คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : กห
^o^โอ้!!! ชีวิตเด็ก (เกือบ) ดอย^o^ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
เช้าวันนี้เสียงรถมอเตอร์ไซค์ของเจ้าหน้าที่ส่งจดหมายหรือบุรุษไปรษณีย์ มาจอดเทียบหน้าบ้าน พี่เฟิร์นพี่สาว ออกไปรับจดหมายปึกใหญ่ ก่อนเอามาวาง ไว้บนหลังตู้เย็น แล้วก็เปิดๆอ่านดูก่อนเจ๊เฟิร์นจะหยิบเอาโปสการ์ด รูปสวยมาให้ฝ้าย
(รูปโปสการ์ดเมืองคาล์ว ประเทศเยอรมนี)
ข้างหลังเขียนข้อความว่า
"To. นู๋ ฝ.ฝ้ายผู้น่ารัก แต่พี่นาตน่ารักกว่านะ>O<
นี่เป็นการ์ดรูปเมืองที่พี่อยู่ เห็นมันสวยดีซื้อมาสองอัน
สะพานนี้มีรูปปั้น Hermann-Hesse ด้วยนะเขามีหนังสือ
แปลกับประพันธ์นส์ ลองอ่านดู น่าจะดีมากๆเลย>O<
กลีบดอกไม้เป็นรูป
(แล้วพี่นาตก็วาดรูปใบโควฟ์เวอร์สี่กลีบมาให้ )"
By Elfenkind von Bellona
กลีบที่1.....หมายถึง ความหวัง
กลีบที่2..หมายถึง ความศรัทธา
กลีบที่3......หมายถึง ความรัก
กลีบที่4.....หมายถึง ความโชคดี
เอากลอนใบโคว์ฟเวอร์ของพี่นาตมาลงนะคะ
โคล์ฟเวอร์ สี่ใบ นำโชค
หมดโศก ทั่วโลก สดใส
ความเชื่อ ศรัทธา แห่งใจ
มีให้ เพียงเธอ ผู้เดียว
by: Elfenkind Von Bellona
พี่นาตวาดรูปใบโคล์ฟเวอร์สี่กลีบมาให้ก็หมายถึงความโชคดี
ความในใจ
" แง้ๆ อ่านโปสการ์ด และอ่านเรื่องใบโคล์ฟเวอร์ของเจ๊แล้วฝ้ายเป็นไรไม่รู้อยากร้องไห้ ขอบคุณเจ๊มากน้า รักเจ๊มากเลย แล้วที่บอกว่า เจ๊จะมางานหนังสืออ่า ฝ้ายไม่ลืมน้าเจ๊ ฝ้ายจะรอเจ๊ เจ๊มาวันไหนช่วงไหนก็บอกฝ้ายด้วย แง้ๆๆ ฝ้ายตั้งใจแต่งนิยายเรื่องใหม่ที่ตั้งใจว่ายังไงฝ้ายต้องแต่งให้จบ ฝ้ายจะตั้งใจแต่งนิยายดีๆ มาให้สำนักพิมพ์และ ไปขายของกับเจ๊ที่งานสัปดาห์ ขอบคุณเจ๊มากๆเลยมิสเจ๊นะคะ รักเจ๊"
http://my.dek-d.com/f_fine/story/view.php?id=351810
(ลิ้ง นิยายเรื่องใหม่ เพราะเรื่องเก่าโดนสับละเอียด แง้ๆ)
ว่าด้วยเรื่อง
Hermann Hesse Of....F'ine (555+)
เฮอร์มานน์ เฮสเส เกิดที่เมืองคาล์ว เยอรมนี เมื่อวันที่ ๒ กรกฏาคม(จะบอกฝ้ายเกิดวันที่ 1กรกฏาคม 555+ใกล้กันเลย อิอิ) ๑๘๗๗ เริ่มอาชีพขายหนังสือที่ตือบินแง่นและบาเซิล ระหว่างนั้นได้ลงมือเขียนและตีพิมพ์บทกวีเมื่ออายุ ๒๑ ปี ห้าปีหลังจากนั้น เขาประสบความสำเร็จอย่างสูงยิ่งจากนวนิยายสะท้อนปัญหาวัยรุ่นและปัญหาการศึกษาเวลานั้น เริ่มจาก ปีเตอร์ คาเมนซินด์(๑๙๐๔) บทเรียน (๑๙๐๖) ติดตามด้วย เกอร์ทรูด (๑๙๑๐) รอสฮัลด์ (๑๙๑๔) เดเมียน (๑๙๑๙) และ อื่นๆ
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เฮสเสต่อต้านลัทธินิยมทหารในเยอรมนีอย่างรุนแรง เขาโอนสัญชาติและย้ายไปอยู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กลายเป็นนักเขียนที่มีเกียรติภูมิสูงเด่นในโลกวรรณกรรมภาษาเยอรมัน สำนึกด้านมนุษยธรรมและการศึกษาปรัชญาพัฒนาอย่างมากในผลงานเล่มต่อๆมา เช่น สิทธารถะ(๑๙๒๗) สเตปเปนวูล์ฟ (๑๙๒๗) นาร์ซิสซัสกับโกลด์มุนด์ (๑๙๓๐) ท่องตะวันออก (๑๙๓๒) และ The Glass Beed Game (๑๙๔๓)
ส่วนบทกวีและข้อเขียนเชิงวิจารณ์เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางในบรรดานักคิดร่วมสมัย นาซีเยอรมันกลัวและกำจัดหนังสือของเฮสเส แต่ชาวสวิสกลับให้เกียรติ ทั้งยังเสนอปริญญาดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ให้แก่เขาด้วย
แต่ทันทีที่สงครามโลกครังที่สองยุติ ชาวเยอรมันกลับยอมรับเขา โดยการมอบรางวัลเกอเธ่ (Goethe Prize)ให้เป็นเกียรติ เพราะเป็นที่ปรากฏแก่นักอ่านจำนวนมากว่าผลงานของเฮสเสได้รักษาคุณค่าด้านต่างๆไว้มาก เป็น "อาณาจักรแห่งวิญญาณอันไม่จำกัดกาลเวลา" ซึ่งวงการวรรณเยอรมันและวงการวัฒนธรรมเยอรมันได้สูญเสียไประหว่าง ๑๒ ปีของการปกครองระบอบนาซี และต่อมาโลกได้ยกย่องเฮสเสด้วยการมอบรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมประจำปี ๑๙๔๖ ให้แก่เขา ในฐานะผู้สร้างผลงานที่ลึกล้ำด้วยสำนึกด้านมนุษยธรรมและงดงามด้วยวรรณศิลป์ เฮอร์มานน์ เฮสเส ถึงแก่กรรมเมื่อปี ๑๙๖๒ รวมอายุ ๘๕ ปี
นักเดินทางชีวิต...
เส้นทางยาวไกล
เส้นชัยอยู่ตรงไหน.. จะถึงเมื่อไหร่..ไม่อาจรู้.
แต่สิ่งที่รับรู้เสมอ คือการปกป้องเหล่านักเดินทางที่ตามมาข้างหลัง..
ความยากเข็ญและปัญหาที่รุมเร้าสำหรับตนเองนั้นช่างกระจ้อย
ผู้ตามมาข้างหลังต่างหากที่ต้องการการดูแลมากกว่าหลายเท่า
เพราะโลกยุคใหม่ค่อย ๆ เปลี่ยนพวกเขาทุกวี่ทุกวัน
พวกเขา.........อาจแข็งกร้าวแต่อ่อนแอ..
..............อาจเชื่อมั่นแต่ไม่รู้แยกแยะ..
..............อาจมีความรักแต่มิใช่ความรักที่แปลว่าการให้..
..............อาจมีความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนมนุษย์..
แต่มองคุณค่าความสัมพันธ์เปลี่ยนไป..
ฝ ฝ้าย ณ ทุ่งเมินหมา (เจ้าหญิงขี่ควายผู้ทรนง)
เมื่อยามสุขล้นจนใจมันยั้งไม่อยู่
ก็คงเปรียบได้กับฤดู คงเป็นฤดูที่แสนสดใส
ที่ใจเจ็บทนทุกข์ ดังพายุที่โหมเข้าใส่
บอกกับตัวเองเอาไว้ ความเจ็บต้องมีวันหาย
ไม่ต่างอะไรที่เราต้องเจอทุกฤดู
อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง
เมื่อวันเวลาที่ฝนจาง ....
ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ
ว่ามันคุ้มค่า( แค่ไหนที่เฝ้ารอ )
จากความผิดหวังจนใจมันรับไม่ทัน
เป็นธรรมดาที่เราต้องไหวหวั่น
กับวันที่อะไรมันเปลี่ยนไป ....
( ** )
อย่าไปคิดว่ามันเป็นวันสุดท้าย
น้ำตาที่ไหลย่อมมีวันจางหาย
หากไม่รู้จักเจ็บปวดก็คงไม่ซึ้งถึงความสุขใจ
( ** )
อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง
เมื่อวันเวลาที่ฝนจาง ....
ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ
ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ....
http://www.carefor.org/media/02_Season.swf
จิ้มที่ลิ้ง เสร็จแล้วเลื่อนๆสกอบาร์ในนั้นดู แล้วจะรู้ ฤดูที่แตกต่าง
ฤดูที่แตกต่าง ต่างแตกจากฤดู
เราเองมิอาจรู้ รู้เองมิอาจทำ
อดทนยามฝนพรำ พร่ำรักสักหมื่นหน
แตกต่างที่ตัวตน สอนคนให้รักดี
.........>O<...........
จะทุกข์จะสุขจะเศร้าจะเหงา
จะเหนื่อล้าสักเพียงใดโปรดรู้ไว้
เวลาที่ฝนพร่ำฟ้าอาจจะมืดมิด แต่ยามเมื่อฟ้าสว่าง
เราจะเห็นหนทางที่เราจะก้าวเดินต่อไปภายหน้า
ฤดูที่แตกต่าง แตกต่างที่ฤดู by ฝ ฝ้าย
We all have the different roads - some may be beautiful, some may be rough.
พวกเราทุกคน ก็มีถนนที่ต่างกัน อาจจะสวย หรืออาจจะขุรขระ
We all walk the different ways - some may walk, some may run.
เราเดินด้วยวิธีต่างๆกัน บางคนก็เดิน บางคนก็วิ่ง
But all roads have one destination - success.
แต่ทุกทาง ก็มีจุดหมายเดียวกัน คือความสำเร็จ
By love
บอย โกสิยพงษ์
ความคิดเห็น