คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : [SF] Only me (5) END...
บริเวณสวนหลังห้องสมุดของโรงเรียน ปากหยักของกงชานยังคงพูดถึงสรรพคุณของวิชาคณิตศาสตร์อย่างตั้งใจ ตั้งใจมากจนไม่ได้รู้เลยว่ารุ่นพี่ที่ตัวเองกำลังพล่ามให้ฟังนั้นผงกหัวรับเป็นจังหวะด้วยสาเหตุใด คาดการณ์ว่าคงถอดวิญญาณไปเฝ้าพระอินทร์บนสรวงสรรวค์แล้วเรียนร้อย บาโรกำลังหลับ และเชื่อว่าอีกเดี๋ยวกงชานจะต้องรู้ตัวแน่ว่ากำลังพูดไปอย่างไร้ประโยชน์ เพราะหัวของบาโรค่อยๆเอนลงมา เอนลงมาฟุบกับโต๊ะม้าหินในที่สุด พร้อมเสียงกรนอันเป็นเอกลักษณ์กลบสมการเอ็กซ์วายไปทันที
“สอนมันก็เหมือนสีซอให้ควายฟัง บอกแล้วว่าไม่ต้องๆ” กงชานละสายตาจากรุ่นพี่บาโรหันมามองจินยองที่จมอยู่กับกองกระดาษมากมายอีกด้านของมุมโต๊ะพลางหัวเราะในลำคอกับท่าทางและหน้าตาบูดบึ้งของอีกคน
“ถ้าหวงก็พูดออกมาสิครับ อย่าทำแบบนี้เลย... มันน่ารักเกินไปแล้ว” ประโยคหลังเขยิบเข้ามาพูดซะใกล้ จนจินยองที่ไม่ทันได้ตั้งตัวผงะ หน้าขาวขึ้นสีเรื่อไม่อาจรู้ว่ามันเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวัน ก็ตั้งแต่เห็นเจ้าเด็กนี่มา เขาก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองเขินไปแล้วกี่ครั้ง
“นายหมายถึงใคร” ทำหน้าตาไม่รู้เรื่องได้น่าเชื่อสุดๆ มั้ง(?) ก็แหมเชิดซะกงชานอดหัวเราะออกมาไม่ได้ น่ารักจะแย่แล้วเนี่ย...
“ก็ใครที่หอบงานลงมานั่งทำหลังห้องสมุด เพื่อจะได้เฝ้าผมยังไงล่ะ” แล้วความจริงที่ออกมาจากปากรุ่นน้องก็ทำเอาจินยองประธานนักเรียนหน้าหวานถึงกับสะอึก กลอกตาไปมาอย่างหาข้ออ้าง หารู้ไม่ว่าหน้าแดงๆน่ะมันฟ้องทุกอย่างหมดแล้ว ต่อให้พูดอะไรออกไปก็ดูเหมือนว่าจะฟังไม่ขึ้น
“ฉันทำรอบาโรไง เดี๋ยวจะกลับบ้านพร้อมมัน” พยักหน้าเสริมกับความคิดของตัวเอง ประมาณว่าเหตุผลนี้แหละฟังขึ้นที่สุด ส่วนกงชานที่เห็นอย่างนั้นก็เบนหน้าหันออกไปอมยิ้มอย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าพักนี้มันเจ้าเล่ห์เหลือเกิน
“แสดงว่าวันนี้พี่จะไม่ให้ผมไปส่งอย่างนั้นสินะครับ” หันกลับมาทำหน้าเสียดาย น้อยใจประหนึ่งเด็กถูกทิ้ง ทั้งยังก้มหน้าก้มตาพยักหน้าราวกับยอมรับในชะตากรรมของตัวเองก็ไม่ปาน อะไรมันจะโอเวอร์ขนาดนั้น... แล้วก็ไม่มีใครล่ะที่จะหลงกล นอกเสียจาก...
“เอ่อ ไม่ใช่อย่างนั้น คือว่ายังไงดีล่ะ ก็... เนี่ย... ก็ทำรอนายอยู่นั่นแหละ” แปลง่ายๆว่าฉันอยากกลับบ้านกับนาย... คราวนี้เป็นจินยองเองที่ต้องก้มหน้าเสียต่ำซะยิ่งกว่ากงชาน มือนิ่มก็ยกขึ้นมาเกาท้ายทอยตัวเองอย่างขลาดเขิน อันที่จริงอยากจะยกขึ้นทึ้งหัวตัวเองเสียด้วยซ้ำ มันติดแค่ว่าอยู่ต่อหน้ากงชาน
“ยอมรับแล้วสิ ว่าหวงผมจริงๆ” กระทั่งต่อปากต่อคำก็ทำมาแล้ว จะอะไรกับการคาดคั้นกงชานก็ไม่กลัวที่จะทำกับประธานหน้าหวานสุดเฮี้ยบคนนี้ ก็เวลาหน้าขาวๆนั่นแดงระเรื่อ มันน่ารักน้อยเสียเมื่อไหร่
“พี่จินยอง” เรียกเสียงเบาเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กยังเอาแต่ก้มหน้าก้มตา กองกระดาษ งาน และบุคคลที่สาม ไม่เป็นที่สนใจอีกต่อไป เห็นอย่างนั้นกงชานก็ชักเป็นห่วง เอื้อมมือไปแตะเบาๆที่แขนเล็ก ทว่าเท่านั้นรุ่นพี่ถึงกับสะดุ้งตัวโยนแทบหงายหลังตกเก้าอี้ม้าหิน โชคดีที่กงชานคว้าเอาไว้ได้ทัน
“เป็นอะไรไปครับ” ทอดน้ำเสียงอ่อนโยนจนใจของอีกคนสั่นไหว
ใบหน้าที่ก้มต่ำ คิ้วเรียวขมวดยุ่งเสียยิ่งกว่าตอนอ่านหนังสือเตรียมสอบ จินยองเม้มปากแน่นพลางกลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด ก่อนจะพองลมเข้าที่แก้มจนป่อง แล้วพ่นมาออกมาเบาๆ เป็นท่าทางน่ารักที่กงชานเห็นแล้วเสียดายเนื่องจากอีกคนก้มหน้าเลยมองไม่ถนัด แต่เพลินกับดวงหน้าสวยไม่นาน เสียงใสก็ขัดขึ้นซะก่อน
“กงชาน...”
“ครับ” ทันทีที่เสียงหวานเอ่ยเรียก รุ่นน้องก็ตอบรับออกไป มือขาวยังสัมผัสได้ถึงลำแขนเรียวเล็กของจินยอง ผิวเนื้อเนียนนุ่มราวกับผิวเด็ก ทว่าจำต้องปล่อยเมื่ออีกคนค่อยๆบิดแขนออก
“คือ... คือว่า... นาย ยังไม่ได้ชอบใครใช่ไหม” รีบรัวคำเสียงเบา เสหลบดวงตาเรียวของกงชานที่จ้องมาทางตนไม่วางตา และยิ่งเขินหนักเข้าไปอีกเมื่อแอบเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของคนอายุน้อยกว่า ทว่าจินยองต้องหน้าบึ้งเผลอกลั้นหายใจทันควันพอได้ยินประโยคถัดมา
“มีแล้วล่ะครับ คนที่ชอบ”
เหมือนโดนฟาดเข้าที่กลางหน้าผากอย่างจัง ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนบ้า เป็นตัวตลก จินยองกำลังสัมผัสมันอยู่ กำลังรู้สึกแบบนั้นในตอนนี้ แต่เพื่อไม่ให้มันแย่ไปมากกว่าเดิม ประธานหน้าหวานเลยหลบสายตาและแสร้งทำเป็นรับรู้
“อย่างนั้นเหรอ... คนคนนั้นช่างน่าสงสารจริงๆเลยนะว่าไหม”
...หรือไม่...ก็น่าอิจฉา...
แน่นอนจินยองคิดมันใจเท่านั้น ก่อนจะลงมือเก็บกวาดกระดาษและเอกสารมากมายมารวมกัน พับฝาโน้ตบุ๊คเครื่องบางหลังจากทำการปิดสวิตช์มันเรียบร้อย เป็นอันรู้กันว่าคนหน้าหวานไม่มีอารมณ์จะทำงานต่อแล้ว เหมือนเจ้าตัวจะจมอยู่กับความคิดของตัวเองเสียมากกว่า ซึ่งกงชานที่เห็นอย่างนั้นก็รีบเอ่ยขัดขึ้นมา
“ทำไมล่ะครับ ผมนิสัยไม่ดีเหรอ” ไม่ใช่แค่คำพูดแต่เสียงราวกับน้อยใจของกงชานก็ทำให้จินยองรู้สึกแย่ เผลอหยุดมือชะงักกับการเก็บข้าวของ
“ผมยังทำหน้าที่ของตัวเองไม่ดีอย่างนั้นเหรอครับ” ทั้งฟังน้ำเสียงแบบนั้น ทั้งสบดวงตาแบบนั้น คนที่อ่อนไหวกับทุกๆเรื่องที่เป็นกงชานก็ถึงกับถอนหายใจ อยากตีปากตัวเองที่อาจพูดอะไรไม่ทันระวัง เขาก็ไม่รู้ว่ามันไปสะกิดอะไรของคนตัวสูงเข้า แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ ในเมื่อเขาเองก็ชอบกงชาน จะให้ตีหน้ายิ้มรับ พูดชื่นชม มันก็ไม่ไหวหรอกนะ
“มันใช่ซะที่ไหนเล่า นายน่ะดีมาก ดีมากเกินไปแล้วด้วยซ้ำ คนบ้าอะไร ฉันสั่งก็ทำทุกอย่าง มีที่ไหนเนี่ย” ออกแนวบ่นกับตัวเองในท้ายๆ เพื่อความสบายใจของรุ่นน้อง เพื่อความสัมพันธ์ดีๆที่จะยังคงมีต่อไป จินยองเลยเลือกที่จะพูดแบบนี้
“ถ้าพี่คิดอย่างนั้น...” มือนิ่มที่กำลังลงมือเก็บอุปกรณ์การทำงานต่อจากเดิมหยุดชะงักกึกอีกครั้ง เมื่อกงชานเอื้อมมาคว้าไว้ สร้างความงงงวยให้กับจินยองมาก ทว่าประโยคต่อมาจินยองก็เหมือนไม่อยากจะรับรู้อะไรอีก...
“แล้วทำไม พี่ถึงไม่ชอบผมล่ะครับ” เพราะอยากจะมุดลงดินมากกว่าเมื่อได้เห็นรอยยิ้มกว้างของรุ่นน้องที่เหมือนจะขโมยหัวใจของเขาไปจนไม่เหลืออะไรแล้ว ซ้ำยังเหมือนแกล้งกันด้วยการกอบกุมมือเขาให้แน่นยิ่งกว่าเดิมแล้วเอ่ยประโยคที่จินยองแทบไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินมัน
“ผมน่ะ ชอบพี่มานานแล้วนะ ถ้าไม่ใช่พี่ผมก็คงไม่ยอมให้ขนาดนี้” บอกด้วยรอยยิ้ม รู้สึกดีเหลือเกินที่ได้พูดมันออกไป รู้สึกดีมากเหลือเกินเพิ่มขึ้นอีก เมื่อได้เห็นหน้าขาวของรุ่นพี่แดงขึ้นไปถึงใบหู ...มันน่ารักจนไม่อยากละสายตา...
ทว่า...
พลั่ก!
ลำแขนแกร่งจำต้องรองรับแฟ้มเอกสารเจ้าเดิมที่คนตัวเล็กลงแรงมาเต็มๆ
“ไอเด็กนิสัยไม่ดี! เมื่อกี้หมาตัวไหนมันหงอ ทำหน้าเหมือนคนขาดออกซิเจน ตกใจหมด!” เราจะเรียกท่าทางแบบนี้ว่าโมโหกลบอาการเขิน เพราะจินยองรู้สึกอยากจะมุดลงดินจริงๆแล้วแหละ ที่อื่นไม่มีให้มองหรือยังไง ถึงเอาแต่จ้องมาทางเขา
“พี่พูดจาไม่น่ารักเลยนะครับ” ...หมาที่ไหนจะหล่อขนาดนี้(?)
“ฉันอยากจะพูดซะอย่าง” ยักไหล่อย่างไม่แคร์ เคยกลัวเสียที่ไหน ...เท่าที่เห็นมันเป็นท่าทางที่กงชานคิดว่าน่ารักชะมัดเลยอ่ะ
“งั้น ถ้าผมอยากจะจับมาจูบซะอย่าง พี่ก็ไม่ว่าอะไรนะครับ...”
!!!
“อื้อ...” ไม่ทันได้ร้องท้วงริมฝีปากนุ่มก็ถูกบดเบียดอย่างรวดเร็ว ร้อนคนตัวเล็กที่ไม่ทันได้ตั้งตัวต้องทุบตีอีกคนเบาๆ แต่มันก็เท่านั้นแหละ เพราะถ้าหากมือขาวยังไม่ปล่อยออกจากลำคอระหงส์ ก็อย่าได้หวังว่าจะหลุดออกมาพูดจาไม่น่ารักได้อีก เอ๊ะ! หรือบางที กงชานอาจจะทำให้ช้ำไปสักสองสามวัน(?) แล้วก็สร้างความเป็นเจ้าของไว้นิดหน่อยๆดี คนอื่นจะได้รู้ไง ว่า...
มี แค่กงชาน ที่เป็นเจ้าของจองจินยอง
Only me... Only Gongchan...
Special
“นายว่าอะไรนะ” น้ำเสียงเย็นเยียบของคุณเหรัญญิกยังไม่ทำให้บาโรขนลุกได้เท่ากับดวงตาเรียวเล็กที่มองมาอย่างทะลุทะลวง ถ้าซานดึลเป็นปอปก็คงจะควักตับพ่อเลขานุการออกมากินแล้วแน่แท้
“ก็...ก็เนี่ย...คือว่า ฉันเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แบบ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่สองคนนั้นปลุกอ่ะ” คนที่ได้รับหน้าที่ให้ไปสอดส่องดูลาดเลาความสัมพันธ์ของประธานนักเรียนกับรุ่นน้องหน้าหล่อยิ้มแหยๆส่งไปให้ซานดึลจอมวางแผน หากแต่มันกลับพังไม่เป็นท่าเพราะความขี้เกียจของบาโร สั่งอะไรเหมือนสั่งขี้มูก
“อย่างนั้นเหรอ” ยังคงความเย็นชา
“ครับ” นี่ก็หงอเสมือนกำลังถูกสวดจากผู้บังเกิดเกล้า ก้มหน้าก้มตายอมรับผิดอย่างเต็มที่
“งั้นเดตวันนี้เป็นคิวของชินวู นายอด” แทบจะทันทีที่บาโรทรุดตัวนั่งลงกับพื้นกระเบื้อง ส่งสายตาอ้อนวอนขอร้องให้กับซานดึลที่นั่งอยู่บนโซฟา โดยมีรองประธานอย่างชินวูนั่งยิ้มร่าเริงอยู่ข้างกัน
ทั้งสามอาศัยช่วงที่จินยองไม่อยู่ ไม่รู้ไปไหนกับรุ่นน้องกงชาน ปรึกษาหารือเกี่ยวกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายของบาโร แน่นอน ซานดึลผิดหวัง และแน่นอน ชินวูหัวเราะร่า...
ส่วนบาโร ...ราวกับคนจะร้องไห้...
THE END
จบแล้วค่ะ ^^
ขอโทษที่เข้ามาต่อช้า เพราะช่วงที่ B2ST comeback อุ้มก็ไปบ้าบอคอแตกกับหนุ่มๆมา
ยังไงก็มาต่อแล้ว ติดตามเรื่องต่อๆไปด้วยนะคะ ^^ www.b1a4fanclub.com <<< เข้าบ้านๆ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและเม้นให้กำลังใจกันค่ะ ^^
ความคิดเห็น