คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [SF] Baby-sitter (3/8) --- Dongwoon x Gikwang
Author : oumser
Pairing/Couple : Dongwoon x Gikwang
Rating : PG-13
Talk : ขอให้ทุกคนชอบ เพี้ยง!!
3
ความน่ารักเป็นเหตุ...
แม้จะรู้สึกอยากทิ้งตัวลงนอนกับเตียงมากเท่าไหร่ แต่ลีกีกวังก็ต้องตัดใจเสียในเมื่อเช้านี้ดูเหมือนจะเป็นการเริ่มต้นทำงานอย่างแท้จริง เช้าที่กีกวังตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องทำอะไรสักอย่าง จะต้องทำให้เด็กคนนั้นหันมาเชื่อฟังเขาบ้าง หากแต่เวลากลับบ้านเมื่อคืนมันลิดรอนกำลังที่ควรจะกระตือรือร้นเสียจริง ตีสองกว่าๆเป็นเวลาที่ดงอุนขับรถกลับบ้าน ได้นอนจริงๆก็ตีสาม แล้วนี่ยังต้องมาตื่นเช้า บอกตามตรงว่ากีกวังไม่ค่อยอยากลุก
รวบรวมแรงทั้งหมดที่มีพาตัวเองลงจากเตียงจนร่างเล็กๆต้องเซ สะบัดหัวอย่างแรงสองสามครั้งคล้ายคนยังไม่สร่างเมา ทั้งที่เจ้าตัวก็ไม่ได้แตะแอลกอฮอล์สักนิด จากนั้นก็เดินหายเข้าไปในห้องอาบน้ำ ชำระร่างกายของตัวเองเรียบร้อยก็เดินออกมาในสภาพที่ดูดีกว่าตอนแรก
เสื้อยืดสีขาวสบายๆกับกางเกงสีครีมขาสั้นเท่าเข่าที่กีกวังเลือกหยิบมาใส่ แม้จะไม่ได้มีให้เลือกมากนักก็เถอะ มันดูดีเหมาะกับเจ้าตัวมากทีเดียว เสริมให้เจ้าตัวที่สดใสอยู่แล้วยิ่งทวีความน่ารักมากขึ้นไปอีก
ยิ้มให้กำลังใจตัวเองในกระจกก่อนจะละเดินออกมาจากห้องนอนที่คุณน้าหรือแม่ของดงอุนยกให้เป็นของเขาชั่วคราว ตรงไปยังประตูอีกห้องที่ก็ไม่ได้ไกลมากเลย เนื่องจากบ้านนี้ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร เหมือนคู่แม่ลูกจะอยู่กันอย่างสมถะซะมากกว่า นึกถึงหญิงสาวกีกวังก็ต้องเผยรอยยิ้มน่ารักออกมา
ก๊อกๆๆ
ลองเชิงเคาะไปที่บานประตู ได้ความเงียบเป็นคำตอบ กะไว้แล้วว่าอีกคนคงจะยังไม่ตื่นเป็นแน่ ถือวิสาสะอีกนิดโดยการเอื้อมมือไปจับที่ลูกบิดก่อนจะออกแรงหมุนมันแล้วเปิดออก ย้ายตัวเองเข้ามาอยู่ด้านในได้ก็ปิดมันอีกครั้งอย่างเบาๆ
ดวงตาเรียวเล็กมองไปทางเตียงกว้างก็เห็นว่าดงอุนกำลังหลับอยู่จริงๆ คิดผิดซะเมื่อไหร่ ตื่นขึ้นมานั่งได้นี่สิแปลก ไม่รอช้ากีกวังจึงเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่ตัวของคนอายุน้อยกว่าแล้วเอ่ยเรียก
“ดงอุน” ออกแรงดันอีกนิดให้คนตัวสูงรู้สึกตัว ทว่าก็ได้ความเงียบมาเป็นคำตอบเช่นเดิม
“ดงอุน” คราวนี้ออกแรงเขย่ามากกว่าเดิม จนอีกคนต้องครางออกมาอย่างรำคาญ
“อือ~”
“ถ้านายไม่ตื่นจะไปโรงเรียนสายเอานะ”
...
เหมือนคุยกับธาตุอากาศ ไม่มีเสียงตอบรับจากซนดงอุน พ่อคนหล่อยังคงนอนไม่รับรู้เรื่องราว ส่งผลให้กีกวังที่ก็จนปัญญา เม้มปาก ตัดสินใจ...
“ไม่ตื่นใช่ไหม” ก้าวขาพาตัวเองขึ้นเตียงแล้วไปนั่งคร่อมบนลำตัวของซนดงอุนที่นอนหงายอยู่บนที่นอนกว้าง ใจกล้าเสียไม่มีที่ทำอย่างนี้
ความรู้สึกหนักๆเหมือนมีอะไรมาทับทำให้ดงอุนค่อยๆลืมตาขึ้น ดวงตาคมปรับโฟกัสเพ่งมอง แล้วคิ้วเข้มก็เป็นอันต้องขมวดยุ่งเมื่อภาพที่เห็นตรงหน้าคือลีกีกวังนั่งทับลำตัวเขาอยู่ ก็ไม่ได้ออกปากไล่ ไม่ได้ทำ
“อ๊ะ!!” เพียงแต่ดงอุนใช้มือเพียงข้างเดียวก็สามารถผลักร่างเล็กๆให้กระเด็นออกไปจากตัวได้ ส่งผลให้กีกวังหน้าคะมำไปกับความนุ่มนิ่มบนเตียงกว้าง นั่นมันก็เป็นภาพที่น่าขันยิ่งนัก
คนตัวเล็กพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง แนวฟันขาวกัดริมฝีปากกลมแดงอย่างไม่ค่อยพอใจ แก้มนิ่มๆที่ป่องจนน่าเอ็นดู ก็ไม่รู้ว่าหากดงอุนได้เห็นจะรู้สึกอย่างนั้นไหม แต่อย่างว่าแหละ มันไม่มีทางในเมื่อเจ้าคนอายุน้อยกว่าดันพลิกตัวตะแคงหนีแล้วนอนต่อ ไม่ใส่ใจกับคำพูดของพี่เลี้ยงเลยสักนิด
“ย่าห์! ซนดงอุน”
“อะไร!” และเพราะคนตัวสูงผงกหัวขึ้นมามองอย่างดุๆ คนที่เหมือนจะทำใจกล้า ที่เผลอตะโกนชื่อของอีกคนออกไปเต็มๆก็หดคอกลับอย่างเกรงๆ ก่อนจะพูดเสียงอ่อยลงกว่าเดิม
“ต...ตื่นแล้วก็ลุกเถอะ ไปโรงเรียน.. นะ” กระพริบตาปริบส่งไปให้คนที่ยังคงจ้องมองตัวเองไม่วางตา เพียงแต่สายตามันไม่ค่อยจะน่าภิรมย์เท่าไหร่ เหมือนจะทะลุร่างของกีกวังไปเสียให้รู้รอด ดุเหลือเกินเถอะพ่อคุณ
“ไม่ไป” เอ่ยเรียบๆพร้อมกับทิ้งหัวลงบนหมอนนุ่มเหมือนเดิม นั่นยิ่งเพิ่มความหนักใจให้กับคนตัวเล็กที่นั่งอ้าปากค้างมากเข้าไปอีก ให้ตาย ทำไมงานนี้มันยากกว่าที่คิดนะ ไอคนตัวโตนี่ก็ไม่เคยฟังกันเลย
“เอางี้ ถ้านายยอมไปโรงเรียนทุกวัน พี่จะไม่ห้ามเรื่องออกไปเที่ยวเลย” ฟังดูน่าสนใจ แต่ว่า...
“คิดเหรอว่าถ้าฉันอยากจะไป แล้วนายจะห้ามได้” ไอเด็กอายุสิบแปดมันกลับไม่ฟัง
แล้วยอมเสียที่ไหน ลีกีกวังยอมเสียที่ไหน กระโจนเข้าหาดงอุนอีกครั้ง พร้อมทั้งสองมือนิ่มดึงแขนหนาจนสุดความสามารถ แม้จะทุ่มทั้งแรงกายแรงใจ จนเผลอเอาตัวเองขึ้นไปนั่งคร่อมบนร่างหนาอีกครา แต่ดงอุนก็ยังนอนหลับตาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะมีก็แค่คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากัน แต่หวังเอาเหอะว่าลีกีกวังจะหยุดง่ายๆ แรงอันน้อยนิดนี่แหละจะปลุกซนดงอุนให้ลุกไปเรียนให้ได้
“ลุกไม่ลุก นี่แน่ะๆ” เขย่าจนร่างของซนดงอุนสะเทือน พลันเหมือนมีเงาดำทะมึนๆลอยเข้าร่าง ขมวดคิ้วจนมันจะผูกกันเป็นปมเมื่อคนตัวเล็กชักจะรุนแรงขึ้น ไม่นานคนตัวสูงก็ลืมตาขึ้นทันทีอย่างทนไม่ไหว
“นี่!!!” พร้อมตวาดสุดเสียงแบบรำคาญเต็มที ดงอุนกลอกตาไปมา มือใหญ่เอื้อมจับข้อมือเล็กก่อนจะกระตุกเพียงนิด ร่างบอบบางของลีกีกวังก็ปลิวเข้ามาปะทะอย่างง่ายดาย จังหวะที่อีกคนกำลังอึ้ง ดงอุนก็จัดการพลิกร่างบอบบางนอนลงกับเตียงพร้อมกับนอนทับจนอีกคนแทบกระอักด้วยน้ำหนักตัว
“ดงอุน ลุกเถอะ โอ๊ย นี่ มันหนักนะ” พูดเสียงอ่อย หน้าหวานเหยเก ทั้งมือเล็กพยายามดันคนตัวใหญ่ด้านบนให้ออกห่างอย่างยากลำบาก
“เงียบเหอะ” ส่วนคนอายุน้อยกว่าก็หาได้สนใจ ซุกหน้าหลับตาพริ้ม ก็คิดอยู่ว่าตื่นมาตวาดขนาดนี้แล้วเจ้าเด็กอายุสิบแปดมันยังนอนต่อได้อีกหรือนี่ เชื่อเขาเลย ก็อย่างว่าแหละ กีกวังจะไม่โวยวายอะไรเลย จะไม่พยายามผลักไสอะไรมากเท่าไหร่ ถ้าเพียงแต่ไอตรงที่อีกคนซุกหน้าลงมา มันไม่ใช่ซอกคอของเขา!
“ดงอุน ลุกออกไปได้ไหม” เบือนหน้าหนีข้างที่รู้สึกร้อนๆทั้งยังขึ้นสีเรื่อ นั่นยิ่งเป็นการเปิดช่องทางเสียนี่กะไร คิดอย่างนั้นแหละจมูกโด่งก็เริ่มทำงาน ยุกยิกอยู่แถวๆซอกคอ จนอีกคนต้องร้องเสียงหลง ลงมือทุบตีเบาๆ
“อ๊ะ! หยุดๆๆ!! เดี๋ยวนี้เลย ดงอุน เฮ้! อย่าทำแบบนี้สิ!!”
“ทำไม!” ผงกหัวจากซอกคอขึ้นมาโต้ตอบ พร้อมมองด้วยสายตาดุๆเหมือนเคย
“ทีนั้นล่ะทำกล้าขึ้นมานั่งบนตัวฉัน ไม่เจียมตัวเองเลยนะ!”
“ก...ก็นายไม่ยอมตื่น” แทบจะเบ้ปากร้องไห้ โอ๊ย ก็ไม่รู้ว่าจะเขินหรือจะอะไรดี สายตาของดงอุนเขาก็กลัวแปลกๆ แถมยังรู้สึกร้อนๆตรงที่โดนสัมผัสจนลามมาถึงใบหน้า ระยะห่างระหว่างกันก็แทบไม่มี หรือว่าวันนี้อากาศจะร้อน?? หรือไม่ดงอุนก็เมาค้าง??
“แล้วใครใช้ให้นายมานั่งบนตัวผู้ชาย” คำถามนั้นกีกวังแอบคิดว่ามันช่างโง่เหลือเกิน จะเป็นอะไรไปเล่าก็เขาน่ะ...
“พี่ก็เป็นผู้ชายนะ” แต่คำตอบนี้ก็ทำเอาดงอุนต้องร้องเหอะในลำคอ พลางเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้อีกจนรู้สึกถึงลมหายใจของอีกคน ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ทำให้กีกวังรู้สึกว่า เขาเองนั่นแหละที่โง่
“มันก็ผู้ชายอย่างนายไม่ใช่หรือไง ที่โดนลวนลามเมื่อคืน” ปฏิเสธไม่ได้ว่าใบหน้าที่กำลังมองอยู่นั้นน่ารักราวกับเป็นเด็กผู้หญิง ไหนจะเนื้อตัวที่ก็บอบบางไม่สมเป็นชายชาตรีเช่นดงอุน ผิวขาวๆเนียนๆ รู้ได้จากปลายจมูกโด่งที่กดแนบเมื่อสักครู่ ไหนจะกลิ่นหอมๆ ที่ก็ยอมรับว่าค่อนข้างพอใจ ใบหน้าใสเวลาขึ้นสีมันก็ชวนให้มองอย่างประหลาด แต่นั่นแหละ ทั้งหมดซนดงอุนจะสรุปง่ายๆว่ามัน... น่ารำคาญ
“ทำแบบนี้ ระวังจะไม่รอด”
ว่าจบก็ยันตัวเองให้ลุกขึ้น แล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำส่วนที่เป็นของห้องนอน ทิ้งให้กีกวังนอนกระพริบตาปริบมองเพดานสีขาวอยู่บนเตียงกว้าง แม้อีกคนจะลุกออกไปจากตัวแล้ว แต่คนตัวเล็กก็พบว่าตนไม่ได้หายใจสะดวกขึ้นสักเท่าไหร่ มัน...รู้สึกแปลกๆข้างใน
หน้าโรงเรียนมัธยมชื่อดัง คนร่างเล็กเช่นลีกีกวังกำลังยืนชะเง้อคอมองหาเด็กในความดูแลอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่มองมา เจ้าตัวไม่ได้รู้หรือสนใจมันสักนิด เลยไม่ได้เห็นว่าตนเองที่มายืนตรงนี้บ่อยครั้งถูกใจสาวน้อยหนุ่มใหญ่เข้าอย่างจัง แต่คนตัวเล็กทำแค่มองเข้าไปเพื่อตามหาตัวของซนดงอุน ที่อาจจะเดินออกมาพร้อมสาวๆ หรือไม่ก็เพือนฝูง
แม้จะผ่านไปเกือบเดือน เรียกได้ว่าสองสามอาทิตย์ กีกวังก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีไม่มีบกพร่อง อันที่จริงเห็นเขามารับดงอุนอย่างนี้ทุกวันคงคิดว่าความสัมพันธ์มันจะพัฒนาขึ้นด้วยล่ะสิ หมายถึงดงอุนอาจจะเชื่อฟังเขามากขึ้น แต่ไม่เลย รายนั้นน่ะ ยังร้ายเหมือเดิม
“ที่บ้านไม่มีอะไรให้ทำหรือยังไง ถึงต้องมากวนฉันที่นี่ทุกวัน” ดวงตาเรียวเล็กหาได้สนใจซนดงอุนที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋า กลับกันกีกวังมองผ่านคนตัวสูงไปด้านหลัง แถมยังชะเง้อคอเสียยืดยาว เล่นเอาคิ้วเข้มต้องขมวดได้ไม่ยาก
“มองหาอะไร” ถามเสียงห้วนให้รู้ๆว่าไม่ค่อยจะพอใจ อะไรวะ เขายืนอยู่นี่ยังจะมองหาใครอีก ซึ่งมันก็ทำให้คนตัวเล็กเบนสายตากลับมามองคนอายุน้อยกว่า
“ปกติเห็นออกมากับเพื่อนนี่ ไปไหนหมดล่ะ” ว่าแล้วก็ชะเง้ออีกที ท่าทางอย่างนั้นมันก็น่ารักน่าเอ็นดูเชียวล่ะ ในบางทีมันก็มากไปในความคิดของดงอุน
...น่ารำคาญ...
“ทำไม ติดใจคนไหนล่ะ” พูดซะ กีกวังต้องยู่ปาก หยาบคายกับเขาตลอดอ่ะ
ใช่ว่ามันจะเป็นอย่างที่ดงอุนพูดเสียๆหาย เพียงแต่ว่า กีกวังมาที่นี่ทุกวัน เรียกว่าทุกวันที่อีกคนมีเรียน แล้วมันก็ต้องเจอกับเพื่อนๆของดงอุน ใช่ เพื่อนๆกลุ่มเดิม รวมทั้งไอคนที่ได้ชื่อว่ามือปลาหมึกนั่นด้วย นานเข้ามันก็คุ้นเคย อีกทั้งพวกนั้นยังให้ความเคารพกับเขา เรียกเขาว่า ‘พี่’ น่ารักซะไม่มี ไม่เหมือนกับบางคนที่ยืนหัวโด่อยู่นี่หรอก อยู่มาจะเดือนและยังไม่เคยเห็นหัวกัน พี่สักคำก็ไม่เคยหลุดออกจากปาก
“มองแบบนั้น ด่าฉันอยู่รึไง” ราวกับรู้ใจ แหม แค่นี้ก็ดูออกด้วย
“อุตส่าห์มารับ พูดกับพี่ดีๆหน่อยสิ”
“งั้นทีหลังก็ไม่ต้อง” แทบจะอ้าปากค้างเมื่อดงอุนปฏิเสธน้ำใจอันดีงามของตนอย่างไม่ใยดี แถมพูดเสร็จก็ออกเดินนำไป ไม่รอกันเลย โหย พ่อคนหล่อ ดูดิ๊ ขนาดเดินธรรมดาหญิงยังมองตรึมเหอะ บางคนถึงกับร้องกรี๊ดออกมาแบบไม่อาย ตื่นเต้นอะไรจะปานนั้น ก็แค่ซนดงอุน ใช่ไง ก็แค่ซนดงอุน เออ แล้วทำไมเขาต้องรู้สึกหงุดหงิดด้วยอ่ะ
“จะกลับไหม หรือจะยืนอ่อยใคร” ระหว่างที่กำลังว้าวุ่นกับความคิดของตัวเองอยู่นั้น เสียงทุ้มก็แทรกขึ้นแบบหยาบคาย กระแนะกระแหนกันนี่ชอบทำนักล่ะ มองค้อนให้อย่างไม่พอใจ แต่ขาเรียวก็สาวตามไปอย่างรีบๆ
“พูดดีๆหน่อยไม่ได้หรือไงนะ ดูเพื่อนนายสิ ยังเรียกฉันว่าพี่เลย หัดเคารพกันมั่ง” เปิดปากบ่นๆ
“เล็งใครไว้ล่ะ”
“ดงอุน” เอ่ยเหมือนจะตำหนิ พูดอย่างนี้กับเขาได้ยังไง
“ทำไม!” เมื่อเห็นว่าอีกคนมีท่าทีไม่ค่อยพอใจ พูดด้วยทีไรก็ขึ้นเสียงทุกที กีกวังก็แค่มองอย่างน้อยใจก่อนจะก้มหน้า
“อืม ช่างเหอะ มันก็เป็นอย่างนี้มาแต่แรกอยู่แล้ว”
“อย่ามาทำได้ใจไป ที่ไม่ขัดอะไร ไม่ได้หมายความว่าต้องยอมทุกอย่างหรอกนะ”
“อืม ก็ไม่ได้หวัง” กีกวังยังเดินก้มหน้าก้มตาต่อไป ไม่ได้รู้เลยว่าอีกคนหยุดยืนไปเมื่อครู่
“นี่! จะเดินไปไหน จะกลับบ้านอ่ะ ทางนี้”
“อ๊ะ!!” ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะเหม่อไปหน่อย ไม่ทันไรพอเงยหน้าขึ้นตามเสียงท้วงของดงอุนก็ได้รับแรงกระแทกเข้าอย่างจังจนหกล้มลงกับพื้น
“เฮ้ย อะไรวะ! เดินยังไงเนี่ย!” ชายหน้าตาโหดเหี้ยมสามสี่คนที่กีกวังเห็น หนึ่งในพวกนั้นตรงเข้าดึงลำแขน กระชากให้คนตัวเล็กลุกขึ้นยืน ความเจ็บที่โดนดึงอย่างแรงก็ส่งผลให้เสียงใสร้องประท้วงออกมา แต่พวกนั้นก็ไม่ได้สนใจสักนิด
“แม่ง หน้าตาดีชิบหาย” ชายคนหนึ่งพูดอย่างเพ้อๆ พร้อมทั้งโลมเลียด้วยสายตา
“เล่นพอรึยัง” ซนดงอุนที่เงียบมองไม่ไหว เดินเข้ามากระชากกีกวังให้ไปหลบอยู่ด้านหลัง ความสูงที่ก็ไม่ได้แพ้กัน มันก็เดายากว่าหากมีเรื่อง ใครกันที่จะชนะ แต่นั่นหมายถึงหนึ่งต่อหนึ่ง ไม่ใช่สี่ต่อหนึ่งเช่นนี้ ผู้คนพยายามเดินออกไปให้ไกลจากบริเวณนี้เพราะเกรงว่าจะโดนลูกหลง
“ยุ่งอะไรด้วยวะ!” เสียงทุ้มใหญ่ดูจะไม่ค่อยพอใจ สายตาก็ยังพยายามมองผ่านดงอุนมาหากีกวังจนคนตัวเล็กสะดุ้ง
“แม่งเอ๊ย” เป็นดงอุนเองนั่นแหละที่สบถออกมาเบาๆ รู้สึกโคตรจะหงุดหงิดเลยว่ะ พอเห็นไอหน้าเหียกนั่นส่งสายตามองคนด้านหลัง คนตัวสูงสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะดึงข้อมมือเล็กให้ออกเดินไปพร้อมกับตน
ทว่า...
“กูกำลังจะกลับบ้าน” ดงอุนต้องหันมาบอกเสียงเย็นกับชายตัวใหญ่ที่ถือวิสาสะจับเข้าที่ข้อมือเล็กอีกข้าง ดูเหมือนดวงตาคมจะดุกว่าทุกวัน ส่วนคนกลางก็กลัวจนตัวสั่น
“มึงก็กลับไปดิ ทิ้งไอนี่ไว้ให้กู” สื่อเป็นนัยๆว่า กูจะเอามึงก็ต้องให้ อยากกลับก็เดินไป พร้อมกำลังเสริมจากลูกกระจ๊อกด้านหลังเขยิบขาเข้ามาใกล้ตามลูกพี่
นั่นแหละที่ทำให้ซนดงอุนต้องแค่นหัวเราะ กลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเบนกลับไปมอง
“กูไม่ให้ แล้วมึงก็ปล่อยคนของกูได้แล้ว!”
ตุบ!
อั่ก!
ถีบคนเดียวแต่ล้มไปถึงสี่คนราวกับเล่นโดมิโนก็ไม่ปาน มือที่ถือวิสาสะจำต้องหลุดออกจากข้อมือเล็ก ชายคนที่เหมือนเป็นลูกพี่เงยหน้ามองดงอุนอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไม่พูดพร่ำทำเพลง พอพยุงตัวเองลุกขึ้นได้ชายหน้าโฉดก็กระโจนใส่ดงอุน เช่นกันกับลูกน้อง ร้อนคนอายุสิบแปดต้องรีบผลักกีกวังให้พ้นทาง แล้วตัวเองก็หันมารับมือกับชายเหล่านั้น หนึ่งหมัดที่แลกมาด้วยความโกรธ กระทบใบหน้าหล่อเข้าอย่างจังจนได้กลิ่นคาวเลือด
“ดงอุน!!” เหลือบสายตามองคนร่างเล็กที่ยืนสั่นอย่างทำอะไรไม่ถูก ยกหลังมือขึ้นปาดของเหลวสีแดงข้นที่มุมปาก ก่อนจะต้องเบิกตา เมื่อหนึ่งในพวกมันตรงเข้าไปหากีกวัง พลันแรงกระแทกที่ด้านหลังก็ทำเอาดงอุนเกือบหน้าคะมำ
“เป็นห่วงตัวมึงก่อนเถอะ!” เสียงทุ้มจากเจ้าของรอยเท้า ยิ่งทำให้ดงอุนโมโห ทว่าไม่ใส่ใจ ขาเรียวกลับก้าวไปทางกีกวังที่กำลังถูกฉุดกระชาก แต่มันไม่ง่าย ในเมื่อด้านหลังถูกล็อคด้วยสองโดยมีอีกหนึ่งอยู่ด้านหน้า เท่านั้นดงอุนก็รับรู้ถึงความเจ็บปวดทางร่างกาย ทั้งมือทั้งเท้าพุ่งเข้ามาใส่ไม่ยั้ง
“อั่ก!” ของเหลวสีข้นไหลออกจากมุมปากจำนวนมาก ดงอุนแค่พ่นมันลงพื้น พลางเหลือบมองอีกคนที่กำลังแย่
“อ๊ากก!! ไอเวร อั่ก!” แทบร้องไม่เป็นภาษา เมื่อถูกกีกวังกระโดดกัดหู แถมยังเตะเข้าที่จุดศูนย์กลาง ทำเอาจุกจนลุกไม่ขึ้น คนหน้าหวานพอเห็นว่าตนเองเป็นอิสระก็พุ่งมาหาพวกที่รุมดงอุนทันที
“ปล่อยนะโว้ย!! อย่าทำเขานะ! ย่าห์!!” กระโดดขี่หลัง รัดคอ จนไอคนที่กำลังจะยกไม้ตีเด็กในความดูแลหายใจไม่ออก หน้าดำหน้าแดง พยายามสลัดร่างเล็กๆที่เกาะเหนียวหนึบอย่างกับตุ๊กแก
“อ๊ะ!!”
ตุบ!
และเหมือนจะสำเร็จ เมื่อคนตัวโตสลัดร่างจิ๋วๆของลีกีกวังออกได้ ไม่รอช้ารีบตรงเข้าไปหวังจะซ้ำเติมด้วยความโมโห ยกไม้ขึ้นชี้ใบหน้าใสของคนที่นั่งอยู่บนพื้นซีเมนต์
“มึงนี่ แม่ง เกะกะจริงๆ อยู่เฉยๆแบบไม่เจ็บตัวไม่ชอบ” กระชับไม้ในมือ เลยกลายเป็นว่าไม่รู้ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายสู้กันเพื่ออะไร รู้แต่ว่าแม่งถีบกูก่อน กูต้องเอาคืน ซึ่งคนตัวเล็กพอเห็นอีกฝ่ายง้างไม้เตรียมจะฟาดลงมาที่ตน ดวงตาเรียวเล็กก็หลับปี๋อย่างกลัวสุดชีวิต
ผัวะ!!!
สะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงไม้กระทบกับอะไรสักอย่างเข้าอย่างจัง เสียงสนั่นแบบนั้นไม่ต้องบรรยายก็รู้สึกได้ว่าเจ็บมาก เจ็บ กีกวังเชื่อแล้วแน่ๆว่าต้องเจ็บ เออ แล้วทำไมมันไม่เจ็บอ่ะ
ค่อยๆลืมตาขึ้นดู แล้วก็ต้องเบิกกว้างเมื่อเห็นแค่ลำแขนแกร่งของดงอุนเข้ารับไม้แทนหัวของตน ราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่างก็ไม่ปาน กีกวังตกใจมากถึงมากที่สุด ลำแขนยาวที่โอบล้อม รัดตัวเขาให้อยู่ในอ้อมกอด ทั้งๆที่ ทั้งๆที่ สี่คนนั้นกำลังรุมซ้ำเติมดงอุน
อึก! อึก!
สีหน้าแสดงความเจ็บปวด หากไม่มีสักนิดเสียงร้องคร่ำครวญ มันก็มีแค่ดวงตาดุคมที่มองกีกวังในแบบที่ต่างออกไปจากทุกที คนตัวเล็กแทบจะปล่อยโฮเมื่อได้เห็น คนพวกนั้นใจร้ายเกินไปแล้ว
น้ำตาหนึ่งหยดกลิ้งลงพร้อมแรงสะอื้น แนวฟันขาวขบริมฝีปากไว้แน่นเมื่อเห็นเลือดไหลลงตามดวงหน้าหล่อ มันหยดลงบนเสื้อของกีกวัง หยดแล้วหยดเล่า ทว่า คนพวกนั้นก็ยังไม่หยุด
ปี้ด! ปี้ด! ปี้ด!
ราวกับเสียงระฆังช่วยไว้ ชายร่างใหญ่สี่คนพากันวิ่งไปคนละทิศคนละทาง เมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่สองสามนายมุ่งตรงมาพร้อมกับเป่านกหวีดไล่
ทันทีที่เป็นอิสระ ลีกีกวังก็ไม่รอช้า รีบสำรวจ ปัดป่ายมือไปตามร่างของดงอุนทันทีอย่างลนลาน ใบหน้าหวานที่ปรากฏรอยน้ำตาก็ตกใจไม่น้อย ดูท่าเลือดจะออกมากก็ตรงศีรษะ เพราะเอื้อมมือสำผัสมันก็เปื้อนสีแดงข้นเต็มมือ
“หยุดเลยนะ น่าเกลียดชะมัด” ดงอุนเอ่ยห้ามคนตัวเล็กที่กำลังจะเบะปากร้องไห้ ยามมองไปที่มือเปื้อนเลือดของเจ้าตัว และเหมือนจะสั่งได้หรืออย่างไร กีกวังกลั้นฉับทุกก้อนสะอื้นเลยทีเดียว
“นี่ ลุกไหวไหม ดงอุน ดงอุน ดงอุน!” แต่ก็เหมือนจะไม่ได้ผล เพราะทันทีที่คนตัวสูงหมดสติ บ่อน้ำตาของคนตัวเล็กก็พังครืน
“ช่วยด้วยครับ!!” กีกวังตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากคนที่อยู่รอบๆอย่างร้อนรน ถึงแม้ตอนแรกจะไม่มีใคร แต่พอเจ้าหน้าที่มา คนอื่นๆก็เริ่มมาช่วยเช่นกัน
...ความจริงเรื่องนี้มันเพราะเขาคนเดียวเลย...
To be con.
อ่า ...ความน่ารักเป็นเหตุ...
คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากค่ะ ก็เห็นกันอยู่ว่า ความน่ารักของลีกีกวัง ทำให้...
ซนดงอุน... รำคาญ
มีเรื่องกับนักเลง...
ซนดงอุนก็เลย... หมดสติ
เล่ยง่ายๆ เอิ้กๆๆฝากไว้ด้วยน้า...
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและเม้นให้กำลังใจกันค่ะ ^^
ความคิดเห็น