ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✗ b2st ✗

    ลำดับตอนที่ #1 : [SF] อยาก... ได้ --- Dongwoon x KiKwang

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ค. 54


    Title : [SF] อยาก... ได้

    Author : oumser

    Pairing/Couple : Dongwoon x Kikwang

    Rating : PG-13

    Talk : -

     

    - ฟิค b2st เรื่องแรกค่ะ! ต้องบอกก่อนว่าจริงๆคู่จิ้นหลักๆคือจุนซึง แต่เผอิญช่วงนั้นปิ๊งกวัง แล้วแบบคิดพล็อตได้พอดี มันน่าจะเหมาะกับอุ่นกวางมากกว่าจุนซึงนะเรื่องนี้...

     

    - ภาพรวมของสถานที่ คิดขึ้นเองนะคะ ไม่ได้อ้างอิงจากของจริง เอิ้กๆ

     

    - ขอบให้ทุกคนชอบ เพี้ยง!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เคยไหม...กับความรู้สึกที่เหมือนกำลังจะเป็นบ้าเข้าไปทุกที...

     

    เคยไหม...กับความรู้สึกท้อแท้ยามไม่มีใครเข้าใจ...

     

    แล้วเคยไหม...กับความรู้สึกที่อยากจะฆ่าใครสักคนให้ตายคามือ!

     

    ลีกีกวัง อยากทำอย่างนั้นกับซนดงอุนใจจะขาด!

     

     

     

     

     

     

     

    ดวงตาเรียวหรี่ลงจ้องมองไปที่ใบหน้าคมคายของคนอายุน้อยที่สุดในวงอย่างเคียดแค้น อารมณ์คุกกรุ่นชักจะมากขึ้นทุกทีจนต้องกัดกรามแน่นเพื่อระงับมัน ได้แต่โมโหอยู่ในใจ เมื่อได้เห็นสีหน้าราวกับจะร้องไห้เหมือนเด็กๆของซนดงอุน ...ไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว... ลีกีกวังคิดอย่างนั้น เพราะดูเหมือนตอนนี้เขาจะเป็นคนไม่ดีที่รังแกเด็กในสายตาของทุกคน พูดอะไรออกไปก็ไม่มีใครเชื่อ คำพูดของเขาไม่มีน้ำหนักพอ มากเท่ากับหน้าตาน่าสงสารของดงอุน!

     

    “ทำอะไรลงไปเนี่ย นายทำร้ายร่างกายน้องทำไมกีกวัง” ยุนดูจุนเจ้าของตำแหน่งหัวหน้าวงถามเหมือนจะตำหนิอยู่กลายๆ แน่นอนหลังจากคำถามนั้นสายตาอีกสามคู่ของคนสามคนก็พุ่งตรงมายังเขาทันที มีเพียงแค่ไอมักเน่ที่ยังคงตีหน้าจะร้องไห้เรียกความสงสารอยู่

     

    “ผมไม่ได้ทำอะไร มันต่างหากที่รังแกผม... เฮอะ! ทำเป็นออเซาะพี่คนอื่นๆ น่าสงสารตายแหละ ฉันคนนึงล่ะที่ไม่! ไม่มีวันเชื่อใบหน้าเสแสร้งของนายหรอก!” ครึ่งประโยคหลังหันมาพูดกับน้องเล็กก่อนจะตีหน้ายักษ์ใส่แล้วเชิดหน้าจนคอแทบหลุด ซึ่งแหม มันก็ส่งผลให้ดงอุนรีบหดตัวอย่างเกรงกลัวทันที

     

    “ยังจะว่าน้องอีก” และก็เป็นยงจุนฮยองนั่นเองที่พูดดักขึ้นมา สายตาเฉียบคมนั่นมองไปทางกีกวังอย่างเอือมระอาก่อนเจ้าตัวจะถอนหายใจให้กับความดื้อด้านของคนทำผิดแล้วไม่ยอมรับ กิริยาและคำพูดที่เหมือนโทษกันนั้นทำให้คนอย่างลีกีกวังผู้ที่มีอารมณ์ค่อนข้างร้อนฟิวขาดตะโกนเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเองทันที

     

    “พวกนายเอาแต่โทษฉัน! ไม่มีใครเชื่อที่ฉันพูดบ้างเลย! ไอเด็กนี่ต่างหากที่มันทำฉันก่อน!” ชี้ไม้ชี้มือประกอบคำพูด นี่ถ้าไม่ติดว่ากำลังโดนดุอยู่เจ้าตัวคงจะถลาเข้าไปกระชากคอเสื้อคนเจ้าน้ำตาให้รู้รอด

     

    “แล้วดงอุนทำอะไรนาย”

     

    อึก!

     

    เงียบ...คนที่ตั้งท่าจะโวยวายต่อเงียบไปทันทีเมื่อเจอคำถามจากหัวหน้าวงยุนดูจุน ก่อนสมองจะเริ่มประมวลผลถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

     

    “ก็ ..ก็มัน...” ปากกลมพะงาบๆเหมือนคนพูดไม่ออก ดวงตาเรียวเล็กก็กลอกไปมาอย่างลอกแลกเหมือนคนที่ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี ไอสายตากดดันของคนอื่นในวงน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ของไอมักเน่ดงอุนนี่สิ  อ๊าก! มันเยาะเย้ยกันชัดๆ! ถ้ามองให้ดีก็จะเห็นว่าปากเรียวนั่นกำลังยกยิ้มขึ้นอย่างลำพอง แน่นอนว่ามองแล้วกีกวังก็ยิ่งโมโห!

     

    “โอ๊ย! ไม่รู้โว้ย!” สุดท้ายก็ยอมพ่ายแพ้อีกตามเคย เขาพ่ายแพ้ให้กับเด็กนิสัยเสียอย่างดงอุนอีกแล้ว ต่อจากนี้มันก็จะจบลงในรูปแบบเดิมๆ คือเขาโดนว่า โดนตำหนิ โดนค่อนคอด จากทุกคน

     

    “นายน่ะเป็นพี่นะกีกวัง ยอมน้องบ้างจะเป็นอะไร” ดูจุนผู้เปรียบเสมือนหลวงพ่อในกุฏิสำหรับลีกีกวังเริ่มต้นเทศนาเหมือนทุกที แต่คนถูกว่ากลับแค่นยิ้มหัวเราะในลำคอเหมือนกับคำบอกกล่าวของดูจุนมันน่าขัน

     

    ...เป็นสิ เป็นแน่นอนถ้าอ่อนข้อให้มัน...

     

    “ยังจะมาหัวเราะอีก ที่ฉันพูดมันน่าตลกมากใช่ไหม ไม่ฟังกันแล้วสิ” คราวนี้กีกวังเริ่มจะเกรงขึ้นมาบ้าง เพราะยังไงเขาก็ยังเคารพดูจุนอยู่มาก ก็เลยได้แต่นั่งทำหน้าสำนึกผิด ซึ่งเมื่อเห็นอย่างนั้นดูจุนก็เริ่มตำหนิคนร่างเล็กต่อ

     

    “เอะอะใช้กำลังกับดงอุนตลอด คราวที่แล้วก็หัวแตก คราวนี้ก็เลือดกกปาก”

     

    “นายทำน้องแรงไปแล้วกีกวัง” ยังโยซอบผู้มีหน้าตาบ้องแบ๊วแต่วาจาไม่แบ๊วตามเอ่ยขึ้นเสริมกับประโยคของดูจุน แหมๆ เข้าขากันดีเหลือเกิน

     

    “อย่าให้มีอีกนะ ไม่งั้นจะจับล่ามโซ่ไว้ด้วยกันซะให้เข็ด จะได้เลิกทะเลาะกันสักที” หรือยุนดูจุนจะดูชั่วฟ้าดินสลายมากเกินไป คิดว่าลีกีกวังกับซนดงอุนเป็นอนันดาและพลอยเฌอมาลย์เรอะ ส่วนคนตัวเล็กที่ได้ยินอย่างนั้นก็เบ้ปากทำท่าขนลุกซู่ก่อนจะหันไปส่งสายตาอาฆาตให้ดงอุน ถ้าเป็นการ์ตูนคงจะได้ยินเสียง ชิ้ง! กันเลยทีเดียว พยาบาทมากอ่ะ

     

    พอเหลือบตาขึ้นมาเห็นเท่านั้นแหละ ซนดงอุนก็สะดุ้งสุดตัว เพราะกลัวพี่ชายร่างเล็กจนฉี่จะแตก ท่าทางแบบนั้นเลยทำให้กีกวังโดนว่าอีกชุดใหญ่

     

    “อย่าทำร้ายน้องอีกนะกีกวัง ไม่อย่างนั้น ฉันจะทำอย่างที่พูดจริงๆ” สิ้นเสียงทุ้มของดูจุนทุกคนก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินผ่านหน้ากีกวังไปทีละคน แต่สัมผัสที่หัวก็ทำให้คนตัวเล็กต้องเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะพบว่าเป็นฮยอนซึงที่เอามือลูบหัวเขานั่นเอง ใบหน้าสวยแย้มยิ้มส่งมาให้อย่างที่ทำทุกครั้ง แล้วก็เดินตามคนอื่นๆออกไป

     

    ...อย่างน้อยมันก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นหลังจากโดนดุล่ะน่า...

     

    “หึ” เสียงหัวเราะในลำคอจากคนที่ยังนั่งอยู่ในโซนรับแขกด้วยกันดังขึ้น นั่นทำให้ใบหน้าใสตวัดขึ้นมองทันทีด้วยความไม่ชอบใจ ใช่ ไม่มี ไม่มีแล้วล่ะใบหน้าที่เหมือนจะร้องไห้ในตอนแรก ไอที่กีกวังเห็นอยู่เนี่ยมันคือใบหน้าของคนที่คิดว่าตัวเองชนะต่างหากล่ะ คนนิสัยไม่ดี ลับหลังคนอื่นก็กลับมาเป็นปีศาจ!

     

    “อยากจะทำอะไรก็เชิญ คราวนี้ฉันจะไม่หลงกลนายเด็ดขาด” ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเป็นอย่างนั้น มือเล็กเอื้อมหยิบหนังสือข้างกายที่เปิดค้างไว้ขึ้นมาอ่าน ไม่ให้ความสนใจคนอายุน้อยกว่าอีก

     

    “ทำได้ทุกอย่างจริงๆน่ะเหรอ” แต่มีรึที่คนอย่างซนดงอุนจะยอมแพ้ เลิกคิ้วถามเหมือนถ้าอนุญาตก็พร้อมลุย คนตัวเล็กก็ได้แต่นั่งนิ่ง ท่องยุบหนอพองหนออยู่ในใจ เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องโดนดุอีกหากลุกขึ้นไปทำร้ายคน แล้วอีกอย่าง ไอการที่ต้องถูกล่ามไว้กับไอเด็กนี่ มันก็เป็นอะไรที่น่ากลัวอยู่ไม่น้อย ซึ่งกีกวังรู้ว่าดูจุนเอาจริง

     

    “ถ้าทำอย่างเมื่อกี้ก็ได้ใช่ไหม แบบที่เราทำด้วยกันน่ะ” ยิ้มถามอย่างจริงใจ ยักคิ้วส่งให้อีกต่างหาก และเผื่อไม่รู้ กีกวังจะบอกให้ว่านั่นน่ะเสแสร้ง ...คือกีกวังก็เข้าใจว่าดงอุนตั้งใจกวนประสาทและยั่วโมโห เพราะงั้นก็อย่าโกรธ อย่าเดินไปตามเกม แต่เส้นขมับข้างกบาลชักจะตึงขึ้นนิดๆแล้วล่ะ

     

    “หุบปากซะ แล้วนายจะไม่เจ็บตัว” คำรามลอดไรฟันให้อีกคนรู้ว่าถ้ายังขืนพูดอีก จะต้องมีเลือดออก ซึ่งมันก็ได้ผลดีเหลือเกินเมื่อซนดงอุน ...หัวเราะ

     

    “ทำไมล่ะ พี่จะทำให้ผมเลือดออกเหมือนเมื่อกี้อีกหรือไง” เอ่ยกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีอย่างไม่กลัวว่าจะเจ็บแผล แต่อีกคนกลับไม่ดีด้วย เพราะเส้นขมับเส้นสุดท้ายใกล้ขาดเต็มทน เมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ มือบางปิดหนังสือลงอย่างไม่มีอารมณ์จะอ่านต่อ ก่อนจะหันไปจ้องคนพูดมากที่นั่งอยู่ที่โซฟาอีกตัว

     

    “นายจะเอายังไง ว่ามา!” เอาล่ะ กีกวังเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ได้อีกแล้ว น้ำเสียงที่ใช้ดูจะดังขึ้นตามแรงอารมณ์ นั่นก็เข้าทางของซนดงอุนซะนี่กะไร เจ้าตัวเลยเริ่มยั่วประสาทคนตัวเล็กต่ออย่างนึกสนุก

     

    “เอาอย่างเมื่อกี้ก็ดีนะครับ” ระบายยิ้มกว้างอย่างไม่สะทกสะท้าน แต่อีกคนนี่สิ พอได้ยินปุ๊บก็ลุกพรวดขึ้นทันทีอย่างรับไม่ได้ ตาเรียวจ้องไปที่ดงอุนอย่างโกรธๆ

     

    “ไอเด็กบ้า! เพราะนาย ฉันถึงโดนด่า แค่นั้นมันไม่พอใช่ไหม จะต้องให้ฉันกลายเป็นคนไม่ดีในสายตาคนอื่นกันหมดเลยรึไง!” เพราะแค่นี้ก็ไม่มีใครเชื่อกีกวังแล้ว ไม่มี

     

    “พี่ทำตัวเองทั้งนั้น ผมให้โอกาสฟ้องแล้วนะ พี่อยากไม่พูดเองทำไม” โยนความผิดให้กันหน้าตาเฉย

     

    “ฮึ่ย!” คำรามอีกครั้งอย่างโมโห พลางทำท่าจะเดินเข้าไปซัดให้หายแค้น

     

    “อ๊ะๆๆ อย่านะ พี่ไม่กลัวโดนรุมประนามอีกรึไง ถ้าไม่ ก็มาเลย” ยักคิ้วหลิ่วตาอย่างท้าทาย จนอีกคนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แต่ทว่าลีกีกวังไม่อาจทนได้อีกต่อไป เส้นขมับเส้นนั้นได้ขาดลงแล้ว เมื่อดงอุนพ่นประโยคต่อมาด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม

     

    “แต่คราวนี้... ผมไม่ยอมให้พี่กัดปากของผมแล้วนะ ดูสิเลือดออกเลย”

     

    “ย่าห์!!! ซนดงอุน!” ร้องตะโกนอย่างเหลืออด พร้อมกับร่างทั้งร่างถลาเข้าหาน้องเล็ก หมายจะเอาเลือดหัวออกให้ได้ แต่นั่นแหละ เพราะตัวของดงอุนมันไม่ได้เล็กเหมือนกับตำแหน่ง แถมยังแข็งแรงถึกทนทานกว่ากีกวังเป็นไหนๆ เจ้าตัวเลยไม่คิดจะหลบ ซ้ำแขนแกร่งยังวาดเอาคนตัวเล็กลงมานั่งบนตักได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับกระชับเอวบางให้แน่นขึ้นไปอีก จนคนตัวเล็กต้องท้วงออกมาดังๆ

     

    “ปล่อยนะเว้ย!!” ดีดดิ้นทั้งแขนทั้งขา พยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีในร่างกาย แต่มือที่เอวก็ดูจะไม่เลื่อนออกไปเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังรัดแน่นขึ้นกว่าเดิม

     

    “ปล่อยให้โง่เหรอ” หัวเราะในลำคออย่างคนได้เปรียบ ก่อนคนอายุน้อยจะนึกซนกดจูบไปตามหลังลำคอขาว ส่งผลให้กีกวังนั่งตัวแข็งทื่อ ก่อนจะดิ้นพล่านหนักกว่าเก่า

     

    “อ๊าก!! ไอเด็กบ้า! ไอเด็กเลว!

     

    ...ก็มันอย่างนี้ ก็มันเป็นอย่างนี้! แล้วจะไม่ให้เขาใช้กำลังกับดงอุนได้ยังไงเล่า!...

     

    “ตัวพี่หอมจัง ผมชอบนะ” แถมจมูกโด่งยังกดสูดดมความหอมที่เจ้าตัวว่าไปทั่วลาดไหล่บางอีกแน่ะ

     

    “ฉันเตือนนายแล้วนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้!” โมโหมาก ตอนนี้กีกวังโมโหมาก แต่แขนแกร่งก็ไม่ยักคลายออก

     

    “ต่อให้โดนด่า หรือโดนทำโทษ ฉันก็จะเอาเลือดนายออกอีกแน่ ดงอุน!” คาดโทษซะน่ากลัว แต่ดงอุนกลับคิดว่าเหมือนมีแมวมาร้องเหมียวๆที่ข้างหูมากกว่า เพราะเห็นแล้วมันน่ารัก น่าฟัดชะมัดเลย

     

    “ทำไมพี่ชอบใช้กำลังอยู่เรื่อย เลือดผมจะหมดตัวอยู่แล้วนะ” เอ่ยถามพลางเอาคางเกยบนลาดไหล่บางที่ยังไหวยุกยิกอย่างไม่ยอม

     

    “ก็บอกแล้วไง ว่าฉันน่ะ แมนเต็มตัว ยังจะมาทำรุ่มร่ามอยู่ได้!

     

    ...ก็ไม่ได้ขัดนะ แต่ดงอุนอยากจะบอกเหลือเกิน ว่าช่างพูดได้ไม่ดูหน้าตัวเอง...

     

    “แต่ผมมองว่าพี่น่ารัก” คำชมตรงๆแบบนี้ก็ทำเอาคนตัวเล็กชะงักไปบ้าง ก่อนจะรีบส่ายหัวเป็นพัลวัน

     

    “ไม่โว้ยไม่! ฉันหล่อ ฉันหล่อ!

     

    “ไม่จริงต่างหาก” เอ่ยเสียงเรียบขัดคนตัวเล็กที่คิดอะไรได้ไม่เข้ากับร่างกายของตัวเอง ส่วนสูงก็แค่นี้ ผิวก็ขาวเนียนชะมัด หน้าตาก็เรียกว่าจิ้มลิ้มซะไม่มี ปากกลมแดงอมส้มน่าจับมาจูบหลายๆที ตาเรียวเล็กหยีอย่างน่ารักเวลายิ้ม บอกดงอุนหน่อยเหอะ ตรงไหน ที่เรียกว่าหล่อ

     

    ก็น่ารักขนาดนี้ แล้วจะให้เขาอดใจไหวได้อย่างไร บางทีก็นึกหมันไส้ในความเชื่อแบบผิดๆของลีกีกวังที่คิดว่าตัวเองน่ะหล่อ แมนเต็มร้อย มันก็เลยอดแกล้งไม่ได้ แล้วถ้าขืนพวกพี่ๆในวงรู้ว่าผมทำแบบนี้กับพี่กีกวังล่ะก็ คนที่ตายน่ะ ผม เพราะอย่างนั้นมันก็เลยต้องแผนซ้อนแผน แกล้งทำเป็นคนอ่อนแอให้พี่ๆสงสาร ก็แค่ยั่วโมโหร่างเล็กหน่อย คนอารมณ์ร้อนก็ประเคนแผลงามๆมาให้เป็นหลักฐานเรียกคะแนนสงสารได้ง่ายๆ

     

    “ฉันไม่อยากโดนดูจุนว่าอีก เพราะงั้นปล่อย” คำรามลอดไรฟันอย่างห้ามตัวเองไม่ให้ใช้กำลัง แต่แทนที่จะปล่อย ดงอุนกลับแนบริมฝีปากลงที่ลำคอขาวอีกครั้ง แต่คราวนี้น่ะ ขบเม้มจนเกิดเป็นรอยแดงน่าดูชม คนตัวเล็กที่ถูกกระทำก็สะดุ้งสุดตัว

     

    “อ๊าก!!!” ระบบป้องกันตัวเองทำงานทันทีที่ถูกลวนลาม กีกวังโยกหัวมาข้างหน้าจนสุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะกระแทกกลับไปด้านหลังอย่างเต็มแรงเข้ากับจมูกโด่งๆของซนดงอุน และตอนนั้นเองที่แขนแกร่งจำต้องละออกจากเอวบาง ปล่อยให้ร่างเล็กเป็นอิสระ แล้วเปลี่ยนไปกุมอวัยวะที่ช่วยในการหายใจของตัวเองแทน

     

    พอหลุดออกมาจากอ้อมกอดของคนอายุน้อยกว่าได้ลีกีกวังก็หันกลับไปหมายจะสมน้ำหน้าให้สะใจ ที่บังอาจมาแตะอั๋งเขาแบบนี้

     

    ภาพเลือดสีแดงข้นปรากฏสู่สายตา เลือดสีแดงข้นที่ไหลเปรอะเปื้อนไปทั่วบริเวณใต้จมูกของใบหน้าคมคาย ส่วนน้อยของมันหยดแหมะลงไปกองกับพื้นอย่างห้ามไม่อยู่ และเช่นเดียวกับ...ภาพสายตาดุๆจำนวนสามคู่ ตั้งแต่ ยุนดูจุน ยงจุนฮยอง และยังโยซอบ ต่างก็พากันทิ่มแทงมายังเขา คราวนี้รอยยิ้มหวานๆที่เหมือนจะให้กำลังใจของจางฮยอนซึงก็ช่วยอะไรไม่ได้...

     

    ...ซวยอีกแล้วไง งานนี้ก็มีแต่ลีกีกวังที่ซวย!...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    แกร็กๆ

     

    เสียงโลหะของกุญแจมือกระทบกันช่างน่ารำคาญในความคิดของลีกีกวัง แต่นั่นยังไม่เท่ากับมือหนาที่สาละวนอยู่แถวๆเอวของเขาหรอก

     

    “นี่” กระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน มือบางข้างที่ว่างเลื่อนไปปัดมือหนาออกจากเอวอย่างรังเกียจ ส่วนอีกข้างน่ะเหรอ ก็โดนล็อคติดกับอีกคนนี่แหละ แอบสงสัยเหมือนกันนะ ว่าดูจุนเอาของแบบนี้มาจากไหน นี่ไม่ใช่ว่าก็แอบใช้หรอกนะ

     

    ...ให้ตายเถอะ! ทำไมต้องมานอนกับไอเด็กนี่ด้วยวะ...

     

    และเผื่อนึกภาพไม่ออก ลีกีกวังจะช่วยแจ้งแถลงไขให้ ข้อมือซ้ายของดงอุนถูกล็อคและแน่นอนเข้ากับข้อมือขวาของกีกวัง ตอนแรกก็นอนหันหน้าเข้าหากันนั่นแหละ แต่ใยไอเด็กนี่ไม่รู้จักกาลเทศะ จับเขาพลิกเข้าไปกอดไว้จากด้านหลัง แล้วให้แขนข้างที่ข้อมือถูกล็อคสอดเข้ามาตรงช่วงเอวของเขา แล้วอีกมือก็หาเศษหาเลยเก่งซะไม่มี เลยกลายเป็นว่าเขาโดนดงอุนกอดเอวไว้ทั้งสองแขนเลย ถ้าเป็นกีกวังในเวลาปกติต้องโวยวายออกไปแล้วแน่ แต่มันติดอยู่นิดเดียว

     

    “อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวคนอื่นก็ตื่นกันหมดหรอก” ใช่ นิดเดียวที่ว่าก็คือ เราทั้งหมด นอนรวมกันยังไงล่ะ เขาไม่อยากซวยซ้ำซ้อนหรอกนะ และตอนนี้เตียงดงอุนมันก็เลยว่าง ส่วนเตียงของเขาน่ะ แคบขึ้นมาทันที

     

    “นายก็นอนซะ เลิกวุ่นวายกับตัวฉันได้แล้ว” เอ่ยเบาๆพลางปัดมือหนาทิ้งอีกรอบ แต่มันก็ยังถูกเอามาวางไว้ที่เอวบางเหมือนเดิม ก่อนจะออกแรงดึงให้คนตัวเล็กเข้าไปใกล้จนแนบแน่น ซึ่งกีกวังก็ทำท่าจะโวยวายอีกรอบ

     

    “ชู่ว!” แต่ดงอุนก็รู้ทัน

     

    “อยากโดนมากกว่านี้ใช่ไหม ผูกตัวติดกันเลยเป็นไง เดี๋ยวผมบอกพี่ดูจุนให้” เอ่ยเตือนอย่างรู้ๆ ว่ากีกวังกลัวการลงโทษแบบนี้ที่สุด แบบที่ต้องอยู่ใกล้เขายังไงล่ะ เท่านั้น คนตัวเล็กก็ได้แต่นอนขบกรามตัวเอง คอยแต่ภาวนาให้คืนนี้ผ่านพ้นไปเร็วๆ

     

    แต่มันไม่ยักจะเป็นอย่างนั้น เมื่อลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดอยู่ตรงท้ายทอยมันทำให้รู้สึกประหลาดๆ แบบวูบหวิวแปลกๆ จนคนร่างเล็กเผลอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว

     

    ดงอุน นายขยับไปหน่อยได้ไหม มันชิดเกินไปแล้วนะ ขยับตัวยุกยิกพยายามกระเถิบออกมาให้ห่างคนตัวสูงมากที่สุด แต่ทำแบบนั้นน่ะ มันไร้ประโยชน์ เพราะยังไงซะตัวเองก็ถูกดึงกลับไปนอนที่เดิมอยู่ดี ...ความหื่นก็ว่ามาเต็มแล้วนะ แต่ความดื้อรั้นนี่ก็ใช่ย่อย ดูสิ ขนาดเขาเป็นพี่ ยังไม่เคยจะยอมอ่อนข้อให้กันมั่งเลย มีแต่จะเอาเปรียบ ก็ถึงบอกไงว่าถ้าเขาต้องยอมดงอุน วันนั้นก็คงไม่เหลืออะไร

     

    เมื่อทำอะไรไม่ได้กีกวังก็ยอมนอนนิ่งๆแต่โดยดี ก่อนที่คนอื่นจะตื่นขึ้นมากันจริงๆ แล้วเขาจะซวยไปมากกว่านี้ ...ก็ไม่ได้อยากนอนใกล้นัก แต่คิดไปคิดมา มันก็อุ่นดีเหมือนกันแฮะ...

     

    เมื่อรู้สึกว่าลมหายใจของอีกคนผ่อนเป็นจังหวะ ซนดงอุนก็ยกยิ้มขึ้น พลางเลื่อนใบหน้าเข้าไปกดจูบที่กลุ่มผมนุ่มเบาๆหนึ่งที เท่านี้ก็ไม่รู้ว่าคนตัวเล็กจะฝันดีหรือฝันร้ายกันแน่

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “เป็นอะไรไปกีกวัง ไม่สบายหรือไง นายดูหน้าแดงๆนะ” ยงจุนฮยองถามขึ้นขณะเปิดฝาขวดน้ำยื่นให้กับฮยอนซึงที่นั่งอยู่ด้านหลังข้างๆกีกวัง เพราะเหลือบไปเห็นคนตัวเล็กเอาแต่ก้มหน้าก้มตาตั้งแต่เดินขึ้นรถมา ไม่พูดไม่จาสักคำ ซึ่งมันก็แปลกมากที่คนสดใสอย่างลีกีกวังจะเงียบ

     

    เหมือนโดนเข็มจิ้มก็ไม่ปานเมื่อได้ยินคำทักจากจุนฮยอง ร่างเล็กๆก็สะดุ้งโหยงอย่างกับคนทำผิด รีบส่ายหน้าเป็นพัลวันทั้งที่ยังก้มหงุดอยู่อย่างนั้น จนคนที่นั่งอยู่ข้างกันอย่างซนดงอุนลอบยิ้มอย่างพึงพอใจ นึกขอบคุณดูจุนที่ไม่ยอมถอดกุญแจมือออกให้คนตัวเล็ก ที่แทบจะลงไปกราบอ้อนวอนขอให้ปลดมันออก ...ก่อนจะอาบน้ำ... แต่มีหรือที่คนอย่างดงอุนจะยอม รีบหาข้ออ้างลากคนตัวเล็กเข้าห้องน้ำสิ แล้วคว้าเอากุญแจมาไขเอง เท่านี้ก็ได้อาบน้ำอย่างสบายใจ ...ฉลาดจริงๆ

     

    “นายมีพิรุธมากอ่ะ กีกวัง” ไม่กี่คนหรอกที่ชอบจับผิดเขา และหนึ่งในนั้นน่ะคือยังโยซอบ โผล่หัวขึ้นมาจากเบาะด้านหน้า เอียงคอมองอาการแปลกๆของกีกวังพลางทำหน้าครุ่นคิด ซึ่งมันก็ทำให้คนที่กำลังเป็นเป้าสายตารีบเงยหน้าขึ้นมาสบเหมือนพยายามกลบเกลื่อนอากับกิริยาทั้งหลาย

     

    “อ...อะไร ฉันก็ปกติดีนี่” คำพูดแบบนั้นทำเอาดงอุนถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ กีกวังยิ้มแหยๆให้กับโยซอบก่อนจะทำทีเป็นมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อชมวิว และเหมือนจะคิดผิดเพราะดงอุนนั่งข้างหน้าต่าง ...เผลอสบตา... หน้าขาวเลยรีบหันกลับมาแทบไม่ทัน ดงอุนที่เห็นก็ยิ่งอมยิ้มอย่างได้ใจ

     

    “ไม่ปกติ นายมีซัมติงอ่ะ” คนที่คิดว่าตัวเองมีสายตาอันแหลมคมกัดปากอย่างใช้ความคิด

     

    “ยังโยซอบ นั่งลงดีๆ” ไม่ได้มาแค่คำพูดแต่มือหนาของดูจุนยกขึ้นมาดึงเอาเอวเล็กให้กลับลงมานั่งที่เดิมด้านข้าง พอโดนเข้าบ้างคนตัวเล็กอีกคนก็หุบปากฉับ เงียบกริบยิ่งกว่ากีกวัง หน้าจิ้มลิ้มแดงพรึ่บขึ้นมาถึงใบหูกันเลยทีเดียว เพียงแต่ยุนดูจุนไม่ได้สนใจ สายตามองไปที่กระจกด้านหน้าของรถตู้ประจำวง

     

    “แฟนคลับมารอกันเต็มไปหมด เอาล่ะตัวใครตัวมันนะทุกคน เดินกันดีๆล่ะ” บอกด้วยความหวังดี เพราะไม่ใครคนหนึ่งอาจจะได้แผลกลับไป หรือไม่ก็รอยช้ำเขียวๆม่วงๆ ...อันที่จริงบิวตี้ทุกคนน่ารักนะ ไม่ทำร้ายศิลปินหรอก ดูจุนก็เว่อไปนั่น...

     

    กีกวังชะเง้อคอมองข้างหน้าตามที่ดูจุนบอก แล้วก็เห็นกลุ่มแฟนคลับจำนวนไม่น้อยกำลังยืนรอพวกเขาอยู่หน้าตึกทางเข้าบริษัท คนตัวเล็กถึงกับยู่ปากทันทีเมื่อนึกไปถึงคราวที่แล้ว ที่แทบจะกลายเป็นปลากระป๋องเพราะโดนเบียด

     

    ประตูถูกเปิดออกด้วยระบบอัตโนมัติ ก่อนเสียงกรี๊ดดังสนั่นของเหล่าแฟนคลับจะพุ่งทะลุเข้าโสตประสาท แต่กระนั้นด้วยอิมเมจแสนสดใสร่าเริง พอก้าวลงมาจากรถปากกลมแดงก็ฉีกยิ้มจนตาหยี เรียกเสียงกรี๊ดได้อีกหลายเดซิเบล ความน่ารักของลีกีกวังกำลังทำให้แฟนคลับคลั่ง และนั่นอาจรวมไปถึงคนที่เดินมาประกบข้างอย่างซนดงอุน เจ้าตัววาดแขนไปโอบเอาคนตัวเล็กที่โดนเบียดจนเซไปมาพลางแจกยิ้มหล่อฉบับมักเน่ให้แฟนคลับได้ขาดใจตายกันเล่นๆ แล้วเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปอย่างง่ายดาย

     

    แรงกระชับที่เอวสร้างความเขินอายให้กับกีกวังได้มากทีเดียว เจ้าตัวขมวดคิ้วก้มหน้าหงุดอย่างตอนที่นั่งอยู่บนรถ อาการต่างๆก็แสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน กำลังคิด กีกวังกำลังไม่เข้าใจ และเพราะไม่เข้าใจก็เลยต้องเงยหน้ามองคนตัวสูงที่ทำให้เป็นอย่างนั้น แล้วบังเอิญว่าใบหน้าคมคายก็ก้มลงมามองเช่นกัน เกิดการสบตาชั่วขณะก่อนที่ดงอุนจะระบายยิ้มอ่อนโยนส่งให้ ทำเอาคนตัวเล็กเบิกตากว้างสะบัดหน้าหันกลับอย่างตกใจ ฟันขาวกัดริมฝีปากแน่นเมื่อสัมผัสได้ว่าหัวใจกำลังซูบฉีดและเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็น กีกวังสูดลมเข้าปอดลึกๆกระพริบตาถี่อย่างระงับอาการเหล่านั้น

     

    ...ก็แค่ยิ้ม ต่อหน้าคนอื่นเท่านั้นแหละ...

     

    เมื่อเข้ามาภายในตัวอาคารแล้วเรียบร้อย กีกวังก็สะบัดตัวเองให้ออกจากแขนของดงอุนทันที ปกติจะต้องแวดใส่ฉอดๆๆ แต่นี่ไม่มีแม้กระทั่งจะมองหน้า แถมยังรีบเดินไปเกาะชายเสื้อของจางฮยอนซึงไว้แน่น สร้างความประหลาดใจให้กับสมาชิกคนอื่นๆได้มองตาปริบๆ ส่วนคนที่เหมือนเป็นที่พึ่งของกีกวังก็ได้แต่ยกยิ้มพลางเอื้อมมือมายีกลุ่มผมนุ่มเบาๆ

     

    “อะแฮ่ม!” แสร้งทำเป็นไอได้อย่างแนบเนียน จนคนหน้าสวยต้องหันมามอง

     

    “นายไอ ไม่สบายเหรอจุนฮยอง” นี่ก็ไม่เคยจะรู้อะไรเลย ไม่ได้สังเกตเลยว่าตาของแร็พเปอร์มันขวางโลกขนาดไหน นี่ถ้าจับกีกวังโยนออกไปด้านนอกได้คงทำไปแล้ว โหดร้ายซะไม่มี

     

    “เปล่า” บอกแค่นั้นก่อนจะเดินนำคนอื่นๆขึ้นไปด้านบน ทิ้งให้คนหน้าสวยยืนกระพริบตาปริบๆมองตามอย่างไม่เข้าใจในความอินดี้ของยงจุนฮยอง อาการแปลกๆกันทุกคนเลยแฮะ ดูโยซอบสิ เดินก้มหน้าก้มตาตามการชักนำของยุนดูจุนไปโน่นอย่างเรียบร้อยเชียว แหม ถ้าไม่รู้จักก็จะเชื่ออยู่

     

    “ขึ้นข้างบนกันเถอะกีกวัง” เอ่ยชวนอย่างนุ่มนวลพลางเอื้อมมือไปแตะที่ข้อศอกเบาๆ คนที่ตัวเล็กกว่าพยักหน้าหงึกๆก่อนจะก้าวขาเดินตาม ฮยอนซึงหันกลับมามองดงอุนที่ยังยืนอยู่ด้านหลัง ก่อนจะขยับปากบอกโดยไม่มีเสียงว่า มาสิคนตัวสูงถึงได้ขยับขายาวๆก้าวไปทันที

     

    ...สวยแล้วยังใจดี ว่างั้นไหม...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติ่งต่อง~

     

    เสียงออดดังขึ้นภายในหอพัก ขณะที่เหล่าสมาชิกกำลังง่วนอยู่กับกิจกรรมส่วนตัว คือเรียกได้ว่าตอนนี้ทุกคนต่างก็กำลังยุ่งตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อตเลยล่ะ เพราะลีดเดอร์อย่างยุนดูจุนเพียงแค่เงยหน้าขึ้นจากงานอดิเรกย่อมๆ แล้วลากสายตาไปมองแร็พเปอร์

     

    “จุนฮยอง ไปเปิดที ใครมาวะ” เรียกว่าไหว้วานจะดีกว่า อย่าเรียกว่าใช้เลย แต่มีหรือที่คนกำลังยุ่งได้ที่อย่างจุนฮยองจะยอมลุก สละเวลาอันมีค่าไปเปิดให้ ไม่มีซะล่ะ

     

    “ไม่เห็นหรือไง ว่าฉันไม่ว่าง” บอกทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากของในมือ เลยได้สายตาเอือมๆจากดูจุน

     

    “ทวิตเตอร์เนี่ยนะ นายยุ่งมากเลยสิ” คำประชดนั้นเรียกให้จุนฮยองเงยหน้าขึ้นมองบ้าง

     

    “แล้วนายล่ะ ต่างกันเหรอไง คุยแต่เรื่องฟุตบอล เป็นลีดเดอร์ก็ไปเปิดดิ” นั่นไง ยอมกันซะเมื่อไหร่

     

    “เดี๋ยวฉันไปเปิดเอง เลิกเถียงกันได้แล้ว” คนหน้าสวยจางฮยอนซึงที่นั่งหลับตาฟังเพลงอยู่ใกล้ๆ ทนสภาพความเป็นเด็กของทั้งคู่ไม่ไหว เลยอาสาจะไปดูให้ว่าใครมา แต่พอลุกยืนขึ้นเต็มความสูงเท่านั้นแหละ ยังไม่ทันได้ก้าวเดิน เสียงทุ้มของยงจุนฮยองก็ลอยมา

     

    “นายนั่งลง ไม่ต้องไป ...ยังโยซอบ! นายน่ะ ลุกไปเปิดเลย” หันไปหาอีกคนที่กำลังเมามันกับโทรศัพท์ตัวดี เพราะเจ้าเครื่องมือสื่อสารชนิดนี้นี่แหละ ทำทุกคนขี้เกียจกันหมด คนตัวล็กที่ได้ยินอย่างนั้นก็ยู่ปากอย่างไม่พอใจ แต่ก็ยอมลุกเดินกระแทกเท้าไปต้อนรับผู้มาเยือน

     

    “ย่าห์! ทีฮยอนซึงไม่ให้ไป แล้วหันมาใช้โยซอบแทนงั้นเหรอจุนฮยอง” ไม่ใช่ใครที่โวยวาย แต่เป็นดูจุนที่ตอนแรกยุ่งจนไม่อยากกระดิกตัว เออนะ ตอนนี้ก็โยนโทรศัพท์ไปนอนแอ้งแม้งบนโซฟาแล้วล่ะ ว่างขึ้นมาทันที ส่วนคนโดนว่ากลับทำเพียงยักไหล่อย่างไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเมื่อโยซอบเดินเข้ามาพร้อมกับ...

     

    “คุณคีย์มาน่ะ” บอกยิ้มๆพลางเบี่ยงตัวหลบให้คนอื่นได้เห็นผู้มาเยือนที่ว่า คิมคีบอมหรือคีย์ฉีกยิ้มสดใสพลางโบกมือทักทายทั้ง ยุนดูจุน ยงจุนฮยอง และจางฮยอนซึง ตอนนี้แหละที่เหมือนทุกคนจะมีกิจกรรมเดียวกัน คือจ้องหน้าคีย์ จ้องมองรอยยิ้มหวานๆ ถึงจะเป็นผู้ชาย แต่แหม ใจมันก็สั่นได้ง่ายๆ ก็สวยซะขนาดนี้

     

    “ดงอุนอยู่ข้างในห้องนอนน่ะ เดี๋ยวไปเรียกให้ คุณคีย์มานั่งก่อนสิ” และก็เป็นฮยอนซึงที่ได้สติก่อนใคร เพราะรู้อยู่แล้วว่าคีย์สมาชิกแห่งชายนี่มาถึงหอพักเพื่ออะไร

     

    “ขอบคุณครับ”

     

     

     

     

     

    อีกด้านหนึ่งในห้องนอน สองสมาชิกก็กำลังยุ่งไม่ต่างจากด้านนอกเลยแม้แต่น้อย เราไปดูกันว่ากิจกรรมด้านในคืออะไร

     

    “ดงอุน ฉันกำลังใช้สมาธิ” อาจเป็นประโยคบอกเล่าหรือไม่ก็ประโยคเตือน เพราะกีกวังชักจะเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาหน่อยๆแล้ว ...หงุดหงิดตัวเอง ที่มันดันเผลอคล้อยตามคนอายุน้อยกว่า จนไม่สนใจหนังสือในมือเลยแม้แต่น้อย และถ้าสงสัยว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ด้วยกันอีก ง่ายๆคือดูจุนล็อคไว้ไงล่ะ กุญแจมือก็คือหลักฐาน

     

    “ผมก็กำลังใช้สมาธิ”

     

    “บนซอกคอ...ของฉัน...เนี่ยนะ” เอาล่ะ ตอนนี้กีกวังเริ่มพูดไม่เป็นประโยค ตาเรียวเล็กก็ปรือลงตามแรงอารมณ์ ยิ่งกว่านั้นมือขาวที่ถือหนังสืออยู่กลับสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ แนวฟันขาวก็กัดริมฝีปากไว้แน่น แหม น่าเสียดายแทนดงอุนที่อยู่ด้านหลัง เลยไม่ได้เห็นใบหน้าในเวลานี้ของกีกวัง

     

    ...แล้วใคร? ที่บอกว่าตัวเองหล่อและแมนเต็มตัว? ความมั่นใจเหล่านั้นหายไปไหนหมดกัน?...

     

    “พี่กีกวัง...” สงสัยดงอุนต้องบ้าไปแล้วถึงได้เพ้อออกมาด้วยเสียงสั่นๆอย่างนี้ ...ใช่ บ้าไปแล้วแน่ๆ ที่กีกวังเองก็ครางรับออกมาอย่างไม่รู้ตัว เรียกอารมณ์ของคนอายุน้อยกว่าให้ยิ่งพลุกพล่านขึ้นไปอีก เพราะมือหนาข้างขวาที่ไร้กุญแจเริ่มจะซุกซน สอดส่ายเข้าไปใต้เนื้อผ้าบางของกีกวัง คนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อสัมผัสถึงความร้อนที่มือดงอุน เพราะมันหรือเปล่ากีกวังเลยรู้สึกร้อนๆตามไปด้วย

     

    “อ๊ะ!” เหมือนดงอุนไปสะกิดโดนอะไรเข้า คนตัวเล็กเลยร้องออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว หนังสือที่เคยอยู่ในมือบัดนี้ร่วงลงไปกองอยู่บนเตียงเรียบร้อย สติ สมาธิ ที่อยากได้ในตอนแรก ตอนนี้ไม่เหลือแล้ว ไม่มีอยู่ในตัวกีกวังแล้ว

     

    เสียงกุญแจมือกระทบกันเมื่อซนดงอุนจับตัวกีกวังพลิกให้นอนหงายราบไปกับเตียง ก่อนเจ้าตัวจะทาบทับตามลงมา เดิมทีทั้งคู่นั่งหันหลังพิงหัวเตียง ตอนนี้มันก็เลยนอนกลับหัวกลับหางไปหมด ดงอุนสอดประสานมือซ้ายที่ถูกล็อคเข้ากับมือขวาของกีกวัง กระชับแน่นแล้วมองหน้าหวานที่เมื่อกี้ไม่ทันได้เห็น สบเข้ากับดวงตาเรียวเล็กที่กำลังมองมาอย่างเลิกลั่ก หน้าขาวจึงต้องเบนหนีไปราวกับอายที่จะจ้องตอบ คนเป็นน้องเลยต้องจับแก้มเนียนดันหน้าหวานให้หันกลับมามองตนเช่นเดิม เพียงแต่มือยังไม่ละออก ไล้วนบนแก้มใส สร้างความหวั่นไหวให้กีกวังอย่างมหาศาล

     

    เหมือนถูกตรึงด้วยดวงตาคม จนกระทั่งมันอยู่ใกล้มากไม่อาจจะมองได้อีกต่อไป เมื่อดงอุนแนบริมฝีปากหยักเข้ากับปากกลมของกีกวัง ดวงตาเรียวเล็กจึงปิดลงรับสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้ ทั้งร้อนและนุ่มนวลในเวลาเดียวกัน ไม่ยักรู้ว่ามักเน่ของวงจอมขี้แกล้งจะมีความอ่อนโยนถึงเพียงนี้ กีกวังไม่เคยรู้ คนตัวเล็กตอบรับทุกสัมผัสที่ย่างกรายเข้ามาในโพรงปาก จนคนอายุน้อยต้องครางออกมาอย่างพึงพอใจ ทั้งสองกำลังหลงใหลและหาทางออกไม่เจอ ...เพียงแต่สววรค์ไม่ปล่อยให้อะไรเกินเลยไปกว่านี้

     

    “ขอโทษที่ต้องขัดจังหวะ แต่คุณคีย์มาแน่ะ ดงอุน” เงยหน้าบอกคนที่อยู่บนเตียงชั้นสองก่อนจะเดินกลับออกไป ซึ่งแน่นอนฮยอนซึงรู้ว่าทั้งคู่กำลังวุ่นวายกันน่าดู อย่าคิดว่าไม่มีใครรู้เชียวกับความดื้อของดงอุนที่คอยเอาเปรียบกีกวัง เขานี่ล่ะที่รู้และเห็นมาตลอด แค่ไม่พูดออกไปเท่านั้นเอง

     

    “ไม่อยากออกไปเลยแฮะ” เอ่ยทั้งที่ยังคลอเคลียอยู่แถวๆปากกลมแดง กดจูบซ้ำอีกนิดให้อีกคนสะท้านเล่น ดวงตาคมจับจ้องใบหน้าใสที่แดงซ่านอย่างน่ารัก ลีกีกวังกำลังอาย และอายมาก

     

    “พี่...” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นแผ่วเบา ดวงตาคมที่มองมาราวกับเสียดาย ทำเอาคนข้างใต้ตอบออกมาอย่างตะกุกตะกัก

     

    “อ...อะไร” และเชื่อว่าลีกีกวังคงไม่เคยหนักใจมากเท่านี้หลังได้ยินคำถามของซนดงอุน

     

    “อยากให้ผมจูบต่อหรือเปล่า”

     

    ไม่มีเสียง ไม่มีเสียงของกีกวังตอบออกมา คนตัวเล็กทำเพียงแค่เงียบและมองหน้าดงอุนก่อนจะกลอกตาเสมองไปทางอื่น ...อยากไหมงั้นเหรอ มันก็คงอยากมั้ง... ทว่าหน้าขาวที่แดงระเรื่อต้องหันขวับกลับมาอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจากดงอุน

     

    “ผมล้อเล่นน่ะ เดี๋ยวออกไปหาคีย์กันนะ ช่วงนี้งานยุ่งไม่ได้เจอนาน คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว” ผละตัวลุกขึ้นจากร่างข้างใต้ด้วยสีหน้ายิ้มๆพลางดึงแขนกีกวังให้ลุกขึ้นตามอย่างกระตือรือร้น ดูเหมือนดงอุนอยากจะออกไปข้างนอกเหลือเกิน ส่วนอีกคนที่ถูกล่ามติดกันน่ะ ใจกระตุกไปตั้งแต่คำว่าล้อเล่นหลุดออกมาจากปากหยักนั่นแล้ว

     

    ...นั่นสิ เขาลืมไป ว่าดงอุนแค่อยากแกล้งกันเล่นๆ อยากทำให้เขาโมโห ก็แค่ทำอย่างนั้น แล้วสุดท้ายก็ไปหาคนอื่นที่สำคัญกว่า...

     

    “เดี๋ยวไปขอกุญแจพี่ดูจุนกัน คีย์หัวเราะแย่ ถ้าเห็นผมในสภาพแบบนี้” รอยยิ้มสดใสแบบนั้น กีกวังเคยได้มันหรือเปล่านะ ...ไม่เลย ไม่เคยเห็น

     

    ...แล้วทำไมถึงจะปลดมันออกง่ายๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เป็นคนห้ามเขาเองแท้ๆ....

     

    ...เห็นลีกีกวังคนนี้มีค่าแค่ไหนกัน แค่แกล้งไปวันๆ หรือแค่เอาเปรียบกันเพื่อความสนุก บอกตามตรง วันนี้เขาไม่สนุกด้วยแล้วล่ะ...

     

    “เฮ้! ลงมาสิ นายสองคนน่ะ ฉันจะไขกุญแจให้ คุณคีย์รอนานแล้ว” เป็นดูจุนที่เข้ามาขัดความคิดของกีกวัง ก่อนที่มันจะเตลิดไปไกล คนตัวเล็กปีนลงมาจากเตียงชั้นบนตามด้วยมักเน่อย่างดงอุน คนอายุน้อยยื่นแขนไปข้างหน้าทันทีที่ขาแตะพื้น ไม่ได้สังเกตเลยว่าอีกคนมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างไร มองดงอุนด้วยสายตาแบบไหน คนอายุน้อยไม่ได้เห็นมัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “พี่กีกวัง~

     

    “พี่ครับ”

     

    “พี่~~

     

    “อะไร!” คนที่นั่งอ่านหนังสือและต้องการสมาธิอย่างมากหันมาตะคอกใส่มักเน่ของวงอย่างซนดงอุน ที่ไม่รู้จักเกรงใจเรียกแต่ชื่อเขาอยู่นั่นแหละ

     

    “ทำไมต้องเสียงดังด้วยล่ะ ผมเรียกดีๆ” ถามหาเหตุผลซะงั้น ซึ่งแน่นอนกีกวังก็ตอบให้เลยว่า...

     

    “รำคาญ” ก่อนจะก้มลงสนใจหนังสือวรรณกรรมเรื่องดังในมือต่อ

     

    ส่วนพ่อน้องเล็กที่เด็กแค่อายุพอถูกละความสนใจเข้าหน่อยก็ถึงกับไม่พอใจ หน้าบึ้งคิ้วขมวดเสียยิ่งกว่าเมนส์ไม่มา(?) ในหัวก็คิดทบทวนถึงวันที่ผ่านมาว่าตนเองไปทำอะไรให้อีกคนไม่พอใจหรือเปล่า เขาถึงได้ถูกเมินขนาดนี้ แถมคนน่ารักยังดุอย่างกับเสือ ซนดงอุนกลัวจะแย่แล้วเนี่ย คือกลัวในความหมายแบบ เกรงใจไม่กล้ายุ่มย่าม หากทำอะไรผิดไปอีกจะเจอโกรธเอาเข้าจริงๆ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ก็ไม่ต่างจากอาการโกรธเท่าไหร่นะ

     

    “พี่...” เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็เอาแต่เรียกและเรียก เพราะหากเป็นเวลาที่อยู่กันสองคน ดงอุนไม่ยอมเปลืองน้ำลายขนาดนี้หรอก พ่อจะจับมาเค้นความจริงเสียให้พอใจ นี่คนน่ารักเล่นตามติดจางฮยอนซึงพี่รองของวงแจ ยิ่งกว่าลูกไก่เดินตามแม่ไข่ ความเกรงใจแบบคนอายุน้อยก็เลยต้องมี

     

    “เป็นอะไรไปดงอุน ทำหน้าเหมือนหมาหงอย” ยงจุนฮยองที่เดินเข้ามาสมทบในโซนนั่งเล่นที่เป็นทั้งโซนรับแขกวางมือลงบนหัวของน้องเล็กก่อนจะออกแรงขยี้สองสามที แล้วเดินไปนั่งลงข้างๆฮยอนซึง ซึ่งแทรกกลางระหว่างกีกวังพอดิบพอดี มืออีกข้างที่ถือน้ำผลไม้กระป๋องยื่นให้คนหน้าหวาน

     

    “ขอบคุณนะ” ยิ้มพิมพ์ใจพลางเอื้อมมือออกมารับ ทำเอาคนหวังดีต้องเบือนหน้าหนีไปอีกทางอย่างแก้เขินพลางครางฮือในลำคอเป็นการรับรู้

     

    “ผมเนี่ยนะทำหน้าอย่างนั้น” คนที่โดนหาว่าเป็นหมาหงอยไม่อยากจะเชื่อ แต่นั่นก็ไม่ได้รับคำตอบจากคนอายุมากกว่าอยู่ดี เพราะดูท่าแล้วจุนฮยองคงอยากจะสนใจคนอื่นมากกว่า ดงอุนเลยได้แต่ยักไหล่น้อยๆ ก่อนจะเหลือบตากลับมาที่กีกวัง

     

    !!!

     

    อดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้าง เพราะถ้าเมื่อกี้ไม่เห็นดวงตาเรียวเล็กกำลังมองมาที่ตนซนดงอุนก็คงตาบอด เพียงแต่คนน่ารักรีบเสกลับไปทำทีเป็นนั่งอ่านหนังสือตามเดิมซะก่อน เลยไม่ได้เห็นอมยิ้มได้ใจของคนตัวสูง

     

    ...อย่างน้อยก็ไม่ได้เมินเขาเต็มรูปแบบแหละว้า นี่มันงอนกันชัดๆ...

     

    เมื่อพอจะเห็นเค้ารางๆ ดงอุนก็เลยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หัวสมองคิดหาวิธีให้คนน่ารักกลับมาว่านอนสอนง่าย(?)เหมือนเดิม ง่ายในแบบที่ดงอุนแสนจะชอบ ซึ่งงานนี้คงต้องพึ่งอำนาจบารมีของพี่ใหญ่อย่างดูจุนซะแล้ว ใช้อารมณ์ร้อนๆของลีกีกวังให้เป็นประโยชน์ แล้วดงอุนก็จะสมใจเหมือนทุกที

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “เป็นอย่างนั้นเหรอกีกวัง ที่ว่านายสองคนทะเลาะกัน” เสียงเรียบๆของดูจุนทำเอาเหล่าน้องๆต้องนั่งเกร็งไปตามๆกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เกรงใจพี่ใหญ่ยิ่งกว่าใครอย่างกีกวังนั่งคอหดเชียวล่ะ คนน่ารักกำลังรีบหาคำตอบดีๆเพื่อให้ดูจุนสบายใจ เพราะยังไงคนที่เป็นหัวหน้าวงก็คงไม่อยากจะเห็นคนในวงบาดหมางกัน

     

    “เอ่อ คือ...”

     

    “ครับ พี่กีกวังไม่คุยกับผม มันอึดอัดมากนะครับพี่ ส่งผลต่ออารมณ์ในการทำงาน มันทำให้ผมไม่อยากจะลงมือทำอะไรเลยล่ะครับ” ข้ออ้างยืดยาวที่ดงอุนสอดแทรกขึ้นมาทำเอาใบหน้าใสงงงวย และเหมือนคนตัวเล็กจะแอบค่อนขอดในใจกับความร้ายกาจนั้นด้วย

     

    “ว่าไงล่ะกีกวัง ทำไมถึงไม่ยอมคุยกันดีๆ เราเป็นพี่ เราต้องทำดีกับน้องนะ”

     

    ...ถ้าทำดีที่ว่าหมายถึงเอาตัวให้มันชื่นชมล่ะก็นะ ฝันไปเถอะ!...

     

    แย้งหลักการของยุนดูจุนในใจทันที หากเป็นก่อนหน้านี้ก็อาจได้ ก็อาจจะคุยกันดีๆ ก็อาจจะอยู่ด้วยกันดีๆ เพียงแต่หลังจากที่กีกวังเห็นแบบนั้น เห็นคีย์กับดงอุน เขาไม่รู้ เขาก็ไม่เข้าใจ มันรู้สึกไม่ชอบ ทว่าเราไม่ได้มีอะไรที่พิเศษต่อกัน จะให้เขาแสดงความรู้สึกออกไปในรูปแบบไหน จะให้เขาต้องทนทำเหมือนอย่างเดิม ทำไม่ได้... เขาไม่แน่ใจ เขาก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่าดงอุนจะคิดยังไง เพราะในเมื่อวันนี้ ลีกีกวังชักคิดเกินเลย...

     

    “กีกวัง” ดูจุนกดเสียงต่ำเมื่อไม่เห็นว่าคนตัวเล็กจะพูดอะไร ทั้งยังทำเมินใส่ ไม่ใส่ใจในสิ่งที่เขาพูดเอาซะเลย

     

    “นายคงไม่อยากให้ฉันต้องทำอย่างเดิมใช่ไหม” เลิกคิ้วถามเหมือนจะกดดันอยู่ในที แต่คนตัวเล็กก็ยังก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไรทั้งสิ้น

     

     “โยซอบไปเอากุญแจมือมาให้ฉันที”

     

    หลังประโยคนี้ของดูจุน กีกวังก็เงยหน้าขวับขึ้นมาเบิกตามองทันทีอย่างอึ้งๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นดวงตาแห่งความเจ็บปวด ความน้อยใจประดังประเดเข้ามาจนขอบตามันชักร้อนๆ

     

    “ดูจุนไม่เคยฟังผมเลย ฮึก เอะอะก็ทำโทษตลอด เคยนึกถึงผมบ้างไหมว่าจะรู้สึกยังไง...” คราวนี้เป็นทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องตกใจ เมื่อหยาดน้ำตาไหลลงที่ข้างแก้ม กีกวังสะอื้นน้อยๆ ส่งสายตาตัดพ้อไปทางดงอุน

     

    “นายก็เหมือนกัน ฮึก... อยากให้ฉันคิดมากไปถึงไหน ที่เป็นแบบนี้ทั้งหมดมันก็เพราะนายไม่ใช่หรือยังไง ถ้านายไม่มาทำให้ฉันเป็นแบบนี้ ฮึก ถ้านายไม่มายุ่งกับฉันเกินคำว่าพี่น้องร่วมวง ถ้านายไม่เมินฉันก่อน ฉันก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้ เรื่องมันก็จะไม่เป็นแบบนี้ ดูจุนก็จะไม่ว่าฉัน ทุกคนก็จะไม่มองว่าฉันไม่ดี เพราะนายนั่นแหละ ฮึก”

     

    จบการระบายความอัดอั้นกีกวังก็ลุกยืนขึ้นก่อนจะละหนีเดินเข้าไปในห้องนอนทันที ทิ้งอีกห้าสมาชิกที่เหลือ ไม่สิสี่ต่างหากนั่งอ้าปากเหวอ แบบ นี่กรูไม่รู้เลยจริงๆนะเนี่ยว่าน้องคิดอย่างนั้น ยกเว้นก็แต่ฮยอนซึงที่อยู่ในเหตุการณ์มาแต่แรกมาแต่นานที่ดูจะไม่เดือดร้อนอะไร ก่อนจะเอ่ยปากพูด

     

    “ดงอุน นายน่าจะบอกทุกคนไปนะ แล้วหลังจากนั้นก็รีบเข้าไปปรับความเข้าใจกันซะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ว่ายังไงนะ” กดเสียงต่ำเสียยิ่งกว่าตอนสอบสวนกีกวัง เพียงแต่ว่าครั้งนี้กลับเป็นซนดงอุนที่ถูกเพ่งเล็กจากทุกคนในวงแทน ทีนี้ล่ะทำหน้าสำนึกผิดเชียวนะ ยุนดูจุนยังคงทำหน้าที่เดิม

     

    “ย่าห์! ซนดงอุน นายทำอย่างนี้กับกีกวังมานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย!” คราวนี้ก็เป็นยังโยซอบล่ะที่รู้สึกเห็นใจอีกคนขึ้นมา เหมือนๆจะหัวอกเดียวกัน เหมือนๆจะเข้าใจ...

     

    “นายนี่มันจริงๆเลยนะ ทำไมทำอย่างนี้ เห็นไหมนั่นกีกวังร้องไห้นะ ให้ตายเถอะ ย่าห์... ฉันรู้สึกไม่ดีเลย” โยซอบที่เหมือนจะร้องไห้ตาม ทึ้งหัวตัวเองเป็นว่าเล่น เพราะตัวเองก็เฝ้าแต่โทษคนตัวเท่ากัน เฝ้าแต่จับผิดอีกคน ไม่ได้รู้อะไรเลยว่าทั้งหมดเป็นความผิดของน้องเล็กแท้ๆ

     

    “ไม่เอาน่า ยังโยซอบ เฮ้! ฉันบอกว่าอย่าร้องไห้” ไม่ทันแล้วแหละยุนดูจุน น้ำตาเม็ดงามหยดติ๋งลงแบบไม่ต้องบีบกันเลยทีเดียว ร้อนคนเป็นพี่ใหญ่ต้องไปคอยประคบประหงมกันอีก

     

    “นายรู้อยู่แล้วเหรอ?” ยงจุนฮยองที่เริ่มมีบทหันมาสนใจฮยอนซึงแทน ซึ่งคนหน้าหวานก็พยักหน้ารับ

     

    “ทำไมไม่บอกฉันล่ะ” แน่ะ เป็นอะไรกันเล่าถึงต้องทำอย่างนั้น???

     

    “ฉันไม่อยากเอาเรื่องของคนสองคนมาพูดน่ะ มันไม่ดี”

     

    “แต่ว่า นายไม่ยอมบอกฉัน” บอกไว้ก่อนว่ายงจุนฮยองชักรู้สึกอยากจะงอนขึ้นมาเฉยๆ อยากจะสะบัดหน้าหนีให้ผมปลิว  แต่มันก็ทำได้แค่ก้มหน้ามองพื้นแล้วงึมงำออกมาคนเดียว เพราะคำว่าไม่ได้เป็นอะไรกันนั่นแหละเลยทำอย่างที่คิดไม่ได้

     

    และนอกจากจะไม่สนใจแล้ว จางฮยอนซึงก็ยังไม่ใส่ใจ หันมาหาดงอุนที่นั่งทำหน้าอยากจะเข้าไปเคลียร์กับคนข้างในใจจะขาดแทน

     

    “ต่อไปก็กีกวังนะดงอุน เข้าไปสิ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    แกร็ก!

     

    เสียงปิดประตูไม่ทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียงชั้นล่างอย่างกีกวังหันมาสนใจ เจ้าตัวยังคงนอนหันหน้าเข้าหากำแพง นอนเงียบๆ ไม่พูดอะไร จนกระทั่งแรงยวบที่คืบคลานเข้ามาใกล้ ก่อนสัมผัสที่รัดแน่นบริเวณเอวและความใกล้ชิดจะชัดเจนขึ้น เมื่อดงอุนหรือมักเน่ของวงนอนซ้อนทับกันอยู่ด้านหลัง แต่กระนั้นลีกีกวังก็ไม่ได้ขยับหรือว่าขัดขืนอะไร แม้ว่าจะถูกดึงให้เข้าไปใกล้ ให้เข้าไปเบียดกันมากยิ่งขึ้นก็ตาม

     

    “ผมขอโทษ” ทอดเสียงเบาจนคนน่ารักแทบใจอ่อน น้ำใสๆมันปริ่มจะไหลออกมาอีกจนต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ

     

    “พี่น่ารักเกินไป ผมถึงได้เริ่มมีความคิดบ้าๆบอๆ ผมอยากจะแกล้ง ผมอยากจะแหย่ ผมอยากจะเห็นสีหน้าทุกแบบของพี่...” ไม่รู้ว่าที่ขอโทษดงอุนอยากโทษกีกวังหรือรู้สึกผิดจริงๆกันแน่ เพราะทั้งประโยคเหมือนจะโยนความผิดไปให้คนน่ารักซะมากกว่า

     

    “มันไม่ชัดเจนหรอกว่าผมจะรักพี่หรือเปล่า เพราะผมเองก็ยังไม่รู้” กระชับอ้อมกอดให้แน่นมากขึ้นอีก กดจูบลงกับหัวไหล่บางที่โผล่พ้นออกมานอกเสื้อแขนยาวสีขาวเบาๆ สัมผัสอ่อนโยนทำให้กีกวังแทบลืมเรื่องอื่นๆไปหมดสิ้น

     

    “ถ้าการที่ผมอยากให้พี่เป็นของผมคนเดียว ถ้ามันคือความรัก แสดงว่าผมรักพี่ใช่หรือเปล่า”

     

    ร่างเล็กขยับยุกยิกในลำแขนแกร่ง สมองไม่รับรู้อะไรนอกจากสัมผัสและคำพูดของดงอุน หน้าขาวขึ้นสีแดงเรื่ออย่างที่ดงอุนไม่ได้เห็น ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงอู้อี้เนื่องจากเพิ่งร้องไห้มาหมาดๆ

     

    “จะไปรู้นายเหรอ มาถามฉันได้ไง”

     

    !!!

     

    เกิดวูบโหวงอย่างประหลาดเมื่อดงอุนละอ้อมแขนออก คนน่ารักจึงพลิกตัวนอนหงายผงกหัวเพื่อจะดู ทว่า... คิดผิดหรือคิดถูก ที่หันกลับมาปุ๊บปากกลมแดงก็ถูกฉกปั๊บ ถึงแม้จะทาบลงมาอย่างรวดเร็ว แต่ดงอุนก็แค่ทาบแล้วละออก

     

    “ไม่รู้ได้ยังไง หัวใจผมอยู่กับพี่แล้วนะ น่าจะรู้ดีที่สุดสิ”

     

    หลักการมั่วๆสั่วๆที่มักเน่คิดขึ้นเองตามความรู้สึก กีกวังอยากจะตีเข้าที่ต้นแขนแกร่งนั่นสักที ติดอยู่ที่ว่ามือมันไม่ขยับ หน้ามันร้อน และเขากำลังอาย ก็ประโยคเมื่อกี้น่ะ

     

    ...บอกรักกันอยู่ไม่ใช่หรือไง...

     

    ว่าแล้วก็หันหน้าหนีมันซะเลย

     

    “ต่อจากนี้ทุกอย่างจะพิสูจน์เองว่าผมรักพี่จริงๆหรือเปล่า เพราะงั้นเราก็มาเริ่มจากอย่างแรกเลยแล้วกันนะ” ว่าจบพ่อตัวดีก็จัดการฝังจมูกลงกับแก้มใสจนกีกวังหันกลับมาเบิกตากว้างอย่างตกใจ ก่อนคนน่ารักจะหัวเราะคิกคักออกมาเมื่อดงอุนละจากแก้มใสมาหาลำคอขาวเนียนแทน

     

    “นี่! ซนดงอุน อย่าสิ มันจั๊กจี๋นะ” บอกไปก็เท่านั้นแหละ ในเมื่อน้องเล็กยังไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจ(?) ที่จะเอาจมูกถูๆกับผิวขาวๆ

     

    “หมันเขี้ยวชะมัด” เสียงทุ้มเหมือนๆจะข่มอารมณ์อยู่ในที อยากงับเข้าที่เนื้อเนียนจะแย่

     

    “ดงอุน ...อื้อ” จัดการปิดปากกลมอีกด้วยจุมพิตร้อนแรง ดูดดึง ดื่มด่ำกับความหอมหวานที่ยากจะละออก... ให้ตายเถอะซนดงอุนรู้สึกว่าเขาชักจะหลงเรือนร่างนี้มากขึ้นทุกทีๆ น่ารักน่ากินเกินไปแล้วลีกีกวัง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Special

     

     

     

     

     

     

    “เฮ้! ยงจุนฮยอง อย่ายืนขวางได้มะ” คุณหัวหน้าวงใช้กำลังกับสมาชิกด้วยการผลักหัวอย่างไม่ใยดี แล้วแนบหูของตัวเองขนาบกับบานประตูห้องนอนแทน ลักษณะการยืนก็ใช่ว่าจะไม่ล่อแหลม ในเมื่อคนที่อยู่ในอ้อมกอดกลายๆอย่างโยซอบก็หน้าแดงกันไปสิ

     

    “อะไรวะ ที่ตั้งเยอะแยะ มาผลักฉันทำไมเนี่ย” บ่นๆก่อนจะแนบหูลงกับส่วนที่ว่างบนประตู

     

    เสียงของคนด้านในกำลังเป็นที่น่าสนใจของเมมเบอร์อื่นๆ ยกเว้นก็แต่ฮยอนซึงที่ละตัวเองออกไปนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ แทนการสอดรู้สอดเห็นที่อีกสามคนกำลังทำกันอยู่

     

    “ย่าห์! อิจฉาดงอุนว่ะ อยากทำอย่างนั้นมั่งโว้ย” โพล่งความต้องการของตัวเอง แบบเป็นผู้ชายไง มันก็ต้องมีกันบ้าง แต่อย่างว่าแหละไอคนตัวเล็กอีกคนที่เหมือนๆจะถูกกอดคิดไปไกลแล้วเรียบร้อย หน้าร้อนหน้าแดงราวกับที่เขาอยากจะทำน่ะหมายถึงกับตัวเอง

     

    ไม่ต่างจากอีกคนที่แอบฟังอยู่เท่าไหร่ หันหน้ากวนๆไปมองคนสวยทันทีหลังได้ยินคำพูดของดูจุน ความคงความคิดก็ไม่ต้องบอกว่าลามกซะไม่มีล่ะ จินตนาการไปถึงไหนก็ดูจากหน้าเอาแล้วกัน!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    THE END

     

     

     

     

     

    หลังจากที่แต่งๆอุ่นกวางไป เอ๊ะ ยังไง เหมือนอยากแต่ง ดูซอบ จุนซึง ที่ยังไม่ลงรอยต่อ

    - อุ่นกวาง =      อยาก... ได้

    - จุนซึง =      อยาก... เป็นมากกว่านั้น

    - ดูซอบ =     อยาก... ให้รู้

    คนอ่านจะอยากอ่านหรือเปล่าอันนี้ไม่รู้ เราจะมีเวลามาแต่งต่อเมื่อไหร่อันนี้ก็ไม่รู้ เอิ้กๆ

     

     ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและเม้นให้กำลังใจกันค่ะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×