คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Rival or Lover :: 1 ::
“น้องบอกว่าเราเบี้ยวไม่ยอมไปรับที่สนามบิน มัวแต่ทำอะไรอยู่”
คิมจงอินกำลังเลิกคิ้วมองหน้าผู้ให้กำเนิดอย่างแปลกใจปนสงสัย เขาเนี่ยนะเบี้ยวไม่ยอมไปรับโอเซฮุนที่สนามบิน แม้แต่รับปากก็ยังไม่เคย! แล้วจะให้เขาไปรับอีกฝ่ายได้ยังไง แต่พอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างนิดๆยามที่นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบไปเห็นริมฝีปากแดงอ่อนกระตุกยิ้มอยู่ด้านหลังหัวหน้าครอบครัว จงอินร้องเหอะในลำคอพลางกลอกตาไปมาให้กับกิริยาแบบเด็กๆไม่รู้จักโต
“เซฮุนบอกเราเกลียดน้อง ทำไมล่ะ เรื่องมันก็นานมาแล้ว เมื่อไหร่จะเลิกอคติกับน้องสักที” คนเป็นพ่อเอ่ยเสียงเข้มพลางมองหน้าลูกชายอย่างถามเอาความและตำหนิเล็กๆ หัวคิ้วขมวดยุ่งเมื่อไม่ต้องการเห็นลูกชายสองคนของตัวเองทะเลาะกัน แม้โอเซฮุนจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่เขาก็รักและดูแลส่งเสียมาหลายปี
คิมแจโฮแต่งงานใหม่กับหญิงคนหนึ่ง เธอมีลูกติดซึ่งก็คือโอเซฮุน เช่นเดียวกับคิมจงอินที่เป็นลูกชายของเขากับภรรยาเก่าที่จากไปนานแล้ว เขากับโอซึงมีให้กำเนิดลูกชายด้วยกัน ตอนนี้ห้าขวบ ครอบครัวเรามีความสุขดี และจะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าพี่ใหญ่กับพี่รองจะเลิกทะเลาะกันเสียที
“มันก็เกลียดไค... แล้วที่บอกว่าจะไปรับที่สนามบินนั่นก็โมเมเองทั้งนั้น” นัยน์ตาสีน้ำตาลกลอกไปมาอย่างรำคาญ อันที่จริงก็ฝ่ายนั้นนั่นแหละที่ชอบหาเรื่องเขา
“แล้วไปรับน้องมันเป็นอะไร”
“พ่อก็รู้ว่าไม่ถูกกัน อยู่ใครอยู่มันดีกว่านะครับ” ว่าจบก็หมุนตัวก้าวขาเดินขึ้นมาบนชั้นสอง ใบหน้าคมเข้มจริงจัง หัวคิ้วขมวดมุ่น ทว่าต้องแปลกใจเมื่อเหลือบไปเห็นกระเป๋าใบโตสีดำ และมันจะไม่แปลกอะไรสักนิด หากว่ากระเป๋าบ้าบอนี่มันไม่มาอยู่ในห้องนอนของเขา แน่นอนคิมจงอินไม่ได้กำลังจะเดินทางไปไหนถึงขนาดต้องหอบของราวกับย้ายบ้าน จนกระทั่งใบหน้าขาวของใครบางคนมันผุดขึ้นมานั่นแหละ เจ้าของผิวสีน้ำผึ้งถึงกับร้องเหอะในลำคอ
“ฉันจะนอนห้องนี้” และไม่ต้องเหนื่อยลงไปตามเอง โอเซฮุนก็เดินขึ้นมาเอาแต่ใจถึงที่
“ปัญญาอ่อนหรือไง ไม่เห็นเหรอว่านี่มันห้องของฉัน เอากระเป๋าใบเท่าบ้านของนายออกไปไกลๆเลยไป” แถมด้วยการใช้เท้าออกแรงยันส่งให้
ซึ่งมันก็ทำให้ใบหน้าขาวจัดของโอเซฮุนบึ้งตึงขึ้นมาทันทีกับท่าทางแบบนั้น แล้วเรื่องอะไรที่เขาจะต้องยอมด้วย เดิมทีก่อนจะบินไปเรียนที่อังกฤษห้องนี้ก็เป็นของเขามาก่อน แล้วจะปล่อยให้ไอพี่ชายปลอมๆนี่แย่งไปได้ยังไง
“คนที่ปัญญาอ่อนน่ะมันนายต่างหาก สมองฟ่อหรือไงถึงจำไม่ได้ว่านี่มันเป็นห้องของฉันมาก่อน”
“จำได้ แต่ตอนนี้มันเป็นของฉันไง เพราะงั้นก็เอามันออกไป”
“เรื่องเหอะ!” เดินดุ่มๆหน้าตางองุ้มเข้าไปกระแทกตัวนั่งลงบนเตียงกว้าง บอกให้รู้ว่าโอเซฮุนไม่ยอมอย่างแน่นอน ดวงตาเรียวคู่สวยตวัดช้อนขึ้นมองใบหน้าคมเข้มที่แสนจะไม่ชอบก่อนจะถลึงลูกตาใส่ ขายาวที่ปกคลุมด้วยยีนสีดำยกขึ้นขัดสมาธิ
“เถียงอะไรกันอีก” ผู้นำครอบครัวเห็นท่าไม่ดี ได้ยินเสียงลงไปถึงข้างล่างก็รีบเดินเข้ามาปรามทั้งคู่ ดวงตาคมมองสลับระหว่างคิมจงอินและโอเซฮุนพลางรู้สึกปวดขมับเหลือเกิน ร่างสูงใหญ่ยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนเจ้าปัญหา หรือจะพูดให้ถูกคือลูกชายเขาสองคนนี่แหละที่เจ้าปัญหา
“คุณพ่อ นี่มันห้องเซฮุนนะ ทำไมคุณพ่อถึงยกให้พี่ล่ะ” คนน้องรีบฟ้องทันทีโดยมีสายตาของจงอินกลอกไปมา
“ก็เราไปเรียนโน่น พ่อก็เลยไม่ได้ว่าอะไรพี่เขาน่ะลูก”
“แต่ตอนนี้กลับมาแล้ว และเซฮุนก็จะนอนห้องนี้ด้วย”
“เด็ก”
ดวงตาเรียวคู่สวยตวัดฉับไปทางจงอินที่ยืนเบ้ปากอย่างไม่สบอารมณ์ คำสั้นๆพยางค์เดียวนั้นมันราวกับหาว่าเขาไม่รู้จักโต ซึ่งมันก็ค่อนข้างไม่จริง เซฮุนแค่อยากทวงสิทธิ์ของตัวเองคืน ไม่ได้เรียกว่าเด็ก แต่มันเป็นวิธีที่ผู้ใหญ่เขาใช้กันต่างหาก!
“ไม่รู้แหละ เซฮุนจะเอาห้องของตัวเองคืน”
สะบัดหน้าหนีคนเป็นพ่อด้วยความเอาแต่ใจ ไอแบบนี้แหละนะที่เจ้าตัวมองไม่เห็นว่ามันเป็นนิสัยของเด็กไม่รู้จักโตแบบที่คิมจงอินว่าเลย ทำเอากรรมการในศึกครั้งนี้อย่างคิมแจโฮต้องถอนหายใจออกมายาวๆกับความดื้อของลูกชายทั้งสอง
“ว่าไงล่ะไค”
“ไม่ ผมอยู่แบบนี้มานานแล้ว เรื่องอะไรจะต้องย้ายเพราะเด็กไม่รู้จักโตแค่คนเดียว”
“นายว่าใคร”
“ก็ใครล่ะ?”
“ก็นายว่าใครล่ะ”
“แล้วใครมันเรื่องมากอ่ะ...”
“โอเคๆๆ เฮ้อ ไม่ทะเลาะกันสักวินาทีนี่จะได้ไหม คนนี้ก็จะเอาอย่างนั้น คนนั้นก็จะเอาอย่างนี้ พ่อก็ปวดหัวเหมือนกัน ดี! พ่อก็อยากเอาแต่ใจบ้าง งั้นอีกห้องที่ว่างอยู่ พ่อจะเอาไว้เป็นห้องทำงาน ส่วนเราสองคนก็นอนห้องนี้ไปนั่นแหละ ถ้าไม่พอใจก็ออกไปอยู่ข้างนอกเป็นไง โตๆกันแล้วนี่”
“พ่อ!!!” คราวนี้ล่ะสามัคคีกันเรียกอย่างพร้อมเพรียง ไม่วายหันไปจ้องหน้ากันด้วยสายตาดุๆเหมือนอยากจะด่าที่กล้ามาพูดพร้อมกัน บอกให้รู้ว่ายังไงก็ไม่ยอมแน่ๆ ทั้งนอนห้องเดียวกัน รวมถึงออกไปอยู่ข้างนอกนั่นด้วย ใครยอมก็เสียทีตายดิ
“แล้วจะเอายังไงกัน?” คนเป็นพ่อที่เริ่มเห็นเค้าลางอะไรบางอย่างพยักพเยิดหน้าถามลูกชาย “ใครจะออกไป?”
“เรื่องอะไร!!”
“ดี งั้นก็แชร์ห้องกันอยู่ไปนะ” ว่าจบก็หันหลังเดินออกไปจากห้องนอน ปล่อยให้ลูกชายสองคนมองหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย
คล้อยหลังผู้ให้กำเนิดไปเท่านั้นแหละ คิมจงอินที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายปลอมๆก็รีบเดินไปหยิบกระเป๋าใบเขื่องแล้วจัดการโยนมันออกไปนอกห้องโดยมีสายตาของน้องชายมองตามด้วยความอึ้งพร้อมกับอ้าปากพะงาบๆ จากนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็หันขวับมาทางคนผิวขาวที่จุมปุ๊กอยู่บนเตียง นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มดูน่ากลัวจนโอเซฮุนเผลอกลืนน้ำลายลงคอ
“ลงมา!”
“ไม่!”
“ไม่ลงใช่ไหม” ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูด พยักหน้าหงึกหงักกับตัวเอง พลางหัวเราะหึในลำคอก่อนจะพุ่งเข้าหากายบอบบางที่ผวาไม่ทันได้ตั้งตัว
!!!
“คิมจงอิน!! ไอบ้า! ปล่อยนะโว้ย!” ข้อขาที่ถูกดึงอย่างแรงทำให้คนตัวผอมที่ยื้อผ้าปูที่นอนไว้สุดกำลังร้องแหว ร่างกายค่อยๆไถลลงตามแรงดึงของอีกฝ่าย
พลั่ก!
“โอ๊ย! ..หือ โอเซฮุน!!” คนแก่เดือนกว่าอย่างคิมจงอินร้องเสียงหลงเมื่อปลายเท้าที่ตนเองจับเอาไว้ถีบเข้าหน้าท้องเสียเต็มแรง เล่นเอาจุกบอกไม่ถูก นั่นยิ่งเพิ่มอารมณ์คุกกรุ่นของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี แต่กระนั้น มือที่ตอนแรกจับเอาข้อเท้าเล็กก็เผลอปล่อยให้อีกคนเป็นอิสระไปแล้ว
โอเซฮุนที่พอตั้งตัวได้ก็ยืนขึ้นเต็มความสูงบนฟูกนุ่ม ใบหน้าหวานฉายแววหวั่นเล็กๆ แต่ก็ไม่ยอมโดยเด็ดขาด จ้องกับนัยน์ตาสีน้ำตาลที่ช้อนขึ้นมองอย่างเอาเรื่องก่อนจะขู่ด้วยประโยคที่ดูน่ากลัวเหลือเกินถ้าไม่ใช่ว่าคนฟังเป็นคิมจงอินล่ะนะ
“เข้ามาพ่อจะเตะให้ร้องไม่ถูกเลย ..คนที่ต้องออกไปน่ะคือนาย นี่มันห้องของฉันโว้ย!”
เพราะงั้นไอที่พูดๆมามันถึงไม่ได้ทำให้จงอินกลัว กลับกันเป็นโอเซฮุนซะเองที่ร้องเหวอตอนที่กายสูงโปร่งหุ่นดีสมเป็นผู้ชายของจงอินโถมเข้าใส่ แขนยาวรั้งเอวคอดให้อีกฝ่ายล้มลงนอนบนเตียงอย่างง่ายดาย ก่อนจะทาบทับไว้ด้วยร่างกายของตัวเอง เท่านี้โอเซฮุนก็ไปไหมไม่รอดแล้ว
“โอ๊ย! เจ็บโว้ย! หนักก็หนัก! ออกไปปป!!”
“งั้นนายก็ออกไป”
“ไม่!”
พอไล่ไม่ได้ผล คิมจงอินก็เงียบไปสักพัก จ้องดวงตาเรียวสวยที่มองเขม็ง ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นไล่สำรวจผิวขาวๆที่โผล่พ้นคอเสื้อกล้ามสีดำด้านในที่ตอนนี้เสื้อนอกร่วงหล่นเปิดแนวไหล่กลมมน
“หึ คิดว่าใช้สายตาแบบนั้นแล้วฉันจะกลัวไง? นายไม่ทำอะไรฉันอยู่แล้ว เพราะงั้นก็ถอยออกไป” ดวงตาเรียวสวยจ้องใบหน้าหล่อเหลานิ่ง มุมริมฝีปากกระตุกยิ้มเล็กอย่างมั่นใจยืนยันคำพูดของตนเอง และมันก็เป็นอย่างที่เซฮุนว่า เมื่อจงอินค่อยๆถดตัวลงจากการทาบทับกายบอบบางของน้องทันที แต่ไม่วายส่งอวัยวะเบื้องต่ำยันกายผอมจนตกเตียงในทีเดียว
“อ๊ะ!...” คนเป็นน้องร้องเสียงหลง ใบหน้าขาวเหยเก หัวคิ้วขมวดยุ่ง ก่อนจะตัดสินใจเดินตึงตังไปนำเจ้ากระเป๋าใบใหญ่ที่ถูกโยนออกไปด้านนอกกลับเข้ามาดังเดิม มือขาวค่อยๆจัดแจงหยิบทุกอย่างออกมาจากกระเป๋าเงียบๆ เพราะเหนื่อยกับการสู้รบปรบมือกับคิมจงอินเต็มที
“จะทำอะไร”
“ก็จัดของเด่ะ” เซฮุนที่อยู่หน้าตู้เสื้อผ้าหันมาเหลือบสายตามองจงอินอย่างรำคาญ มือขาวจัดการเลื่อนเปิดประตูตู้ไม้ใหญ่ แล้วดันเสื้อผ้าหลากสีที่ไม่ได้เต็มตู้ไปติดอีกฝั่งอย่างไม่เกรงใจ เล่นเอาเจ้าของถึงกับเบิกตาท้วง
“ใครให้อยู่ไม่ทราบ”
“ทำไม? ..ทนไม่ได้ก็ออกไปดิ”
!!!
คิมจงอินชะงักกึกไปทันทีที่คนผิวขาวเงยหน้าขึ้นมาท้าทาย มุมริมฝีปากอิ่มกระตุกยิ้มเยาะราวกับที่อีกคนพูดมันน่าขันเสียเต็มประดา ก่อนจะพยักหน้ากับตัวเอง ถึงเขากับโอเซฮุนจะไม่ถูกกัน แต่ก็เขาอีกนั่นแหละที่รู้ธาตุแท้มันดีที่สุด เพราะงั้น ไล่ยังไงอีกคนก็คงไม่ออกไปแน่ๆ
“ก็ดี ...หลบดิ๊!”
“ไอ้!...” ไม่ทันได้ด่ากลับโทษฐานเอาพระบาทมาเขี่ย กายสูงโปร่งของพี่ชายจำใจก็เดินดุ่มๆออกจากห้องนอนเจ้าปัญหาไปซะแล้ว เซฮุนเลยได้แต่ถลึงลูกตาใส่บวกสาปแช่งทำปากขมุบขมิบตามหลังไปติดๆ “ไอดำเอ๊ย”
- - -
“พ่อ! มันโตจนทำอะไรได้เองแล้วนะ กะไอแค่ไปสมัครเรียน มันก็ทำได้น่า!” เสียงทุ้มขึ้นจมูกนิดๆของคิมจงอินบ่นกระปอดกระแปด เมื่อถูกใช้งานให้พาน้องชายที่เพิ่งกลับมาจากอังกฤษหมาดๆเมื่อวานไปสมัครเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเขา อันที่จริงก็ไม่เชิงสมัคร เพียงแค่ไปทำเรื่องอีกนิดหน่อย เพราะนอกนั้นก็เขาอีกนั่นแหละที่ทำไว้ให้มันหมดแล้ว
เมื่อไหร่คิมจงอินจะหลุดพ้นสักทีวะ
“ก็น้องไม่รู้จักที่รู้จักทาง จะพาน้องไปหน่อยมันเป็นอะไร”
“โห่!..พ....”
“หักเงินเดือน”
!!!
เจ้าของผิวสีน้ำผึ้งหรืออีกนัยหนึ่งที่โอเซฮุนชอบเรียกว่าดำเบิกตากว้างอย่างตกใจหลังได้ยินประกาศิตจากคนเป็นพ่อ ก่อนนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจะเบนไปทิ่มแทงคนผิวขาวที่ยืนกอดอกเฉยไม่พูดอะไรสักคำ
เสื้อกล้ามสีขาวที่วันนี้เจ้าตัวหยิบมาใส่คู่กับเสื้อคลุมบางลายสก็อตโทนขาวแดงดำ แนวกระดุมช่วงบนปล่อยโล่งอวดเนินไหปลาร้าสวย บวกกับกางเกงยีนสีดำรัดรึงอวดทรงขาเพรียว ราวกับหลุดออกมาจากนิตยาสารญี่ปุ่นอะไรจะปานนั้น ผิดกับคนเป็นพี่ชายที่หยิบเจ้าเสื้อยืดสีดำมาใส่คู่กับกางเกงยีนธรรมดาเหมือนทุกวัน
คิมจงอินเหยียดมองด้วยสายตาก่อนจะจิ๊ปากไม่พอใจเล็กๆ แล้วหมุนตัวเดินนำออกไปทันที เพราะถ้าไม่พาอีกคนไป เงินที่เขาควรจะได้จากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองมันอาจจะหายไปได้ง่ายๆ เขาไม่ได้ขอเงินพ่อแม่ใช้นะ รถทุกคันส่วนมากก็ผ่านมือคิมจงอินหมด แล้วเรื่องอะไรจะยอมโดนหักเล่า
เซฮุนที่เห็นอย่างนั้นก็ยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแล้วรีบก้าวตามเงียบๆ ไม่วายหันกลับไปก้มหัวลาผู้นำครอบครับอย่างคิมแจโฮหนึ่งทีพร้อมรอยยิ้มหวานๆน่าเอ็นดู เพราะโอเซฮุนน่ารัก เลยมักชนะลูกชายแท้ๆอย่างคิมจงอิน แต่ไม่ใช่ว่าแจโฮไม่รักลูกชายตัวเอง เพราะมันคนละแบบกัน...
และพอปล่อยให้สองคนอยู่ด้วยกัน ศึกสงครามเล็กๆมันก็เกิดเป็นเรื่องปกติ แน่นอนเรื่องรสนิยมสองคนก็ไม่เหมือนกัน อย่างเช่นแนวเพลงที่นิ้วเรียวผลัดกันกดเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเป็นว่าเล่น จนกระทั่งเจ้าของรถรู้สึกรำคาญนั่นแหละ สงครามแย่งกัดกดเครื่องเล่นก็หยุดลงพร้อมกับจงอินจัดการปิดซะ แต่กลับกลายเป็นลับฝีปากกันเสียแทน
“ถ้าไม่อยากเดินก็นั่งเฉยๆ”
“ถ้าพ่อรู้นายก็โดน”
“นิสัยเด็ก”
“คนแก่”
จงอินกลอกตาไปมาอย่างนึกเซ็ง เพราะแทนที่วันนี้จะได้ทำงานเพิ่มค่าขนมให้ตัวเอง เขากลับต้องมาเป็นคนขับรถให้โอเซฮุนที่เถียงทุกคำอย่างไม่ลดละ ตั้งแต่มันกลับมา เขาเปลืองน้ำลายไปแล้วไม่รู้เท่าไหร่ จะว่าไปเขาเองก็ทำตัวเป็นเด็กไปเยอะเหมือนกันที่ไม่รู้จักลดละ ก็อีกฝ่ายมันยั่วโมโหนี่หว่า
ไม่นานนักจงอินก็ขับรถมาจอดที่ลานสำหรับนักศึกษา วันธรรมดาที่ใกล้เปิดเทอมก็จะประปรายไปด้วยคนรุ่นเดียวกัน หรือไม่ก็นักเรียนที่จะมาเข้าเรียนใหม่ ใช่โอเซฮุนก็เข้าใหม่ แต่เข้าปีเดียวกับเขาเลยต่างหากด้วยการโอนหน่วยกิตจากมหาวิทยาลัยอังกฤษมาที่นี่ เส้นซะไม่มี เหอะ
“ด่าอะไรอยู่ในใจล่ะสิ”
“ร้อนตัว”
คราวนี้เป็นเซฮุนบ้างที่เงียบไป คนผิวขาวแยกเขี้ยวเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูพาตัวเองให้ลงมายืนต้องแสงอาทิตย์อ่อนๆ และยังไม่ทันได้อ้าปากถามว่าตกลงไปทางไหน กายสูงโปร่งที่เดินนำไปแบบไม่บอกไม่กล่าวมันก็น่าพ่นคำด่าใส่ชะมัด
ใบหน้าขาวบึ้งตึงหน่อยๆก่อนจะรีบสาวเท้าเดินตามอีกคนไปติดๆ โดยไม่ลืมจะทอดสายตามองทิวทัศน์ภายในมหาวิทยาลัยเพื่อทำความคุ้นเคย บ้างที่เขาเห็นหลายคนมองตามจนเหลียวหลัง ..ไม่พ้นว่าเหล่านั้นคือผู้ชายเสียส่วนใหญ่ และมันทำให้โอเซฮุนต้องเบ้ปาก
อะไรวะ เขาไม่มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามเลยหรือไง
คิดอะไรเพลินๆไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งเดินมาถึงหน้าอาคารใหญ่ เซฮุนที่กำลังจะก้าวขาขึ้นบันไดหินอ่อนตามแผ่นหลังกว้างไปติดๆชะงักกึก หลังได้ยินเสียงเล็กๆเรียกรั้ง...
“พี่จงอินคะ” ใช่... เธอคนนั้น หญิงสาวหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มเหมือนตุ๊กตาคนนั้น เธอเรียกคิมจงอิน
“อ้าวอึนซล ไม่เห็นบอกพี่ว่าจะมาด้วย”
และเชื่อไหมว่าโอเซฮุนรู้สึกอึ้ง อึ้งมากที่รอยยิ้มซึ่งเขาไม่เคยได้เห็นอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น รอยยิ้มบางเบาดูใจดีแบบนั้นของคิมจงอินที่เขาไม่ได้เห็นอีกเลยกำลังฉายชัดให้กับหญิงสาวที่ดูแล้วคงจะมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา
“พี่จงอินก็ไม่เห็นบอกนี่คะว่าจะมา” หญิงสาวฉีกยิ้มน่ารักโลกสว่างกลับไป ก่อนที่เธอจะสังเกตเห็นใครอีกคนที่มากับคนตัวสูง “แล้วนี่...”
“อ๋อ น้องชายน่ะ”
“น้องชาย? ไม่เห็นเคยเล่าให้ฟังนี่คะว่าพี่มีน้องชายด้วย” ใบหน้าจิ้มลิ้มดูแปลกใจมากทีเดียว เธอหันมาก้มหัวให้เซฮุนหนึ่งที “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันชื่อจองอึลซล”
“โอเซฮุน” อย่างน้อยเซฮุนก็มีมารยาทพอจะก้มหัวนิดๆทักทายกลับไป ความจริงก็คือคนผิวขาวไม่ได้แข็งกระด้างกับทุกคน หากแต่เป็นกับพี่ชายปลอมๆนี่คนเดียวต่างหาก และยิ่งมารู้ว่าชื่อเขาไม่เคยหลุดออกจากปากของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่เลยสักครั้ง มันก็ทำให้รู้สึกหงุดหงิดได้หน่อยๆ คิดอีกทีมันก็เหมือนกับเขานั่นแหละ ที่ไม่คิดจะเอ่ยถึงคนชื่อคิมจงอิน
“อ๋า หน้าคุณสวยมากเลยค่ะ”
“แต่ผมเป็นผู้ชาย.. รอข้างบนนะ” ตอบกลับไปเรียบๆ ท้ายประโยคหันมาพูดกับเจ้าของผิวสีน้ำผึ้งก่อนจะก้าวขึ้นบันไดนำไปก่อน ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นักว่าหญิงสาวจะหน้าเหวอแค่ไหน
ผิดหรือไงที่เขาไม่ชอบให้ใครมาบอกว่าสวย
โดยเฉพาะผู้หญิงของใครอีกคน
- - -
ขยันเหลือเกิน ปิดเทอมแล้วต้องรีบปั่นให้เยอะที่สุด ^-^
ตอนนี้แต่งแล้วรู้สึกว่ามันยาวนานมาก TT_TT (อู้ยาวนานมาก 55)
ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่าน แล้วก็เม้นดีๆที่เป็นกำลังใจให้คนแต่งหายเหนื่อย
ขอบคุณนะคะ <3
ความคิดเห็น