ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ღ Rival or Lover ღ :: kai x sehun ::

    ลำดับตอนที่ #3 : Rival or Lover :: 2 ::

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.47K
      29
      11 ธ.ค. 55


                โอเซฮุนยืนอ่านรายละเอียดบนบอร์ดสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่อยู่เงียบๆคนเดียวขณะรอพี่ชายนอกไส้คุยกับหญิงสาวหน้าตาน่ารัก ดวงตาเรียวคู่สวยกลอกมองไปเรื่อยไล่ตามบรรทัดช้าๆ โครงการรับน้องของคณะวิศวกรรมศาสตร์ เข้าปีสามอย่างเขานี่ไม่ต้องรับแล้วมั้ง อีกอย่างนี่มันก็สาขาเครื่องกลของคิมจงอินไม่ใช่ของเขาสักหน่อย แถมยังเรียนคนละคณะ


                ทว่าเรียวคิ้วต้องเลิกขึ้นอย่างสงสัยเมื่อข้างกายมีใครอีกคนมายืนใกล้ๆ เซฮุนเบนสายตามองไปยังผู้ชายตัวเล็กเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มไม่แพ้ผู้หญิงคนเมื่อกี้เลยสักนิด ตวงตาประกายกลมโตวาวกลอกมองตามตัวหนังสือเงียบๆอย่างตั้งใจพลางพยักหน้ารับกับตัวเองหงึกหงัก ริมฝีปากอิ่มขยับงึมงำออกเสียงเบาๆตามเนื้อหาบนหน้ากระดาษเอสี่สีขาว จนกระทั่งเจ้าของความน่ารักเหล่านั้นรู้สึกตัวใบหน้าเล็กๆก็หันมาทางเซฮุนพร้อมกับกระพริบตาปริบอย่างสงสัยเช่นกัน


                “เอ่อ...” เซฮุนยอมรับว่าตัวเองประหม่า ม่านกลมวาวนั่นสั่นหัวใจกันได้ดีเหลือเกิน มันคงอธิบายออกมาเป็นคำพูดอื่นไม่ได้เลยนอกจากคำว่า ถูกชะตา


                “ลู่หาน!


                และดูเหมือนว่าโชคไม่ค่อยเข้าข้างให้คนผิวขาวได้ทำความรู้จักกับคนน่ารักเลยสักนิด เมื่อทันทีที่เสียงทุ้มเสน่ห์ดังขึ้นไม่ไกลคนตัวเล็กก็หันขวับไปมอง และถ้าได้ยินไม่ผิด เหมือนเขาจะได้ยินบุคคลที่สามคนนั้นเรียกว่า ลู่หาน อาจจะเป็นนักเรียนต่างชาติก็เป็นได้ หากแต่ก่อนจะเดินจากไป.. เชื่อไหมว่าอีกฝ่ายหันมาระบายยิ้มหวานให้โอเซฮุนเล็กน้อย ยิ้มแบบนี้แหละ ยิ้มที่เรียกว่าโลกสว่างของจริงเลย


                เซฮุนมองตามแผ่นหลังบอบบางไปจนลับสายตา เห็นไม่ชัดนักถึงบุคคลที่สามเจ้าของเรือนผมสีทองอมน้ำตาลและส่วนสูงที่น่าจะมากกว่าเขาอยู่พอสมควร


                “มองอะไร”


                จนกระทั่งคิมจงอินเดินมาขัดม่านความสุขที่สร้างขึ้นเองของน้องชาย คนผิวขาวก็หันมาตอบกลับได้ในทันทีเช่นกัน


                “แส่”


                “ก็เพราะว่ามันมีคนคอยทำตัวเป็นภาระไง” นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเหล่มองอย่างเซ็งๆ “แล้วจะไปได้หรือยัง พ่อโทรมาบอกให้ไปรับแม่กับฮยอนอูที่บ้านคุณยายด้วย”


                !!!


                ใบหน้าขาวหันขวับแทบจะทันทีที่รู้ว่าจะได้เจอแม่กับน้อง ตอนกลับมาดันไม่บอกใครเลย มารู้เอาทีหลังว่าทั้งสองคนไปหาคุณยายได้สักพักแล้วก็แอบเสียดาย แบบนี้เขาก็จะได้กอดแม่แล้วก็เห็นหน้าของฮยอนอูตอนโตขึ้นมานิดนึง


                “ก็ไปดิ” พยักพเยิดหน้าให้อีกฝ่ายเดินนำ ทำมองปะหลับปะเหลือกอย่างวางท่า และพออีกฝ่ายหันหลังให้เท่านั้นแหละ รอยยิ้มกว้างก็ฉายชัดขึ้นประดับในหน้าหวานทันที ดวงตาเรียวหยีลงน่ารัก สองมือยกขึ้นตบแก้มตัวเองเบาๆอย่างดีใจพลางแลบลิ้นออกมากัดน้อยๆ   


                ขาเรียวยาวรีบก้าวตามพี่ชายจำใจ โดยไม่ได้รู้เลยว่าคนที่เพิ่งละสายตาออกมาจากกระจกสะท้อนเงาแอบด่างึมงำที่เห็นว่าคนด้านหลังเก็บอาการไว้ไม่มิด


                “ปัญญาอ่อน”


                “ว่าอะไรนะ?”


                “รีบๆไปทำเรื่องให้มันเสร็จก่อน”


                “นายคิดว่าฉันไม่ได้ยินหรือไง”


                “ก็ถ้าได้ยินแล้วจะถามทำไมวะ”


                “คิมจงอิน!


                !!!


                กายบอบบางชะงักกึกทันทีคนตัวสูงหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้าอย่างรวดเร็ว หากแต่คนผิวขาวไม่ทันได้ตั้งตัวกับคิมจงอินที่หันหน้ากลับมากะทันหัน เลยทำให้ชนเข้ากับแผงอกกว้างเข้าอย่างจัง ก่อนจะรีบพาตัวเองถอยออกมาตั้งหลัก


                “ทำไม? หรือกลัวจำชื่อไม่ได้” เลิกคิ้วถามอย่างยั่วโมโห นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองเซฮุนนิ่ง


                และไอมารยาททรามๆที่คนเป็นน้องโคตรจะเกลียดก็ทำให้เจ้าตัวต้องแค่นหัวเราะ เบ้ปากอย่างนึกทุเรศ


                “นิสัยแย่แบบนี้ไม่คิดว่าจะมีแฟนน่ารักขนาดนั้น”


                “ไม่คิดก็คิดได้แล้วนะ มีสมองก็หัดๆใช้มั่ง” ว่าจบก็หมุนตัวหันหลังเดินนำไปอีกครา นั่นก็เท่ากับเป็นการยอมรับว่าหญิงสาวที่ชื่อจองอึนซลคนนั้นมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับเจ้าตัวจริงๆ แล้วมันผิดหรือไงที่คิมจงอินจะมีแฟน เขาเป็นผู้ชายมันก็เรื่องปกตินี่


                เซฮุนตีหน้านิ่ง ก้าวขาตามโดยไม่ต่อล้อต่อเถียงอะไรอีก อยู่ดีๆมันก็ไม่อยากพูด อยู่ดีๆมันก็ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรขึ้นมาซะเฉยๆ จะว่าหงุดหงิดก็ได้เพราะที่ผ่านมาเขายังไม่เคยมีใครเลยสักคน แต่คิมจงอินดันมีความสุขกับแฟน มันยุติธรรมตรงไหน สำคัญคือน้อยนักที่จะมีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตของโอเซฮุน ผู้หญิงเขาชอบดำๆหรือไงวะ


     


                ไม่นานก็จัดการเรื่องที่จะเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเดียวกันจนเสร็จสิ้น โอเซฮุนที่รู้ทางเดินจากขามาก็รีบจ้ำอ้าวกลับมาที่รถจนจงอินแทบจะเดินตามไม่ทัน หัวคิ้วขมวดไม่เข้าใจเล็กน้อย สงสัยว่าน้องชายตัวเองมันผีเข้าหรือยังไง ถามอะไรก็ทำเหมือนไม่อยากตอบ แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะยิ่งพูดกับอีกฝ่ายก็ยิ่งเปลืองน้ำลาย เหนื่อยเปล่าๆ


                จงอินไหวไหล่น้อยๆ ก่อนจะกดปลดล็อครถให้คนอ่อนเดือนกว่าเปิดประตูเข้าไปนั่ง แต่แทนที่จะเข้าไปนั่งข้างคนขับที่เดิม คนผิวขาวดันเข้าไปนั่งเบาะหลังซะนี่ แล้วแบบนี้ใครจะยอม


                “ทำอะไร”


                “ตาบอดไง ก็เห็นอยู่ว่าไม่ได้ทำอะไร” คนที่นั่งเฉยๆตอบกลับอย่างไร้อารมณ์ ใบหน้าขาวเบนหันมองออกไปอีกทางราวกับไม่อยากจะมองหน้าอีกฝ่ายที่จับบานประตูเอาไว้


                “อย่ากวนประสาท รีบๆลงมาแล้วไปนั่งที่เดิม ฉันไม่ได้เป็นคนขับรถของนาย” นี่ถ้าอยู่บ้านคิมจงอินจะยันออกนอกรถเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา จะหาว่าเขาใช้แต่กำลังก็ได้ ในเมื่อน้องชายนอกไส้มันพูดไม่รู้เรื่องนี่หว่า “ลงมาดิ!


                เงียบ...


                “หรืออยากเดินไปเอง”


                “อ๊ะ! ไอ้!....” คนผิวขาวตั้งท่าจะโวยวาย ทว่าประตูที่ถูกปิดใส่หน้าหลังกายบอบบางโดนจับเปลี่ยนที่นั่งยัดเข้ามาด้านในทำให้ไม่อาจทำได้ ริมฝีปากแดงอ่อนบ่นพึมพำคนเดียวคล้ายสาปแช่งไอพี่ชายคนละสายเลือด จริงๆโอเซฮุนจะไม่นับเป็นพี่ก็ได้ อายุก็ไม่ได้ห่างกันมากเลยด้วยซ้ำ เกิดก็เกิดปีเดียวกัน แค่เดือนมันมาก่อนแล้วเดือนเขาอยู่ทีหลังแค่นั้นเอง


                จงอินพาตัวเองให้เข้ามานั่งที่คนขับ เหลือบสายตามองคนด้านข้างเล็กน้อยอย่างเซ็งๆ ก่อนจะออกรถทันที


     

     * * * * *


     


                “แม่!” ร้องเรียกเสียงดัง กายผอมถลาเข้ากอดผู้ให้กำเนิดอย่างรวดเร็วทันทีที่มาถึงบ้านที่ตนเองเคยอยู่เมื่อสมัยยังเล็ก โดยอีกคนที่มาด้วยกันผละเดินขึ้นไปด้านบน ..ริมฝีปากแดงอ่อนระบายยิ้มกว้าง เผยเขี้ยวเล็กน่ารัก ดวงตาเรียวคู่สวยหยีลงกึ่งพระจันทร์เสี้ยว ก่อนเจ้าตัวจะกดจมูกลงฝังแก้มของหญิงวัยกลางคนหนักๆ สูดดมฟอดใหญ่อย่างคิดถึง ละลำแขนยาวออกเล็กน้อยพลางเอามันไปเกี่ยวร่างของคุณยายที่ยืนยิ้มอยู่ไม่ไกล “คิดถึงทั้งคู่เลยครับ งื้อ”


                “อะไรเนี่ย โตขึ้นเยอะเลย ดูสิ ย่าห์~” คนเป็นแม่ยกก้านนิ้วเรียวขึ้นหยิกแก้มขาวอย่างหมันเขี้ยวในความน่ารักเกินความจำเป็นของลูกชายแท้ๆ ใครให้หน้าตาค่อนมาทางเธอกัน แล้วแบบนี้จะไปจีบสาวไหนติดกันล่ะ ไม่ใช่ว่าจะมีหนุ่มๆมาขายขนมจีบให้เสียแทนนะ


                “โอ๊ย! แม่ ผมเจ็บ” ไม่ทันไรก็ต้องก้าวขาถอยห่างแล้วยืนเอามือนวดแก้มของตัวเองเบาๆ พลางยู่ปากซะน่ารักน่าเอ็นดู ม่านตากลมเหลือบมองคุณยายที่ยืนหัวเราะคิกคักเป็นกำลังเสริมให้คุณแม่ เห็นแล้วใบหน้าขาวก็ยิ่งยับยู่ พลันเหลือบสายตามองคิมจงอินที่อุ้มฮยอนอูลงมาจากชั้นบนของบ้าน ท่าทางสนิทสนมทำให้คนผิวขาวเบ้ปาก ...โอเซฮุนไปเรียนที่อังกฤษตั้งแต่ตอนที่น้องเล็กยังเดินไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะงั้นเจ้าตัวเล็กคงจำเขาไม่ได้อยู่แล้ว


                จนกระทั่งจงอินเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาเรียวของเซฮุน คนอ่อนเดือนกว่าก็ถลึงตาใส่ทันทีแล้วสะบัดหน้าหนี หมันไส้... ทว่าไม่กี่วินาทีต่อมา ขาเรียวยาวก็ถูกกอดไว้หลวมๆ ทำให้เซฮุนต้องก้มหน้าลงมองสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆที่พาดแขนรอบขาของเขา แล้วเงยหน้ามองพร้อมกับยิ้มที่พาเอาใจหล่นวูบ ย่าห์~ น่ารักชะมัด


                “พี่ฮะ”


                สบมองดวงตากลมใสแป๋ว เซฮุนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีเพราะไม่คุ้นเคยกับเด็กชายตัวเล็ก กลอกตาไปมา ยกก้านนิ้วเรียวขึ้นเกาท้ายทอยอย่างทำอะไรไม่ถูก แล้วยิ่งสายตาของทุกคนกำลังมองมาที่เขา เซฮุนยิ่งไม่กล้าทักทายเลย โดยเฉพาะจะให้ทำตัวนุ่มนิ่มต่อหน้าคิมจงอิน ไม่มีทาง


                “เซฮุน คุยกับน้องหน่อยสิลูก”


                “หา?” ทำหน้าเหวอ มองหน้าคุณยายที่ยิ้มบางพยักพเยิดให้ทำอย่างที่ว่า หลานชายคนโปรดจึงทำเพียงนำมือวางบนกลุ่มผมนุ่มของน้องชายพลางยีเบาๆ ริมฝีปากแดงอ่อนแอบอมยิ้มตามเจ้าตัวเล็กที่ฉีกยิ้มกว้างน่าเอ็นดู


                “ทำเป็นวางท่า”


                เซฮุนเงยหน้าขึ้นถลึงตาใส่พี่ชายนอกไส้เมื่อได้ยินวาจากล่าวร้าย ใครว่าเขาวางท่า เขาวางท่าที่ไหนกัน ก็แค่ไม่อยากแสดงด้านอีกด้านให้ใครบางคนเห็น เดี๋ยวจะมาหาว่าเขาเด็กบ้างล่ะ อย่างนั้นอย่างนี้บ้างล่ะ น่ารำคาญ!


                “ไม่แส่เรื่องในครอบครัวคนอื่นสักวินาทีนี่จะได้ไหม”


                “เซฮุน! ทำไมพูดกับพี่เขาแบบนั้น” คนเป็นแม่รีบเอ็ดลูกชายที่พูดจาไม่น่ารัก ร่างสมส่วนก้าวเข้าใกล้พลางทำโทษด้วยการตีเบาๆเข้าที่ท่อนแขน “อย่าให้แม่ได้ยินอีกเชียว”


                “ไม่ใช่พี่เซฮุนสักหน่อย แค่เกิดก่อนไม่กี่เดือน” เบ้ปาก ทว่าต้องร้องโอดโอยเมื่อก้านนิ้วของแม่หยิกเข้าที่เนื้อขาวๆผ่านเนื้อผ้าบางลายสก็อตคลุมแขน “แม่หยิกผมทำไม”


                “นิสัยไม่ดีเลยเรานี่ ไปๆ กลับบ้านกันได้แล้ว ..แม่คะ แล้วเดี๋ยวฉันจะมาหาใหม่นะ” ติงลูกชายสักนิด แล้วหันไปเอ่ยลาพร้อมกับอุ้มเจ้าตัวเล็กที่เกาะขาพี่ชายไม่ปล่อยขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน


                คนเป็นแม่และยายเพียงพยักหน้าส่งยิ้มบาง พลางเบนสายตามองคนตัวสูงที่ได้ชื่อว่าเป็นหลานชายอีกคนหนึ่ง แม้จะไม่ได้อยู่ในสายเลือดแท้ๆก็ตาม ..หลังจากที่สามแม่ลูกเดินออกไปรอที่รถก่อนแล้ว คุณนายโอก็รั้งดึงชายเสื้อของคิมจงอินเอาไว้ ใบหน้าใจดีเงยขึ้นสบก่อนจะเอ่ยถามอีกฝ่าย


                “จงอิน.. หายโกรธน้องแล้วใช่ไหมลูก หืม ไม่โกรธน้องแล้วใช่ไหม” ม่านกลมสีดำสั่นระริกน้อยๆ อยากได้ความมั่นใจจากคนตัวสูง


                ซึ่งคิมจงอินรู้ว่าน้องที่ว่านั้นหมายถึงใคร ภาพความทรงจำในอดีตผุดขึ้นอีกครา ซึ่งเขาก็ไม่แน่ใจนัก ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าสามารถให้อภัย แต่ถึงยังไงเราก็ไม่ถูกกันอยู่แล้ว ไม่เคยมองหน้ากันติดมาตั้งแต่แรกเริ่ม อีกฝ่ายไม่สนใจ เขาเองก็ไม่อยากสนใจเรื่องเก่าๆอีก แค่ปล่อยให้มันผ่านไป เวลาคือสิ่งเดียวที่เยียวยาเขา


                และนั่นก็เพราะว่าเราเกลียดกัน


                “ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ผมลืมมันไปแล้ว” จุดยิ้มที่ริมฝีปากอิ่ม พลางวาดแขนกอดอีกฝ่ายหลวมๆแล้วละออก ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะโกหก และเขาเชื่อว่าอีกฝ่ายเองก็รู้ว่าเขาโกหก แต่สักวันก็หวังว่าเขาจะลืมมันไปจริงๆ “ผมไปแล้วนะครับ”


                “จ้ะ ขับรถดีๆนะ” มือบางหากเหี่ยวย่นตามวัยยกขึ้นลูบเบาๆที่ลำแขนของหลานชาย ใบหน้าใจดียังคงยกยิ้มให้ทุกคนเสมอ


                เขาไม่เคยขัดพ่อเรื่องการแต่งงานใหม่ เพราะมันทำให้เราเป็นครอบครัว


               

    * * * * *


     


                “อย่าบอกนะว่าคุณให้สองคนนี้นอนด้วยกัน”


                “แค่อยู่ห้องเดียวกันครับแม่ ไม่ใช่นอนด้วยกัน” โอเซฮุนรีบแย้งทันทีที่ได้ยินประโยคแสลงหูขณะนั่งรับประทานอาหารกันพร้อมหน้าพร้อมตา ดวงตาเรียวคู่สวยมองค้อนนิดๆอย่างเอาแต่ใจ จนคนเป็นแม่ส่ายหัว


                “แล้วมันต่างกันตรงไหน ยังไงนายก็ขึ้นมาแย่งที่นอนของฉันอยู่แล้วนี่” เจ้าของห้องคนปัจจุบันเสริมพลางแค่นหัวเราะ ตักข้าวเข้าปากโดยไม่ใส่ใจอะไรมากนัก จงอินเพียงหันหน้าไปดูฮยอนอูที่นั่งด้านข้างเป็นระยะ และเหล่คนตรงข้ามนานๆครั้งเช่นกัน


                “ทนไม่ได้ก็ย้ายออกไปดิ”


                “มาทีหลังยังไม่เจียม”


                “มาแย่งของคนอื่นยังไม่สำนึก!


                “พ่อว่า พ่ออยากได้พาราเซตามอลสักแผง ..จะทะเลาะกันทำไม รีบๆกิน แล้วจะไปตีกันข้างบนก็ไม่ว่า” โบกมือไล่ คล้ายระอาเบื่อหน่ายเต็มทนกับความดื้อด้านของลูกทั้งสอง อยู่ด้วยกันทีไรบรรยากาศดีๆเสียหมด ขนาดพ่อแม่นั่งอยู่ด้วยนะ แล้วถ้าอยู่กันสองคนไม่ตีกันตายไปข้างจริงๆเหรอไง แต่เอาเถอะ อย่างน้อยบ้านก็ปลอดภัยมาแล้วหนึ่งคืน  ไม่ได้ฆ่ากันตายไปซะก่อนก็ถือว่าแผนของเขาใช้ได้


                “พ่อก็ดูลูกรักพ่อแล้วกัน.. โอ๊ย!” พาดพิงได้ไม่เท่าไหร่ เท้าเจ้ากรรมก็เป็นอันต้องโดนกระทืบเข้าให้ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มถลึงมองคนตัวผอมฝั่งตรงข้ามอย่างเอาเรื่อง หากก็ไม่ได้ชวนทะเลาะต่อ เพียงตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต่อไป


                “ไค พรุ่งนี้พาเซฮุนเดินดูโชว์รูมนะ ไม่ต้องลงไปอยู่ในอู่ ..แล้วก็ดูรถให้น้องด้วย สอนขับด้วยล่ะ”


                “งานผมอยู่ในอู่”


                “ถ้าไม่ดูก็คอยขับรถให้น้องแล้วกัน”


                !!!


     

    * * * * *


     


                จนกระทั่งจัดการเก็บจานชามล้างแล้วเรียบร้อย โอเซฮุนที่เป็นเวรทำความสะอาดก็ได้ฤกษ์กลับเข้าห้องนอนของตนเองเสียที อือ ได้ยินไม่ผิด ห้องนอนของเขา แล้วเดี๋ยวมันจะต้องเป็นห้องนอนของเขาคนเดียวด้วย ..มือขาวเปิดประตูพาตัวเองให้เข้าไปในห้องนอน ผิวกายรู้สึกเย็นเมื่อต้องอุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศภายในห้อง เสียงน้ำไหลบอกให้รู้ว่าพี่ชายจำใจกำลังอาบน้ำ เซฮุนที่เหนื่อยมาทั้งวันก็เตรียมเสื้อผ้าและผ้าขนหนูจะอาบบ้าง กายผอมทรุดตัวนั่งลงบนที่นอนพลางถอนหายใจเบาๆ


                แกร็ก!


                บานประตูไม้ที่เปิดออกทำให้คนผิวขาวเบนสายตาไปมอง พบว่าคิมจงอินอยู่ในชุดเสื้อยืดและกางเกงขายาวสบายๆเหมือนเดิม และมันก็อดจะจิกกัดไม่ได้


                “แต่งตัวเหมาะกับเป็นเด็กซ่อมรถ”


                “ก็ดีกว่าเด็กเอาแต่ใจ”


                เซฮุนจิ๊ปากเบาๆ ชักสีหน้า เมื่อเห็นว่าเถียงกันทีไร คิมจงอินชนะทุกที เลยตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำเสียแทน โดยไม่ทันได้สังเกตเลยสักนิดว่าที่มุกริมฝีปากอิ่มของใครอีกคนกระตุกยิ้มเล็ก และไม่กี่นาทีต่อมานั้นเอง...


                “เฮ้ย! อ๊ากกกกกกกก!!” เสียงของโอเซฮุนก็ดังออกมาจากด้านใน เรียกเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆให้จงอินได้ดีเหลือเกิน ทว่าทุกอย่างมันก็ไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อเสียงร้องนั้นหายไป หากแต่มีเสียงโครมครามขึ้นมาเสียแทน


                พรืด!


              ตุบ!


              โครม!!


                คนที่กะจะแกล้งแค่เบาๆเท่านั้นรีบกุลีกุจอไปหน้าประตูห้องน้ำ พลางเคาะแรงๆสองสามที


                “นี่! โอเซฮุน!” พอไม่มีเสียงตอบรับ ใบหน้าหล่อเหลาถึงกับซีดเผือด นี่ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาเขาโดนพ่อฆ่าทิ้งแน่ๆ “โอเซฮุน!! ได้ยินหรือเปล่า! เปิดประตู!


                คราวนี้เริ่มใจไม่ดี คนเป็นพี่จึงวิ่งลงไปข้างล่างเพื่อหยิบพวงกุญแจรวม แล้ววิ่งกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก้านนิ้วเรียวจับอยู่สองสามดอกที่จะเป็นลักษณะเดียวกันใช้ไขสำหรับประตูห้องน้ำในบ้าน หัวคิ้วขมวดยุ่งเมื่อดูเหมือนว่ายิ่งรีบมือก็ยิ่งสั่น


                แกร็ก!


                และในที่สุด คิมจงอินก็ไขประตูได้สำเร็จก่อนจะเปิดมันเข้ามาด้านในห้องน้ำ กายสูงโปร่งชะงักไปเล็กน้อยเพราะสิ่งแรกที่เห็นคือผิวขาวสะอาดของคนที่เปลือยท่อนบน….  

     






    - - -
    ไม่มีอะไรจะพูด เหมือนเดิมคือขอบคุณที่เข้ามาอ่านฟิคเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ให้กำลังใจคนแต่งด้วยคอมเม้นดีๆนะคะ เพราะเวลาแต่งฟิค นอกจากจะทำเพื่อคู่จิ้นของตัวเองแล้ว คนแต่งเขาก็อยากอ่านเม้นเนอะ TT ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณนะค๊าาา <3

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×