ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ღ Rival or Lover ღ :: kai x sehun ::

    ลำดับตอนที่ #12 : Rival or Lover :: 11 ::

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.28K
      30
      11 ธ.ค. 55

     

                 “คุณพ่อ ตอนเย็นสอนเซฮุนขับรถนะ”  ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่ดูแลดียิ่งกว่าลูกชายแท้ๆถลาเข้ามาเกาะแขนผู้ให้กำเนิดแน่น หัวกลมๆเอียงชะโงกน้อยๆเพื่อจะมองหน้าคนอายุมากกว่าได้อย่างชัดเจน ดวงตาเรียวคู่สวยหยีลงกึ่งพระจันทร์เสี้ยวรับกับรอยยิ้มหวานน่าเอ็นดูจนคนเป็นพ่อใจอ่อน  


                “ไว้พ่อจะบอกเจ้าไคให้นะ”  ยิ้มใจดีส่งให้พลางยีกลุ่มผมนุ่มเบาๆ มือใหญ่ละกลับมากระชับหนังสือพิมพ์เล็กน้อยแล้วก้มลงสนใจตัวหนังสือบนหน้ากระดาษแผ่นใหญ่ที่ถูกพับครึ่ง ปล่อยให้คนผิวขาวชักสีหน้าไม่พอใจ


                “ไม่เอาหรอก เดี๋ยวจะมีคนหาว่าเซฮุนเป็นภาระ เซฮุนไม่อยากฟังแล้ว”  ยู่ปากน้อยๆยามนึกถึงคำพูดเหล่านั้น ขายาวก้าวพาตัวเองให้นั่งลงบนโซฟาด้านข้างกัน  “ต่อไปนี้เซฮุนอยากพึ่งตัวเอง ถ้าคุณพ่อไม่อยากสอน เดี๋ยวไปเรียนข้างนอกเอาก็ได้ ไม่ต้องให้ใครมาจัดการทุกอย่างในชีวิตให้หรอกครับ”


                “แล้วจะไปเรียนข้างนอกให้มันเปลืองเงินทำไมหืม ให้พี่เขาสอนน่ะดีแล้ว”  สิ้นเสียงทุ้มก็เกิดความเงียบชั่วขณะ แววหวานที่ทอดมองหม่นลง ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ย..


                “..........พ่อก็รู้อยู่แล้วนี่ครับว่าทำไม”  ทอดเสียงเบาให้คนเป็นพ่อต้องหันมอง ริมฝีปากแดงอ่อนยกยิ้มบางก่อนจะแลบลิ้นเล็กเลียความแห้งผากบนผิวเนื้อเคลือบใส


                ชายวัยกลางคนถอนหายใจ มือหนาจัดการพับหนังสือพิมพ์แล้ววางไว้บนโต๊ะกระจกใสตรงหน้าพลางเอนหลังพิงพนักนุ่มของโซฟา


                “พ่อจะบอกเรานะเซฮุน ถ้าพี่เขาเกลียดเราจริงๆ เขาไม่ทำอะไรให้เราตั้งมากมายหรอก ..ตอนที่เซฮุนอยู่อังกฤษ ถึงเจ้าไคจะไม่ได้พูดอะไร พ่อก็รู้ว่ารายนั้นกำลังรอให้เรากลับมา ..กลับมาขอโทษ กลับมาอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวไง” 


                “ไม่จริงหรอกครับ...”  ใบหน้าขาวก้มลงต่ำพลางหลุบตามองพื้นหินอ่อนเพื่อหลบเลี่ยง ม่านกลมสีดำสั่นระริกเมื่อรู้สึกว่าขอบตาร้อนผ่าว เรื่องราวในอดีตที่ไม่อาจแก้ไข แม้แต่คำขอโทษก็ไม่ทันได้ให้ ไม่ได้ทำอะไรคนขี้ขลาดอย่างโอเซฮุนก็หนีไปเรียนต่างประเทศเสียก่อน เขากลัวสายตาผิดหวังของคิมจงอินที่มองมา สายตาที่ดูปวดร้าว มันยังฝังอยู่ในห้วงความคิดแม้ว่าเวลาจะผ่านมากว่าห้าปีแล้วก็ตาม และแม้ว่าเวลาจะผ่านมานาน น้ำตาของโอเซฮุนก็ยังคงไหล  “...ไคย้ำตลอด ..ย้ำตลอดเวลาว่าไม่อยากอยู่ใกล้เซฮุน บอกว่าเซฮุนน่ารำคาญ บอกว่าน่าเบื่อ... แต่มันก็จริงครับ เพระว่าเซฮุนก็เป็นแบบนั้นจริงๆ”


                “ไม่เอาน่า เรื่องมันผ่านไปแล้ว อย่าคิดมากสิ”  กายสูงขยับเข้าไปใกล้ แขนยาววาดโอบไหล่บอบบางของลูกชายเอาไว้หลวมๆอย่างให้กำลังใจ คิมแจโฮรักทั้งสองคน ไม่มีใครมากไปกว่าใคร  “เห็นลูกไม่สบายใจพ่อก็ไม่สบายใจไปด้วยนะ วันนี้เปิดเทอมวันแรกนะ สดใสหน่อยสิ” 


                เซฮุนไม่ได้สะอื้นไห้ เพียงหยาดน้ำตาเท่านั้นที่ไหลออกมาบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวเสียใจกับเรื่องในอดีต มือขาวยกขึ้นเช็ดน้ำตาลวกๆ สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะหันมายกยิ้มบางให้คนเป็นพ่อ กระชับสายสะพายของกระเป๋าเป้บนบ่าเล็กน้อยแล้วก้มหัวให้อีกฝ่ายนิดๆ


                “ไปเรียนแล้วครับ เดี๋ยวสาย”


                “อ้าว แล้วไม่รอ...”


                ไม่รอให้คนอายุมากกว่าพูดจบ กายผอมของเซฮุนก็ลุกยืนเต็มความสูงแล้วก้าวขาออกไปจากตัวบ้านในทันที เพราะไม่ต้องเดาเขาก็รู้ว่าพ่อจะพูดว่าอะไร แล้วทำไมเขาต้องรอไปพร้อมคิมจงอิน ไม่ใช่เรื่อง บอกแล้วไงว่าต่อจากนี้เขาจะดูแลตัวเอง


                หลังกลับจากค่ายรับน้องโอเซฮุนพยายามพูดกับอีกฝ่ายให้น้อยที่สุด พยายามอยู่แต่ในห้องนอนซึ่งเป็นห้องใหม่หรือไม่ทำตัวให้เป็นปัญหา เจอหน้ากันก็ตอนกินข้าวแล้วก็เดินสวนกันเป็นครั้งคราว และเขาก็ไม่คิดที่จะต่อบทสนทนาอะไรหากไม่จำเป็น ...เพราะอยู่ใกล้ๆทีไร เหมือนตัวเองเป็นโรคหัวใจยังไงก็ไม่รู้


                ทว่า ดูเหมือนว่าอะไรๆจะจำเป็นเสียหลายอย่าง เมื่อทางนั้นกลับทำตรงกันข้าม กลับพยายามชวนคุย พยายามเหลือเกินที่จะเข้ามาในความคิดของเขา เลี่ยงเท่าไหร่ก็เหมือนว่ายิ่งโดนดึงเข้าไปหา


                “จะเดินเลยรถไปไหน อยากขับนักไม่ใช่เหรอ”


                !!!


                ใบหน้าขาวหันขวับไปมองทางต้นเสียง พบกายสูงโปร่งของพี่ชายนอกสายเลือดกำลังยืนพิงรถด้วยท่วงท่าสบายๆ เสื้อแขนยาวสีขาวคลุมทับเสื้อแขนกุดสีเดียวกันด้านในและกางเกงยีนสีซีดยิ่งทำให้คนที่หน้าตาดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วดูเท่ มีเสน่ห์เข้าไปใหญ่


                โอเซฮุนสะบัดหน้าหนีไปอีกทางทำเป็นไม่สนใจนัยน์ตาสีน้ำตาลที่จ้องนิ่ง ซึ่งในความเป็นจริงคือเขากำลังซ่อนตาแดงๆตอนนี้ต่างหาก พอได้ยินอีกฝ่ายพูดเรื่องขับรถเขาก็ยิ่งอยากหลบไปให้พ้นๆเมื่อคิดว่าจงอินแอบฟังที่เขาคุยกับพ่อ และไม่แน่ เจ้าตัวอาจรู้ว่าเขาร้องไห้


                “ขึ้นรถดิ จะสอนให้”


                “ไม่ล่ะ จะรีบไปเรียน”  พูดโดยไม่หันกลับไปมอง พร้อมขาเรียวยาวก้าวฉับๆอย่างว่องไว ถึงพักนี้จะพูดจาดีต่อกัน แต่เซฮุนก็อยากจะเลี่ยงอยู่ดี  “อ๊ะ!


                ทว่าไม่เป็นอย่างที่คาดเมื่อข้อมือถูกรั้งโดยใครอีกคน กายบอบบางแทบจะปลิวเข้าปะทะอกแกร่ง หากแต่ยั้งตัวเองไว้ได้ทัน ดวงตาเรียวคู่สวยช้อนขึ้นสบกับแววคมเข้มของอีกฝ่าย หัวคิ้วขมวดมุ่น หงุดหงิดเล็กๆที่อะไรๆก็ใช้แต่กำลังกับตน ก่อนจะก้มหน้าลงเลี่ยงที่จะสบกับเจ้าของผิวสีน้ำผึ้ง บิดข้อมือเบาๆเป็นการท้วงให้ปล่อยเสีย ซึ่งคิมจงอินก็ทำเป็นละเลยเหมือนอย่างเคยแล้วดึงให้คนน่ารักเดินไปขึ้นรถ


                ที่นั่งด้านคนขับเป็นของโอเซฮุน ก่อนคนผิวขาวจะหันมองอย่างแปลกใจเมื่อกายสูงโปร่งของคิมจงอินเปิดประตูเข้ามานั่งด้านข้างกัน


                “ถ้ารีบก็ขับไปเองเลยสิ”  เสนอทางเลือกที่ไม่รู้ว่าจะดีกว่าการนั่งรถแท็กซี่หรือไม่ เพราะโอเซฮุนขับรถไม่เป็น ม่านกลมสีน้ำตาลกลอกมองน้องชายนอกสายเลือด ก่อนจะเอี้ยวตัวเข้าไปใกล้...


                !!!


                และไม่รู้ว่าโอเซฮุนตกใจไปกี่รอบแล้วกับการกระทำของคนแก่เดือนกว่า เพียงแต่ว่าผิวแก้มของอีกฝ่ายที่อยู่เพียงปลายจมูกสัมผัสมันทำให้เขานิ่งค้าง รู้สึกไม่เป็นตัวเองกับกลิ่นโคโลญจน์หอมอ่อนๆ พลันวูบไหวไปกับนัยน์ตาคู่คมที่เหลือบมองเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้เหลือเกินกำลังสั่นคลอนม่านกำแพงกั้นที่สร้างขึ้น


                แกร็ก!


                เสียงล็อคของเข็มขัดนิรภัยไม่อาจะฉุดโอเซฮุนออกจากอาการเกร็ง จนกระทั่งใครอีกคนละออกไปแล้วเท่านั้น เจ้าตัวถึงได้หายใจสะดวกและทั่วท้องมากขึ้น เปลือกตาบางกระพริบปริบ แลบลิ้นเลียริมฝีปากแดงอ่อน


                “สตาร์ทเครื่องดิ...”


                “หยุด ไม่ต้อง!”  มือขาวรีบยกขึ้นห้ามอีกฝ่ายที่ทำท่าจะค้อมตัวมาไขกุญแจรถให้แทบไม่ทัน กายผอมคลุมทับพวงมาลัยปิดกั้นการลอดผ่านของจงอิน ใบหน้าขาวงองุ้มน้อยๆอย่างขัดใจ  “เดี๋ยวสตาร์ทเอง”


                “หึ”


                “แล้วยังไงต่อล่ะ”  คนเป็นน้องเอ่ยถามหลังจากบิดลูกกุญแจแล้วเรียบร้อย แรงสั่นเบาของรถคันหรูบอกให้รู้ว่าเครื่องยนต์กำลังทำงาน


                “ก็แค่เข้าเกียร์ เหยียบคันเร่ง หมุนพวงมาลัย ไม่เห็นจะมีอะไรยาก นี่มันเกียร์ออโต้นะ” 


                ก็ใช่ว่าโอเซฮุนจะซื่อขนาดไม่รู้ว่าขับรถยังไง เพียงแต่ว่าคนมันไม่เคยก็ต้องรู้สึกประหม่าเป็นธรรมดา แถมอีกฝ่ายยังพูดเหมือนเขากำลังจะปอกกล้วยเข้าปาก มันง่ายขนาดนั้นเมื่อไหร่กันเล่า ติงอีกฝ่ายในใจก็เท่านั้น เพียงใบหน้าหวานที่แสดงออกว่ากำลังไม่ชอบใจเล็กๆ หากแต่มือขาวก็ทำตามที่พี่ชายบอกทุกอย่าง บังคับเจ้ารถยนต์ซึ่งเป็นรุ่นที่คิมจงอินออกแบบเอง


                ตลอดทางก็จะมีเสียงทุ้มขึ้นจมูกนิดๆของอีกคนคอยบอกทางและช่วยบังคับพวงมาลัยเป็นครั้งคราว พร้อมกับบ่นๆอีกเล็กน้อยตามประสาให้คนเป็นน้องได้ชักสีหน้าไม่ชอบใจ


                ราวครึ่งชั่วโมงกว่าโอเซฮุนจะพาพี่ชายมาถึงมหาวิทยาลัยได้อย่างปลอดภัย แผ่นหลังบางยืดตรงชะเง้อมองผ่านกระจกมองหลัง สลับกับเอี้ยวตัวเพื่อดูระยะของที่จอดรถ เพียงแต่ว่าขับมาปกติก็เหมือนจะไม่รอด แล้วให้ถอยรถเข้าไปจอดเขาเกรงว่าจะได้รอยถลอกกลับไปชมเล่นๆมากกว่า


                “เฮ้ย! หักมากไปแล้ว! เดี๋ยวก็เสยรถชาวบ้านหรอก” 


                กายบอบบางสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆอีกฝ่ายก็เสียงดังใส่ เท้ารีบเหยียบเบรกแทบไม่ทัน ดวงตาเรียวคู่สวยเบนกลับมาจ้องนิ่งพลางกระพริบปริบ ก่อนจะหลุบลงมองมือของตนเองที่อยู่บนพวงมาลัย ความอบอุ่นเบาบางแผ่ซ่านไปทั่วหน้าอกด้านซ้าย แม้ว่ามืออุ่นๆนั่นแค่กุมมือเขาเอาไว้เท่านั้น เซฮุนเงยหน้าลอบสังเกตด้านข้างของโครงหน้าเรียวได้รูปที่ดูจริงจัง ปฏิกิริยาตอบสนองคือหัวใจเขาเต้นแรงราวกับรัวกลอง


                เซฮุนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เขาพยายามหลบหน้า อะไรที่ทำให้เขาไม่เป็นตัวเองมากมายขนาดนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับโอเซฮุน


                “เอ้า เหยียบคันเร่งเบาๆ”  ออกคำสั่งหน้าตาเฉย หากแต่ตัวรถที่ไม่ยอมขยับทำให้เรียวคิ้วเข้มขมวดยุ่ง ก่อนกายหนาที่เอี้ยวตัวเท้าแขนตรงเบาะรถจะหันหน้ากลับมาหวังออกปากว่าเหมือนเคย


                !!!


                ตอนนั้นเองที่คิมจงอินชะงักไป เมื่อปลายจมูกของพี่ชายและน้องชายแตะกันแผ่วเบา เหมือนห้วงเวลาหยุดค้าง เหมือนทุกอย่างรอบตัวหายไป เหลือเพียงคนสองคนกับลมหายใจอุ่นร้อน ดวงตาสองคู่กลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน หนึ่งสั่นระริกวูบไหวไปกับแววคมเข้ม อีกหนึ่งจ้องลึกและสะท้อนเพียงใบหน้าน่ารักที่กำลังขึ้นสีเรื่อ


                คิมจงอินลืมตัวหรืออย่างไร ถึงปล่อยให้เสียงเล็กๆข้างในพากลีบริมฝีปากอิ่มแนบสนิทกับอีกฝ่าย แนบเพียงผิวเผิน ก่อนจะขยับเบาๆซึมซับความนุ่มของผิวเนื้อเคลือบใส เพียงปิดเปลือกตาลงและสัมผัส รับรู้ด้วยอะไรก็ตามที่กำลังเรียกร้อง ยกมือขึ้นรั้งหลังลำคอขาวเข้ามาเบียดชิด ขบเม้มน้อยๆให้คนเป็นน้องสั่นสะท้าน ไม่ได้รุกรานเข้าไปด้านใน เพียงทำความรู้จักกับกลีบปากสีสวย ทำความคุ้นเคยกับความหอมหวานที่ยากจะผละห่าง ทว่า...


                “อื้อ!” 


                พลั่ก!


                โอเซฮุนเลือกที่จะผลักอกกว้างของคิมจงอินให้ออกห่าง หันกลับมานั่งพิงเบาะรถนิ่งพลางหายใจเข้าออกเร็ว ชักมือที่ถูกกุมกลับมาวางบนหน้าตัก ก่อนแนวฟันขาวจะขบกลีบริมฝีปากแดงอ่อนแน่น ดวงตาเรียวคู่สวยดูสับสนเหลือเกิน วินาทีที่สัมผัส เขาเหมือนคนเป็นโรคหัวใจ ที่อาจจะหลอมละลายไปกับความรู้สึกดีๆแบบนั้น..


                คนที่เพิ่งตั้งสติได้แลบลิ้นเลียปากอิ่มเล็กน้อย กระพริบตาปริบทบทวนเรื่องราวเมื่อครู่อีกครั้ง ทุกอย่างก็ยังชัดเจนว่าเขาเป็นคนเริ่ม


              คิมจงอินจูบโอเซฮุน


              โอเซฮุนที่เป็นน้องชาย


              และ.. เป็นคนที่เขาบอกว่าเกลียด


                “เอ่อ..”  ความเงียบเข้าครอบคลุม จงอินเกิดอาการทำตัวไม่ถูกขึ้นมา เพราะยังหาเหตุผลให้กับตัวเองไม่ได้  เหตุผลที่ว่าทำไมถึงทำ  “ขอโทษ... ไม่ได้ตั้งใจ”


                ม่านกลมสีดำวูบไหว สั่นน้อยๆเมื่อได้ยิน หัวกลมส่ายเบาๆคล้ายจะบอกว่าไม่เป็นไร หากแต่ลำคอมันตีบตัน มันราวกับจะร้องไห้


                “อือ”  ตอบรับเบาหวิว จนคนพี่สังเกตเห็น วินาทีต่อมาใบหน้าหวานจึงถูกจับให้เงยขึ้น ตอนนั้นเอง หยาดน้ำไร้สีก็ไหลลงอีกครา จู่ๆก็ไหล แม้ว่าจะไม่ได้รู้สึกโกรธคิมจงอินเลยสักนิด เพียงแต่เขากำลังไม่เข้าใจตัวเองเท่านั้น ไม่เข้าใจว่าเป็นอะไรนักหนา ทำไมต้องหวั่นไหวกับทุกกการกระทำของอีกฝ่าย คิมจงอินก็แค่พี่ชาย ก็แค่คนที่บอกว่าเกลียดตนมากมาย ก็แค่คนที่ไม่ได้รู้สึกอะไร ก็แค่คนที่มีแฟนแล้วและรักเธอมากเท่านั้นเอง


                ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหล ในที่สุดก็เผยด้านอ่อนแอให้อีกฝ่ายได้เห็น


                “จะไม่ทำแล้ว อย่าร้องได้ป่ะ”  จงอินไม่กล้าพอที่จะเกลี่ยน้ำตาออกให้อีกฝ่าย ไม่กล้าแม้แต่จะมองด้วยซ้ำ ได้แต่สบถกับตัวเองเบาๆ สบถให้อะไรก็ตามที่ทำให้เขาเผลอทำอะไรบ้าๆลงไป ..ถอนหายใจแล้วเอี้ยวตัวหยิบเป้ที่เบาะหลัง  “เอากระเป๋าลงไปรอข้างนอกไป เดี๋ยวจอดเอง”


                ทำตามอย่างว่าง่ายด้วยการรับกระเป๋าไปถือแล้วเปิดประตูลงมายืนรอ ไม่นานคิมจงอินก็จัดการถอยรถเข้าไปจอดเรียบร้อย เซฮุนเลิ่กลั่กเมื่อกายสูงโปร่งพาตัวเองตามออกมา คนอ่อนเดือนกว่าตัดสินใจก้าวขาเดินนำทันทีโดยไม่พูดอะไร ตึกคณะแพทย์อยู่ไม่ไกลนัก ถึงก่อนคณะวิศวกรรมเสียอีก แต่ความรู้สึกร้อนวูบวาบเหมือนโดนจ้อง ทำให้ต้องรีบสาวเท้าเร็วมากขึ้น


                จนกระทั่งต้องเดินแยกไปอีกทาง...


                “นี่...”  จงอินรั้งลำแขนขาวให้เจ้าของกายบอบบางหันกลับมา สบกับดวงตาเรียวสวยนิ่งก่อนจะเอ่ยคำพูดที่อยากจะบอกตั้งแต่ก่อนออกจากบ้านเมื่อเช้า  “...ทีหลังอยากให้ช่วยอะไรก็บอก น่าเบื่อ น่ารำคาญก็ทำมาแล้วตั้งหลายปี จะทำต่ออีกหน่อยก็คงไม่เป็นอะไร”


                คนนิสัยไม่ดี อย่างที่บอกว่าคิมจงอินนิสัยไม่ดี มาทำให้โอเซฮุนแปลกใจ มาทำให้หวั่นไหว แล้วก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็เดินห่างออกไป...


     

    * * * * *


     

                มุมหนึ่งที่ถูกจับจองโดยหญิงสาวตัวเล็ก จองอึนซล มือทั้งสองข้างกำลังสั่นอย่างน่าสงสาร ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มบัดนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำตา เธอกำลังกลัว กลัวเหลือเกินว่าสักวันหนึ่งคิมจงอินที่แสนรักจะเดินออกไปจากชีวิต


                ชีวิตที่เพิ่งเจอคนแรก คนแรกที่เธอยอมทุ่มเทและใส่ใจในทุกอย่าง ตั้งแต่เห็นจงอินครั้งแรกหัวใจก็ไม่ใช่ของเธออีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น อึนซลยกมันให้กับรุ่นพี่ใจดี คนที่ถึงแม้จะไม่ได้รักเธอแต่ก็เอ็นดูและยอมรับน้ำใจกันในทุกครั้ง ไม่เคยปฏิเสธ ไม่เคยทำร้าย จนกระทั่งวันนี้ ตอนที่เห็นคนรักและใครอีกคนกำลังจูบกัน คิมจงอินกำลังทำร้ายจองอึนซล และเธอเองก็อาจจะยอมโดนทำร้าย เพราะเธอเสียอีกคนไปไม่ได้ ทนไม่ได้


                “ฮึก! พี่จงอินคะ...”  กายเล็กสั่นเทาทรุดนั่งลงพิงกำแพงของอาคารจอดรถอย่างหมดแรง มือบางปิดหน้าสะอื้นไห้ น่าสงสารเหลือเกิน


                และต่อให้น่าสงสารยังไง ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้เห็น ไม่เห็นว่าเธอกำลังเสียใจอยู่ดี


                โอเซฮุนเป็นน้องชาย คิมจงอินเป็นพี่ชาย พี่กับน้องจะรักกันไม่ได้ เพราะอย่างนั้นเธอไม่ควรจะเอาเรื่องนี้มาคิดให้บั่นทอนตัวเอง เธอควรจะเอาเวลาไปทำหน้าที่ของตนเองให้ดี และทำให้รุ่นพี่หันมารักอึนซลคนนี้โดยไม่มีข้อแม้ รักแบบคนรัก ไม่ใช่หญิงสาวที่น่าสงสาร หรือว่าน้องสาวที่น่าเอ็นดู เธอต้องการความรักจากคิมจงอิน รักในแบบที่เธอรัก


                แม้ต้องอ้อนวอนจากคนคนนั้น อ้อนวอนจากโอเซฮุน จองอึนซลก็จะทำ


                นั่นเพราะรุ่นพี่เป็นรักแรกของเธอ และเธอเชื่อว่าจะเป็นรักเดียว...  

      

     







    - - -


    มีอะไรผิดปกติก็โทษเพลงนี้ http://www.youtube.com/watch?v=F3Gqx6_g9mY นะคะ ฟังอยู่เพลงเดียวตลอดการแต่ง 55 เอ๊ะ! หรือเราจะใช้เพลงนี้แทนตัวหนูอึนซลกันนะ *O* 

    ...ขอบคุณที่ให้กำลังใจกันด้วยคอมเม้นท์ดีๆเสมอค่ะ มันทำให้เราได้ไปต่อ (?) ขอบคุณมากเลยนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×