหน้าของนักเล่านิทานคนนั้น ฉันกดดูข้อความที่เขาส่งมา
:สวัสดีครับ
:สวัสดีคะ
:วันนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ
:ก็เรื่อยๆคะ...เหมือนทุกวันที่ผ่านมา
:วันนี้อยากฟังนิทานเรื่องอะไรครับ
ฉันอดแปลกใจไม่ได้ เพราะไม่คิดว่าเขาจะรักษาคำพูดของตัวเอง ฉันคิดว่าเขาคงจะพูดไปงั้นๆเองไม่คิดว่าเขาจะจริงจังอะไรกับมัน ผู้ชายส่วนใหญ่ก็มักจะพูดให้ผู้หญิงสบายใจไปอย่างนั้นเอง ไม่มีผู้ชายคนไหนคิดจริงจังกับคำพูดของตัวเองหรอก แต่ผู้ชายคนนี้กลับรักษาคำพูดตัวเอง น่าประทับใจเล็กน้อย ฉันตอบเขากลับไปว่า
:ก็แล้วแต่คนเล่าสิคะ...หวานไม่เรื่องมากหรอกคะ
:คร้าบบบบ...คุณหวานอิอิ
ฉันรู้สึกโมโหตัวเองนิดหน่อยที่เผลอบอกชื่อเล่นให้เขารู้ ฉันเงียบไปพักใหญ่ นึกหาคำพูดที่ใช้พูดกับเขา แต่ยังไม่ทันจะนึกอะไรออกเขาก็ทักมาเสียก่อน
:ถ้างั้นมาฟังนิทานก่อนนอนกันเลยดีกว่านะครับ
:คะ
:กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว5555555
:ทำไมต้องหัวเราะด้วยล่ะคะ
:ผมแค่อยากจะสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้นมานะครับ...คุณจะได้รู้ว่า...นี่คือนิทานที่ผมเล่า
:อ๋อคะ...เหมือนกับสมร้กษ์ คำสิง ที่ชอบพูดว่า ไม่ได้โม้ อย่างนั้นหรือเปล่าคะ
:55555555....แบบนั้นเลยครับ
:คะ...เข้าใจแล้ว
:กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กหุ่นขี้ก้างตัวผอมดำคนหนึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆที่แสนกันดารและห่างไกลความเจริญ หลังจากที่ต้องทนทุกข์อยู่กับเขี้ยวที่งอกออกมาจากริมปากทั้งสองข้าง ในที่สุดด้วยแรงถีบของหลวงตา เขี้ยวก็หลุดออกจากปากมัน
:อ้าว...งั้นก็เป็นเด็กคนเดียวกันกับเมื่อวานนี้สิคะ
:ครับ...คนเดียวกัน...หรืออันที่จริง...เด็กคนนั้นก็คือตัวผมเอง555555555
:อ้าวเหรอ...ตายจริง...ไม่นึกว่านิทานเรื่องนี้จะเป็นเรื่องคุณ555555555
:ครับ...อันที่จริงมันเป็นเรื่องของผมนั่นเอง...มันเป็นแค่เรื่องของเด็กชายบ้านนอกคนหนึ่งเท่านั้นเอง..คุณหวานยังอยากจะฟังอยู่หรือเปล่าครับ...
:อยากฟังคะ...อยากฟัง
:งั้นผมเล่าต่อนะครับ...
:คะ
:หลังจากวันนั้นต่อมาไม่กี่เดือน...ผมก็มีอายุถึงเกณฑ์ที่จะต้องเข้าโรงเรียนประถม แม่ผมจูงผมไปที่โรงเรียนตั้งแต่ภารโรงยังไม่ตื่นเสียอีก...สีหน้าแกดูเหมือนมีความสุขเสียจริงๆ เหมือนแกได้ยกเทือกเขาออกจากอก
:เขามีแต่สำนวน ยกภูเขาออกจากอก
:นั่นสำหรับคนอื่นครับ...แต่สำหรับผม...แม่ผมแกไม่ไม่ได้คิดว่าผมเป็นตัวปัญหาที่มีขนาดเท่าภูเขาลูกเล็กๆลูกหนึ่งเท่านั้น แต่ผมคือเทือกเขาที่ประกอบไปด้วยภูเขาเป็นร้อยๆลูกที่ทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตา5555555
:บร้า...พี่ก็ไปว่าแก5555555555
:5555555...ครับ...หวานเรียกแทนตัวผมว่าพี่...ผมก็จะเรียกแทนตัวเองว่าพี่ก็แล้วกัน5555555
ฉันพลาดเป็นหนที่สองอีกจนได้ ไม่รู้ว่าทำไมถึงเผลอไปเรียกเขา
ว่าพี่ ทั้งๆที่เขาอาจจะเป็นน้องฉันหลายปีก็ได้ เพราะดูจากรูปภาพของเขาในเฟชบุคแล้ว เขาก็ดูเหมือนจะอายุไม่เท่าไหร่
:ก็แล้วแต่พี่เถอะคะ55555555
:คร้าบบบบ...
:อะ...ต่อๆๆๆๆๆๆๆ
:55555555...คร้าบ...ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา...พี่เป็นคนที่ดื่มน้ำเยอะมาก...วันหนึ่งๆพี่ดื่มวันละหลายรอบ...และด้วยนิสัยนี้ มันได้สร้างความลำบากใจให้แก่คุณครูเป็นอย่างยิ่งตอนที่พี่เข้าเรียนปอหนึ่งใหม่ๆ
:ทำไมเหรอคะ
:พี่ชอบปวดฉี่ในเวลาเรียน...เมื่อเริ่มเรียนไปได้สักสิบนาทีพี่จะต้องขออนุญาติคุณครูไปเข้าห้องน้ำทุกที
:อ้าว...ไม่เห็นจะลำบากพวกคุณครูตรงไหนเลย...เวลาปวดฉี่ก็ขออนุญาติคุณครู...ไม่ใช่เรื่องแปลกสักหน่อย
:ครับ...แต่ปกตินักเรียนคนอื่นจะขออนุญาติครูเข้าห้องน้ำแล้วกลับมาภายในสิบนาที...แต่พี่ขออนุญาติเข้าห้องน้ำทีไรกลับอีกทีก็เหลืออีกห้านาทีจะหมดชั่วโมงสอน555555555
:5555555...บร้า...คนอะไรจะใช้เวลาฉี่ตั้งนานขนาดนั้น
:55555555...จริงๆแล้วพี่ใช้เวลาฉี่แค่ไม่ถึงหนึ่งนาที...เวลาที่เหลือจากนั้นพี่เอาไปวิ่งไล่จับกิ้งก่าที่เกาะคอนยุตามรั้วโรงเรียนเล่น...พ่อเล่นเหนื่อยพี่ก็จะเดินกลับมาที่ห้องเรียน555555555
:5555555...แน่นอนจริงๆพี่55555555
:ในที่สุดคุณครูบุญมี ครูประจำวิชาภาษาไทยก็จับได้...แกไปเห็นพี่กำลังวิ่งไล่จับกิ้งก่าอยู่ข้างรั้วในขณะที่เพื่อนๆพากันท่องบทสูตรคูณแม่สองอยู่ในห้องเรียนเสียงขร่มอยู่55555555555
:แล้วแกไม่เข้าไปต่อว่าอะไรพี่เลยเลยเหรอ
:พี่เองก็แปลกใจเหมือนกัน...ทั้งๆที่แกมองเห็นพี่และพี่ก็มองเห็นแก...พี่นึกว่แกคงจะไม่อะไรกับพี่...ที่ไหนได้...แกเก็บเอาไว้แก้แค้นในชั่วโมงถัดไป...มันเป็นชั่วโมงเรียนวิชาภาษาไทย...วิชาที่แกสอนอยู่นั่นเอง5555555
:แล้วแกแก้นแค้นพี่ยังไงเหรอ
:ทันทีที่หมดชั่วโมงคณิตศาสตร์ แกเดินเข้าไปในห้องนั้นหลังจากที่ครูกนกเดินออกมาจากห้อง เมื่อแกเดินไปถึงโต๊ะหน้ากระดานแกก็มองสำรวจนักเรียนทุกคนจนกระทั่งมองเห็นพี่ หลังจากนั้นแกก็เริ่มประกาศว่า...ชั่วโมงนี้ครูไม่อนุญาติให้ใครออกจากห้องทั้งนั้นจนกว่าจะหมดชัวโมง...เมื่อแกพูดจบ...พี่ก็เริ่มปวดฉี่ขึ้นมาตะหงิดๆทันที5555555555
:ตายล่ะ...ทำไงล่ะทีนี้555555555
:พี่นั่งนิ่งพลางภาวนาว่าอย่าดันปวดฉี่ขึ้นมาตอนนี้นะไอ้ชน5555555
:ครูบุญมี เริ่มให้พวกเราท่อง ก ไก่ ถึง ฮ นกฮูก พี่ท่องไปได้ถึงตัว ป ปลา พี่ก็เริ่มปวดฉี่อย่างรุนแรง พี่ท่องบ่นคำว่า ป ปลาซ้ำไปซ้ำมาพลางนึกถึงบ่อน้ำลึกเลยสะดือขึ้นมาหน่อย...มันคงจะช่วยให้พี่ปลดปล่อยน้ำในกระเพาะออกไปได้โดยไม่มีใครเห็น...แต่ยิ่งคิดถึงมันพี่ก็ยิ่งปวดตึบ555555555555
:5555555555ตายล่ะ...ทำยังไงดีล่ะ5555555555
:เมื่อสุดจะทานทนพี่จึงได้ยกมือขึ้นขออนุญาติ ครูบุญมีเหลือบมาเห็นในเวลาอันรวดเร็ว...หรืออาจจะเป็นเพราะแกจ้องดูพฤติกรรมพี่อยู่ก็ไม่รู้ แกถามว่า...มีอะไรเด็กชายกันชน พี่ตอบอย่างไวว่า...ขออนุญาติเข้าห้องน้ำครับ...ครูบุญมีตอบกลับมาว่า...ครูบอกเธอตั้งแต่ต้นชั่วโมงแล้วว่า...ชั่วโมงนี้ห้ามใครออกไปไหนทั้งนั้น พี่เลยถามว่า...ถ้าผมปวดเยี่ยวล่ะครับ ผมจะเยี่ยวยังไง ครูบุญมีตอบอย่างไม่ยี่หระว่า...นั่นมันเรื่องของเธอ เมื่อพี่ได้ยินครูบุญมีพูดแบบนั้นเสมือนการเปิดสวิทซ์ไฟเขียวให้พี่...พี่เดินไปที่หน้าต่าง...ปีนขึ้นเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างหน้าต่าง จัดการรูดซิบกางเกง หยิบหนอนน้อยออกมา...แล้วจากนั้นก็ปล่อยเต็มที่พร้อมกับแอ่นหน้าหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข55555555555...ชั้นเรียนที่พวกพี่นั่งเรียน อยู่บนชั้นสองของตัวอาคาร...น้ำที่ปล่อยออกจากท่อของหนอนน้อยของพี่พุ่งเป็นมุมโค้งลงสู่พื้นด้านล่างอย่างสวยงาม5555555
:บร้าแล้ว5555555555
:55555555....ที่ด้านล่าง...ครูทองแดง...ครูใหญ่ของโรงเรียนกำลังสาธิตวิธีปลูกต้นไม้ให้กับนักเรียนชั้นปอสี่ แกพูดกับนักเรียนของแกว่า
"เวลาปลูกต้นไม้ ต้องรอให้ฝังต้นไม้ที่เราจะปลูกลงในหลุมก่อน อย่างนี้...อย่าพึ่งรดน้ำลงไปในหลุมจนกว่าเราจะกลบหลุมต้นไม้เสร็จ" แกพูดพลางวางต้นจามจุรีลงไปในหลุม เมื่อแกวางต้นไม้ลงไปในหลุมเรียบร้อยแล้ว แกก็หยิบพลั่วมาเพื่อจะเกลี่ยดินกลบหลุม ทันใดนั้นเองก็มีสายน้ำสีเหลืองขุ่นหยอดลงไปตรงกลางหลุมนั่นพอดี แกพูดกับนักเรียนของแกอย่างเหนื่อยหน่ายว่า
"นักเรียน ครูบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ารดน้ำลงไปในหลุมจนกว่าจะฝังกลบต้นไม้ให้เรียบร้อยก่อน" พวกนักเรียนต่างพากันปฏิเสธเสียงแข็งว่า ไม่ใช่ผมไม่ใช่หนู
"ถ้าไม่ใช่พวกเธอแล้วเป็นใคร" เมื่อพูดจบ ครูทองแเดงก็ค่อยๆมองตามลำน้ำสายนั้นขึ้นไปจนในที่สุดแกก็มองเห็นเด็กชายคนหนึ่งกำลังยืนแอ่นอกปล่อยสายน้ำออกจากท่อของตัวเองอย่างมีความสุข ครูทองแดงรีบตะโกนออกมาด้วยเสียงดังก้องว่า
"ไอ้หนู...เธอกำลังทำอะไรอยู่บนนั้น...ลงมาหาครูเดี๋ยวนี้" สิ้นเสียงตะโกนของแก พี่วิ่งพรวดเดียวถึงตีนบันไดอาคาร และใช้เวลาอีกสามสิบวินาทีถึงตีนบันไดบ้าน555555555 พี่ไม่กล้าไปโรงเรียนอยู่นานเกือบอาทิตย์555555555
:ลำบากแม่ต้องถ่อสังขารไปขอร้องคุณครูใหญ่
"ครูอย่าโกรธมันเลยนะคะ...มันยังเด็ก...ยังไม่รู้เรื่องอะไร..."แม่พูดพลางแกล้งทำเป็นน้ำตาคลอ ครูทองแดงบอกว่า
"ผมไม่ได้ถือโทษโกรธมันหรอก...อันที่จริงผมมองเห็นความสามารถบางอย่างที่มีอยู่ในตัวมัน...มันอาจทำประโยชน์ให้กับโรงเรียนของเราได้..."
ในที่สุดครูทองแดงก็ยกโทษให้พี่และจับพี่ไปเป็นนักกีฬาวิ่งแข่งของโรงเรียน555555555
:อ๋อ...555555...วิ่งเร็วเข้าขั้นว่างั้น55555555555
:จร้า55555555...ใช้เวลาสามสิบวินาทีจากตีนบันไดอาคารเรียนถึงตีนบันไดบ้าน...เป็นความเร็วอันน่าเหลือเชื่อใช่มั้ยล่ะ5555555555
:จร้า...เร็วมักๆ555555555
:55555555...ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาพี่ก็กลายเป็นนักกีฬาวิ่งผลัดอายุไม่เกินเก้าขวบ...กีฬาที่ครูทองแดงยัดเยียดให้พี่ก็คือวิ่งผลัดสี่คูณห้าสิบเมตร พี่ทำได้ดีตอนที่ฝึกซ้อมอยู่ที่สนามฟุตบอลของโรงเรียนและจำคำสอนของคุณครูสุทิน ครูสอนวิชาพละศึกษาได้ทุกถ้อยทุกคำ โดยเฉพาะคำพูดที่แกชอบพูดกับนักกีฬาวิ่งผลัดของแกว่า...ตามองไปข้างหน้า...มือขวายื่นออกมาข้างหลัง...และเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนบอกว่า วิ่ง ก็จงรีบออกสตาร์ททันที
และแล้วหลังจากการฝึกซ้อมรับไม้และสับเท้าเข้าเส้นชัยแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่าของพี่มาอย่างยาวนาน ในที่สุดเมื่อถึงต้นเดือนธันวาคมทุกอย่างก็พร้อม มันเป็นประเภณีการแข่งขันกีฬาโรงเรียนประถมระดับตำบลซึ่งจะมีขึ้นทุกปีตอนต้อนเดือนธันวาคม ทุกโรงเรียนในตำบลนั้นจะขนนักกีฬาพร้อมกองเชียร์และเด็กนักเรียนทุกคนไปที่โรงเรียนเจ้าภาพ มีการเดินขบวนพาเหรด ชูป้ายโรงเรียนและธงสีประจำโรงเรียน ปีนั้นเจ้าภาพคือโรงเรียนบ้านหนองขามน้อย ชนิดกีฬาสำหรับนักเรียนอายุไม่เกินเก้าขวบถูกจัดตารางการแข่งขันไว้ในอันดับต้นๆ...ซึ่งก็มีไม่กี่ชนิดกีฬา มีวิ่งชายเดี่ยวห้าสิบเมตร วิ่งผลัดชายสี่คูณห้าสิบเมตร วิ่งหญิงเดี่ยวห้าสิบเมตร และวิ่งผลัดหญิงสี่คูณห้าสิบเมตร รายการแรกคือวิ่งชายเดี่ยวห้าสิบเมตร เมื่อผลการแข่งขันจบลง ปรากฏว่านักเรียนจากโรงเรียนพี่เข้าเส้นชัยเป็นที่โหล่ สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นได้สร้างความผิดหวังให้กับครูสุทินยิ่งนัก แกเดินหน้าเครียดเข้ามาพลางกำชับกับพี่ว่า
"เธอวิ่งเป็นคนสุดท้าย...ดังนั้นเธอจึงมีความสำคัญที่สุด...จำได้ไหมว่าครูเคยบอกเธอว่ายังไง"
"ตามองไปข้างหน้า...มือขวายื่นออกมาข้างหลัง...เมื่อเพื่อนบอกว่า วิ่ง ก็ให้วิ่งทันที" พี่ทวนคำสอนของแก แกพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะหันไปหาไอ้คม เพื่อนร่วมห้องของพี่และเป็นนักกีฬาวิ่งผลัดเหมือนกัน แกถามแบบเดียวกันกับที่ถามพี่ ไอ้คมตอบว่า
"เมื่อได้ไม้จากเพื่อนก็ให้รีบวิ่งสุดกำลัง ตามองไปที่เพื่อนที่รออยู่ข้างหน้า...แล้วส่งไม้ให้ถึงมือเขา" มันพูดทบทวนคำสอน ครูสุทินยิ้มอย่างพอใจ
หลังจากนั้นการแข่งขันก็เริ่มขึ้น...พี่ทำอย่างที่ครูสุทินสอนไว้เป๊ะๆ...ตามองไปข้างหน้า มือขวายื่นออกมาข้างหลัง เมื่อได้ยินเสียงคำว่าวิ่งก็ให้วิ่งทันที น่าเสียดาย คำสอนของแกมีข้อบกพร่อง...แกลืมบอกพี่ว่า...คำว่า...วิ่ง... แล้วให้รีบวิ่งนั้น...ต้องเป็นคำพูดของใคร...แกไม่ได้ระบุชี้ชัดลงไป...ดังนั้นเมิ่อพี่ได้ยินคำว่าวิ่ง(ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องกันหลายครั้งมาก) พี่ก็รีบวิ่งทันที พี่วิ่งนำหน้านักเรียนโรงเรียนอื่นๆทุกคน ชั่วแว่บหนึ่งพี่ได้ยินเสียงหวือเฉียดหูพี่ไป...แต่พี่ก็ไม่ได้สนใจ...ในที่สุดพี่ก็เข้าถึงเส้นชัยก่อนชาวบ้าน...แต่กรรมการตัดสินให้โรงเรียนของพี่ได้ที่โหล่...พี่เคืองใจมาก...กรรมการตัดสินแบบนี้ได้อย่างไร...พี่เข้าเส้นชัยก่อนชาวบ้านพี่ก็น่าจะได้ที่หนึ่งสิ...พี่กำลังจะอ้าปากเถียงกรรมการก็พอดีครูสุทินเดินมาตบกะโหลกพลางพูดว่า
"เธอทำไมไม่รอไม้จากเพื่อน...ทำไมวิ่งโท่งๆไปอย่างนั้นทั้งๆที่นิคมยังส่งไม้ไม่ถึง" พี่เงยหน้าขึ้นมองครูสุทินก่อนจะตอบกลับไปว่า
"ก็ครูบอกว่าเมื่อได้ยินเสียงบอกว่าวิ่ง ก็ให้วิ่งทันที มีเสียงบอกว่าวิ่งดังตั้งหลายครั้ง...ผมก็อุตส่าห์เลือกเสียงบอกให้วิ่งเสียงแรกสุดเลย...ผมทำผิดตรงไหน" 5555555555
:55555555...ตลกอะ...แล้วครูสุทินเขาตอบพี่ว่าวัย
:แกไม่ตอบ...แต่รู้สึกเหมือนพี่จะมองเห็นน้ำสีใสๆไหลรื่นออกมาจากขอบตาทั้งสองข้างของแก555555555....แกคงประทับใจในตัวพี่มากที่จำคำสอนแกได้ทุกคำ55555555
:55555555...ประทับใจมากๆเลยพี่555555555...แน่นอนจริงๆ55555555555
:จร้า5555555...สนุกมั้ยนิทานเรื่องนี้
:สนุกจร้า...แต่เอ...นิทานเรื่องนี้สอนอะไรเราได้บ้างน้า
:555555...จร้า...นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...อย่าเอาแมวไปวิ่งแข่งกับใคร...เพราะแมวมันไม่รู้จักกติกาอะไรทั้งนั้นนอกจากการวิ่งหนีเอาตัวรอด5555555555
:555555555...ค่ะ...คงจะอย่างนั้น555555555
:ดึกมากแล้ว...ฝันดีนะครับ
:ค้าาาาา...ฝันดีคะ
เมื่อจบการสนทนาฉันก็ยังนั่งอมยิ้มอยู่ตรงนั้น สัญญานออนไลน์ของเขาขาดหายไปแล้ว...แต่ฉันก็ยังเปิดเน็ตใช้งานต่อ...ฉันกลับขึ้นไปอ่านข้อความสนทนาระหว่างฉันกับเขาซ้ำอีกครั้ง...ฉันนั่งอมยิ้มอีกรอบ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ฉันจัดการเปิดโน๊ตบุค...เชื่อมต่อสัญญาณ WiFi จากโทรศัพท์มือถือของฉัน เข้าไปที่เฟชบุคผ่านทางโน๊ตบุค จากนั้นก็เริ่มก๊อปปี้ข้อความที่ฉันได้สนทนากับเขาผ่านทางเฟชบุคมาเก็บไว้ในเครื่องโน๊ตบุค กว่าจะจัดการอะไรให้เรียบร้อยนาฬิกาก็บอกเวลา ห้าทุ่มสิบนาที ได้เวลาที่ฉันควรจะนอนเสียที
ความคิดเห็น