คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : [SF] Baby-sitter (6/8) --- Dongwoon x Gikwang
Title : [SF] Baby-sitter
Author : oumser
Pairing/Couple : Dongwoon x Gikwang
Rating : PG-15
Talk : เหนื่อยเลยอ่ะตอนนี้ ดูดพลังมาก
ขอให้ทุกคนชอบ *ลงอาคม* (ไอนี่เล่นของทุกพาร์ท ฮ่าฮ่าฮ่า)
6
ผมรักคุณ...
บรรจงวางร่างบอบวางที่เปียกชุ่มให้นอนลงบนเตียงกว้าง ซึ่งดงอุนก็เลือกที่จะใช้ห้องของตัวเองมากกว่าจะเป็นห้องเล็กของอีกคน อีกอย่าง หลายคืนที่ผ่านมา เราก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดบนที่นอนนุ่มนี้ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อละออกมายืนมองสภาพร่างกายสั่นเทาของลีกีกวัง แม้จะไม่ได้หมดสติไปเสียทีเดียว แต่อาการอย่างนี้ไม่มีทางเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนอนเองได้แน่นอน ซนดงอุนเชื่ออย่างนั้น
...แม่งเอ้ย!...
ดูเหมือนว่าคนตัวสูงจะสบถไปแล้วหลายรอบของวัน ทว่าไม่มีครั้งใดจะหนักใจเท่าครั้งนี้เลย ราวกับว่านี่มันคือการลงมือทำภารกิจสำคัญอย่างนั้นแหละ แน่นอนมันอันตรายมาก อันตรายต่อหัวใจ...
“ดงอุน... พี่หนาว...” บอกแล้วว่าลีกีกวังไม่ได้หมดสติ คนตัวเล็กยังรู้เรื่อง และรู้เหตุการณ์ รู้ความเป็นไป รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในสภาพไหน หากแต่ แม้แรงจะขยับเขยื้อนยังไม่มี กายบางสั่นพั่บ ใบหน้าขาวซีด อาการปวดหัวเริ่มสร้างความทรมานให้กับคนตัวเล็กจนน้ำตาซึม จึงได้แต่ส่งสายตาอ้อนวอนไปให้กับคนอายุน้อยกว่าที่ยืนทำหน้าเป็นกังวลอยู่ข้างเตียง
“งั้น... ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นะ” หากลองจับสังเกตดูจะรู้ว่าเสียงทุ้มมันสั่นอย่างไม่เคยเป็น หรือว่าดงอุนจะหนาวเพราะเจ้าตัวก็เปียกไม่ต่างกัน กายสูงเขยิบเข้าไปนั่งลงที่ขอบเตียงพร้อมทั้งลงมือเลิกเสื้อยืดที่อีกคนใส่อยู่ขึ้น เผยให้เห็นหน้าท้องเนียนขาว ตอนนี้แหละที่ดงอุนพบว่าตัวเองเหมือนคนติดยา มือสั่นขึ้นมาอย่างบังคับไม่อยู่ ได้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆพร้อมสบถในใจอีกหลายสิบหน
“เอ่อ พี่ต้องลุกขึ้นนะ” บอกเสียงเบาพลางสอดมือไปช้อนร่างเล็กๆให้ลุกขึ้นมานั่งซบกับไหล่ตัวเอง เสียงหวานครางเล็กน้อยเมื่อเจ้าตัวรู้สึกปวดตุบๆที่หัว เวลานี้ก็อยากจะโทษลีกีกวังอีกแล้ว ที่ยั่วกันเหลือเกิน
“ไม่โกรธ... พี่แล้ว... ใช่ไหมดงอุน...”
“เงียบเหอะ” อุ้มเข้ามาในบ้านขนาดนี้แล้วไง จะถามอะไรมากมาย เดี๋ยวพ่อปล้ำซะนี่ เพราะยิ่งลีกีกวีงพูด ความน่ารักมันยิ่งแผ่ซ่าน
เมื่อจัดการให้คนตัวเล็กนั่งได้ ดงอุนก็หันมาสนใจกับเสื้อยืดตัวดีต่อ เลิกมันขึ้นมาตามแนวแผ่นหลังก่อนจะถอดแล้วโยนๆมันออกไปได้สำเร็จ ทว่ากำลังจะจับกายบางให้นอนลงอย่างเดิม กลับรู้สึกได้ถึงแขนเรียวเล็กที่โอบล้อมรอบเอวจนเผลอสะดุ้งเล็กน้อย
ดงอุนผู้ไม่เคยผิด จะโทษอะไรดีต่อจากนี้ โทษความน่ารักของลีกีกวัง โทษอะไรก็ได้ที่ทำให้เขาใจสั่น...
“บอกพี่...มาก่อนนะ...” คนไม่สบายอารมณ์ยิ่งอ่อนไหวง่าย น้ำตาที่แห้งเหือดมันไหลลงมาอีกครา ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ได้รู้สึกอยากจะร้องไห้ อยากได้คำตอบ ว่าอีกคนไม่โกรธกัน...
“ผมแค่เสียใจ โกรธพี่ที่ไหนเล่า” มือใหญ่ของดงอุนพยายามดันคนตัวเล็กที่ซบกับลาดไหล่อย่างเบามือ แต่เหมือนอีกคนจะรั้งไว้สุดกำลังที่มีตอนนี้
“อืม ไม่โกรธ...แน่นะ” กระชับเอวแกร่งแน่น ถูใบหน้าเข้ากับไหล่กว้าง เหมือนแมวขี้อ้อนที่กำลังป่วยเสียไม่มี อย่างน้อยซนดงอุนก็คิดอย่างนั้น จะมาอยากรู้ อยากแน่ใจอะไรมากมายเล่า คนยิ่งเสียการควบคุมตัวเองอยู่
“ถ้าพูดมากอีก ผมจะโกรธจริงๆ” เท่านั้นและ หลังได้ยินวาจาเด็ดขาด แขนเล็กที่พันรอบเอวแกร่งก็ถูกปล่อยลงสู่ที่นอนนุ่มทันที กีกวังกลัวเหลือเกินล่ะว่าเด็กในความดูแลจะโกรธกัน
พอเอวปราศจากการเหนี่ยวรั้ง ดงอุนก็จับคนตัวเล็กที่เปลือยด้านบนให้ผละออก ...พระเจ้า... ดวงตาเรียวเล็กที่ช้อนขึ้นสบ ใบหน้าน่ารักที่จางไปด้วยคราบน้ำตาเล็กน้อย ปากกลมแดงที่เคยสัมผัส รู้ตัวอีกที...
“อื้ม...” ก็ได้ยินเสียงครางหวานในลำคอยามตอบรับรสจูบ ดูเหมือนลีกีกวังจะเป็นมากกว่าก่อนเยอะ เพราะพักหลังๆมานี้ซนดงอุนก็ขยันสอนให้เหลือเกิน เรียกได้ว่า ทำอะไรไม่เข้าตาหน่อย ทำอะไรให้รำคาญหน่อย พ่อคนหล่อก็จับจูบตลอด
เมื่อไหร่ไม่อาจรู้ จังหวะนี้ไม่มีใครรู้อะไรอีกแล้ว แม้กระทั่งตัวของลีกีกวังและซนดงอุน แผ่นหลังเนียนค่อยๆทาบลงกับที่นอนนุ่มตามแรงผลักดันของคนอายุน้อยกว่า ก็ไม่ได้รีบ ก็ไม่ได้เร่งเร้าอะไร เพียงแต่แค่อารมณ์มันพาไป เท่านั้นเอง...
ก่อนริมฝีปากหยักลากผ่านลำคอขาว ดงอุนไม่ลืมที่จะกดจมูกหนักๆลงที่ข้างแก้มเนียน กีกวังหลับตารับสัมผัสอบอุ่นนั่นก่อนจะลืมขึ้นสบกันใกล้ๆ ไม่มีคำพูดใดๆ ทุกอย่างก็ส่งผ่านทางดวงตาและรอยยิ้มบางเบา ความต้องการในร่างกายเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ ดงอุนเลือกที่จะก้มลงสนใจร่ายกายขาวเนียน โดยเริ่มจากลำคอ ลากไล้ลงมาถึงกระดูกไหปลาร้า ขบเม้มที่ผิวขาวใสสักนิดให้เกิดรอยแดง ชอบนัก การแสดงความเป็นเจ้าของ ไม่ต้องบอกหรือไม่ต้องสั่ง ดงอุนก็คิดว่าจะทำมันทุกส่วน
...ก็ลีกีกวังเป็นของเขา... แล้วก็กำลังจะเป็นอย่างเต็มตัว...
คำถามคือ อาการปวดหัวไปไหน แน่นอนมันยังคงอยู่ เพียงแต่... เพียงแต่สัมผัสอบอุ่นของอีกคน กลบมันเสียจนหมด มือร้อนที่ลากผ่านตามส่วนต่างๆของร่างกาย เหมือนเป็นยาชั้นดีคอยบรรเทาอาการเหล่านั้น แทนที่ด้วยความรู้สึกวาบหวามแบบใหม่ๆ ดูเหมือนว่าลีกีกวังจะไม่ได้ตัวร้อนเพราะเป็นไข้ แต่กำลังเป็นอย่างอื่นซะมากกว่า
“อื้อ!” การกระทำที่เอาแต่ใจ ริมฝีปากหยักทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีตามคำสั่งของความต้องการ ฟันขาวขบจนเกิดรอยใต้จุดที่เป็นกระดูซี่โครงบริเวณหน้าท้อง มือใหญ่ข้างหนึ่งประสานไว้ด้วยกันกับอีกคน อีกข้างก็จับเข้าที่เอวคอดสวย พร้อมก้านนิ้วเรียวเกลี่ยไปมา เท่านั้นมันก็ทำให้กีกวังแทบลืมสติ
ต่ำลงมาและต่ำลงมา อาการสะท้านของคนตัวเล็กยิ่งมีมากขึ้น เช่นเดียวกับความต้องการของกายสูง ไม่รอช้าสองมือที่จับประสานหรือลากไล้บนผิวเนียน เลื่อนมายังจุดต่อไป
“ผมจะเริ่มแล้วนะ” ก่อนจะลงมือเสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหู ยังมีหน้ามาพูดอีกหรือว่ากำลังจะเริ่ม มาถึงตอนนี้นี่ยังไม่เริ่มหรือยังไง... หากแต่คำว่าเริ่มของซนดงอุนในที่นี้หมายถึง ...เริ่มเอาจริงต่างหากล่ะ
ไม่ทันได้รับคำตอบเสียด้วยซ้ำไป มือใหญ่ก็จัดการปลดกางเกงยีนส์ที่เปียกชื้น กางเกงตัวเล็กจิ๋ว และเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมด
ถึงเวลานี้ ลีกีกวังแทบอยากจะกดหน้าลงไปในหมอนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ปลายสายตาแอบเห็นว่า ดงอุนมองเขาด้วยดวงตาแบบใด เท่านั้นเรี่ยวแรงที่ไม่ค่อยจะมีในตอนแรก กลับหมดลงอย่างไม่เป็นท่า อ่อนปวกเปียก เราจะเรียกว่าเป็นอย่างนั้น
กายสูงที่ลงมาทาบทับ สูดดมความหอมจากซอกคอ ทว่าความรู้สึกต่อมา ร่างเล็กๆต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อมือใหญ่ล่วงล้ำความเป็นตัวเอง
“ด...ดงอุน” ละล่ำละลักออกมาไม่เป็นภาษา มือบางจับเข้าที่ไหล่หนาของคนอายุน้อยกว่า ดวงตาเรียวเล็กกระพริบปริบเบิกกว้างเล็กน้อยอย่างตกใจ
...หรือเขาจะรุกเร็วไปกันนะ...
“คือ พ...พี่...”
“กลัวหรือไง” มุมปากหยักยกยิ้มเมื่อใบหน้าหวานที่แดงจัดพยักหงึกๆทันที ...ไร้เดียงสาเหลือเกินนะลีกีกวัง
“กลัวทำไมเล่า มีผมอยู่ทั้งคน”
คำปลอบใจสั่วๆที่ใช้ มันน่านักที่จะฟาดมือลงไปให้รู้สึกเจ็บ เพราะมีซนดงอุนไม่ใช่หรือไง นั่นน่ะน่ากลัวที่สุดในชีวิตน้อยๆของลีกีกวังแล้ว
“ทำหน้าอย่างนี้ แน่ใจว่ากลัวจริงๆ” กระซิบที่ข้างหูอย่างต่อเนื่อง เล่นเอารู้สึกขนลุกและใจสั่น
“ถ้ากลัว... แล้วทำไมยังยั่วอยู่ได้”
ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแหละ ก็บอกแล้วว่าซนดงอุนเป็นคนเอาแต่ใจ ย้ำด้วยว่าค่อนข้างมากๆ เดี๋ยวจะเปลี่ยนจากความกลัวไร้สาระนั่น ให้เป็นเสียงครางเหอะคอยดู...
“ไม่อยู่เหรอครับ ทราบไหมครับว่าไปไหน”
“ขอโทษนะดูจุน แต่น้าไม่รู้หรอกจ้ะ”
“งั้นไม่เป็นไรครับ วันหลังผมจะมาใหม่ ขอบคุณมากนะครับ”
คนตัวสูงก้มหัวเก้าสิบองศาอย่างมีมารยาทให้กับคุณนายยัง แม่ของโยซอบ คนตัวเล็กที่หลังคืนฝนตกผ่านพ้นไปดูเหมือนพยายามจะหลบหน้ากัน เป็นเวลาสามวันดูจุนเห็นแค่เงาและแผ่นหลัง เสียงแว่วหวานที่เคยเจื้อยแจ้วอยู่ข้างหู หายไปพร้อมกับความร่าเริงของอีกคน เพื่อนข้างบ้านตัวเล็ก กำลังเข้ามามีอิทธิพลแบบไม่รู้ตัว...
ทันทีที่ก้าวขาออกจากรั้วบ้านหลังใหญ่ ประตูก็เลื่อนปิดเองอัตโนมัติ ดูจุนถอนหายใจเล็กน้อย รู้สึกอึดอัดตรงหน้าอกอย่างประหลาด ไม่เห็นคนน่ารักมาคอยวุ่นวายแล้วมัน... เหมือนจะหายใจไม่สะดวกเอาซะเลย
ก้าวขาเตรียมจะเดินกลับเข้าบ้านของตัวเองที่อยู่หลังข้างๆ ถึงอย่างนั้นด้วยความที่ทำประจำจนติดเป็นนิสัย คนตัวสูงไม่ลืมที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าต่างบานที่หันหน้าเข้าหาถนน ชั่วแวบเดียวที่สบตา ก่อนคนด้านในจะปิดม่านหนีไป
“โยซอบ” ร้องเรียกออกมาแผ่วเบา ไม่คิดว่าอีกคนจะไม่อยากเจอหน้าเขาถึงขนาดให้คุณน้าช่วยโกหก หัวคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจอีกแล้ว ยุนดูจุน
...สับสนเหลือเกิน คนที่เขารักมีแค่ลีกีกวัง แล้วทำไม...
กิ๊งก่อง~
ลืมบอกไป ว่านิสัยอีกอย่างนึงของยุนดูจุนก็คือ ถ้าลองได้สงสัยอะไรแล้ว ไม่เข้าใจอะไรขึ้นมาแล้ว ไม่รอช้าผู้ชายคนนี้ก็พร้อมจะหาคำตอบ ดังนั้นมือใหญ่ที่ยื่นไปกดกริ่งหน้าบ้านครอบครัวยัง มันก็บอกได้เป็นอย่างดีแล้วว่า... เขาต้องคุยกับยังโยซอบให้รู้เรื่อง!
มือนิ่มทาบทับตรงหน้าอกวัดอัตราการเต้นของก้อนเนื้อน้อย เผลอกลั้นหายใจไปชั่วครู่ยามสบตากับดูจุนที่ยืนอยู่ด้านล่าง แผ่นหลังพิงเข้ากับผนังที่เดิมไม่ได้เดินไปไหนไกล ...เห็นแล้ว ถูกเห็นเข้าแล้ว จะทำอย่างไรดีในเมื่อลงทุนให้แม่ช่วยโกหกขนาดนั้น รู้แน่ๆ ยุนดูจุนต้องรู้แน่ๆว่าเขาไม่พร้อมเจอหน้า ไม่อยาก ไม่อยากเห็นภาพของวันนั้นเลย ภาพของยุนดูจุนที่แอบรักกำลังจูบกับคนอื่น...
โยซอบรู้เสมอว่าตัวเองไม่เคยเข้าไปในหัวใจ ไม่เคยแทนที่คนคนนั้นได้เลย ไม่เคย อยากจะรัก แม้เป็นเพียงการแอบรัก หากแต่วันนี้ความรู้สึกมันมากเกินไป ทนไม่ได้แล้ว โยซอบทนกับความอบอุ่นของยุนดูจุนไม่ได้แล้ว ผู้ชายคนนี้แสนดีเกินไป ยิ่งอยู่ใกล้ๆเขาก็ยิ่งรัก...
ถ้าจะเป็นอย่างนั้น ถ้าจะทรมานแบบนั้น ขออยู่ให้ห่าง ขออยู่ให้ไกล ไกลจากยุนดูจุน จะดีกว่า...
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
สะดุ้ง!
ความคิดทั้งหลายแตกกระเจิง กายบอบบางสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องนอน ดวงตากลมกลอกไปมา ริมฝีปากนิ่มเม้นแน่น ก่อนจะตะโกนออกไป
“ใครครับ!”
“.......ผมเอง” รอไม่นานนักเสียงทุ้มก็ตอบกลับมาเหมือนอีกคนกำลังชั่งใจที่จะขานรับ เผลอใจเต้นแรงเมื่อรู้แล้วว่าคนที่อยู่หลังบานประตูนั่นเป็นใคร
จะมาทำไมอีก จะขึ้นมาหาเขาทำไม ความจริงไม่ต้องสนใจคนวุ่นวายอย่างเขาก็ได้ แค่เดินจากไป แค่เดินเข้าบ้านไป ไม่ได้หรือไงนะ อยากจะเห็นเขาร้องไห้หรือยังไง อยากจะเห็นเขาทนไม่ไหวหรือยังไงกัน ...ยุนดูจุน...
“ให้ผมเข้าไปนะโยซอบ” ทอดเสียงอ่อนเสียจนคนตัวเล็กสั่นคลอน อยากจะเดินไปเปิดให้เหมือนทุกที แต่เวลานี้คิดไม่ออกว่าจะทำหน้าอย่างไร จะยิ้มให้ จะเป็นปกติ หรือแค่เห็นหน้า เขาก็จะร้องไห้กันนะ
“ผมอยากคุยกับคุณ อยากรู้ด้วยว่าคุณเป็นอะไร แล้วผม...เป็นอะไร”
เสียงทุ้มยังดังอยู่ข้างนอกอย่างต่อเนื่องโดยที่คนตัวเล็กเจ้าของห้องนอนไม่ได้เอ่ยปากตอบกลับไป หรือเขาจะทำไม่ได้ ยังโยซอบทำไมได้ เพราะเพียงแค่เสียง แม้ไม่ได้เห็นหน้า ขอบตามันก็ร้อนจนอยากจะหลั่งน้ำตา และถึงแม้ว่ามันจะเป็นอย่างนั้น แต่ขาทั้งสองข้างก็เดินเข้ามาใกล้ประตูเสียแล้ว
แกร็ก!
ทันทีที่บานประตูเปิดออก ใบหน้าหล่อที่เป็นกังวลก็ปรากฏสู่สายตา แต่มันช่างพร่ามัวเหลือเกิน เมื่อหนึ่งหยดที่ไหลลง ทำให้รู้ตัวว่าตนกำลังร้องไห้ต่อหน้ายุนดูจุน
หากแต่เวลานี้ไม่ทันแล้วที่จะซ่อนความอ่อนแอ ปากนิ่มที่เม้มแน่นพยายามกลั้นเสียงสะอื้นที่อาจจะเล็ดลอดออกมา
ความรู้สึกแบบนี้ก็เพิ่งเคยเป็น สงสารหรืออย่างไร ทำไมทรมานขนาดนี้ เห็นน้ำตาของยังโยซอบ ยุนดูจุนก็เหมือนจะหายใจไม่ออก...
“คุณร้องไห้” ดูจุนก้าวขาเข้ามาด้านในห้องนอนของคนตัวเล็กพร้อมกับปิดประตูลง ก่อนจะเอื้อมมือขึ้นมาเช็ดเบาๆที่พวงแก้มเนียน เท่านั้นแหละที่ยังโยซอบไม่อาจทนไหว ปล่อยก้อนสะอื้นเบาๆออกมาทันที
ข้อมือเล็กที่ถูกดึง โยซอบเดินตามการชักนำของดูจุน กายสูงทรุดตัวนั่งลงที่ปลายเตียง ทว่าตกใจยิ่งกว่าคือการที่อีกคนรั้งร่างเล็กๆให้ลงไปนั่งบนตักอย่างไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับเสียงสะอื้นเบาๆของยังโยซอบหยุดลงในทันใด
“ขอกอดนะ”
ไม่รู้ ไม่เข้าใจอีกแล้ว เบื่อตัวเองเหมือนกัน แต่แค่อยากกอด แล้วเขาก็จะกอด มือใหญ่สอดเข้าคล้องเกี่ยวเอวบางพร้อมกระชับรั้งอีกคนให้เบียดชิดกันมากกว่าเดิม หลับตาซบหน้าลงกับลาดไหล่ รู้สึกดีจนต้องอมยิ้มน้อยๆออกมา
...หรือว่าคนที่เขารัก จะไม่ใช่ลีกีกวังมาตั้งนานแล้วนะ...
...หรือว่ายุนดูจุน...จะเริ่มเข้าใจตัวเอง...
...หรือว่าคนที่เขารัก คือยังโยซอบ เป็นอย่างนั้นใช่ไหม...
“บอกผมได้ไหม ว่าทำไมต้องหลบหน้ากัน”
“ดูจุน คุณอย่าทำแบบนี้ อย่าดีกับผมให้มากนัก”
“ทำไมล่ะ”
“คุณกำลังทำร้ายผมอยู่...”
“ยังไง บอกผมสิ” กอดกระชับเอวบางให้แน่นกว่าเดิม ดูจุนพอใจที่จะอยู่อย่างนี้ พอใจที่จะทำทุกอย่างให้ยังโยซอบ แม้ว่าบางทีเขาก็ไม่รู้ตัว สุดท้ายมันก็กลายเป็นความเคยชิน จนยากหากจะเลิก จนยากหากจะอยู่โดยไม่มีอีกคนยืนข้างๆกัน
“คุณไม่ได้รักผม...”
“รู้ได้ยังไง ตัวผมเองยังไม่รู้เลยนะ ว่าผมรักคุณหรือเปล่า”
เผลออีกแล้ว โยซอบเผลอใจเต้นแรงไปกับคำพูดที่แสนอบอุ่นนั่น ไหนจะแขนแกร่งที่โอบล้อมรอบเอว มันมากขึ้นอีกแล้วความรักของเขา
“แต่วันนั้น...”
“กีกวังเป็นเพื่อน เพื่อนที่แสนดี” แทรกขึ้นมาด้วยเพราะรู้ว่าคนตัวเล็กกำลังจะพูดอะไร
“แต่คุณก็รักเขามาตลอด”
“นั่นมันก่อนที่ผมจะได้เจอคุณ เจอกับยังโยซอบ คนที่ย้ายบ้านมาอยู่ข้างๆกัน หัวใจของผมมีความสุข มันบอกอย่างนั้น”
“...”
“แต่คุณทำร้ายมัน ด้วยการหลบหน้า มันบอกผมว่ามันเจ็บ มันบอกอย่างนั้น”
“...”
“ผมไม่ค่อยเข้าใจมันนักหรอก ว่าแค่เพื่อนข้างบ้าน แค่คนที่คอยมาพูดเสียงเจื้อยแจ้ว แค่คนที่คอยมาทำให้ยิ้มได้ทุกเวลา แค่นั้น ทำไมต้องรู้สึกดีมากมาย ทำไมต้องเต้นเสียงดัง ทำไมกันนะ...”
“...”
“ก็แค่เพื่อนตัวเล็กที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แค่หันหลังให้กัน แต่มันบอกว่าเจ็บปวดเหลือเกิน”
“...”
“คุณไม่ใช่คนใจร้าย อยู่ปลอบมันหน่อยจะได้ไหม ช่วยปลอบมันไปตลอด ทำได้ไหมยังโยซอบ”
“...”
“ช่วยให้ผมรู้ตัวที ว่าผมรักคุณมากแค่ไหน...”
To be con.
หลายคนเรียกร้องเร็วๆ บวกกับเค้าขี้เกียจทำอย่างอื่น โช๊ะ! ออกมาเป็นตอนที่ 6 แบบที่เห็น ฮ่าฮ่าฮ่า
รักดูซอบอ่า นี่มันอุ่นกวางนะ >< รักซอบไม่ไหวแล้วอ่า
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและเม้นให้กำลังใจกันค่ะ ^^
ความคิดเห็น