คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ความรู้สึกแปลกๆ
ดวงอาทิตย์ที่ลอยเด่นอยู่บนฟ้าตอนนี้คล้อยต่ำลงมาใกล้ลับขอบฟ้า คารินเดินมาตามทางระเบียงที่ว่างเปล่าจากผู้คนเพราะนักเรียนส่วนใหญ่กลับบ้านกันหมดแล้ว เธอกำลังจะเดินไปห้องพยาบาลเพื่อไปดูอาการของมัตตะ แต่ว่าเธอต้องหยุดชะงักเพราะตอนนี้นี้หน้าห้องพยาบาลถูกรุมล้อมไปด้วยสาวๆของมัตตะ บางคนถึงกับออกอาการห่วงออกหน้าออกตาแทบจะวิ่งชนนักบาสที่ยืนปิดทางไว้หน้าห้อง
เฮ้ย พวกผู้หญิงบ้า มัตตะแค่ขาพลิกนิดเดียวเองทำยังกับเขาจะไปตาย
คารินคิดแล้วตัดสินใจหันหลังกลับเดินหนีออกมาแต่ร่างของเธอชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเดินสวนมาแทบล้มแต่เขาคว้าเธอไว้ได้ก่อน
“อุ้ย ขอโทษคะ”
“อ้าว เธอคนเมื่อกลางวันนี่”
O_O ว๊าย ตายแล้วพี่จัสตินนี่น่า ตาฉันไม่ได้ฝาดใช่ไหมเนี่ย คารินเอามือขยี้ตา หล่อจัง คารินยืนค้างมองหน้าเขานิ่ง
จัสตินมองเข้าไปในดวงตาสีเขียวมรกตที่เมื่อกลางวันเขาได้เห็นอีกครั้ง เหมือนดวงตานั้นมีแรงดึงดูดให้เขาอยากมองเธอนานๆ ดังมีมนต์ขลัง
“เอ่อ รุ่นพี่คะ คือเรื่องแว่นขอบคุณมากนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะเอามาคืนให้คะ”
คำพูดของคารินทำเอาจัสตินสะดุ้งตื่นจากอาการตะลึงเมื่อครู่ คาซิโนว่าฉายาของเขาถูกเก็บหายเข้าไปในตัวอย่างไม่มีร่องรอยที่จะหลุดออกมาให้คารินได้เห็น
“ไม่เป็นไรครับ พี่ไม่ค่อยได้ใช้ถ้ามีใหม่เมื่อไหร่แล้วค่อยเอามาคืนก็ได้พี่ไม่รีบ”
ว่าพลางลูบหัวเธอเบาๆอย่างเอ็นดู จัสตินไม่เคยรู้สึกแปลกๆกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อนเลย
“นั้น ขอตัวก่อนนะคะ”
คารินรีบเร่งฝีเท้าออกมาให้เร็วที่สุดเพราะไม่อยากให้เขาได้เห็นอาการหน้าแดงของเธอที่ปรากฏอยู่บนแก้มทั้งสองข้าง
“ยัยคารินบ้า ทำไมเธอไม่ยืนคุยกับพี่เขาให้นานกว่านี้นะ โง่จริงๆเลย”
คารินเดินบ่นกับตัวเองเมื่อเดินออกมาไกลลับจากสายตาของจัสตินแล้ว
หมับ
ร่างของเธอโดนรวบไว้ อย่างแรงจนคารินตกใจ
“ว๊ายยยย”
เธอโวยวาย พยายามดิ้นรนอกจากอ้อมกอดของใครคนนั้น ทว่าคนที่กอดกลับปิดปากเธอไว้แน่นและรัดตัวเธอแรงกว่าเดิม แล้วผลักเธอไปชิดกับกำแพง
พลั่ก
ร่างบางกระแทกกำแพงอย่างแรง
“มัตตะ ไอ้บ้านายทำอะไรนะ”
O_O คารินลืมตาโพล่ง
“ชูว์ เบาๆซิยัยเบอะฉันกำลังหนีพวกแฟนคลับอยู่ เธอนี่ขี้โวยวายจริงๆเลย”
มัตตะตัวสูงกว่าคารินเกือบ 20 เซนยกมือป้องปากส่งสัญญาณบอกให้เงียบ แล้วเขาก็พาเธอไปหลบในห้องเก็บของเก่าๆแทบแคบมากๆด้วย
กลิ่นสาบเหม็นๆลอยมาปะทะจมูกจนคารินทนไม่ไหว
“มัตตะพาฉันมาที่นี้ทำไม ปล่อยฉันจะออกไป”
“เธอ ก็เบาๆซิ”
มัตตะทุบหัวคารินไปโปกนึง
“โอ๊ย ไอ้....”
“มัตตะหายไปไหนแล้วอ่ะเร็วจัง”
“ใช่เมื่อกี้ยังเห็นแวบๆอยู่เลย”
“ลองไปดูทางนู่นไหมห้องน้ำชายนะเผื่อพี่มัตตะจะไปเข้าห้องน้ำเราจะได้ถือโอกาสแอบดู”
เวรกรรม555+ คารินหัวเราะกิ๊กกั๊กอย่างอดไม่ได้ แต่พวกนั้นยังไปไม่ไกล มัตตะเลยดึงหัวคารินมาซุกกอดไว้ในอกเพื่อปิดเสียงหัวเราะของเธอ
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก เวลาผ่านไปหลายนาทีในห้องเก็บของมีมัตตะกับคารินยืนกอดกันอยู่
ต่างคนก็ต่างเงียบจนได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่าย อบอุ่น คารินที่ซุกอยู่ในอกของมัตตะรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ไม่ต่างกับมัตตะเท่าไหร่ที่รู้สึกเหมือนกับเธอ
จี้ดดดดดด
หนูสีดำตัวโตไต่อยู่บนเท้าของคาริน
“อ๊าย”
เธอผลักตัวออกจากอ้อมกอดของมัตตะแล้วเปิดประตูวิ่งออกมาข้างนอก
โครม
มัตตะคุงล้มลงไปอยู่บนกองไม่กวาดโดยที่มีไม้ถูพื้นครอบอยู่บนหัว
“555+ดูซิเหมือนใส่วิกผมเลยก๊าก”
คารินออกไปยืนหัวเราะท้องแข็ง
“โอ๊ย ฉันเจ็บเท้าอยู่นะยัยแก่เบอะมาช่วยพยุงฉันขึ้นหน่อยซิ”
จริงด้วย มัตตะเท้าพลิกอยู่
คารินเข้าไปดึงมัตตะที่กวักมือเรียกให้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้องเก็บของนั้น
“ยัยเบอะฉันเจ็บนะพยุงดีๆไม่เป็นรึไงห่ะ”
“ก็นายตัวหนักนี่น่า ใครเขาจะไปพยุงไหวล่ะ”
“ใครใช้ให้เธอตัวเล็ก ห่ะ ยัยเตี้ย”
มัตตะเอามือจิ้มหัวเธอ
“แล้วใครใช้ให้นายตัวใหญ่ล่ะ เด็กเปรตมัตตะ ฉันอายุแก่กว่านายนะเรียกชื่อให้มันดีๆหน่อยซิยะ”
“อย่ามาบ่นนะ เธอตัวเล็กกว่าฉันตั้งเยอะ จ้างให้ฉันก็ไม่เรียกเธอพี่”
“เย็นนี้นายไม่ต้องกินข้าว”
“ฉันไม่กินไข่เจียวทอดดำปี๋ของเธอหรอกน้า ฉันก็ทำกับข้าวเป็น”
“หนอย แล้วไม่เพราะไข่เจียวทอดของฉันหรอนายถึงได้ตัวโตแล้วก็หล่อมีคนมาชอบเยอะขนาดเนี่ย”
“เธอลืมเติมคำว่าไข่เจียวดำปี๋ไหม้ๆ แล้วก็ขอบคุณครับที่ชมว่าฉันหล่อ 555+”
มัตตะเอามือที่คล้องคอคารินมาทุบหัวเธอเบาๆแต่สำหรับเธอนะมันแรงฟายมาก
ไอ้เด็กบ้าฉันอยากให้แฟนคลับนายมาตอนนี้จังเลยจะได้รู้ว่าเด็กเปรตมัตตะที่พวกสาวๆชื่นชมเป็นเด็กที่ปากเสียที่สุดในโลก
คารินหยุดพยุงมัตตะแล้วเท้าสะเอวมองหน้เขาอย่างโกรธๆ
“ถ้าเก่งนักนะก็เดินไปเองเลยชิ แล้วหัวฉันไม่ใช่กลองนะมาทุบเอาๆนะ”
“โอ้ว แหมทีกับฉันแทบจะผลักใส่ไล่ส่งพอไอ้จัสตินลูกชายเจ้าของโรงเรียนละทำยิ้มกระดี๋กระด๋าให้ลูบหัวแหวะ”
“อะไรนายเห็นด้วยหรอ เสียมารยาทดูคนอื่นเขาคุยกัน”
“ฉันก็ไม่ได้อยากเห็นเธอนักหรอก คนอุตส่าห์นั่งรอในห้องพยาบาลนึกว่าจะไปดูกัน กลับมายืนคุยกับผู้ชาย”
มัตตะตะคอกใส่คารินแบบที่ไม่เคยทำมาก่อนจนเธอเองรู้สึกเจ็บเข้าไปในใจ
“ก็แล้วทำไมล่ะ แล้วนายนะมีผู้หญิงเยอะแยะแล้วนี่ จะให้ฉันไปหานายทำไมล่ะ”
“คนแล้งน้ำใจ คนอุสส่าห์พยายามเล่นดีเพื่อชนะให้เธอดู ฉันโดนฝ่ายตรงข้ามทำร้าย เธอก็ไปสนใจคนที่ทำร้ายฉัน”
“ฉันนะ...ไอ้เด็กบ้าคนเขาก็เป็นห่วงก็เห็นผู้หญิงห้อมล้อมนายเยอะขนาดนั้นใครจะไปกล้าดูล่ะไอ้เด็กบ้า นายมาตะคอกใส่ฉันทำไม ฮือ ฮือ“
ไอ้เด็กบ้า เสียงนี้สะท้อนเข้าไปถึงหัวใจของมัตตะเขาอึ้งเมื่อมองเห็นคารินยืนร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตาย
“เอ่อ ฉันขอโทษยัยแก่เบอะเธอจะร้องไห้ทำไมเล่า”
“ก็นายตะคอกใส่ฉันทำไมเล่า”
“เพราะฉันไม่อยากให้เธอเข้าใกล้จัสติน ผู้ชายคนนั้นนะฉันไม่อยากเธอไปยุ่งกับเขา เข้าใจไหม”
มัตตะเอื้อมมือจับหัวเธอลูบเบาๆ
“อืม”
คารินพยักหน้าแล้วมัตตะก็เอามือไปเช็ดน้ำตาให้เธอก่อนที่จะพยุงกันไปที่รถจักรยานคารินเป็นคนขี่ส่วนมัตตะเป็นคนซ้อน
“นี่ยัยแก่คารินเธอจำตอนวันแรกที่เธอทำไข่เจียวไหม้ให้ฉันกินได้ไหม”
เสียงของมัตตะดังมาจากข้างหลังเขาเอาหน้าซบหลังเธอ คารินคิดถึงวันแรกที่มัตตะมาอยู่กับเธอ
“ไม่เอาอย่าพูดถึงนะฉันไม่อยากนึกถึง”
“555+ ไข่เจียวไหม้ๆตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เธอก็ยังทำมันไหม้ไม่เปลี่ยน”
แล้วเสียงหัวเราะของทั้งสองคนดังไปทั่วท้องทุ่งโคว์ฟเวอร์ที่ขี่ผ่านไปผ่านมาทุกวัน
“ขอบคุณนะสำหรับใบโคว์ฟเวอร์เมื่อเช้านะ”
“อะไรนะ”
คารินได้ยินไม่ชัดจึงถามซ้ำเพราะตอนนี้เธอและเขานั่งเล่นอยู่บนทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยใบโคว์ฟเวอร์ คารินจึงสนใจแต่หาดูใบโคว์ฟเวอร์สี่กลีบ รถจักรยานถูกจอดไว้บนถนนเล็กๆสายนั้น
“ยัยเบอะ ไม่ต้องฟังอีกเลย”
แล้วมัตตะก็วิ่งไปไล่เล่นกับลูกม้าที่กำลังกินหญ้าอยู่ใกล้ๆ
“ไอ้เด็กบ๊อง”
คารินหันไปตะโกนว่าเขาแล้วก็ยิ้มให้กับท้องฟ้าสีส้มที่เกิดจากดวงอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้าอย่างสดใส
“วู้ววววว”
คารินลุกขึ้นร้องอย่างสบายอารมณ์กางแขนหมุนรอบตัว กระโปงบานสวยเหมือนกับเธอเป้นนางฟ้า
โอ้ เจ้าโคว์ฟเวอร์ จ๋าถึงแม้เจ้าจะยังไม่เผยกลีบที่สี่ให้ข้าได้เห็นแต่ข้ายังหวังว่าซักวันฉันคงจะได้พบเจ้า ข้าจะรอ และตามหาเจ้า โอ้ เจ้าโคว์ฟเวอร์ทั้งหลายคืนนี้จงหลับใหลฝันดีไปกับค่ำคืนที่แสนงามคืนนี้ด้วยเถิด ข้ายังรอที่เจ้าจะเผยกลีบที่สี่ให้แก่ข้า เจ้าโคว์ฟเวอร์
“ดูซิยัยแก่ลูกม้ากินหญ้าในมือฉันแล้วมันไม่กลัวฉันแล้ว 555+ แกอย่ากินมือฉันไปด้วยนะเจ้าม้าน้อย”
“ให้ฉันป้อนลูกม้าบ้างซิ”
“เธอก็เดินมาซิยัยเบอะ”
“ว้าวมันกินจริงๆด้วยมันไม่กลัวเราแล้ว555+”
แสงแดดยามเย็นลับขอบฟ้า
ดวงนภายามค่ำคืนเลื่อนลอยเด่น
เจ้าโคว์ฟเวอร์สี่กลีบถึงแม้ข้ามิเห็น
ยากลำเค็ญเท่าใดข้าจะรอ...
......................................................................
ฝ ฝ้าย แห่ง ท้องทุ่งโคว์ฟเวอร์
ความคิดเห็น