ตอนที่ 12 :
My friend รักใสใสภายใน365วัน
My friend – 11
“หาทางออก?”
“พ่อครับ ผมมีอะไรจะบอก”
“ว่าไงลูก มีอะไรจะบอกพ่อหรือ”
“เอ่อ...คือ...ตอนนั้น...”
“เอ้า? มีอะไรก็รีบๆพูดมาสิ”
“คือผมได้ยินแม่/คุณ! สายแล้วก็รีบไปสิคะ แล้วแกเมื่อกี้แกจะบอกอะไรให้พ่อแกฟังหะ!?” ไม่ทันที่เด็กชายจะพูดจบผู้เป็นแม่ก็ตัดบทแล้วเดินมาถามในระยะประชิด ดวงตาที่กลมโตอยู่แล้วยิ่งดูโตเข้าไปใหญ่เมื่อท่านมีอารมณ์ฉุน เด็กชายรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน
“เปล่าครับ เปล่า! ผมแค่บอกว่าคุณแม่จัดกระเป๋าเสร็จแล้ว” ผู้เป็นแม่เริ่มมีสีหน้าท่าทางที่ไม่พอใจที่ลูกชายของตนหลุบตาต่ำเมื่อพูดกับเธอ
“แล้วทำไมแกต้องหลบตาฉันด้วย แกมีอะไรที่มากกว่านี้ใช่ไหม!” น้ำเสียงกระแทกกระทันที่ฟังดูแล้วระคายหูสำหรับสามีของเธอที่กำลังพับหนังสือพิมพ์เข้าไว้ในลิ้นชักโต๊ะแล้วเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างเอื่อมระอา
“ไม่มีอะไรจริงๆครับ” เวกัสลูกชายคนเดียวของครอบครัวนี้ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผู้เป็นแม่อย่างกล้าๆกลัวๆ
“ฉันมันเป็นนางมารร้ายขนาดนั้นเลยรึไงยะ ฉันก็แม่แกนะเวกัส!” ถึงแม้เธอจะบอกว่าเป็นแม่ แต่ยังตะโกนใส่ลูกแบบนี้ ถ้าเปรียบกับระน้ำเสียง ดังที่สุดคือสิบขีด เสียงเธอผู้นี้คงถึงอยู่ เพราะแต่ละคำที่เปล่งออกมาจากปากนั้นล้วนแต่เป็นคำที่ทำให้อีกฝ่ายไม่สบายใจแถมยังเสียงแหลมสิบแปดหลอด ฟังแล้วปวดประสาทหูแทบจะเสีย “แล้วทำไมแกต้องไปรายงานเรื่องทุกอย่างให้พ่อแกฟังด้วยยะ ต่อไปนี้ฉันจะทำอะไรแกก็ไปป่าวประกาศให้คนทั้งโลกรู้ซะนะ ฉันจะกินจะเข้าห้องน้ำจะไปไหนก็บอกเสียให้หมด!!! เบื่อจริงๆ”
เวกัสกำหมัดแน่น หน้าขึ้นสีเพราะความโกรธ นี่ถ้าไม่ใช่แม่เขาคงจะสวนกลับด้วยหมัดหนักๆของเขาแล้ว เวกัสจ้องแผ่นหลังของคุณนายผู้เป็นแม่พลางกัดฟันกรอดๆตาแดงก่ำก่อนที่จะสะพายกระเป๋าของตัวเองและอุ้มลูกบาสคู่ใจเดินตามแม่ของเขาไป
.....................................................................................................
“เฮ้! เธออย่าเอาแต่เกาะหลังสิ ฉันเดินต่อไม่ไหวแล้วนะ” เวกัสพยายามสาวเท้าเดินไปข้างหน้าแต่ก็รู้สึกเหนื่อยล้าเพราะพัดชาเอาแต่เกาะหลังของเวกัสแน่นไม่ยอมปล่อยไปไหน พัดชาย่นจมูกและเบ้ปากใส่เวกัสอย่างเซ็งๆ ก่อนที่จะเดินชนร่างเวกัสไปข้างหน้า แต่ก็ไปไม่รอดเพราะหนทางข้างหน้ามันมืดและน่ากลัวมาก
“เอ้า! เอาไป ไฟฉายคนละอัน เธอจะได้ไม่กลัว” เวกัสรีบจับมือเด็กสาวแล้วเอาไฟฉายอีกอันยัดใส่ในมือเล็กไว้
“นายจะทำยังไงเมื่อมี...ไอ้อย่างว่านั่นโผล่มาล่ะ” พัดชาเอ่ยปากถามชายหนุ่มข้างๆ
“ไม่รู้ดิ แล้วเธอล่ะ” เขาได้แต่ส่ายหน้าแล้วย้อนถามเด็กสาวต่อ
“ก็คงจะวิ่งหนีอ่ะ แต่ถ้ามาเป็นฝูง ฉันก็คงจะเตะซ้าย! เตะขวา! เตะผ่าหมาก! ฉึบ!” เวกัสมองดูพัดชาที่กำหมัดแน่นเหมือนจะชกอะไรสักอย่างแล้วกระโดดเตะซ้ายเตะขวาอย่างน่ารัก ก็หลุดขำไม่ได้
“ฮ่าๆๆๆ ขอให้ออกมาจริงๆเถอะ ฉันอยากเห็นเธอเตะซ้ายเตะขวาเหลือเกิน”
บรู้ววว~
“กรี๊ดดด นายอย่าพูดให้ฉันขวัญหายแบบนี้สิ ฉี่จะราดแล้วนะ” คนตัวเล็กรีบอ้อมมาทางด้านหลังของเวกัสและเกาะแขนเขาไว้แน่น
“ไม่ต้องกลัวหรอก มีฉันอยู่ทั้งคน ถ้าออกมาจริงๆให้ฉันอุ้มเธอหนีก็ยังได้เลย^^” พัดชารู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูก และไม่รู้จะพูดอะไรต่อดีเลยหันมาเดินข้างๆเวกัสเหมือนเดิม ลืมความกลัวไปชั่วขณะ...
“อุ้ย!” เวกัสรีบคว้ามือเด็กสาวมาจับไว้แน่นเมื่อเห็นว่าร่างของเธอจะล้ม แล้วเดินไปต่อเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้ว่าพัดชากำลังคิดอะไรอยู่...
‘อยากขอบคุณแต่ไม่กล้าพูด...ขอบคุณนายมากนะที่คอยจับมือฉันไว้แบบนี้ อ้า...ฉันรู้สึกดีจัง เรากำลังจะไปกันที่ไหนน้า~ สุสารใช่มั้ย?’
สะ...สุสาร
บรู้ววว~
“ถึงแล้ว! สุสาน อืม...บรรยากาศใช้ได้นะ”
เวกัสกับพัดชาค่อยๆเดินเข้าไปข้างในแต่ดูเหมือนเวกัสทำตัวสบายๆอยู่คนเดียว แต่พัดชานี่สิ ตัวสั่นอย่างกับเจ้าเข้า เวกัสต้องคอยจับมือเด็กสาวไว้แน่นยิ่งกว่าเดิมและดูเหมือนมือของเธอจะเย็นเฉียบอย่างกับน้ำแข็ง พัดชาเหลียวซ้ายแลขวาด้วยความหวาดระแวง พวกเขาเดินไปช้าๆ และไร้คำพูดใดๆออกจากปากทั้งสอง
หลุมศพถูกจัดให้เป็นระเบียบ ต้นไม้ใหญ่หลายๆต้นขึ้นปกคลุมเต็มไปหมด สุสานแห่งนี้ดูเหมือนจะร้างและกว้างขวางมาก มองไปที่ไหนก็เห็นแต่หลุมศพ สักพักเสียงก็หมาเห่าหอนขึ้นดังติดต่อกันหลายครั้ง พัดชารู้สึกว่าตัวเองแข่งขาชาไปหมดจึงกระตุกแขนเวกัสเบาๆ
“อีกนานไหมกว่าจะถึง ฉันอยากนั่งอ่ะ” เด็กสาวพูดด้วยเสียงแผ่วเบา เวกัสเดินเข้าไปใต้ต้นไม้ให่โดยมีพัดชาเดินเคียงคู่ข้างๆ เขาไม่ตอบเอาแต่มองต้นไม้ต้นนั้นแล้วยื่นมือไปดึงกระดาษสีขาวที่ติดอยู่ออกมาอ่าน
“ไม่รู้สิ มันเขียนบอกให้เดินตรงไปเรื่อยๆ” เขาชูกระดาษขนาดเอสี่ให้พัดชาดู มันมีตัวหนังสือเขียนด้วยหมึกแดงว่าเดินตรงไปเรื่อยๆ ด้วย พัดชาส่องไฟฉายไปบนกระดาษแผ่นนั้นแล้วอ่านในใจ
“รีบไปกันเถอะ นี่ฉันไม่เห็นใครตามเรามาเลยนะ สงสัยเราเป็นคู่สุดท้าย” คนตัวเล็กดึงกระดาษจากมือของเวกัสแล้วแปะไว้ที่ต้นไม้เหมือนเดิม จากนั้นก็กระตุกแขนชายหนุ่มให้เดินตามมาอย่างเร่งรีบ
บรู้ววว~~
“ฮือออ ฉันเกลียดอะไรแบบนี้ที่สุดเลย” เวกัสรีบเอามือปิดปากของพัดชาอย่างเร็วไวพลางดันคนตัวเล็กให้ติดตรงต้นไม้ใหญ่อีกด้วย
“เงียบก่อน...เหมือนฉันได้ยินเสียงอะไรนะ...ลองฟังดูสิ” ชายหนุ่มเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ มือของเขายังคงปิดปากเด็กสาวเอาไว้เพื่อไม่ให้เธอตีโพยตีพายไปก่อน
กรอบ...เเกรบ...
มันเป็นเสียงคนเหยียบใบไม้แห้งแล้วเดินมาทางนี้ช้าๆ เพราะเสียงนั้นค่อยๆดังขึ้นและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด พัดชากับเวกัสถึงกับเหงื่อตกเลยทีเดียว
กรอบ...เเกรบ
“เสียงคนเหยียบใบไม้แห้ง...” เวกัสเอ่ยขึ้นพลางมองหาต้นเสียง เขาแย่งไฟฉายจากมือพัดชาไปแล้วส่องไปทั่วๆ
“อั้นอัว...เอาอีบไออันเออะ(ฉันกลัว...เรารีบไปกันเถอะ)” พัดชายืนนิ่งไม่ไหวติ่ง แต่พยายามที่จะขยับปากพูด แต่เวกัสดันไม่ทำตามคำสั่งของเธอ เขายังคงส่องไฟฉายไปรอบๆและจู่ๆ ก็มีเงาดำๆตะคุ่ม ตะคุ่ม เดินมาข้างหลังเวกัส ขณะนั้นพัดชาเหลือบไปเห็นเงาดำพอดี เธอจึงรีบเขย่าตัวเวกัสแรงๆร้องอู้อี้ไม่เป็นคำ
“เออัด(เวกัส) อือ อือออ อือออ!”
“เงียบๆสิ ชูว!”
“อือออ เออัดดด”
“เฮ้เพื่อน....” อยู่ดีๆ เวกัสก็รับรู้ถึงความหนักบนบ่า เหมือนหัวใจของชายหนุ่มจะหยุดเต้นไปสักสามวินาที เขาหายใจเข้าช้าๆ แล้วค่อยๆหันไปดู...
“อ๊ากกก!!!/กรี๊ดดด!!!” แล้วก็ตามด้วยเสียงกรีดร้องทั่วสุสานแห่งนี้ ทำเอาคนที่ออกไปรอข้างนอกนั้นหัวเราะสะใจกันเป็นแถว...
“ถามหน่อย...ว่างมากรึไง จะตามมาทำไมฟะ!”
“ก็ว่างไง ฉันเลยตามมา เนอะพัดชาน้อย><”
“เฮ้อ~”
ตอนนี้จากมีกันแค่สองคนก็กลายเป็นสามคนไปโดยปริยาย...ย้อนไปก่อนหน้านี้แทตเป็นคนเดินตามพวกเขามาและก็ค่อยๆปรากฎตัวอย่างลึกลับ แทตโดนทั้งเวกัสและพัดชาลงโทษด้วยสารพัดหมัดถีบ ข้อหาทำให้ตกใจและเกือบช็อคตาย
“บรรยากาศมันดีจังเลยนะว่าไหมทุกคนนน” ตัวป่วนอย่างแทตพอมาแล้วก็ป่วนซะให้เข็ด ทำเอาพัดชาถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ทุกคนนี่หมายถึงฉันแกแล้วก็พัดชาใช่ไหมวะ” เวกัสถาม
“ก็เออดิ ฉันถามคนไม่ได้ถามผีสักหน่อย”
“ไอ้บ้า! อย่าพูดนะยะ ตบปากเลย” พัดชาหันไปดุใส่แทตที่กำลังอารมณ์ดี เขาหันมาแลบลิ้นใส่แล้วเดินไปต่อ
จู่ๆเวกัสก็หยุดเดิน เขายืนนิ่งใช้ความคิดแล้วบอกกับทั้งสองเบาๆว่า
“ฉันคิดว่าเราหลงทางว่ะ”
“เฮ้ย อย่าปากหมานะโว้ยเวกัส” แทตตบหลังเพื่อนตัวเองไปจังๆ แต่เวกัสก็ไม่มีทีท่าจะสนใจ
“หลงได้ไงอ่ะ เมื่อกี้กระดาษแผ่นนั้นยังบอกเลยว่าให้ตรงไปเรื่อยๆ” พัดชาแย้งขึ้น
“ก็เนี่ย เราตรงไปเรื่อยๆ นี่มันก็ครึ่งชั่วโมงแล้วนะ ไม่เห็นจะมีใครอยู่เลยสักคน มองไปทางไหนก็มีแต่หลุมศพ”
“กรี๊ดดด อย่าพูดคำนั้นน้าT[]T”
“โทษทีๆ แต่ว่าเราจะเอายังไงต่อไปดีอ่ะ มือถือฉันก็ไม่ได้เอามาด้วย”
“ของฉันอยู่ที่หอพัก” แท็ตบอก
“ของฉันไม่ได้เอามาเหมือนกัน! เราจะเอายังไงดี หันหลังกลับกันไหม” เด็กสาวเขย่าแขนชายหนุ่มทั้งสอง พวกเขาได้แต่มองหน้ากันพร้อมกับทำตาปริบๆ “อย่าเงียบเซ้T_T”
“เอาน่า...เราเดินตรงไปอีกนิดหน่อยก็คงจะถึงแล้วมั้ง” แทตเสนอขึ้นแล้วเดินนำหน้าพลางกวักมือเรียกให้ทั้งสองตามมา
“ลองเดินไปเรื่อยๆก่อนไหม” เวกัสหันมาถามพัดชาก่อน เธอพยักหน้าเบาๆแล้วจับมือเวกัสไว้แน่น
“นายอย่าปล่อยมือฉันนะเวกัส ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่คุยกับนายทั้งชาติเลย” คนตัวเล็กอ้อนขอร้องให้ร่างสูง เขายิ้มให้ก่อนที่จะพยักหน้ารับแล้วเดินไปด้วยกันโดยไม่ปล่อยมือเลย...
“แฮกๆ นี่ฉันเดินมานานแล้วนะ ทำไมมันไม่ถึงสักทีวะ รู้งี้น่าจะนอนอยู่ที่หอพักดีกว่า ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเล้ย” แทตบ่นอู้อี้และเริ่มจะเหนื่อยล้าเหมือนกัน พวกเขาใช้เวลาเดินรวมๆชั่วโมงได้ พัดชากับเวกัสก็เหนื่อยไม่แพ้กัน แต่จะพักก็เห็นทีว่าจะพักไม่ได้เพราะรอบๆตัวของเขาก็มีแต่หลุมศพและศิลาจารึกชื่อประวัติผู้ตายเต็มไปหมด
“ฉันเริ่มเหนื่อยแล้วเหมือนกัน”
“นั่นต้นไม้นิ! น่าจะมีบอกว่าให้ไปทางไหนนะ” จู่ๆเวกัสก็พูดขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่ขาดหวัง พัดชารีบมองต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นตามเวกัสทันที
“รีบไปสิ เราจะได้ออกจากที่นี้กันแล้ว” แทตดันให้พัดชาไปดูแต่ตัวเองกลับไปแอบอยู่ข้างๆเวกัส
“ทำไมต้องเป็นฉันล่ะ นายก็ไปสิ”
“เธอก็ไปสิ กลัวเหรอ กลัวอะดิ อิอิ” หลังจากที่เด็กสาวได้ฟังที่แทตพูดเหมือนมีไฟขึ้นมาทันที เธอสะบัดมือเวกัสทิ้งแล้วจ้องหน้าแทตอย่างกินเลือดกินเนื้อ “เอาสิ โชว์ให้พวกเราดูหน่อยว่าเธอก็กล้าเหมือนกัน”
“พัดชา เดี๋ยวฉันไปเอง!” เวกัสทำท่าจะรั้งพัดชาเอาไว้ แต่ก็โดนแทตดึงจากข้างหลังเลยขยับไปไหนไม่ได้
“ไม่ต้องหรอก ฉันจะทำให้นายเห็น...แทต! ว่าฉันก็กล้าเหมือนกัน!!!” เด็กสาวหันหน้ามาพูดน้ำเสียงหนักแน่นก่อนจะหันกลับไปแล้วก้าวเท้ายาวๆเพื่อที่จะไปถึงต้นไม้ใหญ่ไวๆ
และจู่ๆก็...
ตุบ!
“กรี๊ดดดดดด!!!”
ร่างเล็กตกลงไปในหลุมเปล่าที่ถูกสร้างขึ้นไว้ก่อนหน้านี้อย่างไม่ทันตั้งตัว มันทั้งใหญ่และลึก เหมือนกับดักล่ออะไรสักอย่าง พัดชากรีดร้องด้วยความตกใจ ทำเอาทั้งเวกัสและแทตรีบวิ่งไปดูทันที!
“พะ พัดชา!!!”
จับอีตาแทตตีก้นซะเลย! ตัวป่วนเสียจริงๆ บังอาจมาเป็น กขค ชิๆๆๆ #ไรท์บ่น
มาอัพให้อีกตอน เนื่องจากคิดว่าวันอื่นไม่ว่างเพราะต้องไปเข้าค่าย ย ย ย ย T_T
แต่อีกอาทิตย์ ไรท์คิดว่าคงว่างฮ่าๆๆ แต่ถ้าไรท์หายอย่าสงสัยน้า อิอิ ไรท์แทบไม่ได้อยู่บ้านเล้ย
ขอบคุณทุกคนนะคะที่คอมเม้นท์ให้นิยายเรื่องนี้ ซึ้งมากๆๆๆเลยจ้า จุ๊บทีน้าT3T
เดี๋ยวนี้พล็อตมันเริ่มที่จะซึมซับเข้าหัวไรท์แล้วค่ะ เลยแต่งได้ไม่ขัดอะไรแฮ่ๆ
รักทุกคนเลยน้าาา จุ๊บๆๆ><
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อ้าวๆ หนุ่มๆมีกันตั้งเยอะ ไปช่วยแม่นางกันหน่อยสิคะ
มีอะไรจะฝากอีกแล้วแหละ เนื่องจากเรื่องแรกจบไปแล้ว ก็คัมแบคมาพร้อมกับเรื่องใหม่ที่เปิดมาสองเดือนแล้วน่ะนะ
เรื่องนี้มาแนวใสๆ น่ารัก มุ้งมิ้ง ชวนเขิน ชวนบิด แฝงดราม่าเรียกน้ำตาเบาๆ แต่ลักษณะท่าทางของนางเอกก็ยังคงคาแรคเตอร์เดิมอยู่นะคะ บ้าๆ รั่วๆ ส่วนพระเอกเรา จากโนเวลที่นิ่งๆ สุขุม อันนี้แตกต่างโดยสิ้นเชิงเลยค่ะ
ยังไงก็...ฝากเรื่องใหม่นี้ด้วยนะคะ