คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : [SF] Baby-sitter (1/8) --- Dongwoon x Gikwang
Author : oumser
Pairing/Couple : Dongwoon x Gikwang
Rating : PG-13
Talk :-
ขอให้ทุกคนชอบ เพี้ยง!!!
1
คิดไม่ถึง...
การใช้ชีวิตตัวคนเดียวมันไม่ง่ายนัก ยิ่งต้องแบกรับภาระทุกอย่างเอาไว้เพียงลำพัง มันไม่ง่ายเลยจริงๆสำหรับลีกีกวัง เด็กหนุ่มวัยยี่สิบสองที่ยังเรียนไม่จบซ้ำยังเพิ่งจะถูกไล่ออกจากงานเก่าเพราะเป็นตัวต้นเหตุให้ลูกค้าตีกัน ฟังดูก็รู้ว่างานอย่างนั้นมันไม่น่าภิรมย์เท่าไหร่ หากเป็นคนอื่นก็คงไม่ต้องเดือดร้อนอะไรเพราะมีครอบครัว เพียงแต่ลีกีกวังไม่มีมัน แม้ว่าการที่ต้องอยู่คนเดียวมาตลอดตั้งแต่ยังเล็กจะทำให้รู้สึกชินชา ทว่าไม่มีหรอกที่จะไม่รู้สึกเหงา นั่นแหละที่มันทำให้อยากจะร้องไห้ เวลาไม่มีใคร มันก็เลยลำบาก
สองขาเรียวก้าวเนือยๆไปตามทางที่มีผู้คนเดินประปราย ใบหน้าน่ารักชื้นเหงื่อเล็กน้อยเพราะรู้สึกเหนื่อยมาทั้งวันกับการเดินสมัครงานตามที่ต่างๆ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร หรือสวรรค์กลั่นแกล้ง ทุกๆที่ก็ไม่มีที่ว่างสำหรับลีกีกวังเลย จะไปทำอย่างเดิมก็คงไม่พ้นโดนไล่ออกเพราะนี่ก็ใช่ว่าครั้งแรก แต่ก็ไม่ใช่เวลาจะมาคิดมากอยู่ เพราะขืนยังชักช้า คงได้เฉดหัวตัวเองออกมาจากห้องเช่าเป็นแน่
แม้อากาศจะเย็นเฉียบแต่ด้วยเพราะร่างกายต้องออกแรงเดิน ไม่แปลกถ้าจะมีเม็ดเหงื่อเล็กน้อยบนหน้าหวาน ยกมือขึ้นปาดมันบนหน้าผากก่อนจะก้าวเดินให้เข้าไปใกล้กับอพาร์ทเม้นท์เล็กๆที่มีเพียงสามชั้น ทุกชั้นจะมีราวระเบียงกั้นด้านหน้าที่ยาวจนสุดทางเดิน
“มาแล้วเหรอ” เสียงแหลมของเจ้าของห้องเช่าที่กีกวังพักอยู่เอ่ยทัก ดูเหมือนเขาก็คงต้องฟังประโยคเดิมๆเป็นรอบที่สามสิบของสัปดาห์ ก็หญิงวัยกลางคนคนนี้คงจะมายืนรอเขาอยู่แล้วอย่างไม่ต้องเดา
“นายคงไม่ได้ลืมนะว่าค้างค่าเช่าฉันอยู่ รีบๆหางานเข้าล่ะ เพราะถ้าถึงกำนดเมื่อไหร่แล้วไม่มีเงินมาจ่าย ก็เก็บของแล้วโบกมือลาห้องเช่าของฉันได้เลย” คนตัวเล็กที่ได้ฟังอย่างนั้นก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่ได้อยากจะคิดในแง่ร้ายแต่ก็รู้ว่าเจ้าของไม่ชอบหน้าเขาอยู่มากทีเดียว
“ตกลงกันแล้วนะครับว่าหนึ่งอาทิตย์ แล้วนี่มันก็ยังไม่ครบกำหนด ช่วยรักษาสัญญาด้วยครับ” เพราะกีกวังก็ไม่ค่อยชอบนักหากจะถูกย้ำอย่างนี้บ่อยๆ อันที่จริงก็รู้ดีว่าอีกคนน่ะตั้งใจหาเรื่องมากกว่า
“เอาน่า เด็กมันยังไม่มีก็สงสารมันหน่อย อย่าไปเร่งนักเลย” ชายวัยกลางคนที่เดินเข้ามาสมทบแทรกขึ้น สายตาที่ใช้มองเรือนร่างและดวงหน้าหวานของกีกวังมันจาบจ้วงอย่างปิดไม่มิด รอยยิ้มร้ายที่ผุดขึ้นที่มุมปากหนานั่นอีก เห็นแล้วก็บอกได้คำเดียวว่าน่าขนลุกสิ้นดี
“ทำไม!! ฮะ! อยากให้มันอยู่นักใช่ไหม คิดอะไรอย่านึกว่าฉันไม่รู้นะไอแก่!!” ยกมือขึ้นบิดใบหูของคนที่มีตำแหน่งเป็นสามีอย่างแรง จนชายวัยกลางคนต้องร้องโอดครวญเสียงดัง
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ” ถอนหายใจอีกครั้งอย่างหน่ายๆ กระชับกระเป๋าเป้ที่หลังก่อนจะแทรกตัวเดินผ่านคนทั้งสองไปยังห้องตัวเองที่อยู่ชั้นหนึ่ง
...ชีวิตที่ไม่มีใครมันก็อย่างนี้แหละ อย่าคิดมากเลยกีกวัง...
ปลอบใจตัวเองไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ บอกมันทุกวัน จนชักจะเหนื่อย ล้มเลิกซะ สลัดความคิดแง่ลบทั้งหมดทิ้งก่อนมือนิ่มจะยกขึ้นไขกุญแจที่บานประตู พาตัวเองเข้ามาในห้องเล็กๆอันคุ้นเคยแล้วล้มตัวลงนอนทันทีที่เดินมาถึงเตียงกว้าง ความเหนื่อยล้ากำลังเล่นงานลีกีกวังให้ค่อยๆเข้าสู่ห้วงนิทรา
“จะทำอะไรน่ะ!” กีกวังที่เพิ่งกลับจากการออกไปหางานเหมือนเคยตลอดช่วงระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ร้องขึ้นเมื่อเห็นว่ามีชายร่างใหญ่สองสามคนกำลังยกย้ายของของตนออกมาจากห้องเช่า ร่างผอมบางวิ่งเข้าไปหมายจะแย่งกรอบรูปเล็กๆที่เป็นรูปของพ่อและแม่ หากแต่มันไม่ทันเมื่อชายคนนั้นโยนมันลงพื้นอย่างไม่ใยดี
เพล้ง!!!
ความรู้สึกวูบเหมือนถูกกระชากข้างในอก ส่งผลให้กีกวังอ่อนแรงแทบทรงตัวไม่อยู่ ดวงตาเรียวเล็กกลอกส่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อ ไม่อยากจะเชื่อ ว่าแตกแล้วจริงๆ กรอบรูปของพ่อกับแม่ มันแตกแล้วจริงๆ ถึงอย่างนั้นเมื่อตั้งสติได้ก็รีบวิ่งเข้าไปเก็บภาพถ่ายที่กองอยู่กับเศษกระจก หยิบมันขึ้นมาแล้วปัดๆ มองอย่างรักใคร่ แม้ภาพที่เห็นมันจะเลือนรางเหลือเกิน ปากกลมเม้มแน่นกลืนก้อนสะอื้นที่กำลังจะทักลักออกมา
...ไม่เป็นไร รูปไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว...
“กลับมาช้าจังเลยนะวันนี้ ตามสัญญาไง ไม่มีเงิน ก็บ๊ายบาย หึ” หญิงคราวแม่กรีดยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะหันไปกำชับคนของตัวเอง
“เอ้าเด็กๆ เร่งมือหน่อย อย่าเหลืออะไรไว้ให้รกหูรกตานะ!” สั่งเป็นเชิงบอกว่าให้โยนๆออกไปให้หมด ก่อนจะเดินบิดตูดไปนั่งคุมสามีของรักของหวงที่กำลังมองเด็กหนุ่มตัวเล็กอย่างไม่วางตา
กีกวังมองหญิงสาวคนนั้นด้วยสายตาตัดพ้อ ไม่ได้รู้สึกโกธรเคืองเลยสักนิด มันไม่ผิดหรอกที่เธอจะทำอย่างนั้นเพราะกีกวังเองก็ค้างค่าเช่ามาสามเดือนแล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้จะทำอย่างไรดี จะไปอยู่ที่ไหน คิดไม่ออกเลย...
นอกจากกระเป๋าเสื้อผ้าและรูปพ่อกับแม่แล้ว ลีกีกวังก็ไม่ได้หยิบข้าวของอย่างอื่นติดตัวมา อีกอย่างเขาเองก็ใช่ว่าจะมีสมบัติมากมายติดห้อง แค่ลำพังมีผ้าให้ปูนอน มีกระติกน้ำไว้ยามกระหายมันก็มากพอแล้วสำหรับคนที่อยู่ตัวคนเดียวเช่นเขา
เวลาเย็นย่ำใกล้มืดเข้าไปทุกที ร่างผอมบางเดินมาเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย ไม่รู้จริงๆว่าคืนนี้จะไปนอนที่ไหน มือนิ่มล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก็พบว่าตัวเองมีเงินอยู่ไม่ถึงห้าร้อย ไอจะไปพักโรงแรมก็ดูจะเกินตัว หาห้องเช่าใหม่ก็ต้องมีเงินมัดจำอีก แน่นอนว่ากีกวังไม่มีเงินมากพอ
“ย่าห์~ ทำไงดีล่ะ~”
พลั่ก!
“อ๊ะ!” ทว่าเดินไม่ทันระวังดีด้วยซ้ำร่างผอมๆก็เผลอชนเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งพอก้นจ้ำเบ้าได้ไม่นานคนตัวเล็กก็รีบลุกขึ้นมาช่วยพยุงอีกคนอย่างว่องไว
“เป็นอะไรไหมครับ! ขอโทษนะครับ คือผมไม่ทันได้มอง” บอกด้วยสีหน้าเป็นกังวลเพราะดูแล้วหญิงสาวคนนี้ก็พอมีอายุ กีกวังพยุงจนอีกร่างสามารถยืนได้เต็มความสูง
“อ่อ ไม่เป็นไรจ้ะ” หัวเราะคิกอย่างขันๆไปกับท่าทางเป็นห่วงเป็นใยจนเกินเหตุนั่น ความรู้สึกบางอย่างมันบอกว่าเด็กคนนี้ไว้ใจได้ไม่น้อย
“หนูกำลังจะไปไหนเหรอจ๊ะ” ถามเพราะเห็นว่าคนตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มตรงหน้าสะพายกระเป๋าใบใหญ่พอควร คาดว่าข้างในคงจะเป็นเสื้อผ้า
“อ่อ ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกันครับ แหะๆ” ยกมือขึ้นเกาท้ายทอยตัวเองอย่างเขินๆ พลางหัวเราะแห้ง
“หือ ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ”
“ผมเพิ่งโดนไล่ออกมาจากห้องเช่าน่ะครับ เลยไม่รู้จะไปไหน” อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาบอกคนโน้นคนนี้เกี่ยวกับเรื่องน่าอาย ทว่ากีกวังก็ไม่เข้าใจ มันก็แค่อยากจะบอก อีกทั้งหญิงสาวตรงหน้าก็ท่าทางใจดีเป็นกันเองอยู่ไม่น้อย
“ตายแล้ว! แล้วคืนนี้หนูจะไปนอนที่ไหนเนี่ย” เหมือนๆหญิงสาวจะอุทานกับตัวเองซะมากกว่า แต่เพราะเป็นคนซื่อกีกวังเลยตอบไปตามจริง
“ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกันครับ” เลยได้รอยยิ้มเอ็นดูจากคนอายุมากกว่า
“ฉันเดาว่าหนูคงยังไม่มีงานทำใช่ไหม ไม่มีงาน ไม่มีเงิน โดนไล่ออกจากหอพัก ตามสเต็ปใช่หรือเปล่า” กลั้วหัวเราะเล็กน้อยกับประโยควัยรุ่นๆของตัวเอง นั่นก็ทำให้กีกวังพยักหน้าแล้วหัวเราะตามไปด้วย
“อืม... อ้อ หนูชื่ออะไรจ๊ะ แล้วอายุเท่าไหร่”
“ลีกีกวังครับ อายุยี่สิบสองปีแล้ว”
“อ่า ลีกีกวังเหรอ ชื่อเพราะจังเลย” ชมซะคนฟังเองก็เขินหน้าขึ้นสี ก้มหัวขอบคุณสำหรับคำชม
“หนูสนใจอาชีพพี่เลี้ยงเด็กไหมจ๊ะ พอดีฉันกำลังหาคนมาเลี้ยงลูกชายในระหว่างที่ฉันบินไปทำงานที่ต่างประเทศ แต่ว่ายังหาไม่ได้สักที” จะบอกว่าลีกีกวังตาโตตั้งแต่ได้ยินคำว่าพี่เลี้ยงแล้ว เจ้าตัวเลยพยักหน้าจนคอแทบหลุด
“สนครับ ผมสนใจมากๆเลย” จะเอาอะไรมากกับคนที่ยังเรียนไม่จบอย่างกีกวัง อาชีพไหนก็ต้องทำทั้งนั้นแหละ ถ้าเกี่ยงก็คงจะอดตาย
“งั้นดีเลย ไปอยู่ที่บ้านของฉันก็แล้วกันนะ ให้ตายเถอะ! รู้สึกถูกชะตากับหนูจังเลยกีกวัง” หญิงสาวจับมือนิ่มของกีกวังเขย่าไปมา ทั้งสองระบายยิ้มจนตาหยีอย่างดีใจ
“บ้านของคุณน่ารักจังเลยนะครับ” เอ่ยปากชมพลางกวาดสายตาไปรอบๆบ้านสองชั้นที่หลังไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็ถือว่าดูดีอยู่ไม่น้อย ใบหน้าหวานหันมายิ้มให้กับหญิงสาวเจ้าของบ้านที่กำลังเกาะแขนตัวเอง
“งั้นเหรอจ๊ะ ดีใจที่หนูชอบ จะได้ไม่ลำบากใจถ้าจะอยู่ที่นี่” พูดจบก็จูงกีกวังให้มานั่งที่โซฟาตัวยาวตรงส่วนที่ใช้เป็นเหมือนห้องรับแขกและห้องนั่งเล่น ดูเหมือนวันนี้เธอจะดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“หน้าผมมีอะไรหรือเปล่าครับ” เลิกคิ้วเอ่ยถามพลางเอามือแปะป่ายไปทั่วหน้าเมื่อเห็นว่าหญิงคราวแม่กำลังนั่งมองตัวเองยิ้มๆ ซึ่งอาการอย่างนั้นก็เรียกเสียงหัวเราะอย่างเอ็นดูจากหญิงสาวได้
“ฮ้า~ ความรู้สึกอย่างนี้มันสุดยอดไปเลยน้า อยู่กับหนูแล้วเหมือนมีลูกสาว น่ารักจังเลย~” เพราะเอ่ยชมกันซึ่งๆหน้า รวมไปถึงประโยคที่ทำเหมือนว่าลีกีกวังเป็นเด็กผู้หญิง ก็เรียกสีเรื่อบนหน้าหวานได้ทันที คนอายุน้อยยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยอย่างเขินๆ ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากส่งยิ้มกว้างไปให้ ชินเสียแล้วกับคำบอกกล่าวเช่นนี้
“เอ่อ แล้วไหนลูกชายของคุณล่ะครับ ผมอยากเห็นจัง คงจะน่ารักมากๆแน่เลยใช่ไหมครับ”
“น่ารักเหรอ? คิกๆ จ้ะน่ารักมากเลยล่ะ แต่ว่าตอนนี้คงจะออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกน่ะ”
“เที่ยวเล่น? อ้อ คงจะกำลังโตเลยสินะครับ เอ...กี่ขวบกันน้า ประมาณหกเจ็ดขวบแน่นอนเลยใช่ไหมครับ” ท่าทีและอาการพูดเองเออเองแบบนั้นของกีกวังก็ทำเอาหญิงสาวหลุดขำพรืดออกมายกใหญ่ ปรบมือชอบใจจนคนอายุน้อยเองก็งง
“โอ๊ย กีกวัง หนูนี่เป็นเด็กน่ารักจริงๆเลย” พุ่งเข้ากอดเด็กหนุ่มอย่างไม่ให้อีกคนตั้งตัว ถึงแม้จะเอ๋อๆไปบ้างแต่กีกวังก็ยิ้มรับและกอดตอบไปด้วยเช่นกัน หญิงสาวกอดกีกวังส่ายไปส่ายมาราวกับคุณแม่กอดลูกชาย
“แม่ครับ”
จนกระทั่งเสียงทุ้มเย็นๆดังขึ้นแทรกนั่นแหละ ทั้งคู่ถึงจะยอมผละออกจากกัน ลีกีกวังกระพริบตาปริบมองคนมาใหม่อย่างงงๆ ไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก แต่พอได้ยินหญิงสาวด้านข้างพูดขึ้นมาเท่านั้นแหละ กีกวังถึงกับอยากจะอ้าปากค้าง
“มาแล้วเหรอเจ้าลูกชาย มานี่เลยแม่จะแนะนำพี่เลี้ยงคนใหม่ให้เรารู้จัก” ถึงจะยอมเดินมานั่งที่โซฟาตามคำสั่งของแม่ แต่หางตาที่เหลือบมองอีกคนนี่สิ ทำเอาคนตัวเล็กเสียววาบไปถึงตาตุ่ม จากที่บรรยากาศเป็นกันเองๆตอนแรกกลายเป็นความกดดันให้คนตัวเล็กไปแล้ว
...ไหนบอกว่าให้เขามาเลี้ยงเด็กไง แล้วเด็กที่ไหนมันสูงกว่าเขาตั้งเยอะแยะขนาดนี้อ่ะ...
“กีกวังจ๊ะ นี่ซนดงอุนลูกชายฉันเอง คนนี้แหละที่หนูจะต้องดูแล” กีกวังสะดุ้งน้อยๆก่อนจะส่งยิ้มแหยๆไปให้ ไม่กล้าหันไปมองคนตัวสูงเลยทีเดียว
“ไล่กลับบ้านไปเลย ผมดูแลตัวเองได้” ขัดขึ้นเรียบๆ จนกีกวังต้องเงยหน้าขึ้นมองทันที แล้วก็ทันทีอีกนั่นแหละที่ต้องหลบสายตาดุๆนั่น
“หยาบคายจังเลยพ่อคนนี้ พี่เขาอายุมากกว่าเรานะ เพิ่งจะอายุสิบแปดอย่าพูดอย่างนั้นสิ ไม่รู้ล่ะยังไงแม่ก็จะให้กีกวังมาคอยดูแลเรา รวมไปถึงคุมความประพฤติเวลาแม่ไม่อยู่บ้านด้วย จะได้ไม่ไปก่อเรื่องที่ไหนอีก” เชิดหน้าขึ้นอย่างหนักแน่น เมื่อตัดสินใจแล้วยังไงคุณลูกชายก็ห้ามขัดเด็ดขาด
“แม่แน่ใจเหรอว่าคนของแม่จะทำได้” ดวงตาดุคมกวาดมองตั้งแต่ใบหน้าใสของกีกวังจนถึงปลายเท้า กระตุกยิ้มมุมปาก ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วทิ้งท้ายไว้อีกประโยคก่อนจะเดินหายขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน
“ขนาดจะมองหน้าผมยังไม่กล้า แล้วจะมาคุมผมอยู่ได้ยังไง”
To be con.
เอิ่ม อยากรู้ว่าจะเป็นยังไง ก็เลยเอามาลงชิมลาง ถือว่านี่เป็นตอนที่หนึ่งก็แล้วกันค่ะ ^^ ถ้าอยากอ่านต่อรบกวนรอหลังจากที่ อุ้ม(แทนตัวเองอย่างนี้แล้วกัน) สอบมิดเทอมเสร็จก่อนนะคะ ฝากไว้ในอ้อมอกของทุกคนด้วย
ไม่รู้จะมีใครชอบไหม แต่ก็พยายายามเต็มที่ค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและเม้นให้กำลังใจกันค่ะ ^^
ความคิดเห็น