คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เริ่มต้นของความรู้สึก
เสียงร้องโวยวายมาจากบ้านของ คาริน ดูท่าจะมีการเปิดศึกครั้งใหญ่เมื่อเด็กบ้า มัตตะ ร้องเสียงดังปัดอาหารในมือของเธอออก คารินอุตส่าห์ทำอาหารครั้งแรกในชีวิตด้วยความตั้งใจเพื่อให้เขากิน มัตตะอายุอ่อนกว่าคารินสองปี พ่อแม่ของมัตตะเสียชีวิตกะทันหันจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ แม่ของคารินซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของแม่มัตตะจึงรับเขามาอยู่ด้วย คารินจึงต้องเป็นพี่เลี้ยงจำเป็นของมัตตะไปโดยปริยาย แต่การเป็นพี่เลี้ยงเด็กอายุ10ขวบไม่อยากไปสำหรับเธอ ถ้าเด็กคนนั้นไม่ใช่ อากาชิ มัตตะ
“จะกินหรือไม่กิน”
คารินจับตัวของมัตตะก่อนตักข้าวไข่เขียวสีดำปี๋ที่ตั้งใจทำให้มัตตะ (แต่มันไหม้555+) เพราะเย็นมากแล้วแม่ยังไม่กลับจากที่ทำงานเลย
“ไม่เอาของไม่อร่อยแบบนี้ไม่กินหรอก ปล่อยนะ”
“ทำตัวเป็นเด็กดีหน่อยซิยะ คนเขาตั้งใจทำให้กินก็กินๆเข้าไปเถอะ”
“ปล่อยนะ ไม่กิน ไม่เอา ปล่อยซิ”
เพล้ง
แขนของมัตตะคุงปัดจานข้าวที่คารินถือจนตกแตก
“เด็กบ้า! คนอุตสาห์ ตั้งใจทำให้กิน ฮือ ฮือ ไปตายที่ไหนก็ไปเลย ไม่กินก็ไม่ต้องกิน”
ตึ่งๆๆๆๆๆ ปัง
คารินวิ่งขึ้นไปนอนซบหมอนร้องไห้อย่างเสียใจ ตอนที่แม่พามัตตะมา เธอดีใจที่เธอมีเพื่อน แต่เขาร้องไห้ไม่หยุดเธอเข้าใจความรู้สึกของมัตตะเหมือนกัน เพราะเธอก็เคยเสียคนที่รักอย่างพ่อไป เธอร้องไห้ไม่หยุดเหมือนมัตตะแต่เธอยังคงมีแม่มาปลอบอยู่ข้างๆ แม่เปรียบเสมือนฮีโร่ในดวงใจ แม่ทำทุกอย่างเพื่อเธอ
แต่มัตตะไม่มีทั้งพ่อและแม่คอยปลอบ เธอจึงกอดและบอกกับมัตตะว่าเธอจะเป็นพี่สาวที่แสนดี เป็นเพื่อนที่ดีให้กับมัตตะ เธอนั่งปลอบจนมัตตะเงียบ แต่มัตตะก็ร้องโวยวายหิวข้าวเธอจึงลงมือทำกับข้าวคือไข่เจียวทอดที่เคยเห็นแม่ทำ แต่มัตตะก็ไม่ยอมกินข้าวที่เธอตั้งใจทำให้เขา
“ฮือ ฮือ ฮือ ไอ้เด็กบ้าคนเขาอุตสาห์ห่วง”
มัตตะแอบดูอยู่หน้าประตูก่อนลงเก็บเศษอาหารไปทิ้งและเข้ามานั่งข้างเตียงกอดเธอไว้และหลับไปพร้อมกันบนเตียงสีขาวสะอาดนั้น
5 ปีผ่านไป
“มัตตะคุง ป้ายชื่อหายไปไหน”
“ป้ายชื่อหายตอนวิ่งหนีอาจารย์เมื่อวานนี้”
“นี่แน่ะ แอบหนีไปเที่ยวนอกโรงเรียนอีกแล้วใช่ไหม”
มะเหงกของคารินหล่นลงไปบนหัวของมัตตะโปกใหญ่
“จะเขกหัวฉันทำไมเนี่ยยัยแก่คาริน”
“ฉันเป็นพี่นะ อายุแก่กว่านายตั้ง 2ปี เรียกให้มันดีๆหน่อยซิ พี่คารินนะ เรียกไปเข้าใจไหม”
“ยัยแก่”
“อะไรนะมัตตะคุง”
“ป่าวคร๊าบ อาม่าคาริน”
“มัตตะ!!!”
คารินรีดเสื้อของมัตตะไปด้วยก็บ่นเข้าไปด้วยส่วนมัตตะก็นั่งเอาจานข้าวมานั่งกินใกล้ๆ เขากับเธอถึงจะไม่ใช่พี่น้องที่เกิดออกมาเป็นสายเลือดเดียวกันแต่ทั้งสองก็รักกันเหมือนพี่น้องที่แท้จริง คารินดูแลมัตตะมาตลอด มัตตะก็ดูแลคารินถึงแม้จะว่าเธอเป็นยัยแก่ อาซิ้ม อาม่า แต่เขาก็รักเธอเหมือนกัน
“แล้วนี่อะไรในกระเป๋าเสื้อ”
คารินหยิบกระดาษสีชมพูเล็กๆที่อยู่ในกระเป๋าชุดสูทที่สีดำของมัตตะออกมา
“เฮ้ยอย่านะ”
มัตตะว่างจานข้าวกระโจนเข้าไปหยิบกระดาษจากมือคารินแต่ก็คว้าลมกลับไป
“อะไรเนี่ย555+ ถึงพี่มัตตะคะ หนูแอบชอบพี่มาตั้งแต่เข้าเรียน...”
คารินดัดเสียงเล็กเสียงน้อย อ่านจดหมายสารภาพรักของสาวน้อยคนหนึ่ง
มัตตะโตขึ้นหล่อมากจึงเรียกได้ว่าเป็นหนุ่มฮอตของโรงเรียน เขามีแฟนคลับทั้งในและนอกโรงเรียนไม่ว่าเขาจะไปไหนก็มักจะเป็นจุดสนใจของสาวๆ ไม่เพียงแค่นั้น คารินถือได้ว่าเป็นสาวที่โชคดีได้อยู่เคียงข้างมัตตะมาโดยตลอด เขายังไม่รู้ตัวว่าแอบทำให้คนที่กำลังยืนรีดผ้าแอบใจสั่นบ้างเหมือนกัน
ถ้าเปรียบมัตตะแล้วคารินเป็นสาวที่เฉิ่มและเชยที่สุดในโรงเรียนเลยก็ว่าได้ แว่นตาหนาเตอะที่สวมอยู่บนใบหน้าเธอ ปกปิดความน่ารักของดวงตากลมโตสีเขียวดุจมรกต ผิวสีชมพูอ่อนระเรื่อยถูกปกปิดด้วยเสื้อนักเรียนแขนยาว และผมยาวสีดำมัดแกะสองข้างก็มักปกปิดหน้าเรียวงามนั้นด้วย ความน่ารักของคารินก็มีเพียง มัตตะคนเดียวเท่านั้นที่รู้
ตาสีฟ้าน้ำทะเลของมัตตะที่ใครๆได้เห็น ถ้าเทียบกับดวงตาสีเขียวมรกตของคารินที่มัตตะได้เห็นคนเดียวแล้วมัตตะเป็นผู้ที่โชคดีที่สุดคนนึงเหมือนกัน
“ยัยแก่คาริน เอามาเดี๋ยวนี้นะ”
มัตตะกระโดดลุกขึ้นแย่งกระดาสีชมพูนั้นออกจากมือคารินแล้วคว้าเสื้อสูทที่ยังรีดไม่เสร็จไปใส่แล้ววิ่งออกไปนั่งบนจักรยานที่อยู่นอกบ้าน
“คารินถ้าเธอตามฉันมาไม่ทันฉันจะให้เธอเดินไปโรงเรียน”
“มัตตะเด็กบ้ารอฉันด้วย”
คารินรีบคว้ากระเป๋าของเขาและเธอตามออกไป
“ไปก่อนนะคะแม่/ครับน้า”
“จ้ะ”
แม่ของคารินเดินออกมายิ้มดูความซุกซนของลิงสองตัวก่อนโบกมือบ้ายบายให้
กิ้งๆ เสียงกริ่งหน้ารถจักรยานดังกระทบส่งเสียงไพเราะ
“มัตตะคุงฉันยังไม่ได้ขึ้นเลย”
“โห้ย คนแก่ทำอะไรชักช้าจังเลย”
“มัตตะไอ้เด็กบ้า ไปได้แล้ว”
คารินยกกระเป๋าทุบหลังมัตตะก่อนวางกระเป๋าลงบนตักแล้วเอามือกอดเอวเขาไว้แน่น
“ไปแล้วนะจับดีๆล่ะ”
“กรี้ดดด มัตตะขับช้าๆฉันกลัวตก”
“คนแก่จะเป็นลม 555+”
“ไอ้เด็กบ้า มัตตะอ๊ากกก”
เสียงกิ้งๆของจักรยานดังไปเรื่อยๆราวกับเสียงของระฆังแห่งความโชคดีที่ติดตัวของเขาทั้งสองก่อนรถจักรยานลับตาไปตามทางสายหมอกที่ก่อตัวลงมาปกคลุมความสดใสกับเสียงหัวเราะนั้น
......................................
ฝ ฝ้าย แห่ง ท้องทุ่งโคว์ฟเวอร์
ความคิดเห็น