คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [SF] Only me (2)
เสียงสัญญาณออดดังขึ้นยาวๆบ่งบอกว่าหมดเวลาของคาบสุดท้าย นักเรียนหลายคนต่างพากันรีบกวาดข้าวของลงกระเป๋าอย่างกระตือรือร้น บ้างก็หันหน้าเข้าหากันพลางหัวร่อต่อกระซิกกับหัวข้อที่น่าขัน ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวต่างจากตอนที่กำลังเข้าสู่บทเรียนกันมาก
กงชานที่นั่งอยู่หลังห้องเก็บของใส่กระเป๋าเป้อย่างไม่รีบมากนัก มือขาวค่อยๆยัดเจ้าหนังสือเล่มหนาเข้าไปทีละเล่ม ตามด้วยอุปกรณ์อีกเล็กน้อยก่อนจะปิดซิบลง ดวงตาเรียวดูมีเสน่ห์ยามจับจ้องบางสิ่งด้วยความตั้งอกตั้งใจ จะเรียกว่าเป็นคนมีสมาธิอยู่กับตัวเองมันก็ใช่ หรือเรียกอีกอย่างนึงว่าโลกส่วนตัวก็ไม่ผิด
เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะหันมาคว้าเอากระเป๋าเป้สุดรักขึ้นสะพายหลัง ท่าทางนิ่งๆไม่ค่อยจะแยแสต่อสิ่งมีชีวิตรอบกายแบบนั้น ทำให้เด็กสาวหลายคนแอบมองได้สะดวกมากยิ่งขึ้น บางคนถึงกับส่งเสียงร้องอย่างไม่กลัวว่ากงชานจะรู้ และถึงรู้แน่นอนว่าเด็กหนุ่มก็ไม่สนใจอยู่แล้ว
ขาเรียวก้าวออกจากห้องเรียนที่ดูวุ่นวาย เดินตรงไปยังลิฟต์ที่เมื่อกลางวันมีเหตุให้ใช้การไม่ได้ เดือดร้อนเขาต้องเหนื่อยกายเดินขึ้นบันไดตั้งเจ็ดชั้น งานนี้จะโทษใครนอกซะจากประธานนักเรียนหน้าหวาน ที่ป่านนี้คงกำลังแกล้งทำห้องคณะกรรมการนักเรียนรกจนไม่ที่ให้ยืน เพื่อใช้ให้เขาเก็บกวาดได้อย่างเต็มที่และคุ้มค่ากับความสุข(?)
เสียงติ๊งดังขึ้นพร้อมกับประตูลิฟต์เบื้องหน้าเคลื่อนเปิดกว้าง นักเรียนกว่าสิบคนด้านในทยอยกันเดินออกมา ก่อนที่อีกส่วนที่อยู่ด้านนอกจะแทรกตัวผ่านพากันเข้าไปเบียดแน่นในกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ กงชานเป็นหนึ่งในนั้นที่พาตัวเองมายืนอยู่ข้างในแถวหน้าๆ มือขาวเอื้อมกดปุ่มสี่เหลี่ยมตรงเลขเจ็ดซึ่งไม่มีคนกด เวลาเลิกเรียนอย่างนี้ใครจะขึ้นไปข้างบน นอกจากเขา
“วันนี้กงชานก็ขึ้นไปชั้นเจ็ดล่ะ โดนรังแกอีกแน่เลย” เสียงของผู้หญิงหนึ่งในห้องสี่เหลี่ยมฟังแล้วดูเหมือนเวทนาคนตัวสูงอยู่ไม่น้อย ซึ่งนั่นไม่ใช่แค่กงชานที่ได้ยิน แต่คนทั้งลิฟต์ต่างก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา ถึงความโหดร้ายของประธานนักเรียนรุ่นนี้ แหม แต่มันฟังดูรุนแรงไปหน่อยนะ อันที่จริงพ่อประธานหน้าหวานเพียงแค่ระเบียบจัดและเข้มงวดจนเป็นที่โจษจันของเหล่ารุ่นพี่รุ่นน้องทั้งโรงเรียนแค่นั้นเอง ไม่ได้หัวรุนแรงแต่อย่างใด ส่วนคนที่ซวยที่สุดในความคิดของทุกคนก็หนีไม่พ้น เด็กหนุ่มรุ่นน้องอย่างกงชาน ที่มักจะโดนกลั่นแกล้งสารพัด แล้วจะให้ทำอย่างไร ในเมื่อจินยองเอาแต่ใจขนาดนี้ คงได้แต่เอาใจช่วยคนตัวสูงเท่านั้น
ใบหน้าหล่อไม่แสดงอาการใดๆทั้งสิ้นยามได้ยินคนอื่นๆพูดถึงตน กงชานก้าวขาเดินออกจากลิฟต์ทันทีที่ประตูเปิดออก ก่อนจะตรงไปยังห้องเดิมที่เพิ่งมาเมื่อกลางวัน ยังไม่ทันได้ยกมือขึ้นเคาะประตูบานหนาเสียด้วยซ้ำ มันกลับถูกเปิดอ้าออกซะก่อน
“อ้าว กงชาน มาหาประธานเหรอ” เด็กสาวหน้าตาดีที่เขาจำได้ว่าอยู่ห้องเดียวกันทักขึ้นด้วยรอยยิ้มกว้าง แม้ว่าสองแขนของเจ้าตัวจะหอบเอาปึกกระดาษหนาๆเอาไว้อย่างทุลักทุเล คิ้วเรียวของกงชานเลิกขึ้นเล็กน้อยยามมองไปที่กระดาษสีขาวมากมาย ... ความเป็นสุภาพบุรุษมันมีอยู่เต็มเปี่ยมน่ะ
“จะเอามันไปไหนล่ะ” แย่งปึกกระดาษที่ว่าออกจากแขนเล็กก่อนจะจ้องหน้าสวยเพื่อเอาคำตอบ เด็กสาวเม้มปากแน่นก่อนจะก้มหน้าลอบยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความเขิน
“แล้วนั่นมันหน้าที่นายหรือยังไง” คนที่ลอบสังเกตการณ์อยู่นานอย่างจินยองโผล่หน้าออกมาจากหลังประตู เข้ามามีส่วนร่วมในบทสนทนา ทำเอาเด็กสาวด้านข้างถึงกับหดตัวอย่างเกรงกลัว พลางรีบเอื้อมมือไปยื้อแย่งปึกกระดาษคืนจากกงชานด้วยกลัวว่าจะโดนดุ
“เดี๋ยวฉันเอาไปเองก็ได้ ขอบคุณนะ” กล่าวโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากพื้น ก่อนจะหันมาโค้งศีรษะงามๆเสียหนึ่งทีให้กับประธานนักเรียนมาดเนียบ แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็วเสมือนกระดาษหนักๆที่แบกอยู่ไม่มีผลทำให้สปีดลดลงเลยแม้แต่น้อย จนกงชานที่ยืนสถิตอยู่กับที่ได้แต่มองตามตาปริบๆ
...จะกลัวอะไรขนาดนั้น?...
“ไม่เดินตามไปเลยล่ะ ถ้าจะจ้องซะขนาดนี้” แล้วเสียงใสก็เรียกใบหน้าหล่อให้หันกลับมาสนใจตน กงชานมองรุ่นพี่ขี้แกล้งแล้วก็พ่นวาจาที่เป็นตัวดีดเส้นขมับคุณประธานได้อย่างดีเยี่ยม
“แล้วให้ไปไหมล่ะ” สีหน้าของกงชานไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมนักหรอก มันก็ยังเรียบๆหล่อๆอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ว่าคิ้วเข้มกลับเลิกขึ้นถามอย่างถือดี ทำเอาคนเป็นพี่ชะงักไปทันควันก่อนจะปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นไอโหดอย่างเดิม
“ถ้าหลังจากเสร็จงานข้างในนี้ล่ะก็นะ นายจะไปไหนมันก็เรื่องของนาย” ก่อนจะสะบัดหน้าเดินกลับเข้ามาในห้องคณะกรรมการนักเรียน
...เหอะ! ไอเด็กนิสัยเสีย ไอเด็กนิสัยไม่ดี...
แล้วเชื่อไหม ว่าสิ่งที่กงชานคิดระหว่างกำลังเดินมาที่นี่มันถูกต้องทั้งหมด เพราะทั้งห้องกว้างปรากฏเศษกระดาษหลายใบซึ่งถูกขยำ ไส้กบเหลาดินสอที่นอนกองเป็นหลักเป็นแหล่ง ขนมขบเคี้ยวที่เหมือนจงใจเทแทนที่จะเป็นการหกซะมากกว่า และนั่น ยังแอบมีน้ำอัดลมแฟนต้าหลายหลากสีสันเจ่อนองเป็นวงกว้างอีกนะ ใช่ ที่เขาคิดไว้น่ะถูกทั้งหมด ว่าคนตัวเล็กจะต้องทำห้องรกๆให้เขาได้เก็บกวาด แต่ไอที่เกินคาดไปนี่สิ ทำเอากงชานอยากจะจับรุ่นพี่ตัวดีมาลงโทษนัก!
“นี่มันของที่พี่ใช้ให้ผมไปซื้อเมื่อตอนกลางวันนี่ครับ” เงยหน้ามองจินยองที่ทำทีเป็นเปิดแฟ้มเอกสารอยู่หลังโต๊ะทำงาน คนตัวเล็กที่กะว่าจะต้องเจอคำถามนี้เงยหน้าขึ้น ก่อนจะพยักหน้ารับ
“ใช่” แล้วก็ก้มลงไปสนใจเอกสารในมือต่อ ...ช่างไม่ทุกข์ร้อนอะไรเสียจริง
กงชานมองจินยองตาปริบๆ แล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะจัดแจงนำกระเป๋าไปวางไว้บนโซฟาที่อยู่ติดผนัง นิ้วเรียวเกี่ยวเอากระดุมของเสื้อสูทด้านนอกทีละเม็ด จากนั้นก็ถอดมันออกจากตัววางทับไว้บนกระเป๋าเป้ ปลดกระดุมแขนเสื้อเชิ้ตอีกนิด แล้วถกมันให้ขึ้นไปเหนือข้อศอก เท่านี้กงชานก็พร้อมทำงาน
“คงไม่ว่าอะไรนะ ถ้าผมจะออกไปเอาอุปกรณ์ทำความสะอาด...” เหมือนจะประชด แต่ถ้ามองในแง่ดีมันก็คือคำขออนุญาต ซึ่งกงชานที่หันหน้ากลับมาถามก็ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเจอเข้ากับสายตาของคนตัวเล็กที่กำลังนั่งเท้าคางมองมาทางตัวเองเช่นเดียวกัน และเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าโดนจับได้ ประธานนักเรียนก็เลยหลุดมาด รีบหลบสายตาพาตัวเองให้กลับไปนั่งหลังตรงอย่างรวดเร็วเหมือนโดนของร้อน ทำทีเป็นอ่านเอกสารเหมือนเคย แต่หารู้ไม่ ว่าใบหน้าหวานมันแดงจัดเสียจนอีกคนต้องหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
“อะไรกัน แอบมองผมอยู่เหรอเนี่ย” จะขำอะไรก็ขำไป เพราะตอนนี้จินยองไม่ได้มีสมาธิอยู่กับตัวนักหรอก ไม่มีเสียงจะให้พ่นด่าพ่นว่าได้หรอก เมื่อเหลือบตาขึ้นมองแล้วเห็นว่ากงชานกำลัง ...ยิ้ม
...มันหล่อเกินไปแล้ว ไอเด็กนิสัยไม่ดี!...
“รีบไปเอามาสิ อุปกรณ์น่ะ” พยักพเยิดไปทางประตูแถมถลึงตาใส่ให้ด้วยเพื่อเป็นการรับประกันความดุ แน่นอนว่ากงชานไม่เคยกลัว ดวงตาเรียวหรี่ลงมองไปยังดวงหน้าหวานเกินสตรีของจินยองเด็กหนุ่มที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดและความเจ้าระเบียบ มุมปากหยักกระตุกยิ้มกับตัวเองก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องคณะกรรมการนักเรียน และถึงแม้จะเดินออกมาแล้ว แต่หน้าหวานๆกลับไม่หายไปจากหัวสมอง
...น่ารักเป็นบ้าเลยว่ะ...
แหมะ แหมะ แหมะ
แขนเรียวที่ออกแรงขับเคลื่อนไม้ถูกพื้นหยุดชะงัก หน้าขาวเงยขึ้นมองต้นกำเนิดของเสียงเมื่อกี้ที่เขาได้ยินมันมาราวๆสี่ห้ารอบได้
“เฮ้ย! หกอีกแล้ว เดี๋ยวนายมาเช็ดด้วยนะกงชาน” คงไม่ต้องบอกมั้ง ว่าจินยองละทิ้งแล้วซึ่งความโหด หลงเหลือเพียงใบหน้าหวานที่คอยแต่อมยิ้มเล็กๆอย่างชอบใจ และมันก็โอเคเพราะกงชานค่อนข้างจะใจเย็น เลยไม่ได้โต้ตอบอะไรที่มากกว่าการเดินตามไปถูๆแล้วก็ถูๆ แต่พอหลายครั้งเข้าเขาก็ชักจะเริ่มเหนื่อยเพราะต้องถูหลายรอบ พอดีว่ามันไม่ใช่น้ำเปล่า แต่เป็นแฟนต้าน้ำแดง!
“มันเหนียวนะครับ” เอ่ยเตือนคนอายุมากกว่าที่กึ่งนั่งกึ่งยืนพิงโต๊ะทำงานพลางเริ่มถูตำแหน่งใหม่ที่จินยองทำขึ้นสดๆร้อนๆ ก่อนจะหยัดตัวขึ้นยืนหลังตรงมองหน้าขาวๆของคุณประธาน
“อย่าเอาของมาทิ้งเล่นแบบนี้อีกนะครับ” เอ่ยเพราะเสียดาย มันไม่ใช่เรื่องของเงิน เพียงแต่ว่า มันไม่ควรไม่ใช่หรือที่จะเอาของกินมาทิ้งเล่นแบบนี้ แต่ด้วยคำพูดนั้นแหละ คนที่อยากแกล้งเลยค่อนข้างไม่พอใจ
“เดี๋ยวนี้กล้ามาสอนฉันแล้วหรือไง” หมดอารมณ์ ตอนนี้จินยองไม่มีอารมณ์จะแกล้งและ มือนิ่มวางแก้วน้ำแดงไว้บนโต๊ะทำงานอย่างเซ็งๆ ก่อนจะก้าวมาเผชิญหน้ากับคนตัวสูง เออ คิดผิดหรือคิดถูกวะที่มายืนใกล้กงชาน ทำไมเขาแลดูเตี้ย!
“ไม่กลัวงั้นสิ” ไม่ได้หาเรื่องนะ แต่มือเล็กกลับออกแรงผลักอกรุ่นน้องเบาๆ และถึงจะแรงกว่านี้กงชานก็คงไม่สะเทือน เพราะเจ้าตัวขยับกายสูงเข้าหาจนร่างนุ่มนิ่มก้าวขาถอยกรูดแทบไม่ทัน เพียงแต่มันขยับได้เพียงนิด ด้านหลังของจินยองคือโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ปิดกั้นไม่ให้คนตัวเล็กได้ถอยไปไหนอีก
“แล้วพี่ล่ะ ไม่กลัวหรือไง” ทิ้งแล้วซึ่งไม่ถูพื้น แขนเรียวตวัดเอาเอวบางกระชากเข้ามาแนบลำตัวอย่างรวดเร็ว จนคนที่มัวแต่ยืนมองหน้ารุ่นน้องตั้งตัวไม่ทัน
“เฮ้ย! กงชาน! นะ นาย” ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ เพราะพูดอะไรไม่ออก ระยะห่างที่น้อยเกินไปกำลังสั่นคลอนความรู้สึกของจินยองอย่างรุนแรง ฮือ ก็ถึงบอกไงว่าไอเด็กนี่มันนิสัยไม่ดี!
...ชอบรังแกคนอื่นด้วยหน้าตานิ่งๆ ไอเด็กนิสัยเสีย ชอบทำให้เขาใจเต้นแรง!...
ถึงกงชานจะไม่ได้เป็นคนทำโดยตรงก็เถอะ แต่จินยองขอเหมาแล้วว่าไอเด็กนี่มันนิสัยไม่ดี (?)
คราวนี้ พอไม่ได้ดั่งใจ คนตัวเล็กก็ได้แต่ยืนก้มหน้านิ่งยอมให้อีกคนกอด เพราะกลัวว่าถ้าเงยหน้าขึ้นมา ตัวเองอาจจะหลุดอะไรไปมากกว่านี้ เท่านี้ก็ไม่เหลือแล้ว มาดของประธานนักเรียนจอมโหด แต่เหมือนอะไรๆมันก็ไม่เป็นอย่างที่จินยองคิด เพราะยิ่งก้มมันกลับยิ่งได้กลิ่นหอมอ่อนๆออกมาจากตัวของกงชาน กลิ่นที่จินยองชอบมันมากที่สุดอย่างไม่มีเหตุผล หัวใจมันก็เลยเต้นแรงทั้งยังส่งเสียงให้เขาได้ยิน อยากจะแทรกแผ่นดินหนีด้วยความอายหลังจากเสียงทุ้มดังออกมาเหลือเกิน
“ตื่นเต้นเหรอครับ” ไม่พูดเปล่า แขนเรียวก็ยังดึงคนตัวเล็กให้เข้ามาใกล้อีก ตอนนั้นแหละที่จินยองเผลอเงยหน้าขึ้นมาสบตา ไม่เคยอยากตบกบาลตัวเองขนาดนี้มาก่อน โง่นักที่เงยขึ้นมาเห็นดวงตาเรียวของกงชานในเวลานี้ สายตาแบบนี้มัน ชวนให้เขาอยากจะเป็นบ้า มันออกจะซื่อตรงแต่มันก็ทะลุทะลวงไปถึงขั้วหัวใจเลยทีเดียว
“วันนี้พี่แกล้งผมหลายครั้งแล้ว ขอรางวัลหน่อยนะครับ”
“ฮะ?” คนที่ปรับตัวไม่ทันก็ได้แต่งงๆ
ไม่ปล่อยให้จินยองสงสัยนาน จมูกโด่งก็เคลื่อนลงฝังเข้ากับข้างแก้มขาวหนึ่งทีอย่างช้าๆและเนิบๆและนานๆ เรียกได้ว่าจนคนตัวสูงพอใจนั่นแหละ ถึงจะละออก ก็แหม แก้มก็เนียน แถมยังหอม
“งานของผมเสร็จแล้ว ผมกลับบ้านก่อนนะครับ นี่ก็ใกล้มืดแล้วด้วย พี่ก็รีบกลับบ้านล่ะ” บทจะไปก็ไปง่ายๆ หันหลังกลับก้มหยิบเอาไม้ถูพื้นก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้คนตัวเล็กที่วิญญาณลอยออกไปตั้งแต่สันจมูกยังไม่กดแนบลงมายืนนิ่งสถิตอยู่ที่เดิม เอ๊ะ หรือนี่จะเป็นรูปปั้น ก็แหม แข็งทื่อไปหมดทั้งตัวแบบนี้ จะหายเมื่อไหร่ล่ะเนี่ย
...งานนี้ใครกันนะที่เป็นฝ่ายโดนแกล้ง กงชาน หรือว่า จินยอง?...
to be con.
ฝากไว้ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและเม้นให้กำลังใจกันค่ะ ^^
รักกงชานยิ่งชีพ เอิ้กๆ ^^
ความคิดเห็น