คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : [SF] Baby-sitter (5/8) --- Dongwoon x Gikwang
Author : oumser
Pairing/Couple : Dongwoon x Gikwang
Rating : PG-13
ขอให้ทุกคนชอบ *ลงอาคม*
5
เพื่อนเก่า...
“จะไปแล้วนะ” ซนดงอุนในชุดนักเรียนหันหน้ามาพูดกับพี่เลี้ยงด้วยท่าทางหงุดหงิดเล็กน้อย รู้ได้จากหัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเหมือนยามที่เจ้าตัวรู้สึกไม่พอใจอะไรสักอย่าง
“อื้อ เดินทางดีๆนะ” กีกวังที่ออกมาส่งดงอุนหน้าบ้านเอ่ยยิ้มๆ พลางเอื้อมมือไปเช็คความเรียบร้อยของชุดนักเรียนบนกายสูง ท่าทางไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบนั้นเห็นแล้วซนดงอุนอยากจะหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม ลิ้นหนาดุนข้างแก้มอย่างเบื่อหน่าย
“ผมบอกว่าจะไปโรงเรียนแล้วนะ” เน้นทีละคำอย่างชัดเจน
“รู้แล้วๆ รีบไปสิ” มือนิ่มละออกจากกายสูงราวกับกลัวจะทำให้อีกคนรู้สึกไม่พอใจไปมากกว่านี้
“ซื่อบื้อ!”
ลีกีกวังอ้าปากค้างทันที เมื่อได้ยินวาจาร้ายกาจจากคนอายุน้อยกว่า สมองประมวลทันทีว่าตัวเองทำหน้าที่บกพร่องตรงไหน หรือทำผิดพลาดอะไร ดงอุนถึงพูดจาไม่เข้าหูแต่เช้าเลย
“ดงอุนอ่า พูดจาไม่น่ารักเลยนะ” ยู่ปากเหมือนที่ชอบทำ อยากจะน้อยใจอยู่หรอก แต่ก็รู้ไง ว่าอีกคนคงไม่ใส่ใจมัน
“เด็กนิสัยไม่ดี”
“ก็พี่มันซื่อบื้อ” คนตัวสูงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ใบหน้าหล่อที่หันออกไปอีกทางขึ้นสีเรื่อเล็กน้อยอย่างสังเกตได้
“คนกำลังจะไปโรงเรียน ไม่คิดจะให้กำลังใจกันรึไงนะ”
คงไม่ต้องบอกว่าหน้าอย่างซนดงอุน กำลังใจที่อยากได้คืออะไร ยืนยันความชัวร์ด้วยก้านนิ้วเรียวของเจ้าตัวยกขึ้นแตะๆที่แก้มขวาของตัวเองสองสามที เป็นสัญญาณเตือนว่าหากคนตัวเล็กยังไม่รีบทำหรือยังซื่อบื้อไม่หยุด พ่อจะงอนจริงๆด้วย ซึ่งพอรู้แล้วว่าความดื้อด้านในเช้านี้ของดงอุนมีสาเหตุมาจากอะไร ลีกีกวังก็หน้าแดงเถือกด้วยความอาย
“ก็แล้วจะรู้ไหมเล่าว่าอยากได้อะไร” พูดอย่างเคอะเขิน มือนิ่มกวักให้คนตัวสูงเขยิบเข้ามาใกล้ๆ เพื่อที่จะได้ตามใจให้ถนัด
จมูกรั้นกดเข้าที่ข้างแก้มของดงอุนเบาๆแล้วละออก ความรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าชักอยากจะทำให้กีกวังมุดลงดิน ยิ่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ยของอีกคนที่มองมาด้วยแล้วนะ กีกวังยิ่งอยากทึ้งหัวตัวเองให้ตายตรงนี้ไปเลย
...เขินอ่า...เขินแบบไม่เคยเป็น...
“ก็แค่นี้” ดงอุนพูดยิ้มๆ ไม่ลืมที่จะเอื้อมมือไปหยิกแก้มเนียนเสียหนึ่งที ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป ทิ้งให้กีกวังก้มหน้าก้มตาคิดหาทางระเบิดตัวเองอยู่ที่เดิม
พอตั้งสติได้หลังจากที่ซนดงอุนเดินไปไม่นาน ลีกีกวังก็ผลุบหายเข้าไปในบ้าน จากนั้นก็ออกมาด้วยลุคเสื่อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาๆ พร้อมกับซองสีน้ำตาลที่ข้างในบรรจุเอกสารสำหรับสมัครงาน ซึ่งมันก็ไม่มีอะไรมากนอกจาก ใบเกิด สำเนาบัตรประชาชน เพราะคนเรียนไม่จบม.ปลายอย่างกีกวังจะมีใบจบการศึกษาได้อย่างไร เดินหางานนี่แหละที่พอจะทำได้
คำถามคือจะหางานไปทำไม ในเมื่อกีกวังก็มีอาชีพพี่เลี้ยงอยู่แล้ว ซึ่งนั่นแหละมันคือความไม่มั่นคงของอาชีพ ซนดงอุนไม่ใช่เด็กที่ดูแลตัวเองไม่ได้ และตอนนี้ดูเหมือนอีกคนค่อนข้างจะทำตัวดี ยกเว้นเรื่องปากไว้อย่างนอกนั้นก็ถือว่าดีขึ้น
ดงอุนไม่เที่ยวกลางคืน และพอถามว่าทำไม เจ้าตัวก็บอกว่าอยากนอนอยู่บ้านมากกว่า แต่ไม่เข้าใจตรงที่ ไอ ’อยาก’ ของอีกคนน่ะ ทำไมต้องมีเขาไปนอนด้วยทุกคืนก็ไม่รู้ นอกจากนั้นผลการเรียนยังดีขึ้นมากๆ ซึ่งอันนี้เพราะหัวสมองของเจ้าตัว ไม่เกี่ยวกับคนที่เรียนไม่จบอย่างกีกวังเลยแม้แต่น้อย ทว่าพอนึกถึงมันก็อดดีใจไม่ได้ เมื่ออีกคนบอกว่า เลขสี่ที่ได้มามันเพราะเขาเป็นแรงบันดาลใจล้วนๆ แต่กว่าคำพูดแบบนี้จะหลุดออกมาจากปากหยักได้ เขาก็โดนด่าฟรีไปหลายคำอยู่ คุ้มไหมเนี่ยกับการเป็นแรงบันดาลใจของซนดงอุน
นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาต้องหางานทำ กีกวังไม่อยากได้ชื่อว่าเกาะคนอื่นกินไปวันๆ แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่ได้เอ่ยปากบอกดงอุนแม้แต่นิดว่าจะออกมาทำงานข้างนอก ลำพังแค่จะออกจากบ้านไปซื้อของยังบ่นนักหนา นับประสาอะไรกับเรื่องนี้กันเล่า
เสียงรถวิ่งผ่านมีพอให้ได้ยินประปรายเมื่อเดินออกมาถึงหน้าปากซอยของหมู่บ้าน หน้าหวานหันซ้ายแลขวา ก่อนจะก้าวไปยังป้ายรถเมล์แถวๆนั้น ไม่นาน...
ปี้น! ปี้น!
รอไม่นานก็มีรถเข้ามาจอด เพียงแต่หัวคิ้วต้องเลิกขึ้น เมื่อรถคันนั้นไม่ใช่รถประจำทางที่เขาจะต้องขึ้น แต่มันคือรถสปอร์ตสุดหรู ที่ก็ไม่รู้ว่ามาจอดทำไม รับใคร ในเมื่อตรงนี้มันก็มีแค่ลีกีกวังเพียงคนเดียว ทว่าไม่ทันได้ขบคิด กระจกที่ติดฟิมล์สีดำสนิทก็เลื่อนลง เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาอันคุ้นเคย
“ไม่เจอกันนานเลยนะ ลีกีกวัง” รอยยิ้มอบอุ่น รอยยิ้มที่แสนใจดี แน่นอนว่าคนอย่างกีกวังไม่มีทางลืมมันได้ลง รอยยิ้มของ...
“ยุนดูจุน!” แทบจะกระโดดโลดเต้นที่ได้เจอ ดีใจเหลือเกินกับการเจอกันอย่างไม่คาดฝันครั้งนี้ของเพื่อนสมัยเรียนม.ปลาย ถึงกระนั้นร่างเล็กๆก็ถลาเข้าไปเกาะขอบหน้าต่างแล้วเรียบร้อย ใบหน้าหวานระบายยิ้มกว้างอย่างดีใจ
“ระวังหน่อยสิ เดี๋ยวก็ล้มกันพอดี” ดูจุนกลั้วหัวเราะน้อยๆ
“นายกำลังจะไปไหนน่ะ”
“ก็ เรียนหนังสือไง”
“อ่า ลืมไปว่ามีแค่ฉันที่ไม่ได้เรียนต่อ” หน้าหวานสลดลงไปเล็กน้อย เห็นอย่างนั้นคนเป็นเพื่อนอย่างดูจุนก็รู้สึกหน่วงๆข้างใน
“แต่ไม่ต้องไปแล้วล่ะ แคนเซิล”
“หือ อาจารย์น่ะเหรอ?”
“เปล่า ฉันแคนเซิลตัวเอง” หัวเราะขำเหมือนไม่เดือนร้อนอะไร ซึ่งไอคำว่า แคนเซิลของยุนดูจุนน่ะ มันโดดเรียนชัดๆ
“ได้ยังไงเล่า นายมีโอกาสเรียน นายก็ต้องเรียนสิ!” กีกวังเผลอจริงจังขึ้นมาตามนิสัยตรงๆของเจ้าตัว ยู่ปากเล็กน้อยอย่างไม่ชอบใจ จนอีกคนที่นั่งอยู่ในรถเห็นแล้วก็ยิ้มอย่างเอ็นดู
“แต่โอกาสของฉันวันนี้มันหมดไปตั้งแต่เจอนายแล้วล่ะ” ยิ้มบางเบา ดวงตาเรียวคมทอดมองอีกคนที่โผล่หน้าเข้ามาทางหน้าต่างอย่างมีความหมาย ซึ่งสายตาแบบนั้นกีกวังก็รู้และเข้าใจดีว่ามันมีความนัยอะไร
ริมฝีปากกลมเม้มเข้าหากันอย่างไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ดวงตาเรียวเล็กกลอกไปมาราวกับเลี่ยงที่จะสบกับอีกคน
“ไปนั่งรถด้วยกันไหม กีกวัง”
หลังจากนั้น หลังจากคำชวนหลุดออกมาจากปากหยัก ทั้งกีกวังและดูจุนก็เหมือนจะเที่ยวจนเพลิน ดูเหมือนจะเที่ยวจนลืมตะวัน กระทั่งเวลานี้ก็ปาเข้าไปสองทุ่ม ท้องฟ้ามืดครึ้มแถมฝนฟ้ากำลังจะเทลงมา รู้ได้จากแสงแวบๆเป็นช่วงๆนั่น
“เข้าไปส่งไหม” ดูจุนเอ่ยขึ้นหลังจากปล่อยเท้าออกจากเบรก สี่ล้อคันสวยจอดสนิทลงที่หน้าบ้านหลังหนึ่งซึ่งดูจุนก็รู้จากกีกวังอีกทีว่า มันคือบ้านของคนที่เจ้าตัวมาทำงานเป็นพี่เลี้ยงให้ หน้าหล่อยังเจือรอยยิ้มแห่งความสุข ความสนุกที่เพิ่งผ่านไปไม่นานวันนี้ เสียดายจริงๆ หากมันจะต้องจบลง เหมือนเคย...
“ไม่ต้องหรอกดูจุน กลับบ้านเถอะ ดึกแล้ว” เอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะเปิดประตูพาตัวเองให้ออกมาจากรถคันสวย ทว่าไม่ทันได้ก้มลงขอบคุณอีกที สายตาก็เห็นว่าคนตัวสูงเปิดประตูเดินอ้อมมายืนข้างๆกัน
“กีกวัง...” ทอดเสียงอ่อน มองลึกเข้าไปในดวงตาเรียวเล็ก มือใหญ่เอื้อมไปจับมือนิ่มขึ้นมาประคองอย่างเบาที่สุด ราวกับกลัวว่ามันจะสลายหายไป
“ฉันยังคิดถึงนาย คิดถึงเสมอ”
อยากจะยกยิ้มให้อีกคนเหมือนเคย แต่ตอนนี้ไม่เข้าใจ ว่าทำไมมันถึงยากเย็นขนาดนี้ ไม่ได้รังเกียจ ลีกีกวังไม่ได้รังเกียจยุนดูจุน ไม่เลย เพียงแต่ว่า เขาก็ไม่ได้รัก...
“ดูจุน นายก็รู้ว่าฉัน...”
“นั่นสิ... ทั้งที่รู้ว่านายไม่เคยรักฉัน แต่ก็ยังลืมไม่ได้” ปากหยักยกยิ้มบาง ทว่าดูแล้วมันช่างฝืน
เม็ดฝนร่วงโรย จากเบาบางก็เปลี่ยนเป็นหนัก
ซู่!
“อ๊ะ! ฝนตกแล้วล่ะดูจุน นายรีบกลับบ้านเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปเรียนอีก” มือนิ่มดันแผ่นหลังกว้างให้กายสูงขยับเดินไปขึ้นรถ ราวกับฟ้าฝนเป็นใจทำให้กีกวังเลือกที่จะเลี่ยงมันเหมือนเคย
ทว่า... ไม่ทันได้ตั้งตัว ดูจุนก็หมุนกลับมาอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับที่สองมือใหญ่รั้งหลังลำคอขาวให้เขยิบเข้าไปใกล้ ก่อนริมฝีปากหยักจะกดแนบลง ไม่ได้ล่วงเกินไปมากกว่านี้ เพียงแค่สัมผัสแผ่วเบา เพียงแค่แนบเอาไว้แผ่วเบา
ดวงตาเรียวเล็กของกีกวังเบิกโพลงอย่างไม่คาดคิด หากแต่มือนิ่มก็ไม่ได้ผลักออก ความจริงแล้วเขาสงสารดูจุน เขาไม่อยากให้เพื่อนเพียงคนเดียวตั้งแต่สมัยเรียนเสียใจแม้สักนิด กีกวังเองก็รักยุนดูจุน แต่ความรู้สึกแบบนั้นมันก็เหมือนเขามอบให้กับคนในครอบครัว
“เรื่องงาน เดี๋ยวฉันจะช่วยนายเอง เปียกหมดแล้ว เข้าบ้านเถอะ” ยิ้มน้อยๆหลังละริมฝีปากออก มือใหญ่เอื้อมขึ้นมาปาดหยาดน้ำฝนบนหน้าหวาน หัวใจของดูจุนตอนนี้มันเจ็บเหลือเกิน มีเพื่อนที่แสนดี แต่กลับทรมาน...
“อื้อ ขับรถดีๆนะ” พยักหน้า ยิ้มส่งอย่างให้กำลังใจ กีกวังก็ทำอย่างนี้มาตลอด
ร่างเล็กๆเปียกไปทั้งตัว หันหลังก้าวเดินเข้าไปด้านใน แต่ก่อนที่จะได้ปิดประตูรั้ว เสียงทุ้มก็เอ่ยขัดขึ้นมาซะก่อน
“ขอบคุณนะกีกวัง ที่ไม่เกลียดกัน ขอบคุณมากๆที่ยังหวังดีกับเพื่อนคนนี้เสมอ”
“นายเป็นครอบครัวของฉันนะดูจุน แต่อย่าทำแบบเมื่อกี้อีกเชียว โดนดีแน่!” ชูกำปั้นขึ้นขู่อย่างน่ารัก พูดทีเล่นทีจริงพลางยิ้มกว้างไปให้
“หาใครสักคน เดี๋ยวนายก็ลืมฉันเองล่ะ”
“ชิ! ไม่เอาหรอก แก่ตายดีกว่าไหมเนี่ย” หัวเราะในลำคออย่างขำๆ ดูเหมือนว่าบรรยากาศตึงเครียดจะหายไป
“ทำเป็นพูดดี เอาเหอะๆ นายเองก็เปียกหมดแล้ว รีบกลับบ้านนะ” โบกมือลาก่อนร่างเล็กๆจะผลุบหายเข้าไปในบ้าน ตามด้วยเสียงประตูรั้วบานใหญ่
แกร็ก!
คล้อยหลังบอบบาง ใบหน้าหล่อที่ยิ้มอบอุ่นกลับหม่นลง ดูจุนหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะสาวเท้าเดินไปยังฝั่งคนขับตามเดิม พลัน... สายตาเหลือบไปเห็นร่างบอบบางของใครสักคนยืนหนาวสั่น หากนั่นไม่ใช่คนที่คุ้นเคย หัวใจของดูจุนคงจะไม่กระตุกวูบอย่างนี้
“โยซอบ...” เรียกแผ่วเบา สองขาเตรียมจะเดินเข้าไปหา ทว่า...
“เอ่อ คือ ผมกำลังจะกลับครับ แค่ แค่ผ่านมาเฉยๆ” สองขาเล็กของอีกคนกลับเดินถอยหลัง กายบอบบางที่หนาวสั่นทำให้ดูจุนเผลอขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว ผ่านมางั้นเหรอ ถ้าเชื่อยุนดูจุนก็ควายแล้ว ตามเขามาชัดๆ
“ขึ้นรถสิ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเอารถมา ผมกลับเองได้” และก็แทบจะทันทีที่หันหลังเดินไปขึ้นรถของตัวเองที่จอดอยู่ไม่ไกล ในอกอึดอัดราวกับหายใจไม่ออก ขอบตาที่ร้อนๆ ยังโยซอบกำลังอยากจะร้องไห้...
ความทรมานของดูจุน โยซอบเข้าใจมันดี
พอเห็นว่าคนตัวเล็กรีบขับรถออกไป ดูจุนไม่รอช้าเปิดประตูย้ายตัวเองเข้าไปในรถ ก่อนจะสตาร์ทเครื่อง พร้อมหักพวงมาลัยทีเดียวจนสุด เหยียบคันเร่งเต็มแรง สี่ล้อคันสวยก็หมุนเป็นวงกว้างเคลื่อนตัวออกด้วยความเร็วตามยังโยซอบไปในที่สุด
...ไม่เข้าใจ ทำไมต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้...
ภายในบ้านเงียบมากจนได้ยินเสียงฝีเท้าของตัวเอง ซึ่งปกติมันก็เงียบแหละถ้าไม่มีซนดงอุนมาก่อกวนเหมือนทุกที ครั้งนี้ก็เหมือนกัน คนตัวเล็กมองไม่เห็นกายสูงที่น่าจะนั่งหน้าบูดรอเขา หรือไม่ พอก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน เขาก็กะว่าจะต้องได้ยินวาจาร้ายกาจเหมือนเคย ลีกีกวังเดินเข้ามาตรงโซนรับแขก คิ้วบางเลิกขึ้นเมื่อที่ตรงนี้ก็ไม่มีเด็กในความดูแล
“ไปไหนมา” เสียงทุ้มเย็นเยียบดังมาจากด้านหลัง กีกวังหันขวับไปมองแล้วก็พบว่าเป็นดงอุนนั่นเอง ดวงตาคมไล่กวาดมองตั้งแต่ใบหน้าใสจนถึงปลายเท้าที่เปียกชุ่ม และนั่นลีกีกวังจะไม่รู้สึกอะไรเลย ถ้าสายตาของอีกคนไม่เย็นชาและห่างเหินกันขนาดนี้
“เอ่อ พอดีวันนี้พี่ออกไปหางานทำ” กีกวังหลบสายตาของดงอุน ปากกลมเม้นแน่นเมื่อรู้สึกอึดอัดกับสภาพแบบนี้เหลือเกิน ร่างกายก็หนาวสั่นจนฟันกระทบกึก
“ทำไมต้องหา ที่ทำอยู่มันไม่ใช่งานหรือยังไง”
“นายไม่ใช่เด็กเล็กนะดงอุน จะให้พี่อยู่เหมือนไม่ได้ทำงานได้ยังไง” เอาเหตุผลเข้าว่า แต่ถึงอย่างนั้นดูเหมือนว่าอีกคนจะไม่ฟัง
“แล้วงานอะไร ทำไมต้องให้ไอบ้าที่ไหนมันจูบด้วย!!!” และแล้วอารมณ์ที่เก็บไว้ก็ทะลักออกมา ดวงตาคมสั่นไหวยามที่ภาพนั้นมันลอยขึ้นมา ภาพที่ลีกีกวังจูบกับคนอื่น ไม่ขัดขืนสักนิด คนตัวเล็กเบื้องหน้าไม่ได้ผลักร่างหนานั่นออก ไม่เลย
...ไหนบอกว่าจะอยู่ด้วยกันไปตลอด ไหนว่าอย่างนั้น แล้วทำไม...
ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้างเมื่อไม่คิดว่าคนอายุน้อยกว่าจะเห็นตอนที่เขาอยู่หน้าบ้านกับดูจุน มันกลอกส่ายไปมาราวกับไม่มีคำอธิบายใดๆ อยากจะพูดให้เข้าใจ ถ้าอีกคนจะยอมเข้าใจมัน
“ทำไมต้องออกไปหางานทำด้วย จะทิ้งผมไว้ใช่ไหม ไม่อยากอยู่กับผมแล้วอย่างนั้นใช่ไหม”
“เปล่านะดงอุน! คือ นั่น นั่น ยุนดูจุน เขาเป็นเพื่อนพี่เอง ไม่ได้เจอกันนานแล้ว พอดีวันนี้...”
“ไม่เจอกันนาน ก็เลยต้องจูบแสดงความคิดถึง เป็นอย่างนั้นล่ะสิ” หัวเราะหึในลำคอ แค่นยิ้มราวกับไม่อยากจะเชื่อ ลิ้นหนาดุนข้างแก้ม กลอกตาราวกับคนอารมณ์ไม่ดี
เพียงแต่ว่าคำที่ได้ยิน มันกรีดไปถึงก้อนเนื้อน้อยๆของกีกวังจนรู้สึกเจ็บ ปากกลมเม้นแน่นพยายามกลั้นบางสิ่งบางอย่างที่เหมือนกำลังจะทะลักออกมา
“พี่... พี่...”
“ออกไปจากบ้านผม” น้ำเสียงเย็นเยียบ หากเป็นเมื่อก่อนมันคงจะไม่รู้สึกอะไร เพียงแต่ว่าเวลานี้ไม่เหมือนกัน มันไม่เหมือน... เมื่อคำพูดไม่กี่คำของซนดงอุน ทำให้หยาดน้ำตาที่กักเก็บไหลลงมา มันก็แค่ไม่เข้าใจ ทำไมต้องไล่กันอย่างนี้ด้วย ไม่เข้าใจ ทำไมต้องรู้สึกเหมือนหนาวกว่าทุกครั้ง หนาวที่ข้างในอย่างไม่เคยเป็น...
“ถ้าพี่อยากจะไป ก็ไปซะ”
ใบหน้าหวานที่เปรอะน้ำตาส่ายไปมาน้อยๆ ราวกับจะบอกว่าเขาไม่อยากไป ไม่อยากออกไปจากบ้านหลังนี้ ไม่อยากออกไปจากชีวิตของซนดงอุน ไม่ได้อยากทำอย่างนั้น หากแต่อธิบายไปแล้วอีกคนไม่ฟัง ลีกีกวังควรจะทำอย่างไรดี...
“ผมบอกให้ออกไปไง!” ดูเหมือนคนตัวสูงจะโมโหเหลือเกิน รำคาญจริงๆที่ต้องมายืนมองน้ำตาของพี่เลี้ยงตรงหน้า เสียใจหรือยังไงถึงต้องร้องไห้ ถ้าเสียใจแล้วทำไมต้องพยายามไปจากเขาด้วย
กายสูงตรงเข้าจับข้อมือเล็กพร้อมทั้งออกแรงดึงให้อีกคนเดินตามออกมาจากตัวบ้าน ไม่สนใจสักนิดว่าไหล่บางมันสั่นไหวมากขึ้นกว่าเดิมเพียงใด
ร่างเล็กๆที่เปียกปอนอยู่แล้วพอมาเจอสายฝนอีกครั้งมันก็ยิ่งหนาวสั่น หรือเพราะข้างในตอนนี้ของกีกวังมันอ่อนแอ น้ำตาบนใบหน้าถูกแทนที่ด้วยหยาดฝนมากมาย แรงสะอื้นน้อยๆทำให้รู้ว่าคนตัวเล็กกำลังร้องไห้ เช่นกันกับดงอุนที่ก็เปียกไปทั้งตัว
“ฮึก พี่ขอโทษดงอุน พี่ขอโทษ...” ไม่รู้ว่าเขาทำผิดอะไร อาจจะผิดที่ไม่ยอมบอก อาจจะผิดที่ออกไปข้างนอก อาจจะผิดที่ยอมให้ดูจุนจูบ เขาอาจจะผิด แต่ถ้าขอโทษแล้วดงอุนไม่ขับไล่เขา เขาก็จะทำ...
ตุบ!
แรงเหวี่ยงไม่มากของคนตัวสูงแต่นั่นทำให้คนที่ไม่มีแรงเช่นกีกวังล้มลงไปกับพื้นซีเมนต์เอาง่ายๆ ดวงตาคมเบิกเล็กน้อยอย่างตกใจที่เผลอทำรุนแรงกับอีกคน ทว่าดงอุนก็ทำเพียงกัดริมฝีปากก่อนจะเอ่ย
“ออกไป”
แม้เสียงฝนจะดังแทบกลบทุกสิ่ง ทว่าอย่างเดียวที่กีกวังได้ยินมันอย่างชัดเจนก็คือเสียงทุ้มของดงอุน ภาพที่อีกคนเดินหันหลังเข้าไปในบ้าน ภาพนั้นมันบีบหัวใจกันเหลือเกิน
...แม้จะเอ่ยปากขอโทษ พร่ำบอกคำอธิบาย นายก็ไม่ฟังพี่ ไม่เลย...
ผ่านไปราวๆสองชั่วโมง ดูเหมือนว่าฝนจะไม่หยุดตกเอาง่ายๆ สายลมที่พัดพาเอาความหนาว ความมืดมิดของท้องฟ้า ใบไม้ที่โอนอ่อนตามแรงลม รวมทั้งความเงียบของคนที่นั่งอยู่หน้าบ้าน อาการสั่นพั่บอย่างน่าสงสาร ใบหน้าขาวซีด ทุกอย่างมันก็อยู่ในสายตาของซนดงอุน
คนตัวสูงถอนหายใจ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ก่อนจะก้าวขาเดินไปเปิดประตูพาตัวเองให้ออกมาตากฝนเย็นๆอีกครา อารมณ์คุกกรุ่นเมื่อสัมผัสถึงความเย็นจัดนั้น หัวใจหล่นวูบเมื่อคิดไปว่า ขนาดตนยังรู้สึกหนาว แล้วนับประสาอะไรกับร่างบอบบางที่นั่งอยู่หน้าบ้านร่วมสองชั่วโมงเพียงลำพังเล่า เท่านั้นแหละความร้อนที่ขอบตาก็พาให้ขายาวรีบวิ่งไปหาพี่เลี้ยงที่ตนเพิ่งจะไล่ออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว
ยิ่งมองใกล้ๆยิ่งน่าสงสาร กายบางสั่นพั่บ สองแขนที่โอบกอดตัวเองไม่ช่วยอะไร ปากกลมกลายเป็นสีม่วงอ่อน ใบหน้าขาวซีด...
...แม่งเอ้ย! ซนดงอุน ทำอะไรวะเนี่ย!...
คนตัวสูงรีบก้มลงช้อนร่างเล็กๆขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนทันที ดูเหมือนว่าลีกีกวังจะไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่นัก ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น เมื่อ...
“ด...ดงอุน ดงอุน พี่ขอโทษ...” ปากกลมแดงที่สั่นกึกพร่ำบอก ดวงตาเรียวเล็กจะปิดลงเสียให้ได้ แต่กระนั้นมันก็ยังพยายามที่จะลืมขึ้นสู้สายฝน เพื่อมองใบหน้าคมของอีกคน กีกวังยกยิ้มบางอย่างดีใจ ทว่ากับสะอื้นเบาๆ ซึ่งเห็นอย่างนั้นแล้วดงอุนก็ยิ่งโมโห... โมโหตัวเองเหลือเกิน
“ดงอุน...”
“หุบปากของพี่ซะ แล้วจำไว้ ว่าพี่เป็นของผมคนเดียว”
เท่านั้นก่อนจะพาคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนเข้าไปในบ้าน บอกไว้ก่อนว่าซนดงอุนเป็นคนหวงของ เป็นคนเอาแต่ใจ และจะหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นของๆตนเองอยู่กับคนอื่น เพราะฉะนั้น...
...อย่าทำอีกนะ ลีกีกวัง...
To be con.
ทำไมฟิคเรื่องนี้มันไม่มีอะไรเลยนะ ฮ่าฮ่าฮ่า อย่าเอาอะไรกับมันมากเลยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและเม้นให้กำลังใจกันค่ะ ^^
ความคิดเห็น