ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ღ Rival or Lover ღ :: kai x sehun ::

    ลำดับตอนที่ #10 : Rival or Lover :: 9 ::

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.12K
      30
      11 ธ.ค. 55


                หลังจากอาบน้ำจัดการตัวเองแล้วเรียบร้อย ทุกคนต้องไปรวมตัวกันรับประทานอาหารเช้าและทำกิจกรรมนันทนาการเล็กๆน้อยๆเพื่อเชื่อมมิตรไมตรีอันดีงามเข้าไว้ด้วยกัน สนุกสนานก่อนจะเริ่มทำงานกันอย่างจริงจังอีกครั้ง


                เช่นเดียวกับโอเซฮุนที่ไม่ได้อยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์เหมือนคนอื่นๆ หลังทานข้าวเช้าเหมือนแมวดมก็มานั่งรอที่พื้นหญ้าสีเขียวบริเวณลานกว้างซึ่งเอาไว้สำหรับทำกิจกรรม นักศึกษาที่ทยอยกันเข้ามานั่งรอบตัวไม่ได้อยู่ในความสนใจเท่าไหร่นัก คนผิวขาวจมอยู่กับความคิดของตัวเองตั้งแต่ตื่นนอน เพราะหลังจากวิ่งออกจากห้องกลับเข้าไปอีกทีคิมจงอินก็อาบน้ำเสร็จแล้ว ทันได้เห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลเรียบนิ่ง แต่ไร้ประโยคสนทนาเหมือนเคย


                เพียงแต่เขารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าอีกฝ่ายไม่ได้แผ่รังสีความเย็นชาออกมาเหมือนเมื่อวาน


                “เซฮุน”


                “อ่า พี่แพคฮยอน”  ใบหน้าขาวเงยขึ้นมองคนตัวเล็กที่เดินมาทรุดตัวลงด้านข้าง ริมฝีปากแดงอ่อนยกยิ้มจนตาหยีน่ารักส่งให้


                “ไง นอนหลับสบายไหม”


                !!!


                รอยยิ้มน่ารักโลกสว่างกลายเป็นยิ้มค้างทันทีที่ได้ยินคำถามจากคนอายุมากกว่า ดวงตาเรียวสวยกลอกไปมาคล้ายเจ้าตัวกำลังคิดหาคำตอบดีๆ หากแต่แต่คำตอบดีๆที่ว่าก็กลายมาเป็นภาพใบหน้าคมเข้มของใครบางคนไปเสียแทน เรียกสีเรื่อบนแก้มขาวให้อีกคนที่กำลังเลิกคิ้วจ้องมองขมวดสงสัย


                ดวงตาเรียวเล็กของแพคฮยอนหรี่ลงอย่างจับผิดอาการแปลกๆของคนอายุน้อยกว่า ไหนจะม่านกลมดำที่เสหลบเบนไปทางอื่นนั่นอีก บวกกับที่เมื่อคืนปาร์คชานยอลมารหัวใจตัวโตออกไปไล่โอเซฮุนกลายๆโดยที่เขาถูกบังคับให้อยู่ในบ้าน แล้วไม่นานนักคิมจงอินก็มาหา...


                “ก็ดีนะครับ”


                “ก็ดีสินะ”  เน้นหนักตรงคำว่าดีชัดเจน น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ถูกหยิบมาใช้ทันทีที่เจ้าตัวรู้สึกสนุกขึ้นมาหน่อยๆ ยามเห็นแก้มขาวๆที่มันแดงเถือกไปถึงใบหู พยอนแพคฮยอนล่ะชอบเหลือเกิน  “แต่ไม่คิดว่านอนกับคนบ้าก็ดีได้นะ”


                “หือ?”


                “ก็เมื่อคืนอ่ะ พอไอชานยอลมันห้ามเซฮุนนอนกับพี่ จงอินมันก็เดินเข้ามา แต่มันบ้าตรงที่มันเข้ามานั่งเฉยๆ ถามก็ไม่ตอบว่ามาทำไม แล้วสักพักมันก็เดินออกไป บ้าไหมล่ะ”


                “เหรอครับ”  กระพริบตาปริบคิดตามคำบอกเล่าของอีกฝ่าย ตั้งใจฟังยิ่งกว่าเสียงเพลงโปรดซะอีก


                “ใช่ ...นี่ถ้าน้องเซฮุนไม่ได้เข้าบ้านไปแล้วหลังจากโดนไอหยอยมันไล่นะ พี่จะคิดว่ามันออกมาตาม”


                !!!


                เป็นอีกครั้งที่แพคฮยอนทำให้โอเซฮุนรู้สึกจุกบริเวณลำคอ พูดไม่ออก ไม่รู้จะพูดอะไร ไม่มีอะไรจะพูด เซฮุนคิดว่ามันเหมือนกันเหลือเกินในตอนนี้ ม่านตากลมกลอกไปมาราวกับจะคิดทบทวนประโยคบอกเล่าและหาเหตุผลมาประกอบ ซึ่งเขาก็พบว่ามันไม่มี ไม่มีสักเหตุผลที่อีกคนจะออกมาตามเขา เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงจะเดินชนกันทำไม คนที่เมินกันขนาดนั้นจะออกมามองหากันทำไม


                แต่ความอบอุ่นของเมื่อคืนคืออะไร


                สัมผัสของก้านนิ้วที่แตะเบาปาดน้ำตาคืออะไร


                เพราะเขาเป็นลูกแม่ หรือว่าเจ้าตัวทำเพราะพ่อ


                “ผมว่าบางทีจงอินอาจจะไม่อยากนอนกับผม ก็เลยไปหาพี่มากกว่า ระหว่างผมกับจงอินก็มีแค่นี้แหละ ไม่ทะเลาะกัน ...ก็เมินใส่กัน”  ริมฝีปากแดงอ่อนยกยิ้มบาง หลุบตาต่ำมองผืนหญ้าราวกับว่ามันมีอะไรให้น่าสนใจเหลือเกิน


                ถ้าดูไม่ออกก็โง่เต็มทน ถ้าดูไม่ออกว่าโอเซฮุนกำลังเสียใจพยอนแพคฮยอนก็คงจะบื้อเกินไป เพราะทั้งน้ำเสียงและสีหน้าอีกฝ่ายได้แสดงมันออกมาโดยที่เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ว่ากำลังรู้สึกเหงาและเสียใจ เขาจับน้ำเสียงนั้นได้ น้ำเสียงของคนที่กำลังอยากทำอะไรสักอย่างให้มันดีขึ้นแต่ทำไม่สำเร็จ และยอมแพ้เพราะเหนื่อยเกินไป เหนื่อยจนอยากพัก...


                แต่คนที่โง่จริงๆก็คือเพื่อนเขา ไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงไม่ถูกกัน เพราะเขาไม่เห็นจะรู้สึกเลยสักนิดว่าทั้งคู่เกลียดกันอย่างที่ปากว่า


                “แต่พี่ไม่คิดแบบนั้นนะ”


                “....??....”


                “เอาล่ะ! พร้อมแล้วก็มาเล่นเกมกันดีกว่า!~ นั่งๆๆ”


                เสียงทุ้มเข้มที่ตะโกนเรียกเหล่านักศึกษาเป็นของชินฮเย เจ้าเพื่อนเจ้าบทบาทของคิมจงอิน โดยที่ประธานก็นั่งกินแรงอยู่บนเก้าอี้พลาสติกที่วางไว้สามสี่ตัวซึ่งถูกจับจองไปหมดแล้วโดยรุ่นพี่ทั้งสองและเพื่อนในสาขาอีกหนึ่ง คนไม่ถนัดเรื่องบันเทิงเลยได้แต่นั่งปั้นหน้าเรียบ ปล่อยให้เพื่อนคนอื่นๆจัดการ ทว่านัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มคอยเหลือบมองไปทางน้องชายที่นั่งคุยกะหนุงกะหนิงอยู่กับเพื่อนรัก


                ทอดเห็นแววหวานที่หยีกึ่งพระจันทร์เสี้ยวยามเจ้าตัวกำลังระบายยิ้มกว้างต้อนรับกายเล็กๆของแพคฮยอน และกิริยามากมายตั้งแต่เจ้าตัวนั่งลงบนผืนหญ้า


                “แพคฮยอนมึงไปนั่งทำไมตรงนั้น ออกมานี่ พาน้องเซฮุนออกมาด้วย”  หนึ่งชายหนุ่มพูดใส่ไมค์เรียกชื่อคนน่ารักประจำสาขา และมันก็ทำให้สายตาของนักศึกษาเกือบทุกคนหันขวับไปทางทั้งสองทันที


                นั่นก็รวมไปถึงคิมจงอินด้วย


                !!!


                และตอนที่ทั้งคู่กำลังลุกยืน โอเซฮุนก็เกิดอาการเซเล็กน้อยเพราะขาไร้เรี่ยวแรงชั่วขณะ ทำเอาคนที่นั่งมองอยู่ห่างๆเส้นกระตุกเผลอตัวขมวดคิ้วทำท่าเหมือนจะพุ่งเข้าไปช่วยพยุง ทว่าแขนเล็กที่พันรอบเอวคอดรับเอาไว้ได้ทัน ก่อนเซฮุนจะหันไปยิ้มขอบคุณแพคฮยอนพลางหัวเราะเล็กน้อยอย่างขำๆ


                “โอยทำไมรอบตัวกูถึงดอกไม้บานขนาดนี้ แพคฮยอนก็น่ารัก น้องเซฮุนก็หน้าโคตรสวย ผู้ชายอะไรกันวะเนี่ย!!


                “นี่ถ้าเอาพี่ลู่หานไปรวมอยู่ด้วยนะ ชีวิตกูพังงงง”


                “เสียดายชิบหาย พี่ลู่หานกับแพคฮยอนแม่งมีเจ้าของละ แถมเจ้าของดุอย่างกะหมา โชคดีของกูที่น้องเซฮุนยังว่าง”


                ว่าก็ว่าไป แต่หนุ่มๆคงไม่ทันสังเกตเห็นความหงุดหงิดและประกายตาคมกริบบนใบหน้าของคุณพี่ชายที่นั่งเงี่ยหูฟังอยู่ไม่ไกล ราวกับจงใจจะแกล้งยั่วโมโห ทั้งๆที่รู้กันอยู่แล้วว่าคิมจงอินหวงน้องจะตายไป


                “ถึงจะว่าง แต่พวกมึงจะไม่หันไปมองหน้าพี่ชายเขาหน่อยเหรอ”  ชินฮเยเบนไมค์ออกเล็กน้อยก่อนจะหันมาร่วมสนทนาพาเพลินพยักพเยิดหน้าไปทางเจ้าของผิวสีน้ำผึ้งที่นั่งตีหน้าเรียบได้ไม่เนียนเท่าไหร่ในสายตาของคนรู้ทันเช่นเขา


                “ไม่เห็นมันจะว่าอะไร”


                ชินฮเยหัวเราะเบากับประโยคของเพื่อนสนิทในกลุ่ม ดวงตาคมมองตามการเคลื่อนไหวของเซฮุนที่เดินมานั่งลงบริเวณที่ปีสามและสี่นั่งอยู่


                “อ๊ะๆๆ น้องเซฮุนมานี่เลยครับ ยังไม่ได้แนะนำให้น้องๆรู้จักอย่างเป็นทางการเลย เมื่อวานตอนเปิดค่ายประธานมันพูดไม่เคลียร์”  เหลือบสายตายามพาดพิงเล็กน้อย สบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่จ้องเขาอย่างดุๆปนหงุดหงิดนิดๆ แต่ไหนเลยคนตัวโตกว่าอย่างเขาจะกลัว กลับหันไปพูดใส่ไมค์หน้าตาเฉย  “มาจับคู่เล่นเกมกันดีกว่า ขออาสาสมัครสิบคนนะ ออกมาเป็นคู่เลย”


                จบประโยคเหล่านักศึกษาชายปีหนึ่งต่างก็ให้ความร่วมมือโดยการถีบส่งเพื่อนด้านข้างก้าวออกมายืนด้านหน้าอย่างกล้าหาญ ผู้หญิงในคณะนี้ถือว่าค่อนข้างน้อยจนนับจำนวนได้ ส่วนมากเกินครึ่งของสาขานี้จะเป็นผู้ชาย ผู้หญิงจะไปอยู่พวกวิศวกรรมอย่างอื่นเสียมากกว่า แต่นี่ไม่ใช่ประเด็น สายตานับร้อยคู่จ้องไปทางชินฮเยที่กำลังค้นๆอะไรในกล่องกระดาษที่วางอยู่บนเก้าอี้


                “คู่ไหนแพ้จะต้องโดนล็อคข้อมือติดกันทั้งวัน อภินันทนาการจากนี่เลย...”


                เผยโฉมวิธีการลงโทษเมื่อกุญแจมือสีเงินวาวปรากฏสู่สายตาของทุกคน นักศึกษาปีหนึ่งส่งเสียงโฮลั่นพลางนึกภาพคนแพ้ที่ต้องตัวติดกันเป็นตังเมตลอดเวลา แค่คิดก็รู้สึกลำบากเกินอธิบาย บ้างนั่งหัวเราะเพื่อนที่ออกมาร่วมการแข่งขันแล้วต้องจับคู่กัน บ้างก็สงสัยว่ารุ่นพี่พกของพรรค์นี้มาทำไมกัน


                “อ้าว ลืมน้องเซฮุน เฮ้ย จงอินมึงออกมาเล่นคู่น้องมึงหน่อยดิ๊”


                “ไม่เล่น”


                “จงอิน มึงออกไปดิ”  กลับเป็นพยอนแพคฮยอนเพื่อนตัวเล็กที่ดันแผ่นหลังกว้างยิกๆ ใบหน้าหวานพยักพเยิดให้เจ้าของผิวสีน้ำผึ้งก้าวออกไปร่วมเล่นเกม ทว่าอีกคนก็ยังทำเฉยได้น่าหมันไส้ที่สุด คนน่ารักที่นั่งกับพื้นหญ้าเลยยันตัวคุกเข่ายืดคอกระซิบ  “มึงไม่เล่น น้องคู่กับคนอื่นแพ้ขึ้นมา อย่ามาหงุดหงิดให้กูเห็นนะ”


                !!!


                อาจจะไม่มีใครสังเกต แต่พยอนแพคฮยอนที่กำลังต้อนเพื่อนตัวเองเห็นว่านัยน์ตาสีน้ำตาลมันเบิกน้อยๆก่อนจะถูกกลบเกลื่อนไป ใบหน้าคมเข้มเรียบนิ่ง หากแต่ม่านกลมๆแอบชำเลืองไปทางโอเซฮุนซึ่งกำลังยืนก้มหน้าหลุบสายตาต่ำมองพื้นสีเขียว


                “ชินฮเย จงอินมันบอกจะเล่น”


                “เฮ้ย!  และแล้วแรงที่แพคฮยอนรวบรวมใช้ก็ส่งผลเมื่อกายสูงของจงอินเซถลามาด้านหน้า ใกล้กับโอเซฮุนที่ช้อนดวงตาวาวใสขึ้นมองด้วยความแปลกใจ เขาเองก็เผลอมองลึกเข้าไปในแววหวานคู่สวยที่กลอกกลิ้งไปมา มันใสซื่อซะจน...


                “เออ เอาน้องมึงไป เดี๋ยวกูไปหยิบอุปกรณ์ก่อน”


                !!!


                หากแต่วินาที่ต่อมาหน้ากากที่แสนเบาบางกลับหลุดออกกะทันหันเมื่อกายผอมของน้องชายปลิวเข้าสู่อ้อมอก...


                ชินฮเยตัวการที่เป็นคนผลักหลังเซฮุนเบาๆไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาว เพียงริมฝีปากหยักได้รูปที่กระตุกยิ้มขึ้นข้างหนึ่ง ใครจะรู้ว่าทั้งแพคฮยอนและชินฮเยแอบยักคิ้วให้กันและกัน


                ม่านกลมสองคู่สบประสานราวเนิ่นนานในความรู้สึก แววหวานสั่นระริกน้อยๆเมื่อสัมผัสที่เอวมีการเคลื่อนไหว เป็นคิมจงอินที่จับแนวคอดเล็กทั้งสองข้างเบาๆก่อนจะดันอีกฝ่ายออกห่าง หลบเลี่ยงดวงตาเรียวที่ดูสับสนด้วยการหมุนตัวหันไปทางนักศึกษามากมายที่นั่งมองกันตาปริบๆโดยไม่ได้เอะใจอะไร


                เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้โอเซฮุนไม่ค่อยเป็นตัวเองเท่าไหร่นัก ใบหน้าขาวก้มลงมองพื้นประหนึ่งมันมีอะไรน่าสนใจเสียยิ่งกว่าเสียงของรุ่นพี่ตัวการที่พูดใส่ไมค์ปาวๆ ประสาทรับรู้เพียงแค่บุคคลที่ยืนด้านข้าง เซฮุนคอยเหลือบสายตามองเป็นระยะอย่างไม่ให้อีกฝ่ายรู้ เหมือนกับเมื่อเช้าไม่มีผิด ดวงตาแบบนั้น นัยน์ตาคู่นั้นของคิมจงอินไม่ได้มีความเย็นชาเหมือนกับที่ผ่านมา และมันก็มีผลกับหัวใจดวงน้อยๆของโอเซฮุนเหลือเกิน เมื่อมันเต้นเสียงดังจนน่าอาย


                “น้องๆเล่นก่อนแล้วปิดท้ายด้วยรุ่นพี่ไปเลย”


                “เดี๋ยว.. นั่นอะไร”


                “มึงตาบอดหรือไงคิมจงอิน กระดาษไงกระดาษ”


                “กูรู้ว่ากระดาษ แต่มึง...”


                “กูจะให้เล่นเกม ส่งกระดาษด้วยปาก คู่ไหนทำเวลาน้อยที่สุดชนะ ส่วนคนที่แพ้ก็โดนลงโทษ เห็นกันแล้วนะว่าวิธีลงโทษของกูน่ากลัวมากขอบอก”


                แล้วการแข่งขันก็ดำเนินไปเรื่อยๆ โดยเริ่มจากน้องๆที่เป็นผู้หญิงซึ่งมีอยู่คู่เดียวในเกม หญิงสาวสองคนส่งกระดาษให้กันอย่างต่อเนื่องและทำเวลาได้ดีมากจนคนอื่นๆครวญคราง เพราะคู่ตัวเองดันเป็นผู้ชายเสียอย่างนั้น ก่อนส่งมันก็ต้องทำใจระดับหนึ่งถึงปานกลาง แต่อย่างว่าแหละ ผู้ชายเกาหลีอย่างเราๆไม่เคยกลัวเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว เกมอะไรมาเราก็จัดไป


                จะมีก็แต่โอเซฮุนที่ยืนมองปริบๆกลอกตาตามการเคลื่อนไหวของคู่แต่ละคู่ ภาพในหัวเริ่มปรากฏเป็นตัวเองและคิมจงอินพี่ชายนอกสายเลือดกำลังทำอย่างที่คนอื่นๆทำ ผิวแก้มใสก็แดงเรื่องขึ้นมาอย่างน่ารักน่าเอ็นดู พร้อมก้มหน้าลงจนคางแทบจะชิดอก ดวงตาเรียวเบิกน้อยๆพลางสะบัดหัวไปมาจนกลุ่มผมนุ่มสีน้ำตาลอ่อนปลิวไหว


                คิมจงอินที่มองคนด้านข้างมากกว่าจะสนใจเกมจิ๊ปากเบาๆ ก็ทำไปอย่างนั้น ก็ทำเพราะเห็นว่าแก้มขาวๆมันแดงเรื่อ คิมจงอินไม่ได้โง่ที่จะมองไม่ออกว่าอีกคนกำลังเขิน แต่จะเขินไปทำไม ในเมื่อเขาคือคนที่โอเซฮุนเกลียดขี้หน้าขนาดนั้น


                แล้วทำไมต้องหน้าแดง


                ทำไมต้อง ..น่ารัก


                ความจริงที่เห็นอยู่ตรงหน้ายังไม่เท่ากับเสียงก้อนเนื้อตรงหน้าอกด้านซ้ายที่ทำให้เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ มันดังจนเหมือนจะทะลุออกมาอย่างไรอย่างนั้น เสียงเพลงที่ดังเร้าเพิ่มจังหวะและสีสันของเกมไม่อาจทำให้นัยน์ตาสีน้ำตาลหลุดออกจากใบหน้าหวานสวยของโอเซฮุนได้เลย มันพราวระยับอย่างที่เจ้าตัวก็ไม่มีโอกาสได้รับรู้


                จนกระทั่ง แววหวานช้อนขึ้นหวังดูความเคลื่อนไหวของกิจกรรมนันทนาการสุดบันเทิงที่รุ่นพี่กล่าว หากแต่ม่านกลมสีดำกลับสะดุดกับแววคมเข้มซึ่งทอดนิ่งไปทางเขา


                “ฉันไม่ได้บอกให้นายมาเล่น มองแบบนี้จะโทษกันอีกหรือเปล่า”  เลิกคิ้วไม่เชิงเป็นคำถาม หากแต่คำพูดมันดูน้อยอกน้อยใจ เช่นกันกับดวงตาเรียวคู่สวยที่สั่นไหว และน่าแปลกที่ครั้งนี้เหมือนคิมจงอินจะจับสังเกตได้ชัดเจน  “ไม่ได้อยากเล่นเหมือนกันนั่นแหละ เกมบ้าเกมบออะไรก็ไม่ร..!!?..”


                “โอ้โหจงอิน มึงกับน้องนี่เตรียมพร้อมเลยนะ รอกระดาษก่อนก็ได้ ไม่ต้องรีบเอาหน้าไปใกล้กันขนาดนั้น”


                เสียงทุ้มเข้มของชินฮเยไม่ได้กระทบประสาทการรับรู้เลยสักนิด เซฮุนเบิกตากว้างอย่างตกใจที่จู่ๆตนก็ถูกกระชากแขนให้เข้าไปใกล้ เข้าไปเบียดชิดกับอีกฝ่าย แววหวานยิ่งสั่นระริกเกินจะควบคุม กลอกมองใบหน้าหล่อเหลาของพี่ชายนอกสายเลือดที่อยู่ห่างเพียงลมหายใจสัมผัส


                “ทำไม? ก็แค่ส่งกระดาษ ผู้ชายด้วยกัน ฉันไม่มีอะไรต้องคิดมากอยู่แล้ว”  ลมร้อนเป่ารดกลีบริมฝีปากแดงอ่อนยามเอ่ยถ้อยคำ จ้องลึกเข้าไปในม่านกลมสีดำวาว ราวกับกำลังพยายามเอาชนะคนอายุน้อยกว่า


                “โทษนะครับ สนใจกูนิดนึง ..ใครจะเป็นคนส่ง”


                “ผมเอง”  แล้วเขาจะทำให้ดูว่าโอเซฮุนก็ไม่ได้มีอะไรที่ทำให้ต้องคิดมากเหมือนกัน!


                “โอเค เริ่มได้!


                เสียงเพลงเร้าคลอไปกับเสียงเฮของเหล่านักศึกษา คนผิวขาวลังเล็กน้อยแต่ก็หยิบกระดาษบนโต๊ะใกล้ๆขึ้นมาถือ ไม่ได้ใจเย็นจนลืมว่ามีนาฬิกาจับเวลา ทว่าให้ตายเถอะ ทำไมมันบางโปร่งแสงขนาดนี้ล่ะ


                ยู่ปากนิดๆอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ได้แต่นำมาแนบกับริมฝีปากของตัวเอง เผยอกลีบเคลือบใสใช้ลมรั้งเบาๆ ก่อนจะเงยขึ้นส่งต่อให้อีกฝ่ายที่รออยู่ก่อนแล้ว โอเซฮุนตกใจรอบสองเมื่อริมฝีปากอิ่มสวยก้มลงมาแนบสนิท ความอุ่นร้อนเหมือนจะเผาร่างกายของเขาให้ละลายลง ยิ่งทันได้เห็นเปลือกตาที่ช้อนขึ้นสบก่อนจะละจากไป เขาก็แน่ใจแล้วว่าเสียงตึงตังนั้น ไม่ใช่บีทของเพลง หากแต่เป็นหัวใจของเขาเอง...


                รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่จงอินหันกลับมา เซฮุนก็หลุดออกจากภวังค์ มือไม้สั่นหยิบกระดาษสี่เหลี่ยมแผ่นต่อไปมาแนบกับริมฝีปากของตัวเองเช่นเคย และเช่นเคยที่ราวกับริมฝีปากของเขาโดนแนบสนิทอย่างไม่ลังเล เหมือนไร้ซึ่งกระดาษกลั้นกลาง เหมือนอีกฝ่ายก็แค่ทำไปตามเกม


                “ส่งให้มันเร็วๆหน่อย”


                พอถูกเร่ง โอเซฮุนที่สติและสมาธิหายก็ยิ่งลนลาน มือขาวจับกระดาษไว้ในมือ หากแต่เหมือนเขายังไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยมือออกจากกระดาษทั้งๆที่มันยังไม่ถูกตรึงไว้ดีนัก และคนที่เร่งก็รีบก้มลงมาโดยไม่ทันดู...


                !!!


                “ฮื้อ!~”  ครางหวานในลำคอประท้วงเบา ใบหน้าขาวเบนออกได้เล็กน้อย เปลือกตาบางหลับปี๋ปิดสนิท


                ท่าทางแบบนั้นราวกับกระชากวิญญาณของเขาออกจากร่าง กลิ่นหอมอ่อนๆลอยแตะจมูก กลิ่นหอมที่อาจจะเป็นแป้งที่อีกฝ่ายทาผิวแก้มใส กลิ่นหอมๆที่ไม่ได้เป็นฝ่ายลอยมาเอง หากเป็นปลายจมูกโด่งที่แตะเบาๆเข้าหามัน


                “หมดเวลา! ...ไม่ต้องนับคะแนน มองด้วยสายตากูก็ตัดสินได้ว่าคู่มึงแพ้แล้วคิมจงอิน”

     







    - - -
    เท่านี้ไปก่อนนะคะ T T พาร์ทนี้ฉากเดียวเลยก็จริง แต่มันไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีความเคลื่อนไหวนะ เค้าใช้ความรู้สึกของจงอินกับเซฮุนน่ะ อย่างน้อยความรู้สึกมันก็ก้าวหน้านะ (ข้ออ้างชริงๆ) ...โอ้ว เล่นเกมแพ้ นอนพักคิดฉากหวานๆของบทลงโทษก่อน ไม่อยากสัญญานะ แต่งพรุ่งนี้อยากลงตอน 10 อยากให้กลับจากค่ายแล้ว แต่ไม่รู้จะเสร็จไหม เอาเป็นว่าอย่าหวังมากนะคะ 

    ขอบคุณสำหรับคนที่ให้กำลังใจกันเสมอค่ะ คอมเม้นท์ดีๆที่เป็นกำลังใจให้กัน เค้าจำยูสของคุณได้นะคะ ใครที่เม้นท์ดีๆอ่านแล้วทำให้เค้ายิ้ม เค้าดีใจมากเลย ขอบคุณอีกครั้งนะคะ <3

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×