ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปาฏิหาริย์นิทานรักข้ามภพ

    ลำดับตอนที่ #6 : นิทานเรื่องที่สี่

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ย. 56


    1กันยายน 2555
       
    ฉันปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาจนครบอาทิตย์กว่าจะตัดสินเปิดโน้ตบุ๊กขึ้นมาเขียนไดอารี่ได้อีกครั้ง วันเสาร์ที่ผ่านมาฉันฝันเห็นลานวัดนั่นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฉันกลับฝันเห็นตัวเองอยู่ในร่างของเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบ ผมของฉันถูกเกล้าขึ้นไปมัดไว้บนหัว ฉันใส่เสื้อคอกระเช้าสีขาวลายลูกไม้ มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาคุ้นเคยคอยยืนมองอย่างเหนื่อยหน่ายอยู่ไม่ไกล มีเด็กหญิงรุ่นเดียวกันกับฉันเดินวนไปวนมาอยู่ข้างๆเขา ความรู้สึกของฉันในตอนนั้นก็คือยิ้มขันในอาการเหนื่อยหน่ายของเขา เขาคงจะเบื่อหน่ายที่จะต้องคอยตอบคำถามของเด็กหญิงคนนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ก็เธอเล่นถามเขาตลอดเวลาแบบนั้นเป็นใครก็ต้องเบื่อ  ในที่สุดก็มีผู้ชายสูงอายุท่าทางภูมิฐานคนหนึ่งเดินมาเรียกเด็กหญิงคนนั้นให้ไปหา เธอยอมไปแต่โดยดี แต่ยังไม่วายหันมากล่าวคำอำลาเด็กชายคนนั้นพร้อมกับส่งสายตาอาลัยอาวร เมื่อเธอไปแล้วฉันจึงได้เดินเข้าไปหาเด็กชายคนนั้น
    "คุณหนูแดงเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ" ฉันเอ่ยเย้า
    "ช่างซักช่างถามจนน่ารำคาญเหมือนเรานั่นแหละคุณหนูพลอย"
    "พลอยไม่ได้ช่างซักช่างถามเสียหน่อย"
    "รวมทั้งจะไม่ขอให้พี่เล่านิทานให้ฟังด้วยใช่มั้ย...งั้นพี่ก็จะถือเอาตามนี้" พูดจบเจ้าเด็กชายคนนั้นก็เดินตีปีกไปอย่างสบายใจ
    "ไม่ได้"ฉันร้องบอก เด็กชายคนนั้นค่อยๆหันกลับมา สีหน้าเหมือนผิดหวังอย่างรุนแรง
    "พี่เทพได้ให้สัญญากับน้องพลอยไว้แล้ว...ห้ามผิดสัญญา" ในความรู้สึกตอนนั้นของฉันก็คือ อยากให้เด็กชายที่อยู่ตรงหน้าเล่าอะไรก็ได้ให้ฉันฟังทุกวันก่อนที่ฉันจะกลับบ้าน ก็เขาได้ให้สัญญาไว้แล้วนี่นา...และเขาก็ไม่เคยผิดคำสัญญาด้วย
       ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนตีสี่สามสิบห้านาที ฉันพยายามมองสำรวจสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆตัวแล้วก็พบว่าตัวเองนั่งอยู่บนเตียงในห้องเช่าชั้นสองของคอนโด ลูกสาวคนสวยนอนอยู่บนฟูกของเธอใต้เตียงนอนของฉัน  ชั่วแวบหนึ่งฉันมองเห็นหน้าลูกกลายเป็นหน้าของคุณหนูแดงที่ฉันพึ่งจะเห็นในความฝัน เรานี่ท่าจะบ้าใหญ่...ฉันก้าวลงจากเตียงไปหอมแก้มแกทีหนึ่งก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำ เมื่อเดินกลับมาถึงเตียงคำพูดโต้ตอบระหว่างฉันกับนักเล่านิทานคนนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัว
    :ทำไมคุณถึงได้ชอบพูดคำว่าสัญญาบ่อยจังเลย
    :มันเป็นนิสัยติดตัวมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วคร้บ ผมจะพูดคำว่า'ขอให้สัญญา'กับคนที่ผมตั้งใจว่าจะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จจนได้ไม่ว่ามันจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม

    4 กันยายน 2555
      
    วันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดของยัยก้อย มันวางแผนจะจัดงานวันเกิดวันนี้ให้ตัวเองมาตั้งนานแล้ว มันเชิญเพื่อนสนิททุกคนให้ไปร่วมฉลองวันเกิดของมัน ไม่เว้นแม้แต่นายพงศพัฒท์และกวิน    แม้ฉันจะพยายามพูดบ่ายเบี่ยงแค่ไหนก็ตามมันก็ยังยืนยันจะให้ฉันไปงานวันเกิดมันให้ได้  มันลงทุนโทรไปหาพี่หมอนเพื่อขอให้พี่หมอนเลี้ยงยัยหนูนาจนสว่าง  มันอ้างว่าวันนี้เป็นวันเกิดของมัน  เพื่อนรักอย่างฉันต้องไปเลี้ยงฉลองกับมันด้วย ฉันยอมไปกับยัยก้อย  แต่ก็ไปเพื่อเป็นพิธีเท่านั้น หลังจากที่ยัยก้อยเริ่มเมาและคนอิ่นๆโดยเฉพาะพวกผู้ชายทั้งหลายเริ่มเมา  ฉันก็กระซิบบอกยัยนกที่เป็นเพื่อนสนิทอีกคนเพื่อขอตัวกลับ...และยังฝากดูแลยัยก้อยให้กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยด้วย เมื่อออกมาจากงานฉันโทรบอกพี่หมอนว่าจะไปรับยัยหนูนากลับมานอนที่ห้องด้วย เมื่อไปถึงห้องพี่หมอนยัยหนูนาก็หลับปุ๋ยไปแล้ว ตอนนั้นเป็นเวลาสามทุ่มห้าสิบนาที เมื่อเอายัยหนูเข้านอนแล้วฉันก็อาบน้ำแต่งตัวเตรียมเข้านอน และในระหว่างนั้นเองฉันก็ได้ยินเสียงทักอันคุ้นเคยทักเข้ามา นักเล่านิทานคนนั้นนั่นเอง ฉันแอบยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะรีบกดดูข้อความของเขา
    :สวัสดีครับ
    :สวัสดีค่ะ
    :คุณหวานยังโกรธผมอยู่หรือเปล่าครับ
    ตายจริง ฉันนึกว่าเขาจะโกรธฉันซะอีก กลับกลายเป็นว่าเขานึกว่าฉันโกรธเขา นั่นเองที่เขาไม่ทักเข้ามา
    :หวานจะโกรธคุณเรื่องอะไรคะ
    เขาส่งสติ้กเกอร์รูปเด็กผู้ชายยืนยิ้มพลางแลบลิ้นมาให้ฉัน นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ฉันยิ้มออกมาได้ ฉันเผลอกัดเล็บตัวเองด้วยความขวยอาย
    :ดีจังเลยครับ ผมนึกว่าคุณหวานโกรธผมซะอีก เล่นเอาผมไม่กล้าทักเข้ามาเลย
    :ไม่โกรธหรอกคะ
    :คุณหวานยังอยากฟังนิทานอยู่ไหมครับ
    :อยากฟังคะ
    :งั้นมาฟังนิทานกันเลยนะครับ
    :ค่ะ
    :กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กชายตัวดำหุ่นขี้ก้างคนหนึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆที่แสนกันดารและห่างไกลความเจริญ เด็กชายที่ว่านั้นก็คือผมเอง
    :ค่ะ
    :ในสมัยนั้นเงินทองเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง ผู้คนในหมู่บ้านนั้นส่วนใหญ่แล้วจะมีฐานะยากจน มีไม่กี่ครอบครัวหรอกครับที่มีฐานะพอกินพอใช้ ส่วนคนที่มีฐานะร่ำรวยนั้นแทบจะหาไม่เจอ ผมมีเพื่อนร่วมรุ่นอยู่คนหนึ่งชื่อเด็กชายนิคม แต่ผมเรียกมันอย่างสนิทปากว่าไอ้คม พ่อแม่ของมันเป็นหนึ่งในไม่กี่ครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย เพื่อเห็นแก่ความร่ำรวยของมันพี่จึงขอคบมันไว้เป็นเพื่อน555555
    :555555...ไม่ค่อยเลยนะพี่...คบเพื่อนเพราะเห็นแก่ความร่ำรวยของเขานั่นเอง...555555
    :อย่างน้อยก็ดีกว่าคบเด็กโข่งและชอบรังแกคนอื่นอย่างไอ้สุพจน์เป็นไหนๆล่ะครับ...5555555
    :คร้าาาาาา...อะต่อๆๆๆๆ
    :ข้อดีในการคบไอ้คมเป็นเพื่อนก็คือพี่มักจะได้กินขนมแปลกๆอร่อยๆอยู่เสมอ
    :เช่นอะไรบ้างคะ
    :ก็พวกขนมคบเคี้ยวที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าในหมู่บ้านนั่นแหละครับ เพียงแต่พี่ไม่เคยมีเงินซื้อ555555...แต่ไอ้คมมีเงินซื้อ...นั่นก็อีกสาเหตุหนึ่งที่ผมเลือกคบมันเป็นเพื่อน555555
    :555555...พี่นี่สุดยอดจริง..555555
    :5555555...สุดยอดในเรื่องไหนครับ...
    :เรื่องการเอาตัวรอด555555
    :คร้าบบบบบ5555555
    :อะ...ต่อๆๆๆๆๆๆๆ
    :ถึงแม้พี่จะเห็นไอ้คมเดินถือขนมมาหาก็ใช่ว่ามันจะยอมแบ่งให้พี่กินง่ายๆนะ...มันหวงของของมันจะตาย
    :แล้วพี่ทำยังไงคะ
    :พี่ก็แปลงร่างเป็นสัตว์ประหลาดแล้วปล่อยแสงจู่โจมโดยที่มันไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อมันเห็นแบบนั้นมันก็ทำหน้าเครียดก่อนจะค่อยๆวางถุงขนมลงบนแคร่ จากนั้นมันก็แปลงร่างเป็นไอ้มดเอ็กซ์แล้วปล่อยแสงใส่พี่จนพี่กระเด็นกระดอนไป เมื่อเล่นไปได้สักสิบนาทีพี่ก็เหนื่อยและขอตัวพักเดี๋ยวหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆเดินอย่างอ่อนล้าไปที่ถุงขนมของมันแล้วก็หยิบขนมในห่อยัดใส่ปาก
    ฉันอดหัวเราะงอหงายไม่ได้เมื่ออ่านจบ ภาพของเด็กชายจอมเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาในสมองของฉันทันที ฉันถามกลับไปทั้งๆที่ยังอมยิ้มกลั้นหัวเราะอยู่
    :แล้วยังไงต่อคะ
    :เมื่อไอ้คมเห็นพี่ไปยุ่งกับถุงขนมของมัน มันรีบวิ่งมาคว้าถุงขนมมากอดไว้..และยังทำท่าว่าจะต่อว่าต่อขานพี่ด้วย แต่ยังไม่ทันที่มันจะได้ขยับปากพี่ก็รีบแปลงร่างเป็นสัตว์ประหลาดแล้วจู่โจมมันด้วยแสงพิฆาตอีกครั้ง ไอ้คมเมื่อมันเห็นว่าเจ้าสัตว์หลาดอย่างพี่เล่นทีเผลอมันก็วางถุงขนมลงแล้วรวบรวมพลังที่มีอยู่ทั้งหมดและปล่อยแสงพิฆาตก้อนใหญ่มหึมาใส่พี่อย่างกราดเกรี้ยว พี่กระเด็นกระดอนไปอีกรอบ พอเล่นครบสิบนาทีพี่ก็เหนื่อยและเดินอย่างอ่อนล้าไปที่ถุงขนมของมันอีกครั้ง5555555555
    :55555555สุดยอดอะ55555555
    :พี่ทำอย่างนี้อยู่ห้ารอบก็พอดีอิ่ม 555555...เหลือขนมไว้ในถุงให้ไอ้คมสองสามชิ้น 5555555555
    ฉันหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง คนเจ้าเล่ห์ ฉันมองค้อนเขาผ่านหน้าจอโทรศัพท์ ฉันพิมพ์ตอบเขากลับไปว่า
    :อะ...ต่อๆๆๆๆๆๆๆ
    :ในปีนั้นมีครูเข้าใหม่คนหนึ่งชื่อครูสมเกียติ แกเข้ามาสอนวิชาสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต แกคงจะจบมาจากสาขาคหกรรมมาแน่ๆเพราะแกชอบสอนให้เด็กนักเรียนของแกประดิษประดอยของใช้โดยใช้ไม้ไผ่เป็นวัสดุ และไม้ไผ่ไม่ใช่สิ่งที่จะหากันได้ง่ายๆในหมู่บ้านที่แสนกันดารแบบนั้น ที่หมู่บ้านแห่งนั้นไม่มีภูเขา ไม่มีป่า มันแต่ท้องไร่ท้องนาและความแห้งแล้ง
       มีอยู่วันหนึ่งครูสมเกียติสอนพวกเราให้ทำที่ใส่ขวดน้ำปลาจากไม้ไผ่ แกสอนไปยิ้มไปอย่างมีความสุข แกคงจะนึกตัวเองกำลังนั่งสอนนักศึกษาคณะคหกรรมอยู่ล่ะมั้ง เด็กอายุเก้าขวบอย่างพี่แค่เหลาไม้ไผ่ทำคันเบ็ดยังใช้เวลาทั้งเกือบอาทิตย์เพื่อให้ได้คันเบ็ดสักอัน  มิหนำซ้ำคันเบ็ดที่ว่านั่นก็ใช้การไม่ได้ซะด้วย
       หลังจากพี่นั่งปลุกปล้ำอยู่กับที่ใส่ขวดน้ำปลาชุดสาธิตอย่างงงๆจนจวนจะหมดชั่วโมง ในที่สุดครูสมเกียติก็ประกาศการบ้านของพวกเรา แกบอกให้พวกเราทำที่ใส่ขวดน้ำปลาแบบที่แกพึ่งจะสอนจบลงในวันนี้มาส่งแกในวันจันทร์หน้า ชุดสาธิตที่ใส่ขวดน้ำปลาร่วงจากมือพี่ลงไปใส่ตีนครูสมเกียติทันที งานเข้าพี่แล้วไง5555555
    :ค่ะ...อิอิ...แล้วพี่ทำไงคะ
    :หลังเลิกเรียนพี่เดินหน้าเศร้าเข้าไปหาไอ้คมที่บ้านพร้อมกับพูดประโยคคล้ายๆกับที่เด็กหญิงมิยะพูดกับเจ้ามดเอ็กซ์ที่พึ่งฉายไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา  ไอ้คมได้ยินแบบนั้นเลือดผู้ทักษ์ก็สูบฉีดทันที มันรับอาสาปกป้องเด็กชายตัวเล็กๆอย่างพี่อย่างสุดความสามารถ มันบอกด้วยแววตามุ่งมั่นว่า
    "เรื่องนี้กูจัดการเอง" จากนั้นมันก็เดินเข้าไปเอามีดอีโต้ออกมาจากครัวแล้วพาพี่เดินลัดเลาะไปตามทุ่งนา
       ไผ่บงคือไม้ไผ่เนื้อดีที่จะเอามาทำเป็นที่ใส่ขวดน้ำปลาได้ ไม้ไผ่ชนิดอื่นไม่เหมาะ แต่ไผ่บงแต่ละกอล้วนมีเจ้าของและพวกเขาก็หวงมากๆ เนื่องจากมันคือวัสดุสำคัญที่ใช้สำหรับสานตะกร้า สุ่มไก่ และของใช้ที่จำเป็นอื่นๆ ไม่มีใครเขาให้กันง่ายๆ นั่นแหละที่สำคัญ
       ปกติเขาจะปลูกไม้ไผ่ชนิดนี้เอาไว้ตามหัวไร่หรือท้ายนา ส่วนหนึ่งก็เพื่อใช้กำหนดเขตแดนไร่นาของตัวเอง อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อไว้ใช้ประโยชน์จากที่พี่ได้เล่าให้ฟังไปแล้ว
    :ค่ะ
    :ไอ้คมพาพี่เดินมาจนถึงที่นาของพ่อมัน ที่ท้ายนามีไผ่บงกอใหญ่อยู่สองกอ กอหนึ่งอยู่ฝั่งที่นามัน อีกกอหนึ่งอยู่ฝั่งที่นาของคนอื่น  กอไผ่ทั้งสองกออยู่ไกล้กันมากจนลำไผ่บางลำโน้มเอนจากกอฝั่งโน้นมาพาดที่ฝั่งกอฝั่งนี้ ไอ้คมยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะพูดว่า
    "วันนี้แหละกูจะได้แก้แค้นให้พ่อกู"
    พี่ไม่รู้ว่ามันหรือพ่อมันไปแค้นใครที่ไหนมา และพี่ก็ไม่ได้สนใจด้วย ในตอนนั้นพี่สนใจอย่างเดียวคือไม้ไผ่ลำงามๆที่อยู่ในกอนั้นเท่านั้น ไอ้คมสั่งให้พี่ปีนขึ้นไปตัด เมื่อขึ้นไปบนกอไผ่พอประมาณไอ้คมก็ชี้นิ้วให้พี่ตัดลำไผ่ลำหนึ่ง พี่สังเกตุว่าไผ่ลำนั้นมันเอนมาจากกอไผ่ฟากโน้น แต่พี่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่ตัดตามที่มันบอกก็พอ เมื่อเอาไม้ไผ่ลำนั้นออกมาได้ไอ้คมก็สั่งให้พี่ลิดกิ่งมันออก มันบอกว่า
    "ต้องทำลายหลักฐาน" พี่พยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะเริ่มทำการลิดกิ่งไผ่ออก พี่ลิดกิ่งไผ่ออกยังไม่ทันหมด ไอ้คมก็บอกให้พี่หามท้ายส่วนมันหามหัว จากนั้นมันก็เริ่มออกเดินพลางร้องเพลงอย่างสบาย ส่วนพี่กลัวว่างานที่มันสั่งจะไม่เรียบร้อยจึงเดินไปลิดกิ่งไผ่ไป เมื่อเดินไปถึงบ้านไอ้คมกิ่งไผ่กิ่งสุดท้ายก็ถูกลิดออกพอดี พี่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจในผลงานของตัวเอง
       เมื่อมาถึงบ้านไอ้คมก็จัดการตัดลำไม้ไผ่ออกเป็นท่อน แต่ยังไม่ทันที่ท่อนแรกจะขาดก็ได้ยินเสียงใครบางคนมาตะโกนอยู่ที่หน้าบ้านเรียกหาพ่อใหญ่สันซึ่งเป็นพ่อของไอ้คม ถึงตรงนี้ไอ้คมยืนหน้าซีดพลางเอ่ยถามพี่ว่า
    "มึงแน่ใจนะว่าได้ทำลายหลักฐานไปหมดแล้ว" พี่พยักหน้าหงึกหงักก่อนจะบอกมันว่า
    "กูทำลายหมดแล้ว กิ่งไผ่กิ่งสุดท้ายกูพึ่งจะลิดออกตรงหน้าบ้านมึงนี่เอง" ไอ้คมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ก่อนจะพูดว่า
    "กูน่าจะเอาไม้วิ่งผลัดขว้างหัวมึงให้ตายเสียตั้งแต่วันแข่งกีฬาวันนั้น" สักพักพ่อใหญ่สันก็เดินมาหา มีพ่อใหญ่สุกเดินตามหลังมาด้วย ในมือพ่อใหญ่สุกถือเศษกิ่งไผ่มาด้วย เมื่อเดินมาถึงแกก็ลองเอาเศษกิ่งไผ่เหล่านั้นมาต่อดูที่ลำไผ่  มันเข้ากันได้พอดี พ่อใหญ่สันตะโกนด่าไอ้คมเสียงดังลั่น ตอนนั้นพี่นึกขึ้นได้ว่าได้เวลาอาหารเย็นจึงรีบวิ่งกลับบ้าน  ปล่อยให้ไอ้คมยืนรับเสียงพิฆาตของพ่อใหญ่สันอยู่ตรงนั้นต่อไปในฐานะที่มันเป็นไอ้มดเอ็กซ์ยอดมนุษย์5555555
    :5555555...พี่นี่วิงหนีเอาตัวรอดตลอด5555555
    :5555555555จร้า....ก็พี่เป็นแค่เด็กชายตัวเล็กๆคนนึงแค่นั้นเอง...ส่วนไอ้คมเป็นถึงยอดมนุษย์..มันเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว55555555
    :คร้าาาาาาาา5555555
    :สนุกไหมครับนิทานเรื่องนี้
    :สนุกค่ะ...ขอบคุณนะคะ
    :คร้าบบบบบ...ด้วยความยินดีคร้าบบบ...นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าไว้ใจเด็กซื้อบื้อให้ทำหน้าที่กลบเกลื่อนร่องรอยการกระทำความผิด เพราะแทนที่มันจะกลบเกลื่อนร่องรอย มันกลับจะทิ้งร่องรอยเอาไว้มากมายจนแม้แต่คนตาบอดก็ยังหาเจอ5555555
    :คร้าาาาา55555555
    :ดึกแล้ว...คุณหวานนอนเถอะนะครับ
    :ค่ะ...ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
    :ครับ...ราตรีสวัสดิ์ครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×