คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [SF] Fiction and Fact
Title : [SF] Fiction and Fact
Author : oumser
Pairing/Couple : Gongchan x Jinyoung ft. Sandeul
Rating : PG-13
Talk : -
- นี่เป็นการนำเรื่องเก่ามารีไรท์ การรีไรท์คือเขียนใหม่ทั้งหมด (ไม่ใช่เปลี่ยนแค่ชื่อตัวละคร) โครงเรื่องของฟิคเรื่องนี้เป็นของ SHINee และ SNSD มาก่อน ซึ่งแน่นอนแต่งเอง ไม่มีการลอกมาจากใครเด็ดขาดค่ะ
- ซึ่งของ B1A4 อย่างที่บอกว่ารีไรท์ อุ้มได้เขียนใหม่ทั้งหมด ทุกตัวอักษร แม้กระทั่งชื่อเรื่อง... แต่พล็อตยังคงเหมือนกับต้นฉบับเดิม
- อาจจะงง เพราะภาษาไม่แข็งแรง เอิ้กๆ ขอให้ทุกคนชอบ เพี้ยง!!!
แสงสว่างอ่อนๆของเช้าวันใหม่สาดส่องเข้ามาภายในห้องนอนของคอนโนมิเนียมหรูย่านใจกลางเมือง ผ่านประตูกระจกของระเบียงและผ้าม่านเนื้อบางสีขาว ทำให้ห้องทั้งห้องสว่างแม้จะไม่ได้พึ่งไฟนีออน
ดวงตาคมยังคงจับจ้องไล้มองหน้าหวานใสของอีกคนที่นอนอยู่ข้างกันตั้งแต่ลืมตาตื่น กงชานยังคงนอนตะแคงมองใบหน้าใสของคนรัก ดวงหน้าน่ารักที่กำลังหลับพริ้ม กงชานกำลังมองอย่างไม่รู้เบื่อ
...ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือใบหน้าของผู้ชาย มันหวานยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก...
มือขาวเลื่อนขึ้นปัดปอยผมที่ร่วงลงมาปิดตาของคนข้างกาย ก่อนจะระบายยิ้มน้อยๆเมื่ออีกคนเอามือขึ้นมาปัดป่ายเหมือนกับรู้สึกรำคาญทั้งที่ยังไม่ได้ลืมตา น่ารักจนกงชานอดไม่ได้ที่จะเลื่อนมือขึ้นมาบีบจมูกรั้น เจ้าของจึงขมวดคิ้วยุ่ง งึมงำออกมาในที่สุด
“อือ...กงชาน อย่าสิ” ส่ายหน้าเบาๆพลางเบียดร่างเล็กๆของตัวเองเข้าหาอกอุ่นของอีกคน ขี้อ้อนซะไม่มีล่ะ
“เช้าแล้วนะ ทำไมถึงขี้เซาขนาดนี้ล่ะครับ พี่ซานดึล” ผงกหัวขึ้นมาเป่าลมใส่หูคนขี้เซาเป็นการแกล้ง ความสุขของกงชานเขาล่ะได้เห็นคนตัวเล็กหน้าแดง หลบหลีกอย่างเขินอายเนี่ย คนโดนแกล้งเลยจำต้องลืมตาขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้
“ขี้เซาๆ พูดออกมาได้นะ ที่พี่นอนไม่พอ สาเหตุมันไม่ได้มาจากเราหรือยังไง” ฟาดมือเข้ากับหน้าอกแกร่งของคนตัวโต อีกข้างก็ขยี้ตาด้วยความง่วงงุน เพราะดูท่าเขาเพิ่งจะนอนไปไม่กี่ชั่วโมง แดดข้างนอกยังไม่แรงดีเสียด้วยซ้ำ
“ก็อยากทำตัวน่ารักทำไมล่ะครับ” เสริมในใจอีกนิดว่าน่าฟัดอีกต่างหาก ข้อนี้สำคัญแต่ถ้าพูดออกไปพาลคนตัวเล็กจะประทุษร้ายเอา
“ไม่ต้องทำมาเป็นพูดดี เอาเปรียบพี่ตลอดนั่นแหละเราน่ะ” คิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนแล้วก็ต้องหน้าแดงขึ้นมาอีกระลอก ฝังหน้าลงกับอกเปลือยของกงชานเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะสบกับนัยน์ตาคู่คม เพราะภาพมันยังชัดเจน ภาพที่กงชานมองเขาอย่างลึกซึ้ง มันมีความหมายซะซานดึลไม่อาจทนได้
“พี่ก็อย่าทำแบบนี้บ่อยสิครับ ไอแบบ...น่ารักเกินจะห้ามใจน่ะ” ยิ้มกริ่มขึ้นอีกเมื่อคนตัวเล็กขยับเข้ามาซุกจนเหมือนจะรวมร่างกับเขาอยู่แล้ว ก็เขินน่าเอ็นดูขนาดนี้ จะให้ทนยังไงไหว
“พี่เปล่าทำ” กงชานร้องหือในลำคออย่างแปลกใจทันที ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆให้กับความคิดของตัวเอง
...ปากว่าไม่ แต่เสียงหวานๆกับร่างนิ่มๆที่เบียดเขาอยู่นี่ล่ะ...
“พี่ก็ทำอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ แต่ดีเหมือนกันนะ... ผมชอบ” คนที่ได้กำไรทั้งขึ้นทั้งร่องกอดกระชับเอวบางให้แน่นกว่าเดิม เพื่อให้ไออุ่น เกยคางลงกับศีรษะมนที่อยู่ข้างใต้ หากมือขาวก็ยังไม่วายลูบๆคลำๆเนื้อเนียนให้ซานดึลสะท้านเล่น
“กงชาน! ไม่เอานะ พี่ยังไม่หายเจ็บเลย” อยากจะกระเถิบตัวออกห่างทันทีที่สัมผัสได้ถึงความร้อนของฝ่ามือ แต่คนอายุน้อยกว่าก็ทำเพียงเลิกคิ้วมองเขาพลางทำหน้าไร้เดียงสาสุดชีวิต
“ผมยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
“ยังไม่ได้ทำของเราน่ะ เดี๋ยวก็ทำ” เพราะมันก็เป็นแบบนี้มาตลอดคืนแล้ว คนรู้ทันไม่ยอมเจ็บอีกอย่างแน่นอน แค่นี้ก็ระบมไปทั้งสะโพกแล้ว แถมยังไม่รู้ว่าถ้าหากลุกขึ้นเขาจะเดินไหวหรือเปล่าเนี่ย
“ใจร้ายจังเลยนะครับ อดอาหารเดี๋ยวผมก็ไม่โตกันพอดี” พ่อเด็กวัยกำลังกินกำลังนอน(?) อ้างขึ้นมามั่วๆสั่วๆ แหม ก็อาหารจานนี้รสเลิศขนาดไหน กงชานที่รู้ๆอยู่ก็อยากจะกินไปจนตายนั่นแหละ กินเยอะๆ
“อย่ามาทะลึ่ง”
“โอ๊ย!” ร้องเสียงหลงเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงขบกัดบริเวณหน้าอก พอคนร่างเล็กละใบหน้าออกเท่านั้นแหละ กงชานก็เห็นรอยฟันเรียงกันอย่างสวยงามเชียว บรรจงงับซะด้วยนะ ซึ่งคนทำก็ยิ้มกริ่มขึ้นมาบ้าง แต่พอเห็นว่าอันตรายเริ่มจะรุกรานเข้าหาตัว ด้วยเพราะอีกคนหรี่ตามองมาทางเขาราวกับเห็นเหยื่ออันโอชะ ซานดึลก็รู้ได้ในทันทีว่าตัวเอง...
“อ๊ะ! กงชาน!”
คงไม่รอดในเช้านี้...
================= =================== ==================
“ไปกินข้าวกัน” บอกพร้อมกับยกถุงกระดาษบรรจุกล่องข้าวที่ลงมือทำเองขึ้นชูในระดับสายตา หากแต่คนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงหน้ากลับไม่มีแววว่าจะเงยขึ้นมามองมันเลยสักนิด คนที่อุตส่าห์ตื่นเช้าลุกขึ้นมาทำข้าวกล่องสำหรับสองที่ก็เลยรู้สึกฉุน หน้าสวยๆก็เรียบตึงขึ้นมาทันที กระแทกกล่องข้าวตึงตังลงกับโต๊ะ
“เฮ้! จองจินยอง ทำอะไรของนายเนี่ย” ขมวดคิ้วโวยวายเป็นการใหญ่ นัยน์ตาคมจ้องคนร่างเล็กที่เข้ามาขัดการอ่านหนังสือตรงหน้าไม่วางตา พลางถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
“ฉันบอกให้ไปกินข้าว นายไม่ได้ยินหรือยังไง กงชาน” ฟังดูมันเหมือนประโยคคำสั่งแฮะ แต่ก็นั่นล่ะ คนที่รู้สถานะของตัวเองดีไม่อาจที่จะปฏิเสธคนหน้าหวานได้
“ขอฉันมีเวลาส่วนตัวบ้างไม่ได้หรือยังไงจินยอง ทำไมนายต้องมาคอยบังคับฉันให้ทำนู่นทำนี่อยู่เรื่อยเลย” ปากเอ่ยอย่างนั้นแต่มือขาวก็จัดการเก็บหนังสือตำราสองสามเล่มลงกระเป๋า คิ้วเข้มที่ขมวดยุ่งและหน้าหล่อที่บึ้งบูดก็ดูจะไม่ค่อยพอใจ
แต่เอาล่ะ จินยองก็ชินเสียแล้วกับภาพแบบนี้ เพราะกงชานไม่เคยเต็มใจที่จะทำอะไรเพื่อเขาอยู่แล้ว ไม่เคย ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง หากเป็นเรื่องของคนคนนั้น กงชานจะตั้งใจและเต็มใจทำมันเสียงยิ่งกว่าสิ่งใด แม้จะไม่ได้ถูกเรียกร้องอย่างที่เขากำลังทำมันอยู่ เขามันประเภทเรียกร้องความสนใจอยู่แล้วนี่ เลยมักจะทำให้กงชานรำคาญ และเบื่อหน่าย แต่จะให้ทำยังไงล่ะ ในเมื่อทั้งหมดที่ทำไป...
...ก็เพราะอยากให้นายมารัก...
มันก็เท่านั้นเอง
“หนึ่งพันล้าน” อยู่ดีๆก็เอ่ยขึ้นมา ราวกับจินยองอยากจะเตือนความจำให้กงชาน ซึ่งพอได้ยินคนตัวสูงก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างเซ็งๆ ขอบอกว่ากงชานจะถอนหายใจบ่อยมากเวลาอยู่กับจินยอง
“นายไม่ต้องเอาเรื่องเดิมๆขึ้นมาพูดหรอกจินยอง ฉันเบื่อฟังมันจะแย่อยู่แล้ว พอๆกับที่ฉันเบื่อนายด้วยนั่นแหละ” ไม่ใช่ว่าเก่งที่ยังทำหน้านิ่งอยู่ได้ยามได้ยินคำพูดทำร้ายจิตใจ เพียงแต่ว่าจองจินยองชิน ชินซะแล้วกับความเย็นชาของกงชาน หรือไม่ อย่างน้อยก็อย่าร้องไห้ให้อีกคนเห็นเด็ดขาด
“แต่บ้านนายติดหนี้บ้านฉัน เพราะฉะนั้น ฉันจะให้นายทำอะไรมันก็ย่อมได้ ไม่อย่างนั้นก็เอาคอนโดฯกับรถของนายมาสิ” ถ้าไม่แสดงความอ่อนแอ จินยองก็ต้องแข็งกระด้างเข้าไว้ ต้องทำตัวนิสัยไม่ดีเข้าไว้
“ฉันเกลียดนายก็เพราะอย่างนี้แหละจินยอง เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งวุ่นวายกับฉันสักทีวะ” ลุกพรวดยืนขึ้น ส่งสายตาเสียดแทงไปให้คนหน้าสวย ก่อนจะเดินนำออกไปจากห้องเรียนที่ไม่มีนักศึกษาคนอื่นๆอยู่เลย
ดวงตาเรียวเล็กมองตามแผ่นหลังกว้างของกงชาน มอง และมอง จินยองก็ทำอย่างนี้มาตลอด เพราะไม่มีครั้งไหนที่คนตัวสูงจะไม่หันหลังให้เขา... ไม่มี
หากจะพูดว่าชินซะแล้ว จองจินยองก็คงจะโกหก เพราะยังไง ความรู้สึกร้อนๆที่ขอบตามันก็ไม่สามารถหลอกตัวเองได้ ว่าไม่ได้กำลังเสียใจ ไม่ได้เสียใจกับทุกคำพูดของกงชาน ที่มันทำร้ายจิตใจกันเหลือเกิน
แต่น้ำตา... มันแสดงถึงการมีกงชานอยู่ข้างกาย จองจินยองก็ยอม ที่จะร้องไห้อยู่ตรงนี้เงียบๆคนเดียว...
================= =================== ==================
แกร็ก!
เสียงล็อคอัตโนมัติของประตูคอนโดมิเนียมดังขึ้นหลังจากที่กงชานจัดการปิดมัน ปากหยักยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะถอดเสื้อคลุมตัวยาวแขวนไว้ที่ราวไม้ใกล้ๆ แล้วถอดรองเท้าผ้าใบเนื้อดีวางไว้ชิดกับผนังอย่างเป็นระเบียบ จากนั้นก็สาวเท้าเดินเข้ามาภายในส่วนนั่งเล่น คิ้วเข้มก็ต้องเลิกขึ้นน้อยๆ เมื่อไม่พบคนรักที่น่าจะรอเขาอยู่ตรงนี้เหมือนทุกวัน
จัดการวางถุงพลาสติกในมือที่แวะซื้อหลังกลับจากมหาวิทยาลัย เป็นของกินง่ายๆสำหรับสองคน ก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องนอน กงชานก็เริ่มใจไม่ดี เพราะด้านในก็ไม่พบคนตัวเล็กเช่นกัน เตียงสะอาดว่างเปล่า ขาเรียวก็ก้าวต่อไปยังห้องน้ำ ราวกับลมหายใจเหมือนจะติดขัด กงชานเริ่มหวาดกลัวขึ้นทีละนิด ความกลัวที่ฝังลึก
“พี่ซานดึล!” เสียงทุ้มดังก้องไปทั่งทั้งห้อง ทว่าคนที่แสนรักก็ยังไม่ปรากฏ กงชานกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากห้องนอน หน้าขาวที่ตื่นตระหนกบอกได้อย่างดีเหลือเกินว่า กลัวอีกคนจะจากไป
“พี่ครับ!!” เหมือนขอบตามันร้อน เหมือนเขาอยากจะร้องไห้ เหมือนมีใครมาเอาหัวใจ
...เขาต้องออกไปตามหา...
หนึ่งความคิดแล่นเข้ามาในสมอง ไม่รอช้า คนที่เพิ่งจะกลับเข้ามาก้าวยาวไปใส่รองเท้าทันที รีบร้อนเสียจนกลายเป็นลนลาน กงชานกำลังกลัว กงชานกลัวว่าพี่ซานดึลจะจากไป แค่คิดน้ำตามันก็พาลจะไหล แค่คิดว่าจะไม่มีพี่อยู่ข้างๆกัน ผมก็อยากจะร้องไห้...
มือขาวกระชากประตูเปิดออกอย่างรวดเร็วทันทีที่ใส่รองเท้าเสร็จ เสื้อคลุมไม่เป็นที่สนใจ ตอนนี้กงชานอยากจะพาพี่ซานดึลกลับมาให้เร็วที่สุด อยากจะเจอให้เร็วที่สุด
ทว่ายังไม่ทันก้าวพ้นจากขอบประตู...
“กงชาน” เสียงใสก็ดังขึ้นด้านหลังเรียกใบหน้าหล่อให้หันขวับกลับเข้ามามองในห้องทันที เผลอกลั้นหายใจ เผลอหยุดหายใจ เมื่อสิ่งที่เห็นก็คือซานดึลคนที่เขาตะโกนเรียกอยู่นาน คนที่เขากลัวว่าจะจากไป
“กลับมาแล้ว จะออกไปไหนอีกเหรอ” ถามอย่างไม่รู้ราวพลางถอดหูฟังและสัมผัสหน้าจอไอพอดเล็กน้อยก่อนจะวางมันไว้บนโต๊ะใกล้ๆโซฟา แล้วสาวเท้าเข้ามาใกล้กับกงชานที่เหมือนจะแข็งเป็นหินไปเรียบร้อย
“เป็นอะไรไป ดูทำหน้าเข้าสิ” และทันทีที่สัมผัสได้ถึงมือนิ่มของซานดึลบนใบหน้า น้ำตาที่ทำท่าจะไหลตอนแรกก็รินลงมาช้าๆ
“ร...ร้องไห้ทำไมล่ะกงชาน” คราวนี้คนอายุมากกว่าก็ถึงกับตะกุกตะกัก ลนลานแทนขึ้นมาซะเฉยๆ มือนิ่มปาดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน พลันเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ เหมือนซานดึลเองก็อยากจะปล่อยสะอื้น
“เมื่อกี้พี่อยู่ที่ไหนครับ” เสียงทุ้มเบาหวิว กงชานยังยืนนิ่งไม่ขยับ ทั้งที่ตั้งใจว่าถ้าเจอคนรักแล้วจะกอดให้แน่น เพียงแต่ว่าเขายังช็อค ยังหายใจไม่ทั่วท้อง
“อืม พี่อยู่ข้างนอก... ตรงระเบียง ฮึก...เมื่อกี้เราหาพี่ไม่เจอใช่ไหม เมื่อกี้ตะโกนเรียกพี่ใช่หรือเปล่า พี่ขอโทษนะที่ไม่ได้ยิน พี่ขอโทษ... อย่าร้องไห้เลยนะ” ซานดึลโผเข้ากอดคนตัวสูงไว้แน่น ไอที่บอกเขาไปตัวเองก็ยังทำไม่ได้ ปล่อยโฮเสียยิ่งกว่า
“ผมกลัว... ผมกลัวว่าพี่จะทิ้งผมไป... อย่าปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวนะครับ” กอดกระชับแน่นยิ่งกว่า ซุกหน้าลงกับลาดไหล่บางอย่างโหยหา
“ไม่... พี่จะไม่ทิ้งเราไปไหน อย่าร้องไห้อีกเลยนะ อย่าร้อง”
อย่าร้องไห้ให้กับซานดึลคนนี้อีกเลยนะ กงชาน...
================= =================== ==================
“จินยองของเยอะแล้วนะ กลับกันได้หรือยัง” คนที่ต้องมาเป็นเด็กหิ้วของบ่นเป็นรอบที่สิบกว่าๆ เพราะดูท่าถุงกระดาษในมือมันชักจะมากขึ้นๆตามเวลาเสียด้วยสิ แล้วอีกคนล่ะ เดินเป็นคุณหนูตัวบางตัวปลิวเชียวนะ
“ฉันยังไม่อยากกลับ” บอกอย่างเอาแต่ใจ แม้ตัวเองก็ชักจะเมื่อยขาอยู่เหมือนกัน เล่นเดินซื้อของมาร่วมสองชั่วโมง เดินอย่างเดียวยังไม่ได้พักเลยเนี่ย
แล้วในเมื่อจินยองยังไม่อยากกลับ กงชานจะทำอะไรได้เล่า นอกจากตามใจและเดินตามต่อไปเรื่อยๆ
“นี่ แล้วทำไมถึงซื้อแต่เสื้อผ้าตัวใหญ่ๆ นายจะใส่มันได้หรือยังไง ตัวเล็กอย่างกับแมว” ใช่ว่าจะละเลย กงชานก็คอยมองอยู่ตลอดนั่นแหละว่าคนตัวเล็กเลือกซื้ออะไร หรือว่าหยิบจับอะไร
“แล้วใครว่าฉันจะใส่เองล่ะ” บอกก่อนจะหยิบเอาหมวกไหมพรมสีขาวขึ้นมาสวม พลางส่องกระจกที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ อดชื่นชมตัวเองอยู่ในใจไม่ได้จนต้องระบายยิ้มกว้าง
ความจริงที่เห็นกงชานก็ยอมรับอ่ะนะ... ว่าจินยองก็น่ารักดี
“อย่าบอกว่าทั้งหมดนี่ของฉัน” เดาไม่อยากหรอกถ้าเป็นจองจินยอง แล้วเชื่อเถอะว่ากงชานเดาไม่ผิด
“อือ”
งวดหน้าขอรางวัลที่หนึ่งเลยนะ...
จินยองชอบเขาหรืออาจจะมากกว่านั้น ข้อนี้กงชานเองก็รู้ดี เพราะถึงยังไงคนตัวเล็กก็เป็นคนเดียวที่เขาสนิทด้วย เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งเขาก็ไม่อยากจะทำลายความสัมพันธ์ดีๆของเราทิ้งซะ เพียงเพราะแค่ว่าจินยองรักตน แต่ในเมื่อเขารักอีกคน ความสงสารมันก็มี ความเห็นใจมันก็มี ทำไมจะไม่รู้ว่าจินยองร้องไห้คนเดียว ผู้ชายคนนี้อ่อนแอกว่าที่เห็น อ่อนแอแต่ทำเป็นเข้มแข็ง แล้วทำไมถึงพูดจาไม่ดี พูดจาทำร้ายจิตใจ เพราะหากจินยองยังไม่เลิกรักเขา แล้วเมื่อไหร่จะเลิกร้องไห้คนเดียวเล่า เพราะกงชานก็ไม่อยากเห็นจองจินยองต้องร้องไห้...
“กลับกันเถอะจินยอง” หน้าหวานหันมาหากงชานทันที คิ้วเรียวเลิกขึ้นน้อยๆ
“นายเบื่อ?”
“อืม”
พูดไปอย่างนั้นแหละ เพราะพูดอย่างนี้อยู่ประจำ ใช่ว่าเที่ยวกับจินยองจะไม่สนุก
“งั้นกลับกันเถอะ” คนที่เผลอกลั้นหายใจไปนิดกับคำตอบตรงๆของกงชาน ยอมกลับบ้านในที่สุด มือเล็กวางหมวกไหมพรมลงที่เดิม ก่อนจะเดินนำออกไป เดินนำไปอย่างเงียบๆ
และมันก็เงียบมาตลอดทางจนกระทั่งรถคันหรูจอดสนิทลงที่หน้าบ้านตระกูลจอง แต่คุณหนูของบ้านก็ยังไม่ยอมขยับแม้แต่จะเปิดประตูรถ ดวงตาเรียวเล็กทอดมองออกไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอย ในหัวสมองมีเรื่องมากมายให้คิดให้ทบทวน ซึ่งกงชานเองที่เป็นสารถีชั่วคราวก็ไม่ได้ว่าอะไร ทั้งยังลงมือปลดเข็มขัดนิรภัยออกให้จินยอง ไม่ลืมที่จะเลื่อนมือขาวขึ้นมาขยี้ผมนุ่มสีน้ำตาลทองเบาๆสองสามที เป็นอันรู้กันว่าอย่าคิดมาก
“กงชาน” เจ้าของชื่อเลิกคิ้วน้อยๆเหมือนจะถามว่ามีอะไร สบเข้ากับดวงตาเรียวเล็กเมื่ออีกคนหันมา
“เมื่อไหร่จะลืมเขาสักที” ถ้าจะเปรียบวาจาของจินยองเป็นมีด มันก็คงจะคมมากจนกรีดลึกเข้าไปในอกของกงชาน ใบหน้าหล่อที่วาดด้วยรอยยิ้มถึงหุบฉับลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเบนหน้าไปอีกทาง
“เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก” เพราะต่อให้ทำยังไงกงชานก็จะไม่มีวันเลิกรักซานดึลแน่ เขาจะรักซานดึลคนเดียว
“เขาทิ้งนาย ทำไมถึงยังรักอยู่อีก” บอกก่อนว่าจินยองค่อนข้างเอาแต่ใจและดื้อ ดื้อที่จะพูดออกมาในสิ่งที่คิด
“จินยอง ฉันบอกนายแล้วไง ว่าถ้ายังอยากจะเห็นหน้าฉันอยู่ ก็อย่าพูดแบบนี้!” กงชานเริ่มจะขึ้นเสียงใส่คนตัวเล็กก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ อาจเพราะความกลัวแบบเดิมๆเริ่มจะกลับมา เริ่มเข้ามาครอบคลุมจิตใจ
“ทำไมล่ะ! ทำไมถึงเป็นฉันบ้างไม่ได้ ทำไมต้องเอาแต่คิดถึงคนที่ทิ้งตัวเอง... อื้อ” เสียงหวานเงียบหายเมื่อมือขาวของกงชานถูกยกขึ้นมาปิดปากนิ่มเอาไว้ เป็นการบอกให้หยุดพูดเสียที เพราะแค่นี้มันก็ทำร้ายเขาจะแย่อยู่แล้ว
“ทำไมนายถึงใจร้ายนักจินยอง... ฉันรักพี่ซานดึลมาก นายก็รู้...” หนึ่งหยดแทนคำขอความเห็นใจไหลลงให้คนตัวเล็กได้เห็น และหลายๆหยดแทนความรักทั้งหมดที่มอบให้กับซานดึลเพียงคนเดียว ทว่าเสียงสะอื้นที่ดังมากลับไม่ใช่ของกงชาน แต่เป็นจินยอง ที่ก็รู้สึกทรมานไม่ต่างกัน ร่างเล็กๆกำลังสั่นเทาอย่างน่าสงสาร กงชานเลยต้องละฝ่ามือออกจากปากบาง
“แล้วทำไม...ฮึก นายถึงใจร้ายกับฉันจังเลยล่ะกงชาน ทั้งที่ฉันรักนาย แต่ทำไม นายถึงเอาแต่รักเขาอยู่คนเดียว” ดวงตาที่แดงก่ำและบอบช้ำสบเข้ากับนัยน์ตาคู่คม จินยองสะอื้นไห้อย่างน่าสงสาร มันมากจนกงชานก็ทนดูไม่ได้ เจ้าตัวยกมือขึ้นปาดน้ำตาข้างแก้มของตัวเองอย่างลวกๆ ก่อนจะเอ่ย
“วันนี้ฉันเหนื่อยมากแล้วล่ะจินยอง นายลงไปเถอะ” ออกปากไล่กลายๆ คนตัวเล็กก็พยักหน้ารับอย่างง่ายดายกว่าที่เคย ใช้หลังมือเช็ดน้ำตาสองสามทีก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไป
ทันทีที่จินยองปิดประตู รถคันหรูก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว จนลับตาไปในที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นคนตัวเล็กก็ยังมอง... แม้จะไม่มีรถของกงชานอยู่ตรงนั้น แม้จะไม่มีกงชานอยู่ตรงนั้น จินยองก็ยังอยากมอง
มันก็เหมือนกับหัวใจของกงชาน ที่ไม่มีเขาอยู่เช่นเดียวกัน
แต่เขาก็เลือกที่จะ... รัก
================= =================== ==================
ราวกับหนังตามันหนักอึ้ง กงชานค่อยๆลืมมันขึ้นอย่างอยากลำบาก พลันความรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งศีรษะก็เล่นงานอย่างหนัก เขารู้สึกปวดหัวราวกับจะระเบิด เพราะไม่มีแรงเลยได้แต่ทำหน้าเหยเกกับอาการดังกล่าว ลมหายใจเข้าออกก็ร้อนจนสัมผัสได้ ทั้งเนื้อตัวก็เช่นเดียวกัน ร้อนราวกับไฟ หากแต่กงชานกับรู้สึก
“หนาว...” เหมือนละเมอออกมาด้วยเสียงแหบพร่า เชื่อว่ากงชานยังมีสติไม่ครบถ้วน อาจเพราะพิษไข้ที่กำลังเล่นงาน และต่อให้กำลังจะตาย กงชานก็ยังนึกถึง
“พี่ครับ...” ก็ยังนึกถึงซานดึล
“พี่ครับ” เรียกซ้ำสองเมื่อไม่เห็นร่างเล็กๆอยู่ในห้องนอน ทว่าเสียงที่เบาของคนไม่สบายไม่อาจทำให้คนตัวเล็กได้ยิน เมื่อคิดว่าเรียกไปก็ไม่มีประโยนช์ กายสูงก็ค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นอย่างยากลำบาก แรงที่ถูกลิดรอนไปทำให้กงชานรู้สึกหงุดหงิด เพราะทำอะไรก็ดูเชื่องช้า ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง
“ตื่นแล้วเหรอ” โชคดีที่ซานดึลเดินเข้ามาเห็นกงชานพยายามลุกขึ้นซะก่อน คนตัวเล็กจึงรีบปรี่เข้ามารั้งกายสูงให้นอนลงอย่างเดิม มือนิ่มลูบหัวของกงชานแผ่วเบาก่อนจะเลื่อนมาปาดเม็ดเหงื่อบนหน้าผาก
“ไม่เห็นต้องลุกขึ้นมาเลย นอนต่ออีกหน่อยดีกว่านะ” บรรจงลูบหัวของกงชานเบาๆราวกับขับกล่อมให้คนไม่สบายได้นอนหลับ
กงชานที่ถูกพาให้นอนลงหอบหายใจเล็กน้อยด้วยความเหนื่อย เอื้อมมือไปกอบกุมมือเล็กๆของคนรัก บีบย้ำแน่นราวกับให้แน่ใจว่าซานดึลยังอยู่กับเขา ยังอยู่ตรงนี้
“ผมรักพี่” หยาดน้ำตารินลงจากหางตาของคนพูด ก่อนจะตามมาด้วยเสียงสะอื้นเล็กๆ มือขาวกระชับแน่น ให้แน่นเข้าไปอีก ช่วงเวลานี้กงชานอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ อยากจะพูดให้มากกว่านี้ ถ้ามันจะทำให้อีกคนไม่ไป ยากเหลือเกินที่จะหาคนมาเข้าใจกงชาน ไม่มีใครเข้าใจเขาเลย
ซานดึลเลื่อนมือที่ลูบผมของกงชานมาเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ค่อยๆเกลี่ยออกราวกับกลัวว่าน้องจะเจ็บ คนตัวเล็กไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มรับ รับรู้สิ่งที่กงชานต้องการจะสื่อทั้งหมด
“อย่าไปไหนนะครับ อยู่ตรงนี้ อยู่กับผมนะ พี่...”
ประโยคสุดท้ายก่อนคนไม่สบายจะหมดแรงหลับไปในที่สุด มีเพียงเสียงหายใจสม่ำเสมอดังเบาๆไปพร้อมกับเสียงลมของเครื่องปรับอากาศ...
================= =================== ==================
สัมผัสชื้นที่ถูกลากผ่านบนใบหน้าทำให้กงชานรู้สึกตัว อาการปวดหัวค่อยยังชั่วเมื่อได้พักผ่อนไปพอสมควร หรืออาจจะเป็นเพราะเจ้าของฝ่ามือเล็กที่กำลังตั้งใจเช็ดหน้าเช็ดตาของกงชานอยู่ตอนนี้ มันก็ทำให้คนตัวสูงสบายตัวขึ้นเยอะ ปากหยักยกยิ้มบางเบาก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆ
“จินยอง” ทว่าคนที่เห็นกลับไม่ใช่ซานดึล แต่เป็นจินยองที่ถือผ้าขนหนูผืนเล็กค้างไว้ในมือ คนหน้าหวานที่นั่งอยู่บนเตียงด้านข้างมีสีหน้าดุเล็กน้อย
“เมื่อวานไม่ได้กลับบ้านทันทีหรอกเหรอ ไปตากหิมะมาใช่ไหม” ดูท่าแล้วน่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะสภาพอย่างนี้ก็มีแค่สาเหตุเดียว ซึ่งเห็นแล้วจินยองรู้สึกไม่พอใจเอามากๆ
“อยากตายนักหรือไง คิดว่าตัวเองแข็งแรงแค่ไหนกัน ถึงออกไปในเวลาที่หิมะตกหนักแบบนั้น” บ่นแว้ดๆราวกับคุณแม่ดุลูกชาย แต่ก็ใช่ว่ามันจะซึมเข้าไปในสมองของกงชาน คนตัวโตนอนกลอกตามองเพดานตั้งแต่รู้ว่าคนข้างตัวคือจินยองแล้ว
“บอกแล้วไงว่าถ้าไม่จำเป็น ไม่ต้องมาที่นี่” อันที่จริงจะโทษใครก็ไม่ได้ ก็เขาเองนั่นแหละที่เป็นคนยื่นคีย์การ์ดให้คนตัวเล็กเองกับมือ
“แล้วนี่มันไม่จำเป็นหรือยังไง! นายไม่สบายอยู่นะกงชาน” ขึ้นเสียงอย่างมีอารมณ์พลางดึงแขนยาวมาเช็ด ไม่สนใจอาการประท้วงของคนตัวสูง
“ไม่ต้องมายุ่ง ออกไป” สะบัดแขนออกจากจินยองพร้อมจะออกปากไล่
จินยองโยนผ้าขนหนูผืนเล็กให้กลับเข้าไปไว้ในอ่างแก้วใสที่มีน้ำอยู่ครึ่งดังเดิม ก่อนจะหันมาสนใจคนงอแงต่อ
“ให้นายกินข้าวกินยาก่อน แล้วฉันจะไป” เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ดีใช้ได้หากเป็นเวลาปกติ และไม่ใช่ที่นี่... ที่ที่เป็นของกงชานและซานดึล
“ไม่! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย” เริ่มจะขึ้นเสียงอย่างหมดความอดทน กงชานอยากจะเห็นหน้าพี่ซานดึล เขาอยากจะอยู่กับพี่ซานดึล
“เดี๋ยวฉันออกไปหาอะไรให้กินนะ”
ทว่า...
“โอ๊ย!” ไม่ทันที่จะได้ลุกไปไหน ร่างเล็กๆของจินยองก็ถูกผลักตกจากเตียง หน้าหวานเหยเกด้วยความเจ็บ มือนิ่มสั่นระริกกุมข้อศอกที่กระแทกลงกับพื้น แต่กระนั้นปากบางก็ยังเม้มแน่น เม้นแน่นไม่ให้เสียงแห่งความเจ็บปวดหลุดรอดออกมา พยุงตัวเองลุกขึ้นอีกครั้ง ละความสนใจที่ข้อศอกไปหากงชานแทน
“รอแป๊บนึงนะ” แม้ที่ขอบตามันจะร้อนแค่ไหน แม้จินยองอยากจะร้องไห้แค่ไหน แต่ตอนนี้เขาเป็นห่วงอีกคนมากกว่า เป็นห่วงคนที่นอนไม่สบายตรงหน้ามากกว่า
หมดแล้วซึ่งความอดทน กายสูงลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะมีอาการหน้ามืดตามมา แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่กงชานจะต้องไปสนใจ พุ่งตรงมาที่จินยองทันทีด้วยความโมโห บีบลำแขนกลมกลึงเล็กๆไว้อย่างแรง ก่อนจะลากให้เดินออกมาจากห้องนอนด้วยกัน กงชานไม่ได้มีแรงมากเท่าตอนปกติ เพียงแต่ว่าจินยองไม่ได้ขัดขืน ยอมให้อีกคนลากไปโดยง่าย
“กงชาน ฉันเจ็บ” ทอดเสียงเบาหวิวจนน่าสงสาร ขาเรียวหยุดการเคลื่อนไหวของกงชานที่กำลังจะเหวี่ยงตัวเองออกนอกห้องอยู่รอมร่อ หากแต่เจ็บที่ว่าเขาไม่ได้หมายถึงแขนที่ถูกบีบ...
“ฉันเจ็บมากๆเลยกงชาน ฮึก... นายใจร้ายมากไปแล้ว” เอ่ยโทษอีกคนทั้งน้ำตา มือข้างที่เป็นอิสระถูกยกขึ้นมาทุบหน้าอกราวกับจะบอกตำแหน่งของมัน
“นายรักเขา แล้วฉันล่ะ ฉันก็รักนายเหมือนกัน ฮึก ทำไมถึงทำกับฉันอย่างนี้ล่ะกงชาน” ตัดพ้อต่อว่า สะอื้นตัวโยน
“อย่าไล่ฉันอีกเลย...”
“ฉันขอโทษ” หลุบตาต่ำก่อนจะปล่อยแขนเล็กให้เป็นอิสระ เมื่อคิดว่าตัวเองเผลอโมโหรุนแรงออกไป พลันรู้สึกถึงแรงกอดรัดจากอีกคน
“เลิกคิดถึงเขานะ ฉันทนไม่ได้เลยที่เห็นนายเป็นแบบนี้” ซุกหน้าลงกับอกกว้าง กระชับอ้อมกอดให้แน่นเข้าไปอีก กลืนก้อนสะอื้นที่ขึ้นมาจุกตรงลำคอ แขนเรียวรัดเอวแกร่งแน่นอย่างหวังว่ามันอาจจะแทนอ้อมกอดของใครอีกคนได้บ้าง
...
หยาดน้ำตาและก้อนสะอื้นที่ฝืนกลืนทะลักออกมาอีกครั้ง เมื่อรู้สึกถึงแรงตอบสนองที่โอบรัดรอบตัว กงชานกำลังกอดจินยอง กำลังกอดเขาเอาไว้ ความอบอุ่นที่นานๆครั้งจะได้รับ เท่านี้มันก็ทำให้เขาดีใจ
“ทำยังไงดีล่ะ... ฉันยังคิดถึงพี่ซานดึล...” บอกเสียงสั่น เพราะมันยากเหลือเกินที่จะลืม เพราะกงชานไม่อาจลืมซานดึลที่เป็นรักแรกและรักเดียวตลอดที่ผ่านมาได้
“นายไม่จำเป็นต้องลืม แค่นายเลิกจมปลักกับมัน แล้วหันมามองความเป็นจริง นะกงชาน”
“ช่วยฉันด้วยจินยอง ช่วยฉันด้วย ฮึก...” กงชานเพิ่มแรงกระชับมากขึ้นอีก พร้อมๆกับที่น้ำใสๆไหลลงที่ข้างแก้ม
ความทรมานที่ไม่มีใครเข้าใจ ความทรมานของกงชาน ที่ก็แค่ยังรักคนที่ตายไปแล้ว รักจนไม่อาจลืม รักมากเท่ากับผู้ชายคนนึงจะรักได้ กงชานคนนี้ทรมานและกลัวการอยู่คนเดียว กลัวโลกใบนี้ที่ไม่มีซานดึล ไม่มีอีกแล้วคนที่แสนรัก ไม่มี
สุดท้ายแล้วจินยองก็ทำได้แค่ยืนอยู่ข้างๆ จินยองจะเป็นไม้ค้ำไม่ให้กงชานล้ม จะเป็นเพื่อนเพียงหนึ่งเดียวเพื่อไม่ให้กงชานเหงา จะเป็นทุกๆอย่างที่กงชานต้องการ จะเป็นมัน... ไปตลอดชีวิต
เพราะเขาเอง ก็รักผู้ชายคนนี้สุดหัวใจ...
================= =================== ==================
โลกแห่งความจริง
หรือ
โลกแห่งความฝัน
THE END
ต้องขอขอบคุณทุกการติดตาม ทุกความคิดเห็น บางคนก็อ่านมาตั้งแต่ Only me ตอนแรกแน่ะ แถมยังเม้นหมดเลย ^O^
เรื่องนี้ก็ไม่รู้ว่าจะถูกใจหรือเปล่า ติชมได้นะ มันอาจจะเละไปนิด(หรา) เพราะตอนแต่งคิดไม่ออกจริงๆ เอิ้กๆ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและเม้นให้กำลังใจกันค่ะ ^^
ความคิดเห็น