คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [SF] อยาก... ให้รู้ --- Doojun x Yoseob
Title : [SF] อยาก... ให้รู้
Author : oumser
Pairing/Couple : Doojun x Yoseob
Rating : PG-13
Talk : -
- อยาก... The series!
[SF] อยาก... ได้ (อุ่นกวาง)
[SF] อยาก... ให้รู้ (ดูซอบ)
[SF] อยาก... เป็นมากกว่านั้น (จุนซึง)
- ไม่รู้ว่าใช้ภาษาผิดไหม เพราะบางทีไม่รู้ว่าอันนั้นมันเรียกว่าอะไร? ถ้ายังไงเผื่อคนอ่านรู้ก็บอกกันได้เลยนะคะ
- ขอให้ทุกคนชอบ เพี้ยง!!!
เคยไหม... กับอาการใจเต้นแรงเวลาเขาคนนั้นทำอะไรเพื่อเรา
เคยไหม... กับอาการอึดอัดที่ต้องเก็บซ่อนความรู้สึก
แล้วเคยไหม... กับอาการน้อยใจเมื่อยังไง ความสัมพันธ์ของเรามันก็ได้แค่... คนสนิท
เป็นได้แค่นั้น ทั้งๆที่ ยังโยซอบ รัก ยุนดูจุน
เตียงสองชั้นถูกใช้เป็นที่นอนหลับพักผ่อนของเหล่าสมาชิกวงบีสท์ ที่นอนชั้นล่างแสนจะสบายเพราะสามารถกลิ้งไปกลิ้งมาได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะไปกระแทกเข้ากับที่กั้นระหว่างเตียง อย่างน้อยยังโยซอบก็คิดอย่างนั้น หากแต่ชั้นบนกลับมีโครงไม้สีน้ำตาลอ่อนแบ่งแยกชัดเจนถึงอาณาเขตของใครของมัน
...ไม้สีอ่อน...ที่มันกั้นกลางระหว่าง เขากับยุนดูจุน...
ถึงแม้จะอยู่ข้างกัน แต่ก็ไม่สามารถข้ามไปได้
ถึงแม้จะใกล้ชิดกัน แต่ก็เป็นได้แค่... คนสนิท
“นอนไม่หลับหรือยังไง” เสียงทุ้มเบาๆที่ดังมาในความมืดทำให้โยซอบที่กำลังนอนตะแคงซ้ายสะดุ้งเล็กน้อย มือขาวกำผ้าห่มแน่นพลางดึงขึ้นมาจนมิดคอ ก่อนจะตอบออกไป
“อืม นอนไม่หลับ”
...เพราะมัวแต่มองเงาของดูจุน เพราะมัวแต่ซึมซับช่วงเวลาที่ดูจุนไม่รู้ตัว...
“อยากให้ฉันไปนอนเตียงนั้นหรือเปล่า”
ไม่แปลกใจ คำถามแบบนี้ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้โยซอบเลย เพราะทุกๆครั้งดูจุนก็จะถามแบบนี้ ก็จะพูดแบบนี้ พูดให้เขาดีใจ แล้วถ้าคำตอบของเขาคือ...
“อยากสิ” ยุนดูจุนหัวหน้าวงผู้ใจดีกับยังโยซอบ ก็จะข้ามเจ้าโครงไม้สีอ่อน ข้ามมานอนอยู่บนเตียงเดียวกัน พร้อมกับอ้อมกอดอุ่นๆ ที่คนตัวเล็กแสนจะชอบนักหนา แค่ลำแขนแกร่งพาดผ่านลำตัว มันก็ทำให้เขาอบอุ่นไปแล้วถึงหัวใจ
“คราวนี้จะนอนได้หรือยัง หืม” ดึงผ้าห่มที่ตนเลิกขึ้นคลุมให้กับทั้งตัวเองและคนในอ้อมแขน กระชับแน่นเบียดเข้าหากัน หลีกหนีจากอากาศหนาวเย็นของเครื่องปรับอากาศ
“อืม นอน” เหมือนตุ๊กตา ไม่ว่าคนอายุมากกว่าจะพูดอะไร จะทำอะไร ยังโยซอบก็พร้อมจะเชื่อฟังและไม่ปริปาก ทำตามอย่างว่าง่ายราวกับถูกเชิด
ร้อนวูบวาบตรงตำแหน่งที่โดนสัมผัส ทั่วทั้งแผ่นหลังที่แนบสนิท รวมไปถึงเอวคอดเล็กที่แขนแกร่งเลื่อนมาเกาะเกี่ยว... ราวกับมีเวทมนตร์ เพราะเพียงแค่ได้รับการเอาใจใส่มากมายจากอีกคน หนังตาที่เปิดกว้างก็ค่อยๆหลับพริ้มลง ก่อนยังโยซอบจะเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันไปในที่สุด
เสียงก๊องแก๊งที่ดังมาจากส่วนของห้องครัวเรียกให้คนหน้าสวยอย่างจางฮยอนซึงจำต้องเดินมาดูเสียไม่ได้ ภาพตรงหน้าไขคำตอบกระจ่างชัดที่มาของเสียงนั้น เมนวอยซ์ของวงกำลังงุ่นง่านอยู่กับการรื้อค้นอุปกรณ์ทำอาหาร ซึ่งเดาได้ไม่อยากว่าเจ้าตัวเกิดอาการหิว แต่ว่าไอท่าทางเก้งๆก้างๆเหมือนคนทำครัวไม่เป็นแบบนั้นเขาเกรงว่าจะอดกินแถมยังเละเทะอีกต่างหาก
“ดูจุนไปไหนล่ะ ทำไมไม่อ้อนมาทำให้กิน” แซวพร้อมกับเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำออกมาเทน้ำสะอาดใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่ม ก็ถ้าทำเป็นเหมือนคุณหัวหน้าวงหรือว่าแร็พเปอร์จุนฮยอง ฮยอนซึงก็จะทำให้กินอยู่หรอก
“ดูจุนไปไหนไม่รู้ ไม่เห็นแต่เช้าแล้ว” บอกไปตามจริง มือเล็กก็ยังไม่ละออกจากหม้อที่ใส่น้ำไว้เล็กน้อยพร้อมตั้งเตา เดาไม่ยากเหมือนเคยว่าคงเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เหลือบมองไปที่เคาน์เตอร์ครัวที่เป็นแบบบิลด์อินเห็นซองพร้อมเครื่องปรุง มุมปากเรียวสวยก็ยกยิ้มขึ้นอย่างขำๆ
“นายกินแต่ไอนี่ทุกครั้งเลยนะ เวลาดูจุนไม่อยู่ อยากกินอะไรอย่างอื่นไหม เดี๋ยวเรียกจุนฮยองมาทำให้” แน่นอนฮยอนซึงทำอย่างนั้นประจำแหละ รายนั้นน่ะใช้ง่ายซะไม่มี
“อย่าหวังซะให้ยาก ไม่ใช่นายนะ จุนฮยองไม่ทำให้ฉันกินหรอก” บ่นๆค่อนคอดแร็พเปอร์ในใจพลางลงมือฉีกถุงเครื่องปรุงเทลงไปในหม้อ เป็นอันรู้กันว่าใกล้จะได้กินแล้ว
“นายติดแต่ดูจุนมากกว่า เลยไม่เคยพึ่งคนอื่น” เปลี่ยนมายืนหันหลังพิงเข้ากับเคาน์เตอร์ตรงอ่างล้างจานหันหน้าคุยกับโยซอบ
“ก็ดูจุนดีที่สุดแล้วนี่ ทำไมต้องไปอ้อนคนอื่นด้วยล่ะ” ก้มหน้าก้มตาพูดงึมงำเสียงเบา ทว่าฮยอนซึงที่ได้ยินเต็มๆสองหูน่ะยกยิ้มขึ้นอย่างชอบใจ
“นายรู้หรือเปล่าโยซอบ ว่าเวลานายพูดถึงดูจุนน่ะ หน้าแดงมากเลยนะ” หยอกล้อพลางใช้นิ้วเรียวเกลี่ยที่ข้างแก้มจิ้มลิ้มของโยซอบ ส่วนเจ้าตัวก็ยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่ จับผิดจับถูกจนเผลอแตะหม้อร้อนๆเข้าไปหนึ่งที
“โอ๊ย!”
“เขินหนักนะเนี่ย ดูสิซุ่มซ่ามชะมัด เอานิ้วมาดูหน่อย” ไม่รอให้โยซอบยื่นมาให้ ฮยอนซึงก็จับมือเล็กขึ้นมาเป่าๆซะเอง ไม่ได้เป็นอะไรมาก เพราะโยซอบแค่แตะถูกเฉยๆไม่โดนลวก
“ฉันว่าไปนั่งอ้อนดูจุนมาทำให้อย่างเดิมดีกว่านะ เจ็บตัวเลยเห็นไหม” โยซอบก็อยากจะถามนักว่ามันเป็นเพราะใครเล่า ที่มายืนล้ออยู่อย่างนี้ เขาก็ไม่เป็นอันทำอะไรน่ะสิ
“ใครอ้อนใคร ฉันเปล่าทำ” คำปฏิเสธที่ฮยอนซึงอยากจะเอากระจกมาให้ยังโยซอบส่องดูหน้าตัวเองเวลาพูดซะเหลือเกิน ว่ามันแดงเถือกขึ้นไปถึงใบหู เสริมให้เจ้าตัวดูน่าเอ็นดูนักเชียว
“นายชอบดูจุนใช่ไหมล่ะ” ลองหยั่งเชิงไปงั้น ทั้งที่มั่นใจอยู่เต็มร้อยว่าใช่แน่นอน ทว่าคนตัวเล็กที่เกิดอาการร้อนตัวกลัวว่าเรื่องนี้จะแพร่งพรายรีบปฏิเสธทันควัน
“ใช่ที่ไหนล่ะ ใครจะไปคิดอย่างนั้น” โกหกออกไปคำโตพลางหันกลับมาเทบะหมี่หอมฉุยใส่ชามกระเบื้องสีขาว ก่อนจะปิดแก๊สให้เรียบร้อย
“ก็เพิ่งรู้นะ ว่าคนที่เขาไม่ได้ชอบน่ะวันๆก็นึกถึงแต่ดูจุน เรียกหาแต่ดูจุน นอนก็นอนกับดูจุน ว้า ไม่ได้ชอบเลยสินะเนี่ย” เหมือนๆจะรู้สึก โยซอบเหมือนจะรู้สึกว่าวันนี้ฮยอนซึงพูดเยอะเป็นพิเศษ ไม่ได้อยากจะแกล้งเขาหรอกใช่ไหม ทำไมพูดอะไรก็ถูกไปหมด แทงใจดำไปหมดอย่างนี้ บางทีคนหน้าสวยก็ร้ายเกินไป น่ากลัวเกินไปแฮะ
“บ้าชัดๆ ใครจะไปคิดแบบนั้น ฉันเห็นดูจุนเป็นเหมือนเพื่อนเหมือนพี่เท่านั้นแหละ ไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่น” แต่ขอไขว้สองนิ้วแอบไว้จะได้ไหม โกหกมันบาปนะ
ทว่า...
“อย่างงั้นเหรอ” เสียงที่ได้ยินต่อมากลับไม่ใช่เสียงเล็กๆของฮยอนซึง แต่เป็นเสียงทุ้มคุ้นเคยที่ดังกลอกหูอยู่แทบทุกคืน โยซอบที่ได้ยินถึงกับสะดุ้งโหยง พอหันกลับมาก็เห็นแต่หัวหน้าวงยุนดูจุนยืนยิ้มบางอยู่ข้างหน้า หายไปแล้วแหละคนสวยที่ล้อเขาเมื่อกี้ ทิ้งงานหนักไว้ให้กันเฉยเลย
รอยยิ้มบางๆขอดูจุนกำลังทำให้โยซอบอยากจะมุดลงดิน ติดอยู่ที่ว่านี่มันเป็นพื้นไม้ ให้ตายเถอะ จะจ้องให้ทะลุกันไปเลยหรือยังไง ดังนั้นคนที่ทนไม่ไหวก็เลยต้องอึกอักเปลี่ยนหัวข้อหลีกเลี่ยงเรื่องเมื่อกี้ทันที
“เอ่อ กลับมาแล้วเหรอ ไปไหนมาน่ะ” ถามพลางชะเง้อมองถุงพลาสติกในมือใหญ่ ซึ่งดูจุนที่เห็นอย่างนั้นก็ยกมันขึ้นระดับสายตาให้คนตัวเล็กได้เห็นว่าเป็นอาหารเช้าสำหรับทุกคน ก่อนจะนำมันมาวางไว้ข้างๆกับชามบะหมี่ของโยซอบ
“กินแบบนี้อีกแล้ว จะขาดสารอาหารเอานะ” มือใหญ่ที่เอื้อมมาเตรียมจะขยี้ลงบนกลุ่มผมนุ่ม ทว่าคนตัวเล็กที่หดคอเก้อต้องแปลกใจเมื่อไม่ได้รับสัมผัสที่คุ้นเคยจากอีกคน กระพริบตาปริบมองคนตัวสูงที่ชักมือกลับหันไปสนใจชามบะหมี่ดังเดิม ก่อนจะยกมันใส่ถาดพร้อมด้วยแก้วและขวดน้ำ ยกเดินนำคนร่างเล็กออกไป
“เทพวกนั้นใส่จานซะ แล้วนายก็เอาออกมากิน บะหมี่ชามนี้ฉันขอก็แล้วกัน”
ดวงตากลมจับจ้องไปที่หัวหน้าวง ยุนดูจุนกำลังงุ่นง่านกับการจัดจอนของตัวเองอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ เป็นภาพที่เห็นแล้วก็อดไม่ได้จนต้องหัวเราะคิกคักออกมาคนเดียว ก่อนหัวสมองจะคิดหาข้ออ้างอะไรสักอย่าง โยซอบก้าวเท้าเข้าไปใกล้กับคนตัวสูง ดวงตาคมที่ละจากเงาในกระจกเหลือบมามองทำให้โยซอบยิ้มกว้าง พลันมันก็หุบลงทันทีด้วยเพราะอีกคนเบนสายตากลับไปส่องดูความหล่อของตัวเองต่อ ไม่ค่อยเข้าใจการกระทำแบบนี้เท่าไหร่ แต่ช่างมันเถอะ
“ดูจุนอ่า เช็คความเรียบร้อยให้หน่อยสิ” น้ำเสียงนุ่มนวล วาจาอ้อนๆ พร้อมกับดวงตากลมๆ มันน่ารักซะเหลือเกิน หากแต่นั่น ไม่ทำให้ดูจุนทำตามที่อีกคนขอได้
“นายไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่” จะบอกว่าคนตัวเล็กช่างไม่รู้จักเวลา ไม่เห็นหรือไงว่าคุณหัวหน้าวงเขาไม่ว่าง
ท่าทางไม่แยแสกันทำให้โยซอบทำอะไรไม่ถูก แรงวูบไหวเมื่อกี้ส่งผลให้คนตัวเล็กเผลอกลั้นหายใจชั่วครู่
“แต่ว่า...”
“ดูจุน ช่วยดูไอเครื่องบ้านี่หน่อย เหน็บให้ด้วยนะ” เสียงหวานที่แทรกเข้ามาสั่งๆพร้อมกับยื่นเครื่องส่งสัญญาณเจ้าปัญหาแล้วหันหลังให้กับหัวหน้าวง แค่ยิ้มสวยๆมือใหญ่ก็เอื้อมไปเหน็บเจ้าอุปกรณ์ที่ว่าเข้ากับขอบกางเกงของจางฮยอนซึง หยอกล้อด้วยการตีก้นงามๆนั่นเสียหนึ่งที ยิ้มกว้างในแบบที่วันนี้ยังโยซอบยังไม่มีโอกาสได้เห็น
ปากแดงเม้มแน่น สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ พลางพยักหน้ากับตัวเอง ราวกับจะปลอบใจว่าไม่เป็นไร วันนี้ดูจุนอาจจะอารมณ์ไม่ดี ก่อนจะค่อยๆหมุนตัวเดินหันหลังกลับไปยังเก้าอี้ตัวเดิมที่ละไป
“ทำไมโลกมันถึงดำปี๋ขนาดนี้วะ!” บ่นๆพร้อมกับทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆโยซอบ นัยน์ตาดุคมมองไปยังหัวหน้าวงกับคนสวยไม่กระพริบ ไอท่าทางกร่างๆเหมือนอยากจะซัดใครสักคนของจุนฮยองเรียกใบหน้าใสของคนด้านข้างให้หันมามอง
“นายอารมณ์เสีย” ดูจากท่าทางก็ใช่
“ก็นิดหน่อย อะไรๆมันก็ขวางตาไปหมดเลยตอนนี้” ถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ หันไปทางอื่นหลีกเลี่ยงใบหน้าขาวสวยของใครอีกคนที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุขกับคนอื่น
“แต่ฉันว่าในนี้ไม่มีอะไรขวางเท่าตาของนายแล้วล่ะ จุนฮยอง” ไม่ใช่เสียงของโยซอบ หากแต่เป็นกีกวังที่เข้ามาร่วมวงสนทนา โดยมีเจ้ามักเน่เจ้าเล่ห์เดินตามมาติดๆ ก็คิดเอาเถอะว่าขนาดทุกคนในวงก็รู้กันหมดว่าเขาคิดยังไงกับฮยอนซึง แล้วไหงเจ้าตัวกลับไม่รู้มันล่ะ มันเหนื่อยหัวใจตรงนี้แหละ
“เดี๋ยวฉันไปเตรียมตัวก่อนนะ จะขึ้นเวทีแล้ว” โยซอบขัดขึ้นพลางลุกยืน เดินออกมาจากห้องแต่งตัว ไม่ได้หันไปมองหรอกว่าคนอื่นมีสีหน้างงอย่างไร เขาเห็นแต่ดูจุนที่กำลังหัวเราะ เห็นแค่นั้นก่อนจะเดินออกมา
...อาจจะเป็นเพราะความเคยชินที่เขามักจะอ้อนดูจุนให้ทำนู่นทำนี่อยู่เรื่อย พอถูกเมินแบบนี้ ไม่สิ ดูจุนกำลังยุ่งต่างหาก มันก็เลยรู้สึกเสียใจ ยังโยซอบนี่ไม่มีเหตุผลเอาซะเลยนะ เขามันเด็กนิสัยไม่ดี...
“อ๊ะ!” ร้องเสียงหลงเมื่อรู้สึกตกใจกับสัมผัสอบอุ่นที่บริเวณลาดไหล่ หันกลับไปมอง ก็เป็นดูจุนที่ยิ้มบาง
“เต็มที่นะ” ตบหลังเบาๆสองสามที ก่อนจะเดินนำไปก่อน
ราวกับมีเวทมนตร์ เพราะเพียงแค่ฝ่ามืออบอุ่นทาบทับลงมา เพียงแค่นั้น ไม่ว่าก่อนหน้านี้ยังโยซอบจะรู้สึกอย่างไร ทว่าตอนนี้ ปากแดงกำลังยิ้มกว้างอย่างดีใจ...
ที่ทำได้ก็มีแค่นี้ แค่มองตามแผ่นหลังกว้างของยุนดูจุน โยซอบทำได้แค่มอง อยากซึมซับความอบอุ่นที่มันแผ่ซ่าน แต่ก็กลัว กลัวว่าจะผิดปกติจนอีกคนสงสัย กลัวว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเปิดเผยออกมาหมดว่าเขารู้สึกอย่างไร เพราะอย่างนี้ ยังโยซอบถึงเป็นได้แค่เพื่อนร่วมวงเท่านั้น
เผลอกลั้นหายใจชั่วครู่เมื่อแผ่นหลังกว้างหายไป แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าคมของดูจุน คนตัวสูงยกยิ้มอวดฟันขาว ก่อนมือใหญ่จะเอื้อมมาจับมือของโยซอบ พาให้เดินไปพร้อมๆกัน
ความอบอุ่นที่ส่งผ่านทำให้หัวใจดวงน้อยๆต้องเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ โครมครามเสียจนเจ้าของกลัวว่าอีกคนจะได้ยิน รู้สึกดี รู้สึกมีความสุข แม้ว่ามัน... จะเป็นแค่แฟนเซอร์วิส
“ยิ้มหน่อยสิ” เสียงกระซิบเบาๆที่ข้างหู เพียงแค่คนอายุมากกว่าออกปาก เพียงเท่านั้น ริมฝีปากนิ่มก็ยกขึ้นอย่างเชื่อฟัง ทำตามอย่างว่าง่าย
ความรู้สึกมันสั่ง สั่งให้ยังโยซอบกระชับมือที่จับกันอยู่เพิ่มขึ้นอีก แต่แค่ดวงตาคมละลงมามองอย่างแปลกใจ โยซอบก็เหมือนอยากจะมุดดินหนีอยู่รอมร่อ อาการเขินอายปนเปสลับกับความกลัว ทว่าความอบอุ่นกลับชัดเจนในใจ เมื่ออีกคนเองก็บีบมือเล็กให้แน่นมากกว่าเดิม
คำว่าฝันสลายมันทำร้ายกันขนาดไหน โยซอบเพิ่งจะได้สัมผัส มือที่เกาะเกี่ยวถูกสะบัดออกราวกับต้องของร้อน เมื่อเดินเข้ามาภายในห้องแต่งตัว ไม่มีอีกแล้วดูจุนที่อ่อนโยน ดูจุนแบบนั้นของเขาอยู่ที่ไหน ดูจุนคนที่นอนกอดเขาทุกคืนคนนั้นอยู่ที่ไหนกัน
“ทำดีมากเลยทุกคน” หลังปล่อยมือจากโยซอบ ดูจุนก็หันมาเอ่ยชมสมาชิกในวง ทุกคนต่างก็มีสีหน้ายิ้มแย้ม เว้นก็แต่นักร้องเสียงหลักที่ก้มหน้าซ่อนความอ่อนแอเอาไว้คนเดียว
ไม่ผิดหากเขาจะชอบอยู่ต่อหน้าแฟนคลับ อยากจะอยู่อย่างนั้นมากกว่า ถ้ามันจะทำให้เขาได้รับความอบอุ่นจากฝ่ามือใหญ่
สัมผัสบางเบาที่หัวไหล่ไม่เหมือนกัน เงยหน้าขึ้นดูก็เห็นจางฮยอนซึงยิ้มให้เขา รอยยิ้มสวยงามแบบนั้น แม้จะทำให้ดีขึ้น แต่มันก็เพียงนิด
...จะทำยังไงดี เมื่อเวลานี้อยากจะร้องไห้ เมื่อเวลานี้ไม่มีดูจุนคนเดิม...
หลอดไฟเสีย
เคยประสบปัญหาแบบนี้หรือเปล่า ที่หอพักของบีสท์กำลังเป็นแบบนั้นล่ะ น่าแปลกที่วันนี้ดูเหมือนว่าทุกคนจะออกไปข้างนอกกันหมด เหลือก็แต่ยังโยซอบที่นอนเป็นเด็กขี้เกียจอยู่ได้ตั้งนาน ตื่นมาเลยไม่เจอใครสักคน เลยทำตัวให้มีประโยชน์โดยการออกไปข้างนอก แล้วกลับมาพร้อมกับหลอดไฟหลอดใหม่ในมือ กะว่าคนในวงกลับมาจะได้ไม่ต้องบ่นๆกับอาการกระพริบๆของมันอีก โดยเฉพาะดูจุน
ริมฝีปากแดงยกยิ้มยามนึกถึงใบหน้าอารมณ์ดีของคนที่ตัวเองรัก ขาเรียวก้าวขึ้นบันไดแบบพับไปจนสุด ก่อนจะลงมือจัดการหมุนๆหลอดไฟอันเก่าออกมา ถือมันให้อยู่ในระดับสายตาแล้วแยกเขี้ยวใส่มันอย่างน่ารัก
“ย่าห์!!!”
เพล้ง!!!
เพราะเสียงทุ้มที่อยู่ดีๆก็ดังขึ้นมาส่งผลให้หลอดไฟที่เพิ่งจะถอดออกมาหล่นลงไปนอนกระจายอยู่บนพื้น นั่นยังไม่น่าใจหายเท่ากับร่างเล็กๆที่ก็สะดุ้งจนสุดตัวกำลังเอนอย่างควบคุมการยืนของตัวเองไม่ได้ บันไดส่งเสียงกึกกัก ไม่นานโยซอบก็ร่วงลงจากมัน
ตุบ!!
ไม่เจ็บตัวอย่างที่คิด เพราะมีหนึ่งร่างข้างใต้รองรับอยู่ก่อนแล้ว โยซอบจึงนอนทับอยู่เต็มๆ
“อยากจะตกลงมาขาหักหรือยังไง! ถึงได้ปีนมันขึ้นไปข้างบน!” ตอนนี้คุณหัวหน้าวงที่เพิ่งกลับเข้ามาจากการออกไปซื้อของสำหรับทำอาหารเช้าดุเสียงดัง จนโยซอบรู้สึกกลัวส่ายหัวเป็นพัลวัน ก้มหน้าก้มตาอย่างสำนึกผิด
...แทนที่จะได้เห็นรอยยิ้มของดูจุน เขากลับทำมันพังอีกแล้ว...
“อย่าทำตัวน่ารำคาญไม่เข้าเรื่อง อยู่เฉยๆไว้เถอะนายน่ะ” บอกแค่นั้นก่อนจะยกร่างเล็กของโยซอบออกจากตัวเอง ง่ายดายราวกับอีกคนเป็นเด็กเล็กก็ไม่ปาน
ทว่าคนที่ได้ยินอย่างนั้น นิ่งค้างไปแล้วเรียบร้อย ดวงตากลมเริ่มจะมีน้ำใสๆเอ่อคลอ แต่ยุนดูจุนไม่ทันเห็น เพราะเพิ่งจะปีนขึ้นไปทำหน้าที่ของหัวหน้าวงที่ดีแทน
แผ่นหลังของดูจุนเริ่มพร่าเลือน มันเริ่มจะไกล ไกลออกไปเรื่อยๆ จนเขา... อาจจะเอื้อมไม่ถึง
...น่ารำคาญ เขามันน่ารำคาญ อย่างนั้นสินะ ยังโยซอบ คนน่ารำคาญ...
ความอบอุ่นที่หายไป ความสนุกสนานที่หายไป ความสุข...ที่หายไป หายไปพร้อมๆกับยุนดูจุนที่ห่างเหิน ไม่เข้าใจ ยังโยซอบกำลังไม่เข้าใจว่าทำไมดูจุนไม่เป็นเหมือนเก่า ทำไมถึงมีแค่ความเฉยชาส่งมาให้ ไม่รู้หรือยังไงว่าเขากำลังโหยหา กำลังอยากได้อ้อมกอดแบบเดิมๆ
“ฉันก็ไม่เข้าใจ ทำไมยุนดูจุนต้องให้ฉันมาทำหน้าที่นี้แทนด้วยวะ แล้วนั่นอะไร ตัวเองก็ไปนั่งเล่นนอนเล่นกับฮยอนซึง” จะบอกว่ายงจุนฮยองหงุดหงิดมาก ยิ่งเห็นภาพนั้นมันก็ยิ่งหงุดหงิด อยากจะลงกับใครสักคน แต่เอาเถอะ พอหันไปเห็นไอคนด้านข้างที่มันทำหน้าเหมือนอยากจะตายแหล่ไม่ตายแหล่อย่างนี้แล้ว จุนฮยองก็ไม่ขอลงกับโยซอบจะดีกว่า
“เออ แต่ว่านายหิวนี่หว่า ฉันทำให้กินก็ได้” พร้อมกับลงมือผัดๆข้าวที่อยู่ในกระทะต่อไปเงียบๆ สายตาก็เหลือบมองเมนวอยซ์เป็นระยะ อาการเป็นห่วงตามประสาเพื่อนร่วมวงและเห็นมันเป็นนุ่งเป็นน้องเกิดขึ้นข้างในทันที
“ทีหลังถ้าหิวก็มาบอกฉันสิ ไม่ต้องทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ขนาดนั้นก็ได้มั้ง แบบ เห็นแล้วใจไม่ดีชะมัดเลยว่ะ” เอื้อมมือไปตบเบาๆที่หลังของอีกคน หวังว่ามันจะช่วยดับอะไรก็แล้วแต่ที่คนตัวเล็กกำลังคิดมาก จากนั้นก็จัดการตักข้าวผัดสไตล์จุนฮยองใส่จานกระเบื้องสวย จัดจานอีกนิดด้วยแตงกวาที่หั่นไว้ก่อนจะยกมันขึ้นมาสูดดมความหอมฝีมือตัวเอง
“ฮ้า~ หอมจริงๆ บางทีฉันน่าจะเลิกเป็นนักร้องซะ ว่างั้นไหม” หัวเราะเอิ้กอ้ากหันไปขอความคิดเห็นกับโยซอบที่ไม่ได้มีอารมณ์อยากร่วมรับมุกด้วยเลยแม้แต่น้อย พ่อแร็พเปอร์ก็เลยออกแนวงิด หุบปากฉับทันที
“ขอบคุณนะจุนฮยอง” เท่านั้น โยซอบก็รับจานมาพลางเดินผ่านห้องนั่งเล่นที่มีดูจุนและฮยอนซึงจองอยู่ก่อนแล้ว ชั่ววินาทีที่หันมอง ราวกับเส้นเลือดเส้นใดในหัวใจกระตุกกับภาพที่ดูจุนลงไปนอนทับเกลือกกลิ้งกับคนหน้าหวาน หยอกล้อเหมือนมีกันอยู่แค่สองคน
...ไม่ได้อิจฉา ไม่ได้ว่าฮยอนซึง เขาแค่น้อยใจที่ดูจุนไม่แม้แต่เหลียวมอง...
ซึ่งโยซอบที่รู้สึกอย่างนั้นเกิดอาการร้อนๆที่ขอบตา มือไม้สั่นอย่างห้ามไม่อยู่ เหมือนมีอะไรขึ้นมาจุกอยู่ตรงลำคอ จนต้องหายใจเข้าลึกๆ สูดหายใจลึกๆ ไม่ให้สิ่งเหล่านั้นมันออกมา ก่อนจะเดินไปข้างนอกตรงระเบียง
มือขาวหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวผัดสไตล์จุนฮยองเข้าปากคำเบ้อเร่อจนแก้มนิ่มๆทั้งสองข้างป่องออกมา ยังไม่ทันที่จะเคี้ยวหมดปากหรือว่าละเอียดดี คำที่สองที่ใหญ่ไม่แพ้กันก็ถูกยัดตามเข้าไปติดๆ ดวงตากลมจ้องมองเม็ดข้าวในจานอย่างเลื่อนลอย กระนั้นมือขาวก็ยังไม่หยุดที่จะยัดคำใหม่ๆเข้าปากทั้งที่ยังไม่ได้กลืน
รับรู้รสชาติหรือไม่ ไม่สนใจ กินๆเข้าไปเถอะ จะอยู่อย่างไร จะกินอะไร ดูจุนก็ไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะเขามันน่าเบื่อ เพราะเขามันเป็นเด็กไม่ดี ดูจุนถึงอยากจะไปให้พ้นๆ
และแล้วหยาดน้ำใสก็เริ่มคลอที่ขอบตา ปริ่มราวจะหยดแหล่มิหยดแหล่ ภาพเม็ดข้าวในจานเริ่มพร่าเลือน เริ่มจะมองไม่ชัด จนกระทั่งมันไหลลงสู่พวงแก้มขาว ข้าวที่ฝืนกลืนก็ดูจะฝืดลำคอ จนต้องวางจานในมือลงกับขอบระเบียงที่กว้างพอสำหรับจานไม่เล็กไม่ใหญ่ อย่างที่เขาเรียกกันว่า กินไม่ลง
...ทำยังไงดี เขาจะทำยังไงดี...
...ไม่รู้เลย ว่าทำผิดอะไร เขาไม่รู้...
...ทำไมถึงใจร้าย...
...คิดถึง...อ้อมแขนอุ่นๆ มันก็เท่านั้นเอง...
“อ๊ะ!” ร้องอย่างตกใจเมื่อข้างแก้มสัมผัสกับความเย็นเฉียบ ทว่าพอหันไปมองตกใจยิ่งกว่าเมื่อคนที่กำลังถือน้ำผลไม้กระป๋องคือยุนดูจุน คนที่ตัวเองเฝ้าตัดพ้อไปเมื่อกี้
“ย่าห์! โยซอบ ใครสั่งให้นายร้องไห้” มือใหญ่จัดการล็อคหลังคอเล็กๆไว้กับที่ก่อนมืออีกข้างจะวางกระป๋องน้ำผลไม้ไว้ตรงขอบระเบียงแล้วยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่หยดลงให้อย่างบรรจง แต่ยิ่งเช็ดเท่าไหร่ดูเหมือนโยซอบจะยิ่งร้องไห้ เดิมทีแค่หยดสองหยด แต่พอรู้สึกเหมือนๆจะได้รับความดูแลแบบเดิมๆ น้ำตาเจ้าปัญหามันก็ยิ่งไหลลงมา
ตอนนี้โยซอบรู้สึกว่าตัวเองกำลังเหมือนเด็ก ปากแดงๆกำลังอยากจะเบะและอยากจะสะอื้นออกมา
“พอแล้ว ไม่เอา อย่าร้องสิ” สีหน้าของหัวหน้าวงอย่างยุนดูจุนเริ่มจะไม่ดีมากๆ กระวนกระวายเสียยิ่งกว่าคนตัวเล็กซะอีก
“เห็นนายร้องไห้แล้วฉันจะโมโหมากๆ เพราะงั้นก็หยุดซะ” สีหน้าเครียด บังคับกันซึ่งๆหน้าล่ะ แต่เชื่อไหมว่ายังโยซอบเงียบอึ้บเหมือนเด็กๆทันที ใครกันบอกว่ายังโยซอบนิสัยไม่ดี ว่าง่ายจะตายไป
“กินข้าวไม่มีน้ำได้ไง เดี๋ยวก็ติดคอตาย ค่อยๆกินด้วยล่ะ ไม่ใช่ยัดเอาๆ” สั่งเสร็จก็ออกแรงขยี้กลุ่มผมสีน้ำตาลอย่างมันมือ ก่อนคนอายุมากกว่าจะชะงักไป พร้อมกับรีบละมือใหญ่ออก ส่งยิ้มบางๆให้กับโยซอบเหมือนเคย แล้วก้าวขาเตรียมจะเดินจากไป
“ดูจุน...” ทว่าเสียงเล็กๆของโยซอบรั้งขายาวๆที่กำลังจะเดินหนีให้ยุดชะงักลง
“ดูจุนโกรธผมเหรอ โกรธผมใช่ไหม ผมทำตัวไม่ดีใช่หรือเปล่า ผมเรียกร้องเกินไปอย่างนั้นเหรอ ผมรบกวนมากเกินไปอย่างนั้นใช่ไหม ดูจุนถึงกำลังเบื่อ และทำตัวห่างเหินอย่างนี้” คำสั่งเมื่อกี้ของหัวหน้าวงเริ่มจะไม่เป็นผล เมื่อก้อนสะอื้นที่ขึ้นมาจุกอยู่ตรงลำคออยากจะทะลักออกมาซะเหลือเกิน แต่นั่นยังช้ากว่าหยาดน้ำตาที่กลิ้งหล่นลงมาอีกครั้ง และคำพูดตัดพ้อแบบนั้นของยังโยซอบ เรียกให้ดูจุนหันมาหน้ากลับมา
ความอดทนที่เฝ้าทำมาตลอดหลายวัน พังทลายลงอย่างไม่เป็นท่าเมื่อได้ยินเสียงสั่นๆและเห็นน้ำตาของคนตัวเล็ก ปากแดงๆที่เม้มแน่นพยายามกลั้นสะอื้น ยิ่งทำให้ดูน่าสงสาร หมดความอดทน ดูจุนกระชากโยซอบเข้าไปกอดไว้อย่างแนบแน่น กระชับแขนเข้าอีกจนเหมือนจะรวมร่างกับอีกคนก็ไม่ปาน หลับตาซึมซับความคิดถึงที่ห่างหายไปนานหลายวัน อ้อมแขนของดูจุนที่ไม่มีคนตัวเล็กมันช่างไร้ประโยชน์เสียจริง ทว่าเวลานี้เขาได้ใช้มันกอดและปลอบโยน
“เพราะนายไม่ใช่หรือไงยังโยซอบ มันก็เพราะนายทั้งหมดนั่นแหละ” เอ่ยโทษคนตัวเล็กหน้าตาเฉย
“นายเป็นคนบอกเองว่าไม่ได้คิดอะไรกับฉัน แล้วจะให้ฉันที่คิดอะไรๆกับนายทำตัวยังไง”
“รู้ไว้เลยนะยังโยซอบ... ว่าฉันชอบนาย”
ตัดสินใจพูดออกมาในที่สุด มันเกิดขึ้นมานานแล้วสำหรับยุนดูจุน เขาพยายามอย่างมากที่จะต้องระงับอารมณ์ และเก็บทุกอย่างไว้ภายใน มันค่อนข้างที่จะทรมานและทำยากซะเหลือเกินเวลาที่มีอีกคนอยู่ข้างกาย หากทำได้ ดูจุนอยากจะดึงเข้ามากอด อยากจะให้ความอบอุ่น ทว่ายามที่ได้ยินถ้อยคำที่เหมือนเป็นคำตัดสินโทษก็ไม่ปาน หัวใจมันสั่งโดยอัตโนมัติว่าให้เดินออกมา เดินห่างออกมา ก่อนที่จะถลำลึกไปมากกว่านี้
‘บ้าชัดๆ ใครจะไปคิดแบบนั้น ฉันเห็นดูจุนเป็นเหมือนเพื่อนเหมือนพี่เท่านั้นแหละ ไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่น’
ตอกย้ำให้รู้อยู่ทุกนาทีว่าตัวเองเป็นได้แค่หัวหน้าวง เป็นได้แค่คนที่จะคอยดูแลอยู่ห่างๆ
“มันไม่ใช่อย่างนั้น...” ส่ายหัวถูไถใบหน้าเข้ากับไหล่กว้าง มือนิ่มที่ตกอยู่ข้างลำตัวเลื่อนขึ้นมากอดเอวแกร่งไว้ กอดกระชับราวกับจะส่งผ่านความรู้สึกของตัวเองให้อีกคนได้รับรู้ ว่าแท้จริงแล้วเขาคิดเช่นไร ดีใจเหลือเกินที่ดูจุนไม่ได้เบื่อกัน ซ้ำยังรู้สึกเหมือนกับเขา น้ำตามากมายมันจึงหายไปอย่างรวดเร็ว
แรงรัดที่รอบเอวสร้างความประหลาดใจให้ดูจุนจนต้องเผลอกลั้นหายใจ ดวงตาคมกลอกไปมาด้วยความสับสน แต่กระนั้นลำแขนแกร่งก็กอดตอบโดยอัตโนมัติ
“แค่ผมโกหก ทำไมดูจุนต้องทำโทษผมมากมายขนาดนี้ ใจร้าย ดูจุนใจร้าย” มือเล็กยกขึ้นมาทุบอั่กๆเข้าที่แผ่นหลังกว้าง ความอบอุ่นที่หายไปนาน เวลานี้กำลังโอบกระชับให้โยซอบที่เคยรู้สึกเหมือนเสียขวัญ ได้อุ่นใจขึ้นมาอีกครั้ง
“งั้นลองบอกความจริงฉันมาสิ” ริมฝีปากหยักเริ่มจะมีรอยยิ้มบางๆอย่างเอ็นดู มือใหญ่ลูบแผ่นหลังของอีกคนอย่างปลอบประโลม
ไร้ซึ่งเสียงเล็กๆตอบกลับมา ปากแดงเม้มฉับพร้อมกับมือนิ่มที่หยุดทำร้ายร่างกายคนอายุมากกว่าทันที ไม่ยอมทำตามในสิ่งที่ดูจุนบอกให้ทำ ใบหน้าใสที่ก้มลงซบกับไหล่กว้างแดงเรื่อ แต่กระนั้นก็ยังดูเครียดเพราะคิดไม่ตก
......
“ยังโยซอบ” เสียงทุ้มกระตุ้นให้คนตัวเล็กรีบๆพูดออกมา มือหนาดันร่างบอบบางของโยซอบออกห่าง เพื่อที่จะได้สำรวจและจ้องมองใบหน้าน่ารักได้สะดวก
“อยากเป็นเด็กดื้อในสายตาของฉันหรือยังไง” เหมือนเด็กเล็กที่ถูกถามว่าอยากโดนตีไหม ยังโยซอบส่ายหน้าพลางช้อนตากลมๆขึ้นมามองดูจุน ไอสีหน้าแบบนี้ล่ะนะที่เขาแพ้ ขี้อ้อนซะไม่มี ยังโยซอบ
ไม้ตายแบบเดิมๆถูกนำขึ้นมาใช้ เมื่อเห็นว่าปากแดงๆยังคงปิดสนิท อย่างนี้มันน่าจะง้างด้วยปากดีหรือเปล่านะ(?)
“สรุปว่านายคิดกับฉันแค่เพื่อนร่วมวงอย่างนั้นสินะ” ตีหน้าเศร้าได้อย่างแนบเนียนจนโยซอบใจหายวูบ มือใหญ่ที่กำรอบแขนเรียวเล็กปล่อยลง คล้ายกับว่าดูจุนกำลังจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม กำลังจะกลายเป็นดูจุนคนใจร้าย...
คนแก่หลอกเด็ก มันใช่กับสถานการณ์อย่างนี้ได้หรือเปล่า(?)
นั่นล่ะทำให้โยซอบรีบคว้าเอามือใหญ่ขึ้นมาจับไว้ทันที ดวงตากลมๆที่มองมาดูอ้อนวอน หน้าขาวส่ายไปมาเป็นการปฏิเสธ ทว่ายุนดูจุน...
“ถ้านายไม่พูด ฉันก็ไม่รู้นะ” ยังคงเสแสร้ง แกล้งให้โยซอบยิ่งคิดหนักเข้าไปอีก และไม่พอ แค่นั้นลีดเดอร์ยังไม่พอ
“เสียใจจังเลย นายไม่ได้คิดเหมือนกันกับฉ...”
!!!
แผ่วเบา รวดเร็ว แต่มันก็ทำให้ยุนดูจุนนิ่งค้าง เบิกตากว้างราวกับเจอเรื่องราวชวนตกใจ ถ้าจะพูดอีกทีแบบนี้มันก็ชวนให้ช็อคได้เหมือนกัน เห็นอยู่หลัดๆว่าริมฝีปากแดงกำลังจะพูด แต่แล้วยังไงชั่ววินาทีมันถึงลอยมาประกบเข้ากับริมฝีปากหยักของยุนดูจุนได้ และแม้ว่ายังโยซอบจะผละออกและวิ่งหนีไปแล้วก็ตาม แต่หัวหน้าวงก็ยังยืนนิ่งเป็นหุ่นไล่กา แถมยังเป็นหุ่นไล่กาบ้าๆซะด้วย ยืนยิ้มคนเดียวมันมีที่ไหนล่ะเนี่ย
...เด็กน้อยจริงๆ เอ๊ะ! หรือจะแกล้งโง่ต่อไปดีวะ...
Special
ย้อนกลับมาดูระหว่างที่ยังโยซอบและยุนดูจุนยังอยู่นอกระเบียง...
“ย่าห์ ซนดงอุน เอามือของนายออกไปได้ไหมเล่า” เสียงนุ่มของกีกวังดังเหมือนกระซิบ มือขาวปัดป่ายมือใหญ่ออกจากแถวๆสะโพกของตัวเอง ขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปนอกระเบียงที่มีหัวหน้าวงกับเมนวอยซ์กำลังสารภาพความในใจกันอยู่ ไม่ค่อยจะสอดรู้เท่าไหร่ แต่ขอเห็นด้วยคน
“นายว่าสองคนนั้นจะเป็นยังไงอ่ะ จุนฮยอง นี่! ดงอุน!” หันไปขอความคิดเห็นจากแร็พเปอร์หน้าหล่อที่ก็ยืนชะโงกคอโผล่พ้นผ้าม่านเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่วายหันมาตีผัวะใส่มือหนาของดงอุนที่มันชักจะลามปามเกินไปแล้ว
“ได้กันชัวร์”
“สองคนนั้น?”
“แกสองคนอ่ะ ได้กันชัวร์” มองน้องเล็กและน้องรองด้วยสายตาเอือมระอาปนอิจฉาริษยา ก่อนดวงตาดุคมจะเลื่อนเลยผ่านไปมองคนสวยที่ก้มงุดๆอยู่กับไอโฟนคู่ใจ นี่ถ้ายุนดูจุนกับยังโยซอบจะคบกันจริง แล้วเขาล่ะ เหลือเขาอ่ะ ทำไมอ่ะ ทำไมความสัมพันธ์ของยงจุนฮยองกับคนหน้าหวานจางฮยอนซึงถึงไม่มีแนวว่าจะได้พัฒนา
“ถ้าอยากได้จางฮยอนซึง นายก็ต้องรุกนะ รายนั้นไม่มีวันรู้หรอกว่านายคิดยังไง เล่นโฟร์ดีซะขนาดนั้น” ข้อเท็จจริงของกีกวังไม่ต้องบอกจุนฮยองก็รู้อยู่แก่ใจ เพราะเป็นอย่างนี้ไงล่ะ เขาถึงได้อมทุกข์อยู่ทุกวันนี้ เพราะคนหน้าสวยรู้เรื่องคนในวงดีเป็นที่หนึ่งแต่ดันไม่รู้อยู่อย่างเดียวคือความรู้สึกของเขาเนี่ย
...เอ๊ะ! หรือจะหื่นเหมือนดงอุน ไม่ดีๆเพราะนอกจากจะไม่ได้แอ้มแล้วยังจะเจอกระแทกหน้ากลับมาด้วยข้อศอก... อ่อนโยนแบบดูจุน โอ๊ะ! นั่นไม่ใช่เขา คนอย่างเขาน่ะหรืออ่อนโยน ให้ตายมีใครเชื่อบ้างเนี่ย...
“จะว่าไป ก็ตลกดูจุนเหมือนกันนะ”
เสียงหวานดังขึ้นใกล้ๆ เรียกให้จุนฮยองที่จมอยู่กับความคิดสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อหันไปสบเข้ากับดวงตากลมสวยของฮยอนซึงที่ไม่รู้ว่ามายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมยังยิ้มให้ชนิดที่ว่าพ่อแร็พเปอร์เห็นแล้วตาลาย อยากดึงเข้ามาฟัดใจจะขาด
“ดูสิ คุยกันตั้งแต่แรกก็จบแล้ว จะมัวมาปิดทองหลังพระกันอยู่ทำไม ท่าทางโยซอบจะยังไม่รู้ว่าตัวเองโดนขโมยหอมแก้มทุกคืน”
“แล้วนายรู้ได้ยังไง” เป็นลีกีกวังที่แทรกขึ้นมา ซึ่งจุนฮยองก็พยักหน้ารับตามทันที
“ดูจุนบอก”
“แล้วทำไมดูจุนต้องบอกนายด้วย” ไม่ได้คิดไปเอง กีกวังได้ยินเสียงของแร็พเปอร์ติดจะไม่พอใจนิดๆ แล้วยิ่งคิ้วเข้มที่ขมวดยุ่งนั่นอีกล่ะ
พอเจอคำถามใหม่ จางฮยอนซึงซึ่งไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี ก็เลยแค่ยักไหล่ ก่อนจะผละออกไปนั่งที่เดิม เรียกสีหน้าบูดๆและแก้มป่องๆของอีกคนได้ดีทีเดียว งอนได้งอนไป แต่คนสวยไม่รู้ว่างอนอ่ะเคยเห็นเปล่า
Final Special
กลิ่มหอมฉุยของข้าวผัดลอยเข้ามากระทบประสาทสัมผัส ดูท่ามื้อนี้ยังโยซอบคงจะได้อร่อยสมใจ เพราะแร็พเปอร์ของวงอุตส่าห์ลงมือทำให้ ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นการใช้อำนาจในทางที่ผิดๆของยุนดูจุนก็ตาม
“ทีหลังก็ไปทำให้เขากินเองนะ จะได้ไม่ต้องมานั่งทำหน้าบูดเป็นตูดอย่างนี้” เสียงหวานแหลมๆของจางฮยอนซึงที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวด้วยกัน เรียกสายตาดุๆได้จากคุณหัวหน้าวง
“ดูโยซอบสิ ไม่ยิ้มเลยนะ” ตอกย้ำถึงความผิดเข้าไปอีกพลางพยักเพยิดไปทางเมนวอยซ์ที่กำลังนั่งหงอยเหมือนเด็กถูกทิ้งก็ไม่ปาน
“ย่าห์! แล้วนายจะพูดให้ฉันเครียดทำไมเนี่ย จางฮยอนซึง”
“ก็นายมันนิสัยไม่ดีอ่ะ ดูสิโยซอบของฉันเศร้าเลย”
“พูดให้มันดีๆ เจ้านั่นไปเป็นของนายตั้งแต่เมื่อไหร่” ท่าทางขู่เข็ญซะไม่มีล่ะดูจุน ซึ่งนั่นก็เรียกเสียงหัวเราะเบาๆของคนหน้าหวานได้ไม่ยาก
“งั้นก็เป็นของจุนฮยองแล้วกัน ดีมะ”
“ย่าห์! นายนี่มัน!”
ตุบ!
โซฟาไหวยวบลงอย่างแรง เมื่อดูจุนกระโดดทับฮยอนซึงจนคนที่ตัวเล็กกว่าข้างใต้รู้สึกจุก แต่ถึงกระนั้นก็ยังหัวเราะกับท่าทางหวงของของหัวหน้าวงอยู่ดี
“ฮ้า~ เหนื่อยอ่ะ นายแรงเยอะชะมัด ทับมาได้ไงเนี่ย” บ่นๆหลังจากที่ดูจุนปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ แต่ริมฝีปากสวยก็ยังไม่หยุดยิ้ม
“นี่ จะบอกอะไรให้เอาไหมดูจุน” เขยิบเข้ามากระซิบข้างใบหูให้ได้ยินกันแค่สองคน
“โยซอบน่ะ เมื่อกี้เห็นนายนอนทับฉัน ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แน่ะ”
แค่นั้นก่อนฮยอนซึงจะลุกยืนขึ้นเต็มความสูง บิดขี้เกียจด้วยความเมื่อยล้าซ้ายทีขวาที ก่อนจะทิ้งท้ายไว้อีกประโยค
“กินข้าวไม่มีน้ำเนี่ย จะติดคอเอาได้นะ”
THE END
ถ้ามันจะแปลกๆหรือไม่ค่อยได้อารมณ์ ก็ขอโทษด้วยนะคะ อยากให้มันเสร็จ ไม่รู้ว่ามีคนรออ่านอยู่หรือเปล่า เอิ้กๆ
จะบอกว่าแถเนื้อเรื่องสุดๆ ให้เข้ากับชื่อเรื่อง มัน อยาก... ให้รู้ ตรงไหนอ่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า ตรงที่ดูจุนพูดแล้วกัน(?) เล่นง่ายๆแบบนี้เลย
แถมตัวประกอบก็ออกเยอะไปหน่อยนะ เอิ้กๆ
ขอขอบคุณทุกเม้นเลยนะคะสำหรับ ‘อยาก... ได้’
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและเม้นให้กำลังใจกันค่ะ ^^
ความคิดเห็น