คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : [SF] Only me (4)
Author : oumser
Pairing/Couple : Gongchan x Jinyoung
Rating : PG-13
Talk : ขอให้ทุกคนชอบ เพี้ยง!!!
ปัง!
เสียงกระแทกของประตูไม้บานใหญ่ดังสนั่นไปทั่วห้องกรรมการนักเรียน แต่คนทำก็ยังไม่เดือดร้อนเดินหน้าบึ้งหน้าบูดไปยังที่ประจำของตนเองหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่มีป้ายตั้งว่า จองจินยอง กระแทกตัวนั่งลงอย่างไม่กลัวก้นงามๆจะบอบช้ำพลางถอนหายใจออกมาหนักๆหนึ่งที แต่ทว่าภาพบาดตาที่เห็นในห้องอาหารก็ยังไม่หายไป รบกวนจิตใจและสมาธิอันน้อยนิดให้เจ้าของยิ่งอารมณ์เสียเข้าไปอีก
จินยองสะบัดหัวแรงๆสองสามครั้งก่อนมือนิ่มจะหยิบเอาหนังสือวรรณกรรมข้างๆขึ้นมาเปิด และคนตัวเล็กก็แค่เปิดจริงๆ เพราะทุกหน้าของหนังสือจินยองเห็นแค่ใบหน้าขาวกับรอยยิ้มบางๆของกงชานเท่านั้น เปลือกตาบางหลับลงพร้อมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ รู้แล้วว่าวิธีนี้ก็ไม่ได้ผล จะทำอย่างไรก็ไม่ออกไปเสียที มือนิ่มจึงขว้างเจ้าหนังสือที่ว่าออกไปข้างหน้าเต็มแรง
เป็นเวลาเดียวกับที่กงชานเจ้าของกายสูงเปิดประตูเข้ามาพอดีโดยไร้ซึ่งเสียงเคาะ แต่กระนั้นเจ้าหนังสือที่ว่าก็แค่เฉียดใบหน้าหล่อปลิวไปติดกำแพงเพียงนิดเดียว ดวงตาเรียวเหลือบมองวรรณกรรมที่ลงไปนอนแอ้งแม้งก็เห็นว่ามันคือเล่มที่เขาซื้อให้กับรุ่นพี่หน้าหวาน ...โดนใช้ให้ไปซื้อมาน่ะ... ก่อนจะเบนกลับมาหาตัวการ
จินยองสะดุ้งน้อยๆเมื่อกงชานหันมองมาทางตนโดยแฝงนัยน์ตาดุๆ ก่อนปากบางจะเม้มแน่นเมื่อคนตัวสูงสาวเท้าเข้ามาใกล้ เห็นแล้วล่ะ จินยองเห็นว่าในมือของรุ่นน้องมีจานข้าวที่เป็นเมนูเดียวกันกับที่เขาสั่ง มันถูกวางลงบนโต๊ะกว้างก่อนมือขาวจะเลื่อนมาตรงหน้าจินยอง
“ผอมจะแย่อยู่แล้ว ยังไม่ยอมกินข้าวอีก” เปรยออกมาพลางนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“ยุ่งอะไร” โต้ตอบได้สมกับเป็นจองจินยอง ก่อนจะดันจานแบนไปข้างหน้าแล้วยกเอาโน้ตบุ๊คเครื่องบางมาแทนที่ ทำทีเป็นเพลิดเพลินกับมันเหลือเกิน บอกให้รู้ว่า ยังไงก็ไม่ยอมกิน!
...ก็ไม่รู้ว่าจะรั้นไปทำไม ในเมื่ออีกคนก็คงไม่สนใจ...
“เลือกเอาแล้วกัน ว่าจะกินข้าว หรืออยากโดนเหมือนเมื่อวาน” ข้อเสนอที่คิดได้สดๆร้อนๆ ถูกหยิบยื่นให้คนตัวเล็กได้มีทางเลือก เพราะกงชานรู้ว่าอย่างไรจินยองก็ต้องเลือกที่จะกินข้าวมากกว่าโดนเขาหอมแก้มอยู่แล้ว
“...” สาบานว่าที่เงียบไม่ได้แอบลังเลแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าพอคนตัวสูงพูดถึงเหตุการณ์เมื่อวานมันก็ทำให้ใบหน้าขาวๆที่อยู่หลังโน้ตบุ๊คแดงเรื่อขึ้นมาทันที โดยเฉพาะตรงที่โดนสัมผัสมันร้อนๆเหมือนเพิ่งจะผ่านไปไม่นาน พอกงชานเห็นว่าคนตัวเล็กยังมัวแต่นั่งเฉย ไม่ยอมแตะอาหารสักทีเจ้าตัวก็เลยลุกพรวดขึ้นทำท่าจะเดินไปอีกฝั่งของโต๊ะ ร้อนจินยองที่สะดุ้งโหยงอย่างตกใจต้องรีบห้ามเอาไว้
“เดี๋ยว! กินแล้วๆ ฉันจะกินข้าว!” ทั้งยกมือขึ้นกลางอากาศ ทั้งร้องเสียงหลง ทั้งลากเก้าอี้หนี จนรุ่นน้องที่เห็นลอบยิ้มในความน่ารักของประธานนักเรียน แล้วจึงตัดสินใจกลับไปนั่งลงที่เดิมพลางจัดการยกเจ้าคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาที่วางเกะกะไปไว้ด้านข้าง ดันจานอาหารจานเดิมเข้าไปแทนที่
จินยองกัดริมฝีปากแน่นกว่าเดิมเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังเสียเปรียบอย่างไรชอบกล เป็นถึงประธานนักเรียนที่ใครๆต่างก็ให้ความเคารพ แต่ทำไมพอเป็นกงชาน เขานี่ไม่เคยมีมาดคุณประธานจอมโหดหลงเหลืออยู่เลยเหอะ! สุดท้ายทำอะไรไม่ได้เลยต้องหยิบช้อนส้อมขึ้นมาถือไว้แล้วตักข้าวใส่ปาก เหมือนมันจะคำใหญ่ไปนะ แก้มเนียนก็เลยป่องจนน่าเอ็นดูเชียว เรียกรอยยิ้มของกงชานได้อีกแล้ว
“ยิ้มอะไร!” ขึ้นเสียงทั้งที่ยังมีข้าวอยู่เต็มปาก แต่กงชานก็แค่ยักไหล่น้อยๆเป็นเชิงบอกว่าก็จะยิ้มอ่ะ ใบหน้าหวานเลยยิ่งงองุ้มเข้าไปอีก พาลให้นึกถึงภาพในห้องอาหารขึ้นมาดื้อๆ ก็รู้ว่าไม่มีสิทธิโกรธ แต่มันอดไม่ได้ เขาไม่ชอบเวลากงชานอยู่กับคนอื่น ไม่ชอบให้ดีกับคนอื่น ไม่ชอบให้มองคนอื่น จนเกือบลืมไปแล้วว่าตัวเองก็ไม่ได้เป็นอะไรกับกงชานเหมือนกัน
“ข้าวนะครับ ไม่ใช่ยาพิษ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ” ถามเพราะเห็นว่าหน้าวานหม่นลงไปถนัดตา ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็ทำเอากงชานต้องพ่นลมออกมาเบาๆ
“ยุ่ง”
...บางทีเขาก็เหนื่อยนะ ทำตามทุกอย่างขนาดนี้แล้วยังไม่พอใจอีกหรือไง จะต้องให้เขาทำอย่างไรอีก...
“งั้นผมออกไปดีกว่านะครับ พี่จะได้กินข้าว” ตัดปัญหาด้วยการลุกขึ้นยืนแล้วโค้งให้กับประธานหนึ่งทีก่อนจะหมุนตัวเดินห่างออกไปเพราะคาดว่าหากอยู่ต่อคงไม่พ้นมีปากมีเสียงกันเหมือนเคย แต่กงชานไม่ทันเห็นว่าอีกฝ่ายเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง ปากบางอ้าขยับราวกับอยากจะร้องเรียก อยากจะห้ามไม่ให้คนตัวสูงเดินออกไป แต่จะให้ทำอย่างไรในเมื่อไม่มีเหตุผลที่สมควร อารมณ์ที่เรียกว่าน้อยใจกำลังปะทุถึงขีดสุด จินยองเหมือนจะหายใจไม่ออก
พลันแฟ้มเอกสารก็ลอยหวือไปปะทะแผ่นหลังกว้างอย่างแรง สันแหลมๆของมันทิ่มเอาเนื้อเนียนจนคิ้วเข้มๆขมวดเข้าหากัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจินยองเป็นคนขว้างมา กงชานเลยหมุนตัวกลับไปหวังจะถาม แต่หัวใจกลับรู้สึกวูบจนต้องเบิกตาเมื่อเห็นว่าใบหน้าหวานของจินยองคล้ายจะร้องไห้อยู่รอมร่อ คนตัวเล็กที่ยืนอยู่หลังโต๊ะทำงานสั่นน้อยๆ จนกงชานเห็นแล้วแทบใจหาย
“พี่ เป็นอะไรไปครับ” ทำท่าจะเดินอ้อมมาหา
“ไม่ต้องเลย! ไม่ต้องเดินเข้ามา ...ไอเด็กบ้า...” คำสุดท้ายเหมือนจินยองจะพูดกับตัวเอง หน้าหวานก้มลงมองพื้นแทนการมองเห็นใบหน้าขาวของกงชาน ความน้อยใจพุ่งขึ้นถึงขีดสุด เมื่อรุ่นน้องทำท่าจะเดินออกไปง่ายๆ จะกลับไปกินข้าวกับเด็กผู้หญิงคนนั้นหรืออย่างไร ทั้งที่เขาชอบขนาดนี้ ทั้งที่ให้ความสนใจขนาดนี้ แต่กงชานก็ยังทำเหมือนปกติ ก็แค่ทำไปตามหน้าที่เพราะว่าเขาเป็นถึงประธานนักเรียน กงชานเพียงแค่เคารพเขาในฐานะคนที่มีอำนาจมากกว่า ไม่ใช่เพราะเห็นว่าเขาสำคัญ ไม่ใช่ อย่างนั้นใช่ไหม...
ทว่ากงชานไม่ยอมฟัง ใจมันอยากรู้อย่างเดียวว่ารุ่นพี่คนนี้เป็นอะไร ทำไมเห็นแล้วพาลใจไม่ดี ขาเรียวก้าวเข้าไปประชิดจินยองก่อนลำแขนจะวาดเอาคนตัวเล็กให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอด สองแขนที่กอดแน่น มือขาวที่ลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลทองอย่างเบามือราวกับจะปลอบโยน กงชานไม่รู้ว่าเขาทำอะไรผิดไป มีส่วนไหนที่ทำให้คนตัวเล็กไม่พอใจบ้าง ทำให้คนตัวเล็กหงุดหงิดบ้าง เขาไม่รู้ กงชานรู้แค่ว่า ต้องทำตาม ทำทุกอย่างให้ดี ...ให้อยู่ในสายตา...
“ไม่พอใจก็บอกสิครับ ผมไม่รู้หรอกนะว่าพี่คิดอะไรอยู่” ก้มลงกระซิบให้คนตัวเล็กได้ยินชัดๆที่ข้างหู อยากจะบอกเหลือเกินว่าอย่าทำหน้าแบบนั้น อย่าทำท่าทางราวกับจะร้องไห้... เพราะมันบีบคั้นหัวใจของเขาเหลือเกิน
คิ้วเข้มยิ่งขมวดแน่นอย่างไม่พอใจเมื่อร่างเล็กๆที่อยู่ในอ้อมแขนออกแรงดิ้นเบาๆ เพียงแต่ว่าในเมื่อกงชานไม่ปล่อยจินยองก็ไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว ...แบบนี้แหละดี จะได้มีเพียงเขาที่อยู่ในสายตาของจองจินยอง แค่เขา แค่กงชานเท่านั้น...
“ไม่จำเป็นต้องบอก เชื่อว่านายไม่อยากฟัง” เงยหน้าขึ้นสบดวงตาเรียวในระยะใกล้
“เพราะงั้นก็ปล่อย... แล้วจะไปไหนก็ไป” ผิดไหมที่กงชานรู้สึกอยากเข้าข้างตัวเองมากๆ ว่าจินยองไม่ได้เต็มใจที่จะไล่เขา เพราะสุ่มเสียงหวานที่เอ่ยออกมา มันเหมือนกับ ไม่เต็มใจ อีกทั้งดวงตาเรียวเล็กที่หลุบต่ำนั่นอีกเล่า
...บางทีเขาก็ไม่ชอบเอาซะเลย เวลาที่จินยองปากแข็ง เพราะมันค่อนข้างจะทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ...
“เป็นผมหรือไง ถึงได้คิดแทน ถ้าเป็นอย่างนั้นพี่ก็น่าจะรู้นะ ว่าตอนนี้ผมกำลังคิดอะไรอยู่” ดึงร่างเล็กๆที่พยายามจะผละออกให้กลับเข้ามา จังหวะนั้นเหมือนจินยองจะรู้เลยเบนหน้าหลบริมฝีปากหยักที่กดลงมาอย่างรวดเร็วจนตาเรียวเล็กต้องเบิกโพลง ...เฉียดฉิวไปเพียงนิด มันเฉียดริมฝีปากของเขาไปเพียงนิด... ปากหยักเลยได้แค่แนบลงบนผิวเนื้อเนียนใสบริเวณใกล้กับมุมปากบาง แค่นั้น แต่มันก็ทำให้หน้าหวานถึงกับขึ้นสีเรื่อได้ จินยองหันกลับมามองกงชานอย่างไม่เข้าใจ ดวงตาสีดำสนิทกำลังสับสนและสั่นระริกอย่างน่าสงสาร
...ไม่รู้หรืออย่างไร ว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะยิ่งชอบนายมากขึ้น ไม่รู้หรืออย่างไรถึงได้แกล้งกันแบบนี้...
“อย่า” กงชานเอ่ยออกมาสั้นๆ
“...”
“อย่าใช้สายตาแบบนั้น...” มันคือประโยคขอร้อง ประโยคคำสั่ง หรือคำเตือน จินยองไม่อาจรู้ เพราะทันทีที่สิ้นเสียง ปากหยักก็โน้มลงมาแนบจูบเข้ากับริมฝีปากนิ่มทันที มือขาวละออกจากเอวเล็กเลื่อนขึ้นมากดท้ายทอยให้ยิ่งแนบสนิท และมันก็แปลกดีที่จินยองไม่คิดจะขัดขืน เพราะทำเพียงแค่ปิดเปลือกตาหลีกเลี่ยงที่จะสบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาล รับรู้ถึงรสชาติและสัมผัสที่อีกคนมอบให้อย่างเต็มที่ ลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดกันทำให้รู้สึกดีอย่างประหลาด มันอบอุ่นไปถึงข้างใน
ไม่ปล่อยให้จินยองได้พักนาน กงชานก็ประกบจูบลงซ้ำๆที่เดิมอีกหลายครั้งอย่างไม่กลัวว่ากลีบปากนิ่มนั้นจะช้ำแม้แต่น้อย ...ก็ถ้ามันจะช้ำเพราะเขา ใครจะทำไมล่ะ...
“นิสัย ไม่ ดี” คนอายุมากกว่าติดจะหอบอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่วายโดนกงชานที่ยังแวะเวียนอยู่ที่เดิมกดจูบลงมาอีก เหมือนเป็นการลงโทษ กงชานแค่แนบแล้วละออกอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเอ่ย
“ก็คงงั้น”
สายตาสามคู่ของทั้ง รองประธาน เลขานุการ และเหรัญญิก มองไปทางจินยองที่นั่งกระดิกนิ้วเคาะโต๊ะเป็นจังหวะ ผงกหัวเล็กน้อยให้ดูมีสไตล์(?) นี่ถ้ามีเนื้อร้องหน่อย บาโรกะว่าเขาจะแร็พออกมาให้ฟังเป็นท่อนๆเลย ...มันอารมณ์ดีมาจากไหนวะเนี่ย!...
“ซานดึล ชินวู พวกแกว่าบรรยากาศแบบนี้มันคุ้นๆมะ แบบ ในห้องอาหาร โต๊ะเดิม ตำแหน่งเดิม คนเดิมๆ จะไม่เหมือนเดิมก็ตรงหน้าของไอจินยองนี่แหละ คราวนี้มันยิ้ม!” มันคือเรื่องอัศจรรย์ใจอย่างหนึ่งของพ่อเลาขานุการเขาเลย นับวันพันปีเห็นแต่เพื่อนทำนิ่ง ไม่มีมนุษยสัมพันธ์
“เดี๋ยวแกก็รู้ กงชานเดินมาโน่นแล้ว” ซานดึลเจ้าของความดีความชอบของหลายวันก่อนพยักพเยิดไปทางคนตัวสูงที่ว่า แล้วก้มหน้าก้มตาสนใจอาหารในจานต่อ ทว่าเพราะคำพูดของซานดึลไม่ใช่แค่บาโรที่หันขวับไปมอง จินยองเองก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน
กงชานตรงมายังโต๊ะที่รุ่นพี่ทั้งสี่จับจองอยู่พลางก้มหัวเป็นการทักทายให้กับซานดึล บาโร และชินวู ก่อนจะเดินอ้อมไปทางจินยองแล้วทรุดตัวนั่งลงข้างๆกัน ส่งยิ้มหล่อกระชากใจให้กับประธานนักเรียนหน้าหวาน ก่อนจะเอ่ย
“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องรอ ทำไมไม่หาอะไรกินก่อนล่ะครับ” อย่าว่าแต่จินยองเลยที่ตาลาย นักเรียนหญิงคนอื่นๆที่กำลังสนใจพวกเขาก็ไม่ต่างกัน รอยยิ้มนั้นมันกระชากหัวใจกันเหลือเกิน อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย บาโรเองก็แอบใจกระตุกนะเมื่อกี้
“จะรอ” ตอบสั้นๆพร้อมยักคิ้วอย่างกวนๆ เป็นมุมใหม่ของคนตัวเล็กที่กงชานเริ่มจะชินบ้างแล้ว แต่ทว่าจินยองกลับต้องรีบหดหน้าหวานๆที่เชิดรั้นกลับทันควัน เมื่อมือขาวของกงชานเอื้อมมาเกลี่ยผมนุ่มสีน้ำตาลทองอย่างเบามือ สัมผัสอุ่นที่โดนหน้าผากเนียนทำเอาคนตัวเล็กใจหาย ใจคว่ำ ใจสั่นไม่น้อย คนอายุน้อยกว่าที่เห็นอย่างนั้นก็เลิกคิ้วก่อนจะกระตุกยิ้ม ไม่คิดว่าตัวเองจะทำให้รุ่นพี่ตกใจจนหน้าแดงถึงใบหู
“ตกใจทำไมครับ มากกว่านี้ก็ทำมาแล้ว” กระซิบให้ได้ยินกันสองคน นึกย้อนไปถึงวันนั้นกงชานก็ได้แต่ชื่นชมตัวเองอยู่ในใจ รับรู้ได้จากที่เจ้าตัวหรี่ตามองจินยองก่อนจะระบายยิ้มกว้าง
“ทำบ้าทำบออะไร เดี๋ยวเหอะ!” อยู่ต่อหน้าเพื่อนล่ะทำเป็นเก่ง ดึงคอเสื้อรุ่นน้องลงมาเหมือนจะหาเรื่อง แต่พอเห็นมุมปากของกงชานกระตุกในระยะอันตรายเท่านั้นแหละ มือนิ่มจึงรีบปล่อยคนตัวสูงให้เป็นอิสระทันที กลัวเหลือเกินว่าจะโดนล่วงเกินต่อหน้าธารกำนัลทั้งหลาย
“งั้นเดี๋ยวผมไปซื้อข้าวให้นะครับ” อาสาพร้อมกับลุกขึ้นยืนเตรียมจะไปทำหน้าที่รุ่นน้องที่ดี แต่ไม่วายหันกลับมากระพริบตาปริบ เลิกคิ้วสงสัยให้อีกคนที่ลุกยืนตาม
“ลุกทำไมครับ”
“จะไปด้วย” เชิดหน้าใส่ประมาณว่ามีปัญหาอะไรป่ะ ซึ่งคนที่โอเคแล้วแต่เธอทุกอย่างเช่นกงชานก็ได้แต่ส่ายหน้ากับความรั้นที่ไม่นึกว่ามันจะน่ารักได้ขนาดนี้ ก่อนจะผายมือให้รุ่นพี่คนดีนำไปก่อน แล้วจึงพาตัวเองให้เดินตามไป
คล้อยหลังกงชานและจินยอง บาโรผู้ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ต้องขอใช้คำนี้อีกตามเคย ก็อ้าปากค้างราวกับเห็นผี เอ๊ะ หรือยิ่งกว่าเห็นผี เมื่อทั้งคุณรุ่นน้องและคุณประธานต่างประนีประนอมยอมกัน(?) คือหมายถึงหันมาจับมือสามัคคี พูดดีประหนึ่งไม่เคยเป็น แถมยังมีกลิ่นอายแปลกๆ มันคล้ายๆคนเป็นแฟนกันยังไงชอบกล พฤติกรรมน่าสงสัยมาก!
“ฉันบินไปซื้อผ้าไหมชั้นดีที่เมืองไทยแค่อาทิตย์กว่าๆ สองคนนี้ไปลงรอยกันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” พ่อคนอภิมหารวยที่โดดเรียนบินไปต่างประเทศเพียงแค่ซื้อผ้าไหมมาสะสมเอ่ยขึ้น แหม งานอดิเรกน่ารักดี่นี่ ซึ่งงานนี้ก็มีแต่บาโรที่ตกข่าว
“ลงรอย?” คนที่เพิ่งมีบทอย่างชินวูเลิกคิ้วอย่างสงสัยกับคำที่เพื่อนใช้
“อ้าว ก็จินยองกับกงชานไง คบกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ใครบอกแก เท่าที่รู้สองคนนั้นไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย”
“เป็นดิ! เป็นไปไม่ได้อ่ะ!” ท่านเลขานุการยังเชื่อว่าสายตาของตัวเองมองไม่ผิดแน่ๆ สองคนนั้นมันมีออร่าของความรักลอยอบอวลเต็มไปหมด เหมือนกับว่าโลกนี้มีแค่เราสองคน อารมณ์นั้นเลย ...คือรู้ตัวไง ว่าเหมือนเป็นคนนอก...
“อยากรู้?” รองประธานก็ถามไปงั้น เพราะไม่ต้องเดาบาโรก็พยักหน้าจนคอแทบหลุด ไม่ค่อยจะสาระแนเท่าไหร่เลย
“ถามจินยองเอาเองดิ” พอได้ยินเพื่อนรักตอบกลับมา เลขานุการก็แทบอยากถลาเข้าไปต่อยแว่นแตก ปัดติโถ่! แล้วมาพูดให้อยากทำไมวะ แต่ช่างมัน ตอนนี้เขาต้องการใช้สมอง เพราะฉะนั้น กินก่อน
...ไม่บอกก็รู้ ว่าสมองของบาโรมีแต่เรื่องของชาวบ้าน...
ห้านาทีให้หลัง จินยองและกงชานก็เดินกลับมาทรุดตัวนั่งลงที่เดิม คนตัวสูงจัดการวางถาดอาหารสีน้ำตาลลงก่อนจะยกเอาจานด้านบนออกมาวางไว้บนโต๊ะด้วยใบหน้ายิ้มแย้มที่หันไปหาประธานนักเรียนตลอดเวลา นั่นไม่อาจรอดพ้นสายตาของคนที่รอจับผิดอย่างบาโรแน่นอน
...แค่ไปซื้อข้าวมา มันมีความสุขขนาดนั้นเลยหรือไง...
ปากหยักก็อมช้อนไป ตากลมก็กลอกมองตามอย่างกระชั้นชิด นั่นไงๆ ออร่ามากอ่ะ แสงเรืองรองของเราสองคนขนาดนี้ ไม่ผิดแน่! สองคนนี้มันมีซัมติง เอฟวารี่ติง(?) ฟอร์ชัวร์! อ๊าก! ไอจินยอง แกเป็นคนยิ้มหวานขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเพื่อนอย่างฉันไม่เคยเห็น บ๊ะ! แบบนี้มันต้องกระตุ้นกันสักหน่อย
“จินยอง”
“หือ มีอะไร” คุณประธานที่ตกเป็นเป้าหมายโดยไม่รู้ตัวเลิกคิ้วขึ้น มองหน้าเลขาประจำกายฝั่งตรงข้าม ก่อนมือนิ่มจะยกน้ำขึ้นดื่มดับกระหาย
“คบกันเหรอ กับกงชาน”
พรวด!!!
เปียก หลังคำถามนั้นบาโรรู้แค่ว่าตัวเองเปียก สิบเปอร์เซ็นต์เชื่อว่าเป็นน้ำลายของเพื่อนรักอย่างแน่นอน อีกเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วแต่ผู้ชมทางบ้านและผู้ชมในห้องส่งจะคิด(?) เริ่มเลอะ เอาเป็นว่ามันก็ไม่มีอะไรนอกจากบาโรยกมือขึ้นปาดหยาดน้ำ(ลาย)ออกจากใบหน้าอันหล่อเหลา เชื่อไหมว่าเขาชักจะคันๆ ก็มันชาเขียวนมนะไอบ้า! พ่นมาได้!
“แค่กๆๆ” แต่คนที่กงชานห่วงนักห่วงหนากลับเป็นจินยองที่แค่สำลักชาเขียว มากกว่าบาโรผู้โดนอิทธิพลเข้าเต็มๆ คนตัวสูงค่อยๆลูบหลังให้จินยองราวกับกลัวว่าจะทำให้คนตัวเล็กไอมากกว่าเดิม
“กระดาษครับรุ่นพี่” เออนะ ดีหน่อยที่ท้ายสุดก็ยังเหลือบตามาเห็นคุณเลขาฯ แล้วหยิบกระดาษทิชชู่บนถาดยื่นให้ บาโรจึงรับไปแล้วสลัดคราบเขียวๆออกจากหน้าที่มันก็เอาไปแต่ความเขียว แต่ความเหนียวยังอยู่ เออ เซ็ง!
“คิก” บาโรหันขวับไปอีกทางทันทีที่ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากคนข้างๆ ซานดึลผู้ไม่เคยได้รับไดอะล็อกกำลังปิดปากซ่อนรอยยิ้มขบขันเอาไว้ นานทีปีหนจะเห็นพ่อเหรัญญิกหัวเราะ เอาเป็นว่าเขาจะไม่ว่าอะไรก็แล้วกัน เพราะมันก็น่ารักดีไม่หยอก
“ว่าไงล่ะ เพื่อนอยากรู้ จะตอบได้หรือยัง” นี่ไม่ใช่ประโยคของบาโรแต่อย่างใด มันมาจากชินวูหนุ่มแว่นเจ้าเสน่ห์ด้านข้างต่างหาก
“นายก็เอาด้วยเหรอชินวู” จินยองมีสีหน้าลำบากใจ รอยยิ้มแห้งๆถูกส่งไปให้กับกงชาน ซึ่งรุ่นน้องก็กระตุกยิ้มกลับมาให้ใจสั่นเล่นๆ จนต้องรีบเบือนหน้าหนี
“คบอะไรเล่า ซี้ซั้วจริงๆ” แก้อาการเขินด้วยการยกชาเขียวขึ้นดื่ม ซึ่งพอเห็นบาโรก็สะดุ้งโหยงโยกตัวหลบทันที กันไว้ก่อนดีกว่าสายแล้วแก้ไม่ได้ หน้าก็จะเหนียวอีก(?)
ฮั่นแน่! แอบคิดล่ะสิ ว่าเขากับกงชานเป็นแฟนกัน ซึ่งอันที่จริงแล้ว มันไม่ใช่... คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นเหรอหลังจากจูบนั้น ไม่มีซะล่ะ ทุกอย่างปกติจนจินยองเองก็งง(?) อ๊ะ ลืมไป ทุกอย่างปกติ ยกเว้นเขากับกงชานที่เปลี่ยนไป
“กงชานเย็นนี้ว่างหรือเปล่า ถ้ายังไงสอนเลขบาโรหน่อยนะ” อยู่ดีๆซานดึลก็เปลี่ยนหัวข้อขึ้นมากะทันหันเล่นเอาคนที่ถูกพาดพิงในประโยคและไม่ได้ถูกพาดพิงถึงกับตามไม่ทัน ฟังดีๆเหมือนประโยคมันเป็นการยัดเยียดยังไงชอบกลแฮะ
“แล้วทำไมนายไม่สอนล่ะ” ประธานคิดว่ามันดูไม่ดีหากจะให้รุ่นน้องไปสอนรุ่นพี่อย่างนั้น แม้ว่ากงชานจะขั้นเทพมากขนาดไหนก็ตาม มันเสียเซล์ฟชัดๆ แสดงถึงความฉลาดของเพื่อนตัวเองในทันที มันไม่ดีจริงๆนะ ไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่น เชื่อจินยองสิ
“ฉันเก่งบัญชี เรื่องเงินๆทองๆอะไรแบบนั้น คณิตศาสตร์ไม่ถนัดหรอก” พยักหน้าขึ้นลงประกอบให้จินยองเห็นว่าเขาพูดจริง แต่มีหรือที่จินยองจะยอม หันหน้าไปหาที่พึ่งอีกคนทันที
“งั้นนายล่ะชินวู”
“เอ่อ ฉันไม่ว่าง” ปฏิเสธเสียงสูงเมื่อเจอสายตานิ่งๆจากซานดึล และพอคนโน้นก็ไม่ได้คนนี้ก็ไม่ว่างคุณประธานเลยหันไปหงุดหงิดใส่ตัวการแทน
“บาโร! หัดตั้งใจเรียนซะมั่งนะ ไม่ใช่เอาแต่โดดเรียนบินไปซื้อผ้าไหม” หงุดหงิดๆ มาเป็นเลขาได้ยังไงวะเนี่ย
“ทำไมอ่ะ มีนัดกันเหรอ” ซานดึลถามขึ้นเพราะดูประธานจะฉุนๆ
“ก็เปล่า...”
“หรือว่า นายหวง”
อึก!
อันนี้ก็ยอมรับ แน่นอนมันเป็นอารมณ์ปกติของคนที่แอบชอบไม่ใช่หรือไง แต่ว่านะ ทำไมต้องมาพูดต่อหน้ากงชานด้วยเล่า! ถึงความสัมพันธ์ของเขาและรุ่นน้องจะดีขึ้นก็เถอะ แต่ถึงยังไงเขาก็ยังไม่ได้บอกหรอกนะ ความรู้สึกของตัวเองน่ะ ก็แค่ไม่ได้ทะเลาะกัน ไม่ได้เถียงกัน เขาไม่ได้ใช้น้อง น้องก็ไม่ได้เหนื่อย มันก็แค่นั้น มันใช่เรื่องไหมล่ะที่จะเอามาพูดตอนนี้ งั้นกงชานก็รู้หมดน่ะสิ!
“ว่างครับรุ่นพี่ ฝากตัวด้วยนะครับพี่บาโร” เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเงียบไปกงชานจึงตอบขึ้นมาซะเอง เลยได้สายตาค้อนๆจากประธานหน้าหวานที่เจ้าตัวไม่คิดจะเก็บอาการ แต่กงชานผู้ไม่เคยหวั่นแม้จินยองจะโกรธหรือโมโหก็ทำแค่เพียงยักไหล่น้อยๆ จนจินยองที่เห็นน่ะสะบัดหน้าคอแทบหลุด เรียกรอยยิ้มของกงชานได้อีกแล้ว
“เฮ้ย! พูดกันเอาเองทั้งหมดเลยนะเนี่ย ถามฉันสักคำหรือยังว่าอยากให้เด็กมันสอนไหม” คนที่เป็นถึงกรรมการนักเรียนรู้สึกเสียฟอร์มสุดๆ เกิดมาอายุมากกว่าแล้วทำไมต้องไปนั่งให้เด็กมันสั่งมันสอน ไม่ให้เกียรติกันเลยนิ แต่ประโยคต่อมาของซานดึลก็ทำเอาบาโรหุบปากฉับทันที หรือที่ถูกคือ มันแทงใจดำ
“ยังไงแกก็ต้องติว กงชานฉลาดคำนวณกว่าแก”
พอสอบเสร็จก็รีบมาแต่งต่อเลย ทำที่ค้างไว้ให้เสร็จ ^^
แต่มันไม่ยักกะจบแฮะ แต่ตอนหน้าจบแน่นอน
อุ้มลงไว้อีกที่นึงคือ ในบ้าน www.b1a4fanclub.com
รักเด็กๆ ไปอยู่บ้านหลังเดียวกันนะคะ ^O^
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและเม้นให้กำลังใจกันค่ะ ^^
ความคิดเห็น