ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ★ :: Exo Fiction :: ★

    ลำดับตอนที่ #1 : Never Stop - [Kai x Sehun]

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 56


     

    Never Stop

    Kai x Sehun

     

     
     

     

     

     

    ม่านกลมสีน้ำตาลในดวงตาเรียวสวยกลอกกลิ้งตามการเคลื่อนไหวเบื้องหน้า การเคลื่อนไหวของใครบางคนที่ทำให้ทุกห้องหัวใจพากันเต้นเสียงดัง บ้าคลั่งเหลือเกินทุกทีที่ทอดมองจากระยะไกล ไม่เคยมีตัวตนในสายตา แค่ได้มองคนนั้นอยู่ในที่เงียบๆ แค่ได้มองอยู่ตรงนี้คนเดียว รอยยิ้มมากมายก็ผุดขึ้นบนหน้าขาวจัดได้ไม่ยากเลย

     

     

    ไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่านี้

     

     

    แค่ชอบและเฝ้ามอง

     

     

    แค่นั้นเอง

     

     

    ลมเย็นพัดผ่านรอบกาย ผมหน้าม้ารับใบหน้าจิ้มลิ้มขาวใสลู่ตามเบาๆจนต้องยกก้านนิ้วเรียวขึ้นปัดส่วนที่บดบังสายตาให้พ้นทาง ริมฝีปากแดงอ่อนระบายยิ้มกว้างยามเห็นริมฝีปากคู่นั้นยกยิ้ม กายสูงโปร่งของเขาเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว ท่ามกลางคนมากมายโอเซฮุนกลับเห็นแค่คนนั้น เห็นแค่คิมจงอินคนเดียว

     

     

    “กรี๊ดด!

     

     

    แว่วเสียงเชียร์ของนักเรียนหญิงข้างสนามหลายคนที่จดจ่ออยู่กับการแข่งขันบาสเกตบอลของโรงเรียน เช่นกันกับเซฮุน เขาก็ยืนมองอยู่ แอบเชียร์อยู่จากตรงนี้ ข้างอาคารตึกเรียนเงียบสงบ ไร้ผู้คนเดินพลุกพล่าน สองมือเกาะกำแพงเอี้ยวเอียงตัวโน้มศีรษะเล็กน้อย เท่านี้ก็เห็นแล้วล่ะ

     

    จนกระทั่งการแข่งขันจบลงเพื่อนร่วมทีมพากันดีใจยกใหญ่กับคะแนนที่ดูจะนำอีกฝ่ายไปเยอะทีเดียว ก็ไม่มีอะไร เซฮุนเห็นแล้วก็ดีใจตามยิ้มตาหยีน่ารักน่าเอ็นดู จนเกือบลืมไปว่าอีกแป๊บเดียวเท่านั้น คนอื่นๆก็จะพากันเดินมาทางนี้ ทางผ่านไปชมรมบาสเกตบอล

     

    กายสูงบอบบางหมุนตัวหันหลังพิงกำแพง กำมือสองข้างไว้กับหน้าอกพลางอมยิ้มน้อยๆเหมือนทุกที ก่อนจะละเดินไปนั่งทำมุมสงบกับตัวเองบนม้านั่งยาวในสวนข้างอาคารนี้เองที่เขาชอบมานั่งคนเดียวบ่อยๆ ต่างกับตอนก่อนดูการแข่งขัน ขาเดินกลับไปนั่งที่เดิมมันตัวเบายังไงไม่รู้เลย

     

    มือขาวหยิบหนังสือที่อ่านค้างไว้ขึ้นมาถือ จิตใจลอยไปแล้วตั้งแต่ได้มองรอยยิ้มของคิมจองอิน เขาหลงรักมันตั้งแต่แรกเจอเลยล่ะ

     

    ไม่นานนักเสียงพูดคุยของนักเรียนชายหลายคนก็ดังขึ้นเรื่อยๆ หยอกล้อกันตามประสาที่จะได้เห็นทั่วไป เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา และหัวใจของโอเซฮุนก็เต้นแรงขึ้นมากๆด้วย

     

    ตรงนั้น.. ตรงที่เขายืนเมื่อสักครู่ คิมจงอินเจ้าของผิวสีน้ำผึ้งกับร่างสูงโปร่งกำลังจะเดินผ่านเหมือนทุกที เซฮุนไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นสบ ดวงตาเรียวสั่นระริกตื่นเต้นจ้องอยู่ที่หน้ากระดาษสีอ่อน แค่รู้ว่าอีกคนจะเดินผ่านไปแล้วค่อยมองตามแผ่นหลังกว้าง แค่นั้นเอง

     

    “จงอิน แกดูอารมณ์ดีนะวันนี้”

     

    “มันชู้ตเอาๆอีกต่างหาก”

     

    หนึ่งในเพื่อนร่วมทีมที่สูงกว่าเล็กน้อยวาดแขนกอดคอเจ้าของหัวข้อสนทนาขณะเดินเลี้ยวตรงมุมกำแพง คิมจงอินยิ้มรับก่อนจะเอ่ยบอกเหตุผลของการที่เขาอารมณ์ดีมาทั้งวันให้เพื่อนๆได้เลิกคิ้วสงสัย

     

    “กำลังใจดีน่ะ”

     

    “หือ? จากแทมินหรือไง” คนที่กอดคอแซวเข้าให้ ซึ่งคนถูกถามก็ทำเพียงหัวเราะเบาๆอย่างนึกขำเมื่อคิดถึงเจ้าของใบหน้าหวานๆที่ป่านนี้คงจะยุ่งอยู่กับการซ้อมเปียโน

     

    “งั้นมั้ง”

     

     

    ไหนเลยจะรู้ว่าคำตอบแบบนั้นทำเอาอมยิ้มน้อยๆของใครอีกคนหุบลงกะทันหัน แนวฟันขาวขบริมฝีปากแดงอ่อนก่อนจะแลบลิ้นเลียอย่างเคยชินแล้วเม้มแน่น หัวใจห่อเหี่ยวขึ้นทันทีแค่เพียงไม่กี่คำจากคิมจงอิน รับรู้และเข้าใจเสมอว่าสองคนนั้นสนิทกันมากแค่ไหน แต่มันไม่อยากชินเอาเสียเลย

     

    “จงอิน”

     

    หนึ่งในเพื่อนร่วมทีมเอ่ยรั้งอย่างไม่เข้าใจทันทีที่กายสูงโปร่งเดินตรงเข้าไปในสวน เลิกคิ้วสงสัยกับดวงตาหลายคู่ที่ทอดเห็นนักเรียนชายตัวผอมบางกำลังนั่งก้มหน้าไม่พูดไม่จาอ่านหนังสืออยู่คนเดียว จะว่าไปตั้งแต่อยู่ที่ชมรมบาสเกตบอลมา ภาพนี้ต้องปรากฏอยู่ในสายตาตลอดยามเดินผ่าน หากแต่ครั้งนี้เหมือนคิมจงอินจะสังเกตความผิดปกติบางอย่าง จึงเดินเข้าไปใกล้ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว

     

     

    จมอยู่กับความคิดนิ่งสนิท นึกน้อยอกน้อยใจในโชคชะตาที่ใกล้กับเจ้าของผิวสีน้ำผึ้งและรอยยิ้มสดใสได้แค่นี้ โทษตัวเองแล้วกัน ในเมื่อชอบจะมองอยู่ห่างๆ

     

    “อ๊ะ!” ร้องเสียงหลง ทั้งยังสะดุ้งน้อยๆจนคิมจงอินหลุดหัวเราะ

     

    ไม่ผิดหรอก ไม่ผิดเลย คิมจงอินกำลังยืนอยู่เบื้องหน้าและแย่งหนังสือของโอเซฮุนไปจากมือ รอยยิ้มระยะใกล้สั่นคลอนอะไรบางอย่างในตัวเขาได้อีกแล้ว และเหมือนว่าการเข้ามาของคิมจงอินครั้งแรกจะทำให้คนตัวขาวจัดทำอะไรไม่ถูก

     

    ดวงตาเรียวสวยช้อนมองสั่นระริกและพยายามเสหลบอีกฝ่ายอย่างกล้าๆกลัวๆ กระทั่งกายสูงโปร่งค้อมตัวลงมาใกล้เหมือนลมหายใจสะดุดค้างกลางห้วงอากาศจนต้องเอนตัวไปด้านหลังเพื่อหลีกเลี่ยง ทว่ายิ่งหนีอีกฝ่ายก็ยิ่งตามราวกับแกล้งกัน

     

    กลิ่นเหงื่อจากการแข่งขันและโคโลญจน์หอมอ่อนๆลอยแตะปลายจมูก ลมหายใจอุ่นปะทะเบาๆ หัวใจก็สั่นบอกไม่ถูก เป็นได้มากขนาดนี้เลยนะโอเซฮุน

     

     

    จงอินขมวดคิ้วหรี่ตามองใบหน้าขาวจัดของคนที่นั่งตัวเกร็ง แต่ก็แอบขำกับท่าทางนั้นอยู่ในที

     

    “นาย.. กำลังอ่านหนังสือกลับหัวอยู่นะ” ว่าจบก็จัดการพลิกหนังสือกลับให้ถูกทาง หนึ่งมือที่ว่างเอื้อมจับมือนุ่มนิ่มบนตักมารับหนังสือ แอบลอบยิ้มกับอาการสั่นเทานั่นเล็กๆ ก่อนตัดสินใจเลิกแกล้งแล้วหมุนตัวเดินจากไปกับกลุ่มเพื่อน

     

    คล้อยหลังอีกฝ่ายเซฮุนแทบไม่มีแรงขยับตัว แม้แต่มือที่ถือหนังสือก็ตกลงบนหน้าตัก ก้มหน้ากัดริมฝีปากแดงอ่อนแน่นพลางกระพริบตาปริบๆอย่างไม่เชื่อสิ่งที่เพิ่งเจอเมื่อกี้เท่าไหร่ หลับตาปี๋ในวินาทีต่อมายามนึกถึงคำพูดชวนขายหน้าของคิมจงอินว่าเขาอ่านหนังสือกลับหัว อันที่จริงไม่ได้อ่านต่างหาก ใครจะไปอ่านได้เล่า ถือผิดถือถูกรู้ที่ไหน โทษคิมจงอินนั่นแหละใครใช้ให้มีผลต่อหัวใจของเขาขนาดนี้กัน

     

    แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่แค่อีกฝ่ายเหลือบสายตาหันมาสนใจ รอยยิ้มที่หายไปมันก็กลับมากว้างกว่าเดิมซะอย่างนั้น

     

     

     

     

     

    *

     

     

     

     

     

    “อ๋า ขอบคุณครับ เช้านี้อะไรครับเนี่ย” ยื่นมือไปรับชามสีขาวที่รองด้วยจานสีเดียวกัน กลิ่นหอมฉุยของสิ่งที่อยู่ภายในทำให้น้ำย่อยในกระเพาะเริ่มทำงานได้เป็นอย่างดี เห็นอยู่ว่าเป็นโจ๊กหน้าตาน่ากินมีควันขาวลอยกรุ่นบ่งบอกความร้อนของมัน แต่ก็อดจะถามไม่ได้เหมือนทุกทีที่หญิงวัยกลางคนอาศัยอยู่ข้างบ้านเอ็นดูเอามาให้ อาจเพราะเห็นว่าเขาอยู่บ้านนี้คนเดียว

     

    “โจ๊ก ใส่แต่หมูกับไข่ ไม่ใส่ผัก ถูกไหมจ๊ะ”

     

    เลิกคิ้วน้อยๆอย่างสงสัยที่เพื่อนบ้านอย่างคุณป้าดูเหมือนจะรู้ว่าเขาชอบกินอะไร ไม่ชอบกินอะไรไปเสียหมด แล้วทุกอย่างที่ทำก็อร่อยใช่เล่น คิมจงอินหัวเราะรับคำคนอายุมากกว่าเบาๆก่อนจะขอตัวนำเข้าไปกินในบ้านก่อนออกไปเรียน

     

    ผู้ใหญ่ใจดีพอเห็นแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปแล้วก็เหลือบสายตาไปที่รั้วบ้านอีกหลังข้างๆกันพลางส่ายหัวไปมาแล้วถอนหายใจ กอดอกยืนยิ้มมองลูกชายคนเดียวที่เกาหัวราวกลบเกลื่อนความอายได้อย่างน่ารักน่าเอ็นดู ใบหน้าขาวจัดที่ได้เชื้อแม่มาเต็มเปี่ยมแดงเรื่อหลบสายตาของคนเป็นแม่แล้วผลุบหายเขาไปในบ้านอีกคน

     

    “วัยรุ่นสมัยนี้” ส่ายหน้าอีกคราอย่างไม่เข้าใจ

     

     

    ความจริงอีกข้อถัดจากที่โอเซฮุนชอบคิมจงอินก็คือ อาศัยอยู่ข้างบ้านนี่เอง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรับรู้ไหมถึงการมีตัวตนของเซฮุน แต่เขาก็ไม่เคยทักหรือว่าเข้าไปคุยกับคนบ้านนั้นเลยสักนิด ไม่เคยเจอหน้ากันตรงๆตอนอยู่ที่บ้านด้วย ถ้าจงอินอยู่บ้านเขาจะไม่ออกจากตัวบ้านไปเหยียบสวนเลย ไม่รู้ทำไม แต่ไม่กล้าอยู่ในสายตาแบบนั้น เพราะอย่างนี้ถึงได้ชอบมองอยู่ไกลๆ

     

    “ทำเอง วันหลังก็เอาไปให้เองสิ” แซวลูกชายเล็กน้อยทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้าน

     

    “ถ้ากล้าผมจะวานแม่เหรอครับ” แทบจะสไลด์กับพื้น รีบถลาเข้ามาสวมกอดคนเป็นแม่ด้วยรอยยิ้มตาหยี เกยคางลงกับลาดไหล่อุ่นหลับตานึกถึงน้ำเสียงสนทนาตอบกลับของใครอีกคนข้างบ้านแล้วก็กัดปากกลั้นยิ้มน่ารัก แค่ลองวาดภาพจงอินกำลังกินอาหารของเขาอย่างเอร็ดอร่อย ก็มีความสุขแล้ว

     

    ฝ่ามือของแม่ลูบผมนุ่มที่คลอเคลียใบหน้าขาวไปมาอย่างนึกเอ็นดู ก็ลูกชายของเธอออกจะเป็นคนขี้อาย ยิ่งกับเรื่องพวกนี้ยิ่งแล้วใหญ่

     

    “แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จงอินจะรู้ล่ะว่าลูกแม่ชอบ”

     

    “ฮ่าๆ สงสัยจะไม่มีทางครับ... ก็เขามีแฟนแล้วนี่นา” หัวเราะกลบเกลื่อนพลางกอดร่างท้วมของแม่แน่นขึ้นอีกนิดราวกับมันจะช่วยทดแทนได้

     

    “ฮูย~ ลูกใครเนี่ย ไม่สู้เลย”

     

    “แม่กำลังสอนให้ผมแย่งแฟนคนอื่นอยู่นะครับ”

     

    “แต่จงอินน่ารักนะ แม่ชอบ”

     

    “แม่~” ทำหน้ายู่จนคนเป็นแม่หัวเราะ

     

    ก็น่ารักขนาดนี้ ทำไมกันน้าเด็กหนุ่มข้างบ้านถึงได้มองไม่เห็น ลูกชายของแม่น่ารักจะตายไป ไม่แพ้หนุ่มหน้าหวานที่ชอบมาเที่ยวเล่นบ้านนั้นบ่อยๆแน่นอน ติดอยู่ที่ว่าโอเซฮุนไม่กล้าจะเผชิญหน้ามากกว่า ถ้ามีจงอินมาหัวเราะพูดคุยในบ้านลูกชายเธอคงมีความสุขกว่านี้มาก

     

    ละจากกายท้วมของแม่ไปนั่งที่โต๊ะรับประทานอาหาร มือขาวถือช้อนขึ้นมาตักโจ๊กหอมกรุ่ม มองข้าวละเอียดที่บรรจงเคี่ยวนานสองนานกับมือแล้วก็ยกยิ้ม ใส่ปากมีความสุขเหลือเกินแค่คิดว่าจงอินก็อาจจะกำลังกิน

     

     

     

     

     

    *

     

     

     

     

     

    ซ่า!~

     

    “หวา~” แทบจะกระโดดหลบน้ำแรงๆที่ไหลทะลักของฝักบัวไม่ทันยามที่มันเหมือนจะเสีย ตรงก๊อกที่เปิดด้านล่างมันปิดไม่อยู่แล้วล่ะ ตั้งสติอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจก้าวเข้าไปเอามืออุดมันไว้ ทำให้น้ำที่กระเซ็นไปทั่วถูกตัวและเสื้อผ้าเปียกชื้น ใบหน้าขาวหันหลบน้ำที่พุ่งเข้ามาทางนั้นทีทางนี้ที จึงคิดได้ว่าควรจะเรียกช่างให้มาซ่อมดีกว่าก่อนจะเปียกไปทั้งตัว

     

    ก้าวออกมายืนนอกห้องน้ำได้ก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าเช็ดแขนขาให้เรียบร้อย สะบัดหัวไปมาจนเส้นผมที่ยังแห้งๆชื้นๆไหว ก้าวตรงไปยังโทรศัพท์บ้านกำลังจะยกหูขึ้น มือขาวก็เป็นอันต้องชะงักไปพร้อมกับเสียงออดบ้าน

     

    เลิกคิ้วสงสัยว่าใครกันมาเอาตอนนี้ แถมคนเป็นแม่ก็ไม่อยู่บ้านอีกต่างหาก เปลี่ยนเป้าหมายจากเครื่องมือสื่อสารพ่วงสายไฟไปหาหน้าจอแสดงผลอัตโนมัติ พลันดวงตาเรียวเบิกโพลงอย่างทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าขาวหันรีซ้ายขวาเมื่อเห็นว่าเป็นคิมจงอิน ตัวช่วยคนสำคัญก็ดันไม่อยู่

     

    จนกระทั่งเสียงออดดังขึ้นอีกครั้งเหมือนเป็นการเร่งกลายๆ ร่างผอมบางจึงสะดุ้งเฮือกอัตโนมัติเช่นกัน ก้านนิ้วเรียวจำต้องกดปุ่มสนทนาตอบโต้

     

    “ตอนนี้เจ้าของบ้านไม่อยู่ เดี๋ยวค่อยมาใหม่นะครับ” ไม่รู้ว่าซื่อหรือตื่นเต้นมากเกินไปหน่อย คำพูดที่ไม่น่าจะเป็นไปได้จึงหลุดออกมา นึกอีกทีควรจะลงมะเหงกให้ตัวเองเสีย แนวฟันขาวกัดริมฝีปากแดงอ่อนพลางหลับตาปี๋ที่พูดไม่คิดออกไป

     

    อ้าวเหรอ แล้วนั่นใครพูดอยู่ล่ะ

     

    “เอ่อ..”

     

    ลูกชายใช่ไหม ออกมานี่หน่อย

     

    !!!!

     

    ละก้านนิ้วเรียวออกมา คนตัวขาวเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูก เสียงน้ำที่ไหลทะลักด้านในก็เร่งให้เขารีบตัดสินใจสักที ก่อนค่าน้ำจะขึ้นเอาๆให้คุณแม่ที่กลับมาต้องปวดหัว

     

    “ทำยังไงดี โอเซฮุน” แลบลิ้นเลียริมฝีปาก หลับตาพลางสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วจึงเปิดประตูเดินก้มหน้าก้มตาออกมาจากตัวบ้านตรงไปยังประตูรั้วที่ทอดเห็นกายสูงโปร่งผ่านซี่เหล็กสีเข้ม

     

    “ม...มีอะไร” ให้ตาย ขนาดแค่นี้ยังอึกอัก

     

    คิมจงอินหรี่ตาลงเล็กน้อยพลางกวาดมองร่างผอมบางตั้งแต่หัวจรดเท้าที่เหมือนไปเล่นน้ำที่ไหนมา แถมอีกฝ่ายยังไม่ยอมเงยหน้ามองเขาเต็มตา เพียงดวงตาเรียวเล็กนั่นแหละที่คอยจะเหลือบขึ้นเหลือบลง เห็นแล้วก็ขำ

     

    “เอาชามกับจานรองมาคืน” ชูของในมือให้ดู นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองตามการเคลื่อนไหวของคนผิวขาวจัดที่กำลังไขกุญแจเปิดประตูรั้วเล็กด้านข้าง ก่อนจะมองมือขาวที่ยื่นมานิ่งแล้วส่งชามคืน “โจ๊กอร่อยมาก”

     

    วินาทีที่ได้ยินเสียงทุ้มบอกแบบนั้น โอเซฮุนก็เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายทันที เกือบเผลอระบายยิ้มกว้าง ทว่ากัดริมฝีปากของตัวเองไว้ได้ทันแล้วก้มหลบเหมือนเดิม ยิ่งกว่าถูกรางวัลที่หนึ่ง ดีใจว่านั้นเยอะแยะ แค่คำชมเล็กๆน้อยๆ เป็นได้ขนาดนี้เลยนะโอเซฮุน หากแต่ดอกไม้ที่กำลังจะผลิบานเหี่ยวเฉาลงทันใด หลังประโยคถัดมา

     

    “ฝากบอกคุณป้าด้วย”

     

    ก็ลืมไปได้ยังไงว่าคิมจงอินไม่รู้ ไม่เคยรู้อะไรเลย คราวนี้โทษตัวเองแล้วล่ะ...

     

    เจ้าของบ้านพยักหน้าเข้าใจแล้วก็คงจะนำมันไปบอกแม่อย่างแน่นอน ท่าทางกิริยางอนตุ๊บป่องก็คงจะตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย ดวงตาเรียวสวยช้อนขึ้นมองเจ้าของผิวสีน้ำผึ้งช้าๆก็เห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ยอมขยับไปไหน สบนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเข้าหน่อยก็เกิดอาการร้อนฉ่าที่ใบหน้า

     

    “มีอะไรให้ช่วยไหม”

     

    ส่ายหัวลูกดียว

     

    “นายเปียก” วาดสายตาขึ้นลงสำรวจตามที่พูดก็เห็นเสื้อผ้าบนกายบางชื้นเป็นวงกว้าง “นี่ จะไม่พูดอะไรเลยหรือไง”

     

    ส่ายหัวลูกเดียว

     

    “แปลกคนอีกแล้ว... หลีกทางสิ” ไม่พูดเปล่า ถือวิสาสะแทรกตัวเข้ามาในบ้านของครอบครัวโอ ทำให้คนที่ยืนตัวแข็งทื่อต้องเบี่ยงหลบแบบไม่เต็มใจ แถมเบิกตากว้างมองตามก่อนจะหันกลับมาปิดประตูรั้ว สาวเท้าเร็วๆตามคนที่สูงไล่เลี่ยกันเข้าไป

     

     

    ซ่า!~

     

    คิมจงอินผลุบหัวออกมานอกห้องน้ำแล้วเหลือบสายตามองคนตัวขาวจัดที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่ห่างไปพอสมควร ก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

     

    “ไหนบอกว่าไม่มีอะไรไง”

     

    “ก็.. ก็ไม่มีอะไร เรื่องแค่นี้เอง ฉันจัดการได้ นายกลับบ้านไปเถอะ” ว่าพลางวางจานกับชามไว้บนโต๊ะอาหาร

     

    “เหรอ แต่ที่ฉันเห็นคือนายเปียกเป็นลูกหมาเลย จัดการได้สินะ”

     

    ใบหน้าขาวเสหลบเบนไปอีกทางเมื่อถูกจ้องมากๆ แลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างเคยชิน ประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก มือไม้เกะกะไม่รู้จะเอาไปไว้ไหน แค่คนที่ชอบมาอยู่ใกล้ๆ พูดคุยด้วยสองสามประโยค ข้างในอกด้านซ้ายมันก็เต้นอย่างบ้าคลั่งแล้วจริงๆ

     

    โอเซฮุนชอบจะเฝ้ามอง มากกว่าถูกมอง เพราะไม่เคยถูกมองมาก่อน ก็เลยไม่เป็นตัวเองขนาดนี้

     

    นึกถึงตัวช่วยขึ้นมาก็เดินไปยืนช้อนดวงตาเรียวคู่สวยขึ้นมองนาฬิกาบนฝาผนัง เข็มวินาทีเดินเรื่อยเอื่อยเฉื่อย เข็มยาวและเข็มสั้นทำให้เซฮุนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อนึกถึงคำบอกกล่าวของคนเป็นแม่ที่จะกลับค่ำๆ ทว่าตอนนี้ยังห้าโมงเย็นอยู่เลย

     

    !!!

     

    “นี่”

     

    หน้าขาวหันขวับกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมสะดุ้งตกใจทันทีที่รู้สึกว่ากายสูงของใครอีกคนมายืนประชิดเบื้องหน้า ดวงตาเรียวสวยเบิกกว้าง ขายาวก้าวถอยหลังอัตโนมัติเพื่อเว้นระยะห่าง เซฮุนดูวุ่นวายใจมากขึ้นอีกยามคิมจงอินก้าวตาม จนต้องทรุดนั่งลงที่โซฟาด้านหลังอย่างช่วยไม่ได้ ..หลับตาปี๋เบนหน้าไปอีกทางสัมผัสรู้ลมร้อนปะทะผิวแก้มเนียน ก่อนเสียงทุ้มจะดังใกล้ใบหู

     

    “บอกให้ไปปิดวาล์วน้ำ ได้ยินหรือเปล่า”

     

    ทุกสิ่งหยุดกึกเมื่อจงอินพาตัวเองห่างออกไป เปลือกตาบางค่อยๆลืมขึ้นช้าๆราวกับกลัวว่าจะเห็นภาพชวนขนลุก แต่ก็เปล่า เจ้าของบ้านหันมานั่งตัวตรงพลางพยักหน้ารับที่อีกฝ่ายสั่ง เหล่สายตามองเพื่อนบ้านอีกสักนิด ร่างบอบบางก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งฉิวออกไปทันที

     

     

    ไม่นานคิมจงอินก็จัดการต่อก๊อกตรงที่เปิดเสียใหม่ ทำราวกับตัวเองเป็นช่างประปาอย่างไรอย่างนั้น ขนาดโอเซฮุนยังทำได้แค่ยืนเฉยๆกระพริบตามองปริบๆทึ่งในความสามารถอีกด้านที่ตนก็เพิ่งรู้ เกือบจะจดลงบันทึกไว้แล้วว่าคิมจงอินทำก๊อกใหม่ก็เป็นด้วย

     

    กายสูงโปร่งที่อยู่ในเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นเท่าเข่าธรรมดา ก้าวออกจากห้องน้ำชั้นล่างของบ้าน หัวคิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อต้องมายืนมองหน้ากับคนตัวขาวเฉยๆ

     

    “เสร็จแล้ว” ยื่นเครื่องไม้เครื่องมือให้อีกฝ่ายเห็น

     

    “อ..อ้อ ขอบคุณนะ” คนผิวขาวเดินเข้าไปรับกล่องเหล็กสีส้มเข้มจากมือของคิมจงอิน กายผอมบางสะดุ้งเล็กๆที่เผลอแตะถูกอีกฝ่าย ใบหน้าขาวก้มต่ำแดงเรื่อถึงใบหูเมื่อจงอินไม่ยอมปล่อย แว่วได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอทว่าเสียงตึกตักกลับดังกลบประสาทการรับรู้เหลือเกิน

     

    “เงยหน้าสิ”

     

    ส่ายหัวพรืดแบบไม่ต้องคิดเลย อยู่ใกล้ขนาดนี้ขืนมองขึ้นไปที่อีกคน ทุกอย่างก็เปิดเผยพอดีว่าเขาแอบชอบ ให้เขาอยู่แบบเงียบๆก็พอแล้วล่ะ อยู่อย่างมีความหวัง เพราะเขายังไม่อยากผิดหวัง เลยไม่ต้องการจะให้อีกคนรู้

     

    มือขาวดึงดันจะแย่งกล่องเครื่องมือกลับไปทั้งๆที่จงอินยังไม่ยอมปล่อย สายตาจ้องอยู่แต่ที่มือด้านล่างข้างลำตัวของกายสูง ใบหน้าขาวเริ่มจะยับยู่ หัวคิ้วขมวดมุ่น เมื่อแกะมือกาวของอีกฝ่ายไม่อยากจะออก แล้วก็ดูเหมือนว่าจงอินไม่ยอมให้ความร่วมมือเอาเสียเลย

     

    ในที่สุดก็ต้องเงยขึ้นสบราวกับเผลอตัวแสดงความหงุดหงิดบนใบหน้าขาวไปเล็กๆ จงอินที่ทอดเห็นก็ถึงกับหลุดยิ้มเอ็นดู นัยน์ตาสีน้ำตาลกลอกนิ่งมองใบหน้าขาวจัด ผิวขาวเนียนแต้มแดงน้อยๆอย่างน่ารัก ดวงตาเรียวหยีเวลายิ้ม ริมฝีปากแดงอ่อนๆนั่นก็ด้วย..

     

     

    “มื้อเย็น.. แทนคำขอบคุณได้ไหม”

     

     

    ม่านตากลมสั่นระริก โอเซฮุนกำลังได้ยิน คิมจงอินขอให้เขาทำกับข้าว...

     

    “แม่ยังไม่กลับ” ตอบเสียงเบาหวิวหลุบตาต่ำ

     

    “คุณป้าเกี่ยวอะไร ที่ผ่านมานายก็เป็นคนทำไม่ใช่หรือไง”

     

    เบิกตาตกใจกับประโยคที่มาจากเพื่อนบ้าน ก่อนจะส่ายหัวพรืดปฏิเสธอีกครา คราวนี้เซฮุนก้มลงแย่งกล่องเครื่องมือมาจากจงอินจริงๆตอนที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว แล้วก้าวเร็วๆเอาไปไว้ที่ห้องเก็บของใต้บันได จากนั้นก็เดินกลับมาหยิบกุญแจบ้านที่วางอยู่บนโต๊ะ ออกปากไล่กลายๆ

     

    “เดี๋ยวแม่กลับมาแล้วจะบอกให้นะ”

     

    “นี่.. ใจคอจะไล่ให้ฉันกลับไปนั่งเหงาคนเดียวในบ้านหรือไง” เอ่ยตัดพ้อ มองหน้าขาวที่ทำท่าตกใจได้น่ารักที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลย “หิวแล้วด้วย”

     

     

    เขาไม่เข้าใจ เจ้าของผิวขาวจัดไม่เข้าใจ ว่าทำไมคิมจงอินต้องใช้น้ำเสียงแบบนั้นกับเขาด้วย พูดจาราวกับกำลังอ้อนอยู่อย่างไรอย่างนั้น ใบหน้าคมเข้มและนัยน์ตาสีน้ำตาลที่ทอดมอง ทำไมต้องเอามาใช้กับเขา เพราะไม่รู้สินะ เพราะคิมจงอินไม่เคยรู้อะไรเลย ไม่รู้... เพราะเขาไม่บอก

     

    จมอยู่กับภวังค์ความคิดของตนเองจนไม่ทันสังเกต กายสูงโปร่งที่ขยับเข้าหาใกล้ โน้มเอียงก้มประชิดจนลมหายใจปะทะแผ่ว ...ข้างใบหู...

     

    “เซฮุน”

     

     

    !!!

     

    แก็ก!

     

    วูบโหวงจนเผลอทำกุญแจบ้านหลุดมือยามได้ยินชื่อของตัวเองออกมาจากริมฝีปากอิ่มสวยนั่น ริมฝีปากที่เขาชอบให้ยกยิ้ม ริมฝีปากที่เขาชอบมอง ..ลุกลี้ลุกลนก้มลงเก็บมันขึ้นมา ดวงตาเรียวยังค้างไม่หายก่อนจะรีบเดินเข้ามาในห้องครัวทันที

     

    สองมือกำแน่นที่หน้าอก หลับตาปี๋พลางสูดหายใจเข้าปอดลึกๆราวจะดับความตื่นเต้นที่มีให้หายไป หายไปซะ

     

     

    รู้ได้ยังไง

     

    คิมจงอินรู้ชื่อเขาได้ยังไง

     

     

    ริมฝีปากแดงอ่อนค่อยๆยกยิ้มกว้างอย่างที่ชอบทำเวลาดีใจ เผยเขี้ยวเล็กสวยที่ถูกซ่อนไว้ข้างใน ดวงตาหยีน่ารักกึ่งพระจันทร์เสี้ยว ผิวขาวเจือสีเรื่อรู้สึกเขินไปกับเสียงที่เขาหลงใหล เสียงของคิมจงอิน

     

    “เป็นอะไรหรือเปล่า”

     

    “ฮะ ไม่ ไม่เป็นไร”

     

    ทว่าเกือบตีหน้านิ่งไม่ทันเมื่ออยู่ดีๆอีกฝ่ายก็เดินเข้ามาไม่ให้สุ่มให้เสียง เว้นระยะห่าง ก้าวขาสไลด์กับพื้นไปตามกำแพงท่าทางเหมือนปูจนอีกคนมองตามแล้วหัวเราะออกมา พอเห็นว่าอีกฝ่ายหัวเราะ โอเซฮุนก็เลยยิ้มตาม ..อีกแล้ว

     

    เสียงหัวเราะหยุดลงกะทันหันเมื่อได้เห็นความสดใสดั่งดอกไม้บานบนหน้าขาว ดวงตาหยีเล็กมันน่ารักจริงๆเวลาเจ้าตัวยิ้ม ริมฝีปากแดงคลี่ออกกว้าง น่าสงสัยว่ามันจะนุ่มนิ่มสักเพียงใด ทว่าเพราะคิมจงอินหยุดหัวเราะ โอเซฮุนก็เลยเม้มริมฝีปากทันที

     

    เจ้าของกายผอมบางเลิกคิ้วน้อยๆ ก่อนจะหันไปเปิดตู้เย็นหาวัตถุดิบมาปรุงอาหารเพื่อดับหิวให้ทั้งตนเองและเพื่อนบ้าน กระนั้น แนวฟันขาวที่กัดริมฝีปากเคลือบใสก็คลายออกและเผยรอยยิ้มอยู่ดี จะอย่างไรก็ตาม โอเซฮุนจะคิดว่าเขาได้ก้าวเข้าไปรู้จักกับคิมจงอินอีกนิดนึงแล้ว

     

    อย่างน้อยอีกคนก็จำชื่อเขาได้

     

    มันน่าดีใจจะตายไป

     

     

     

     

     

    *

     

     

     

     

     

    “เซฮุน!

     

    แว่วได้ยินเสียงทุ้มเสน่ห์ดังมาแต่ไกล หัวคิ้วเลิกน้อยๆก่อนเจ้าของชื่อจะหันหน้ากลับไปมองทางด้านหลัง กรอบสายตาปรากฏกายสูงชะลูดของนักเรียนหนุ่มรุ่นพี่ที่เป็นถึงประธานจอมเฮี้ยบ เรือนผมสีทองประกายเด่นเช่นเดียวกับเครื่องหน้าไร้ที่ติ เรียวคิ้วเข้มเฉียง สันจมูกโด่ง ริมฝีปากอิ่มสวย ผู้ชายคนนี้ดูดีเกินเขาไปหลายขุม อย่างน้อยก็เรื่องความเท่บาดใจหญิงสาวทั้งโรงเรียน

     

    อิจฉาไหม ...เปล่าเลย

     

    พี่เขาก็หล่อดีนะ

     

    “พี่คริสมีอะไรหรือเปล่าครับ” เอ่ยถามเมื่อคนตัวสูงหยุดเดินตรงหน้า ความจริงเซฮุนเพิ่งจะเดินออกมาจากห้องทำงานของอู๋อี้ฝานหรือคริส ไม่ได้นึกว่ารุ่นพี่จะเดินตามมา

     

    “กลับบ้านเลยไหม”

     

    “ครับ กำลังจะกลับ”

     

    “พี่ไปส่ง”

     

    กระพริบตาปริบมองคนตัวสูงพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ ความน่าจะเป็นต้องใช้สูตรวุ่นวายน่าปวดหัว แต่เรื่องนี้โอเซฮุนก็พอจะรู้ว่ามันไม่มีความน่าจะเป็นอะไรเลย หรือผลลัพธ์ในท้ายสุดของมันก็จะเท่ากับศูนย์ เรื่องนี้เขาพูดกับคนอายุมากกว่าไปหลายครั้ง ทว่าอู๋อี้ฝานกลับตอบออกมาเพียงแค่ว่า..

     

    เรื่องของหัวใจมันห้ามกันได้ที่ไหน

     

    เลยตามเลย ต่อจากนี้เซฮุนเองก็ห้ามอะไรไม่ได้ แต่เขาแค่อยากจะเตือนไว้ก่อนว่ามันไม่มีประโยชน์แค่นั้นเอง

     

    “ตามใจครับ”

     

    และทันที่ที่ให้โอกาสอีกครา รอยยิ้มหล่อบาดใจสาวๆก็ระบายกว้าง ดวงตาคมสองชั้นหยีรับ มองแล้วโอเซฮุนก็คิดว่านั่นหล่อมาก ..ถ้าเพียงแต่ฝ่ามือใหญ่และก้านนิ้วเรียวยาวจะไม่ยกขึ้นมาหยิกแก้มเขาเล่นอย่างเอาแต่ใจ คนน่ารักตามที่อีกฝ่ายเอ่ยชมจะไม่ทำหน้ายู่ยี่ให้ยิ่งน่าเอ็นดูจริงๆเชียว

     

    “พอแล้วครับ คนมอง” ลำพังตัวเซฮุนเองก็ไม่เคยจะขัดใจใครเท่าไหร่ เออออไปกับคนอื่นตลอด แล้วยิ่งเอาแต่ใจอย่างประธานนักเรียนคนนี้ ขัดได้ที่ไหนล่ะ ..มือขาวจึงทำเพียงจับมือใหญ่ของคริสออกจากแก้มของตน

     

    “เขาก็มองเซฮุนนั่นแหละ อยากน่ารักเอง”

     

    “มองพี่คริสมากกว่า หล่อเกินไปทำไม”

     

    “น่ารักกับหล่อ เหมาะกันจะตาย ฮ่าๆ”

     

    “ไม่ต้องมายอ ..เอานี่ไหม ผมให้ ใส่ในล็อคเกอร์หอมดีนะ” เปลี่ยนเรื่องกะทันหันพลางยื่นของที่ว่าไปให้คนตัวสูง มือใหญ่รับไปเพ่งดูแล้วก็ช้อนตาขึ้นมองใบหน้าขาวยิ้มๆ รุ่นน้องเห็นแล้วก็เลิกคิ้วถามกลายๆ ก่อนจะได้ฟังคำตอบของรอยยิ้มนั่น

     

    “เซฮุนก็ไปนั่งในล็อคเกอร์พี่สิ หอมตลอดวันแน่ๆ”

     

    “เชื่อว่าพี่ไม่อยากให้ผมไปนั่งหรอก”

     

    “ก็จริง”

     

     

     

    ทำหน้ายู่ได้น่ารักเหลือเกินเหอะในความคิดของคนมอง ใบหน้าขาวๆแก้มแดงน้อยๆเพราะฝีมือคนตัวโต ..น่ารักจะแย่.. แต่คนมองบางคนรู้สึกไม่ชอบใจเท่าไหร่กับภาพที่เห็นเบื้องหน้า ภาพที่เห็นไกลๆ คนสองคนยิ้มเล่นล้อเลียน ถึงเนื้อถึงตัว เกินไป ดูเป็นกันเองจนต้องเบนนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มไปทางอื่น แค่นหัวเราะในลำคอพลางดุนลิ้นที่ข้างแก้มอย่างเซ็งๆ เหลือบไปตำแหน่งเดิมอีกที สองคนนั้นก็เดินกอดคอกันออกไปเสียแล้ว

     

    ไม่ใช่ว่าเพิ่งเห็น แต่รู้มานานแล้วต่างหาก ว่าประธานกำลังทำอะไร

    ปัญหาอยู่ที่อีกคนหรือเปล่า ปัญหาของเขาอยู่ที่อีกคน ที่ไม่ยอมปฏิเสธ

     

    ฝ่ามือกำแน่น บีบถุงตาข่ายสีสันสดใสส่งกลิ่นหอมของดอกไม้แห้งด้านใน ดอกไม้หอมๆที่จะมาอยู่ในตู้ล็อคเกอร์ของเขาทุกเช้า ดอกไม้ที่เขาเองก็เห็นว่าใครเป็นคนแอบเอามาวาง

     

    เหลือบมองถังขยะข้างเสาต้นถัดไปที่ตนยืนพิงอยู่ ก้านนิ้วเกี่ยวเชือกเส้นเล็กที่ใช้ผูกสิ่งที่นอนแน่นิ่งบนฝ่ามือ มองนิ่งก่อนจะโยนมันลงถังขยะจากระยะที่ยืนอยู่ และปรากฏว่ามันไม่ลงถัง แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเพียงนัยน์ตาสีน้ำตาลเท่านั้นที่ชายแล ก่อนจะเดินออกจากใต้อาคารเรียน

     

     

    อาจกำลังหงุดหงิด

     

    อาจจะเป็นอย่างนั้น

     

    แล้วไหนกัน โอเซฮุนที่คอยมองแต่เขา

     

    ...ไม่มี

     

     

     

     

     

    *

     

     

     

     

     

    ครืน!~

     

    เมฆดำปกคลุมมืดมิด ฟ้าฝนเป็นใจหรืออย่างไร ในเมื่อตอนนี้จิตใจของโอเซฮุนกำลังห่อเหี่ยว ใบหน้าขาวจัดหมองลงกว่าเคย ก้มลงมองดอกไม้แห้งในถังขยะข้างตู้ล็อคเกอร์ที่เห็นเองกับตาว่าคิมจงอินทิ้งมัน ทั้งๆที่เช้าวันนี้เขาอุตส่าห์ตั้งใจทำมาให้เหมือนทุกที กะอยู่แล้วเชียวว่าอาจจะรำคาญกับคนที่เอาแต่หลบๆซ่อนๆ เอาอะไรมาให้ก็ไม่รู้ ไม่เห็นจะมีอะไรเลย

     

    เม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะหมุนตัวเดินไปเรียนในวิชาแรกของวัน ลงทุนมาตั้งแต่เช้าเพื่อวางมันไว้ แต่ก็ยืนมองมันในถังขยะร่วมชั่วโมงหลังจากโดนทิ้ง

     

    ครืน!~

     

    ฝนทำท่าจะตกในอีกไม่ช้า ดวงตาเรียวคู่สวยช้อนมองผ่านหน้าต่างกระจกบานใส ต้นไม้อ่อนไหวตามแรงลม ใบปลิวลู่แรงราวกับจะหลุดถ้าหากว่ามันไม่แน่นพอ เซฮุนเวลานี้อยากฟุบหน้าลงกับโต๊ะซะมากกว่า หมดแรงจะทำอะไรไปเลยจริงๆ

     

    ยังดีที่เมื่อเช้าคิมจงอินยอมกินอาหารที่เขาวานแม่เอาไปให้

     

    แต่ตอนนี้ง่วงจัง...

     

     

     

    ซ่า!~

     

    นานจนหมดคาบเรียนช่วงเช้า โอเซฮุนหลับตลอดเลย ต้องโทษประธานนักเรียนที่ใช้งานหนัก หอบงานกลับไปทำที่บ้านตั้งเยอะ เดี๋ยวก็ปิดประตูลงกลอนล็อคกุญแจแปะลายนิ้วมือป้อนรหัสไม่ให้เข้ามาซะเลย

     

    “ตื่นแล้วเหรอ” เสียงหวานใสด้านข้างเป็นของหนุ่มหน้าหวานตัวเล็ก เจ้าตัวยิ้มตาหยีหวานย้อยจนเขาเองยังต้องเคลิ้ม แต่ขอบอกว่ามันขัดกับบุคลิกจริงของอีกคนเอามากๆ เพราะหลังจากที่เขาส่งยิ้มแห้งๆกลับไป เพื่อนจากเมืองจีนก็ถลึงตาใส่เปลี่ยนสีหน้ารวดเร็วปานความไวแสง “ไอประธานนั่นมันใช้งานนายหนักอีกแล้วใช่มะ!?”

     

    ตบโต๊ะตึงตังโมโหที่เพื่อนต้องมาอดหลับอดนอนทำงานงกๆ คณะกรรมการคนอื่นมันไม่มีแล้วหรือไง ถึงได้ใช้โอเซฮุนอยู่คนเดียว

     

    “ยังไงมันก็หน้าที่ ช่างเถอะ พี่คริสก็งานเยอะเหมือนกันนะ”

     

    “เข้าข้างหมอนั่นอีกและ”

     

    “ฮ่าๆ ไปกินข้าวกันเถอะ” หัวเราะเบาๆกลบเกลื่อนพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก้าวขาออกจากห้องเรียนไปพร้อมกับคนตัวเล็กด้านข้าง นึกถึงช่วงเวลาพักทีไรเราสองคนต้องแยกกันไปทำกิจกรรมทุกที นอกจากทำงานของคณะกรรมการแล้ว เขาก็เอาเวลาไปใช้กับใครอีกคน.. “อื้อ ลู่หาน ถามอะไรหน่อยสิ”

     

    “อ่าฮะ”

     

    “นายว่า... พี่คริสหล่อไหม”

     

    “เฮ่ย! ถามอะไรเนี่ย” ลู่หานถลึงตากลมโตใส่ กลอกมองราวกับประโยคที่ได้ยินเมื่อกี้มันพิลึกแปลกประหลาดมากมาย มันไม่แปลกหรอกถ้าหากว่าเซฮุนจะเอาไปถามกับนักเรียนหญิงคนอื่น แต่มาถามเอาความเห็นจากเขาที่เป็นผู้ชายมันจะไม่แปลกจริงๆเหรอ ทว่าข่าวลือที่ได้ยินมาแม้จะไม่เคยซักไซ้กับเพื่อนก็ทำให้พอจะเข้าใจ เรื่องที่ประธานกำลังจีบเด็ก บางทีเพื่อนคงต้องการความเห็นเพื่อนตัดสินใจ

     

    “หล่อเปล่าล่ะ”

     

    ลู่หานยังไม่เลิกมองคนตัวขาวจัดด้วยสายตาแปลกๆ แต่หัวสมองก็นึกไปถึงคนที่ชอบทำใบหน้าเคร่งขรึมทุกทีเวลาเดินผ่าน ไหนจะสายตาเหยียดๆเหมือนเขาเป็นเชื้อโรคสักตัวบนผืนดิน กิริยาท่วงท่าสมบูรณ์แบบ...

     

    “อือ ก็หล่อ”

     

    เซฮุนพยักหน้าเข้าใจกับตัวเอง ก่อนดวงตาเรียวจะเหลือบมองหน้าด้านข้างของเพื่อนชาวจีน ยกยิ้มนิดๆอย่างพอใจในผลตอบรับ

     

    “แล้วหล่อๆแบบนั้น.. กับผู้ชายแมนๆชอบผู้หญิงที่แบบหน้าตาน่ารักมากๆอ่ะ นายคิดว่าพี่คริสจะจีบติดป่ะ”

     

    “อันนี้ก็ไม่รู้ดิ แล้วแต่อ่ะ ผู้ชายโรงเรียนเราบางคนยังชอบเลยไม่ใช่เหรอไง ...ถามไมอ่ะ”

     

    “แหะๆ ก็ถ้าพี่คริสจีบนาย นายจะโอเคไหมอ่า”

     

    !!!

     

    “ไม่โอเค” แทบจะไม่ต้องคิดให้เสียเวลาและรอบวนของเข็มนาฬิกา ลู่หานก็ตอบออกมาทันทีชัดเจนทุกถ้อยคำและน้ำเสียง ใบหน้าหวานๆบึ้งตึงอย่างเอือมระอากับแม่น้ำทั้งห้าที่โอเซฮุนลากมาหาเขาจนได้ “ตกลงที่เขาพูดกันว่าประธานจีบนาย มันผิดใช่ไหม หา!

     

    “งื้อ ไหนบอกว่าหล่อไง”

     

    “เกี่ยวที่ไหน ..ฉันชอบผู้หญิง นายก็รู้”

     

    “ของแบบนี้ อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ไม่ใช่เหรอ”

     

    “แล้วอะไรที่ว่าของนายมันคืออะไร”

     

    “ก็อะไรที่แบบเปลี่ยนใจนายไง”

     

    “โอเซฮุน”

     

    “ค้าบ”

     

    “อยากตายใช่ไหม ถึงได้เล่นบทพ่อสื่อเนี่ย!” ทำท่ายกมือขึ้นขู่จะทุบลงบนศีรษะจนเพื่อนสนิทต่างเชื้อชาติต้องหลับตาปี๋เอนตัวหลบ แต่พอเห็นหน้าตาน่ารักๆน่าเอ็นดูเข้าหน่อยก็ลดมือลง “จะยังไงก็แล้วแต่ ฉันไม่ชอบหน้าหมอนั่น เลิกจับคู่ได้เลยนะ”

     

    “แต่พี่เขาจริงใจนะ ..อ..โอเค ไม่พูดแล้ว” พอเห็นว่าลู่หานเริ่มโมโหส่งสายตาพิฆาต เซฮุนที่ไม่ชอบรบเร้าเพื่อนก็เกิดอาการเกรงใจยู่ปากเสียดายที่แผนนี้ใช้ไม่สำเร็จ สงสัยคงต้องให้เจ้าตัวจัดการเองแล้วแหละ เขาก็บอกกับประธานอู๋อี้ฝานแล้วนะว่าความน่าจะเป็นมันคือศูนย์ ดึงดันอ้อนเขาให้ช่วยจัง

     

     

    พลั่ก!!

     

    “หวา~” กายสูงบอบบางเซจะล้มเมื่อชนเข้ากับใครบางคนที่วิ่งมาตามทางเดินทอดยาวไปคาเฟทีเรียแบบไม่ทันตั้งตัว ชั่ววินาที สัมผัสรัดแน่นที่เอวเข้าครอบครองพร้อมกระชากให้เข้าไปใกล้คล้ายช่วยพยุงไม่ให้ล้ม กระทั่งมือขาววางแนบไว้บนลาดไหล่และดวงตาประสาน ตอนนั้นเองที่ลมหายใจสะดุดอีกครา และทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาซะเฉยๆกับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมอง ก่อนอีกฝ่ายจะละออกปล่อยให้เขายืนเอง

     

    ความเย็นชาในดวงตาคู่นั้นทำเอาใจหายวาบ คิมจงอินที่เข้ามารับตัวเขาไว้เสหันไปมองทางอื่นที่ใครอีกคนยืนอยู่

     

    “บอกให้ระวังไงแทมิน ชนคนอื่นจนได้”

     

    ชื่อที่ได้ยินอีกฝ่ายติติงยิ่งทำให้ดวงตาเรียวสั่นระริก ลิ้นสากแลบเลียริมฝีปากแห้งผากอย่างเคยชินก่อนจะเม้มแน่น ไม่แม้แต่จะหันไปมองด้วยซ้ำ ภาพเมื่อเช้าผุดขึ้น ที่เจ้าของผิวสีน้ำผึ้งและเจ้าของหัวใจของเขาเอง โยนดอกไม้แห้งลงถังขยะอย่างไม่ใยดี รู้สึกเสียใจจนมือสั่นขึ้นมา ดวงตาร้อนผ่าวคลอน้ำไร้สี

     

    “ก็ไม่ได้ตั้งใจนี่ ...ไม่เป็นไรใช่ไหม ขอโทษนะ”

     

    คนที่ก้มหน้าต่ำแทบจะไม่รับรู้อะไร เพียงหัวกลมๆผงกรับก่อนโอเซฮุนจะหันไปดึงมือลู่หานที่ยืนเงียบมองเหตุการณ์แล้วเดินหนีทันที

     

    ไม่ได้เห็นว่านัยน์ตาสีน้ำตาลเองก็มองตามแผ่นหลังเล็กนั่นไปจนสุดทาง

     

     

     

     

     

    *

     

     

     

     

     

    ลมเย็นพัดพาละอองฝนสาดเบาๆถูกกายผอมบางและดวงหน้าขาวจัด กลิ่นไอเย็นกระทบผิวกายหนาวจนต้องลูบผิวเนื้อบรรเทา ..เสื้อเชิ้ตแขนสั้นผูกไทไม่ช่วยอะไร.. ดวงตาเรียวคู่สวยทอดมองออกไปนอกอาคารเรียนจากที่ยืนอยู่หน้าบันได้ทางเข้า รอว่าเมื่อไหร่สายฝนจะหยุดลง คนน่ารักหวั่นว่าท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้มมันจะน่ากลัวเกินไปสำหรับเขา กลับบ้านตอนมืดมันวังเวงจะตาย

     

    ลู่หานเองก็ชิ่งกลับบ้านไปก่อนแล้ว อันที่จริงต้องบอกว่ารุ่นพี่ประธานนักเรียนลากตัวไปต่างหาก คนไม่มีรถแบบเขาก็เลยต้องยืนแกร่วเป็นหมาน้อยเหงาหงอยตามที่คริสบอกอย่างไรอย่างนั้น รุ่นพี่ชวนกลับก็ไม่กลับด้วยกัน รออะไรนะโอเซฮุน

     

    ย่อตัวลงนั่งยองข้างเสาริมทางเดิน ก้มหน้ายกยิ้มบางเบากับตัวเองเอาคางเกยหัวเข่า แปลกคน ..อย่างที่จงอินเคยว่า.. ก็ถ้าไม่ได้เห็นรายนั้นกลับบ้านไปก่อน จะกลับบ้านตัวเองไม่ถูกสินะ

     

     

    “กลับก่อนนะเว้ย!

     

    “เออ”

     

    “แกแน่ใจนะจงอินว่าไม่ให้ฉันไปส่งบ้านอ่ะ”

     

    “ไม่เป็นไร”

     

     

    ชะงักกึกทุกความคิดทันทีที่ชื่อคุ้นเคยกระทบเข้ามาในโสตประสาท ดวงตาเรียวเบิกกว้างทันเห็นเพื่อนร่วมชั้นของจงอินฝ่าสายฝนออกไปสองสามคนโดยมีร่มคันเดียว ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเห็นเขาไหม แต่ถึงเห็นก็คงจะไม่เกี่ยวอะไรอยู่แล้ว จริงๆโอเซฮุนไม่ใช่ประเภทมาคิดมากให้ตัวเองห่อเหี่ยว เพราะมักจะให้กำลังใจตัวเองเสมอ ว่าแค่มองอยู่ห่างๆก็พอแล้วไง พอแล้ว..

     

    รอยยิ้มของคิมจงอิน

     

    ทำกับข้าวให้จงอินกิน

     

    ดูจงอินเล่นบาสเกตบอล

     

    คิดเรื่องของคิมจงอิน

     

    เฝ้ามองแค่คิมจงอิน

     

    .....นั่นแหละพอแล้ว

     

     

    สมองสั่งอย่างนั้น แต่หัวใจที่มันเต้นดังทุกครั้งที่เจอ เต้นดังทุกครั้งที่ได้มอง ไม่เคยพอเลยสักนิด

     

    “ทำไมไม่กลับบ้าน”

     

    เป็นอีกครั้งที่เจ้าของผิวสีน้ำผึ้งสามารถทำให้กายบอบบางขดคู้สะดุ้งน้อยๆ เซฮุนกระพริบตาถี่ไล่น้ำไร้สีที่ขึ้นมาคลอใสพลางสูดหายใจลึกๆ ใบหน้าขาวจัดเงยขึ้นสบแล้วส่งยิ้มบางให้คิมจงอินได้เลิกคิ้วแปลกใจ

     

    “กำลังจะกลับแล้ว” พูดออกไปเบาหวิว ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผาก เม้มแน่นแล้วหันมายิ้มตาหยีให้คิมจงอินอีกที

     

    คิมจงอินยิ่งกว่าแปลกใจกับท่าทีแปลกๆของโอเซฮุน ก่อนนัยน์ตาสีน้ำตาลจะเบิกโพลงตกใจกับกายผอมสูงที่ก้าวเร็วๆออกไปจากอาคารเรียน แทบจะไม่ต้องคิดอะไรเขาก็เลือกก้าวตามออกไปติดๆเพื่อรั้งร่างของเซฮุนที่เดินตากฝน เอื้อมมือจับที่ลำแขนขาวแล้วกระชากให้หันกลับมา ใบหน้านั้นก็ยังคงก้มหลบเขาเหมือนทุกที

     

    “บ้าไปแล้วแน่ๆโอเซฮุน วิ่งออกมาทำไม” จะหลบก็ช่างไม่เป็นไร คิมจงอินจะค้นหาเอง แปลกคนแค่ไหนก็ไม่เป็นไร เขาจะทำความเข้าใจเอง มองคนอื่นนอกจากเขาก็ไม่เป็นไร...

     

    คิมจงอินมองแค่โอเซฮุนก็พอ

     

     

    ซ่า!~

     

    สายฝนชะล้างเปียกชุ่มเสื้อผ้าแนบกาย เจ้าของผิวสีน้ำผึ้งยกมือขึ้นช้อนคางมน ปัดปอยผมที่เปียกลู่กับดวงหน้าน่ารัก ดวงตาที่ชอบแสนชอบเวลายิ้มหยีก้านนิ้วเรียวเกลี่ยเปลือกบางแผ่วเบา ผิวแก้มขาวแดงเรื่อเวลาเจอ ริมฝีปากแดงอ่อนที่เจ้าตัวชอบแลบลิ้นสัมผัส อยากรู้เหลือเกินว่ามันนุ่มแค่ไหน

     

    หนังสือที่ชอบอ่าน กับข้าวที่ทำให้กิน ของที่เอามาให้ ทุกอย่างที่เซฮุนทำ ..เขาก็มองอยู่ตลอด

     

    “ถ้าไม่สบายขึ้นมาฉันจะจัดการนาย ..ไม่เคยดูแลตัวเองเลยให้ตาย” ประโยคหลังพึมพำคนเดียวอย่างนึกโมโห สังเกตได้ว่าอีกฝ่ายหนาวจนตัวสั่น เขาเองก็หนาวไม่แพ้กัน แต่พอได้เห็นมุมริมฝีปากแดงอ่อนยกยิ้มสวย ต่อให้ยืนตากฝนอีกหน่อยก็ยอม “ไม่ต้องมายิ้ม ที่พูดอ่ะทำจริงนะ ถ้านายไม่สบายจะโดนทำโทษ จะให้กินยาขมๆเลยคอยด...!!!...”

     

    !!!

     

    สองแขนตกข้างลำตัวทันทีที่สัมผัสนุ่มนิ่มละออกจากริมฝีปาก แผ่วเบาและรวดเร็วเกินไปจนคิมจงอินไม่ทันได้ตั้งตัว ชาวาบไปหมด รู้สึกว่าสติกำลังจะหลุดลอย แต่มันต้องลอยไปแล้วแน่ๆถ้าไม่ได้เสียงนุ่มหูของคนตรงหน้าเอ่ยรั้งไว้

     

    “ฉันรักนาย แล้วก็จะมองแค่นายด้วย คิมจงอิน”

     

    สงสัยว่าเซฮุนคงไม่รู้ ไม่เคยรู้อะไรเอาซะเลย ถึงได้เดินห่างออกไป ชอบทำเหมือนตัวเองไม่มีค่าพอให้เขาสนใจ ทั้งๆที่ทุกอย่างมันก็น่าสนใจไปเสียหมด

     

    น่าโมโห

     

    กายสูงโปร่งก้าวฉับเข้าไปรั้งร่างบอบบางเอาไว้อีกครา พร้อมเคลื่อนใบหน้าเข้าหาและแนบริมฝีปากลึกซึ้ง ..ความหนาวเย็นของน้ำฝนตอนนี้ไม่สำคัญ ข้างในอบอุ่นนั่นก็เพียงพอแล้ว.. ฝ่ามือประคองหลังลำคอขาวกดแนบชิดมากขึ้นกว่าเดิม จนกระทั่งอีกฝ่ายเหมือนจะสงบลงและปิดเปลือกตา

     

    จงอินเกลี่ยนิ้วบนแก้มซีดขาว ไล้วนให้อีกฝ่ายผ่อนคลายการจากรุกเร้า กอดเอวคอดและดึงให้เข้ามาใกล้อีกนิด จะได้ป้อนจูบถนัดกว่าเดิม ไม่รู้ว่าแค่นี้จะบอกทุกอย่างได้หมดไหม แต่ถ้าอีกฝ่ายยังไม่รู้ เขาก็จะทำทุกวัน ทำเรื่อยๆจนกว่าจะเข้าใจสักที

     

     

    บอกให้รู้ไปเลยว่าเขาเองก็รักมากแค่ไหน

     

     

     

     

     

    *

     

     

     

     

     

    “น่าตีทั้งคู่!” หญิงวัยกลางคนเจ้าของบ้านกำหนดโทษให้พ่อลูกชายตัวดีและเพื่อนบ้านที่ก็พากันไม่สบาย ตกใจตั้งแต่เย็นวานแล้วที่เปียกซกเป็นลูกหมาลูกไก่ตัวสั่นงกๆ ขนาดให้ยากินหลังอาหารอาบน้ำเข้านอนพร้อมกัน ตื่นมาพบว่าตัวร้อนเสียนี่ “เดี๋ยวกินยาแล้วนอนพักเลยนะ”

     

    “ค้าบ” เป็นเซฮุนที่ตอบเสียงเบาใต้ผ้านวมผืนหนา คิมจงอินถึงกับหลุดยิ้มในความน่ารักแบบเด็กๆที่เพิ่งเห็นตั้งแต่กลับมาบ้าน ..หมายถึงบ้านของเซฮุนน่ะ..

     

    แกร็ก!

     

    คล้อยหลังคุณแม่ที่กลายเป็นคุณหมอชั่วคราวคนผิวขาวก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะรู้สึกได้ถึงสายตานิ่งๆของคนด้านข้างที่กำลังมองมา พร้อมภาพกลางสายฝนเมื่อคืนก็ฉายชัดขึ้นอีกคราทันใด ใบหน้าเนียนใสจึงแดงเรื่ออย่างน่ารักน่าเอ็นดู กลบอาการเขินด้วยการเลื่อนผ้าห่มขึ้นปิดไปครึ่งหน้ากลอกตามองตอบกลับไป ทนไม่ไหวอยู่ดี โอเซฮุนเลยพลิกตะแคงหันหลังให้ซะเลย

     

    ฝ่ายที่ตัวร้อนไม่แพ้กันก็โถมกายกอดไว้หลวมๆ กระซิบข้างใบหูแผ่วเบา

     

    “รู้แล้วใช่ไหม”

     

    ถามคำถามเดิมเป็นรอบที่หลายๆสิบครั้งต่อจากเมื่อคืนไม่เลิก ทว่าริมฝีปากแดงอ่อนกลับยกยิ้มหวานตาหยีให้เห็น ครางฮือในลำคอแทนการเอ่ยสิ่งใดออกมาให้ยิ่งเขินมากเข้าไปอีก ทว่าดูเหมือนคิมจงอินจะไม่พอใจกับคำตอบแบบนั้นเท่าไหร่ เจ้าตัวถึงได้ซักไซ้ไม่หยุด

     

    “รู้ว่าอะไร”

     

    “งื้อ~” ร้องงุ้งงิ้งประท้วงเหมือนเด็กๆที่ชักจะแสดงออกมาบ่อยๆ นิสัยน่ารักแบบนี้น่าจะได้เห็นตั้งนานแล้ว รู้งี้จงอินรีบทำอะไรให้มันชัดเจนไปเลยดีกว่า เสียเวลาลังเลอยู่นาน

     

    “บอกมาก่อน ไม่งั้นไม่ให้นอนนะ” จุ๊บเบาๆแกล้งหยอกที่ใบหูจนอีกฝ่ายสะดุ้งน้อยๆ

     

    แนวฟันขาวขบริมฝีปากแดงแน่นอย่างกลั้นยิ้ม หลับตาปี๋หนีสัมผัสอุ่นๆที่ไล่ตามมา เสียงหัวเราะเสียงประท้วงแว่วหวานคลอเคลีย จนในที่สุดเซฮุนก็ต้องยอมแพ้..

     

     

    “รู้แล้วว่าคิมจงอินรักโอเซฮุน”

     

     

     

    แบบนี้มั้งที่เจ้าของผิวสีน้ำผึ้งพอใจ.....

     

    หรือเปล่า?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    THE END

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×