คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [SF] อยาก... เป็นมากกว่านั้น --- Junhyung x Hyunseung
Author : oumser
Pairing/Couple : Junhyung x Hyunseung
Rating : PG-13
Talk : -
- อยาก... The series!
[SF] อยาก... ได้ (อุ่นกวาง)
[SF] อยาก... ให้รู้ (ดูซอบ)
[SF] อยาก... เป็นมากกว่านั้น (จุนซึง)
ถ้าอ่านเรียงก็จะได้อารมณ์กว่า มั้ง(?) ฮ่าฮ่าฮ่า
- ไม่มีอะไรจะพูดนอกจาก... ขอให้ทุกคนชอบ เพี้ยง!!!
เคยไหม... กับอาการหึงหวง แม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นอะไรกัน
เคยไหม... สับสน เมื่อไม่รู้จะสื่อความรู้สึกของตัวเองออกไปอย่างไร
แล้วเคยไหม... เคยรู้สึก อยากเป็นมากกว่านั้น บ้างหรือเปล่า
ยงจุนฮยอง กำลังประสบปัญหาพวกนี้อยู่เต็มๆ
ช่วยพา...
ยงจุนฮยอง ออกไปจากที่นี่ที...
“ดูจุนอ่า เย็นนี้ทำกับข้าวให้กินหน่อยน้า~” น้ำเสียงอ้อนๆกับดวงตากลมๆของยังโยซอบ ยังไม่เท่ากับท่าทางของเจ้าตัวที่แทบจะขึ้นไปนั่งเกยตักคนที่ตนกำลังอ้อนอยู่รอมร่อ เรียกใบหน้าคมเข้มของยุนดูจุนที่กำลังสนใจอยู่กับไอโฟนเครื่องโปรดต้องละมามองทันที พร้อมกับรอยยิ้มหวานๆที่ยงจุนฮยองคิดว่าเขาไม่เคยได้เห็นมันมาก่อน
“อะไรกัน จะกินอย่างเดียวเลยนะไอตัวเล็ก” ดุอย่างไม่จริงจังพลางยกมือขึ้นบีบจมูกรั้นที่ยื่นเข้ามาใกล้เสียหนึ่งทีอย่างหมันเขี้ยว หัวเราะกันสองคน แลดูมีความสุขในรูปแบบที่... ไม่เกรงใจใคร
หันไปอีกมุมของหัองแต่งตัว นั่นยิ่งหนักกว่าจนจุนฮยองต้องสะดุ้ง เมื่อคนน่ารักเช่นลีกีกวังกำลังเผชิญหน้ากับความหื่นของซนดงอุน ขนาดเจ้าตัวเป็นน้องเล็กทั้งคู่ ดูเอาสิ แซงหน้ารุ่นพี่ไปไกลโขเลย
“นี่! พอแล้วน่าดงอุน พี่ไม่ไหว ล...แล้ว” อะไรไม่ไหว? อันนี้จุนฮยองไม่อาจนิยามได้ รู้แต่ว่ากีกวังในตอนนี้เชื่อว่ามีสติไม่ครบถ้วน ทั้งน้ำเสียงยังอ่อนระทวย แลดูมีความสุขในรูปแบบที่... ไม่เกรงใจใคร
แล้วไอใครทีว่าก็คือ...
ยงจุนฮยอง
ความอิจฉาริษยากระแทกเข้าลูกตาเต็มๆ อาการร้อนผ่าวไม่ใช่อยากจะร้องไห้ เพียงแต่ว่า ยงจุนฮยองก็อยากทำมั่ง กิเลสตัณหาเป็นสิ่งที่มนุษย์อย่างเราๆต้องมี ยิ่งสิ่งแวดล้อมรอบตัวคอยกระตุ้นให้ต้องการแบบนี้ แน่นอนจุนฮยองก็อยากจะทำเหมือนกัน ไออยากน่ะมันได้ แต่จะทำน่ะมันไม่ได้ เพราะคนที่อยากจะทำด้วยน่ะ...
“จุนฮยอง จะเข้าอันนี้ต้องทำยังไงอ่ะ” ไม่เคยรู้ความความคิดของเขาเลย! เสียงหวานคอยแต่เจื้อยแจ้วถามนู่นถามนี่เกี่ยวกับทวิตเตอร์ที่เจ้าตัวเพิ่งจะหัดเล่น พอได้เล่นหน่อยล่ะก็ติด ติดแล้วก็ทวิตเยอะแยะ คุยกับคนโน้นคนนี้ไปทั่ว บอกไว้ก่อนว่ายงจุนฮยองไม่ได้หวง แต่อยากพาล!
“นี่ไง” เอื้อมมือไปสัมผัสหน้าจอไอโฟนให้เสร็จสรรพ ดวงตาดุคมเหลือบขึ้นมองใบหน้าหวานที่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ใบหน้าขาวใส พวงแก้มนิ่มๆ
...สวยจริงๆ ให้ตายเหอะ จางฮยอนซึง...
“ขอบใจนะ” เงยหน้าขึ้นมายิ้มหวานเสียจนแร็พเปอร์ใจกระตุก แก้มขาวๆนั่นมันคงจะนุ่มมือดี ถ้าได้เอื้อมไปบีบให้หายหมันเขี้ยว ความน่ารักของจางฮยอนซึงยังคงทำร้ายหัวใจของจุนฮยองต่อไป ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดงั้นหรือว่าร่างนิ่มๆที่กำลังเบียดชิด มันสั่นคลอนความอดทนของเขาได้ดีเสียยิ่งกว่าน้ำกรด
“ม...ไม่เป็นไร” ตะกุกตะกักพูดด้วยสีหน้าไม่สู้ดี แลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากอย่างที่ชอบทำพลางสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ย้ำกับตัวเองว่าให้ใจเย็น ใจเย็นเข้าไว้ยงจุนฮยอง
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูห้องแต่งตัวดังขึ้น เรียกสติให้เหล่าสมาชิกอยู่กับร่องกับรอย นั่นคือ ยังโยซอบรีบกระโดดลงจากตักของยุนดูจุน และซนดงอุนปล่อยซอกคอของลีกีกวังให้เป็นอิสระ แหม ชักอยากรู้ว่าตรงนั้นมันมีอะไรดี เจ้ามักเน่มันถึงได้ชอบนัก จะยกเว้นก็แต่คนสวยที่ยังนั่งเบียดเขาไม่เลิก ก้มหน้าก้มตาเลื่อนก้านนิ้วเล็กไปบนหน้าจอไอโฟนอย่างตั้งใจ เมามันกับข้อความในทวิตเตอร์
บานประตูเปิดออกกว้างเผยให้เห็น ใบหน้าหล่อเหลาของคนคุ้นเคย เดินยิ้มแย้มเข้ามาเซย์เฮลโลอย่างเป็นกันเอง
“หวัดดีทุกคน” ถึงแม้อายุอานามจะมากกว่าสมาชิกบีทส์ แต่ชายหนุ่มเจ้าของกายสูงก็ยังก้มหัวเล็กน้อยให้อย่างมีมารยาท อาจเพราะไม่ได้สนิทถึงขั้นจะมาตบหัวกันเล่น แต่ก็ถือว่ารู้จักกันดี
“ฮยอนซึง” น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เอื้อนเอ่ยดูธรรมดา ทว่าจุนฮยองกับรู้สึกไม่ชอบใจนิดๆ
“พี่ครับ!”
!!!
ราวกับภายในมันวูบโหวง ดวงตาดุคมของยงจุนฮยองเบิกกว้างมองตาม เมื่อคนข้างกายลุกพรวดขึ้นไปสวมกอดกับผู้มาใหม่เข้าอย่างจัง หากสิ่งที่เห็นเบื้องหน้าคือมีดคมกริบ มันคงจะบาดตาของแร็พเปอร์จนเป็นรอย ความว่างเปล่าที่ด้านซ้าย ไร้คนคอยเบียดชิด ไม่ชอบเลยจริงๆ
ชเวดงวุคหรือเซเว่นที่ทุกคนเรียก ยิ้มกว้างมากกว่าเดิม ทั้งยังเลื่อนมือขึ้นมาตบหลังบอบบางนั่นเบาๆ ลำแขนแกร่งยกคนตัวบางเสียจนลอยขึ้นจากพื้นก่อนจะโยกไปมา หัวเราะคิกคัก เป็นภาพที่เห็นแล้วยงจุนฮยองรู้สึกปวดหัวใจสุดๆจนต้องเผลอกัดกราม ใบหน้าสวยหวานที่เคยยิ้มให้เขา บัดนี้ก็มอบให้คนอื่น
...จางฮยอนซึงใจร้าย...
บางที... เขาน่าจะทำอะไรสักอย่าง เพราะขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่นานหรอกต้องจุกอกตาย ยิ่งคนสวยเป็นประเภทโฟร์ดีสี่มิติขนาดนั้น ไม่มีทางรู้หรอกว่าเขาคิดยังไง หรือถ้ารู้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรหากอีกคนไม่ได้มีใจให้กัน มันต้องมีสักวิธีแหละน่าที่จะพิชิตใจคนอย่างจางฮยอนซึง
...แล้วถ้าหากมีวันนั้นเมื่อไหร่ ใครหน้าไหนก็อย่าได้แตะ คนของยงจุนฮยอง!...
ท้องฟ้าทอแสงสีส้มอ่อนบอกเวลาใกล้ค่ำ ร่างเพรียวระหงส์ก้าวเดินออกมาจากหอพักประจำที่เวลานี้เต็มไปด้วยไอแห่งความรักลอยอบอวล ไม่ว่าจะเป็นยุนดูจุนกับยังโยซอบ หรือซนดงอุนและลีกีกวัง นั่นแหละคือสาเหตุให้คนตัวบางเลือกที่จะออกไปข้างนอก
ใบหน้าสวยหวานของจางฮยอนซึงมีแววแปลกใจเล็กน้อย คิ้วบางเลิกขึ้นอย่างสงสัยเมื่อมองไปรอบๆไม่พบคนที่โทรบอกให้ตนเตรียมตัวแล้วเดินลงมาจากหอพัก ริมฝีปากนิ่มยู่ลง ฮยอนซึงถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะล้วงเอาไอโฟนเครื่องสวยขึ้นมาค้นหารายชื่อ
กึก!
ก้านนิ้วเล็กหยุดเคลื่อนไหวบนหน้าจอทันที เมื่อดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ถูกยื่นมาให้ตรงหน้า ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างแปลกใจเป็นรอบที่สอง ก่อนจะเลื่อนไปมองการแต่งตัวของอีกคน ความรู้สึกบางอย่างพุ่งขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ จางฮยอนซึงระเบิดหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจเจ้าของช่อดอกไม้
“จุนฮยอง ตกลงเราจะไปไหนกันเนี่ย แต่งตัวดูดีเชียว” พูดกลั้วหัวเราะ ไม่ว่าเปล่ายังเอื้อมมือไปจับๆเสื้อสูทสีดำที่ดูแล้วราคาคงจะแพงลิบลิ่ว มันดูดีทีเดียวเมื่อใส่คู่กับกางเกงยีนสีเดียวกันนั้น ผิดกับคนสวยที่เพียงแค่สวมเสื้อยืดกับยีนธรรมดาๆ
เสียงหัวเราะของจางฮยอนซึงทำให้แร็พเปอร์รู้สึกเสียเซล์ฟเล็กน้อย มือข้างที่ว่างจากการถือดอกไม้ยกขึ้นมาเกาท้ายทอยอย่างเขินๆ ใบหน้าเรียบเฉยค่อยๆปรากฏรอยยิ้มหวานๆที่เจ้าตัวฝึกทำอยู่หน้ากระจกเป็นเวลานาน
“ดอกไม้ ของฉันเหรอ?” นิ้วเล็กชี้ไปที่กุหลาบขาว พลางเอ่ยปากถาม ทำตาโตอยากรู้อยากเห็นได้น่ารักสมตัวทีเดียว
“อืม ของนายนั่นแหละ” เสหลบตาเสียเป็นการดี หลีกหนีจากความบ๊องแบ๊ว ที่ดูยังไงมันก็น่าจับมาฟัด
ทว่าต้องสะดุ้ง
เพราะแค่ปลายนิ้วสัมผัส แค่นิ้วที่โดนกันเมื่อคนตัวบางรับช่อดอกไม้ไปจากมือ ยงจุนฮยองก็ถึงกับตกอกตกใจราวกับมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านก็ไม่ปาน บวกกับอาการตาลายๆจากยิ้มกว้างสดใสของอีกคนด้วยแล้วล่ะก็นะ แร็พเปอร์อยากลาตายเสียตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด ก่อนที่หัวใจจะวาย
“สวยมากเลย” เอ่ยชมเจ้าดอกไม้ในมือก่อนจะก้มลงสูดดมความหอม แล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ
“ขอบคุณนะ”
ความภูมิใจเล็กๆที่จุนฮยองได้สัมผัส ทำให้เจ้าตัวระบายยิ้มบางเบา หากเป็นไปได้อยากจะดึงอีกคนเข้ามากอด อยากจะแสดงความรักในแบบที่คนอื่นๆเขาทำกัน อยากจะทำอะไรที่มันมากกว่าการยืนมองดูความสวยงามของจางฮยอนซึงจากที่ไกลๆ อยากจะเข้าไปให้ใกล้อีกนิด เข้าไปจนสัมผัสได้ถึงหัวใจของกันและกัน หัวใจที่เต้นไปพร้อมๆกันน่ะ ยงจุนฮยองต้องการแบบนั้น
ไม่รู้ว่าจางฮยอนซึงจะต้องแปลกใจอีกสักกี่ครั้ง เพราะนี่ก็เป็นรอบที่สามของวันเข้าไปแล้ว
ดวงตาโตกระพริบปริบมองโต๊ะกลมเบื้องหน้าที่ถูกจัดแต่งไว้อย่างสวยงามและเรียบร้อย เหมือนจะเคยเห็นตามละครน้ำเน่าหลังข่าว ที่พระเอกต้องการจะเซอร์ไพรซ์นางเอกด้วยอาหารมื้อค่ำท่ามกลางโต๊ะว่างอีกมากมาย ฮยอนซึงก็ไม่รู้หรอกว่าจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร แต่ว่านี่น่ะ ฝีมือจุนฮยองงั้นเหรอ หน้าขาวจึงหันกลับมามองคนที่ทำสีหน้าประหลาดๆ ไออาการหลบสายตานั่นก็อีก
“อย่ามองแบบนี้” คนที่อายจนอยากจะมุดดินหนีเอ่ยขึ้นพลางเอื้อมมือไปดันหน้าขาวให้หันไปทางอื่น ฉวยโอกาสซะไม่มี
“มัน...ดูไม่ใช่นายเลยนี่” หรี่ตาลงอย่างจับผิด นั่นยังไม่พอก้าวเท้าเข้าไปประชิดยื่นหน้าเข้าไปแทบติด สัมผัสไอร้อนที่เข้าออกของกันและกัน ก่อนคนสวยจะหัวเราะคิกคัก เมื่อเห็นหน้าราวกับคนขาดออกซิเจนของจุนฮยอง
“เนื่องในโอกาสอะไรเหรอ” เลิกแหย่อีกคน แล้วเดินนำไปนั่งที่โต๊ะ
จุนฮยองถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะสาวเท้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามกัน ไม่เคยคิดมาก่อนว่าทำตัวเป็นผู้ชายแสนดีมันจะยากขนาดนี้ ให้ตาย! เกิดมายังไม่เคยแม้แต่จะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ นี่ถ้าสมาชิกในวงรู้เข้าคงต้องเอาถุงดำคลุมหัวไปจนตาย
“ก็...อยากทำให้” ไอเสียงทุ้มที่มันดังแค่มดฉี่น่ะ คนหน้าหวานไม่สามารถได้ยินหรอก เลยต้องร้องหือในลำคอเป็นการถามซ้ำ พร้อมกันนั้นพนักงานก็นำอาหารมาเสริฟ สบโอกาสปุ๊บจุนฮยองก็เฉไฉทันที
“จะอะไรก็ช่าง กินเถอะ” มือเรียวทำท่าจะหยิบช้อนส้อม ทว่าหยิบผิดหยิบถูก จะเอามีดกินแทนช้อนซะแล้วแร็พเปอร์ ท่าทางอย่างนั้นทำให้อีกคนที่กำลังสนใจหัวเราะคิกออกมา
“จุนฮยองอ่า นายน่ารักจังเลย”
เคร้ง!!
จะด้วยเพราะตกใจหรืออะไรก็แล้วแต่ ช้อมส้อมที่เพิ่งหาเจอร่วงหล่นลงจากมือใหญ่กระทบจานกระเบื้องจนเกิดเสียงดังทันที แลบลิ้นเลียปากด้วยความเคยชิน ก่อนจะหันไปหยิบน้ำขึ้นมาดื่มแก้กระหายหรือไม่ก็แก้อาย แต่ถึงอย่างนั้น แม้มันจะเป็นน้ำเปล่า จุนฮยองก็รู้สึกว่ามันช่างฝืนกลืนลำบาก ทำอะไรก็ดูจะเกะกะไปหมด แน่นอนเจ้าตัวรู้ดีที่สุดว่าเพราะอะไร
อาจเพราะดวงตากลมที่กำลังจับจ้อง อาจเพราะใบหน้ายิ้มๆแบบนั้นของจางฮยอนซึงที่ทำให้ยงจุนฮยองเสียการทรงตัวและดูเลิกลั่กเช่นนี้ ในชีวิตมีเรื่องให้กลัวไม่กี่อย่าง และนี่ก็เป็นสิ่งที่คนอย่างเขากลัวมากที่สุด ไม่ใช่กลัวคนน่ารักตรงหน้าหรอกนะ กลัวทนไม่ไหวแล้วจับคนสวยมาฟัดให้หายหมันเขี้ยวต่างหาก
ทุกครั้งที่สมองเริ่มจินตนาการไปต่างๆนาๆ จุนฮยองจะมีอาการประหม่าและต้องการออกซิเจนจำนวนมาก เหมือนกับตอนนี้ที่กำลังเป็นอยู่ ทว่าราวกับคนสวยจะเดาออกหรืออ่านใจได้ ริมฝีปากน่าจูบถึงได้ปล่อยคำพูดที่คนตัวสูงไม่คาดคิดออกมา ทำเอาจุนฮยองเผลอกลั้นหายใจและมึนงงไปชั่วขณะ...
“คิดว่าความรู้สึกของนายมันปิดไว้มิดนักหรือไง จุนฮยอง”
ในเมื่อรู้อยู่แล้ว...
ก็ไม่จำเป็น ที่จะต้องอดทน...
แผ่นหลังบางของจางฮยอนซึงแนบลงกับเตียงกว้างตามแรงผลักดันของอีกคน ลำแขนขาวยกขึ้นคล้องเกี่ยวคอแกร่ง ริมฝีปากบดเบียดเร่าร้อน ตวัดรับอย่างกระหาย ก่อนจะเผยอออกเพื่อเก็บเกี่ยวลมหายใจยามที่อีกฝ่ายปล่อยให้เป็นอิสระ ใบหน้าที่แดงระเรื่อเสริมให้เจ้าตัวยิ่งดูน่าหลงใหล จนยากนักที่จะห้ามใจไม่ให้กดจูบซ้ำลงไปอีกครั้ง
หนักหน่วงตามแรงอารมณ์ ไล่ต้อนต่อสู้อย่างลุ่มหลง ดูดดึงซึมซับรสสัมผัส ไม่ต่างจากสัตว์ป่า ...วินาทีนี้ยงจุนฮยองไม่ต่างจากสัตว์ป่า ที่พร้อมจะขย้ำลูกแกะตัวเล็กๆให้สาแก่ใจ
ไม่รอช้า มือหนาราวกับรู้ใจเจ้าของ เคลื่อนตัวเข้าไปใต้เนื้อผ้าบาง ลากไล้สัมผัสผิวเนียนนุ่มจนคนตัวเล็กสะท้าน เผลอครางในลำคออย่างพึงพอใจ และเพียงแค่เสียงหวานๆเล็ดรอดออกมา ยงจุนฮยองก็แทบคลั่ง ไม่สิ อารมณ์ของคนตัวสูงมันเกินคำว่าคลั่งไปนานแล้ว...
ละจากริมฝีปากสวย ขบกรามอย่างหักห้าม เตือนตัวเองให้ใจเย็นๆ คืนนี้ยังมีเวลาอีกมากที่จะอยู่กับจางฮยอนซึง...
“รู้ได้ยังไง” ถามทั้งที่จมูกโด่งยังคงซุกไซร้ลำคอขาว ไม่รู้ว่าเพราะสัมผัสจั๊กจี๋หรือเพราะคำถามนั้นกันแน่ ใบหน้าหวานถึงแย้มรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“นายคิดว่าไงล่ะ”
“อ๊ะ!”
โทษฐานที่ตอบไม่ตรงคำถาม จุนฮยองเลยฝากรอยรักไว้เป็นอนุสรณ์อย่างหมันเขี้ยว คอขาวๆของจางฮยอนซึงเลยปรากฏรอยแดงเล็กๆน่าดูชม ตามความคิดของแร็พเปอร์เขาล่ะ
“ฉันกำลังถามนายอยู่นะ จางฮยอนซึง” กดเสียงต่ำ สื่อเป็นนัยๆว่าถ้าหากยังเล่นลิ้นอีกล่ะก็ จุนฮยองจะกัดให้แดงทั้งตัว ซึ่งมันก็ได้ผลน่าดูเมื่อคนสวย... หัวเราะ
แต่พอเห็นว่าคิ้มเข้มเริ่มจะขมวดเล็กน้อย ฮยอนซึงเลยเม้มปากเพื่อกลั้นยิ้ม นิ้วเล็กเอื้อมไปแตะปลายจมูกของอีกคนเบาๆ ก่อนจะเอ่ย
“เรื่องนั้นมันสำคัญด้วยหรือไง” ไม่เชิงย้อนถามในความรู้สึก แต่จุนฮยองก็แค่อยากจะบอกว่า...
“สำคัญสิ”
เพราะเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับจางฮยอนซึง มันก็สำคัญกับยงจุนฮยองไปเสียหมดนั่นแหละ ไม่รู้จริงๆหรือแกล้งไม่รู้กันแน่ ว่าที่ทำไปทั้งหมด ที่ทำให้ทั้งหมด มันก็เพราะเขาเห็นคนตรงหน้ามาก่อนใครเสมอ เพราะสำคัญ ที่ทำอย่างนั้นมันก็เพราะ...ว่าเขารัก
“แล้วเรื่องนั้นกับฉันตอนนี้ อะไรสำคัญกว่ากัน” ต้องบอกว่ามันค่อนข้างมีอิทธิพล ใบหน้าหวานใสที่เหมือนกำลังเชิญชวนชักอยากจะทำให้จุนฮยองลืมทุกอย่างแล้วก้มลงเก็บเกี่ยวความสุขจากร่างข้างใต้ หากแต่ประโยคนั้นมันแปลได้อีกอย่างไม่ใช่หรือ คล้ายกับว่าที่เขาพร่ำพูดมาทั้งหมด มันกำลังถูกละเลย จางฮยอนซึงไม่ได้ให้ความสำคัญเหมือนอย่างที่เขาทำ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้รู้สึกน้อยใจได้ยังไง
แต่คิ้วเข้มต้องเลิกขึ้น ดวงตาดุคมมองตามการกระทำของคนหน้าสวย ที่ดันเขาออกจากการทาบทับพลางลุกขึ้นนั่ง ปลายเสื้อที่เลิกขึ้นหล่นลงมาคลุมหน้าท้องแบนราบตามแรงโน้มถ่วง ขาเรียวทำท่าจะก้าวลงจากเตียง หากแต่กายบางกลับถูกมือใหญ่รั้งไว้เสียก่อน
“จะไปไหน” ราวกับคำถามของยงจุนฮยองเป็นเรื่องโง่ๆที่ไม่ควรถาม คิ้วเรียวบางถึงได้เลิกขึ้น คล้ายจะบอกว่าถามมาได้อย่างไร
“ก็กลับหอไง” และเพราะสีหน้าท่าทางเฉยเมยของฮยอนซึง แร็พเปอร์เลยรู้สึกว่าตัวเองช่างไม่เป็นที่สนใจ มันน่าน้อยใจนัก เขาพยายามแทบตาย แล้วไหงผลที่ออกมาก็ยังเหมือนเดิม คือคิดจะไปก็ไป คิดจะทำอะไรก็ทำ ไม่เข้าใจความรู้สึกของเขาเลย คิดอย่างนี้ก็ชักจะหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง
“ใครให้ไป” พร้อมกับกระชากกายบางให้กลับมานอนที่เดิมอีกครั้ง น้ำเสียงที่ทอดก็ชักจะห้วนๆ บอกไว้ก่อนว่าจุนฮยองเป็นคนอ่อนโยน แต่ถ้าไม่ได้ดั่งใจขึ้นมาเมื่อไหร่ ความอ่อนโยนที่ว่ามันอาจจะหายไป
“อ้าว ก็นึกว่าจะไม่ต่อแล้ว”
“ฝันไปเถอะ คืนนี้อย่าหวังว่าจะได้นอน”
คิดผิด...
ยงจุนฮยองคิดผิด ว่าหากได้ครอบครองร่างกายแล้ว อะไรๆมันก็อาจจะดีขึ้น มันเป็นเรื่องที่เกินจะคาดเดาความนึกคิดของจางฮยอนซึง เขาไม่รู้หรอกว่าอีกคนทำได้อย่างไร ทำเหมือนปกติได้อย่างไร ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราได้อย่างไร ทุกวันนี้เขามันก็แค่เพื่อน ก็แค่เพื่อนเหมือนวันที่ผ่านๆมา ใช่ว่าจะได้พัฒนาไปถึงขั้นคนรัก มันไม่ใช่
“โถๆๆ ยงจุนฮยอง พี่นี่มันน่าสงสารจริงๆเลยนะ” โอเคเขาจะรู้สึกเชื่อกับคำพูดนั้นถ้าหากว่าเด็กสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าไม่ได้กำลังหัวเราะเยาะอย่างสนุกสนาน ตบมืออย่างชอบใจ คล้ายจะสมน้ำหน้ามากกว่าเสียอีก
“หุบปากไปเลย ฮยอนอา” กดเสียงต่ำอย่างดุๆ ไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่อุตส่าห์เล่าเรื่องเขากับฮยอนซึงให้ฟัง แต่ดูเหมือนเด็กสาวจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น อย่างน้อยก็ขอให้รู้สึกเหมือนได้ระบาย แต่นี่อะไร มาซ้ำเติมกันซะนี่
“ดูพี่สิ น่าอายจริงๆ พอไม่ได้ดั่งใจเมื่อไหร่ก็มานั่งหน้าบูด เคยไหมล่ะที่จะเอาไปบอกกับพี่ฮยอนซึงว่ารู้สึกยังไง” ข้อเท็จจริงที่เด็กสาวมักจะเห็นแร็พเปอร์ในสภาพนี้อยู่บ่อยๆ วิตกกังวล แต่เรื่องจะบอกให้อีกคนรู้น่ะ ไม่ทำ
“ฮยอนซึงเป็นแบบไหนเธอเองก็รู้ด...”
“แล้วฉันก็รู้ด้วยว่าพี่เป็นแบบไหน” เสียงเล็กๆแทรกขึ้น ฮยอนอายู่ปากใส่จุนฮยองอย่างหมันไส้
“คนนึงก็เงียบ อีกคนก็เงียบ แล้วทีนี้มันจะไปเข้าใจกันไหมล่ะ อ๊ะ หรือว่าต้องใช้ภาษากายเท่านั้นกันนะ” รอยยิ้มเผล่ปรากฏบนหน้าสวย เป็นจอมทะเล้นจริงๆล่ะเด็กคนนี้
“ย่าห์... ฮยอนอา เธอไปหัดพูดคำแบบนี้มาจากที่ไหนกัน”
“ฉันโตแล้วนะ รู้หรอกน่า ว่าอะไรคืออะไร” คำพูดแบบนั้นเรียกอาการหมันไส้จากจุนฮยองจนต้องเอื้อมมือขั้นมาขยี้ผมนุ่มเสียจนฟู ใบหน้าที่หงิกตั้งแต่เช้าก็ดูเหมือนจะเริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้างเล็กน้อย แม้จะเป็นเพียงแค่ยิ้มมุมปาก
“ย่าห์!! ฉันเพิ่งทำผมนะพี่ เดี๋ยวจะโดนดุเอา” ต่อให้เด็กสาวโวยวายเอามือปัดไปมา จุนฮยองก็ไม่มีทีท่าว่าจะเลิกแกล้งง่ายๆ มือใหญ่ยังคงยีและยี
“จุนฮยอง”
จนกระทั่งเสียงหวานที่คุ้นเคยดังขึ้นด้านหลัง เรียกให้ทั้งคนแกล้งและคนโดนแกล้งหันขวับไปมองอย่างพร้อมเพรียง ดวงตาดุคมของจุนฮยองเบิกกว้างอย่างแปลกใจไม่คิดว่าเขาจะเห็นคนตัวเล็กที่นี่ ตอนนี้
“ฮยอนซึง” เอ่ยแค่นั้นก่อนจะรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาทันที ไม่สนใจมันแล้วล่ะคนที่นั่งคุยคนที่นั่งปรับทุกข์ด้วยกันอยู่เมื่อกี้ เรียกว่าแร็พเปอร์ไม่ค่อยจะลำเอียงเท่าไหร่
หน้าหวานฉีกยิ้มสวยเสียคนมองใจกระตุก ชะโงกหัวเล็กน้อยให้พ้นจากรัศมีการบทบังของจุนฮยองพลางโบกมือเอ่ยทักทายกับฮยอนอาเสียงใส ส่วนคนตัวสูงที่เห็นอย่างนั้นชักจะรู้สึกหมันไส้เด็กสาวตงิดๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เลือกที่จะสนใจคนสวยตรงหน้ามากกว่า
“มาได้ไง”
“ฉันนั่งรถมา” อันนี้ไม่ได้ตั้งใจจะกวนแต่อย่างใด หากจางฮยอนซึงตอบตามความเป็นจริงแล้วมันผิดมากเหรอ ซึ่งจุนฮยองก็เข้าใจดีในตรงนี้จึงพยักหน้ารับยิ้มๆ โลกของคนสวยมันลึกเกินจะเข้าใจ
“งั้นเปลี่ยนใหม่... นายมาหาฉันมีอะไรหรือเปล่า” เรียบเรียงประโยคอย่างตั้งใจ รอดูปฏิกิริยาตอบรับอย่างเต็มที่
“ถ้าไม่มีอะไรก็มาหาไม่ได้งั้นสิ” หัวเราะคิกคักเหมือนมันเป็นเรื่องตลก ทว่าเพราะคำพูดของฮยอนซึงทำเอาจุนฮยองแทบลืมหายใจ ละล่ำละลักออกไปแทบไม่เป็นภาษา
“ไม่ใช่ คือ แบบ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น คือ จะบอกว่า เนี่ย นายจะมาหาเมื่อไหร่ก็ได้ เอ่อ คือ แบบ นั่นแหละ” ถ้ายกมือขึ้นมาประกอบได้ พ่อคุณคงแร็พกระจาย หลุดมาดทุกที เป็นอันต้องเผลอปล่อยกิริยาตลกๆออกมาทุกทีเมื่ออยู่ต่อหน้าจางฮยอนซึง แต่ถึงอย่างนั้นคนสวยก็หาได้สนใจ ชูถูงกระดาษในมือในระดับสายตา
“อะไรอ่ะ”
“ข้าวน่ะ ดูจุนฝากมาให้ เห็นว่านายยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า เอาไปสิ” แกว่งๆมันเล็กน้อย ก่อนจะถูกรับไปด้วยมือของอีกคน จางฮยอนซึงยิ้มบาง
“กินเยอะๆนะ”
...สงสัยจะไม่ได้ เพราะแค่เห็นรอยยิ้มน่ารักๆกับเสียงหวานๆ ยงจุนฮยองก็รู้สึกอิ่มแล้ว...
“กินด้วยกันนะฮยอนซึง” คำชวนของจุนฮยองทำเอาคนหน้าหวานยิ้มบางก่อนจะส่ายหัวเบาๆเป็นการปฏิเสธ พลางเหลือบสายตาไปทางฮยอนอาแล้วระบายยิ้ม
“เดี๋ยวฉันต้องไปธุระต่อน่ะ นี่เห็นว่าผ่านบริษัทเลยรับฝากดูจุนเอาข้าวมาให้นาย งั้นฉันไปก่อนดีกว่านะ” เอื้อมมือเล็กขึ้นมาตบไหล่จุนฮยองสองสามที ก่อนจะก้าวขาเดินออกไปจากห้องแต่งตัว
การมาครั้งนี้ของจางฮยอนซึงเหมือนมาทำให้ยงจุนฮยองยิ่งน้อยใจ เพราะไม่ว่าเขาจะพูดยังไง จางฮยอนซึงก็คือจางฮยอนซึง อยากจะทำอะไรก็ไม่เคยแคร์ความรู้สึกของเขาอยู่แล้ว ซึ่งข้อนี้ก็โอเค เขารับได้เพราะมันคือตัวตนของอีกคน แต่เพียงแค่อยากรู้ว่า ในนั้น ในนั้นของฮยอนซึงมันมีเขาอยู่บ้างไหม...
นานๆทีสมาชิกวงบีสท์จะมีเวลาว่างครบทุกคน และนานๆทีที่ยงจุนฮยองจะรู้สึกชอบวันอย่างนี้เหลือเกิน วันสบายๆที่ไม่มีอะไรหวือหวา มันก็มีแค่ เขา... และจางฮยอนซึง พอแล้ว เขาคิดว่ามันพอแล้ว แม้ในความเป็นจริง...
“นอนยิ้มหน้าบานเลยนะจุนฮยอง”
“ใช่ๆๆ”
“ดูมีความสุขนะ”
“ผมก็คิดอย่างนั้นฮะ”
...แม้ในความเป็นจริง ทุกคนจะนั่งอยู่ด้วยกันที่ห้องรับแขก สายตาหลายคู่ที่กำลังมองมามันดูหมันไส้เขาอย่างไรชอบกล แต่จะให้ทำยังไงล่ะ ตอนนี้ยงจุนฮยองกำลังมีความสุขมาก
แรงขยับขาส่งผลให้หัวของจุนฮยองเคลื่อนเล็กน้อย ละสายตาจากหัวหน้าวงและคนอื่นๆขึ้นมองใบหน้าหวานหลังแว่นตาอันโตเจ้าของตักนิ่มที่กำลังก้มอ่านหนังสือเงียบๆ ดูดี ดูตั้งใจ ดูหลุดเข้าไปอยู่ในโลกอีกใบ
“เมื่อยเหรอ” ถามไปอย่างนั้น เพราะถ้าให้เลือก ต่อให้คนสวยเมื่อยจริงๆ จุนฮยองก็ไม่อยากจะลากหัวของตัวเองออกไปเด็ดขาด เพียงแต่คนสวยไม่พูดอะไรเลื่อนสายตาจากหนังสือมาสบกับนัยน์ตาคมแล้วยิ้มบาง ก่อนจะหันไปสนใจตัวหนังสือบนหน้ากระดาษต่อ เป็นอันรู้กันว่า...ไม่เป็นไร
คราวนี้แหละคนที่รู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นคนสำคัญก็ยิ่งยิ้มจนปากจะฉีก กัดริมฝีปากอย่างดีใจ ตาคมจ้องมองหน้าหวานที่กำลังมีสมาธิไม่ละไปไหน อยากจะอวดคนทั้งโลกว่าเขาได้นอนตักจางฮยอนซึง อยากทำอย่างนั้น
“อ้อ ดูจุน ขอบคุณนะ ข้าวกล่องน่ะ ถึงมันจะไม่เหมือนรสฝีมือนายเท่าไหร่ แต่ฉันก็กินหมดเลยนะ” บอกยิ้มๆ แต่รู้หรือเปล่าว่าประโยคยาวๆของจุนฮยองกำลังทำให้หัวหน้าวงเกิดอาการงง คิ้วเข้มของดูจุนเลิกขึ้นอย่างสงสัย หากแต่ก็เหลือบไปเห็นอีกคนกำลังมองมาทางนี้เช่นกัน มองเงียบๆก่อนจะหลบสายตาไป
ยกยิ้มที่ริมฝีปากเมื่อดูเหมือนตัวเองจะถูกใช้เป็นข้ออ้าง พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะเอ่ยตอบ
“อืมไม่เป็นไร กินหมดก็ดีแล้ว”
ครืด~
แรงสั่นที่ไอโฟนเครื่องบางเรียกความสนใจทั้งจุนฮยองและเจ้าของตัวจริง ดวงตากลมละจากหนังสือมาสนใจมัน มือบางหยิบไอโฟนขึ้นมาดู บนหน้าจอปรากฏข้อความสั้นๆที่ทำให้คนตัวเล็กปิดหน้าหนังสือลง ก่อนจะเอ่ยปาก
“ดูจุน เดี๋ยวฉันออกไปข้างนอกนะ” รายงานให้หัวหน้าวงรับทราบ ก่อนจะก้มลงมองคนที่ยังนอนตักของตัวเองไม่ขยับไปไหน ตาโตกระพริบปริบไปให้เหมือนจะถามว่า ไม่ได้ยินเหรอไง เมื่อกี้เขาพูดว่าจะออกไปข้างนอก ทำไมยังนอนอยู่อีก
ซึ่งจุนฮยองที่เห็นอย่างนั้นก็ยังไม่ยอมเอาหัวออกไปจากตักนิ่ม รอยยิ้มที่ดูจะมากเกินเหตุในตอนแรกหายไป หลงเหลือเพียงใบหน้านิ่งๆเช่นเดิม สบตาราวกับจะสื่ออะไรบางอย่างให้อีกคนรับรู้
“ไม่ไปได้ไหม” ถามเสียงเบา ดวงตาคมจับจ้องใบหน้าหวานที่ระบายยิ้มบาง อันที่จริงเขาก็ถามไปอย่างนั้น เพราะก็รู้อยู่แล้วว่า...
“ไม่ได้หรอกจุนฮยอง เรื่องด่วนน่ะ ฉันต้องไป”
...ว่าตัวเองมันไม่เคยสำคัญอยู่แล้ว... ไม่ใช่แฟน ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่ จะทำอะไรก็ไม่ต้องสนใจเขา...
บอกแล้วว่าจุนฮยองเป็นคนอ่อนโยน แต่ถ้าไม่ได้ดั่งใจขึ้นมาเมื่อไหร่ความอ่อนโยนเหล่านั้นมันอาจจะหายไป คนตัวสูงเลยหงุดหงิดลุกพรวดขึ้นจากโซฟาและตักนิ่มอย่างรวดเร็ว ก้าวเดินพาตัวเองเข้าส่วนของห้องนอนไปทันที ไม่หัน ไม่มอง ไม่หันกลับมามองว่าทุกคนบริเวณนั้นมีสีหน้างงเช่นไร โดยเฉพาะฮยอนซึงที่อ้าปากค้างอย่างไม่เข้าใจ
...กับแค่เขาจะออกไปทำธุระ ต้องโกรธด้วยหรือไง...
“ดูเหมือนนายจะต้องง้อคนนะฮยอนซึง” เพราะจากสภาพการณ์แล้ว ดูจุนก็คิดว่าควรจะเป็นอย่างนั้น หากแต่คนสวยทำเพียงส่ายหน้า แล้วลุกขึ้นยืนเตรียมจะออกไปข้างนอกอย่างที่ตั้งใจ
“ช่างเหอะ เดี๋ยวก็คงหาย ไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย”
ปัง!!
เสียงปิดประตูดังสนั่นไปทั่วทั้งหอพักทำให้สมาชิกที่เหลือสะดุ้งตกใจ เดาได้ไม่ยากเพราะคนที่เพิ่งจะเดินไปทางนั้นก็มีคนเดียวคือยงจุนฮยอง ดูจุนถอนหายใจกับความดื้อดึงของทั้งสองฝ่าย
“รีบไปรีบกลับมาเคลียร์ ก่อนที่มันจะพังหอเพราะคำพูดของนาย”
ก็อยากจะงอน ก็อยากจะโกรธให้นานกว่านี้ เพียงแต่ยงจุนฮยองทำไม่ได้ เวลาค่ำมืดขนาดนี้แล้วทำไมจางฮยอนซึงยังไม่กลับมา...
กายสูงเดินวนไปวนมาอยู่ตรงทางเข้าหอพัก ใบหน้าหล่อคอยแต่ชะเง้อมองว่าเมื่อไหร่คนที่รอจะกลับมาให้เจอหน้าเสียที ถือไอโฟนขึ้นมาปัดๆหน้าจอเพื่อดูเวลาแล้วก็ถอนหายใจ แลบลิ้นเลียริมฝีปาก เท้าเอวอย่างรอคอย
หน้าหล่อหันขวับทันทีเมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังเบาๆ เจ้าสี่ล้อไม่คุ้นตาจอดสนิทเบื้องหน้า ก่อนจุนฮยองจะต้องเบิกตากว้างเมื่อคนที่ลงมาก็คือฮยอนซึง คนตัวเล็กโค้งลาให้กับรุ่นพี่หน้าตาดีฝั่งคนขับ แน่นอนยงจุนฮยองก็รู้จักด้วยว่าผู้ชายที่มาส่งจางฮยอนซึงเป็นใคร
...ชเวดงอุค...
โบกไม้โบกมือ ส่งยิ้มให้จนกระทั่งรถยนต์เคลื่อนตัวออกไป ก่อนฮยอนซึงจะหันกลับมาให้ความสนใจกับแร็พเปอร์ของวงที่ยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับ
“มารอฉันเหรอ” ก็ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองนักหรอก แต่ฮยอนซึงก็รู้ว่าจุนฮยองค่อนข้างจะติดเขา นี่มันใช่ครั้งแรกเสียเมื่อไหร่ บ่อยไปที่คนหน้ายักษ์มายืนรอเขาอย่างนี้ ทว่าวาจาที่ได้ยินถัดมาทำเอาคนอารมณ์ดีๆไม่ค่อยปลื้มนัก
“มองเห็นฉันด้วยหรือไง” ประชดเข้าให้เต็มๆ ...แต่วินาทีต่อมาจุนฮยองเพิ่งรู้ตัวว่าไม่สมควรพูดอย่างนั้น อยากตีปากตัวเองนัก ดวงตาคมกลอกไปมาอย่างใช้ความคิด
ร่างกายรู้สึกร้อนๆหนาวๆเมื่อเห็นใบหน้าหวานของจางฮยอนซึงดูบึ้งตึงขึ้นมาทันที คนตัวบางเม้มปากแน่นก่อนจะแทรกตัวเดินผ่านกายสูงของจุนฮยอง เดินนำขึ้นไปบนหอพักโดยไม่พูดอะไร ร้อนคนปากดีจำต้องรีบเดินตามขึ้นมารั้งไว้ หวังจะขอโทษ
“คือว่า...”
“เราเป็นเพื่อนกันหรือเปล่าจุนฮยอง” ไม่ทันที่คนตัวสูงจะได้เอ่ยแก้ตัว เสียงใสก็ดังถามแทรกขึ้นมาซะก่อน ทำเอาคนที่ได้ยินแทบเป็นใบ้กับคำว่า... เพื่อน
...ใช่ว่าไม่อยากเป็นเพื่อนกับจางฮยอนซึง แต่ใจมันคิดไปเกินกว่านั้น มันไม่อยากเป็นแค่นั้น...
“ถ้าเราเป็นเพื่อนกัน อย่าพูดแบบนั้น อย่าทำเหมือนกับว่าฉันไม่เคยเห็นนายสำคัญ”
เกือบจะดีใจอยู่แล้วเชียว ยงจุนฮยองเกือบจะดีใจที่อย่างน้อยคนตัวเล็กก็ให้ความสำคัญ แต่เพราะไอคำว่าเพื่อนนั่นแหละที่เป็นตัวฉุดรั้งความดีใจเหล่านั้นให้หายไป เขาไม่เข้าใจสักนิด ว่าเพราะอะไร ทำไมสถานะของเรามันก็แค่นี้ ทั้งๆที่ความสัมพันธ์มันก็เกินเลย เกินกว่าที่คนเป็นเพื่อนจะทำกัน
“นายไม่เคยแสดงออกมาอยู่แล้วนี่ ว่าแคร์ความรู้สึกของฉัน” เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็มีแต่เขาไม่ใช่หรือที่คอยมองหา ที่คอยเป็นห่วงเป็นใย มันก็มีแต่เขาเท่านั้นแหละที่บ้าไปเองคนเดียว
“จำเป็นด้วยหรือไง ที่จะต้องทำอย่างนั้น”
คำพูดราวกับไม่ใส่ใจมันบีบคั้นก้อนเนื้อน้อยข้างในอก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ปวดร้าวเหลือเกินกับท่าทางของอีกคน
ฮยอนซึงเบี่ยงตัวเองออกจากการเกาะกุม ก้าวขาเดินหวังจะขึ้นไปอาบน้ำนอนพักผ่อนให้สบาย เพราะเขาเองก็ตะลอนมาทั้งวันแล้ว ทว่าสองขาเรียวต้องชะงักเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของจุนฮยอง
“ฮยอนซึง แต่นายเป็นของฉันแล้วนะ” พยายามทวงสิทธิหรือไร แสดงความเป็นเจ้าของหรือไร ฮยอนซึงก็ทำเพียง... แค่นหัวเราะ แล้วเอ่ยโดยไม่หันมามอง
“ก็เห็นว่านายอยากได้ ฉันก็แค่ยกให้ มันไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นไม่ใช่หรือไง”
“อ่อ รีบขึ้นนอนด้วยนะ อยู่ข้างนอกอากาศหนาว เดี๋ยวนายจะไม่สบาย”
อะไร... ไม่รู้เรื่อง ประโยคหลังจุนฮยองไม่สามารถได้ยิน สองขาแทบทรุดลงไปกองกับพื้นหลังจากได้ฟังคำพูดทำร้ายจิตใจ ดวงตาคมมองตามแผ่นหลังบางที่หายขึ้นไปด้านบนอย่างล่องลอย อยู่ดีๆก็หายใจติดขัด อยู่ๆก็รู้สึกอึดอัด ทรมานเหลือเกิน...
...ก็แค่ยกให้ อย่างนั้นสินะ...
ไม่รู้หรอกว่าพาตัวเองให้ขึ้นมาบนหอพักได้อย่างไร เพราะเรี่ยวแรงที่มีถูกลิดรอนไปหมดสิ้นด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำของจางฮยอนซึง ล่องลอยวนไปวนมาในหัว สลัดเท่าไหร่ก็ไม่มีที่ท่าว่าจะหลุด ใช้เวลากับความเงียบอยู่นาน ต่อจากนี้จะทำอย่างไรต่อไปดี จะทนอยู่แบบนี้ไปได้อีกนานเท่าไหร่
จนกระทั่งเปิดประตูเข้ามาในห้องนอน ความมืดมิดเป็นสิ่งแรกที่ยงจุนฮยองสัมผัสได้ ก่อนจะก้าวขาเดินด้วยความคุ้นเคยเข้าไปนอนบนเตียงของตัวเองที่อยู่ตรงกลางระหว่างลีกีกวังและจางฮยอนซึง
ความโหยหาพุ่งเข้าเล่นงานยงจุนฮยองจนต้องกัดกรามไว้แน่น ใบหน้าหวานที่หลับสนิทอยู่ด้านข้างเตือนให้รู้ว่ายังไงก็ไม่มีทาง... ระยะห่างที่อีกคนหยิบยื่นให้ กำลังทำร้ายเขาเหลือเกิน จะเก็บไม่ไหวแล้ว เขาจะทนกับมันไม่ไหวแล้ว อยากครอบครองหัวใจ ไม่ใช่แค่ร่างกาย...
...รู้ไหม... จางฮยอนซึง...
เช้าวันนี้ไม่สดใสเหมือนเคย มันไม่เหมือนเดิม ความรู้สึกของยงจุนฮยองมันไม่เหมือนเดิม ความรู้สึกของคนมีความหวัง พังทลายลงแล้วเมื่อหลายวันก่อน เพราะคำพูดของคนที่รัก ...เพราะจางฮยอนซึง
จุนฮยองพาตัวเองให้เข้ามาภายในหอพักที่หมู่นี้ไม่ค่อยได้กลับมานอนเท่าไหร่ เหตุผลคืออะไร ทำไมจึงต้องเดินหนี ทำไมจึงไม่กล้าเผชิญหน้า ทำไม... เพราะกลัว เขากลัวเหลือเกินกับความทรมานที่จะต้องมองเห็นอีกคนอยู่ใกล้ๆ มองเห็นจางฮยอนซึงที่ต่อให้พยายามเท่าไหร่ก็คงไม่ได้มา ไม่ใช่ร่างกาย แต่เป็นหัวใจ...
“น่าจะมีความสุขดีนี่ แล้วไหงทำหน้าอย่างนั้นล่ะ” เข้ามาปุ๊บก็เจอคำเสียดสีจากยุนดูจุนทันที ดวงตาคมที่ดูอ่อนล้าทอดผ่านกายสูงของหัวหน้าวงไป ไม่คิดจะให้ความสนใจ กวาดสายตาไปทั่วห้องครัวและห้องนั่งเล่น ...ไม่พบคนที่แสนคิดถึง
“ฮยอนซึงอยู่ในห้องนอน” ดูจุนยอมรับเลยว่าพอเห็นสภาพของจุนฮยองแล้วก็โกรธไม่ลง ร่างกายที่เหมือนจะสูบผอมลง เห็นแล้วก็รู้สึกเป็นห่วงตามประสาคนเป็นเพื่อน แม้ว่ามันเพิ่งจะไปก่อเรื่องมาก็เถอะ
“จัดการซะนะจุนฮยอง จะเอายังไงก็เลือกซะ” เหมือนๆจะเป็นประโยคคำสั่ง ซึ่งอีกคนก็แค่รับฟังก่อนจะเดินเข้ามาในห้องนอน
ทอดสายตามองใบหน้าหวานของฮยอนซึงที่กำลังหลับพริ้ม ลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ
...ฉันกับนายเรายืนอยู่ในที่ที่เหมือนกัน นายไม่ได้เดินออกไป แต่นายรู้ไหมว่าทำอย่างนั้นฉันก็เจ็บปวด...
...มันเจ็บมากๆเลย...
“มาแล้วเหรอ”
อยู่ๆเสียงหวานของคนที่น่าจะกำลังฝันดีก็ดังขึ้น ก่อนเจ้าตัวจะลืมตามองตรงมายังคนตัวสูง ใช่ว่าจุนฮยองจะหลบสายตา มุมปากหยักกลับยกยิ้มส่งให้เหมือนทุกที
“อืม กลับมาแล้ว” บอกแค่นั้นก่อนจะพาตัวเองให้ขึ้นไปนอนข้างๆกัน ตะแคงซ้ายเพื่อจะมองอีกคนให้ชัดเจน ไล่สายตาไปทั่วดวงหน้าใส อยากเอื้อมมือไปสัมผัส ดวงตากลมโตที่กำลังจ้องมา ดวงตาคู่นั้น มันบั่นทอนเขาอีกแล้ว
“สวยดี” สองพยางค์สั้นๆไม่ทำให้จุนฮยองเข้าใจนัก ก่อนจะรู้สึกโหวงๆเมื่อได้ยินประโยคถัดมา
“ผู้หญิงในข่าว... สวยดีนะ”
ระบายยิ้มให้อย่างน่ารักเหมือนเคย ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น จางฮยอนซึงก็ยังยิ้มให้ยงจุนฮยอง ก็ยังเป็นเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เราสองคนก็ยังเป็น...เพื่อน เหมือนๆเดิม
“ไม่หรอก... นายสวยกว่า” ยกยิ้มมากกว่าเดิมเล็กน้อย คำชมนั้นทำเอาคนที่มีใบหน้าหวานยิ่งกว่าผู้หญิงหัวเราะเบาๆ
ไม่อยากพูดถึง เวลานี้ขอมีแค่จุนฮยองกับฮยอนซึง แค่นั้นพอ...
ดวงตาทั้งสองคู่ดูจะงงๆ และประหลาดใจอยู่มาก เมื่อคนที่นัดกับคนที่มาคือคนละคน จุนฮยองปล่อยมือที่จับลูกบิดประตูห้องของโรงแรม เบี่ยงตัวให้อีกคนเดินเข้ามาภายใน ก่อนจะเอ่ยปากถาม
“ทำไมถึงเป็นนายล่ะฮยอนซึง” ปิดประตูกลับลงอย่างเดิม ก่อนจะสาวเท้าเดินตามคนตัวบางเข้ามาด้านใน ทิ้งตัวนั่งลงกับเตียงนุ่ม เงยหน้ามองอีกคนที่ก็สงสัยไม่ต่างกัน
“ก็ดูจุนนัดให้มาเจอที่นี่กับทุกคน” พยักหน้าบอกความจริงให้อีกคนรู้ ดวงตากลมสอดมองไปทั่วอย่างไม่รู้ว่าเอาไปไว้ที่ไหน มือขาวยกขึ้นมาเกาท้ายทอย ก่อนจะหัวเราะแห้งๆ
“รู้สึกว่าฉันจะเหมือนนายนะ แล้วคนนัดทำไมยังไม่มาเนี่ย” ยกไอโฟนคู่ใจขึ้นมาพลางลากก้านนิ้วยาวผ่านหน้าจอเพื่อดูเวลา เย็นย่ำป่านนี้แล้ว ยังจะนัดให้มาเจอ แถมเจ้าตัวก็ไม่โผล่มาสักที
“เดี๋ยวก็คงมามั้ง” ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจก่อนจะพาตัวเองไปนั่งลงข้างๆกับกายสูง คนตัวเล็กหันไปยิ้มให้จุนฮยอง ซึ่งดูแล้วนั่นก็...สวยมาก สวยเกินไป...
จะเป็นอะไรไหมถ้าเวลานี้จุนฮยองอยากจะ...
“จูบ... ฉันจูบนายได้ไหมฮยอนซึง” ทอดเสียงเบาหวิว ดวงตาทั้งสองคู่สบกัน ไม่มีใครพูดอะไร คนตัวเล็กยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเป็นฝ่ายเคลื่อนหน้าเข้าไปหาจุนฮยองเสียเอง
สัมผัสนุ่มนวลไม่ได้รีบร้อน แม้จะแปลกใจในตอนแรกทว่าเลือกที่จะไม่ใส่ใจ มือใหญ่ยกขึ้นมารั้งหลังลำคอขาวให้เบียดชิดกันมากขึ้น อีกข้างพาดเกี่ยวเอวบางรั้งร่างเล็กๆให้เข้ามาใกล้ตัว สอดแทรกซึมซับรสสัมผัส หากแต่ลมหายใจของจุนฮยองต้องสะดุดเมื่อฮยอนซึงใช้มือดันอกแกร่งให้ออกห่าง จำต้องละจากริมฝีปากคู่สวย
“แค่จูบไง” เอ่ยเตือน เพราะขืนยังไม่หยุด มีหวังมันคงไม่จบง่ายๆ
“นายเป็นแบบนี้อีกแล้วฮยอนซึง... ทำได้ยังไง... นายยังทำเหมือนปกติได้ยังไง” น้ำเสียงและคำพูดคล้ายจะตัดพ้อ จุนฮยองเริ่มจะทนไม่ไหวอีกแล้ว ขอบตาที่มันร้อนผ่าวอาจไม่เท่าหัวใจที่เหมือนถูกบาดจนเป็นแผล น้ำใสๆที่กลิ้งหยดลงอาจไม่เท่าก้อนเนื้อน้อยๆข้างในที่รู้สึกเจ็บ แต่มันก็แทนความเสียใจได้เหมือนกัน....
...แค่ยงจุนฮยองรักจางฮยอนซึง แค่นั้น มันเจ็บถึงกับต้องเสียน้ำตาเชียวหรือ...
...พอแล้ว พอแล้ว ไม่อยากทรมาน ยงจุนฮยองไม่เอาแล้ว เอาออกไปที นายช่วยเอามันออกไปที...
แขนแกร่งตวัดร่างเล็กๆให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด เกยคางเข้ากับลาดไหล่บาง กอดกระชับให้แน่น หยาดน้ำที่ไหลลงไม่เป็นที่สนใจ จุนฮยองไม่ได้สะอื้นไห้ แต่ทรมานเหมือนคนขาดอากาศหายใจ
“ช่วยทำเหมือนว่ารักฉันหน่อยได้ไหม แค่โกหก แค่โกหกเท่านั้นจางฮยอนซึง”
“ได้ไหม... แค่นี้เอง แค่สงสารฉันหน่อย ได้ไหม”
หัวใจราวกับถูกกระทืบ อาการสั่นของยงจุนฮยองทำเอาฮยอนซึงตกใจ ไม่รู้ เขาก็ไม่แน่ใจ ว่าจุนฮยองอยากจะสื่ออะไรกันแน่ ทำไมต้องร้องไห้ ทำไมต้องทำราวกับว่ารักเขา ทำไม...
“ฉันไม่รู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ถึงนายไม่ขอ... ฉันก็รักนายอยู่ดี ...รักในแบบที่นายไม่มีทางรักฉันจุนฮยอง” แขนเล็กที่ตกอยู่ข้างลำตัวถูกยกขึ้นมากอดคนตัวสูง ใบหน้าหวานที่ตะแคงซบไหล่หนา ปรากฏรอยน้ำตาแห่งความเสียใจ
“นายไม่มีวันเข้าใจหรอกจุนฮยอง ว่าฉันเสียใจแค่ไหนที่คิดว่านายอยากได้แค่ตัวฉัน นายไม่เข้าใจหรอก ว่าฉันมันก็แบบนี้ จะให้แสดงออกอะไรมากมาย ทำไม่เป็น เสียใจนะที่นายมองไม่เห็นมันเลย... ความรักของฉัน”
แม้อยากจะถามซ้ำ อยากจะถามย้ำให้แน่ใจ ว่าที่พูดออกมาน่ะจริงหรือ รักเขาจริงๆน่ะหรือ หากแต่จุนฮยองทำเพียงแค่รัดร่างบอบบางให้แน่นขึ้น หายไปหมดสิ้นความหวังและการรอคอย กลายเป็นความหวงแหนและโหยหาเข้ามาแทนที่ ปลอบประโลมด้วยมือใหญ่ พลางยกยิ้มอย่างดีใจ เพราะในที่สุด...
เราก็สัมผัสได้ถึงหัวใจของกันและกัน...
...ต่อจากนี้ยงจุนฮยองก็คงได้... เป็นมากกว่านั้น
Special
“ดูจุน ผมโทรหาฮยอนซึงไม่ติดเลย” ก้านนิ้วเล็กเลื่อนไปมาบนหน้าจอโทรศัพท์ ลีกีกวังกำลังพยายามที่จะติดต่อพี่รองของวงไม่หยุด
“แล้วพี่จะโทรไปทำไมล่ะครับ” เป็นซนดงอุนเก้าอี้จำเป็นของกีกวังที่ถามแทรกขึ้นมา
“ก็ฉันเป็นห่วงฮยอนซึงนี่ นายไม่เป็นห่วงมั่งหรือไง”
“ห่วงตัวเองดีกว่าไหมครับ” กระตุกยิ้มมุมปากกับความน่ารักไม่มีลิมิตของกีกวัง แทบอยากจะฝังเขี้ยวลงที่ลำคอขาวแรงๆยามเห็นใบหน้าใสดูหงุดหงิด พอดีว่าซนดงอุนเปล่าโรคจิต แต่แค่ชอบม้ากมากเวลาอีกคนดูโมโห แบบว่า มันก็เร้าอารมณ์ดีน่ะ
“หยุดลวนลามฉันก่อนไหม กำลังหงุดหงิดนะ”
และเผื่อกีกวังจะลืมไปนะ ว่าเจ้ามักเน่มันเคยฟังตัวเองเสียเมื่อไหร่ คราวนี้ล่ะมือใหญ่ยิ่งซุกซนเชียว
“เอ้าๆๆ ต้องการห้องไหม ข้างในว่าง” อย่าคิดเชียวว่าหน้าตาน่ารักๆแบบยังโยซอบจะไม่สามารถพ่นคำเสียดสีพวกนี้ออกมาได้
“อย่าพูดอย่างนั้น” แต่พอสิ้นเสียงทุ้มดุ ดวงตากลมของเมนวอยซ์ก็หงอยลงอย่างเห็นได้ชัด เม้มปากแน่นเสมือนคนทำความผิดแล้วโดนลงโทษ ก็ต่อให้ดูจุนพูดอะไร เด็กคนนี้ก็พร้อมจะทำตามทุกเมื่อแหละ บอกแล้วว่ายังโยซอบเป็นเด็กดี
“ไม่ต้องไปห่วงหรอกกีกวัง เดี๋ยวก็คงกลับมาเองแหละ” ดูจุนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจพลางยื่นแก้วนมอุ่นๆให้กับแฟนจ๋า โยซอบรับมายิ้มๆก่อนจะยกขึ้นดื่มอย่างว่าง่าย
“แต่นายไม่ต้องรอนะ กว่าฮยอนซึงจะกลับ...ก็คงเช้า”
THE END
- ถ้ามันน่าเบื่อก็ขอโทษด้วยนะคะ T^T เนื้อเรื่องตอนแรกที่คิดไว้ กับผลลัพธ์ มันคนละอย่างกันเลย ฮ่าฮ่าฮ่า
- ถ้าอ่านแล้ว งง ก็บอกด้วยเหมือนกันนะคะ T^T
- เหมือนเดิม ขอขอบคุณเม้นสำหรับ ‘อยาก... ได้’ และ ‘อยาก... ให้รู้’ ทุกเม้นที่ได้อ่าน คนแต่งนั่งยิ้มหน้าบานเลยนะคะขอบอก เอิ้กๆ
- ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและเม้นให้กำลังใจกันค่ะ ^^
ความคิดเห็น