คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Rival or Lover :: 13 ::
ผืนฟ้ากว้างแปรเปลี่ยนเป็นสีเข้ม เวลาเย็นย่ำกับอากาศหนาวเล็กน้อยชวนให้รู้สึกขนลุกยามลมพัดผ่าน หากก็ไม่ได้หนาวจัดจนต้องใส่เสื้อผ้าหนาๆอย่างหน้าหนาว หน้าตัวบ้านหลังโตพอดีสำหรับครอบครัวให้อยู่สบายปรากฏรถยนต์คันหรูเปิดท้ายบรรจุของเดินทาง
“ทำไมต้องไปกะทันหันแบบนี้ด้วยล่ะครับ” คนผิวขาวบ่นไม่หยุดปากขณะยกกระเป๋าเสื้อผ้าของโอซึงมีใส่กระโปรงท้ายรถ โดยมีลูกจ้างเป็นชายวัยกลางคนทำหน้าที่โค้งน้อยๆแล้วจัดวางให้เรียบร้อย ใบหน้าหวานที่ยังคงงองุ้มมาตั้งแต่รู้เรื่องยิ่งบึ้งตึงเข้าไปใหญ่เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสองคนกับคิมจงอินพี่ชายตัวดีที่หมู่นี้ไม่กล้าจะเข้าใกล้มากเท่าไหร่ “ถ้าไคฆ่าผมตายขึ้นมา แม่จะเสียใจ”
นั่นหมายถึง ฆ่าด้วยสายตา ฆ่าด้วยความอ่อนโยน ฆ่าด้วยอะไรก็ตามที่พักนี้เจ้าตัวขยันทำบ่อยจนโอเซฮุนชักวูบไหวมากขึ้นทุกที
“เอ๊ะเรานี่เป็นคนยังไง พี่เขาไม่ทำอะไรเราหรอกน่า อีกอย่าง แม่ไม่ได้ให้อยู่กันสองคนจริงๆซะหน่อย ...ยังมีฮยอนอูอยู่ทั้งคน”
ได้ยินแบบนั้นแล้วก็ไม่ได้ทำให้ลูกชายคนรองสบายใจ เจ้าตัวร้องฮือในลำคอเหมือนเด็กๆ คล้ายจะบอกว่ามันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่จะทิ้งเขาให้อยู่กับพี่ชายนอกสายเลือดคนนั้นเลยสักนิด แถมดูเหมือนว่ามันจะหนักกว่าอยู่กันสองคนอีกไม่ใช่หรือไง เพราะดูท่าเขาจะกลายเป็นหมาหัวเน่าแล้วโดนรุมอยู่คนเดียว
โอเซฮุนไม่ได้กลัวถูกว่า ไม่ได้กลัวถูกใครอีกคนติติง ไม่ได้กลัวโดนมองด้วยสายตาเย็นชาเลยสักนิด เพราะไม่รู้.. ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มันเหือดหาย มันหายไปหมดแล้วตั้งแต่คำว่าอภัยหลุดออกมาจากปากของอีกฝ่าย หากแต่มันกลับแทนที่ด้วยสิ่งที่เขาไม่อยากเข้าใจ ด้วยสิ่งที่เขาไม่อยากจะยอมรับ ความอบอุ่น ความใจดี และรอยยิ้ม รอยยิ้มที่เซฮุนคิดว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้มันมาเป็นของตัวเอง แต่ตอนนี้เขาได้มาแล้ว...
“ดูทำท่าเข้า เดี๋ยวอาทิตย์หน้าแม่ก็กลับ”
“แม่ไม่เข้าใจผมอ่ะ”
“งั้นก็บอกแม่มาสิ อยู่กับพี่เขาแล้วมันทำไม” พยักพเยิดหน้าใส่ลูกชายหน้าหวาน หญิงวัยกลางคนเลิกคิ้วน้อยๆอย่างคาดคั้นเอาความ
ทว่าเพียงแค่คำถามสั้นๆก็ทำให้โอเซฮุนใบ้กิน ตอบไม่ถูกขึ้นมาเสียอย่างนั้น แววหวานเสหลบกลอกไปมาน่าสงสัย ลิ้นเล็กแลบเลียกลีบริมฝีปากแดงอ่อนพลางขบผิวเนื้อนิ่มเบาๆ เมื่อคิดเท่าไหร่ก็หาข้ออ้างดีๆให้กับตัวเองไม่ได้เลยสักนิด ยิ่งคิด ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลานั่นก็ยิ่งลอยขึ้นมา แทรกทุกอย่างภายในหัว ปั่นป่วนทุกอย่างภายในหัวจนเขารู้สึกไม่ชอบ ไม่ชอบเพราะมันทำให้เขาร้อน ร้อนผ่าวที่ใบหน้า
แล้วในเมื่อความคิดของเขาพักนี้มีแค่คิมจงอิน จะให้เขายกเหตุผลอะไรมาบอกคนเป็นแม่กัน
“หน้าแดง...”
!!!
“หา? ป.. เปล่านะครับ”
“นี่ไงก็แม่เห็นอยู่~” ไม่ว่าเปล่า โอซึงมียังเดินเข้าไปหาลูกชายแล้วยกก้านนิ้วเรียวขึ้นบีบสองข้างแก้มอย่างหมันเขี้ยว ใบหน้าขาวของเธอยู่ยิ้มบิดเบี้ยวตามใบหน้าของลูกชายที่ร้องโอดโอยพลางหัวเราะคิกกับความน่ารักของเซฮุน มีลูกชายหน้าเหมือนลูกสาวมันก็น่าแกล้งแบบนี้แหละ ปล่อยให้สองพี่น้องแกล้งซะเลย หน้าขาวๆใสๆมันจะได้แดงน่าหยิกแบบนี้
พอเธอเห็นว่าลูกชายเริ่มจะยู่หน้าจึงเปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้มบางพลางใช้ฝ่ามืออุ่นลูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆอย่างอ่อนโยน ก้านนิ้วเรียวปัดหน้าม้าให้คนผิวขาวเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยให้ได้ยินกันสองคน
“อยู่บ้าน มีโอกาสก็ขอโทษพี่เขานะเซฮุน รู้ไหม ...อยากทำอะไรก็ทำ อย่าหนีตัวเอง อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปเหมือนที่แล้วมา เพราะคนที่ไม่มีความสุขก็คือเซฮุนกับไคนะ” ระบายยิ้มบางอย่างให้กำลังใจ บีบสันจมูกโด่งรั้นเบาๆก่อนจะเบนหน้าหันไปมองคนมาใหม่ “ฮยอนอูมาหาแม่เร็ว ต้องคิดถึงหนูมากแน่ๆเลย”
นั่นหมายถึงมาใหม่ถึงสามคน เจ้าตัวเล็กพอลงจากลำแขนของพี่ชายคนโตได้ก็วิ่งเข้าไปหาแม่ทันที ..ดวงตาเรียวคู่สวยพยายามมองเลยผ่านพี่ชายตัวสูงที่เดินเข้ามาเงียบๆ ชั่วแวบที่สบตากัน แต่ก็เพียงนิดเดียวเท่านั้นก่อนคนเป็นพ่อจะเข้ามาหาแล้ววาดแขนกอดกายบอบบางหลวมๆ ลูบกลุ่มผมอย่างเอ็นดู
“อยากได้อะไรไหมลูก”
“ไม่ครับ...”
“พ่อกับแม่รีบไปดีกว่า เดี๋ยวตกเครื่อง อากาศเย็นด้วย เดี๋ยวมีคนบางคนไม่สบายแล้วจะเหนื่อยผมอีก” และแทนที่จะเป็นเสียงของเซฮุน คนเป็นพี่ดันชิงตัดบทอย่างไร้มารยาทเสียก่อน นัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือบมองกายบอบบางที่สวมเพียงกางขาสั้นเท่าเข่ากับเสื้อกล้ามสีดำตัวโปรด ตัวเดียวกันกับวันแรกที่ใส่กลับมาจากอังกฤษไม่ผิดเพี้ยน ทว่าครั้งนี้ไม่มีเสื้อนอกบังลมเย็นๆให้กับคนผิวขาวเท่านั้นเอง และคนเป็นพ่อที่ไม่ได้เอะใจอะไรก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างที่สุด
“จริงด้วยนะ เซฮุนตัวเย็นเฉียบเลย รีบเข้าบ้านดีกว่าเดี๋ยวไม่สบาย”
“เซฮุนแค่ออกมาส่งพ่อกับแม่ ...ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นสักหน่อย” ท้ายประโยคคล้ายจะงึมงำ เหมือนจะพูดต่อบทสนทนากับคนเป็นพ่อ หากแต่ม่านกลมสีดำกลับเหลือบมองเจ้าของผิวสีน้ำผึ้งเล็กน้อย แล้วเสหลบกลับไปสนใจคนเป็นพ่ออย่างเดิม
“เอาล่ะๆ งั้นพ่อกับแม่ไปแล้ว จะได้ไม่ต้องมายืนปั้นปึ่งใส่กัน” ชายตัวสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่ นี่ก็ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือไม่ที่ปล่อยให้ลูกชายอยู่กันตามลำพังพี่น้อง งานไม่ด่วนเขาก็ไม่อยากจะทิ้งบ้านไปเลยจริงๆ “ไค ถ้าพ่อรู้ว่าเราดูแลน้องไม่ดี พ่อจะจัดการ”
ดูแลไม่ดีอาจหมายถึง แกล้งน้อง หรือสารพัดอย่างที่คิมจงอินเคยทำมา ดวงตาสองคู่ของพ่อกับลูกเท่านั้นที่สื่อกันเข้าใจ และคิมจงอินก็แค่ยักไหล่ตามประสาของคนท่ามากให้คนเป็นพ่อต้องส่ายหัว
โอซึงมีส่งคิมฮยอนอูคืนให้กับลูกชายคนโตก่อนจะจุ๊บแก้มนิ่มอีกฟอดใหญ่แล้วผละออก โบกมือลาทั้งสามที่ต้องอยู่บ้านกันเองเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ก่อนจะก้าวขึ้นรถไปทันทีที่แจโฮเปิดประตูรถให้ ไม่นานที่รถคันหรูเคลื่อนตัวออกจากรั้วบ้านหลังโตทิ้งไว้เพียงความอึดอัด และเสียงของฮยอนอูที่เริ่มจะงอแงให้พี่ชายโอ๋
“ผมอยากไปกับแม่”
“แม่ไปทำงาน ไม่กี่วันก็กลับแล้ว”
“อยากไป...” ไม่กี่วินาทีต่อมา ปากเล็กๆก็เริ่มเบะออก เปลือกตาบางกระพริบเรื่อยมองพี่ชาย เจือหยาดน้ำไร้สี ดูน่าสงสารจนอดนึกถึงใครอีกคนที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่เงียบๆไม่ได้ “ร้องไห้ ขี้แย ไม่น่ารักเลยนะ”
!!!
โอเซฮุนที่ลอบเป็นห่วงสงสารคิมฮยอนอูขมวดคิ้วมุ่น เมื่อดูเหมือนว่าประโยคเมื่อกี้มันกระทบเขาอย่างไรอย่างนั้น ยิ่งดวงตาคมที่จ้องตรงมาก็ยิ่งทำให้คนผิวขาวต้องแกล้งชักสีหน้าเสียไม่ได้ เพราะไอคำบางคำในประโยคมันช่างพาให้ผิวแก้มขาวขึ้นสีแดงเรื่อ พาให้ทำตัวไม่ถูกขึ้นมามากกว่าเดิม
อ๋อใช่ดิ ใครจะไปน่ารักเหมือนจองอึนซล!
นอกจากขี้แยแล้วโอเซฮุนยังขี้ประชดประชันเสียด้วย คนน่ารักทำปากยื่นปากงอใส่พี่ชายนอกสายเลือดก่อนจะแค่นหัวเราะเบาแล้วก้าวฉับๆเดินเข้าบ้านทันที มือขาวลูบแขนยาวของตัวเองไปมาเมื่อรู้สึกเย็นจนเริ่มสั่น ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวเข้าไปในอาณาเขตส่วนตัว ยังไม่ทันได้กลับเข้าห้องนอนตัวเอง เสียงทุ้มขึ้นจมูกนิดๆของคนที่เดินตามมาก็ดังขึ้นรั้งเอาไว้เสียก่อน
“เซฮุน... ฝากน้องไปอาบน้ำหน่อยดิ”
“ฉันเหรอ? อ.. อือ ก็ได้ ฮยอนอูมาอยู่กับพี่ก่อนมา” กวักมือเรียกเจ้าตัวเล็กที่ถูกปล่อยลงจากลำแขนแกร่งของพี่ชายคนโต ปากกระจับเหมือนกำลังจะเบะออกอีกครั้งเหมือนไม่อยากห่างกายพี่ชายคนสนิท หากแต่ก็ยอมเดินมาหาเซฮุนแต่โดยดี
โอเซฮุนก็ทำเท่าที่ทำได้ เพราะตนไม่ได้อยู่ดูแลน้องมาตั้งแต่เล็ก ยังไม่ทันได้ถึงขวบเขาก็ไปเรียนต่างประเทศเสียก่อน ความผูกพันจึงยังไม่ค่อยแน่นแฟ้นเหมือนกับคิมจงอิน เจ้าตัวยื่นมือขาวไปจับกับมือเล็กของน้อง ก่อนจะพาเดินเข้าห้องนอนของตนเอง และก่อนบานประตูจะปิดลง แววหวานเหลือบขึ้นสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม ทำให้คนผิวขาวทันได้เห็นรอยยิ้มบาง เพียงเบาบางเท่านั้นจริงๆ ก่อนที่หัวใจของเขาจะกระตุกวูบไหวอีกครั้ง
* * * * *
โชคดีที่คิมฮยอนอูเป็นเด็กน่ารัก เชื่อฟังและว่าง่ายเสียเหลือเกิน การอาบน้ำให้เด็กวัยห้าขวบจึงไม่ใช่เรื่องที่ลำบากมากนักสำหรับโอเซฮุน เพียงแต่ว่าความขี้แกล้งเล่นซนตามประสาเด็กๆที่อาจจะเป็นเพราะคลุกคลีกับใครอีกคนมากเกินไป ทั้งตัวของเขาก็เลยเปียก สุดท้ายก็อาบน้ำมันพร้อมกับน้องไปซะเลย กว่าสองพี่น้องจะเลิกเล่นน้ำกันได้ก็พาเอาคนเป็นพี่เหนื่อยทีเดียว
“เดี๋ยวฮยอนอูรออยู่นี่ก่อนนะ พี่ไปเอาเสื้อผ้าที่ห้องมาให้แป๊บเดียว อย่าซนล่ะ” บีบจมูกรั้นเบาๆอย่างหมันเขี้ยว พลางหัวเราะน้อยๆ คล้ายขำตัวเองที่สู้กับเด็กตัวเล็กในห้องน้ำเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ ซึ่งเด็กชายกึ่งเปลือยก็พยักหน้าพร้อมขานรับน่ารักให้ยิ่งน่าเอ็นดู
คนพี่ที่สวมเพียงเสื้อคลุมอาบน้ำลวกๆเดินออกจากห้องนอนเพื่อตรงไปหยิบชุดนอนให้น้องคนเล็ก มือขาวเปิดประตูเข้าไปในห้อง ตรงไปยังตู้เสื้อผ้าแล้วจัดการรื้อชุดน่ารักๆออกมา กายผอมที่นั่งยองตรงหน้าตู้ยืนขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะหมุนตัวกลับหลัง
!!!
ทว่าความใกล้ชิดในแบบที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ทำให้เซฮุนเบิกตากว้างตกใจ สะดุ้งเฮือกสุดตัวแทบจะทำของในมือหล่นลงพื้น เป็นคิมจงอินที่มายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ รู้เพียงมันใกล้มาก ใกล้มากจนได้ยินเสียงลมหายใจและสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนยามที่รดริน
ดูเหมือนว่าจงอินเองก็ตกใจ เพราะคนที่กำลังจะแกล้งให้น้องชายคนรองให้ตกใจเล่นๆไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะหันหน้ากลับมากะทันหันแบบนี้ แถมยังยืนขึ้นจนระดับความสูงเท่ากันอีกต่างหาก วินาทีนี้เลยได้แต่จ้องลึกเข้าไปในแววหวานที่สั่นระริก กลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสนนั่น
“หลบก่อนได้ไหม” เอ่ยเบาหวิว เบนหน้าหลบแววคมเข้ม คนผิวขาวอยากจะมุดดินหนีออกไปจากตรงนี้จะแย่อยู่แล้ว
“ชุดนายไม่เรียบร้อย” เอ่ยอย่างติติง แต่ก็ติดใจดีตรงที่มืออุ่นเลื่อนขึ้นกระชับเสื้อคลุมอาบน้ำทั้งสองข้างเข้ามาปิดแผ่นอกบางซึ่งโผล่ออกมาท้าอากาศอุ่นร้อนภายนอก
โอเซฮุนแทบใบ้กิน ยกมือขึ้นหวังจะห้ามปราม หากแต่พอแตะถูกหลังมือของจงอินเท่านั้น คนน่ารักก็ต้องรีบชักมือออกโดยไวเมื่ออีกฝ่ายช้อนเปลือกตาเลิกคิ้วมอง กลิ่นสบู่ที่แสนชอบลอยเข้าโสตประสาทจนรู้สึกมึนงง เซฮุนทำอะไรไม่ถูก ไม่เป็นตัวของตัวเองอีกครา
“หลบดิ จะไปแต่งตัวให้น้อง”
“เอามานี่ เดี๋ยวทำเอง นายไปแต่งตัวเหอะ” ว่าแล้วก็แย่งชุดนอนน่ารักมาจากน้องชายแล้วเดินนำไปที่ห้องนอนของอีกฝ่ายทันที ถือวิสาสะเปิดประตูแทรกตัวผ่านเข้าไปโดยไม่เกรงใจคนที่ก้มหน้าก้มตาเดินตามหลังเลยสักนิด
“พี่ไค!” ฮยอนอูหันขวับทันทีที่เห็นพี่ชายคนโปรด ใบหน้าจิ้มลิ้มฉีกยิ้มกว้างก่อนจะลุกขึ้นกระโดดบนฟูกนุ่มจนผ้าขนหนูร่วง
“โป๊ แต่งตัวก่อนเร็ว”
“พี่เซฮุนก็โป๊” เจื้อยแจ้ว พูดจาน่ารักเสียไม่มี ประกอบท่าทางด้วยการชี้นิ้วไปทางคนผิวขาวที่ยื่นผงะกับคำของเจ้าตัวเล็ก ภาพเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ก็หลั่งไหลจนทำให้เซฮุนต้องรีบก้าวฉับๆ หยิบเสื้อผ้าแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำทันที
เลยไม่ทันได้เห็นสองพี่น้องเขาแอบแปะมือกัน เข้าขากันดีเสียเหลือเกิน
ไม่นานนักกายผอมก็ก้าวออกจากห้องน้ำ ดวงตาเรียวคู่สวยทอดเห็นจงอินและฮยอนอูกำลังนอนคุยกันงุ้งงิ้งอยู่บนเตียง และเพราะว่าคิมจงอินอยู่ด้วยแถมยังช้อนเปลือกตาขึ้นมองทันทีที่เขาก้าวออกมา โอเซฮุนเลยได้แต่ยืนเงอะงะไม่กล้าเข้าใกล้ แม้ว่านี่มันจะห้องนอนของตัวเองก็ตาม ความจริงจะไล่ออกไปก็ได้ แต่เขาไม่ทำ
“ยืนอยู่ทำไม จะไม่นอนไง”
“นอน แต่นั่นหมายถึงหลังจากที่นายออกไปแล้ว”
“ฉันตามใจฮยอนอู” พยักพเยิดสายตาไปทางเจ้าตัวเล็กด้านข้างที่นอนจับหนังสือการ์ตูนเด็กพลางมองหน้าพี่ชายทั้งสองสลับกันไปมา
“ผมอยากนอนกับพี่ไค...”
“เออดี งั้นก็ออกไปทั้งคู่เลย”
“...กับพี่เซฮุนด้วย”
!!!
ภายในอกวูบไหว เจ้าของชื่อแทบอ้าปากค้างกับน้องชายตัวเล็กที่อายุเพียงห้าขวบ และเพราะอายุห้าขวบเขาถึงไม่คิดอะไร พยายามไม่คิดอะไรกับดวงตากลมใสกระพริบปริบที่มองมาอย่างอ้อนๆ ราวกับเด็กอยากได้ของแล้วก็กำลังจะได้ด้วยให้ตายสิ เซฮุถอนหายใจอย่างจนหนทาง ก่อนจะนั่งลงเท้าแขนกับขอบเตียงยื่นข้อเสนอให้คนอายุน้อยสุด
“งั้นฮยอนอูเลือกสิ ว่าอยากนอนกับใครมากกว่า”
“สองคนเลยฮะ”
คำตอบที่ออกจากปากกระจับเล็กๆทำให้คิมจงอินหลุดหัวเราะเบา แอบขำกับท่าทีไหล่ตกของโอเซฮุน เสียงหวานๆนั่นกำลังงุ้งงิ้งเหมือนเด็กไม่มีผิด กิริยาที่พยายามอ้อนน้องชายของตัวเองกลับแบบนั้นมันน่ามอง มันน่ามองเกินไป และคิมจงอินก็กำลังทำตัวเป็นเด็กหนุ่มที่ติดใจอะไรสักอย่างจนไม่อาจละสายตา...
จนกระทั่งอีกฝ่ายยอมแพ้ในความเอาแต่ใจมากกว่าของเด็กชายตัวเล็ก กายผอมจึงปีนขึ้นนั่งบนฟูกนุ่มสอดตัวใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ใบหน้าขาวขึ้นสีฝาดน่ารักพยายามไม่สบตากับคิมจงอินที่จ้องมอง
เพราะคงไม่เป็นไร ไม่เป็นอะไรล่ะมั้ง นอนห้องเดียวกันก็เคยมาแล้ว แถมนี่ยังมีฮยอนอูอยู่ด้วยอีกทั้งคน แค่เสียงก้อนเนื้อน้อยๆที่จังหวะการเต้นมันแปลกไปจากเดิมเท่านั้นเอง
“แบบนี้เหมือนนอนกับพ่อกับแม่เลยนะครับ” เด็กน้อยฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี ดูมีความสุขที่สุดในโลกยามมีพี่ชายทั้งสองขนาบข้าง ดวงตากลมกลอกมองคนที่นอนอยู่ระดับสูงกว่า พลิกหัวไปมารื่นเริงเสียคนเป็นพี่ต้องปราม
“หึ นอนดีกว่าไหมฮยอนอู” เซฮุนแค่นหัวเราะเบากับคำเปรียบเทียบน่ารักน่าชัง น่ารักตรงคิมฮยอนอูเป็นคนพูด แต่น่าชังตรงเหมือนพ่อกับแม่และมันคือเขากับคิมจงอินนี่แหละ
“จริงๆนะครับ พี่ไคเหมือนพ่อเลย แล้วพี่เซฮุนก็เหมือนแม่”
“บอกให้นอนยังไงเล่าาา พูดมากจริง” มือขาวจี้เข้าที่เอวเล็กจนน้องชายต้องดิ้นบิดไปมาเพื่อหลบหนีจากการลงโทษครั้งนี้ เสียงหัวเราะใสของฮยอนอูพาให้เซฮุนหัวเราะตาม ดวงตาเรียวคู่สวยหยีลงกึ่งพระจันทร์เสี้ยว รับกับรอยยิ้มหวาน น่ารักและสวยงามราวกับว่ามันกำลังหยอกล้อกับหัวใจของใครบางคน
“ผมจั๊กจี้! พี่เซฮุนนนน ฮ่าๆๆ” กายเล็กดิ้นพล่านค่อยๆถดลำตัวไปหาพี่ชายอีกคน ซึ่งแน่นอนว่าโอเซฮุนก็ขี้แกล้ง ไม่ยอมเหมือนกัน
กายบอบบางจึงเคลื่อนเข้าไปใกล้แล้วทรมานน้องชายต่อทันทีด้วยความสนุก จนลืมไปว่านัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกำลังลอบสังเกตเงียบๆ ลอบชื่นชมกลิ่นหอมๆที่ลอยแตะปลายจมูกโด่ง เสียงหัวเราะ ใบหน้าน่ารักเวลาแย้มรอยยิ้ม ยังไงจงอินก็คิดว่ามันน่าหมันเขี้ยว น่ามองกว่าเวลาร้องไห้ เวลาโมโหเป็นไหนๆ
“อื้อ ผมเหนื่อยแล้วครับพี่เซฮุน”
“งั้นนอนนะ”
“ฮะ”
ฟอด!~
คนผิวขาวกดจมูกลงบนแก้มนิ่มแรงๆหนึ่งที ใบหน้าหวานผละออกห่างก่อนจะระบายยิ้มเอ็นดูพลางยีผมนุ่มของคนอายุน้อยสุด ทว่าเด็กน้อยไม่เคยพอ นิสัยเหมือนพี่ชายคนโตไม่มีผิด ยื่นแก้มอีกข้างให้เซฮุนหอมด้วยอีกต่างหาก
“ฝันดีครับ” ราตรีสวัสดิ์เจ้าตัวเล็กด้วยคำพูดเบสิค หากแต่ประโยคถัดมาของเจ้าจอมซนนี่สิ ทำเอาโอเซฮุนใบกินไปแล้วจริงๆ
“งั้นพี่ไคก็ฝันร้ายแย่สิครับ พี่เซฮุนไม่เห็นหอมแก้มบอกฝันดีพี่ไคเลย”
“ไม่นอน หรือว่าอยากโดนจี้อีก?”
“ไม่ครับ” ส่ายหัวพรืดอย่างน่าเอ็นดู น้องสุดท้องรีบหลับตาปี๋ตามคำสั่งของพี่ชายหน้าหวานแสนดุ แขนสั้นๆวาดกอดเอวคอดของเซฮุนแน่นพร้อมซุกหน้าลงกับแผ่นอกบางเป็นเครื่องประกันว่าพี่ชายจะไม่ลุกมาแกล้งคืนอีก
เปลือกตาบางกระพริบปริบมองน้องสุดท้องอย่างงงๆ แต่ก็ปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ เพราะปัญหาต่อไปคือข่มตาหลับ จะข่มตาให้หลับได้อย่างไรเมื่อคิมจงอินนอนจ้องหน้าเขาอยู่ แล้วเขาก็หันหลังหนีไม่ได้ อยากแกล้งตายไปเลยได้หรือเปล่า อยากหลับไปเดี๋ยวนี้เลยจะได้ไหม โอเซฮุนไม่อยากมอง ไม่อยากสบนัยน์ตาสีน้ำตาลที่แสนจะดูยาก เข้าใจยากเหลือเกิน
“น้องยังเด็ก ทำจริงจังไปได้” ทว่าคนชวนคุยดันทำให้น้องชายนอกสายเลือดต้องชักสีหน้าน้อยๆ
“โทษทีที่จริงจังกับทุกเรื่อง”
“เอาเหอะ นายเองก็ควรจะนอน พรุ่งนี้เรียนเช้า หรือต้องให้บอกฝันดี”
“ไม่ต้อง เก็บไว้บอกคนของนายเหอะ”
สะบัดเสียงปิดเปลือกตาลงทันที ใจที่ว้าวุ่นในตอนแรกกลายเป็นขุ่นเคือง รู้สึกหงุดหงิดเล็กๆอย่างไม่มีเหตุผล ตัวเองเป็นคนพูดเองแล้วก็หงุดหงิด มันเหมือนถูกบีบ เหมือนมีใครมาบีบรัดหัวใจของเขา เจ็บแปลกๆ ไม่สามารถหาสาเหตุ เขาไม่รู้ สาเหตุของอาการเหล่านี้มันควรจะเรียกว่าอะไร
ทว่า ประโยคถัดมาราวกับเวทมนต์เยียวยา อย่างน้อยยามที่โอเซฮุนได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างก็มลายหายไป เปลี่ยนเป็นเสียงระรัวดัง...
“แล้วน้องชายมันไม่ใช่คนของฉันหรือยังไง”
และเขาก็หวังว่าคิมจงอินจะไม่ได้ยินมัน
* * * * *
“มึงอ๊า!~ มึงไม่เข้าใจกูหรอกจงอิน!”
“ใช่ กูไม่เข้าใจ ว่าทำไมต้องมานั่งฟังมึงด่าปาร์คชานยอลด้วย” เจ้าของผิวสีน้ำผึ้งนั่งพิงพนักโซฟาถอนหายใจราวกับเหนื่อยหน่าย เลิกเรียนแทนที่จะได้กลับบ้านไปอยู่กับฮยอนอู ต้องมานั่งเฝ้าไอเพื่อนตัวเล็กเท่าหมาน้อยนั่งพล่ามไร้สาระวนไปวนมาถึงใครอีกคน นั่นยังจะดีกว่าถ้าพยอนแพคฮยอนมันพูดรู้เรื่องสักหน่อย ไม่ใช่เมาไม่ค่อยจะมีสติแบบนี้
“มึงว่าไงน้า!!” คนที่อยู่ดีๆก็โดดเรียนคาบสุดท้ายเพราะเห็นภาพบาดตาตะโกนลั่นด้วยความน้อยอกน้อยใจ(?) ปากอิ่มเริ่มจะเบะออกเหมือนเด็กๆ
ขนาดเพื่อนยังไม่ต้องการเขาเลยอ่ะ ขนาดคิมจงอินมันยังไม่รักเพื่อนแบบเขาเลย!
“มึงไม่ต้องตะโกนแข่งกับเพลงก็ได้นะ หูกูจะแตกอยู่แล้ว” ทำหน้าเบื่อหน่ายกับสถานที่รื่นรมย์ ซึ่งเขาไม่รื่นรมย์กับมันเสียเท่าไหร่ รำคาญสายตาที่จดจ้อง หงุดหงิดไอรอยยิ้มที่ส่งให้กับน้องชายที่ติดสอยห้อยตามมาด้วยกันเหลือเกิน
เจ้าของใบหน้าน่ารักนั่งมองไปรอบๆพลางก็ขมวดคิ้วมุ่นกับเสียงเพลงดังอย่างไม่รู้ตัว ยกโทรศัพท์ขึ้นดูนาฬิกาก่อนจะยู่ริมฝีปากน้อยๆเมื่อนึกถึงเจ้าตัวเล็ก พ่อกับแม่อุตส่าห์ฝากไว้อย่างดี กลับปล่อยให้อยู่กับแม่บ้านเสียอย่างนั้น เกรงใจคนผู้ใหญ่ที่ต้องมาคอยเขากับคิมจงอินแทนที่จะได้กลับบ้านของตัวเอง แต่พอหันมามองรุ่นพี่ตัวเล็กก็สงสาร เพราะนี่คงนั่งกินมานานแล้ว ดีหน่อยยังยอมรับโทรศัพท์ของเขา ซึ่งก็เป็นจงอินอีกนั่นแหละที่บอกให้โทร
“โทรศัพท์กูไม่รับนะ”
“ก็กูเบื่อ~ เพื่อนแบบมึงงง อึก! อยากได้นางฟ้ามาปลอบใจมากกว่า” ว่าแล้วก็ซบหน้าลงกับท่อนแขนยาวของเซฮุน “แต่ไม่คิดว่าน้องเซฮุนจะหักหลังพี่โดยการพามันมาด้วย~”
“ผมยังโดนบังคับมาเลย”
“หึ เอาเหอะ ชื่นชมนางฟ้าของมึงให้เต็มที่ กูจะไปเข้าห้องน้ำ”
คล้อยหลังเพื่อนสนิทเจ้าของผิวสีน้ำผึ้ง พยอนแพคฮยอนก็เงยหน้าขึ้นมองโอเซฮุนอย่างอ้อนๆ เหมือนลูกหมาจริงๆนั่นแหละ ดวงตาเรียวเล็กพยายามปรือเปิดมองใบหน้าขาวใสของรุ่นน้องก่อนจะยิ้มหวานน่ารัก หัวเราะคิกคนเดียวจนเซฮุนเริ่มงง
ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเอง แต่เขาคิดว่าไอสายตาของทั้งผู้หญิงและผู้ชายนับหลายคู่ที่มองมาทางเราสองคน ครึ่งหนึ่งมันเป็นของรุ่นพี่ตัวเล็ก อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ โอเซฮุนเองก็ใจเต้นยามเห็นใบหน้าน่ารักแดงอ่อนๆเพราะพิษแอลกอฮอล์ แบบ... มันน่าหยิกอ่ะ
“เซฮุน... เรามาคบกันไหม”
“หา?”
“นะ คบกับพี่เถอะ”
!!!
ไม่ทันได้ตอบคำถาม ริมฝีปากอิ่มนิ่มก็แนบสนิทลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งคนไม่ทันได้ตั้งตัวก็เบิกตาน้อยๆอย่างตกใจ แววหวานกระพริบปริบอย่างงงๆ แต่ก็ยอมอยู่นิ่งๆให้คนอายุมากกว่าได้ลิ้มลองหรือทำอะไรก็ตามที่อยากทำโดยไม่ผลักออก
กลีบปากนุ่มแตะจูบเพียงผิวเผินซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงจุ๊บถูกกลบด้วยเสียงเพลงที่ดังกว่ามากหากเขาก็สามารถได้ยินมัน ผิวเนื้อเคลือบใสสีแดงอ่อนถูกขบเม้มเบาๆและกดแนบเบียดชิด หลังลำคอถูกรั้งให้เข้าใกล้ เข้าหามากยิ่งขึ้น แต่แล้วความไม่รู้ที่อยากจะลองรู้ของแพคฮยอน ลิ้นเล็กที่พยายามจะแทรกผ่านทำให้โอเซฮุนหลุดหัวเราะทั้งๆที่กลีบปากนิ่มยังแนบสนิท
“หัวเราะทำไม~” ละริมฝีปากของตนออกจากกลีบริมฝีปากแดงอ่อนของรุ่นน้องน่ารักที่แสนปลื้ม เสียงหัวเราะเบาทำให้คนตัวเล็กเลิกคิ้วพยายามปรือเปลือกตาเปิด เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจกับปฏิกิริยาของอีกฝ่าย จูบกันมันน่าขำอย่างนั้นเหรอ
เซฮุนก็ทำเพียงส่งยิ้มหวานให้ ไม่โกรธเลยสักนิดที่ถูกจู่โจมอย่างรวดเร็ว ยกก้านนิ้วเรียวขึ้นเช็ดคราบน้ำลายไร้สีที่เลอะมุมปากของรุ่นพี่นิดๆให้อย่างอ่อนโยน
“ตลกนี่ครับ พี่แพคฮยอนเมามากแล้วนะ ...เรื่องที่พูดกับผมพี่คงไม่ได้จริงจัง แต่กำลังอยากประชดใครมากกว่า”
“น้องเซฮุนก็ดูไอหยอยสิ มันชอบมากวน มาเกาะติด อึก! น่ารำคาญญญ มันมาทำดี ...มาทำให้พี่หวั่นไหว อึก! แล้วมันก็ไปควงผู้หญิงคนอื่น ไอบ้าาา!”
“ไหนพี่แพคฮยอนบอกว่าไม่ชอบพี่ชานยอลไงครับ”
คนตัวเล็กชะงักกึก ใบหน้าน่ารักหม่นลงเล็กน้อย หัวสมองพยายามสั่งการ พยายามสั่งก้อนเนื้อที่มันรู้สึกทรมานให้หยุดลง หากแต่กลับมีก้อนสะอื้นตีขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัว จนกระทั่งหยาดน้ำไร้สีมันหยดลง
“ก็ไม่ได้ชอบ... ฮึก! ไม่ได้ชอบสักหน่อย ไม่ได้รักด้วย!” ซุกหน้าลงกับลาดไหล่กว้างหากบอบบางของคนอายุน้อยกว่า ปล่อยหยาดน้ำไร้สีให้ซึมไปกับเนื้อผ้ายืดราคาแพง “ไม่ได้รักจริงๆนะ...”
และอาจเป็นเพราะเสียงเพลงที่เงียบลง คนทั้งสองถึงรับรู้การเข้ามาของบุคคลที่สาม...
“ไม่รักก็ไม่รักสิ แต่จูบผู้ชายคนอื่นต่อหน้าผมที่เป็นเจ้าของคุณได้ยังไง”
!!!
อย่าว่าแต่พยอนแพคฮยอนที่ตกใจ โอเซฮุนก็ตกใจเสียงทุ้มที่ดังขึ้นไม่ไกลเช่นเดียวกัน ใบหน้าขาวหันมองเจ้าของเสียงเป็นเอกลักษณ์พลางเลิกคิ้วน้อยๆ แต่นั่นไม่เท่ากับตอนที่เห็นว่าใครอีกคนก็ยืนอยู่ด้านหลังรุ่นพี่ตัวสูง เพียงนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มทอดมองมาเงียบๆ เซฮุนเลือกที่จะหลบสายตาอธิบายยากของคิมจงอินเสีย มันไม่ใช่แววขุ่นเคือง แต่ทำให้อึดอัดได้แปลกๆ เขาบอกได้เท่านี้แหละ
แล้วเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะงั้นไม่จำเป็นต้องรู้สึกไม่ดี
- - -
อย่างที่บอกว่ามันไม่ค่อยหวาน แต่มันก็มาแล้วตอน 13 มีแต่น้ำๆแฮะตอนนี้ ใจเย็นๆนะ เพราะในน้ำมันก็พอมีอะไรอยู่บ้าง(?) คือเค้าพยายามปรับเปลี่ยนความคิดของตัวละครค่ะ กำลังดึงให้คืบหน้า แง้งงงง ยากชริงๆ ...ยังไงก็ขอบคุณที่ให้กำลังใจกันด้วยคอมเม้นท์ดีๆเสมอเลยนะคะ ดีใจมาก เวลาอ่านเม้นท์ดีๆขำๆแล้วหายเหนื่อยเลย 5555 ไม่เว่อร์นะ ขอบคุณนะค๊าา <3
ความคิดเห็น