ตอนที่ 21 :
My friend รักใสใสภายใน365วัน
My friend – 20
“ปกป้อง”
อะไรที่ทำให้คุณเกลียดในตัวเขา...
‘ว่าน... ช่วยอะไรฉันอย่างหนึ่งสิJ’
อะไรที่ทำให้เขาเกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิต
‘ผมมีความจริงอะไรจะบอก’
.
.
.
พัดชา เธอเป็นอยู่ใช่ไหม..? เวลาที่เขาอยู่ใกล้ใครแล้วหัวใจของเธอเต้นผิดปกติ
หลังจากที่ผมกลับมาจากญี่ปุ่นเพื่อที่จะมาส่งท้ายปีเก่ากับครอบครัวที่บ้านหลังใหม่ โดยมีคนตัวเล็กที่ชื่อพัดชาอยู่ร่วมด้วย แต่พอมาถึงแม่ก็บอกว่าเธอวิ่งออกจากบ้านไปตั้งนานแล้ว ก่อนหน้านั้นเธอถามกับแม่ว่าผมสำคัญกับตัวเธอไหม?
เธอตอบว่า ผมเป็นคนสำคัญสำหรับตัวเธอเสมอ
ซึ่งได้ยินครั้งแรกผมก็ใจเต้นเร็วกว่ากลองรัวเสียอีก แต่พอคิดดูอีกที คนที่เธอรออาจไม่ใช่ผม แต่เป็นแม่เลี้ยงของเธอมากกว่า
สำหรับตัวเธอ ผมแทบจะไม่สำคัญอะไรเลยล่ะ เพราะก่อนจากกัน
ผม...
ทิ้งเธอให้อยู่คนเดียวลำพังเมื่อถึงยามที่ประสบปัญหาทางใจ
ผมไม่ได้อยู่เคียงข้างเธอ ตอนที่คนตัวเล็กยื้อผมไว้ ผมกลับบอกให้เธอปล่อย
และยังทำร้ายหัวใจเธอมามากจนตัวผมเองไม่สามารถกลับมาเจอเธอได้อีก
พัดชา... คราวนี้ผมกลับมาเป็นคนเดิมแล้ว จะไม่มีการเสแสร้งแกล้งทำอีกต่อไป
ปั้ง!
ผมหักหลบทันทีเมื่อไอ้โจรข้ามชาติมันยิงมาทางนี้ พวกมันข้ามประเทศมาเพื่อลักพาตัวเด็กสาวไว้ไปส่งออกนอกประเทศ โดยจะเจาะจงกลุ่มเด็กสาวที่อยู่คนเดียว หน้าตาน่ารัก ค่อนข้างไม่มีทางสู้อย่างพัดชา
“ตามมาหา_เมิงดิ๊! อยากมีเรื่องรึไงวะ อยากตายเหรอหา!!!” ดูเหมือนไอ้หัวฟูนั่นมันจะเมายาด้วยนะ เปิดกระจกเอามีดออกมาขู่โชว์ขนรักแร้จนน่าสะอิดสะเอียนแถมยังพูดไม่ค่อยชัดอีก ผมไม่ตอบอะไรได้แต่ขับมอเตอร์ไซค์ซิกแซกไปมาเผื่อมันคว้าปืนออกมายิงอีกจะได้ไม่โดนตัวผม
รถกระบะคันนั้นเลี้ยวเข้าไปในซอยร้างชนิดที่ว่าแทบไม่มีใครเข้าไปเพราะเป็นสถานที่สุ่มขายยาส่งยาและยังมีโกดังเก่าๆไว้ท้ายซอยอีกด้วย คาดว่าที่นั่นน่าจะเอาไว้กักขังเด็กผู้หญิงเพื่อส่งขายต่างประเทศ
เอี๊ยด!
ผมรีบจอดรถมอเตอร์ไซต์ไว้ข้างๆต้นไม้ใหญ่แล้ววิ่งไปแอบซุ่มอยู่รอจังวะดีๆเพื่อที่จะไปช่วยยัยตัวเล็กออกมา ระหว่างที่ผมขับรถตามพวกมัน แม่ก็โทรเรียกตำรวจไว้แล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พวกตำรวจจะมา ขออย่ามาในตอนจบเหมือนในละครก็พอ!
“แบกดีๆโว๊ย ของดีไม่ใช่หาได้ง่ายๆ ตูนี่ต้องคอเคล็ดไปแปดชาติถึงจะได้มาเชียวนะ”
ระหว่างที่ไอ้หัวฟูหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวหัวหน้าแก๊งลักเด็กคนนั้นพร้อมกับลูกน้องของมันหันหลังมุ่งหน้าตรงไปยังโกดัง ตำรวจก็มาด้วยความเร็วแสง! ไม่น่าเชื่อ ครั้งแรกที่ผมเห็นตำรวจไทยมาตอนได้จังหวะแบบนี้! เสียงไซเรนจากรถตำรวจทำให้แก๊งลักเด็กหันมองหน้ากันพร้อมกับวิ่งหนีไปคนละทาง ไอ้คนที่แบกพัดชารีบสลัดร่างของเธอทิ้งเป็นเหตุทำให้ร่างเล็กหล่นตุ๊บกระทบกับพื้นหญ้า ผมรีบวิ่งไปช้อนตัวเธอขึ้นมาอย่างทะนุถนอมก่อนที่จะค่อยๆอุ้มร่างเล็กขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซต์
“นี่คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยอมให้พวกเราจับกุมซะดีๆ!” ผมรีบจัดการเอาเชือกที่ถือติดมาจากบ้านรัดเอวของเธอกับของผมติดกันไว้เพื่อไม่ให้ร่างเล็กล้มลงเพราะเธอยังไม่ได้สติ
แต่ทว่า...
ไม่รู้ว่าเชือกมันไม่มีคุณภาพหรือมันเก่าเลยขาดง่ายแบบนี้ ไอ้หัวฟูหัวหน้าแก๊งลักเด็กมันถึงได้กระชากร่างเล็กออกไปจากผมจนได้!
“อย่าขยับ! ไม้งั้นยัยนี่ตาย!!!” เวรแล้ว... มันกำลังจับพัดชาไว้เป็นตัวประกันนี่นา!
ผมยกมือสองข้างขึ้นเหนือหัวด้วยความตกใจสุดขีด ตอนนี้ผมจะทำอย่างไรดี เธอกำลังตกอยู่ในอันตราย ผมมิอาจจะฝ่าเข้าไปช่วยได้ เพราะไอ้หมอนั่นมันไม่ได้ทำผม แต่เป็นพัดชาที่จะได้รับอันตรายแทน!!!
“ออกไป! บอกให้ออกไป อยากเห็นยัยนี่หัวขาดเรอะ!”
“จะ ใจเย็นๆ!” ผมค่อยๆถอยไปตั้งหลักพร้อมกับตำรวจทุกคนที่มารุมล้อมไอ้หัวฟูไว้แต่ต้องถอยทันทีเมื่อมันเอามีดเข้าใกล้คอของพัดชาแบบนั้น
ให้ตาย! ผมทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ
“นาย... นายเคยมีคนที่นายรักไหม”
“หะ!? หุบปากน่า! คนรงคนรักอะไรกันไม่มีหรอกโว๊ย” ใจผมแทบร่วงลงมากองอยู่ตรงตาตุ่มทุกครั้งเมื่อมีดในมือของหัวหน้าแก๊งลักเด็กขยับมันเข้าใกล้คอพัดชาเรื่อยๆ
“พ่อ แม่ รึใครก็ได้ที่รักนายไง” ผมพยายามพูดเพื่อเล้าโลมให้หมอนั่นใจอ่อน
“มี! แต่พวกเขาไม่รักฉัน พวกเขาทิ้งฉันตั้งแต่เป็นเด็กน้อยแล้ว!!”
“ความรักเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่จำเป็นต้องให้อีกฝ่ายมารักก็ได้นี่นา! แทนที่นายจะมาทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ ตั้งใจหางานเป็นคนดีเพื่อคนที่นายรักไม่ดีกว่ารึไง!”
เจ้าหัวฟูเงียบไม่ไหวติง เขาค่อยๆลดมือที่เป็นมีดลงพลางนึกคิดอะไรบางอย่าง
“ดูนายสิ หน้าตาก็ใช้ได้เลย ทำงานสุจริตเหมาะจะตาย โหงวเฮ้งดีนะเนี่ย” ผมพูดไปงั้นเพื่อให้มันตายใจก่อน
เคร้ง!
สำเร็จมีดเล่มนั้นตกลงสู่พื้น ผมรีบเข้าไปกระฉากร่างเล็กที่สลบสไลของพัดชาออกมาแล้วพยุงไปขึ้นรถของตำรวจ ปล่อยให้พวกตำรวจเค้าจัดการกับไอ้บ้านั่นเอาเอง แต่ขณะที่ผมจะพยุงร่างเล็กของเธอไปขึ้นรถด้วยความปลอดภัย ดันมีไอ้โม่งกระโดดลงมาจากบนต้นไม้ใหญ่ ในมือถือมีดด้ามยาวพอควร หวังจะฟันมาที่ร่างเล็กของพัดชา! ผมโอบกอดร่างของเธอเอาไว้แล้วหันหลังเข้าหามีดเล่มยาวของไอ้โม่งดำนั้นแบบกระทันหัน!!!
เวลานี้ผมคิดอะไรไม่ออกสักอย่างนอกจาก ปกป้องเธอคนนี้...
โดยการทำทุกอย่าง...เพื่อให้เธออยู่รอดปลอดภัย...
ฉึก!!!
ผมรู้สึกว่าแผ่นหลังของผมในตอนนี้มันกำลังถูกของมีคมบางอย่างทิ่มแทงเข้าไปด้วยความเร็วเพียงแค่เสี้ยววินาที จากนั้น...ความเจ็บของผมก็ค่อยๆแล่นไปทั่วร่างกาย เลือดทั้งตัวกำลังสูบฉีดไปที่เดียวกัน ผมยังคงกอดร่างของพัดชาเอาไว้แน่น ผมไม่อยากให้เธอตื่นมา... ไม่อยากให้เธอรับรู้สถานการณ์ตอนนี้ ว่ามันแย่มากแค่ไหน ผมไม่อยากให้เธอโวยวายว่าให้ผมเป็นคนโง่ที่เอาตัวปกป้องเธอ
เพราะฉะนั้น... ผมขอยอมเสียสละร่างกายของตนเพื่อหญิงสาวคนนี้ด้วยความเต็มใจเองจะดีกว่า...
Patcha part
“เวกัสอยู่ไหนคะ! ทำไมหนูถึงมานอนอยู่ในห้องนี้ แล้วทำไมทุกคนถึงมาเฝ้าแต่หนูคนเดียวล่ะคะ วะ... เวกัสล่ะ เวกัสเขาอยู่ที่ไหน”
ฉัน... ตื่นมาได้สักพักแล้ว ตื่นมาพร้อมกับห้องโทนสีขาวเรียบๆสามารถเดาได้ว่าสถานที่นี้คือโรงพยาบาล ก่อนหน้านี้มีตำรวจเข้ามาสอบถามคดีแก๊งลักเด็ก พวกเขาไม่ลืมที่จะเล่าเรื่องเมื่อวานตอนค่ำๆให้ฟังว่าฉันโดนพวกมันพาตัวเพื่อที่จะไปขายนอกประเทศแต่เวกัสก็มาช่วยทันพร้อมกับตำรวจฉันจึงปลอดภัยดี
ตอนนี้ภายในห้องมีทั้งคุณนาย พ่อ แล้วก็เพื่อนอย่างปุยฝ้าย ลดา ปังปอน ก็เข้ามานั่งรุมล้อมเตียงเพื่อเฝ้าดูอาการช็อกของฉัน แต่ทำไมไม่เห็นเวกัสเลยล่ะ ตำรวจบอกว่าเขาโดนแทงที่กลางหลัง บาดแผลลึกมาก สลบไปตั้งแต่หัวค่ำจนเช้าอีกวันยังไม่ตื่น
ทำไมเขาทำแบบนั้น...? เขาเอาตัวมาปกป้องฉันทำไม?
เขาเกลียดฉันไม่ใช่เหรอ เขาอยากจะแก้แค้นฉันจะตาย ทำไมถึงมาปกป้องโดยการเอาตัวมารับมีดแทนฉันแบบนี้ล่ะ
“เวกัสอาการไม่ดีเลย ตอนเช้าๆฉันไปพบหมอมาแล้ว” ปุยฝ้ายบอกพลางตบบ่าฉันเบาๆเหมือนให้กำลังใจ
“แล้วเขาเป็นยังไงบ้าง แผลลึกขนาดไหน เสียเลือดเยอะไหม และจะหายเมื่อไหร่” ฉันเขย่าแขนปุยฝ้ายรัวๆอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับยิงคำถามสารพัดให้จนเธอส่ายหน้าแล้วยิ้มก่อนจะตอบ
“ไม่เป็นอะไรแล้วจ้ะ อยู่ใกล้หมอต้องหายสิ เธอควรพักผ่อนนะพัดชา เดี๋ยวก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะ แค่สลบไปเอง” หัวคิ้วของปุยฝ้ายยกขึ้นเป็นเชิงหนักใจ ฉันค่อยๆก้มหน้าลงบังคับไม่ให้น้ำใสๆไหลออกจากเบ้าตา แต่มันก็ไม่สามารถอดกลั้นได้ ฉันยกแขนขึ้นมาปาดน้ำตาออกให้หมดก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตาผู้เป็นแม่อย่างคุณนายแล้วพูดอะไรบางอย่าง
“หนูนึกว่าแขกคนสำคัญจะเป็นแม่ ไม่คิดว่าจะเป็นเวกัส หนูต้องขอโทษคุณนายด้วยนะคะที่วิ่งออกมาโดยไม่บอกไม่กล่าวแบบนั้น”
ท่านยิ้มบางพลางส่ายหน้าเบาๆ
“แม่ไม่ว่าหรอก แม่ก็ไม่ทันคิดเหมือนกันว่าหนูจะนึกถึงไมล์เป็นอันดับแรก” อันดับแรก... แทนที่จะเป็นเค้า เค้าที่เป็นแม่ฉันจริงๆ กลับต้องเป็นแม่เลี้ยงที่คอยดูแลฉันมาแสนนาน ฉันไม่นึกถึงหัวใจคุณนายเลยสักนิด แบบนี้สมควรโดนลงโทษใช่ไหม “แล้วหนูชอบเวกัสหรอกเหรอ”
“คะ!?” ฉันเบิกตากว้างทันทีเมื่อคุณนายถามออกมาแบบนั้น มะ.. ไม่ได้ชอบ รึเปล่า? รึว่าเราชอบจริงๆแต่ปากไม่ตรงกับใจ เอ๊ะ? ฉัน.. ฉันรักเขาไปแล้วนี่นา
“หนูรักเวกัสจริงๆเหรอ”
“ทำไมคุณนายเปลี่ยนคำถามคะ เมื่อกี้ถามแบบไหนหนูยังจำได้อยู่”
“ก็แม่รู้ว่าหนูชอบเขา แต่แม่ไม่รู้ว่าหนูจะรักเขาจริงๆรึเปล่า” ฉึก! เหมือนโดนเข็มยักษ์ทิ่มมาที่อกเมื่อมีคนเดาใจฉันถูก
“เอ่อ..” ฉันอ้ำอึ้งลากเสียงยาวไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี เมื่อเสสายตามองเพื่อนทั้งสามที่ยังยืนทำนัยน์ตาเป็นประกายคาดหวังกับคำตอบส่วนตัวของฉันอยู่
เมื่อพวกเขาเห็นว่าฉันไม่พูดต่อเลยทยอยออกไปจากห้องเหลือฉันกับคุณนายเพียงแค่สองคนในห้องนี้
“หนูอยากตอบคำถามแม่ไหม” เป็นคุณนายที่เอ่ยถามอีกครั้งทำให้บรรยากาศในห้องเพิ่มความตึงเครียดขึ้นทวีคูณ
“หนู...”
“ตอบแม่มาแค่รัก หรือไม่รัก” ใบหน้าของคุณนายตอนนี้เคร่งขรึมเหมือนกำลังสืบสวนผู้ร้ายอย่างนั้นแหละ
“คือ หนู..” ทำไมต้องกดดันกันด้วยนะ ฉันพูดไม่ออกจริงๆว่ารู้สึกยังไงกับเวกัส มีทั้งรัก ชอบ เกลียด แค้น ปะปนกันไปหมด
“ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องตอบแม่ก็ได้” ในที่สุด! คุณนายก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะฟังคำตอบจากปากฉันแล้ว “แต่ถ้าวันไหนที่ลูกพร้อมที่จะพูดอย่างที่ใจคิดไว้ ก็ไปหาเวกัสแล้วบอกความในใจที่มีต่อเขาซะ”
“คะ?”
“แม่จะให้เวลาแค่แปดวัน ถ้าวันที่แปดเวกัสยังไม่ได้รับความในใจจากหนู...” คุณนายหยุดพูดไปขณะหนึ่ง ท่านเม้มริมฝีปากให้ชิดกันก่อนจะขยับริมฝีปากพูดต่อ “แม่จะตัดสินใจขั้นเด็ดขาดให้เวกัสกับหมอเซร่าแต่งงานกันในอนาคต”
ฉึก!!!
รู้สึกว่าครั้งนี้หัวใจของฉันจะเจ็บมากกว่าเดิม เหมือนโดนรุมทิ่มแทงเจ็บปวดจวนจะทะลักออกมาแบบนี้
“ถึงเวลานั้น ไม่จะไม่ยกเวกัสให้หนูอีกแล้ว” ฉันอึ้งไปกับคำพูดของคุณนาย ดวงตากลมโตของฉันเปิดกว้างขึ้น บ่งบอกถึงความตกใจสุดขีด ฉันค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบแก้วที่มีน้ำเหลืออยู่ครึ่งแก้วมาดื่มรวดเดียวหมดอย่างคนตายอยาก
“คราวนี้แม่เอาจริงแล้วนะพัดชา” ตบท้ายด้วยคำพูดที่ทำให้ใจฉันตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม น้ำที่ดื่มลงไปเมื่อกี้แทบจะพุ่งออกมา คุณนายยิ้มบางให้ก่อนจะลูบหัวฉันเบาๆ จากนั้นท่านก็เดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ความคิดของฉันตีกันอยู่ในหัวเพียงลำพัง...
สวัสดียามดึกนะคะ แฮ่ๆ บทนี้มาเร็วนะเซ่!!! มีกำลังใจค่ะ มีคนมาอ่านด้วยยย อิอิ
ขอบคุณนะคะที่มาอ่าน+เม้นท์นิยายของไรท์ อาจจะธรรมดาเบื่อๆไปหน่อย พล็อตในหัวก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ที่คิดไว้ไม่ใช่แบบนี้นะเนี้ย= =
เย้ๆๆๆ พระเอกกับนางเอกมาเจอกันแล้ว เดี๋ยวก็จบละเรื่องนี้ แง้ๆๆ คิดถึงจัง
ตอนนี้เวกัสเจ็บหนักอยู่เลย หายไวๆน้าาาTT
เนื่องจากอาทิตย์นี้กับอาทิตย์หน้าไรท์จะไม่อยู่ จะมีกีฬาสี กับเข้าค่ายภาษา ไรท์เลยรีบเอามาลงอิอิ
ขอให้อ่านกันอย่างมีความสุข สนุกยิ่งๆนะเจ้าคะ บ๊ายยยบายยย ^^
และสุดท้าย...เผื่อใครหานิยายไม่เจอ
จิ้มไปที่หน้าเวกัสจึกๆเลยฮับบ!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แล้วตอนนี้เวกัสเป็นไงบ้างเนี่ยย ให้บริจาคเลือดให้มั้ย 555