คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : [SF] Baby-sitter (4/8) --- Dongwoon x Gikwang
Author : oumser
Pairing/Couple : Dongwoon x Gikwang
Rating : PG-13
4
รู้สึกแปลกๆ...
แก๊ง!
เสียงช้อนสั้นพลาสติกสีขาวหล่นกระทบกับชามกระเบื้องสวยที่บรรจุข้าวต้มจนเต็มชาม ควันที่ลอยอยู่ด้านบน กลิ่นหอมฉุยที่พากันเรียกน้ำย่อยให้ยิ่งทำร้ายกระเพาะน้อยๆมากขึ้นไปอีก ทว่าซนดงอุนก็ยังไม่แม้แต่จะได้กินมันสักคำ เพราะแขนที่ได้รับบาดเจ็บจนต้องเข้าเฝือกนั้นก็ไม่สามารถจะยกขึ้นมาใช้ได้ ส่วนอีกข้างอาการไม่ต่างกันนัก เพียงแต่ว่ามันระบมจนไม่มีแรงจะหยิบจับอะไรเลยมากกว่า เจ้าช้อนสั้นมันถึงได้ร่วงหล่นลงจากมือก่อนถึงปากคนกิน เป็นอย่างนี้มาแล้วเกือบสิบหน
“มา ดงอุน เดี๋ยวพี่จะป้อนให้” เช่นเดียวกับกีกวังที่ก็พยายามเสนอตัวเข้าช่วยไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง เพราะเห็นว่าอีกคนก็เจ็บอยู่ แต่ดงอุนกลับบอกว่า...
“ไม่ต้อง” เอ่ยธรรมดาๆ เหลือบสายตาจากชามข้าวต้มขึ้นมองคนตัวเล็กด้านหน้าแล้วก็ขมวดคิ้ว
“กินของตัวเองเข้าไปเถอะ” ก่อนจะก้มลงสนใจช้อนเจ้าปัญหาคันเดิม หรืออันที่จริงสิ่งที่เป็นปัญหาคือความดื้อของซนดงอุน ซึ่งพอเห็นอย่างนั้นลีกีกวังก็ทนไม่ไหว ลุกพรวดขึ้นเดินมานั่งลงที่ฝั่งเดียวกับคนตัวสูง แย่งช้อนมาจากมือใหญ่พร้อมลากชามเข้าหาตัวเอง
“นี่! โอ๊ยร้อน!” ตั้งท่าจะโวยวาย แต่พอโดนข้าวต้มยัดเข้าปากจำต้องร้องเสียงหลง เนื่องจากเหนือชามยังมีควันสีขาวปรากฏให้เห็น เล่นอย่างนี้ก็ถึงกับแสบลิ้นกันเลย
“อร่อยไหม” เอ่ยปากถาม ใบหน้าใสเหมือนกำลังกลั้นยิ้ม
“มันร้อนนะ! ทำไมไม่รู้จักเป่าก่อนเล่า!” ตวาดใส่อย่างหงุดหงิด หัวคิ้วขมวดยุ่ง อ้าปากพ่นลมเข้าออก อยากจะยกมือขึ้นมากระพือพัดให้ช่วยบรรเทา ติดที่ว่าสังขารไม่อำนวย
“อ้อ โทษที พี่ลืมน่ะ” บอกหน้าตาใสซื่อ ก่อนจะก้มลงตักข้าวต้มในชามอีกคำ โดยที่คราวนี้ไม่ลืมที่จะเป่าลมเบาๆให้หายร้อนแล้วยื่นไปจ่อปากหยัก ส่วนคนที่หิวมากๆแล้ว ณ นาทีนี้ไม่อาจทำเล่นตัวอยากจะกินเองอีกต่อไป อ้าปากรับข้าวต้มอร่อยๆฝีมือกีกวังอย่างง่ายดาย
“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วนายจะทำอะไรต่อ” เป็นกีกวังถามขึ้นขณะกำลังป้อนข้าวดงอุน
“ถามมาได้ ก็อาบน้ำน่ะสิ” เหมือนจะด่าว่าไม่รู้จักใช้สมอง เห็นๆกันอยู่ว่าเขาอยู่ในชุดนอน จะให้ออกไปเดินช็อปปิ้ง เที่ยวเล่นข้างนอกหรือยังไง แล้วอีกอย่างมันเพราะใครกันวะที่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพไม่ต่างจากคนพิการ จะเดินเหินยังลำบาก เขาบอบช้ำมากจริงๆ อยากให้เขาทำอะไรอีกล่ะ ซนดงอุนบอกแล้วไง ว่าหน้าตาของลีกีกวังมันน่ารำคาญ มันคือตัวปัญหา
“ที่ถามเพราะพี่จะทำให้ นายอาบเองได้หรือยังไง ยกช้อนยังไม่มีแรงเลย”
“จะบ้ารึไง ฉันโตแล้ว ไม่ต้องให้คนอย่างนายมาอาบให้หรอก”
“เดี๋ยวพี่ทำให้”
“ยุ่ง... อื้อ!” กำลังจะเอ่ยห้าม หากแต่กีกวังก็จัดการยัดข้าวคำใหม่ใส่ปากซะก่อน ปิดโอกาส ไม่ให้อีกคนปฏิเสธเสียอย่างนั้น
จนกระทั่งข้าวคำสุดท้ายหมดชาม กีกวังจึงหยิบยาและน้ำให้คนอายุน้อยกว่า บริการป้อนถึงปาก ก่อนจะลงมือเก็บสำรับ เดินหายเข้าไปในส่วนที่เป็นครัว ไม่นานก็เดินกลับมาพร้อมทั้งลงมือประคองร่างของดงอุนให้ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล
“ไม่ต้อง ฉันเดินเองได้” บอกทั้งๆที่ก็เห็นกันอยู่ว่าไม่ได้ ซึ่งกีกวังก็ได้แต่ถอนหายใจ ส่ายหัวกับความดื้อของดงอุน ก่อนจะออกแรงพยุงให้คนตัวสูงเดินไปด้วยกัน
เมื่อเข้ามาในห้องนอนของคนอายุน้อยกว่า พาให้กายสูงนั่งลงที่ปลายเตียง และต่อมาก็คือ ...จ้องหน้ากัน... อาจเพราะไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน กีกวังเองก็ไม่เคยจะอาบน้ำให้ใครมาก่อน อย่าว่าแต่เด็กอายุสี่ห้าขวบเลย แล้วนับประสาอะไรกับเด็กอายุสิบแปด ซึ่งมันก็ห่างกับเขาเพียงแค่สี่ปี มันไม่มากเลยจริงๆ
“เอ่อ ถอดเสื้อก่อนนะดงอุน” บอกให้อีกคนรับรู้พลางย่อตัวลงตรงหน้าจัดการปลดกระดุมชุดนอนอย่างเก้ๆกังๆ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันราวกับรู้สึกเครียดยิ่งกว่าการต่อคำกับเจ้าของห้องพักเก่า
พอปลดกระดุมออกทุกเม็ด ลีกีกวังเป็นอันต้องหน้าแดงพรึ่บเมื่ออกที่เปลือยเปล่าก็อยู่เบื้องหน้า ไหนจะกล้ามพอดีตัว เห็นแล้วมันก็ใจเต้นแปลกๆ จนต้องเผลอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่เสื้อ นั่นแหละมันอยู่ที่กางเกงต่างหาก ทำยังไงล่ะทีนี้
“โรคจิต” เอ่ยสั้นๆ จนคนตัวเล็กต้องเงยหน้าขึ้นมองพลางยู่ปาก ทว่ากีกวังต้องประหลาดใจเมื่อเห็นใบหน้าคมคายขึ้นสีน้อยๆ ทั้งยังเสหลบไปทางอื่น ให้ตายกีกวังรู้สึกว่าตัวเองกำลังอยากจะยิ้ม
“มองอะไรเล่า ถอดไม่ได้ก็ไม่ต้อง” บอกปัดพลางยันตัวเองขึ้นอย่างยากลำบาก ดงอุนเซเล็กน้อยเมื่อยืนขึ้นเต็มความสูง ส่งผลให้กีกวังที่ยืนขึ้นตามมาติดๆต้องกอดเอวไว้แน่นเพื่อไม่ให้อีกคนล้มไป ความสูงของคนตัวเล็กเลยไหล่ของเด็กอายุสิบแปดมาหนึ่งคืบเห็นจะได้ ลมอุ่นๆที่เป่ารถหน้าผาก มันก็สร้างความรู้สึกประหลาดๆให้กีกวังได้ไม่น้อย
“เอ่อ คือ มาเดี๋ยวพี่พยุง” ปล่อยแขนข้างนึงออกจากเอวแกร่ง มือนิ่มเอื้อมไปจับแขนของดงอุนข้างซ้ายที่ไม่ได้เข้าเฝือกขึ้นมาพาดคอตัวเอง ดวงตาเรียวเล็กลอบกลอกไปมา กัดริมฝีปาก พร้อมกับเหลือบขึ้นมองอีกคน แต่นั่นก็เหมือนเป็นการฆ่าตัวเอง เพราะทันทีที่เงยหน้าขึ้นมอง ก็สบเข้ากับดวงตาคมที่ก็กำลังมองลงมาเช่นเดียวกัน
เผลอกลั้นหายใจไปชั่วครู่ แต่คนหน้าหวานก็เป็นฝ่ายหลบเลี่ยง เพราะยิ่งจ้องดวงตาดุๆนั่นเหมือนจะยิ่งทะลุร่างของเขาไปอย่างไรชอบกล มันใจเต้นยังไงชอบกล
...รีบก้มแทบไม่ทันแน่ะ!...
พอข้ามาในห้องน้ำ ไม่มีใครพูดอะไรทั้งดงอุนและกีกวัง หนักเข้าไปอีกคือยิ่งทำอะไรไม่ถูก คนตัวเล็กยืนจ้องกางเกงเจ้าปัญหาบนกายสูง โดยมีดวงตาคมลอบมองกิริยาแบบนั้นอย่างขัดใจ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน มันรู้สึกแปลกๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมเวลามองอีกคนแล้ว... เสียงหัวใจมันถึงดังขนาดนี้
...สงสัยโดนไม้หน้าสามฟาดจนเพี้ยนไปแล้วเรา...
บอกตัวเองอย่างนั้น ทั้งที่สายตาก็ยังจับจ้องใบหน้าหวาน ก่อนจะรู้ตัวแล้วส่ายหัวสองสามทีเป็นการคืนสติให้กับตนเอง
“ตกลงจะยืนกันอยู่อย่างนี้ใช่ไหม” ที่ถามเพราะไม่ใช่ว่าอยากจะง้อหรือขอให้คนตัวเล็กอาบน้ำให้ แต่เพราะถ้าตัวเองทำได้ คงจะรีบไล่อีกคนให้ออกไปให้พ้นๆ
“หา เอ่อ ขอโทษที” หน้าหวานขึ้นสีเรื่อ คราวนี้ไม่รอช้า เพราะถ้าไม่ทำ ดงอุนก็คงจะไม่ได้อาบน้ำ คนตัวเล็กจึงเดินเข้าไปใกล้อีกนิดเพื่อที่จะถอดกางเกงตัวนั้นออก ไอท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนกล้าๆกลัวๆยามดึงกางเกงขายาวลงแบบนั้นมันก็มองแล้วเพลินดีไม่น้อย ดวงหน้าหวานที่พยายามหันออกไปทางอื่นให้มากที่สุด พวงแก้มสีอ่อนๆ จะว่าเขินมันก็เขินที่ต้องมายืนเกือบเปลือยให้อีกคนมอง แต่เอาเถอะ มันก็ผู้ชายเหมือนกันนี่แหละวะ เออ ผู้ชายเหมือนกัน... แล้วทำไมหัวใจมันต้องเต้นขนาดนี้วะ!
“อ่า เหลือตัวนี้ไว้ก็คงได้มั้ง” คนอายุมากกว่าหัวเราะแห้งๆ พยามยามไม่มองลงต่ำไปมากกว่าใบหน้าหล่อของอีกคน ไอที่หมายถึงคงเป็นกางเกงชั้นในตัวเล็ก ซึ่งท่าทางอย่างนั้นดงอุนที่ได้มองก็เผลอขมวดคิ้วอีกแล้ว
“จะถอดหมดเลยรึไง นายนี่มันโรคจิต” หน้าแดงโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเอื้อมมือข้างซ้ายที่ไม่ได้เข้าเฝือกไปพาดบนไหล่บาง ใช้เป็นไม้ค้ำชั่วคราวจนเดินไปถึงอ่างอาบน้ำ กีกวังเองก็ไม่ได้ปริปากอะไร นานๆทีอีกคนจะว่าง่าย ทำอะไรที่ไม่ขัดกับเขา
พยุงดงอุนที่ขาเจ็บให้ค่อยๆก้าวเข้าไปอยู่ในอ่างที่เต็มไปด้วยน้ำและฟองสบู่ด้วยฝีมือกีกวังตั้งแต่ตื่นนอน มือนิ่มเอื้อมไปหยิบผ้าขนหนูสีขาวที่เตรียมไว้ก่อนจะนำมันไปถูตัวให้กับคนอายุน้อยกว่า เท่านี้ลีกีกวังก็เป็นพี่เลี้ยงโดยสมบูรณ์แบบ เพียงแต่ว่า...
“ถามหน่อย ว่ามันจะสะอาดไหม” น้ำเสียงกวนเล็กๆ ทำให้คนหน้าหวานที่ก้มงุดถูมันแต่บริเวณหัวไหล่ของดงอุนเงยขึ้นมอง บังเอิญเหลือเกิน ว่าจังหวะที่เงยขึ้น ปลายจมูกของทั้งคู่มันสัมผัสกันแผ่วเบา คงไม่ต้องบรรยายอะไรมากมายก็บอกได้แล้วว่าสองคนนี้อยู่ใกล้กันมากแค่ไหน ก็แค่ลมหายใจรดกันเท่านั้นเอง
ดวงตาเรียวเล็กกลอกไปมาราวกับทำอะไรไม่ถูก กีกวังรีบกระเด้งตัวถอยห่างจากระยะอันตราย อันตรายมากต่อหัวใจดวงน้อยที่เต้นอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าใสแดงเถือกขึ้นไปถึงใบหู หลบสายตาของอีกคนสุดริด ก่อนจะลงมือ ก้มหน้าก้มตาขัดๆถูๆไปที่แผ่นหลังกว้างอย่างเบามือ จากนั้นก็ละมายังแผงอก ซึ่งพอมาถึงตรงนี้ คนตัวเล็กก็เกิดอาการมือสั่นขึ้นมาอย่างประหลาด เพ่งสายตาไปที่อกล่ำๆนั่นแล้วก็ใจเต้นแรงอีก
...โอย ลีกีกวังอยากจะบ้า เป็นอะไรไปเนี่ย!..
“หึ” เสียงหัวเราะในลำคอราวกับขบขันกับท่าทางของพี่เลี้ยงตัวเล็ก ดงอุนกระตุกยิ้มเหมือนที่ชอบทำ ก่อนจะระบายยิ้มกว้างมากขึ้นอีกเมื่อหัวสมองประมวลแล้วว่า คนที่กึ่งนั่งกึ่งยืนถูตัวให้อยู่ด้านข้างช่างน่าแกล้งยิ่งนัก
ไม่ทันระวัง คนที่ก้มๆเงยๆ ยุ่งกับภารกิจระดับชาติหรือห้ามเสียงหัวใจและอาการสั่นของตัวเองก็ถูกกระชากด้วยแรงไม่มากเท่าไหร่นัก แต่นั่นส่งผลให้คนที่ไม่ค่อยจะมีแรงหน้าเหวอ พร้อมกับลอยหวือ
ตู้ม!!
ตกลงไปในอ่างอาบน้ำทันที สมใจซนดงอุนเขาล่ะที่อีกคนอยู่ในสภาพเปียกปอน รีบเอามือปาดน้ำออกจากใบหน้า ก่อนจะจ้องเขม็งไปทางเด็กในความดูแลเบื้องหน้า อยากเอามือนิ่มตีลงไปสักที่นักเมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนหน้าคม ทำไมถึงได้ชอบแกล้งเขาจริงๆ
“อาบน้ำอีกรอบ สดชื่นดีนะ” เสริมคำพูดให้ดูน่าเชื่อถือด้วยการหัวเราะอย่างขำๆ ซึ่งพอเห็นอย่างนี้ลีกีกวังก็แทบอ้าปากค้าง มันเหมือนเวลาหยุดเคลื่อนไหว เหมือนหัวใจหยุดทำงาน เหมือนๆกับจะหายใจไม่สะดวก เหมือนจะเป็นอย่างนั้นเมื่อได้เห็น... อีกคนหัวเราะ
พอรู้ตัวว่าถูกจ้องดงอุนก็หุบยิ้มฉับทันทีอย่างรวดเร็ว ก็ไม่รู้ทำไม แต่มันรู้สึกแปลกๆ มันร้อนๆบริเวณใบหน้าเหลือเกิน...
“จะมองอีกนานไหม เมื่อไหร่ฉันจะอาบน้ำเสร็จสักที” ไม่รู้จะทำอย่างไรก็แทรกขึ้นมากลางคันซะอย่างนั้น ทั้งที่เพราะตนเองนั่นล่ะ ทำให้การอาบน้ำครั้งนี้เป็นไปอย่างล่าช้า แถมใบหน้าคมคายยังขึ้นสีเรื่อ
“อ่อ อืมๆ” หน้าหวานพยักอย่างไม่ค่อยมีสตินัก นั่นเพราะเพิ่งจะเคยเห็นรอยยิ้มของอีกคน ...ดูดีจะตาย... ก่อนมือที่ถือผ้าขนหนูจะเลื่อนขึ้นมาถูตำแหน่งที่กล้าๆกลัวๆอยู่ตอนแรก จะว่าไป ตอนนี้ก็ยังกลัวอยู่นั่นแหละ เพราะมือที่ลากไล้ไปมามันเบาเหลือเกิน แถมหน้าใสยังแดงเรื่อ
จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ก็ไม่รู้ แต่ดงอุนจะถือเอาว่าลีกีกวัง...
“ยั่วหรือไง”
ชัดถ้อยชัดคำเผลอขยับกายเข้าหาอีกคนโดยอัตโนมัติ ซึ่งพอได้ยิน คนตัวเล็กก็เงยหน้าขึ้นพรึ่บ เหมือนจังหวะมันลงล็อค เหมือนหลายๆอย่างเป็นใจ ปลายจมูกสัมผัสกันอย่างแผ่วเบาอีกครา มองลึกเข้าไปในดวงตา ไล่วนจนถึงริมฝีปากกลมแดง และมันก็เหมือนอีกแล้ว เหมือนบรรยากาศพาไป พาให้ริมฝีปากของทั้งคู่แนบชิดกัน
ดงอุนที่เป็นฝ่ายเริ่มค่อยๆขบเม้มเบาๆ ชิมรสชาติหอมหวานที่น่าพอใจอย่างประหลาด สอดแทรกไล้วนจนอีกคนแทบทรงตัวไม่อยู่ มือไม้อ่อน หลังลำคอถูกกดแนบยิ่งกว่าเดิม หัวสมองว่างเปล่าและมึนงง ไม่อาจรู้ได้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่พอรู้แค่ว่า...
...ครั้งแรก มันรู้สึกดีขนาดนี้เลยหรือไงนะ...
ร่างเล็กๆถูกรั้งเข้ามาให้แนบชิด มหัศจรรย์ใจยิ่งนัก คราวนี้ซนดงอุนมีแรง มีกำลังที่จะใช้แขนข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือกดึงคนหน้าหวานให้เข้าไปใกล้ หรือจะคิดให้ดีอีกที ที่หลังลำคอขาวมือข้างใดกันที่กดไม่ให้กีกวังเขยิบออกห่าง มือข้างใดเล่า ถ้าไม่ใช่ข้างขวาที่กำลังเข้าเฝือกอยู่ตอนนี้!
ทว่าทั้งนี้ทั้งนั้น คนที่สติล่องลอยไปไกลเช่นกีกวังไม่อาจรู้ตัวและรู้สภาพภายในอ่างอาบน้ำ คนตัวเล็กยังถูกชักนำโดยซนดงอุนที่ลอบกระตุกยิ้มน้อยๆ
...เชื่อเขาเลย...
“มองอะไร” ถามเสียงห้วน ไม่ได้มีความอ่อนโยนกับเขาเลยเถอะซนดงอุน ซึ่งคนตัวเล็กที่ลอบมองอีกคนอยู่จริงๆโดนทักก็สะดุ้งก่อนจะก้มหน้าปฏิเสธ
“ก็เปล่า” ยู่ปากอย่างน่ารัก
“นายกำลังทำมันอยู่”
“พี่เปล่านะ” ปฏิเสธเสียงแข็ง ก็ก่อนหน้านี้อ่ะใช่ แต่ตอนนี้ก็ก้มหน้าอยู่ จะเอาตาที่ไหนไปมองเล่า ใส่ร้ายกันตลอด
“นายกำลังทำ”
“ดงอุน...”
“ทำหน้าแบบนั้นน่ะ นายกำลังยั่วฉันอยู่”
ไม่ต้องต่อประโยคอะไรให้มาก กีกวังก็รู้สึกได้เลยว่าตัวเองต้องหน้าแดงอีกแล้วเป็นแน่ นอกจากจะชอบแกล้งเขา ดงอุนยังมีอีกอย่างที่ชอบทำ ขยันทำเขาเขิน ทำเขาอายนี่แหละ ชอบนัก
หลังจากจูบลึกซึ้งในอ่างอาบน้ำวันนั้นความสัมพันธ์กีกวังคิดว่ามันดีขึ้น มั้ง(?) ไม่ใช่ดูที่คำพูด เพราะดงอุนก็ยังคงหยาบคายเสมอ เพียงแต่การกระทำ เขาสัมผัสมันได้ว่าอีกคนกำลังปรับเข้าหาตนอยู่ มองแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม ก็ดงอุนน่ะ น่ารักจะตายไป พอมองบ่อยๆเข้าก็เป็นอย่างนี้ล่ะ โดนว่าตลอด กีกวังเพลียและเหนื่อยใจ แม้ทุกครั้งผลที่ออกมามันจะ...
“อื้อ...” กลายเป็นจูบที่แสนลึกซึ้งเหมือนในวันนั้น ทุกครั้งที่อีกคนหาว่ากีกวังยั่ว ไม่ว่ายังไง คนตัวเล็กก็โดนขโมยจูบเสียทุกทีไป เป็นแบบนี้ได้ยังไง ไม่มีใครรู้ ไม่มี...
บาดแผลของซนดงอุนหายเร็วอย่างน่าประหลาดใจ เพราะเมื่อประมาณอาทิตย์ก่อนที่โดนฟาดมาใหม่ๆ อย่างกับคนพิการ พอมาตอนนี้ แรงเยอะซะไม่มี เผลอทีไรก็จับกระชากจับดึงเข้าใกล้ แล้วก็ลวนลาม
บนเตียงกว้างที่ถูกใช้เป็นที่นอนสำหรับสองคน(?) ซึ่งอันนี้ก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็รู้เหมือนเดิมแค่ว่า... อีกคนบอกให้มานอน กีกวังก็ต้องนอน ตามใจเสียยิ่งกว่าคุณแม่ตามใจลูกชาย ทั้งที่เรามันก็เป็น พี่เลี้ยงและเด็กในความดูแล
“อื้อ ดง...ดงอุน” ฟังไม่ได้ศัพท์ มือนิ่มออกแรงดันตัวใหญ่ๆที่นอนทับของอีกคนให้ออกห่างเพราะเริ่มหมดอากาศหายใจ
“อะไรเล่า” พ่อคนนี้ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยพอใจ
“เอ่อ ป...เปล่า”
“เปล่าอะไร ก็เห็นว่าหน้าแดง” เอาเถอะ คนมันอยากจะแกล้ง เอาอะไรมากมาย ก็บอกแล้วว่าไอเด็กอายุสิบแปดเนี่ยชอบนักที่จะเห็นกีกวังเขินอาย
...ยอมรับก็ได้...ว่ามันก็น่ารักดี...
“นายนี่มันเด็กกำพร้าจริงๆ” พูดอย่างไม่จริงจัง ดงอุนเพียงแค่พูดพร้อมกระตุกยิ้มตามปกติ ซึ่งเอาเถอะกีกวังเองก็ชิน ได้ยินมันทุกวันนี่
“แล้วสนุกไหมเล่า ซ้ำเติมกัน” ยู่ปากอีกแล้วอย่างน่าเอ็นดู
“ก็นายมันเด็กกำพร้า”
“...”
เกิดความเงียบ หากแต่ลีกีกวังไม่ได้รู้สึกงอน หรือไม่พอใจอะไร ก็แค่อีกคนจะพูดอะไรมันก็ ไม่โกรธ เพราะรู้ว่าดงอุนไม่ได้ตั้งใจจะหมายความอย่างนั้น
“นี่” เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆ ทั้งที่ตัวเองก็ยังไม่ลุกออกจาการทาบทับร่างบอบบาง กีกวังเองก็ครางหือในลำคอเช่นเดียวกันเพื่อเป็นการตอบรับ
“...”
ทว่าคนอายุน้อยกว่าไม่ยอมพูด เอื้อมมือขึ้นไปปิดโคมไฟที่โต๊ะข้างหัวเตียง แล้วกลับมานอนข้างๆกัน ซนดงอุนก็ยังไม่เอ่ยปาก แต่ทว่าไม่กี่วินาทีต่อมา ริมฝีปากกลมแดงก็ต้องระบายยิ้มกว้างภายใต้ความมืดของห้องนอน แทนความรู้สึกมากมายที่เกิดจากคำพูดไม่กี่คำของอีกคน
To be con.
ความคิดเห็น