คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : Rival or Lover :: 24 ::
ขาเรียวยาวก้าวฉับอย่างรีบเร่งเข้าไปในตัวบ้านทันทีที่พาตัวเองลงจากรถคันสวย ใบหน้าขาวงองุ้มไม่พร้อมจะยิ้มหวานให้ใครที่เดินผ่านทั้งนั้น เจ้าตัวกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังบันไดของบ้านอย่างรวดเร็ว หากแต่ยังไม่ทันได้ก้าวขึ้นไป เสียงทุ้มนิ่งของคนเป็นพ่อก็รั้งเอาไว้เสียก่อน
“จะรีบไปไหนเหรอเซฮุน”
ใบหน้าบึ้งตึงหับขวับกลับมาหาหัวหน้าครอบครัวทันทีที่ได้ยิน แต่แล้วหัวใจที่กำลังหงุดหงิดจำต้องฝ่อลงในทันใดเมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นชาแปลกๆจากคนอายุมากกว่า เซฮุนแลบลิ้นเลียริมฝีปากเล็กน้อยอย่างประหม่า สมองพยายามคิดหาข้ออ้างดีๆสักข้อขึ้นมาใช้
“คือ.. เซฮุนจะรีบไปทำโปรเจคครับ”
“ดูไม่ค่อยยิ้มเลย มีอะไรหรือเปล่า”
ดวงตาเรียวคู่สวยเสหลบจากแววคมเข้มของคิมแจโฮ เจ้าตัวส่ายหัวไปมาอย่างปฏิเสธ แม้ว่าจริงๆแล้วจะร้อนใจอยากเจอคนบางคนและพูดคุยให้รู้เรื่องก็ตามที ก็รายนั้นดันหนีกลับบ้านก่อนได้ยังไง แล้วทำไมต้องให้คนอื่นขับรถไปรับด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้กลับพร้อมกันตลอด
“งั้นก็รีบขึ้นไปทำการบ้านเถอะ แล้วหนึ่งทุ่มค่อยลงมากินข้าว” บอกราวกับเข้าใจ ดวงตาคมทอดมองรอยยิ้มแหยๆที่ส่งมาให้
โอเซฮุนก้มหัวให้ผู้เป็นพ่อน้อยๆ ก่อนจะหมุนตัวก้าวขึ้นบันได ทำไม่สนใจกับสายตาแปลกๆ ของคนอายุมากกว่า และแทนที่จะกลับเข้าห้องของตัวเองอย่างที่อ้างกับพ่อไปนั้น คนผิวขาวดันตรงไปยังห้องของพี่ชายคนละสายเลือด แล้วเปิดประตูชะโงกหน้าเข้าไปเพื่อมองหาใครอีกคน แต่ก็ไม่พบ
“หายไปไหนอ่ะ” บ่นพึมพำคนเดียวพลางแทรกตัวผ่านเข้าไป มือขาวจัดการปิดประตูลง จิ๊ปากนิดๆไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ มือขาวจึงล้วงเจ้าเครื่องมือสื่อสารออกมาจากกระเป่ากางเกงเพื่อกดโทรออก ก่อนจะยกขึ้นแนบหู ไม่นานนักหลังได้ยินเสียงสัญญาณรอสายดัง เสียงทุ้มจากปลายสายก็ตามมา
[อือ]
“อยู่ไหน” เอ่ยถามไปหัวคิ้วก็ขมวดมุ่นไป ราวกับว่าทำแล้วอีกฝ่ายจะเห็นความไม่พอใจของตนเองอย่างนั้นแหละ
[อยู่อู่ ทำงาน]
“รีบขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงกลับก่อน”
[เปล่า]
“งั้นเดี๋ยวไปหา” ก็ไม่ได้โกรธอะไร เพราะสถานการณ์ตอนนี้ของเขากับคิมจงอินก็เรียกได้ว่าลำบาก จะคุยกันทีต่อหน้าพ่อกับแม่ก็คุยได้นิดเดียว แทบจะกลายเป็นคนไม่รู้จักกันอยู่แล้ว
[มาไม บอกว่าทำงานอยู่]
ฟังเสียงตอบปฏิเสธแล้วก็รู้สึกวูบไหวไป ริมฝีปากแดงอ่อนเผยออ้าออกนิดๆราวกับเจ้าตัวอยากจะพูด หากแต่เสียงที่ติดอยู่ในลำคอไม่อาจเปล่งออกมาได้ นั่นอาจจะเป็นเพราะความห่างเหินของพี่ชายคนละสายเลือดในระยะนี้ด้วยเหมือนกัน มันทำให้เขาคิดถึงแทบแย่
[เฮ้อ อือ จะมาก็มา]
พลันรอยยิ้มดีใจก็ฉายบนใบหน้าน่ารักทันทีที่ได้ยินคำอนุญาต แค่ทำตัวปกติแค่นั้น อาจจะไม่ได้ทะเลาะกันเหมือนก่อน แต่พ่อก็ไม่ได้ห้ามพูดคุยกันเสียหน่อย แต่เวลาตกอยู่ในสายตาของหัวหน้าครอบครัว มันก็อดกลัวไม่ได้ว่าจะโดนดุเรื่องความสัมพันธ์ที่มากกว่าพี่น้อง แม้ว่าท่านจะยังไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ก็ตามตั้งแต่กลับมาจากเที่ยวครั้งนั้น
มือขาวเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป่าดังเดิม ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องของตนเองและจัดการโยนเจ้าเป้ใบโปรดเข้าไปอย่างลวกๆ พร้อมกับค่อยๆปิดประตูลง แล้วกวาดสายตามองไปทั่วชั้นบน ก่อนจะก้าวเดินลงบันได สอดสายตาหาคนเป็นพ่อแล้วไม่พบ ทางสะดวกจึงรีบก้าวเร็วออกจากบ้านไป
ไม่กี่นาทีต่อมาก็ถึงอู่รถขนาดใหญ่ด้านข้างโชว์รูม โอเซฮุนไม่รอช้าจะก้าวเข้าไปหาคนที่อยากเจอ ตอนนั้นเองยามที่เขาหลุบตาต่ำลงมองพื้น ภาพเมื่อวันที่เขาเพิ่งกลับมาจากอังกฤษวันแรกก็ผุดขึ้นในห้วงความคิด ภาพที่ใครอีกคนนอนอยู่ใต้ท้องรถ และเขามันช่างก่อกวน... อดไม่ได้จะยิ้มออกมาบางๆให้กับช่างคนเก่งที่ยังไงก็ชนะเขาอยู่ร่ำไป
กายบอบบางย่อตัวลงนั่งยองเพื่อรอใครอีกคนพาตัวเองให้ออกมาจากใต้รถที่ยกขึ้นเว้นระยะห่างจากพื้นพอควร มองขายาวที่โผล่ออกมาจากด้านข้างก่อนจะสะกิดสองสามทีคล้ายจะบอกว่าตนมาถึงแล้ว
“ไค”
เสียงอ่อนเสียงหวานจนมือที่กำลังทำงานอยู่นั้นชะงักกึก ทว่าแทนที่จะสนใจ เจ้าของผิวสีน้ำผึ้งกลับทำหน้าที่ของตัวเองต่อซะนี่ ส่งผลให้คนเป็นน้องยื่นปากน้อยๆน่าเอ็นดู ก่อนจะเริ่มเขย่าขาข้างหนึ่งของจงอินไปมาคล้ายจะเรียกร้องความสนใจ
“มาแล้วน้า”
“อือ”
แต่ที่ได้ตอบกลับมาก็ยังมีเพียงคำสั้นๆตามสไตล์ของคนปากหนัก เรียวคิ้วสวยทั้งสองข้างจึงเริ่มขมวดเข้าหากันแสดงความไม่พอใจ
“จะอยู่ใต้นั้นตลอดเลยไง” เอ่ยออกไปเหมือนพูดคนเดียว เพราะก็ไม่เห็นว่ากายยาวที่นอนพาดอยู่บนกระดานล้อเลื่อนจะยอมโผล่หน้าออกมาเลยสักนิด เรียกสีหน้างองุ้มได้เป็นอย่างดี “ไม่ตอบจะดึงออกมาแล้วนะ”
ก็ยังไม่มีแม้แต่เสียงทุ้มขึ้นจมูกหลุดออกมาสักคำ คนอ่อนเดือนกว่าเห็นอย่างนั้นก็เขยิบยองถอยห่างอีกนิด เตรียมเอื้อมแขนดึงพี่ชายคนละสายเลือดให้ออกมาจากข้างใต้รถยนต์ เมื่อพร้อมแล้ว แนวฟันขาวกัดริมฝีปากแดงอ่อนน้อยๆ จากนั้นก็ดึงขายาวจนสุดแรงเพื่อให้ล้อเล็กเลื่อนพากระดานที่มีพี่ชายนอนอยู่เคลื่อนออกมา
ครืด~
และ...
จุ๊บ!
!!!
แววหวานต้องเบิกกว้างอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อคนที่เคลื่อนออกมาพร้อมกับกระดานยันตัวลุกขึ้นแล้วโน้มหน้าเข้าหาแตะริมฝีปากทาบทับอย่างรวดเร็ว พร้อมกับนั่งมองหน้าดูปฏิกิริยาของคนน่ารักด้วยการอมยิ้มขำ จ้องมองเข้าไปในม่านกลมสีดำผ่านเปลือกตาบางที่กระพริบปริบ ก่อนจะรีบฉวยโอกาส เข้าไปขโมยหอมแก้มขาวๆอีกสักหนึ่งทีอย่างเอ็นดู
“อ๊ะ!” ตอนนั้นเองที่โอเซฮุนรู้สึกตัว จะเบี่ยงตัวหลบก็ช้าไปแล้ว เพราะแก้มทั้งสองข้างถูกริมฝีปากอิ่มกดแนบไปเรียบร้อย ยิ่งกว่านั้นคือคิมจงอินทำราวกับจะสูดดมเขาเข้าไปทั้งกายอย่างนั้นแหละ จะแกล้งกันให้ช้ำไปเลยหรือยังไง
“หอมเนอะ” พูดไปก็ยิ้มกรุ่มกริ่มน่าหมันไส้ เรียกมือหนักๆให้ฟาดลงบนหน้าขาได้อย่างดี แถมเสียงงุ้งงิ้งที่พึมพำติติงเล็กน้อย
“ไม่กลัวคนอื่นเห็นไง” ว่าอย่างนั้นแต่ก็รู้ว่าตรงนี้ไม่มีใคร เพียงซอกไม่กว้างนักริมสุดข้างกำแพง ไม่มีใครเดินผ่านมาสักคนเดียว
“มีใครที่ไหน ก็มีแค่นายกับฉัน” พูดยิ้มๆ ก่อนจะเอาขาลงแล้วดึงแขนกลมกลึงให้กายผอมย้ายมานั่งด้วยกันบนกระดานยาวตรงหน้าในอ้อมกอดพอดิบพอดี “แอบมาได้ไง ไม่มีใครเฝ้านายเหรอ”
“ใครคนนั้นก็พ่อนายกับฉันนั่นแหละ”
“ความจริงแบบนี้ก็สนุกดีนะ ระทึกดี”
“ไม่สนุกด้วยอ่ะ” ยื่นปากพลางเอนข้างพิงแผ่นอกกว้างวางศีรษะบนลาดไหล่ พร้อมสัมผัสได้ถึงแรงกระชับตรงเอวคอดเล็ก “รู้สึกเหมือนกำลังทำความผิด”
“งั้นบอกเลยดีไหม”
“ไม่เอาอ่ะ กลัวมีคนโดนไล่ออกจากบ้าน” ใครที่ว่าก็คนที่ตนนั่งพิงอยู่นี่เอง ถ้าบอกออกไปคิมแจโฮต้องให้ลูกชายที่ดูเลตัวเองได้มากกว่าออกไปอยู่ข้างนอกแทนที่จะเป็นเขาอยู่แล้ว อีกอย่างเรื่องนี้แม่ก็ยังไม่รู้ ถ้าหากรู้ขึ้นมามีหวังเสียใจแน่นอน ถึงเวลานั้นคนที่นอนร้องไห้น่ะมันเขาเอง
“ออกก็ช่างดิ เดี๋ยวจะกลับมาฉุดลูกชายบ้านนี้หนีซะเลย”
“หึ ใครจะไปกับนาย”
“แล้วใครว่าฉันจะกลับมาฉุดนาย ฉันหมายถึงฮยอนอู ไม่อยู่ด้วยกันต้องคิดถึงมากแน่”
ได้ฟัง คนผิวขาวก็ผละออกห่างจากการพิงแผ่นอกของคิมจงอินทันที โอเซฮุนหันขวับจ้องใบหน้าคมเข้มที่เอ่ยยิ้มๆพลางขยับปากยุกยิกราวกับคนน้อยใจ ก็แบบนี้ ชอบพูดอะไรแบบนี้อยู่เรื่อย ไม่ให้หมันไส้ได้ยังไง ชอบแกล้งทำเป็นเย็นชาแล้วก็มาอ่อนโยน ทั้งตามไม่ทัน ทั้งไปไหนไม่รอด
พอเห็นเซฮุนมองด้วยสายตาค้อนๆปนหมันไส้อย่างไรชอบกล คิมจงอินก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ยิ้มดูดีที่ทำให้คนผิวขาวสั่นไหวจนเผลอมองนิ่ง สบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มชั่วครู่ ไม่ทันไรใบหน้าหล่อเหลาก็เคลื่อนเข้าหาและจรดริมฝีปากลงอย่างอ้อยอิ่ง เนิบๆช้าๆ แต่สั่นคลอนกายบอบบางให้รู้สึกเหมือนกำลังล่องลอย ปิดเปลือกตารับสัมผัสนุ่มนวลจากริมฝีปากอิ่ม อืม.. เผลอครางออกมาโดยไม่รู้ตัว..
ตอบสนองสะดุ้งน้อยๆด้วยมืออุ่นที่สอดเข้าไปใต้เสื้อยืดตัวบาง ไล้เล่นบริเวณเอวคอดอย่างเพลินมือ เอวนุ่มนิ่มแฝงกล้ามเนื้อนูนเล็กน้อยๆหากแบนราบสวย เรียกเสียงครางหวานได้มากขึ้นอย่างที่ต้องการ เพราะหวานใสไปถึงขั้วหัวใจหรืออย่างไร ก้อนเนื้อด้านซ้ายมันถึงได้เต้นอย่างบ้าคลั่ง
ละริมฝีปากออกเล็กน้อยโดยที่แตะหน้าผากเข้าไว้ด้วยกัน ปล่อยให้คนน่ารักได้หายใจ มองนิ่งสบกับแววหวานที่ปรือน้อยๆ จุ๊บเบาๆ ก่อนจะกดแนบกลีบปากอิ่มลงไปลิ้มรสความหวานอีกครา แทรกผ่านเข้าไปด้านใน สำรวจโอเซฮุน ควานหาไล่ต้อนไม่รู้จบ ..ยกมือรั้งหลังลำคอขาวเข้ามาเบียดชิด ปรับองศาตามแต่ใจ เพลิดเพลินจนไม่ทันสังเกต ไม่ทันเห็นว่ามีดวงตาสองคู่กำลังมองมา...
“อ๊ะ!!”
!!!
จนกระทั่งกายบอบบางถูกดึงหายออกไปจากอก ใบหน้าคมเข้มจึงหันมองคนมาใหม่ คนสองคนซึ่งเขาไม่ได้อยากให้มาเห็นฉากแบบนี้มากที่สุด ทอดเห็นโอซึงมียืนเอามือปิดปากอยู่ไม่ไกล ในขณะที่พ่อแท้ๆ คิมแจโฮ กำแขนขาวแน่นจนเขาเผลอขมวดคิ้วเมื่อได้เห็นสีหน้าเจ็บปวดของน้องชายคนละสายเลือด ไม่ทันได้เอ่ยปากคนเป็นพ่อก็ปล่อยโอเซฮุนให้เป็นอิสระ แล้วก้มลงกระชากคอเสื้อของจงอินเสียแทน
“พ่อครับ!”
แม้ว่าลูกชายคนรองจะร้องห้าม เกาะแขนอย่างไร แต่คนเป็นหัวหน้าครอบครัวก็ไม่อาจทนได้ ออกแรงดึงจนคิมจงอินต้องพยุงตัวเองเพื่อยืนขึ้น ทว่านัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกลับไม่มีแม้สักนิด ความกลัวต่อคนเป็นพ่อ ราวกับทำใจไว้แล้วว่าเรื่องแบบนี้มันต้องเกิดขึ้น และคิดไว้แล้วว่าจะไม่หนีอีก ทางที่ดีที่สุดคือการเผชิญหน้ากับความจริง
“ทำไมถึงทำกับน้องแบบนี้!” ถามเสียงดุ จ้องใบหน้าลูกชายอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ ท่ามกลางสายตาของคนงานหลายคนที่ต่างก็ให้ความสนใจกับเรื่องภายในครอบครัว และแปลกใจเป็นอย่างมากที่คนอย่างคิมแจโฮใช้กำลังและตวาดลูกชายเป็นครั้งแรก “ทำไมถึงทำกับน้องแบบนี้!!”
ออกแรงกระชากคอเสื้อของลูกชายที่เอาแต่ยืนนิ่งไม่ตอบสนองอะไร จ้องใบหน้าคล้ายกันด้วยความหงุดหงิด และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ยอมเปิดปาก ทำเพียงแค่มองสลับระหว่างคนเป็นพ่อและน้องชาย เท่านั้นคิมแจโฮก็รู้สึกโมโหมากขึ้น
“พ่อถาม!!”
“ผมรักเซฮุน!!” จ้องตอบกลับไปด้วยแววมุ่งมั่น ไม่คิดจะหลบสายตา
กระทั่งคนเป็นพ่อยอมปล่อยมือออกจากคอเสื้อ จงอินถึงได้เบนสายตาไปมองใบหน้าหวาดเกรงของโอเซฮุนและส่งยิ้มบาง
“กลับไปคุยกันที่บ้าน”
“คุณคะ...” หญิงวัยกลางคนเอ่ยรั้งสามีด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ดวงตาเรียวสวยมองลูกชายทั้งสอง แววลำบากใจสะท้อนออกมาอย่างชัดเจน ก่อนจะตัดสินใจก้าวตามหัวหน้าครอบครัวกลับบ้านไปติดๆ
คิมจงอินที่มองตามแผ่นหลังเล็กไปจนลับสายตาหันกลับมาให้ความสนใจกับคนอ่อนเดือนกว่าที่ยืนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อย่างไรอย่างนั้น หากแต่บนใบหน้าขาวกลับเจือรอยยิ้ม รอยยิ้มเล็กที่เขาก็รู้ดีว่าเพราะอะไร มืออุ่นจึงยื่นไปหาและกอบกุมมือข้างนั้นเอาไว้หลวมๆ ก่อนจะก้าวเดินนำ ก้าวเดินไปด้วยกัน...
และเหตุผลของรอยยิ้มนั้น เพราะเขาบอกไปแล้ว เขาพูดไปแล้วว่ารักโอเซฮุน
ท่ามกลางสายตามากมาย คิมจงอินก็แค่เดินจูงมือของคนที่เขารัก แม้จะไม่มีใครเห็นด้วยก็ตาม มันก็เปลี่ยนความคิดของเขาไม่ได้ แล้วก็ไม่มีอะไรมาเปลี่ยน เรา ได้ด้วย
ไม่มี...
แทรกผ่านประตูรั้ว กายสูงโปร่งก้าวเข้าไปในบ้านโดยมีน้องชายที่สูงไล่เลี่ยกันเดินตาม และเขาก็เห็นผู้ใหญ่ทั้งสองยืนรออยู่ก่อนแล้วตรงกลางบ้าน
“เซฮุน ขึ้นไปเก็บของ”
!!!
“คุณคะ...”
มือที่กอบกุมปล่อยออกจากกันทันทีที่ได้ยินประโยคคำสั่งจากคนเป็นพ่อ วินาทีนั้นเหมือนหัวใจของคิมจงอินวูบไป เหมือนของสำคัญกำลังจะโดนพรากออกไปอีกครั้ง นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มสั่นระริกขึ้นมาเมื่อคิดว่าอาจจะต้องห่างกันไปไกล
“.....พ่อจะให้เซฮุนไปไหน”
“กลับไปอยู่ที่เดิม”
คำตอบที่ชัดเจนราวกับกำลังทิ่มแทง บีบแน่นจนรู้สึกหายใจไม่ออก เจ้าของผิวสีน้ำผึ้งหันไปมองน้องชายคนละสายเลือด และทันทีที่หยาดน้ำตาของอีกฝ่ายหยดลงเงียบๆ คิมจงอินก็ไม่รอช้า เดินไปหยุดข้างหลังกายบอบบางแล้วสอดแขนยาวกอดเอวคอดเล็กเอาไว้แน่น เชยปลายคางเล็กน้อย จูบปลอบคนน่ารักตรงหางตาเบาๆ พลางจ้องตอบกับพ่อแท้ๆ
“งั้นผมจะไปด้วย” เอ่ยเรียบๆ หากแฝงความจริงจัง เขาไม่เคยขัดใจพ่อมาก่อน และนี่จะเป็นครั้งแรก
“ไม่ต้อง”
“ผมจะไป”
“ถ้ายังอยากเรียกฉันว่าพ่อก็ทำตามซะ”
“ให้เซฮุนอยู่นี่ แล้วผมจะไปเอง” ซุกใบหน้าลงกับลาดไหล่บาง ไม่มีใครรู้นอกจากเซฮุน ไม่มีใครรู้ว่าจงอินกำลังร้องไห้ ไม่มีใครรู้ว่ามืออบอุ่นคู่นั้นกำลังสั่นเทา “ที่ผ่านมาผมทำให้เขาอยู่คนเดียวมามากแล้ว ให้ผมไปแทนนะครับ”
“ขึ้นไปเก็บของบนห้องเซฮุนที” นอกจากจะไม่ฟังคำขอร้อง คิมแจโฮยังตัดสินใจด้วยการหันไปสั่งคนในบ้านเสียแทน ดวงตาคมเบนกลับมาจ้องลูกชายทั้งสองคนนิ่ง ไม่แสดงอาการสงสารใดๆ มองดูคิมจงอินที่กอดโอเซฮุนเอาไว้แน่นจากด้านหลัง แต่ก็ไม่คิดจะปลอบโยน
ภาพตรงหน้าแม้ว่าจะเป็นภาพที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้นก็ตาม แม้ว่าจะเป็นอย่างนั้น และเขาก็อยากให้ลูกๆรักสามัคคีมากกว่าจะทะเลาะกัน แต่ในเมื่อฟ้ากำหนดลงมาแล้ว ถ้ามันถูกกำหนดไว้อยู่แล้ว เขาก็คงจะปฏิเสธอะไรไม่ได้ คงจะไปแยกทั้งคู่ออกจากกันไม่ได้...
“เดี๋ยว...” เอ่ยขึ้นมาลอยๆ โดยไม่ละสายตาออกจากลูกชาย รั้งการก้าวเดินของแม่บ้านให้หยุดลงที่ขั้นบันได ก่อนจะเอ่ยต่อเรียบๆ “เก็บของเสร็จแล้วก็เอาเข้าไปไว้ในห้องเจ้าไค”
!!!
ราวกับทุกสิ่งหยุดชะงัก เจ้าของผิวสีน้ำผึ้งที่กำลังกอดน้องชายแน่นเองก็ชะงักไป จนต้องเงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจ ปรากฏดวงตาแดงน้อยๆ แต่ไร้หยาดน้ำใดๆ หัวสมองกำลังประมวลเหตุการณ์ กำลังรวบรวมคำพูดของคนเป็นพ่อ
“ไม่ได้ยินเหรอ”
“...ทราบแล้วค่ะ”
มองตามแม่บ้านเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจ แล้วเดินเข้าไปหาลูกชายทั้งสอง จับทั้งคู่ให้ออกห่างแล้วพาดแขนยาวลงบนลาดไหล่คล้ายกำลังกอดคอ
“ยังไม่ได้บอกสินะ ว่าพ่ออยากได้ห้องนอนให้ฮยอนอูอยู่พอดี ไหนๆก็นอนด้วยกันทุกคืนอยู่แล้ว ยกห้องให้น้องนะเซฮุน”
!!!
อึ้งเป็นสองเท่าเมื่อได้ยิน ยังงงไม่หายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดวงตาเรียวคู่สวยกลอกมองสลับไปมาเหมือนกำลังพยายามทำความเข้าใจ ที่สำคัญคือพ่อรู้ว่าจงอินแอบมานอนกับเขาทุกคืนแต่ไม่ยอมพูดอะไร นั่นหมายถึง...
“ไม่ต้องตกใจ พ่อกับแม่ไม่ได้จะห้ามตั้งแต่รู้เรื่องแล้ว” หญิงวัยกลางคนที่ทำท่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อเมื่อสักครู่กลับเปลี่ยนท่าทางไปทันที เธอฉีกยิ้มกว้างส่งให้ทั้งจงอินและเซฮุน
“กำลังรอว่าเมื่อไหร่จะมาบอกสักที ต้องให้จับได้จะๆสินะ” หัวน้าครอบครัวเอ่ยเรียบๆพลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่ม “พ่อขอโทษ แต่ไม่คิดจะห้ามหรอก รักกันดีกว่าเกลียดกันตั้งเยอะนะ ...ขึ้นไปอาบน้ำทั้งคู่เลยไป แล้วลงมากินข้าว”
จู่ๆก็โดนไล่หน้าตาเฉย แล้วที่ลงทุนร้องไห้ไปเมื่อกี้มันคืออะไร!
เกิดอาการงอนแบบเด็กๆขึ้นมาเสียอย่างนั้น คนอย่างคิมจงอินนั่นแหละที่กำลังงอนคนเป็นพ่อ มาล้อเล่นกับเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ..รู้สึกหงุดหงิดข้างในเล็กน้อยที่ดูเหมือนตนเองจะถูทดสอบจิตใจ แต่ก็ช่างเถอะ ไม่ให้โอเซฮุนไปไหนก็ดีมากแล้ว เพราะฉะนั้น เจ้าของผิวสีน้ำผึ้งจึงทำตามคำสั่งของคิมแจโฮโดยไม่มีขัดข้องเชียวล่ะทีนี้
มืออุ่นกำรอบข้อมือเล็กลากกายบอบบางให้เดินตาม มุ่งสู่ห้องนอนของตัวเองทันที ไม่สิ ห้องนอนของเราต่างหาก ต่อไปนี้มันจะเป็นห้องนอนของฉันกับนาย
“ค.. ไค” เรียกรั้งเสียงเบาหวิว พยายามบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมด้วยใบหน้าขาวที่ขึ้นสีเรื่อฝาดน่าเอ็นดู “นายอาบก่อนก็ได้”
“ก็รู้ว่าดื้อแล้วไม่เคยชนะ แล้วจะดื้อไปทำไม”
“อ๊ะ!”
เพราะยังไงคิมจงอินก็ทำโทษคนดื้อได้เสมอไม่เคยเปลี่ยน
ต่อให้ทะเลาะกันแค่ไหน เราก็ยังรักกัน
- - -
จบมันซะแบบนี้ หวังว่าคนอ่านจะไม่ตบตีเค้าตาย 5555 แต่นี่ยังไม่จบจริงๆนะคะ มีบทส่งท้าย เดี๋ยวเค้าจะเอาบทส่งท้ายมาลงพร้อมกับรายละเอียดการจองหนังสือค่ะ ไม่รู้ว่ายังมีคนอยากได้อยู่ไหม เท่าไหนก็เท่ากันค่ะ ! ..ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และการติดตาม ในที่สุดมันก็มาถึงตอนจบของเรื่องแล้ว เจอกันตอนหน้านะคะ ^^
ความคิดเห็น