คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [SF] Only me (3)
สายตาสามคู่ของทั้ง รองประธาน เลขานุการ และเหรัญญิก มองไปทางจินยองที่นั่งฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะราวกับคนหมดอาลัยตายอยาก ต่างเลิกคิ้วกับมือนิ่มที่ถูกยกขึ้นมาทึ้งหัวเจ้าตัวในบางที ทุบลงกับโต๊ะในบางที เปลี่ยนมาพ่นลมหายใจในบางครั้ง จนอีกสามคนชักจะเริ่มงงกับสภาพของเพื่อนรักในตอนนี้
“เอาปืนสักกระบอกไหม ท่าทางนายเหมือนอยากจะตายนะจินยอง” ชาซันวูเจ้าของตำแหน่งเลขานุการประจำพรรคที่นั่งฝั่งตรงข้ามเอ่ยขึ้น ซึ่งมันก็ดึงความสนใจของจินยองได้เป็นอย่างดี หัวกลมผงกขึ้นมาจากโต๊ะกว้างก่อนจะบ่นพึมพำกับตัวเองที่อีกสามคนได้ยินแล้วต่างก็ลงความเห็นว่า ...ไม่รู้เรื่อง
“พอดีฉันเห็นสภาพนายแล้วกินข้าวไม่ลง” เฉลยให้คนตัวเล็กฟังก่อนจะตักข้าวในจานเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ ...คนใช้สมองต้องการพลังงานนะเว้ย...
“เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ” ชินวูที่นั่งอยู่ข้างๆประธานหน้าหวานถามขึ้น เดาได้ง่ายๆกับอาการของเพื่อน เพราะเขาเองนั่นแหละที่เป็นคนปล่อยให้จินยองอยู่กับกงชานแค่สองคน โดยลากบาโรหรือซันวูพร้อมกับซานดึลให้กลับบ้านก่อน ซึ่งคนตัวเล็กที่ได้ยินก็ถึงกลับหน้าขึ้นสีแดงแปร๊ดจนบาโรที่กำลังจะส่งข้าวอีกคำเข้าปากทำช้อนหล่นดังเคร้ง!
“อะไร! เหมือนฉันจะพลาดอะไรไปนะเนี่ย เกี่ยวกับเด็กโย่งนั่นหรือเปล่า” คนที่บอกกินข้าวไม่ลงทิ้งแล้วซึ่งช้อนส้อม หันมาคาดคั้นเอาความจริงกับเพื่อนหน้าหวาน
“อ๊าก! ทำยังไงดีวะชินวู ไอเด็กนั่นมันนิสัยเสียอีกแล้ว” ทนสายตาคาดคั้นจากเพื่อนไม่ไหวเลยร้องออกมาอย่างโหยหวน พลางทึ้งหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งนึกถึงเรื่องเมื่อวาน แก้มมันก็ยิ่งร้อนผ่าวเพราะความเขิน แต่ในสายตาของคนในห้องอาหารน่ะ เหมือนจินยองกำลังจะลงมือประทุษร้ายใครสักคนอย่างไรอย่างนั้น เพราะสะดุ้งโหยงไปตามๆกัน
“ทำยังไงดีล่ะชินวู มันมากขึ้นอีกแล้วนะ ไอความรู้สึกของฉัน”
“บอกกงชานไปสิ” ซึ่งคำตอบของเพื่อนก็เป็นอะไรที่จินยองคิดว่ามันทำยากที่สุดเลย ถ้าบอกไปแล้วไอเด็กนั่นยอมตกลงโอเคมันก็ดีหรอก แต่ถ้าไม่ เขาไม่อยากคิดว่าตัวเองจะห่อเหี่ยวขนาดไหน อาการแบบนี้เราเรียกกันว่า ...ไม่กล้า
“ทำไม เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น” ยัง พ่อเลขายังไม่หายสงสัย
“เห็นเมื่อวานจินยองใช้กงชานให้ทำความสะอาดน่ะ” พ่อเหรัญญิกซานดึลที่นั่งข้างๆไขข้อกังขาให้กับบาโรผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ซึ่งพอทราบท่านเลขานุการก็อ้าปากเหวออย่างอึ้งๆ เมื่อหัวสมองมันคิดไปไกล
“อย่าบอกนะว่านายกับเด็กนั่น เมื่อวาน ตอนเย็น พลบค่ำ ใกล้มืด โพล้เพล้ อากาศเป็นใจ นายสองคน...”
“หยุดเลย! อย่าได้คิดอกุศลกับคนอย่างฉัน” ยื่นมือไปข้างหน้าเป็นการเบรกประโยคของบาโรที่เหมือนจะทำให้เขาเสียหาย แต่ไอประโยคต่อมานี่สิ จินยองอยากจะบีบคอเพื่อนตัวเองนัก!
“อะไร ทีนายยังคิดแบบนั้นกับกงชานได้เลย” จบคำก็กระโดดหลบส้อมคันงามอย่างเชี่ยวชาญ ที่ลอยละลิ่วปลิวไหวมาจากฝีมือของประธานนักเรียน
“หยาบคาย นายมันหยาบคาย บาโร!”
“เอ้า! หรือไม่จริง ชอบเขาก็ไม่บอกเขาไปตรงๆ มัวแต่เก็กขรึมอยู่นี่ ชาติหน้าก็คงได้กินหรอก จะหลอกเด็กทั้งทีก็ทำให้มันเนียนๆหน่อยไม่ได้หรือยังไง” จินยองคิดว่าตัวเองชักจะร้อนๆ ถ้าให้เดาก็คงจะหน้าแดงด้วย แต่จะเพราะโกรธ หรือเพราะอะไรนั้นเขาเองก็ไม่รู้ แต่ที่รู้คืออยากไล่เตะไอเลขานุการนี่มาก!
“พอแล้วบาโร ประธานกำลังโกรธนะ” ซานดึลผู้มีจิตใจใฝ่ทางด้านการเงินเอ่ยปราม ก่อนจะก้มลงละเลียดอาหารของตัวเองต่อไป ...เงียบจริงๆเลยพ่อคุณ
“จินยอง” ชินวูหนุ่มแว่นหน้าขาวเรียก ทำให้คนตัวเล็กครางรับในลำคอก่อนจะเลิกสนใจบาโรแล้วหันมามองหน้ารองประธาน
“ว่าไง”
“กงชานมา” แค่สามพยางค์แต่ทำเอาดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้าง พลางเบนไปยังจุดเดียวกับที่ชินวูมองอยู่ กายสูงๆที่จินยองจำได้ดีกำลังเดินเข้ามาในห้องอาหาร เพียงแต่ไม่ได้มาคนเดียวเหมือนทุกที เพราะข้างกายมีเด็กสาวคนเมื่อวานที่เขาใช้ให้เอาเอกสารไปไว้ห้องทะเบียนเดินมาด้วย ความหมันไส้บังเกิดขึ้นในจิตใจเมื่อเห็นรอยยิ้มกว้างบนหน้าสวยนั่น ทั้งยังทวีคูณเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อเหลือบไปเห็นรอยยิ้มบางๆจากคนตัวสูง ภาพนั้นมันเหมาะสมดูดีเกินจินยองจะรับไหว
“โหย งานนี้ประธานของเราคงต้องอกหัก ชนิดยังไม่ได้เริ่มต้นแล้วล่ะ” คงไม่ต้องบอกว่านี่เสียงใคร กัดๆจิกๆแบบนี้มีคนเดียว ชาซันวูยังไงล่ะ
“ดูเหมือนนายจะอยากตายมากกว่าฉันนะบาโร” มือเล็กกำเข้าหากันแน่นไม่รู้ว่าโกรธเพื่อนหรือไม่พอใจอะไร เพียงแต่ว่าตอนนี้จินยองไม่มีอารมณ์จะทำอะไรแล้ว แม้แต่กิน!
“อ้าวเฮ้ย จินยองจะไปไหนวะ” บาโรถามพลางมองไปยังเพื่อนที่ลุกพรวดขึ้นทั้งที่ข้าวยังเต็มจาน แต่กลับไม่ได้รับคำตอบเพราะประธานหน้าหวานเดินลิ่วๆไปทันที
“อะไรของมันวะเฮ้ย” มองตามคนตำแหน่งใหญ่ตาปริบๆ มือไม้อยากยกขึ้นมาตบปากตัวเองที่พูดเกินไปนิด ก็รู้ว่าจินยองชอบกงชานมากขนาดไหน แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะแซวเล่น
“กงชาน” หน้าขาวหันมาตามเสียงเรียกของซานดึล คิ้วเข้มเลิกขึ้นเป็นการตอบรับ แปลกใจเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าคนตัวเล็กอีกคนจะเอ่ยชื่อเขา ขนาดอยู่กับเพื่อนยังไม่ค่อยจะพูดเลย
“ว่าไงครับรุ่นพี่”
“กินข้าวหรือยัง” อยู่ดีๆก็ถาม กงชานเลยแปลกใจมากกว่าเดิม แต่ก็ส่ายหน้าแทนคำตอบ ก็แหม เพิ่งจะเดินเข้ามาถึงห้องอาหาร
“พอดีเลย จินยองก็ยังไม่ได้กิน วานช่วยเอาขึ้นไปให้ด้วยนะ” พยักเพยิดไปทางจานข้าวที่ไร้เจ้าของฝั่งตรงข้าม และเมื่อทำหน้าที่เพื่อนของตัวเองเสร็จ เหรัญญิกก็ก้มลงจัดการกับอาหารของตัวเองต่อเงียบๆ ท่าทางแบบนั้นเรียกรอยยิ้มบนมุมปากของชินวูได้อย่างง่ายๆ ต่างกับคนที่ต้องใช้สมองแต่ไม่ใช้อย่างบาโร หุบปากฉับนึกไม่ถึงว่าซานดึลจะเล่นไม้นี้
กงชานมองไปทางจานข้าวที่ว่าก่อนจะถอนหายใจแล้วกลอกตาไปมาอย่างระอา อารมณ์หงุดหงิดเล็กๆที่มีไม่บ่อยนักสำหรับกงชานกำลังเกิดขึ้น ขาเรียวก้าวไปยังอีกมุมหนึ่งของโต๊ะอาหารก่อนจะเอื้อมหยิบจานแบนขนาดใหญ่พอสมควรขึ้นมาถือไว้ แล้วก้มหัวให้กับรุ่นพี่อีกสามคน จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป โดยที่ลืมไปแล้วว่ายังมีอีกหนึ่งสาวที่เดินมาด้วยกัน
...ใช่ เขาหงุดหงิดพอตัวเลยล่ะ อยากรู้จริงๆ ว่าทำไมพี่จินยองถึงไม่ยอมกินข้าว...
to be con.
มันอาจจะสั้นอีกแล้ว T^T แต่หลังไฟนอลของซัมเมอร์ จะมาต่อนะคะ ^^
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและเม้นให้กำลังใจกันด้วยนะคะ ^^
ความคิดเห็น