เพื่อน...นายกับฉัน - นิยาย เพื่อน...นายกับฉัน : Dek-D.com - Writer
×

    เพื่อน...นายกับฉัน

    ผู้เข้าชมรวม

    54

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    54

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  10 เม.ย. 55 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                    บทนำ
    ความฝันของเด็กหลายๆคนที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่น มักจะเป็นกันหมดในเรื่องความสวยความงามไม่มากก็น้อย และการมีแฟนให้เป็นที่สนอกสนใจของทุกคนจนเกิดการแกร่งแย้งกัน แต่เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์กลับมีเรื่องมากมายให้เด็กอย่างเราต้องคิดทบทวนอยู่เสมอในสิ่งที่เราไม่ได้ทำหรือกำลังจะ...ทำ
                    ด้วยวัยเพียงมัธยมที่1 เรื่องมากมายก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นธรรมดาว่าเราต้องหาเพื่อนไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นเพื่อนใหม่หรือเก่า แต่มันอยู่ที่เราเลือกสิ่งที่เราต้องการอยากให้เป็นมิใช่ให้คนอื่นเลือกจนเราตกต่ำ
                    “...วันนี้ก็เป็นวันแรกของการเปิดเรียน ครูจะไม่พูดอะไรมากเพราะเราต้องพบกันทุกเช้าในชั่วโมงโฮมรูมและชั่วโมงเรียนของครู...” บุคคลที่พูดอยู่หน้าห้องคือครูที่ปรึกษาของห้องฉันเอง ท่านยังคงพูดไปเรื่อยๆจนฉันเบื่อฟังเพราะคนอย่างฉันมีความอดทนพอควร ไม่รู้ว่าพวกคุณครูหาเรื่องอะไรมาพูดได้มากมาย
                    “อีกเรื่องใครเป็นนักกีฬาบ้าง...”
                    “.....”
                    “1...2...3...4...” ครูที่ปรึกษานับจำนวนนักกีฬาอย่างไม่สนใจสายตาของคนทั้งห้อง แต่แปลกเป็นนักกีฬาแล้วเรียนไปด้วยมันจะรู้เรื่องหรอเพราะต้องซ้อมกับซ้อม
                    “ถือว่าห้องเรามีนักกีฬามากกว่าห้องอื่น ยังไงก็ช่วยเหลือเพื่อนด้วย” คุณครูพลิกข้อมือมองนาฬิกา “ได้เวลาชั่วโมงต่อไปแล้ว อย่าเดินเผ่นพ่านล่ะ”
                    “ค่ะ/ครับ”
                    ทุกอย่างอยู่ในความสงบแต่พอคุณครูพ้นหน้าห้องไป ทุกคนเดินไปเดินมาในห้องต่างเดินหาเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนประถม เด็กใหม่ไม่รู้จักใครมักมีเพื่อนเดินมาทักทายอย่างเป็นมิตร ส่วนนักกีฬาต่างจับกลุ่มคุยกันตามปกติ
                    ฉันไม่ใช่ไม่มีเพื่อนแต่ไม่สนิดเท่าไรจึงไม่ค่อยกล้าทักใคร มีเพื่อนที่นั่งด้วยกันสองคน คนหนึ่งคือเด็กเก่าของที่นี้เหมือนฉันเธอชื่อ ‘เตน’ อีกคนคือเด็กใหม่ที่ย้ายมาชื่อ ‘อิง’ เราต่างนั่งคุยกันเหมือนคนอื่นๆเพราะดูเหมือนว่าชั่งโมงนี้ไม่มีครูเข้าสอน และทุกอย่างในห้องเปลี่ยนเป็นสวนสาธารณะไปในพริบตา
                    เราสามคนนั่งคุยกันได้พักใหญ่เพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งเรียกเตนให้ไปหา ฉันที่ว่ารู้จักคนกลุ่มนั้นก็เฉยๆเพราะความที่ฉันไม่ค่อยพูดกลายเป็นคนหยิ่งไปโดยไม่ตั้งตัว
                    “เนม...เธอรู้จักคนกลุ่มนั้นไหม” อิงเอ่ยถาม
                    “รู้สิแต่เราไม่กล้าเข้าไปคุย กลัวพวกเขาจำเราไม่ได้”
                    “ไม่กลัวเขาว่าหยิ่งหรอ...”
                    “...ก็กลัว ทำไงได้เรากับปลายรู้จักกันมาตั้งแต่อนุบาล ตัวเขาเองคงรู้ว่าเราเป็นคนยังไง”
                    “อืมๆ...” ฉันกับอิงไม่รู้จะคุยอะไรต่อเลยได้แต่นั่งๆนอนๆให้เวลามันผ่านไป ฟังเสียงเพื่อนคุยกันหัวเราะเฮฮา วันแรกของการเปิดเรียนมีอะไรมากมายให้เราได้ค้นหาแต่สิ่งที่ค้นหาคือตัวตนของเพื่อนไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่เพราะเวลาเปลี่ยนคนได้อย่างที่เราไม่คาดคิด นั้นแหละคือตัวทำร้ายเด็กวัยอย่างเรา
                    การเรียนไม่ได้ทำให้เราขาดเพื่อนแต่ที่เราขาดเพื่อนเพราะการไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ยอมเป็นตัวเองตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้จักกัน จนเวลาผ่านไปความประทับใจครั้งแรกเป็นเพียงความฝัน เพื่อนรู้สึกไม่ชื่นชอบกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างง่ายดายกลายเป็นตีตัวออกห่าง สุดท้ายคือไม่เหลือเพื่อนแม้จะทำดีแค่ไหน
                    ต่อมา...ช่วงเวลาในเทอมนี้ของเราเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของปัญหาทั้งหมด ปัญหาที่มันเกิดขึ้นโดยที่พวกเรารับมันไม่ทันและมันคงเกิดขึ้นนานแล้วแต่ยังแรงไม่พอให้ฉันต้องรู้สึกรวมถึงคนอื่นด้วย
                    เราใช่ช่วงแรกทำความสนิดสนมกันจนฉันสามารถคุยกับปลายได้เหมือนเดิม ปลายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับฉันเลยทีเดียว เธอเป็นทอมที่ไม่เติมร้อยเท่าไรเพราะในใจลึกๆแล้วเธอยังเป็นผู้หญิง ในท่าทางและแรงกดดันของเพื่อนๆเธอต้องเออออไปกับสิ่งนั้น
                    ฉัน เตน อิง และปลายเราได้อยู่ร่วมกลุ่มกันรวมถึง ฝิ่น ว่าน วอย ไหม และปิ๊ก จนพวกเราได้เป็นกลุ่มที่มีสมาชิกเยอะที่สุดในโรงเรียนและเป็นที่เคารพสำหรับน้องๆมากพอๆกับรุ่นพี่มัธยมที่ 3 พวกเราไม่ได้มีกันเท่านี้แต่มีอีกหลายคนแต่มักจะไม่ค่อยเข้ากลุ่ม
                    ในกลุ่มของเราไม่มีเรื่องให้คุณครูต้องปวดหัวและต้องตามแก้ปัญหา เราสามารถดึงเพื่อนๆในกลุ่มให้หยุดอยู่ในจุดที่พวกเราส่วนมากยืนรวมถึงเพื่อนๆในห้องด้วย จนเพื่อนนักกีฬาต้องขอพึ่งกลุ่มเราให้รอดจนจบจากที่นี้เพราะเหตุนี้ทำให้ฉันที่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับนักกีฬาต้องช่วยเตน แต่ขอเพียงอยู่เบื้องหลังจะดีกว่า...
                    ฉันกับเตนสนิดกันมากขึ้นเมื่อนักกีฬาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางการเรียน แต่นั้นไม่ช่วยให้ฉันสนิดกับนักกีฬามากเหมือนกับเตนเพราะทำได้เพียงอยู่ข้างหลังค่อยรับหน้าที่ต่อจากเตนเท่านั้น
     
                    ตอนที่ 1
                    มัธยมศึกษาปีที่ 2
                    “เตน...เตน”
                    “...ว่าไง”
                    “คุณครูให้มาตาม เมื่อวานแกไม่ยอมมาซ้อม”
                    “อืม...เดี๋ยวตามไป” ฉันตามยัยเตนไปพบครูเพราะเมื่อวานมีคนรายงานว่าเธอหนีซ้อมแต่เธอไม่มีท่าทางทุกข์ร้อนอะไร เธอต้องเข้าร่วมทีมแข่งกิจกรรมวิชาการทีมเดียวกับฉัน และอีกเพียงเดือนเดียวในการซ่อมมันทำให้ฉันกดดันตัวเอง
                    เร็วใช่ไหมใน 1 ปีการศึกษาที่ผ่านมาเพราะไม่ได้มีอะไรมาก มันเลยผ่านไปอย่างง่ายๆเพียงเราต้องปรับสภาพของเราให้เข้ากับทุกคนแต่สิ่งที่เราคิดว่ามันคือปัญหามันยังไม่เด่นชัด และนั้นมันอาจจะชัดในช่วงเวลานี้ก็ได้เพราะเราเริ่มโตขึ้นคงกล้าพอแสดงอะไรออกมาบ้าง
                    ก๊อก...ก๊อก...
                    “ขออนุญาตค่ะ”
                    “.....”
                    “เมื่อวานเธอไปไหน...” เตนเงียบ “ครูรู้มาว่าเธอหนีการซ้อมโดยไม่มีเหตุผล อันนั้นมันสิทธ์ของเธอแต่ในส่วนรวมแล้วคงเข้าใจนะ”
                    “ค่ะ”
                    “ครูไม่ได้เรียกเธอมาต่อว่า แต่อยากถามว่าเธออยากแข่งอยู่ไหมเพราะเธอเป็นแบบนี้บ่อยครั้ง จนครูไม่หมั่นใจว่าพวกเราจะแข่งกันได้”
                    “...อยากค่ะ หนูต้องขอโทษด้วย” เตนมองมาที่ฉันกับวันเพื่อหาทางเลือก ฉันรู้ว่าเตนไม่ได้อยากออกจากทีมเพียงไม่รู้จะตอบยังไงกับเรื่องที่ขาดซ้อมบ่อยๆและอีกเหตุผลหนึ่งฉันไม่รู้ว่าเตนคิดอะไร ดูเธอกังวลและสับสน
                    “ดีแล้ว...ครูไม่ได้ห่วงอะไรเพียงแค่อยากให้ทำงานกันเป็นทีม ไม่มีอะไรก็กลับไปเรียนกันได้”
                    “ค่ะ” เราสามคนเดินออกจากห้องพร้อมกันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไร วันมองหน้าฉันก่อนส่งสายตาตำหนิเตนที่เธอทำให้ทุกอย่างมันวุ่นวาย แต่คนถูกมองกลับมองต่อตอบและกลายเป็นการเถียงกันอย่างไม่มีเหตุผล
                    วันเป็นเพื่อนที่ฉันไม่ได้สนิดแต่เพราะครูเห็นว่ามีฝีมือเหมือนฉันกับเตนเลยให้มาร่วมทีม นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราร่วมงานกันตามคำของครูแต่มันบ่อยมาก รวมถึงปัญหาที่เกิดก็บ่อยเช่นกันแต่นี้ก็เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนเถียงกันให้มันเป็นเรื่องใหญ่ ฉันเองเป็นคนกลางคอยรับฟังเท่านั้น
                    ห้องเรียน
                    “@#$%&*%$#!#$@$”
                    “!*&@#$%&*$$@!*#”
                    เตนกับวันจากเถียงกันตอนนี้ทะเลาะกันลั่นห้องจนทุกคนหันมอง แล้วยังเป็นจังหวะดีที่ชั่วโมงนี้ไม่มีครูเข้าสอนและเป็นชั่วโมงติดพักกลางวันเสียด้วย ฉันไม่รู้จะหยุดมันยังไงได้แค่นั่งฟังเงียบๆที่โต๊ะของตัวเองแม้เตนจะยืนอยู่ใกล้ๆก็ตาม
                    “เนมทำไมไม่ห้ามเพื่อนว่ะ” ปิ๊กตะโกนถาม
                    “.....” ฉันยักไหล่แบบไม่ใส่ใจและถอนหายใจ ก่อนใครบางคนเดินมาสะกิดฉันตรงหน้าต่าง
                    “สองคนนั้นเป็นอะไรกัน ทำไมไม่ห้ามมันกันเล่า” เขาถามเป็นเชิงให้ฉันห้าม
                    “จะให้ทำยังไงในเมื่อพูดไปก็กลายเป็นว่าเข้าข้าง...”
                    “เป็นเพื่อนประสาอะไร” ฉันตวัดสายตามองเขาอย่างไม่พอใจ
                    “ไอ้บอมมานี้ ไปยุ่งอะไรกับเขาว่ะ”
                    “ป่าว...แค่ลำคาญเสียง”
                    “เฮ้ย!!! เลิกทะเลาะกันได้ยังไม่เหนื่อยบ้างไง ใครผิดใครถูกคิดบ้าง แล้วคิดด้วยว่าวันนี้และวันต่อๆไปต้องซ้อมยังไงให้ดี ทะเลาะให้มันได้อะไรขึ้นมาลืมแล้วหรือไงว่าเราร่วมงานกันมาบ่อยแค่ไหน...”
                    “.....” ทุกอย่างเงียบลงหลังจากที่ฉันโวยขึ้นมา นายบอมถึงกับหน้าเสียรวมถึงวันกับเตน ฉันลุกจากเก้าอี้เดินออกจากห้องอย่างหัวเสียตรงไปห้องน้ำสำหรับนักเรียนก่อนฉันได้ยินเสียงใครบ้างคนเดินตามมา ตลอดเวลาฉันไม่เคยแสดงความโกรธหรือโมโหให้เพื่อนๆเห็นแต่วันนี้กลับแสดงมันออกมา คงเป็นเพราะประโยคแทงใจของนายบอมละมั่ง
                    “...เป็นอะไรหรือเปล่า”
                    “.....” ฉันส่ายหน้า
                    “หันมาคุยกันสิ” ฉันยังคงเงียบ “เธอไม่เคยเป็นแบบนี้กับฉันน่ะ”
                    “ทำไมหรอ แล้วฉันเคยเป็นยังไงต้องทะเลาะเล่นๆกับนาย ยิ้มแย้มกับนาย ฉันจะโกรธโมโหเสียใจบางไม่ได้ใช่ไหม ถ้าคิดว่าต้องเป็นแบบนั้นกรุณาอย่ามา...”
                    ครืด...ครืด...
                    “ว่าไง”
                    [เนมเป็นอะไรหรือเปล่า ขอโทษที่ทำให้โกรธ]
                    “ไม่อ่ะ...ฉันไม่โกรธแกหรอก”
                    [กลับห้องเถอะ ได้เวลากินข้าวแล้ว]
                    “อืม...เดี๋ยวไป”
                    ติ๊ด
                    “นะ...เนม”
                    “.....” ฉันเดินผ่านเขาโดยไม่ได้สนใจ และฉันคิดว่าไม่ควรสนใจความรู้สึกเขาเพราะคิดเสมอว่าเขาก็ไม่ได้สนใจความรู้สึกฉันอยู่แล้ว
                    บอมเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่เตนให้ความช่วยเหลือ ตั้งแต่เปิดเทอมมาก็มีเขาเนี่ยแหละที่ชอบเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของฉันเสมอ ไม่เหมือนเพื่อนเขาคนอื่นๆที่เพียงแค่คุยและเล่นอย่างเพื่อนที่ทำกัน แต่สำหรับเขามันมากจนฉันคิดไปเอง
                    ถ้าให้บอกตรงๆฉันไม่เคยรู้ว่าเขาเป็นใครและมีเขาอยู่ในกลุ่มนักกีฬาด้วย ฉันเพิ่งมารู้จักก็ตอนเรียนม.2เองเขาเหมือนนักกีฬาคนอื่นๆแต่แปลกที่เขามาขอความช่วยเหลือจากฉันก่อนเตน ยกเว้นฉันปฏิเสธจริงๆเลือกที่จะไม่ช่วยแม้เรื่องนั้นสำคัญมากกว่าเรียนก็ตาม
                    ฉันไม่เคยให้ความสำคัญกับผู้ชายคนไหนมากกว่าเพื่อน ยิ่งนายบอม...ฉันยิ่งเมินเฉยไม่สนใจเพราะนิสัยชอบอยู่เบื้องหลังความช่วยเหลือ เขาทนไม่ได้ที่ฉันทำแบบนี้จึงดึงฉันมาอยู่เบื้องหน้าให้เพื่อนเขารู้ว่าทุกอย่างคือฉันเป็นคนทำ ไม่ใช่เตนที่คอยรับความชื่นชอบ
                   
                    ตอนที่ 2
                    วันต่อมา... 07.00 น.
                    วันนี้ฉันเดินมาโรงเรียนด้วยอาการง่วงมาก กว่าจะได้นอนก็เที่ยงคืนเพราะการบ้านที่ยากแถมเยอะอีกและคงเป็นที่ฉันไม่ถนัดวิชาอังกฤษอีกทั้งยังต้องแก้โจทย์คณิต ยิ่งไปกว่านั้นไอ้เพื่อนคนดีทั้งหลายบอกให้มาเรียนเช้าเพื่อขอลอกการบ้านแม้ผิดหรือถูกก็ขอให้มีลอก ทำไงได้ในเมื่อให้มาก็ต้องมา...
                    ฉันเดินผ่านอาคารของน้องๆอนุบาลและประถมที่พอจะมีเด็กวิ่งเล่นอยู่บ้าง ถัดมาเป็นโรงยิมและอาคารสำหรับครูฝ่ายธุรการและผู้อำนายโรงเรียน ใกล้ๆอาคารมีสนามตะกร้าให้ฝึกซ้อมแต่ตอนนี้ไม่มีใครเลยสักคน ฉันเดินต่อไปไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างแต่ทำไมสิ่งรอบข้างต้องมาสนใจฉันด้วย
                    “มาแต่เช้า รีบเอาการบ้านให้เพื่อนลอกอีกสิ” เขายังคงเก๊กท่ามือล่วงกระเป๋าเหมือนทุกเช้าที่เจอกัน
                    “...แล้วคนที่ลอกฉันเป็นนายคนแรกไม่ใช่หรอ”
                    “ใช่แต่ตอนนี้ขอทำอะไรบ้างอย่างให้มันดีกว่านี้ก่อน แล้วจะกลับมาพึ่งเธออีกและจะ...พึ่งตลอดไป”
                    “ห่า...เมื่อกี้พูดอะไร”
                    “...ฉันไปดีกว่า” เขาวิ่งตามเพื่อนๆไปทิ้งคำถามของฉันไว้ บอกตรงๆว่าประโยคเมื่อกี้ได้ยินชัดทุกคำไอ้ตอนสุดท้ายเหมือนกระซิบเป็นเชิงไม่ให้ได้ยิน แต่แปลกคนอย่างเขามีหน้าที่สำคัญขนาดนั้นเลยหรือไง
                    07.15 น.
                    นาฬิกาข้อมือบ่งบอกเวลา ฉันวางกระเป๋าไว้ที่โต๊ะและหยิบไม้กวาดมากวาดห้องช่วยเวรรวมถึงลบกระดานเพราะรู้ดีว่าทุกเช้าเวรมักเกียงกันเสมอทำให้โดนบ่นกันทุกเช้า จนฉันเริ่มชินต้องทำให้บางและรอพวกคุณเวรทั้งหลายมาถูพื้น เช็ดกระจก ทิ้งขยะ
                    “ทำไรอ่ะ”
                    “.....ไอ้บ้า ตกใจหมด” ฉันสะดุดแทบโยนไม้กวาดทิ้ง อยู่ดีๆนายเลย์ดันโพล่มาทางหน้าต่าง พอฉันด่าเขาดันยิ้มออกมาแบบพอใจอีก
                    “ฝันอ่อนอีก ยืมสมุดการบ้านหน่อยดิ”
                    “นายเข้ามาทำที่ห้องเลย เดี๋ยวยัยเตนมาบ่นอีก”
                    “อะไรว่ะ...ยัยนี้อีกแหละ” เลย์สบถก่อนเดินสายหน้ากลับห้องพัก
                    “...เนมยืมสมุดการบ้านหน่อย” เพื่อนร่วมเดินเข้ามาอย่างรีบๆ
                    “อยู่ในกระเป๋า เดี๋ยวนายคงได้เพื่อนอีกเยอะ ^^”
                    “(- -! )” ฉันหยิบสมุดการบ้านให้เพื่อนก่อนเดินไปกวาดห้องต่อ เขาทำหน้าเหมือนเซงเพราะอุสามาเช้าคงได้ลอกคนเดียว ยิ่งถ้ามีมากคนต้องเอียงกันดูยิ่งทำให้ลำบากและช้าหน้าดู
                    มือกวาดตามองเพื่อนๆเดินเข้าห้อง บางคนยังไม่เก็บกระเป๋าหยิบสมุดการบ้านมาลอก บางคนพอมีเวลาไม่เคยสนใจพอใกล้เวลาเข้าแถวก็วิ่งตามลอกกันให้มั่ว ฉันเห็นภาพนี้จนเคยชินไม่ใช่ฉันไม่เคยเป็นแต่รอบคอบกว่านี้สถานการณ์ได้ไม่เลวร้าย
                    เตนเดินเข้ามาในห้องพร้อมฉันที่ส่งสมุดการบ้านให้และนั่งเขียนที่โต๊ะครูอย่างว่องไว ฉันมองนาฬิกาข้อมือมันบอกให้รู้ว่าอีกยี่สิบนาทีใกล้เวลาเข้าแถวก่อนเดินไปลบกระดาน
                    เพื่อนบางคนไม่ต้องมาลอกการบ้านต่างพากันคุยเล่นอยู่ระเบียงบางในห้องบาง บ้างคนช่วยเพื่อนทำการบ้านเหมือนนายบอมที่วันนี้ไม่มาลอกการบ้านเหมือนเคย เขาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เปิดเรียนได้สองสัปดาห์จากนั้นมาฉันไม่เคยเห็นเพราะเขาเป็นคนแรกที่วิ่งมาหาฉัน
                    เสียงเพลงดังขึ้นให้รู้ว่าเตรียมเข้าแถวตอนนี้ทุกคนต่างมองนาฬิกาทันทีและเร่งสปีดมืออย่างไว้ ยัยเตนไม่มองหน้าใครเขียนอย่างเดียว ส่วนเพื่อนในกลุ่มต่างเก็บสมุดใส่กระเป๋าเพราะคิดว่ายังไงก้อคงทัน
                    1 เดือนต่อมา...การแข่งขันงานวิชาการ
                    ฉันต้องรับหน้าที่ตัวแทนของโรงเรียนมาแข่งขันงานวิชาการที่เราซ้อมกันมานานเกือบ 3 เดือนเหมือนเหนื่อยต่อการซ้อมแต่ยังไงต้องทนเพียงวันนี้เป็นวันสุดท้าย ผลแพ้ชนะตัดสินกันวันนี้และคิดเสมอว่าต้องทำให้ดีที่สุดเพียงแค่อย่าทำให้คุณครูที่หมั่นฝึกซ้อมต้องเสียใจก็พอ
                    วัน เตน และฉันเดินเข้าห้องพร้อมอุปกรณ์สำหรับการแข่งก่อนประจำจุดของเราเอง โรงเรียนที่เข้าร่วมการแข่งต่างเริ่มพร้อมกันหมดแล้ว คุณครูผู้ที่เป็นกรรมการเดินตรวจความเรียนร้อยก่อนจับเวลาการแข่งขัน
                    “ครูมีเวลาให้ 3 ชั่วโมงในการแข่งหากมีอะไรผิดพลาดหรือไม่ทันจริงๆทางกรรมการจะพิจารณาอีกครั้ง ขอความกรุณาทำตามกติกาที่กำหนดด้วย”
                    “ค่ะ/ครับ”
                    “ตอนนี้อีกห้านาทีเก้าโมงครูอนุโลมให้...เริ่มได้ค่ะ” ทุกอย่างเริ่มต้นไม่มีอะไรติดขัดทุกโรงเรียนทำตามกติกา ครูผู้เป็นกรรมการต่างยืนคุ้มอย่างห้องสอบแต่เราไม่ได้ใส่ใจเพราะยิ่งให้ความสนใจมันเหมือนแรงกดดัน
                    ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ผลงานเริ่มเป็นรูปเป็นร่างเราในกลุ่มต่างพูดคุยกันบ้างเหมือนตอนซ้อมเพื่อผ่อนคลายความเครียดและแรงกดดันของเวลา ครูที่ดูแลพวกเราต่างผลัดกันเดินมาคุย
                    นักเรียนที่เข้าร่วมการแข่งต่างขะมักขะเม้นบางก็สบายๆกับการแข่ง ไม่รู้สิว่าทำไมต้องมีการแข่งจนมาได้ลองทำจริงๆรู้เลยว่าสิ่งที่เราเรียนรู้จากครูมันเปรียบเสมือนอาชีพของเราในอนาคต สำหรับบางเรื่องถ้าคิดกลับกันมันคือแง่ลบของชีวิตอย่างเหมือนต่างโรงเรียนที่เราพอรู้ได้ว่า เขาโกงไม่ทำตามกติกา
                    เที่ยงตรง – หมดเวลาการแข่ง เราต่างว่างมือจากการเก็บรายละเอียดของงานให้เรียบร้อย กรรมการเดินตรวจให้คะแนนกับผลงานและมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายออกมาให้เราสบายใจบ้างรู้สึกแย่บ้างแต่เราต้องรับมันได้ ผลงานของเราได้เข้าตากรรมการกับอีกโรงเรียนหนึ่งทำให้ของเราได้ที่สอง แม้การตัดสินดูไม่ยุติธรรม
     
                    ตอนที่ 3
                    ช่วงบ่ายของวันที่ 13.02.xx
                    ตั้งแต่เช้าทุกคนครึกครื้นซื้อดอกไม้ไว้ตอนรับวันวาเลนไทต์ ฉัน เตน อิง รวมถึงเพื่อนๆในกลุ่มไม่ได้สนใจและคิดว่ามันไม่ได้มีอะไรพิเศษ เราได้แต่มองคู่รัก พวกแอบรัก รักเขาข้างเดียวตามภาษาเราอย่างที่ผ่านมา ไม่ใช่ในกลุ่มไม่มี...มีแต่เธอพากันไปนั่งมุมอื่นไม่ให้พวกเพื่อนเห็นกลัวโดนแซวเหมือนที่ผ่านมา
                    ฉันใช่ชั่วโมงว่างนั่งอยู่ในห้องมองเพื่อนๆคุยเล่นกันสนุกสนาน จนฉันเผลอหลับไป...บอกก่อนว่าแค่เผลอนะ แล้วอยู่ดีๆมีแรงเหวี่ยงของมือใครบ้างคนตบที่หัวให้ฉันสะดุดตื่น
                    โอ๊ย!!!
                    “สำอ่อยจริงแค่นี้ก็ร้อง”
                    “ไอ้บ้า ตบมาได้แกมาลองโดนบ้างไหม”
                    “กล้าไหมล่ะ...”
                    “กล้า...” ฉันลุกจากเก้าอี้ “อย่าวิ่งหนีด้วย” ฝ่าเท้าฉันเดินไปหานายบอมผู้ที่แกล้งตบหัวฉันแต่นายนี้กลับวิ่งหนี ฉันต้องวิ่งตามอย่างช่วยไม่ได้จึงต้องทำยังไงก็ได้ให้แก้แค้นคืนก่อนวิ่งใช้มือบ้างใช้เท้าบ้างก็ไม่โดน จนหมดแรงกลับมานั่งที่ตัวเองก่อนฉันฟุบหน้าที่โต๊ะอย่างเหนื่อยและหอบ
                    นายบอมเดินมาอย่างไม่ยอมลดความพยายามแกล้งให้ฉันวิ่งไล่ แต่ดูเหมือนคงเหนื่อยเหมือนกันก่อนนั่งลงที่โต๊ะครูซึ่งอยู่ตรงข้ามกับฉัน
                    “ไอ้บอม...แกไปแกล้งเนมมันทำไมว่ะ”
                    “พอใจแล้วทำไม...”
                    “...เปล่าแต่เนี่ยมันเพื่อนฉัน ไม่เบื่อบ้างไง”
                    “ถ้าเบื่อแล้วจะมานั่งอยู่แบบนี้หรอ...” เตนเดินมาจากพวกปลายที่นั่งคุยกันอยู่เพื่อมาห้ามให้นายบอมเลิกแกล้งฉัน ผลสรุปไม่ได้ช่วยอะไรกลับโดนนายบอมโต้กลับจนพูดไม่ออกก่อนเดินกลับไปหาเพื่อนในกลุ่ม
                    “.....” ทุกอย่างยังคงเงียบ มือนายบอมยังสะกิดฉันอยู่ให้รู้ว่าเขาไม่ได้ไปไหน
                    “บอม...แกเลิกแกล้งมันซะที ไม่เห็นหรือไงว่ามันเหนื่อย” เสียงของปลายโต้กลับ
                    “ยุ่งอะไรด้วย คนคิดไม่ซื่ออย่างเธออย่าคิดว่าฉันไม่รู้”
                    “.....” เดี๋ยวก่อน...ใครคิดไม่ซื่อ ปลายหรอ บ้าหน่านายเอาอะไรมาพูด เธอไม่เคยเป็นแบบนั้นอีกทั้งยังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับพวกเราเสมอ ฉันเงยหัวขึ้นมาอย่างตกใจกับคำพูดของเขาและหันมองไปทางกลุ่มเหมือนทุกคนที่มองปลายสลับกับบอมอย่างไม่เข้าใจสถานการณ์
                    “อะไรของนาย ช่วยอธิบายให้มันดีกว่านี้ได้ไหม” ฉันเปรย
                    “ไม่ต้องอธิบาย เธอเองรู้อยู่แกใจว่าอะไรเป็นอะไร คนอย่างฉันไม่มีสิทธ์อธิบาย”
                    “บอม...ทำไมนายเป็นแบบนี้ เราเพื่อนกันมีอะไรก็บอกกันตรงๆสิ” ฉันเอ่ยเหมือนขอร้อง
                    “ฉันเป็นแบบนี้เธอไม่ชินอีกหรอ...”
                    “ใช่...ฉันไม่ชินกับนิสัยนายในตอนนี้มาก”
                    ปัง!!!
                    บอมเตะเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆฉันล้มลงก่อนเดินออกจากห้องอย่างโกรธจัด ฉันมองปลายโดยมีคำถามค้างในใจแต่เธอกลับหลบหน้าไม่สบตากัน ทำไงได้เหตุการณ์ตอนนี้มันเร็วเกินไปที่จะถามและต้องอธิบาย
                    “เตน...ฉันกลับก่อนมีอะไรค่อยว่ากันพรุ่งนี้”
                    “อืมๆ” ฉันมองปลายอีกครั้งก่อนเดินสะพายกระเป๋าออกจากห้อง มันทำให้ฉันรู้ว่าระหว่างบอมกับปลายต้องมีอะไรเกี่ยวกับฉันแน่ แต่ที่แน่ๆทุกคนในห้องต่างสงสัยเหมือนกับฉัน
                    เช้าวันรุ่งขึ้น 14.02.xx
                    อากาศแจ่มใสดีบรรยากาศในโรงเรียนดูพิเศษมากกว่าทุกๆวัน จะไม่ให้มันพิเศษได้ไงวันนี้เป็นวันวาเลนไทต์นี้หน่า เด็กๆต่างถือดอกไม้ยิ้มรับวันแห่งความรัก ฉันเองที่กำลังเดินไปตึกเรียนต้องแอบอมยิ้มเพราะอิจฉาเด็กที่ทำอะไรก็ไม่ต้องอาย ใครๆต่างไม่ถือสิ่งที่เด็กทำแถมเห็นเป็นเรื่องน่ารักอีก
                    เดินอยู่มุมไหนของโรงเรียนเจอแต่ดอกกุหลาบมากมายบางคนถือเป็นกำเลยก็มีเพื่อให้เพื่อน บางคนลงทุนจัดช่อซื้อตุ๊กตาหมีให้คู่ของตัวเอง เราเองไม่มีคู่อดอิจฉาไม่ได้อยู่ดี
                    ตอนนี้ระเบียงหน้าห้องมีนักเรียนมากันแต่เช้านั่งจับกลุ่มอยู่กับเพื่อนๆ ฉันที่ตอนนี้นั่งอยู่คนเดียวก็เหงาๆเพราะเพื่อนในกลุ่มยังไม่มีใครมามีแต่เพื่อนต่างกลุ่มเลยต้องนั่งอยู่ก่อน พวกเธอคุยกันว่าชอบคนนั้นชอบคนนี้จะให้คนนั้นไม่ให้คนนี้ฉันอดยิ้มกับความกวนๆของพวกเธอไม่ได้
                    “เนม...บอมเรียก” ปุเพื่อนร่วมห้องที่กำลังทำเวรเรียกฉันให้รู้ว่าคนตรงหน้าต่างพยายามเรียก
                    “.....” ฉันเดินไปนั่งโต๊ะที่ติดกับหน้าต่างด้วยสีหน้าไม่ค่อยเติมใจ เขายืนมองหน้าฉันจากด้านข้างเพราะตอนนี้ฉันไม่อยากสบตากับเขาหรือปลายสักเท่าไร
                    “ทำไมไม่หันมามองฉัน” บอมใส่อารมณ์
                    “(- - )”
                    “ให้มันเติมใจหน่อยได้ไหม”
                    “^_^!”
                    “.\ /.”
                    “อย่ามาทำหน้าแบบนี้...” ฉันจิ้มนิ้วที่หน้าผากของเขา “มีอะไรว่ามารอฟังอยู่”
                    “โกรธป่ะเนี่ย”
                    “คนอย่างฉันมีสิทธ์โกรธด้วย พอโกรธนายทีไรโดนแกล้งตลอด” ฉันนิ่วหน้าใส่ “ยังมาถามอีก”
                    “O.k. รู้หน้าที่ดีมาก อย่างงี้สิ...รักตายเลย”
                    “...ว่าไงน่ะ” นายบอมโยกหัวฉันทำให้ฟังไม่ถนัดกับสิ่งที่เขาพูดก่อนเขาเดินหนีหายไป ปุเดินกวาดห้องแล้วยิ้ม ฉันหันไปถามแต่เธอไม่ยอมบอกจนต้องเดินออกจากห้องอย่างไม่เข้าใจ
                    เกมส์ เตน และฉันเดินเข้าห้องน้ำหลังจากเข้าแถวเสร็จแล้ว ทั้งสองคนไม่มีใครถามเรื่องเมื่อวานว่ามันเป็นยังกันแน่รวมถึงเพื่อนในห้อง ปลายยังคงไม่ยอมอธิบายเรื่องทั้งหมดเหมือนกับนายบอมที่ต่างกลบเกลื่อนเรื่องนี้อย่างแนบเนียนให้ทุกคนลืมและไม่ถามมัน
                    และวันนี้ดูเหมือนชั่วโมงเรียนจะไม่ค่อยมีครูเข้าสอน คงมีเพียงชั่วโมงโฮมรูมเท่านั้นที่มีครูที่ปรึกษาเข้ามาดูแลความเรียบร้อยก่อนปล่อยให้พวกเราว่างและคงไม่มีใครเดินเพ่นพ่านกวนคนอื่นเขาเรียน เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นครูจะมานั่งเฝ้าไม่ก็ให้หัวหน้าห้องจดชื่อคนเสียงดังและโดนหักคะแนนจิตพิสัยตามปติยาย
                    พวกเรานั่งคุยเล่นกันในห้องเกือบสองชั่วโมงมีบ้างบางคนแอบออกจากห้องเพื่อมอบของขวัญ ดอกไม้ให้คู่ของตัวเองแต่ไม่มีใครว่าเพราะไปไม่นานแล้วก็กลับ ตอนนี้ฉันยืนคุยอยู่ปุ เต เพื่อนอีกกลุ่ม เตนอยู่กับกลุ่มเหมือนปกติส่วนนายบอมนั่งที่ของตัวเองกับเลย์ตรงประตูหลังห้องแถวยังนั่งโยกเก้าอี้สองขาเหมือนเคย ซึ่งมีเพื่อนๆเขาอีกสองคนนั่งหันหน้ามาหาเขา
     
                    ตอนที่ 4
                    บรรยากาศในห้องตอนนี้ดูครึกครื้นเพราะใกล้เวลาปล่อยให้พักสิบนาที แต่พวกเรายังไม่ทันขยับตัวออกจากห้องรุ่นพี่ ม.3 คือพี่อ้นเดินมาอย่างปริศนา
                    “บอม...” คนถูกเรียกนั่งปกติ “บอม...อะ”
                    เขาหันมองบุคคลที่เรียกก่อนเธอส่งดอกไม้ให้ บอมหันมามองฉันเป็นจังหวะเดียวกับที่ฉันมองเขาอยู่เพื่อนๆในห้องต่างแซวเขากับพี่อ้นก่อนเขารีบรับมันมาเก็บใส่ริ้นชักโต๊ะ ฉันหันหน้าหนีเตมองฉันอย่างรู้ดีเพราะมีอะไรฉันมักคุยกับเธอตลอด
                    อย่าบอกนะว่าไอ้สิ่งที่เขาพูดไม่ให้ฉันได้ยินคือการทำให้ฉันค้างคาใจเพื่อหวังว่าฉันต้องรู้ให้ได้ แต่ตอนนี้ฉันสมควรอยากรู้มันไหมล่ะ...สมควรไหม ฉันคิดทบทวนกับตัวเองเป็นร้อยรอบพยายามนับหนึ่งถึงร้อยเพื่อระงับอารมณ์นั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลย
                    ฉันเดินออกทางประตูหน้าก่อนใส่รองเท้าเดินไปที่ไหนสักที่ไม่ให้นายบอมมาวุ่นวายกับฉัน พอได้จุดคือบริเวณเรือนเพาะชำซึ่งมันใกล้กับทางไปห้องน้ำและตอนนี้มีนักเรียนเดินกันเยอะรวมถึงพี่อ้นกับเพื่อนของเธอ
                    นายบอมเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องพักครูก่อนมองหาอะไรบ้างอย่าง พี่อ้นชี้ให้เพื่อนดูคงคิดว่าเขาเดินตามมาคุยด้วยหรือไม่ก็ให้ของตอบแทน
                    “พี่อ้น...เห็นเพื่อนผมที่เดินตามมาหรือเปล่า”
                    “.....” เขาเดินเข้าไปถามพี่อ้นเพื่อตามหาฉันทำให้เธอหน้าเสียพูดไม่ออก เขาแลซ้ายแลขวาจนเจอฉันที่กำลังยืนระบายอารมณ์กับต้นไม้อยู่
                    “เนม...เนมทำไรของเธอเนี่ย” เขาวิ่งมาดึงมือฉันออก
                    “อย่ายุ่งกับฉันได้ไหม” ฉันสะบัดตัวออกจากเขา พี่อ้นกับเพื่อนของเธอยืนมองสถานการณ์ระหว่างฉันกับบอมและเธอคงเดาอะไรออกบ้าง
                    “ทำแบบนี้แล้วฉันจะรู้ไหมว่าเธอคิดอะไรอยู่...ยัยโง่”
                    “ใช่...ฉันโง่...โง่ตั้งแต่รู้จักกับนาย”
                    “เลย์คืนนั้นให้พี่อ้น...” เขาบอกให้เลย์ที่ยืนอยู่ตรงบันไดคืนดอกไม้ให้กับเจ้าของ พี่เขารับมันคืนแต่สายตาไม่ชอบใจและมองฉันอย่าโกรธจัด “ผมคิดว่าพี่คงไม่วุ่นวายกับ...แฟนของผมนะครับ”
                    นายบอมพูดดักคอพี่อ้นเพราะรู้ว่าเธอไม่ยอมแน่ๆ แต่ฉันรู้สึกว่ายังไม่ได้ตกลงสักหน่อยว่าจะเป็นแฟนกับนายแบบนี้เขาเรียกมัดมือชกกันนี้
                    “โอ๊ย!! เจ็บชะมัด”
                    “มาฉันพาไปทำแผล” เขาประคองมือฉันที่ระบายกับต้นไม้จนเลือดซิบรู้สึกได้ว่าเจ็บแถมแสบอีกต่างหาก
                    “นายไม่มีสิทธ์ยุ่งกับเนม...” ใครบ้างคนดึงไหล่นายบอมไว้
                    “อะไรของเธออีก”
                    “อย่าให้ฉันต้องรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้เลย นายปล่อยเนมมากับฉัน” ปลายพูดอะไรแปลกๆ
                    “คนอย่างฉันคิดจะรักผู้หญิงคนหนึ่งแล้วไม่มีวันปล่อยเธอไปกับใคร เธอเองต่างหากเลือกสิว่าเป็นเพศไหน ถ้าวันดีคืนดีเธออยากกลับเป็นหญิงแล้วเนมล่ะ เพราะความสัมพันธ์มันจะไม่เหมือนเดิม”
                    “ฉะ...ฉันไม่ได้คะ...คิดแบบนั้น...กับนะ...เนม...สักหน่อย” เธอเริ่มพูดไม่เป็นประโยค
                    “ปลาย...ฉันรู้ว่าเธอชอบเนมและรู้มานานแล้ว” บอมหันมองฉัน “แต่ฉันขอได้ไหมหยุดให้เนมอยู่ในกำมือของเธอเพียงเพื่อให้เนมเป็นของเธอเพียงคนเดียว ทั้งๆที่ตอนนี้เธอยังเลือกเส้นทางของตัวเองไม่ได้”
                    “.....” ฉันมองหน้าบอมพยักหน้าเป็นเชิงให้ปล่อยมือก่อนเดินเข้าไปหาปลายที่ตอนนี้เธอยืนก้มหน้าพูดอะไรไม่ออก ฉันเอื้อมมือไปจับมือที่สั่นเทาของเธอนั้นทำให้เธอสะดุดเล็กน้อย
                    “ขอบคุณที่รู้สึกกับฉันแบบนั้นแต่ขอให้เราเป็นเพื่อนกันแบบนี้ตลอดไปดีกว่า ส่วนบอมฉันเองยังไม่ตกลงอะไรกับเขานอกจากการเป็นเพื่อนเหมือนกันเพราะเขาคงต้องพิสูจน์อะไรหลายๆอย่าง”
                    โป๊ก!!! นายบอมเดินมาเขกหัวฉันทันทีที่ได้ยินสิ่งที่ฉันพูด ปลายยิ้มเล็กๆกับพฤติกรรมหวงก้างของบอมก่อนเขาจะเกี่ยวคอฉันให้ออกห่างจากปลายทันที
                    “โอ๊ย!!! อะไรของนายเนี่ย”
                    “เธอพูดอะไรออกมารู้ตัวไหม” ฉันชักไม่เข้าใจ “...อย่าทำหน้าแบบนี้ ไปทำแผล”
                    “เฮ้ย...เบาๆก็ได้ ปลายเจอกันที่ห้อง” ฉันโวยลั่นก่อนทิ้งท้ายกับปลาย เขาพยายามลากฉันไปห้องพยาบาลแต่เพราะความดื้อที่ไม่ยอมเขาเลยต้องทำแบบเนี่ย
                    โรงอาหาร
                    นักเรียนมากมายเดินกันเติมโรงอาหารจนแทบไม่มีโต๊ะนั่ง ฉัน เตน อิง ปลาย รวมถึงเพื่อนๆในกลุ่มต่างนั่งทานข้าวกลางวันอย่างสงบอีกวัน โดยมีรุ่นน้องหลายคนที่เห็นเหตุการณ์ก่อนทานข้าวต่างเดินมาแซวเล่นยอกล้อซะจนฉันกระเดือกข้าวไม่ลงคอแถมพี่อ้นกับเพื่อนๆของเธอมองฉันสายตาแปลกๆ
                    ฝิ่น ว่าน วอย ไหม และปิ๊กพยายามช่วยไม่ให้ฉันเป็นที่จับตามองของพี่เขาโดยการแกล้งคุยเล่นกับน้องๆเหล่านั้นอย่างสนิดสนม เรานั่งกันได้เกือบยี่สิบนาทีนายบอมเดินมาพร้อมเพื่อนๆก่อนเขาจะนั่งลงข้างๆฉัน เลย์นั่งลงข้างเตนอย่างตั้งใจ แถมนายบอมยังหันมองพี่อ้นด้วยหางตาอีก
                    “เป็นไงครับ...ที่รัก วันนี้กินข้าวอร่อยไหม” อีตาบ้าวอนหาเรื่องอีกแล้ว
                    “ฮือ...ตอนแรกก็อร่อยแต่ตอนนี้เริ่มไม่แล้วล่ะ”
                    “นี่บอม ฉันว่าแกใช้มุกนี้ไม่รุ่งว่ะ” เลย์ขัด “เดินมาโน้นแล้ว” เขามองพี่อ้นด้วยหางตาก่อนทำหน้าครุ่นคิดบ้างอย่าง ส่วนเพื่อนๆของฉันกับเขาต่างลุ้นว่าจะใช้วิธีไหนให้พวกพี่อ้นยอมรับว่าบอมเป็นแฟนกับฉัน
                    น้ำบ้างอย่างไหลลดลงจากหัวของฉัน พวกเราทุกคนหันมองเบื้องหลังเผยให้เห็นพี่อ้นยืนเทน้ำใส่หัวฉันก่อนเธอขย่ำแก้วน้ำทิ้งและยิ้มอย่างสะใจ บอมลุกขึ้นยืนเผชิญหน้าก่อนผลัดเธอให้ถอยและพาฉันออกจากโรงอาหาร แต่ฉันคิดว่ามันจะจบลงแค่นั้นเธอกระชากแขนบอมให้หันมาคุยกับเธอ
                    “บอม...เธอทำแบบนี้กับพี่ไม่ได้น่ะ”
                    “ทำได้ครับ...พี่เองยังทำกับแฟนผมได้ขนาดนี้ เป็นใครจะทนได้” เขายังคงโอบกอดฉันไว้ไม่ปล่อย
                    “พี่ทั้งรักและจริงใจแต่ทำไมเธอไม่เคยสนใจพี่เลย ยัยนี้มีดีอะไรนักหนา...” น้ำตาเริ่มเอ่อล้นที่ตาแต่เธอสามารถสะกดมันไว้ไม่ให้ไหลได้
                    “สำหรับผมแล้ว...เธอไม่จำเป็นต้องมีดีให้ใครต้องชื่นชมและผมไม่ต้องแย่งเธอเหมือนที่พี่อยากให้ผมทำ พี่คิดว่าผมโง่มากจนต้องยอมเป็นเครื่องมือของพี่หรือไง”
                    “อะไรกัน อ้นไม่เคยทำแบบนั้น” เพื่อนพี่อ้นคนหนึ่งแก้ตัว
                    “งั้นไอ้ผู้ชายต่างโรงเรียนที่นัดเจอบ่อยๆไม่ซ้ำหน้านั้นมันไม่จริง คิดจะเช็คความฮอตของตัวเองหรือไง” บอมหันมองฉันกับเพื่อนๆ “ไปกันเถอะ”
                    ทุกอย่างที่ได้ยินมาทั้งหมดฉันรู้ดีแต่ไม่เคยอ้าปากบอกใครสักคนเดียว พอบอมเป็นคนพูดออกมาฉันเองสิที่ทำอะไรไม่ถูก ทั้งๆที่ฉันรู้แต่ไม่ยอมโต้ตอบพี่อ้นเลย...พวกเขาจะโกรธฉันไหมเนี่ย
     
                    ตอนที่ 5
                    ภาพสุดท้ายหลังจากเดินออกมาพี่อ้นกับเพื่อนต่างยืนหน้าเสียหมอไม่รักษาแถมอายน้องๆที่ยืนดูเหตุการณ์ ตอนนี้กลุ่มฉันกับบอมเดินกลับตึกพร้อมกันโดยที่ฉันยังเปียกแถมมือที่เป็นแผลต้องไปทำใหม่เพราะโดนน้ำ ยิ่งไปกว่านั้นระหว่างทางเสียงเหล่ามัธยมด้วยกันต่างต่อว่าพี่อ้นกันยกใหญ่ บางคนคาดเดาระหว่างฉันกับบอม ไปกันรอดหรือเปล่าจนนายนั้นแทบกระโดดกัดเพราะความไม่ชอบใจแต่ดีเชนกับเลย์ดึงไว้ก่อน
                    “เตนไปห้องพยาบาลกับฉันดีกว่า เดี๋ยวนายนี้บ้าขึ้นมากัดคอฉันแน่เลย”
                    “ไม่ต้องเลย...ถ้าเธอไม่ไปกับฉัน ฉันกัดคอยัยเตนแทน”
                    “อ่าว...เกี่ยวไรกับฉันเนี่ย”
                    “เฮ้ย!!! อย่านะ...คนนี้ของฉัน” เลย์เริ่มมีลูกเล่น
                    “ไม่ได้ๆแกจะมาแย่ฉันได้ไง” เชนขัด
                    “นายสองคนเป็นเอามาก...” เตนเขินหน้าแดงเชียว
                    “ฮ่าๆๆๆ” ทุกคนต่างหัวเราะกับพฤติกรรมของหนุ่มๆสองคนนี้แต่ไม่เท่าอาการหน้าแดงของเตน นายบอมใช้โอกาสนี้พาฉันไปห้องพยาบาลอีกครั้ง
                    เปิดประตูห้องพยาบาล...ครูประจำห้องเห็นสภาพดูไม่ได้ของฉันก่อนหาเสื้อผ้าสำรองมาให้เปลี่ยนและช่วยเอาเสื้อผ้าไปซักให้แถมสั่งให้ฉันทานยาแก้ไข้กันไว้ด้วย นายบอมหยิบอุปกรณ์ทำแผลมาทำแผลให้ฉันอีกครั้งแต่ครั้งนี้มีฉันกับเขาอยู่กันสองคนยิ่งทำให้เราไม่กล้าคุยกันมากกว่าเดิม จนเขาทำแผลเสร็จและบังคับให้ฉันกินยาเพราะเราต่างเถียงกันมารอบหนึ่งตอนครูอยู่
                    “เนมกินยาก่อนนะ...” ฉันส่ายหน้า “เธอกลัวอะไร ถึงเธอหลับยังไงฉันอยู่เป็นเพื่อนเธออยู่แล้ว”
                    “ใครว่ากลัวแต่ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แค่โดนน้ำเย็นราดหัวเท่านั้นเอง” นี้ฉันเถียงถูกไหม
                    “...อากาศเย็นจนต้องสวมเสื้อแขนยาวแถมโดนแบบเนี่ย หากไม่กินยาพรุ่งนี้เธอเป็นหวัดขึ้นมาฉันให้เพื่อนๆพายัยพี่อ้นโยนลงครองหลังโรงเรียนคอยดู”
                    “จะบ้าไง มากินก็ได้”
                    “แค่เนี่ย...” เขาส่งยาให้ก่อนจับฉันนอนลงเพื่อให้พักผ่อน เราสองคนสบตากันคู่หนึ่งและยิ้มให้กันเล็กน้อยก่อนฉันหลับตาลง หลังจากนั้นไม่เท่าไรฉันหลับเพราะฤทธิ์ยาไม่รู้เรื่องอะไรเลยอีก
                    หลายชั่วโมงต่อมา
                    ฉันลืมตาขึ้นมาพร้อมมองหาบอมไปรอบๆห้องแต่สิ่งที่ฉันเห็นไม่มีใครแม้กระทั่งครูประจำห้อง ฉันเดินกลับห้องเรียนด้วยอาการยังมึนๆกับฤทธิ์ยาแต่ทำไงได้ฉันนอนลืมเวลาเรียนไปได้ยังไง แค่ลงบันไดเดินถัดไปอีกสามห้องก็ถึงคงไม่เป็นอะไรหรอกแต่ฉันรู้สึกว่าอากาศมันหนาว
                    “อ่าว...เนมออกมาจากห้องพยาบาลทำไมฉันแค่ลงมาเข้าห้องน้ำ” บอมประคองฉันที่ยืนแทบไม่ไหว
                    “ฉันจะกลับมาเรียนนี้ ไม่อยากอยู่คนเดียว”
                    “รู้บ้างไหมว่าตัวเองมีไข้จนครูต้องให้ฉันเช็ดตัวให้เธอ ถ้ารู้ว่าเธอหนีออกมาฉันแย่แน่” เขาพูดขนาดมีฉันอยู่บนหลังนั้นคือสิ่งที่ฉันแปลกใจว่าเขาอุ้มฉันขึ้นหลังตั้งแต่เมื่อไร
                    บอมหยุดยืนพักตรงบันไดชั้นสองพร้อมหันมองฉันเล็กน้อยก่อนเดินต่อไปห้องพยาบาล เขาผ่านห้องรุ่นน้องนั้นทำให้ฉันสบตามันผู้ชายคนหนึ่งจนเขาต้องมองตามอย่างตกใจนิดหน่อย แต่แทนที่สบตาโต้ตอบฉันกลับหลบสายตาเขาอย่างไม่ใยดี
                    ถึงตอนนี้ฉันไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกับบอม คำตอบมันอยู่ที่การกระทำว่าฉันตกลงไปแล้วเพราะเขาช่วยและทำเพื่อฉันทุกอย่าง ต่างจากผู้ชายคนนั้นวันๆทำแต่คอยหวงก้างทำตัวขว้างโลกเท่านั้น เจอแบบนี้คงรู้สิว่าคนอย่างฉันไม่ยอมเป็นตัวเลือกของใครต่อไปง่ายๆ
                    2 เดือนให้หลัง
                    “พวกแกสองคนเนี่ยนับวันยิ่งทำให้พวกฉันอิจฉา” ว่านแซว
                    “ใช่ๆเนม...ไม่รู้แกมีดีอะไรคุณแฟนที่แสนดีไม่เคยออกห่าง ส่วนรายนั้นจับตามองแกทุกฝีเก้า” ปิ๊กซึ่งเป็นชายหลงเพศพูดพลาดพิงถึงบุคคลอื่นขึ้นมา
                    “นังปิ๊กปากแกเนี่ยนะ” ว่านขัด
                    “บอม...พวกนายเบื่อไหมเนี่ยที่มาอยู่กับพวกฉันแบบเนี่ยทุกวัน” วอยถาม
                    “ก็ไม่และตอนนี้มีเรื่องให้ฉันต้องพิสูจน์เล่นแล้วล่ะ” บอมเอ่ยแปลกๆ
                    “งั้นเชิญเล่นไปคนเดียวแล้วกัน พวกฉันไปหาอะไรกินก่อน” ฉันทิ้งท้ายแค่นั้นก่อนช่วยเพื่อนๆไปโรงอาหารเพราะวันนี้เป็นวันงานวิชาการระดับภาคอาจารย์ส่วนใหญ่จะไปกันหมด พวกเราถึงว่างงานกันมากเกินจนต้องมานั่งคุยและกินข้าวก่อนเวลา
                    แม้ตอนนี้เราทั้งคู่ลงตัวกันเกือบทุกอย่างยกเว้นเรื่องเขาคนนั้น มีเพียงเรื่องเดียวที่ใครๆรู้ต่างกลัวว่าคู่เราจะแยกกันเพราะคนคนเดียว นั้นทำให้บอมทำตัวเหมือนติดกับฉันไปทุกที่แม้กระทั่งกลับบ้านต้องมาส่งถึงที่เพื่อแน่ใจว่าฉันไม่สามารถติดต่อกับคนคนนั้นได้อีก
                    นั้นคือสิ่งหนึ่งทำให้ฉันรักบอมโดยไม่เปลี่ยนใจหวนกลับไปนับหนึ่งกับคนคนนั้น ถึงแม้ดูเหมือนเขาคิดทำทุกวิถีทางเพื่อให้เราเลิกกันแต่นั้นฝันไปได้เลยว่าจะไม่มีมันนั้น
                    ความไว้ใจและให้อภัยคือสิ่งหนึ่งที่ฉันบอกกับคนรักเสมอ แม้ว่ามันเตือนสติได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราวแต่มันสามารถติดตัวเราไปได้เสมอไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนเราไม่สามารถเดินทางสายเดียวกันก็ตาม
                    ความรักไม่ได้อยู่ที่เราสองคนแต่มันคือทุกอย่างบนโลก ^_^

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น